Beauty and the boy สวยๆเป็นผัว [อัพ ตอนพิเศษ {22/05/21}]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Beauty and the boy สวยๆเป็นผัว [อัพ ตอนพิเศษ {22/05/21}]  (อ่าน 162141 ครั้ง)

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
 o13 น้องเอมฟาดมันเผื่อมอิฉ้านด้วนะค้าาาา เอาให้อิพาพวยเจ็บหนัก ๆ เลย

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่44


               ตื่นออกจากคอนโดมาตั้งแต่เช้าๆ เอาจริงๆคือตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตั้งแต่ตีห้าครึ่ง แล้วบึ่งรถออกมาถึงหอพักของไอ้เสือตอน6โมงใกล้จะ7โมงเช้า ทั้งๆที่กูก็โดนถีบออกมาจากห้องด้วยฝ่าตีนของมันเมื่อคืนนี้ ... เป็นแฟนที่เอาแต่ใจฉิบหาย แต่ถึงแบบนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็ตามใจมันอยู่ดี



“เฮ้อ ให้มันได้แบบนี้สิวะไอ้เก้อ” ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ ง้อใครสักคนแบบนี้ ทั้งๆที่ตอนนี้กูกำลังแสดงตัวเป็นคนดีที่สุดในโลกเลยนะเว้ย ทำไมแม่งไม่เข้าใจวะ ปัดโถ่



‘ก๊อก ก๊อก’



ได้แต่ยืนเท้าแขนกับกรอบประตูหน้าห้องของไอ้เสือแล้วเคาะเบาๆ ผ่านไปสองสามนาที แม่งยังไม่มีวี่แววขยับตัวจากคนด้านใน ... ยังไม่ตื่นหรอวะ



‘ก๊อก ก๊อก’



ลองเคาะอีกสองที แต่ก็ยังเงียบ ยกมือขึ้นมาดูเวลา นาฬิกาบอกกูว่าเจ็ดโมงสิบ ไอ้เสือที่ไม่มีเรียน ก็คือนอนเหมือนซ้อมตายครับ เป็นปกติของมันถ้าวันไหนไม่มีเรียนก็อย่าฝันว่ามันจะงัดตัวเองขึ้นมาแต่เช้า วันนี้ก็คงไม่ต่างกัน



‘คลิ๊ก’



ยกยิ้มมุมปากกับตัวเองตอนที่ใช้กุญแจไขเข้าไปได้เรียบร้อย ... ผมมีกุญแจสำรอง ก็ไอ้เสือมันให้ไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากจะบีบคั้นกันแบบนี้หรอกครับ แต่ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อน้องเสือมันดื้อขนาดนี้



บรรยากาศภายในห้องที่ตกอยู่ในความเงียบ ห้องทั้งห้องยังคงตกอยู่ในความมืดไม่มีแสงใดๆลอดเข้ามา เพราะประตูระเบียงก็ยังคงปิดเอาไว้เหมือนเมื่อคืน มองไปที่เตียงนอน มองเห็นก้อนกลมๆก้อนนึงนอนนิ่งๆอยู่บนเตียงแบบไม่มีพิษมีภัยอะไรเลยครับ ต่างจากเวลามันตื่นแล้วชอบทำตัวดื้อ ตัวแสบ มือหนักตีนหนักนัก เดินเข้าไปใกล้แต่ไอ้เสือก็ยังไม่รู้เรื่องอะไร เห็นแบบนี้แล้วกูได้แต่ส่ายหัวเลย ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ผมเข้ามาจะเป็นยังไงกันวะ นอนเหมือนซ้อมตายแบบนี้น่ะ แก้มของมันที่บี้ลงไปบนหมอน ดูเหมือนว่ามันจะอ้วนขึ้นนิดหน่อย พอเป็นแบบนี้แล้วเลยยิ่งดูเหมือนมันดื้อขึ้นไปอีก



“ไอ้เด็กเสือเอ้ย”  เอื้อมมือขึ้นไปลูบแก้มมันเบาๆ ปัดปรอยผมที่ละอยู่ข้างแก้มของมันออกจนเห็นแก้มขาวๆ



ใช่ครับ ไอ้เสือมันขาว เป็นคนผอมสูง รูปร่างสมสวน มีกล้ามเนื้อพอประมาณแบบผู้ชายที่ดูแลตัวเอง หุ่นลีนๆของมัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั่นจุดเด่นของมันที่ทำให้ละสายตาไปไม่ได้เลยก็คือ...ขาวฉิบหาย



“ขาวจังวะ”



‘ฟอดดดด’



อดใจไม่ไหวต้องกดจมูกลงไปบี้กับแก้มมันอย่างหมั่นเขี้ยว เอาให้แก้มแม่งยู่ ถ้าทำได้กูอยากจะหอมให้แก้มมึงติดจมูกขึ้นมา



“อื้ออ”



ไอ้เด็กที่นอนแล้วถูกรบกวนย่นคิ้วเข้าหากันพร้อมส่งเสียงออกมาแบบนั้นเหมือนกำลังรำคาญที่มีคนมากวนมัน



“เดี๋ยวมึงได้โดนกวนกว่านี้แน่ถ้ามึงยังไม่ตื่น” ยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างๆหูมันเบาๆ พ่นลมหายใจรดแก้มของมันแบบที่เรียกได้ว่ากูตั้งใจมากๆ  อดไม่ไหวที่ต้องเผลอยกยิ้มขึ้นมาตอนที่เห็นแก้มใสๆเหมือนจะขึ้นสีเพราะถูกความร้อนจากลมหายใจของผมเป่ารดแบบนั้น น่ารักดี เวลาที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแบบนี้มันโคตรน่าแกล้ง



“น้องเสือ” เรียกชื่อมันอีกครั้งเบาๆ ในตอนนั้นที่ผมก็วางแขนทั้งสองข้างคล่อมตัวของมันไว้ กระซิบเบาๆแล้วเห็นมันขมวดคิ้วนิดๆเหมือนคนที่เริ่มรู้สึกตัว เลื่อนมือตัวเองไปดึงผ้าห่มที่คลุมตัวของมันออก โยนทิ้งลงไปที่ปลายเตียงมันทั้งแบบนั้น ตาเรียวของไอ้เสือที่เริ่มกระพริบในตอนนั้นบอกให้รู้ว่าอีกไม่นานมันจะตื่น



“หึ” หัวเราะเบาๆในตอนที่วางมือลงบนเอวของมันอย่างจงใจ



“อื้อ”



“ขี้เซาจังวะ” ว่าแบบนั้นแล้วเลื่อนหน้าลงไปจูบปากมันเบาๆ ไอ้เสือที่ขมวดคิ้วแล้วในตอนนี้ ก่อนที่ตาสวยๆแบบที่ผมชอบเห็นเวลามันถลึงตาใส่กันจะค่อยๆปรือตาขึ้นมาช้าๆ



“อื้ออ อะ...ไอ้พี่เก้อ”



“อรุณสวัสดิ์ครับน้องเสือ”



“ไม่ มึง...อื้อออ” ก้มลงประกบปากมันอีกครั้ง เอาให้มันอ้าปากด่ากูไม่ทัน เพราะมันแค่เห็นหน้ามันก็ขมวดคิ้วใส่กัน กูรู้ทันมึงครับน้องเสือ ... ไล้มือจากเอวของมัน สอดมือเข้าไปใต้เสื้อนอนตัวบางที่ค่อนข้างจะย้วยและขาดเป็นรูของมันอย่างตั้งอกตั้งใจ ลากผ่านเอวบางที่พอมีกล้ามเนื้อก็รู้สึกได้เลยว่ามันเกร็งตัวใส่ ลมหายใจที่ขาดห้วงของมันทำเอาผมยกยิ้มมุมปาก



“ไอ้...อื้ออ” สะกิดยอดอกเบาๆตอนที่มันอยากจะด่ากัน ผละหน้าออกมายิ้มให้มันตอนที่เห็นแบบนั้น น่ารักว่ะ...ไอ้เสือตัวแสบที่แพ้ผมทุกทีตอนอยู่บนเตียง



“ไอ้อะไร จะด่าอะไรกูอีก เมื่อคืนยังถีบกูด้วย กูจำนะครับ” ยกยิ้มมุมปากส่งไปให้มัน เอื้อมมืออีกข้างขึ้นไปจับแขนสองข้างของมันรวบไว้เหนือหัว  ไอ้เสือหอบหายใจเบาๆปรือตามองหน้ากันทั้งๆที่น้ำตาคลอ



“ทำเหี้ยอะไรของมึง สัดพี่เก้อ K ลงไปจากตัวกูนะ ไม่งั้นกูจะถีบมึงอีกรอบ!” เป็นประโยคแรกที่แสนจะหวานจากแฟนกูครับ มันน่าไหมล่ะ



“จะถีบกูหรอ ไหนบอกให้เอามึงไง”



“กูไม่ให้มึงเอาอีกแล้ว ต่อจากนี้ มึงลงไป ฮึ่ย!” แค่พูดถึงมันก็อารมณ์เสียแล้วครับ ขายาวๆของมันที่ดิ้นไปมาบนเตียง จริงๆมันตั้งใจจะยกขึ้นมาถีบผมแหล่ะ แต่ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ผมขึ้นมาคล่อมทับตัวมันไว้ ขาของมันก็โดนล็อคมันเลยยกขึ้นมาถีบกันแบบใจคิดไม่ได้



“โกรธกูอะไรขนาดนั้นอ่ะครับ”



“อย่ามาพูด อย่ามาจับกู ปล่อยนะโว้ยไอ้สัดพี่เก้อ”



“มึงอยากจะให้กูเอาอะไรขนาดนั้น หื้ม”



“กูไม่ได้อยากให้มึงเอาแล้วโว้ย ลงไปจากตัวกู” โวยวายเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม ชนิดที่แบบว่ามันไม่สนใจเลยว่าห้องข้างๆจะได้ยินหรือเปล่า เห็นแบบนั้นแล้วผมถึงกับต้องส่ายหัวเลยครับ เอ็นดูเด็ก



“กูไม่ลง”



“ไอ้หน้าด้านนิ!” ถลึงตาใส่กูแบบโมโห แล้วดูมันด่ากัน ตลกว่ะแม่ง อดใจไม่ไหวครับ หมั่นเขี้ยวจนต้องก้มลงไปหอมแก้มมันแรงๆอีกทีที่ข้างซ้าย



“อ๊า ไอ้เหี้ยพี่เก้อ อ๊ากกก อย่ามาหอมกูน้า”



“กูจะหอม มึงจะทำไม” ยักคิ้วใส่ตอนที่พูดออกไปแบบนั้น คิดว่าคงเป็นภาพที่เรียกได้ว่ากวนตีนกันมากๆจนไอ้เสือแทบใจขาด อยากจะลุกขึ้นมาถีบผมให้กลิ้งแน่ๆ แต่มึงฝันเลยครับ กูจดจำไว้ทุกฉากเพื่อจะมาจัดการมึงในวันนี้เลยไอ้เด็กดื้อ



“แก้มกู กูไม่ให้หอม”



“เรื่องมึง เพราะกูเคยหอมมาแม่งทั้งตัวละ”



“เพราะมึงเคยแล้ว มึงเลยไม่อยากทำแล้วใช่ไหมล่ะ สันดาน” หื้มมม...เดี๋ยวนะ



ก้มหน้าลงมองไอ้เด็กข้างใต้ตัวผมนิดๆ มันที่ถลึงตาใส่กันตอนที่พูดออกมาแบบนั้น ไม่ได้มีแววตาอ่อนแอแบบในนิยาย มันก็เป็นแค่ผู้ชายคนนึงที่สู้เต็มที่ โดยเฉพาะพร้อมที่จะสู้กับคนอย่างผม แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้ออกมาจากปากของมัน ประโยคคำพูดเสียงดังๆที่น้ำเสียงไม่ได้ดูมีแววน้อยใจ แต่ถ้าลองเรียบเรียงฟังดีๆ ... มันน้อยใจใช่ไหมวะ



“พูดแบบนี้น้อยใจหรอวะ”



“สัด ใครน้อยใจ Kเถอะ”  โอเค ด่าระรัว ไม่น้อยใจหรอกจริงๆ ถลึงตาใส่กูด้วยครับ



“ไม่ใช่ไม่อยากทำ ไม่ใช่ว่าเคยทำแล้วเลยเบื่อ”  พูดออกไปแบบนั้น เลือกที่จะอธิบายให้มันฟังอย่างใจเย็น แม้ว่าท่าทางของเราจะค่อนข้างล่อแหลม



“งั้นแล้วทำไมพี่มึงไม่ทำ”  ไอ้เสือที่เมื่อกี้หันหน้าหนี มันหันกลับมามองหน้ากันแล้วถามเสียงแข็ง ท่าทางที่อยากรู้แบบสุดๆแบบนั้นทำเอาผมอดจะยิ้มขำออกมาไม่ได้ มันจริงจังของมันมากๆครับ



“ขำทำเหี้ยอะไร”



“ใจเย็นๆก่อนครับน้อง”



“กวนตีนไม่เลิก” ด่ากูหน้ามุ่ยไปอีก



“กูอยากทำ”



“ตอแหล อยากทำแล้วทำไมต้องทำท่ารังเกียจกันด้วยวะ มึงแม่งเหมือนเห็นผีตอนกูอยู่ใกล้อ่ะ” มันว่าออกมาแบบนั้นพร้อมกับยื่นปากออกมาแบบหงุดหงิด โคตรน่าหมั่นเขี้ยวเลยครับเอาจริงๆ ไอ้ปากยื่นๆที่รับกับจมูกรั้นๆของมัน



“ก็เราพึ่งกลับมาคบกัน”



“แล้วมันยังไง มีข้อไหนบอกว่าพึ่งกลับมาคบกันห้ามเอากันหรอ มึงกลัวผิดศีลหรืออะไร อย่ามาตอแหลนะไอ้พี่เสือ”



“มึงนี่นะ...” ผมขำกับคำด่าของมันที่เถียงออกมาทันทีแบบว่าไม่ปล่อยเวลาให้ผมได้พูด



“กูทำไม”



“เปล่าครับ มึงไม่ทำไมเลยครับผม”



“กวนตีนอยู่ได้” หันหน้าหนีผมทั้งแบบนั้น ดูท่าจะหงุดหงิดกับคำตอบของผม รวมถึงท่าทางที่เราเป็นอยู่ ผมที่แนบตัวลงไปหามันแบบจงใจ ท่อนขาที่แทรกเข้าไปเบียดเข้ากับกลางลำตัวของมันจนไอ้เด็กมันขมวดคิ้ว แน่นอนว่าเช้าๆแบบนี้ยิ่งตื่นไว



“อื้ออ...ทะ...ทำเหี้ยไร”



“ก็ตั้งใจทำ”



“อย่ามากวนตีนกูนะพี่เก้อ”



“ที่กูไม่ทำไม่ได้เบื่อ หรือว่าได้มึงแล้วเลยเบื่อนะ แต่กูแค่คิดว่าเราพึ่งกลับมาคบกัน กูไม่อยากให้มึงรู้สึกว่ากูกลับไปคบมึงเพราะเรื่องอย่างว่า มันก็แค่นั้น”



“K”



“เอ้า! ด่ากูอีกทำไม นี่กูจริงจังนะเสือ” จ้องตาของไอ้เด็กใต้ร่างแบบจริงจัง มันขมวดคิ้วจนย่นเข้าหากันจ้องตาผมดุๆ



“สันดานแบบมึงจะมาคิดกลับใจเหี้ยไรอะไรตอนนี้ เราเอากันก่อนจะรู้สึกอะไรอีกอยากเป็นคนดี ห่า กูไม่คิดเยอะขนาดมึงหรอก จะเอาก็เอาสิวะ แต่มึงแม่งทำท่าแบบนั้นทุกวันๆ เอะอ่ะหนีกูกลับหอ แม่ง เสียเซลล์” บ่นออกมารัวๆด้วยท่าทางที่โคตรจะดื้อ หมั่นเขี้ยวโว้ย แฟนใครวะทำไมแม่งน่าฟัดจัง



“มึงเสียเซลล์มากเลยหรอวะ”



“ก็ดูมึง อ๊ะ...” มันที่ตั้งท่าจะด่า สะดุ้งร้องออกมาแบบนั้นในตอนที่ผมเลื่อนฝ่ามือลงไปลูบที่ขาของมัน จับขาเรียวยกขึ้นชันขึ้นจนขากางเกงบ็อกเซอร์ที่มันใส่นอนอยู่ขากว้างออกเลยสอดมือเข้าไปทั้งแบบนั้น



“ไม่ใส่กางเกงในหรอวะ”



“อื้ออ ยุ่ง” ครางออกมาเสียงเบาแล้วด่ากูทั้งๆที่หน้ามันก็ขึ้นสี ผมเลื่อนมือลงไปลูบแก้มก้นของมันในตอนนี้ ยกยิ้มมุมปากตอนที่เห็นมันไปพูดอะไรออกมาอีก เลยเลื่อนหน้าลงไปจูบเบาๆที่ริมฝีปากของมัน



“ถ้ามึงพูดแบบนี้กูก็เอามึงได้ดิ” พูดออกมาเบาๆในตอนนี้ กระซิบลงข้างๆหูของมัน ไอ้เสือที่ค่อยๆหันหน้ามามองกัน สายตาใสของมันที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของผม มันเม้มปากเข้าหากันทั้งๆที่แก้มของมันขึ้นสีระเรื่อแบบเขินอาย แต่มันกลับไม่หลบตา



“แล้วกูห้ามมึงหรอ ไอ้โง่”



“มึงนี่มัน...”  พูดแค่นั้นแล้วเลื่อนหน้าลงไปกดจูบที่ลำคอ



“อื้อ..ก...กูทำไม”



“มึงขาว ไม่รู้หรือไงว่ากูพยายามแทบตาย แต่มึงแหลล่ะทำความดีกูแตก”



“มึงไม่เคยมีสักหน่อย อย่ามาโทษกู อ๊ะ อื้ออ กูเจ็บนะไอ้เชี่ยพี่เก้อ”



“ก็กูไม่มีอยู่แล้วนี่ความดี ทนมานานแล้วก็ต้องเจองี้แหล่ะไอ้ดื้อ”



“กูไม่ดื้อ อื้ออ” ผมที่เลื่อนนิ้วแทรกเข้าไปที่ช่องทางด้านหลังของมันเป็นนิ้วที่สองอย่างจงใจ ปล่อยมือที่จับรวบแขนของมันไว้แล้วเลื่อนมาดึงเสื้อนอนของมันถอดออกทางหัวแล้วโยนทิ้งไปไกลๆ ก้มหน้าลงไปครอบลงบนหัวนมของมัน ไอ้เสือที่แอ่นอกรับในตอนนั้นแบบรู้งาน เป็นคนประเภทเดียวกันที่ไม่ต่างจากไฟกับน้ำมัน ทั้งผมและมันที่ก็พร้อมจะเผากันจนกว่าจะมอดไหม้



ช่องทางด้านหลังของมันที่ผมสอดนิ้วเข้าไป ขยับเข้าออกช้าๆจนมันต้องขมิบตอดรับถี่ๆ ไอ้เสือที่เชิดหน้าขึ้นไปพร้อมๆกับหลับตา ผิวขาวๆของมันที่พอไฟในห้องไม่ได้เปิดแบบนี้แล้วดูเหมือนจะเรืองแสงได้ในสายตาของผมตอนนี้ ผมที่ขยับนิ้วสอดเลื่อนเข้าไปย้ำในจุดถี่ๆจนไอ้เสือร้องครางออกมาเบาๆ มันที่เรียกชื่อของผม เป็นอะไรที่ผมชอบมากที่สุด



“อื้ออ พี่เก้อ”



“ครับ”



ตอบรับคำพูดของมันไปแบบนั้น ได้ยินเสียงมันหายใจแรงๆออกมาทางปาก ก้มหน้าลงหอมแก้มมันอีกครั้งในตอนที่ดึงกางเกงนอนของมันถอดออกทิ้ง ดึงก้นของมันให้ยกขึ้นสูงแล้วฉีกขาของมันออกกว้างขึ้น ผมที่ถอดกางเกงออกไปนานแล้ว ก่อนจะค่อยๆสอดแกนกายที่ก็พร้อมมาตั้งนานแล้วแต่กูแกล้งทำเป็นคนดีเข้าไปในช่องทางของมัน



“อึก พ...พี่เก้อ มึงช้าๆ อื้ออ”



“พูดอะไร ไม่อยากจะฟัง” บอกมันแบบนั้นแล้วสอดเข้าไปจนสุด ไอ้เสือที่กลั้นหายใจ ช่องทางด้านหลังของมันที่ขมิบถี่ๆเต้นตุบๆบีบรัดแกนกายของผมอย่างแรงจนผมรู้สึกได้จนต้องซี๊ดปาก



‘ตุบ’



“กูเจ็บนะ” ไอ้เสือที่ยกมือขึ้นมาทุบหลังผมแรงๆแบบไม่คิดจะออมแรง คิดว่าเพราะมันเจ็บ แต่ไม่เป็นไร กูไม่โกรธ



“จะเริ่มละน้า”



“K พี่เก้อ อ๊ะ อื้อ”



“เก่งจัง Kพี่เก้อก็ถูกแล้วครับ กำลังจะโยกอยู่นี่ไง”



ผมที่ขยับตัวช้าๆ แล้วเอาแต่ยิ้มให้มัน ดึงตัวมันให้นอนราบลงกับพื้น จูบไปทั่วไปหน้าเน้นปากกับแก้มของมันอย่างจงใจ แล้วผลออกมามองหน้ามันอีกครั้ง พอทำแบบนั้นแล้วไอ้เสือมันก็หน้าแดง แดงไปทั้งหน้าทั้งตัวในแบบที่ไม่ค่อยได้เห็น ... เชี่ย น่ารักว่ะ



"อย่าทำให้หลงจะตายหรอวะ"



"สัด พูดมา อื้ออ" ขยับโยกแท่งร้อนเข้าไปอีกครั้งแบบไม่ออมแรง ค่อยๆโยกสะโพกเข้าออกแบบเต็มแรง ไอ้เสือที่เอื้อมมือมากอดตัวผมเอาไว้ เอวของมันบางลง พอจับไว้แน่นๆมันก็โยกสะโพกสวนแบบไม่ยอมกัน



"หึ เอวดีจังวะ"



"กูไม่ยอมแพ้มึงหรอก อ๊ะ"



"งั้นก็ยากหน่อยนะ เพราะพี่น่ะเด็ดมาก" สอดแท่งหนาของผมที่เข้าไปในร่างของมัน มันได้แต่กอดผมไว้ พยายามซอยตัวให้ถี่ขึ้น มันก็อ้าปากค้างในตอนที่ผมดันส่วนกลางให้เข้าไปลึกขึ้น สอดแกนกายถี่ยิบกับช่องทางหลัง



"อื้ออ ไอ้พี่เก้อ ช้าหน่อยสิวะ อื้ออ"



"มึงทำให้กูตบะแตกก็ต้องทนนะน้อง อย่ามาร้องนะครับ"



"อื้ออ สัดพี่เก้อ อ๊า"



...

50%





มาแล้วค่าา ขอมาลงก่อน50เปอร์นะคะ หลังจากที่อาทิตย์ก่อนไม่ได้มาลงนิยายเพราะว่าป่วยค่ะ ไปเจาะเลือดแล้วผลตรวจมา

ว่าเป็นโรคชิคุนกุนย่าค่ะ หรือภาษาไทยเรียกว่า โรคปวดข้อยุงลาย อาการจะคล้ายไข้เลือดออก แต่ต่างกันตรงจะปวดข้อมากๆค่ะ

ในตอนนี้ผื่นแคทลดลงแล้ว แต่ยังมีอาการปวดตามข้อนิ้วข้อมือ เลยทำให้แคทต้องพักแล้วไม่ได้เขียนงานต่อ

แต่คิดถึงคนอ่านทุกท่าน ไม่รู้ยังจะมีใครรอกันไหม เลยพยายามเขียนมาได้แค่ครึ่งนึงก่อน หวังว่าจะรอกันนะคะ


















ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: หายไวไวนะคะ  :pig4:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
หายเร็วๆน้าาาา รอจ้าาาา

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ขอให้หายป่วยไวไวนะคะไรท์  :กอด1:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
รอค่ะ ขอให้หายไวไวๆ พักผ่อนเยอะๆ ค่ะ  :L2: :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่44.2


(ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน)



“เฮียปืน เอาไงกันดีอ่ะ”



“รอสักพักมันอาจจะดีขึ้น”



“สักพักนี่อีกกี่วัน ก็เห็นเฮียดาบลอยๆแบบนี้มานานละนะ”



เสียงสองเสียงที่ดังมาไม่ใกล้ไม่ไกลให้ได้ยินมาสักพัก ทำให้รู้สึกรำคาญอยู่หน่อยๆ อยากจะหันไปด่าว่าไปไกลๆกูหน่อยค่ะ



 อิดอก แต่ทำไม รู้สึกเหนื่อยมากเกินไป แล้วในใจก็รู้สึกคิดถึงใครบางคนที่ผมไม่ได้เจอหน้ามันมาหลายวันแล้ว ... เอม



“เฮียดาบ...ลุกมากินข้าวกันนะ วันนี้แจให้คนทำอาหารหลายอย่างเลยน้า”  เสียงใสๆที่มาพร้อมๆแรงสะกิดที่ทำให้ผมค่อยๆหันไปมอง ใบหน้าอ้วนๆแป้นแล้นของน้องชายคนเล็กที่กำลังชะโงกหน้ามาจากข้างเตียงนอนแล้วก้มมองดูผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล ... มึงกังวลอะไรวะ ขมวดคิ้วขนาดนี้เดี๋ยวหน้าก็ย่น แย่นะแบบนั้น จะกลายเป็นคนขี้เหร่ กูไม่ยอมแล้วค่ะคนนึง คนเราต้องสวยนะคะสังคม ถ้าไม่สวยก็อย่าหยุด ประโคมเครื่องสำอางสกิลแคร์เข้าไปค่ะ ผมมีความเชื่อที่ว่า คนเรามีความสวยและความดูดีในแบบของเราเสมอ อย่าไปสนใจฟังคำพูดของใครที่มาตัดสินว่าเราเหมาะหรือไม่เหมาะกับอะไร มั่นใจเข้าไว้ ในโลกนี้ไม่มีใครเกิดมามาสวยหรือไม่ดูดีครับ ขนาดกู ยังสวยเลยค่ะสังคม!



แต่ตอนนี้สวยเหนื่อย ... เมียหาย ... สวยๆเมียหาย เซ็งว่ะ



“ไม่อยากอ่ะ ไปกินเหอะ” ผมตอบออกไปแบบนั้นแล้วพลิกตัวหนีไปอีกทาง ขอร้องอย่ายุ่งกับสวยค่ะ



“ทำตัวให้สมกับเป็นมึงหน่อยสิวะ” เสียงเข้มๆที่พอได้ยินแล้วก็รู้เลยว่าเป็นใครทำให้ผมขมวดคิ้ว น่าเบื่อไอ้สัดเฮียปืน ... ทำตัวให้สมกับเป็นกูคือยังไง



“เป็นคนสวยสินะคะ”



“สวยพ่อง”



“พ่อกูก็พ่อมึงอ่ะเฮีย ถ้าจะมาต่อล้อต่อเถียงก็ออกไปเลยไป รำคาญว่ะ”  พูดออกไปแบบนั้นพร้อมปรายตาไปมองสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าพี่มองที่มายืนจ้องมองกันอยู่ข้างๆตัว กูรู้สึกเหมือนเป็นหมีแพนด้านิดๆ จ้องกันเหมือนสวนสัตว์เลยครับ



“น้องเอมก็ยังไม่ได้เลิกกับมึงไม่ใช่หรือไง ทำไมต้องทำตัวซังกะตายด้วยวะ” ไอ้เฮียปืนพูดขึ้นมาอีก ได้ยินแบบนั้นแล้วได้แต่ถอนหายใจ ... ก็เพราะว่ามันบอกว่าเราไม่เลิกกัน แต่มันก็อยู่ข้างๆกับผมไม่ได้นี่ไงมันถึงทำให้เครียด



“ก็เพราะว่าไม่ได้เลิกกัน แต่กูก็กอดมันเหมือนเดิมไม่ได้นี่ไงวะ”



“ทำไมจะกอดไม่ได้ ก็นั่นก็เมียมึง”



“มักง่ายว่ะสัดเฮียปืน กูทำแบบนั้นไม่ได้ แค่กูมองหน้ามัน มองเห็นสายตาผิดหวังที่มันมองมากูก็เสียใจฉิบหายแล้ว ไอ้เอมน่ะนะ มันเชื่อใจกู ไว้ใจกู ... และใช่ มันมีแต่กู”



รู้สึกสับสนมึนงงในหัวไปหมด ... ผมมีอาการแบบนี้มาตั้งแต่วันนั้นแล้ว หงุดหงิดตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แล้วยิ่งมันบอกไม่ถูกแบบนี้ด้วยแล้ว ผมก็เลยยิ่งหงุดหงิด เพราะว่าเป็นแบบนี้ ไอ้เฮียปืนกับไอ้แจเลยลากผมมาที่บ้าน ติดแหง็กอยู่ที่นี่ เหมือนโดนขังคุกชะมัด



“มึงเข้าใจไหมวะเฮีย ไอ้เอมน่ะมันมีแต่กู แต่ตอนนี้มันกำลังเดินออกไปจากกู ไปพยายามด้วยตัวมันเอง โดยไม่มีกูเหมือนเดิมแล้ว”



“แค่นี้ก็ถอดใจแล้วรึไง ถ้ายังเป็นอยู่แบบนี้ก็ไม่แปลกใจถ้าเค้าจะเลิกกับแก” เสียงของผู้มาใหม่ที่ดังมาจากหน้าประตู เป็นเสียงที่ช่วงนี้ผมไม่อยากจะได้ยินเป็นพิเศษ



“ถ้าผมเลิกกับเอม คนที่มีความสุขที่สุดก็น่าจะเป็นคุณแม่ไม่ใช่หรือไงล่ะครับ”



“นี่ตาดาบ เธอกำลังพูดกับแม่ของเธออยู่นะ”



“ก็ใช่ไง ผมพูดอยู่กับแม่นั่นแหล่ะ”



“หึ ก็แม่บอกแล้วไม่ใช่หรือไง ความรักแบบนี้ มันไม่ยั่งยืนหรอก”



แบบนี้...



ความรักแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ



ผมหันไปมองหน้าของแม่ที่เดินเข้ามาใกล้มากขึ้น สีหน้าที่แม่มองมาที่ผมหลังจากที่ผมพูดออกไปแบบนั้นไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่ แต่ใครจะสนกันล่ะ ผมไม่อยากจะสนอะไรแล้วทั้งนั้นแหล่ะ พอคิดแบบนั้นแล้วยิ่งรู้สึกรำคาญใจ กรอกตาไปสวยๆหนึ่งที แต่ท่าทางแบบนี้ สงสัยจะไม่เข้าตาแม่เท่าไหร่



“อย่ามาทำหน้าทำตาแบบนี้ใส่แม่นะ แล้วแกก็ลุกขึ้นมาจากที่นอนสักที เห็นสภาพตัวเองตอนนี้บ้างไหมว่ามันทุเรศมากแค่ไหน”



ปรี๊ดเลย ...



ได้ยินคำว่าทุเรศแล้วมันขึ้น!



แม่กำลังพูดอยู่กับคนที่สวยที่สุดอยู่นะตอนนี้ แม่จะมาว่าทุเรศได้ยังไงกันวะ!



เพราะแบบนั้นผมเลยกระชากผ้าห่มที่คลุมตัวของตัวเองออกทิ้ง ตวัดขาสองข้างของตัวเองลงจากเตียง มองคนสามคนที่ตอนนี้เข้ามาในห้องของผม รู้สึกหงุดหงิดกับทุกอย่างไปหมดซะทุกสิ่ง ... ค่อยๆไล่มองหน้าของคนที่อยู่ตรงหน้าผมทีละคน ทีละคนอย่างช้าๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเค้าต้องมาที่นี่ มายุ่งเรื่องของผมบอกให้ทำนู่นทำนี่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรสักอย่าง ... คนทั่วไปที่ดีแต่พูดให้ทำนั่นโน่นนี่ แต่จะลงมือช่วยแต่ละทีก็บอกว่าเรื่องของมึง ... แบบนี้อย่ามายุ่งเรื่องของกูเลยจะดีกว่า



“แล้วแต่ละคนมายุ่งเรื่องของผมทำไมวะ เข้ามากันทำไม”  หายใจแรงขึ้นอย่างรู้สึกหงุดหงิดไปหมดซะทุกอย่าง



“ไอ้ดาบ มึงพูดดีๆ ทุกคนก็ห่วงมึงทั้งนั้น”



“ห่วง ห่วงหรอวะ ห่วงอะไร คนห่วงกันเค้าไม่มาซ้ำเติมกันแบบนี้หรอก”



“ใครไปซ้ำเติมมึง มึงหลุดแล้วนะไอ้ดาบ” เฮียปืนมันว่าแบบนั้น มันที่พยายามเดิมเข้ามาหาตัวผม มึงฝัน มึงคิดว่าจะได้จับตัวกูหรอคะ คนสวยๆแบบกูหวงตัวโว้ย เห็นแบบนั้นเลยผลักอกมันให้ออกไปห่างๆ ...กูก็ว่าผลักเบาๆ แต่ทำไมมันกระเด็นไปไกลจังวะ



ช่างแม่ง



“ดาบ! แม่ว่ามันจะมากไปแล้วนะ”



“อะไรที่มาก อะไรที่น้อย ทุกคนก็มากกับผมก่อนหรือเปล่าวะ น่ารำคาญว่ะ”



“ความเป็นห่วงของแม่ มันคือเรื่องรำคาญของลูกงั้นหรอ” ผมหันไปมองหน้าแม่ที่อยู่ตรงหน้าแล้วยกยิ้มมุมปากขึ้นมา มองเห็นไอ้แจที่วิ่งไปพยุงเฮียปืนให้ยืนขึ้นอยู่ไกลๆ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าแม่อีกครั้ง



“ก็เพราะความเป็นห่วงของแม่ไม่ใช่หรือไง ห่วงทุกเรื่อง ห่วงว่าลูกจะผิดเพศชอบผู้ชาย หวงว่าผมจะได้กับไอ้เอม ก็นี่ไง ผมใกล้จะเลิกกับมันแล้วพอใจแม่หรือยังล่ะ!” ไม่รู้ว่าความโกรธมันมาจากไหน ก็แค่รู้สึกอยากซัดความรู้สึกทั้งหมดของผมไปให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ ทุกคนที่พูดดีแต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย



“ดาบ!”



“เพราะแม่ ทุกเรื่องมันเพราะแม่ทั้งนั้นแหล่ะ ... ผมไม่เคยพูดอะไรเพราะถนอมน้ำใจแม่ แต่แม่ล่ะเคยคิดจะถนอมน้ำใจผมบ้างไหมวะ ผมเป็นแบบนี้ ผมชอบผู้ชาย หรือต่อให้ผมจะทำนมแต่งสาวแค่ไหนแล้วมันยังไง ผมไม่ใช่ลูกแม่หรอวะ!” ตะโกนออกไปอีกครั้งด้วยความรู้สึกที่อยากจะพูด ก็แค่เคยอยากพูดแต่ไม่ได้พูด แต่ในวันนี้ผมจะพูด มันเหมือนเป็นความรู้สึกที่อยู่ๆก็มีความกล้า หรือถ้าพูดจริงๆก็คือเป็นความรู้สึกหมดความอดทน



“แม่ไม่เคยคิดแบบนั้น...” แม่ที่มองหน้าผม สายตาของเธอที่เริ่มสั่นไหว .. แต่ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่ได้ช่วยอะไรเลย



“ผมก็แค่รู้สึกดีกับใครสักคน ใครสักคนคนนั้นที่มันเป็นผู้ชาย ทำไมแม่ถึงไม่เข้าใจวะ แม่เอาแต่พูดว่าเป็นห่วง แต่ความเป็นห่วงความหวังดีของแม่แบบนี้ผมไม่อยากได้ ผมไม่อยากรับ!”



“ดาบ...”  น้ำตาของแม่ไหล พร้อมๆกับน้ำตาของผมที่ก็ไหลลงมาเหมือนกัน แต่ผมไม่เสียใจ ความรู้สึกของผมที่สับสนปนเปกันหมดแล้วในตอนนี้ แต่ทุกๆวินาทีมันทรมาน ... ผมคิดถึงไอ้เอม ผมเสียใจที่ทำให้มันเสียใจ ผมเกลียดตัวเองที่ทำเรื่องแบบนั้นกับมัน และผมก็โกรธ โกรธที่ผมควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง โกรธแม่ที่เอาแต่พูดจาแบบนี้ โกรธทุกคน และผมก็โกรธตัวเอง



“แม่รู้บ้างไหมว่าผมต้องทนอึดอัดใจกับคำพูดของแม่ กับการกระทำของแม่มากี่ปี ที่ผมออกไปอยู่ข้างนอก ไปอยู่คอนโดก็เพราะว่าผมทนไม่ไหวแล้ว ผมพยายามสร้างร้านของผมขึ้นมา ทำตรงนั้นให้เป็นโลกของผม พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แม่รู้ว่าผมทำได้ ไม่ว่าผมจะเป็นเพศไหน ชอบอะไร แต่ผมก็ทำได้ผมเก่งพอที่จะดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวของเราได้ ผมอยากให้แม่เข้าใจ แต่ไม่ว่าเมื่อไหร่แม่ก็ไม่เข้าใจ พอแม่ห้ามผมไม่ได้แม่ก็ไปกดดันกับไอ้แจ ... ผมไม่เข้าใจ ทำไมวะ ก็แค่ผมชอบผู้ชายก็แค่ไอ้แจชอบผู้ชาย ....ผมจะบอกอะไรให้นะ ถ้าผมเลือกได้ผมก็อยากเกิดมาในแบบที่คนทั่วไปมันมองว่าไม่ผิดปกติเหมือนกัน แต่ผมเลือกไม่ได้เว้ยแม่ มันไม่ใช่เป็นหวัดแล้วกินยามันจะได้หาย มันหายไม่ได้แม่เข้าใจไหม แล้วผมไม่เข้าใจว่ะ ก็แค่ผมชอบผู้ชาย ทำไมผมต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองมากกว่าคนอื่น เพื่อให้พ่อกับแม่ได้เห็นว่าผมเก่งและมีหน้าตาในสังคม ให้แม่ได้ไปพูดอวดใครต่อใครได้ ... ผมสงสัย ผมสงสัยว่าทำไมไอ้คนอื่นมันถึงสำคัญกับแม่นัก ทำไมมันถึงสำคัญกว่าความรู้สึกของลูกแม่วะ!” ตะคอกออกไปแบบนั้นสุดเสียง พร้อมๆกับที่ยกมือขึ้นปัดโคมไฟที่วางอยู่ข้างหัวเตียงให้ล้มกลิ้งลงไป เพราะรู้สึกว่ามันเกะกะสายตา ผมใช้มือค้ำยันไว้กับโต๊ะหัวเตียงที่พึ่งปัดโคมไฟนั่นทิ้งไป รู้สึกหัวใจเต้นรัวเร็ว ได้แต่หอบหายใจเข้าไปในปอดลึกๆ รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ก้มหน้าลงมองโต๊ะที่ตอนนี้ยังค้ำยันเอาไว้ มองเห็นด่างดวงหยดเป็นจุดๆเปรอะเปื้อนอยู่บนนี้ มันมาจากไหน น้ำอะไรมันมาจากไหนกันวะ



“แล้วตอนนี้...อึก...ตอนนี้คนที่แม่ไม่อยากให้ผมรัก มันก็กำลังจะไปจากผม ไปจากผมแบบที่แม่ต้องการไง ... แม่พอใจหรือยัง ผมถามว่าแม่พอใจหรือยัง!” ผมที่ยังใช้มือข้างนึงค้ำยันอยู่กับโต๊ะแล้วหันหน้าไปมองแม่ หอบหายใจหนักๆ รู้สึกเหนื่อย รู้สึกล้าแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิตนี้ ผมอยากอาละวาด ผมอยากระบาย แต่ถึงแบบนั้นผมก็สับสนเต็มที น้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มผมในตอนนี้ ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังร้องไห้อยู่ ไม่ได้สะอึกสะอื้นอะไรสักนิด แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่าเบลอไปหมด มองเห็นหน้าแม่ที่มองมาที่ผมด้วยสายตาแห่งความเสียใจแบบเลือนราง  เฮียปืนที่มองมา ไอ้แจที่มองมา ทุกคนมองมาที่ผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออก ไม่เข้าใจซักนิดเดียว ... ตอนนี้มีหน้าของใครบางคนซ้อนทับขึ้นมาในใจของผม



“อ...เอม” พูดออกมาแบบนั้นเบาๆ ก็แค่เป็นคำพูดเบาๆ



“ผมคิดถึงมัน อึก...ก็แค่ผมรักมัน ฮึก...แต่ผมไม่กล้ากอดมันด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะแม่ที่จะไม่พอใจ แต่เป็นเพราะผมละอายที่ผมทำผิดกับมัน แต่ถึงแบบนั้น ฮึก...ถึงแบบนั้นผมก็ต้องการมันแค่คนเดียวอยู่ดี”



‘ตึก’



ขาทั้งสองข้างที่ทรุดลงไปกับพื้น ใช้มือทั้งสองข้างค้ำกับพื้นห้องแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาแบบอึดอัดและสับสน ในหัวใจมันเป็นวูบโหวงแบบที่ไม่รู้ว่าอะไรมาก่อนมาหลัง แต่ถึงแบบนั้นน้ำตาก็ยังไหล



“แม่ให้ผมได้ไหม เอาไอ้เอมกลับมาให้ผมได้ไหม ...ช่วยรักผมที่เป็นผมแบบนี้ได้ไหม ฮึก ผมจะทันไม่ไหวแล้ว” ยกมือขึ้นมาขยำไปที่หัวของตัวเอง ก็แค่อยากทำแบบนั้น อยากกระชากให้มันหลุดๆไป เผื่อความรู้สึกและอาการที่เป็นอยู่นี้มันจะหายดีขึ้นมาบ้าง



“ดาบ .. ฮึก พอแล้วลูกพอแล้ว” ได้ยินเสียงแม่ดังมาจากที่ไกลๆ รับรู้ถึงอ้อมกอดของใครบางคนที่กอดตัวผมเอาไว้แน่นๆ เสียงสับสนอลหม่านดังขึ้นอยู่รอบตัว แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าใบหน้าของผมซบลงไปที่ไหล่ของใครบางคน เสียงผู้หญิงที่ร้องไห้อยู่ข้างๆหูแล้วกอดตัวผมเอาไว้แน่น



“ผมจะโทรตามหมอนะฮะ”



“เดี๋ยวผมเอารถออกครับแม่”



“ดาบลูก แม่ขอโทษดาบ”



ความวุ่นวายรอบๆตัวนี้มันคืออะไร รู้สึกสับสนไปหมด แต่ถึงแบบนั้นน้ำตาผมก็ยังไหล ผมหลับตาลงช้าๆนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ทำไมผมถึงทำเรื่องผิดพลาดแบบนั้นนะ ทำไมผมถึงต้องทำแบบนั้นกับพระพาย ทำไมต้องทำให้ไอ้เอมเสียใจแบบนั้น ภาพวันที่มันถือกระเป๋าใบเก่าๆของมันเดินออกจากห้องไป พยายามจะเอื้อมมือคว้ามันไว้ แต่สุดท้ายมันก็ไปอยู่ดี



“เอม”



ผมเหนื่อย ก็แค่รู้สึกว่าอยากจะหลับลงสักพัก...ก็แค่อยากจะหลับลงไปสักนิดก็ยังดี



“ผมเหนื่อยจัง”



ถ้าหลับลงไป อย่างน้อยในฝันผมก็ยังมีกัน ยังมีไอ้เอมอยู่เหมือนเดิม ... และแม่ ก็อาจจะเข้าใจผม เข้าใจเรา เข้าใจน้องแจมากกว่าความเป็นจริงที่เป็นอยู่ก็ได้ล่ะมั้ง



...



               บรรยากาศเงียบๆภายในรถหรูตราสี่ห่วงสีดำทำให้รู้สึกอึดอัด จริงๆมันไม่ใช่ความอึกอัดเพราะได้นั่งรถหรู แต่มันเป็นเพราะเจ้าของรถข้างๆตัวเป็นคนที่มีบรรยากาศเย็นๆชวนอึดอัด อีกทั้งผมกับเค้าก็แทบจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อนด้วยนี่สิ



“เอ่อ...” เลือกจะเป็นฝ่ายเปิกปากพูดก่อน ด้วยคำพูดสิ้นคิดที่ว่า ‘เอ่อ...’ ไอ้เอมเจ็บไข่เลยแม่งเอ้ย!



“อึดอัดหรอ”  ปัดโถ่ ก็ไม่หน้าถามกูออกมาแบบนั้นหรอกนะจริงๆ ผมปรายตาไปมองคนข้างตัวที่ตอนนี้กำลังขับรถด้วยมือเดียว เป็นคนเท่ๆพูดน้อย และมีบรรยากาศชวนอึดอัดใจ ... ใครได้พี่มันเป็นแฟนต้องกัดลิ้นตัวเองตายแน่ๆกูว่า



“ก็นิดหน่อยครับ ฮ่าๆ” หัวเราะเสียงดังใส่ไปทั้งแบบนั้น ไม่ได้มีเรื่องอะไรตลกเลย แต่กูก็พยายามไง อึดอัดใจจนเจ็บไข่ไปหมดแล้ว



“ขอโทษนะ กูพูดคะขาแบบไอ้เฮียดาบไม่เป็น สุภาพก็ไม่ค่อยได้ พูดมึงกูละกัน”



“อ..เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบออกไปแบบนั้น จริงๆคืออยากพูดว่ากูเลือกอะไรได้หรอ พี่มึงถามเองตอบเองหมดแล้วนี่ว่า แต่ถึงแบบนั้นก็เห็นด้วยกับคำพูดของพี่รุก เพราะถ้าพี่มึงพูดคะขาออกมา ผมก็คงอยากพุ่งออกจากรถแล้วโดดลงน้ำตาย มันต้องเป็นภาพที่ทำให้ปวดสายตาแน่ๆล่ะถ้าคนแบบพี่รุกฆาตจะมาพูดคะขา แค่คิดก็เหมือนผิดผีแล้วครับ



คนข้างๆตัวคือพี่รุกฆาต ลูกพี่ลูกน้องของอิเจ๊พี่ดาบมัน ตอนนี้ผมนั่งอยู่ในรถของเค้าสองคน หลังจากที่เค้าจัดการลากตัวพาพวยกับไอ้ม็อบไปขึ้นรถของใครไม่รู้ที่ส่งมารับ เค้าก็บอกให้ผมมากับเค้า เพราะเราจะไปหาอิเจ๊พี่มันด้วยกัน



“เอ่อ พี่รุกครับ อิเจ๊...เอ่อ พี่ดาบเป็นยังไงบ้าง” ผมเลือกที่จะถามเรื่องที่เป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้ คนที่ผมไม่รู้เลยว่าเค้าต้องเจออะไรมา คนที่ผมเดินหันหลังมาในวันนั้น เอาแต่ถามว่าทำไมมันต้องทำแบบนั้น โดยไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วมีใครบางคนทำให้มันเป็น คิดแล้วก็อดไม่ได้ที่ต้องกำมือตัวเองแน่นๆ ผมรู้สึกเสียใจที่ในช่วงเวลานั้นผมไม่ได้อยู่กับพี่มัน



“จริงๆก่อนหน้านี้ก็ไม่ดี”



“พี่ดาบมันเป็นอะไรมากหรอครับ เกิดอะไรขึ้นครับ” ผมหันไปถามอีกคนอย่างร้อนใจ หัวใจผมสั่นตอนที่ได้ยินว่าไม่ดี คนข้างตัวที่หันมามองหน้ากัน ดวงตาคมที่แค่มองดูก็เหมือนกำลังแสกนผมไปทั้งตัว คนข้างๆตัวที่ยกยิ้มมุมปากนิดๆแล้วหันหน้ากลับไปมองถนน



“หึ ไม่โกรธมันแล้วหรือไง”



“ห..ห๊ะ?”



“มันไปนอนกับคนอื่นนะ คนที่มึงพึ่งกระทืบมา”



“มันไม่ได้นอนนะพี่ มันก็แค่...แค่เกือบ” ผมหันหน้าไปเถียง รู้สึกไม่ถูกใจเท่าไหร่ที่น้ำเสียงอีกคนติดจะขำในน้ำเสียง ไม่ใช่เรื่องตลกนะเว้ย ถามอะไรก็ตอบไอ้เอมมาสิวะ



“หึ มึงนี่โง่จัง”  เอ้า...มึงด่ากูทำไมก่อน จดเลย ไอ้เอมจดทดในใจ กูจะไปฟ้องพี่ดาบแน่!



“ต่อให้มันทำให้เจ็บแค่ไหน ก็ยังรักอยู่สินะ” รถที่ค่อยๆเคลื่อนช้าลงในตอนที่เราติดไฟแดง ได้ยินเสียงดึงเปรกมือ รับรู้ได้ถึงสายตาคมๆที่จ้องมองมาที่ผม ทำเอาขนแขนขวาลุกชูชันไปหมด แต่ถึงแบบนั้นผมก็เลือกที่จะหันกลับไปสบตาอีกฝ่าย



“ตลอดเวลาที่ผมรู้จักกับอิเจ๊พี่มัน ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่มันทำให้ผมเสียใจเลยสักนิด กับเรื่องนี้ที่ก่อนหน้านี้ผมจะทนไม่ได้ แต่พอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพี่มัน พี่จะให้ผมยังทิฐิอยู่หรอ ... ผมไม่อยากเสียเวลาที่ผมควรจะมีความสุขให้ผ่านไปแบบไร้ประโยชน์อีกแล้วล่ะ”



ตอบกลับออกไปแบบนั้น คนข้างๆตัวที่ก็ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา สายตาคมที่จ้องมองตาผมนิ่งๆ



“จริงๆมึงก็ไม่ได้โง่นิ หึ”



“เอ้า!”



“อย่างน้อยก็ฉลาดที่จะทำตามหัวใจตัวเอง ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเอาไอ้ตุ๊ดนั่นอยู่”



“อิเจ๊พี่มันไม่ได้เป็นตุ๊ดนะ!”



“หรอวะ...” หันมาเลิกคิ้วถามผม สายตาคมที่ยิ้มเหยียดมาให้ ทำเอากูกลืนน้ำลายลงคอไปอึกนึง ... เถียงไม่ออก จริงๆมันก็เหมือนตุ๊ดนั่นแหล่ะ แต่เป็นตุ๊ดปลอม



“ช่างเหอะๆ ถึงพี่มันจะเป็นตุ๊ด หรือไม่ได้เป็น ยังไงผมก็รักมันอยู่ดี”



“หึ กูมั่นใจว่าถ้ามันได้ยินต้องดีใจ”



“เดาว่ามันต้องกรี๊ดแน่ๆ ...แต่นี่พี่รุก สรุปก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับพี่มันกันแน่ ช่วยบอกผมหน่อยว่าพี่มันไม่เป็นไร” หันไปถามอีกฝ่ายแบบจริงจัง ในใจของผมเป็นห่วงมัน ตอนนี้อยากจะเจอให้เร็วที่สุดด้วยซ้ำ แต่ท้องถนนไม่เอื้ออำนวย ติดมันทุกแยกไฟแดง



“ก็ ไม่ดี”



“ยังไง พี่ก็ช่วยพูดมาสักทีจะได้ไหมล่ะครับ” 



“หึ ก่อนหน้านี้มันมีอาการแปลกๆ บางวันซึม บางวันดีด แล้วที่แย่ที่สุดก็คือมันมีอาการคลุ้มคลั่ง”



“พี่หมายความว่ายังไง”  ผมถามออกไปแบบนั้น รู้สึกว่ามือตัวเองเย็นขึ้นมาในตอนนี้ ขออย่าให้เป็นแบบนั้น ขออย่าให้เป็นแบบที่ผมกลัว



“พี่อย่าบอกผมว่ามันติดยานะพี่”  รู้สึกร้อนๆที่นัยตาแปลกๆ ได้ยินเสียงของตัวเองที่ตอนนี้รู้ดีว่ามันสั่นมากๆ ผมได้แต่กำมือตัวเองแน่นๆ จิกเล็บเข้าไปในเนื้อให้รู้สึกเจ็บเพราะผมกลัว กลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง และถ้าเป็นแบบนั้น ตีนที่ประเคนไปคงไม่พอสำหรับคนทำ



“ถ้ามันติดมึงจะเลิกกับมัน?”



“เลิกเหี้ยไรล่ะ ผมจะพามันไปเลิกยาสิวะ”



“นี่มึงหยาบคายใส่กูหรอ” คนข้างๆตัวที่ปรายตามามองผมแว๊บนึง เป็นความรู้สึกเหมือนถูกกระชากจากที่สูงทั้งๆที่อีกฝ่ายก็แค่มอง กลัวนะแต่ไอ้เอมจะสู้!



“ผมไม่ได้หยาบคาย ก็ดูพี่ถามสิ ใครมันจะไปเลิกวะ”



“หึ” ยกยิ้มแล้วขำในลำคอ คือรำคาญครับ มึงคิดว่ามึงหล่อมากหรอ เออ มึงหล่อ! ... แต่กูอยากรู้เรื่องพี่ดาบโว้ย



“มันไม่ได้ติดยา แต่อาการที่มันเป็นก็เพราะเอฟเฟ็คของยา ดีที่มันถูกวางยาในปริมาณไม่มาก มันเลยไม่ทำให้ติด แต่ถึงแบบนั้นในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมามันก็เลยต้องไปรักษาตัว”



ผมถอนหายใจออกมาอย่างแรง อยากน้อยก็ไม่ได้แย่เท่าที่ผมคิด  ถอนหายใจออกมาแรงๆแล้วทิ้งตัวลงพิงกับเบาะรถอย่างเหนื่อยๆ



“ถึงอาการมันจะแย่ แต่ทุกๆวันมันก็ยังดันทุรังจะทำอาหารไปส่งมึงนะ ถึงแม้ว่ามันจะดูเล็กน้อย แต่เชื่อเถอะว่ามันรักมึง” พี่รุกพูดออกมาแบบนั้น เป็นประโยคยาวๆที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากคนข้างๆ ... ผมก้มหน้ามองมือตัวเองที่อยู่บนตัก อยู่ๆก็คิดถึงอาหารที่เห็นมาห้อยอยู่ที่หน้าห้องของผมในทุกๆวัน ผมกินมันอย่างอร่อย แต่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเบื้องหลังของอาหารแต่ละกล่องที่กินไป อีกคนจะผ่านอะไรมาบ้าง



“ฮึก...มันไม่เล็กน้อย...มัน ยิ่งใหญ่มากๆกับใจผม พี่ดาบ ฮึก ดูแลผมเสมอเลย”



“แล้วมึงจะร้องไห้ทำไม กูไม่ชอบ”  อีกคนพูดเสียงแข็ง ติดจะหงุดหงิดเล็กๆ แต่ได้ยินแบบนั้นแล้วผมยิ่งตกใจ รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมาทันที แรงกลั้นเสียงสะอื้นที่พยายามมาตลอด สุดท้ายมันก็ทนไม่ไหว



“ฮึก ก็...ก็ผมเสียใจ ผมเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยอ่ะ ฮื่อออออ” ร้องไห้ออกมาเสียงดังแบบไม่อาย ไม่ไหวแล้ว ไอ้เอมไม่ไหวแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากทำคือได้เห็นพี่มันกับตา อยากจะรู้ว่ามันเป็นยังไงบ้าง



“สัด อย่าร้องสิวะ กูไม่ชอบน้ำตาเลยแม่ง”



“ฮื่ออออ ฮึก ก็มันเสียใจ มันห้ามได้ด้วยหรอวะ ฮื่อออออออ” หันไปเถียงทั้งน้ำตา มองเห็นคนข้างๆที่เอียงตัวถอยหนีไปทางขวาแล้วแสดงสีหน้าว่ารำคาญกันสุดๆ ... คนเสียใจเข้าใจบ้างไหมล่ะวะ!



“เชี่ย! แฟนไอ้สัดเฮียดาบแม่งน่ารำคาญ”


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
.

.

.



“คนแบบมึงมันต้องไม่ตายดีไอ้พาย! มึงต้องตายเพราะส้นตีนกู!”



               เสียงที่ดังออกมาจากในคลิปที่เรากำลังดูอยู่ในตอนนี้ คลิปที่ถูกเปิดฉายในจอใหญ่ในห้องดูหนังของที่บ้านผม ถูกเปิดขึ้นโดยฝีมือของไอ้เฮียปืน ... สาระแนนักค่ะอิดอก คิดว่าแฟนกูเป็นนางเอกหนังมั้ง



แต่เอาจริงๆจากคลิปที่ดูอยู่ตอนนี้กูก็คิดว่าอาจจะใช่ ... แต่เป็นนางเอกหนังบู๊นะกูว่า ประเภทวิ่งสู้ฟัด หรือฟัดให้สุดหยุดที่อิดาบ กรี๊ดดดด ชื่อเรื่องทำเขินจังเลยค่ะ ... พอ กูควรจะจริงจังกับเหตุการณ์ตรงหน้าตอนนี้ก่อน



เอ็กส์ตาซี



คำๆนี้ที่ทำให้ผมประสาทหลอนมาเป็นอาทิตย์ๆ ... สภาพก่อนหน้านี้ของผมทั้งแย่ทั้งสับสน แค่คิดมาถึงตรงนี้ก็กำหมัดแน่นแล้ว



“เชี่ย พี่เอมโหดสัดๆเลยดาบ”



“เห็นตัวบางๆ แต่ตีนไม่บางเลยนะนั่นน่ะ ไอ้ดาบมึงระวังไว้ อย่าเผลอไปกรี๊ดผู้ชายที่ไหน ไม่งั้นมึงเจอแน่”



“แล้วไอ้สัดรุกทำไมไม่เข้าไปช่วยแฟนกูวะ” ผมเงยหน้าก่อนจะกดปิดคลิปที่ไอ้รุกส่งมา เป็นคลิปที่ไอ้เอมประเคนมือและเท้าให้พระพาย



“มึงจะห่วงแฟนมึงทำไมก่อน มึงดูสภาพพายในคลิปด้วย”



“แล้วกูต้องห่วงคนเหี้ยทำไมก่อน” ผมพูดออกมาแบบนั้น แล้วบรรยากาศรอบข้างก็เงียบเสียงลง เฮียปืนที่หันมามองหน้าผมพร้อมๆกับไอ้น้องแจ



“เรื่องนี้พี่จะจัดการยังไงหรอ” ไอ้แจที่ถามผมแบบนั้น แล้วมองหน้าผมแบบชั่งใจ ก่อนที่ผมจะทันตอบอะไรก็ได้ยินเสียงรถที่เลี้ยวเข้ามาในบ้าน พอหันไปมองก็ต้องลุกขึ้นยืน ใครบางคนที่กำลังเดินลงมาจากรถของไอ้รุก ก่อนที่ขายาวๆนั่นจะตรงไปที่รถอีกคันที่ขับตามเข้ามา



“นั่นพี่เอมกำลังทำอะไรอ่ะ” ไอ้แจที่ชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างพูดออกมาแบบนั้น และไม่กี่นาทีต่อมา คำตอบที่อยากรู้ก็ตามมาแบบชัดๆ



“เดินมาเร็วๆมึงอย่ามาสำออยพาพวย!”  เสียงแข็งๆที่ดังมาแบบนั้น ทำให้ขาของผมต้องรีบก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ ผมคิดถึง คิดถึงไอ้เอมมากที่สุด ...



พวกเราที่รีบเดินออกไปจากห้อง ตรงไปยังห้องโถงกลางของบ้านก็ได้เห็นกลุ่มคนที่พึ่งมาใหม่กำลังเดินเข้ามา ไอ้เอมที่กระชากคอของพระพายเข้ามาแบบไม่ปราณี ข้างหลังมีไอ้รุกที่ลากไอ้ม็อบเข้ามา จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยตาเขม็ง ก่อนจะสลับตัดไปมองใครอีกคนที่กำลังจิกหัวพายอยู่ในตอนนี้ เราสองคนที่สบตากัน ดวงตากลมสวยนั่นสั่นไหวเหมือนมันจะร้องไห้ออกมา แต่ผมไม่อยากเห็นน้ำตาของมันแล้วในตอนนี้



“พ...พี่ดาบ”  เสียงใสๆที่ผมคิดถึงนั่นเรียกผมออกมาแบบนั้น ทำอะไรไม่ได้ เป็นความรู้สึกที่ว่าเราคิดถึงกัน ผมที่ทำแค่กางแขนออกทั้งสองข้าง ไอ้เอมที่สะบัดมือออกจากหัวของพระพายแล้วผลักพายทิ้ง มันวิ่งเข้ามาหาผมพร้อมๆกับดวงตาของมันที่คลอไปด้วยน้ำตา



‘หมับ’



“ฮึก พี่...ฮึก เจ๊...ผม คือพี่...พี่...” มันที่กอดผมเอาไว้แน่นๆแล้วพูดระล่ำระลักออกมาไม่หยุด ท่าทางตื่นๆของมันที่อยากจะพูดมากๆแต่ก็พูดออกมาไม่ได้



“ชู่ววว อยู่นี่แล้วไง ไม่เป็นไรแล้วครับ” ยกแขนขึ้นโอบเอวมันด้วยมือข้างนึง ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นลูบผมมันเบาๆ ไอ้เอมตัวสั่นแล้วสะอึกสะอื้นอยู่กับอกของผม



“ฮึก พี่...ดาบ”



“ครับว่าไง” พูดกับมันเบาๆ เอมที่ผละออกจากอกผม มันช้อนตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตามามองหน้าผม ฝ่ามือเรียวของมันที่สั่นแต่ก็ยังเอื้อมขึ้นมาจับหน้าของผม มันร้องไห้แล้วมองหน้าผม สายตาที่กำลังบอกผมว่ามันเสียใจ เห็นแบบนั้นก็รู้แล้วว่าเอมมันกำลังคิดอะไร ผมยิ้มออกมาน้อยๆให้กับมัน เอื้อมมือไปวางทับบนฝ่ามือของมันที่กำลังจับอยู่ที่แก้มของผม



“พี่ไม่เป็นอะไร เอมไม่ต้องห่วงพี่นะ” บอกมันแบบนั้นแล้วยิ้มให้



“อย่า ฮึก...โกหกเอม”



“ไม่เลย ไม่โกหกเอม เหมือนที่รักเอมก็ไม่ได้โกหก”



“ฮึก...เอมก็รักพี่ เอมฮึก...”



“ชู่ววว พอ ไม่เอาไม่ร้องแล้ว ดูดิตาปูดจนไม่สวยแล้ว” ผมยิ้มกว้างมากขึ้นกว่าเดิมในตอนที่เห็นมันเอามือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองเพื่อพยายามจะให้เลิกร้องไห้ น่ารักครับ ผมอยากจะดึงมันเข้ามากอด จูบมันให้สมกับที่คิดถึง แต่ตอนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้...



“เอม อึก เอมไม่สวย พี่สิสวย”



“แหม่ะ พูดจาน่ารักจังเลยนะคะ อยากจะกรี๊ด แต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวไม่สวยเนอะ” พูดทีเล่นทีจริงใส่มันไปแบบนั้น ผมไม่อยากให้เอมมันร้องไห้แล้วครับ คิดถึงรอยยิ้มของมัน อยากจะให้มันยิ้มให้กันเยอะๆ



“พี่แม่ง” มันว่าแบบนั้นแล้วยกมือขึ้นมาตีผมเบาๆ หมัดลูกควาย



“หึ นี่ดานี่รักมันจริงๆหรอ ตกลงรักมันจริงๆงั้นหรอ” เสียงสั่นๆของใครอีกคนดังขึ้นมาในตอนนี้ ผมละสายตาจากใบหน้าที่ผมรัก ไปมองหน้าของใครอีกคนที่ผมเคยรักด้วยสายตาเย็นชา พระพายนั่งอยู่ที่พื้นด้วยสภาพสะบักสะบอม เรียกอีกอย่างได้ว่าเละเทะ



“แล้วเสือกอะไรด้วยล่ะ” ผมพูดออกไปแบบนั้นในที่สุด



พระพายที่มองมาที่ผม มือสองข้างที่เต็มไปด้วยแผลกำเข้าหากัน ผมละสายตาไปมองไอ้รุกและเฮียปืน บอกให้รู้ว่าให้พาคนพวกนี้ไปที่อื่น แล้วหันไปพยักหน้าเรียกไอ้แจเข้ามาหา



“หนู มึงไปหาอะไรกินก่อนนะคะ เดี๋ยวกูมา”



“พี่จะไปไหน ไม่เอา ไปด้วย”



“มึงจะเกาะกูเป็นลูกควายหรอคะ ไม่เอาน่า กูขอไปจัดการอะไรก่อน”



“มันหรอ”  ไอ้เอมว่าแบบนั้น แล้วใช้เท้าชี้ไปทางพระพาย เห็นแบบนั้นแล้วผมอดขำออกมาไม่ได้ ทำไมมันร้ายได้แบบนี้นะ ... แต่ถึงแบบนั้นผมก็พยักหน้ารับ



“ไปหาขนมกินกับน้องแจนะ” บอกมันอีกครั้งพร้อมยกมือขึ้นไปลูบแก้มมัน แก้มที่ตอนนี้มีรอยช้ำและมุมปากแตก ผมขมวดคิ้วในตอนที่เห็น



“ก็ได้ แต่พี่ดาบรีบมานะ เอมคิดถึง” มันว่าออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่ผมไม่เคยได้ยิน....อิดอก อยากกรี๊ด! แต่กูต้องฮึบไว้ ปล้ำแม่งเลยได้ไหมไม่อยากจะทน!



“ครับ...เดี๋ยวพี่มา ไม่นานหรอก”



.

.

.



‘พลัก’



“โอ้ย!” พายร้องออกมาแบบนั้น ตอนที่ผลักพายเข้ามาในห้องและล้มลงกับพื้น ผมมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา มองเห็นไอ้ม็อบที่เดินเข้ามาพยุงพายด้วยสภาพใจลอยเหมือนหมดอะไรตายอยาก



“ทำแบบนี้ทำไม”  ผมถามออกไปแบบนั้น พายผลักไอ้ม็อบให้ออกไปไกลๆตัว แล้วก้าวเข้ามาหาผม



“ดานี่ต่างหากทำแบบนี้ทำไม! สรุปรักมันหรอ มันที่ไม่มีอะไรเทียบพายได้เลย”



“ใครบอกแบบนั้น ใครไปเข้าฝันบอกมึงแบบนั้น”



“ดานี่! ดานี่พูดหยาบแบบนี้กับพายหรอ”  คนตรงหน้าที่มองหน้าผมเหมือนคนแปลกหน้า ไม่ต่างกันกับที่ผมมองคนตรงหน้าเหมือนคนไม่รู้จักเช่นกัน



“กูจะไม่พูดดีกับคนที่มันไม่ดีกับกู”



“ดานี่เคยบอกว่ารักพาย เคยบอกจะรอพาย!”



“แล้วใครมันจะไปรอคนเห็นแก่ตัวแบบมึงได้ทั้งชีวิตกันวะ พูดออกมาแต่ละอย่างไม่คิดว่าตัวเองเหี้ยบ้างหรอวะ ห๊ะ!” ผมตะคอกเสียงออกไปแบบนั้น มองเห็นคนตรงหน้าที่เริ่มจะหน้าซีดตกใจตอนที่เห็นผมเป็นแบบนี้ ผมจ้องเข้าไปในตาคนตรงหน้านิ่งๆ



“มึงโกหกกูทุกเรื่องใช่ไหม ไอ้โรคกลัวผู้ชายห่าอะไรของมึงก็ด้วย” ถามออกไปแบบนั้นแล้วคนตรงหน้าก็เริ่มหน้าซีด



“ตอแหลเก่งดีนะ ปั่นหัวกูสนุกมากไหม”



“โอ๊ย! ดานี่ พายเจ็บ” คนตรงหน้าร้องออกมาแบบนั้นในตอนที่ผมดึงแขนอีกคนเข้ามาใกล้ ใช้มืออีกข้างคว้าเข้าที่หลังคออีกฝ่ายให้หันมาจ้องหน้า



“เจ็บ มึงเจ็บได้เท่ากูหรือเปล่า! เจ็บได้เท่าที่กูเจ็บไหม มึงรู้ไหมว่ากูไม่กล้าแม้แต่กอดเมียกู! ทุกอย่างมันพักก็เพราะความเห็นแก่ตัวของมึงพระพาย”



“ก็แล้วมันทำไม ทำไมพายจะทำเพื่อตัวเองไม่ได้ พายก็แค่อยากกลับมาหาดานี่! ฮึก...แค่อยากให้ดานี่พาพายออกไปจากนรกนี่ คิดว่าพายอยากอยู่แบบนี้หรอห๊ะ! ฮึก ฮื่อ พายก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ...ดานี่ที่บอกว่าจะรอ แล้วพายผิดตรงไหนที่จะพยายาม”



“หึ...คนที่ไม่รู้ผิดรู้ถูก ทะยานอยากไม่เลิกแบบมึงอ่ะพาย มันไม่มีทางจะได้รับสิ่งดีๆตอบแทนหรอก กูโคตรเสียใจที่ครั้งนึงเคยรู้สึกดีๆกับมึง”



“ฮึก ก็แค่ดานี่รักพาย เรารักกัน....”



“แต่ตอนนี้กูไม่ได้รักมึง! อย่าพูดถึงคำว่ารักเลย ต่อให้เป็นแค่คนเคยรู้จักกันกูก็ไม่เป็น!”



“ฮึก ดานี่”



“มึงรู้ไหมว่าชีวิตนี้กูไม่เคยคิดจะทำร้ายมึงเลยพาย” ผมพูดแบบนั้นแล้วจ้องตาคนที่ร้องไห้อย่างหนัก พายที่ขยับตัวถอยหลังออกจากผมทีละก้าว แต่ผมก็ยังสาวเท้าเข้าไปใกล้ มองเห็นจากตรงนี้ว่าพายตัวสั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก ไอ้ม็อบที่ทำท่าจะเดินเข้ามาถูกไอ้รุกเตะกลิ้งไปอีกทาง ผมจ้องหน้าคนตรงหน้าแบบที่ไม่เคยทำ สายตาที่มองไม่ต่างอะไรกับมองเห็นขยะไม่มีประโยชน์ชิ้นนึงเท่านั้น ยกยิ้มมุมปากออกมาในตอนที่เห็นอีกฝ่ายไร้ทางไปและเริ่มกลัว



“หมาจนตรอกยังน่าช่วย แต่มึง...มันไม่สมควรได้รับความช่วยเหลืออะไรเลย”



‘ผลัว!’



ใบหน้าที่เคยสวยสะบัดไปอีกทาง เลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากจมูกก่อนที่คนตรงหน้าจะทิ้งตัวลงแทบเท้าของผมแบบไร้ทางสู้ ยกขาข้างนึงที่วางอยู่วางลงบนกลางหลังของคนที่นอนอยู่แทบเท้า พระพายที่ช้อนตามองผม น้ำตาใสที่ไหลลงมาไม่ได้น่าสงสารแล้วในวันนี้ มันมีแต่ความน่ารังเกียจ



“ออกไปจากชีวิตกู ทำเหมือนว่ามึงกับกูไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อย่ามาเจออย่ามาให้กูเห็นหน้าทำเหมือนกับว่ามึงเป็นแค่ขยะชิ้นนึงที่กูจะไม่มีทางไปเฉียดใกล้ นี่เป็นทางรอดเดียวที่กูจะมอบให้ได้กับคนเหี้ยแบบมึง ... ถ้าแฟนกูเดือดร้อนอีกแม้แต่นิดเดียว กูไม่เอามึงสองคนไว้แน่”



“ดา...”



“อีกอย่างจำไว้ กูชื่อดาบ!...”



‘อัก!’



กระทืบเท้าลงไปอีกในตอนที่พูดออกมาแบบนั้น ไม่เหลือแม้แต่ความสงสารสักเศษเสี้ยวเดียวให้คนที่ไม่มีค่า



“เวลาที่กูไม่รู้สึก กูใจร้ายได้มากกว่าที่มึงคิดอีกพระพาย” ยกยิ้มมุมปากส่งไปให้ ก่อนจะพยักหน้าให้ไอ้เฮียปืนและไอ้รุก



“จัดการ”



“...จ..จะทำอะไร เดี๋ยว โอ๊ย อย่า อย่า...”



“หึ”





--------------

มาต่อแล้วค่ะ ครบ100%เรียบร้อยแล้วจ้า ขอโทษที่ช้านะคะ เพราะว่าอาการป่วยของแคทบางทีก็กลับมาปวดเป็นรอบๆ

เลยทำให้งานช้า และสำหรับตอนนี้ สำหรับแคทเขียนยากมากๆ ไม่รู้ว่าคนอ่านจะอินและสนุกไปด้วยกันไหม

แต่แคทหวังว่าทุกคนยังจะรอและจะรู้สึกสนุกไปด้วยกันนะคะ

ฝาก #สวยๆเป็นผัว ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mc4: :mc4: :mc4: มาแล้วๆ ดีใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
โหย.....พี่ดาบเวอร์ชั่นดาร์กน่ากลัวอ่ะ แอบสงสารพาพวยนิดๆ เลย

เป็นกำลังใจให้ไรท์หายเป็นปกติเร็วๆ นะคะ.  :กอด1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หมดดราม่าแล้วเนาะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
แอบสงสารพระพายอยู่เหมือนกันนะ มันต้องมีเหตุผลที่ทำซิ และที่ว่าอยากออกจากนรกที่พูดถึงคืออะไร แอบดราม่าไปอีก แล้วม็อบล่ะทำไมถึงร่วมมือกับพระพายด้วยอยากรู้ถึงเหตุผลที่ทำจริง ๆ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
สมน้ำหน้าอิพาพวย :hao3:

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
อินค่ะคนเขียนน คนไม่ดีก็ต้องได้รับในสิ่งที่เขาทำไว้และค่ะ รักษาสุขภาพด้วยจ้า :mew1: :L2:

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่45



“ไปแดกข้าวกันปะ”



“ไม่...” ตอบกลับคนที่เรียกผมแบบนั้นพร้อมๆ กับยื่นฝ่าเท้าไปยันตูดมันที่นั่งอยู่ข้างๆ เตียง ท่อนล่างที่ตอนนี้ใส่กางเกงวอร์มแบรนด์ของอดิดาสส่วนท่อนบนก็ไม่ใส่อะไรมันสักอย่าง นั่งเปลือยอกโชว์อยู่ได้ แหม ไอ้ขี้แอ๊กเอ้ย! คิดว่าหล่อมากไง ...เออ มึงหล่อ แต่แล้วไงอ่ะ แอ๊กนัก ยันแม่ง



“มีแรงถีบกูแบบนี้ก็ลุก” มันว่าออกมาอีกพร้อมๆ กับยื่นมือมาดึงผ้าห่มออกจากตัวของผม อย่าเสือกมาดึงนะเว้ย!



“อย่ามากวน”



“ไม่หิวข้าวหรือไง สายแล้วเนี่ย”



“สายก็เพราะพี่มึงไหมวะ แม่ง” ด่ามันอีกที พร้อมยันเท้าใส่หลังมันอีกรอบ แต่ไอ้คนโดนยันแค่ยกยิ้มมุมปาก มันเป็นกวนตีนป่ะ ไอ้สัดพี่เก้อแม่งชอบกวนตีน



“งอแงอะไร ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะบ่น”



“กูบ่นแล้ว มึงไม่ฟังเถอะ”



“กูเห็นมึงบ่นอยู่แป๊บเดียวเอง ที่เหลือฟังไม่เห็นจะรู้เรื่องได้ยินแต่พี่เก้อ อ๊ะๆ อื้อๆ อะไรอยู่ข้างหูกูนี่แหล่ะ”



“กวนส้นตีน พี่มึงไปเลยนะ!” หันไปมองแรงใส่มัน พร้อมๆ กับคว้าหมอนใบเล็กที่อยู่ใกล้ๆ ตัวขว้างไปใส่มันด้วย แต่อีกดันรับทัน มันที่มองมาที่กันแล้วยิ้มออกมากว้างๆ เป็นรอยยิ้มที่เรียกได้ว่ายิ้มออกมาทั้งปากทั้งตา ท่าทางที่ดูมีความสุขมากๆ ของมันสะท้อนอยู่ในสายตาของผม ไม่ต่างไปจากสายตาของมันที่ก็กำลังสะท้อนภาพเปลือยเปล่าของผมอยู่ในสายตาของมันไม่ต่างกัน



“มึงไล่กูหรอ” ยกยิ้มมุมปากแล้วมองตาผมไม่เลิก เกลียดท่าทีทุกๆ อย่างของพี่มัน พอๆ กับจังหวะการเลื่อนหน้าเข้ามาหากันจนลมหายใจของกันและกันสัมผัสที่ใบหน้า



“พูดเลยว่า ต่อให้มึงไล่กูก็ไม่ไปอยู่แล้ว”



“หน้าด้าน”



“พึ่งรู้หรอครับน้องเสือ...พี่ด้านได้มากกว่านี้อีกนะ” ยักคิ้วใส่ผมหนึ่งทีพร้อมๆ กับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของมัน และในตอนนั้นที่ใบหน้าคมก็เอียงหน้าเข้ามาหอมแก้มกันฟอดใหญ่อีกหนึ่งที



‘ฟอด’



“อ...ไอ้พี่เก้อ!” ได้แต่ยกมือขึ้นกุมแก้มแล้วเบิกตามองหน้ามันแบบนั้น การกระทำอุกอาจจนกูต้องอ้าปากค้าง มันที่เห็นผมเป็นแบบนี้ก็หัวเราะออกมาทันที



“น่ารักวะเสือ”



“พูดเหี้ยไร แม่ง” เสหน้าหนีสายตาของมันที่เอาแต่มองกันไม่เลิกสักที



“มึงรู้ตัวไหมว่ามึงขาว”



“เสือกไรกับความขาวกูล่ะวะ” บ่นมันออกไปแบบนั้น แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่ยอมหันหน้าไปมองมัน เบื่อสายตามันครับ



“ก็ไม่ได้อยากเสือกอะไรนะ ก็แค่อยากบอกให้มึงรู้...”



“อะไร”



“ว่าพอมึงเขินทั้งหน้าทั้งตัวมึงไม่ขาวนะ...แต่มันแดงแทน หึ”



เกลียดแม่ง! เกลียดทุกอย่างที่มันพูดเลย รวมถึงเกลียดตัวเองด้วยที่ต้องยอมรับว่าคนแบบไอ้เสือ...ต้องมาตกม้าตายเขินไอ้คนแบบมัน เสือแบบผม ทำไมวันนี้ต้องมาแพ้คนแบบไทเกอร์ด้วยก็ไม่รู้ รำคาญจริงๆ เลย!



และกว่าทั้งผมและพี่มันจะแต่งตัวเรียบร้อยกันเสร็จก็ใช้เวลาพอสมควร เวลาที่ว่านั่นก็เลยแลกมากับน้ำย่อยของผมเอง ผิดเวลา หิวจนแสบท้องเลยครับ



‘จ๊อกๆ’



“ท้องร้องอะไรขนาดนั้นวะ”



“ก็กูหิว มึงไม่เข้าใจคนหิวหรือไง”



“งั้นมึงตามลงไปทีหลัง เดี๋ยวกูนำมึงลงไปสั่งไว้รอ มึงตามลงมาจะได้กินเลย” พี่มันบอกออกมาแบบนั้น คำพูดแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่ต้องหันไปมองหน้ามัน



“มองกูแบบนั้นหมายความว่าไง”



“ก็...เปล่า แค่คิดว่า มึงห่วงกูหรอวะ” เลือกจะหันหน้าหนีมันกลับมาที่โต๊ะเขียนหนังสือ ไล่มือไปตามขวดน้ำหอมบนโต๊ะที่ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะหยิบมาฉีดใส่ แต่ทำแก้เก้อไปงั้นแหล่ะ แต่ในวินาทีต่อมา ก็รับรู้ได้ว่ามีใครอีกคนเดินมายืนซ้อนหลังกันอยู่ พอหันหน้าไปก็เจอหน้าอีกฝ่ายที่อยู่ไม่ไกลกัน มันที่ส่งยิ้มมาให้ผม พร้อมๆ กับฝ่ามือของมันที่วางลงมาบนหัวของกันเบาๆ



“กูห่วงมึงตลอดนั่นแหล่ะเสือ แต่กูก็เป็นแบบนี้ ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนใคร จะให้มาพูดเลี่ยนๆ ใส่มึงก็ทำไม่ได้หรอกว่ะ”



“ก็ถ้าพี่มึงทำ กูคงอ้วกแตกตายก่อน”



“คู่เราแม่งรักกันด้วยลำแข้งจริงๆ แม่งเอ้ย”



“มึงจะตีกูหรอไอ้พี่เก้อ มึงจะแข้งกับกูหรอ”



“ใครจะไปกล้าครับ ตีนเมียกูหนักจะตาย”



“สัด”



“หึ งั้นกูลงไปสั่งรอมึงนะ มึงล็อคห้องแล้วตามกูลงไป”



“อื้ม” ตอบรับมันออกไปเบาๆ อีกคนที่ก็มองผมไม่วางตาแล้วยิ้มออกมา ก่อนมือที่วางอยู่บนหัวของผม พี่มันก็ขยี้เบาๆ ก็จะผละตัวถอยหลังออกไป จริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่หรอกนะ ไม่ได้ซึ้งอะไร แต่สุดท้ายกูก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้ทุกทีเลย



.

.

.


“มึง...ป้า มาทำไรกันที่นี่วะ”



“กูสิต้องถามมึงว่ามาทำอะไรที่นี่คะ มึงนอกใจน้องเสือกูหรอ”



“พูดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย”



ผมที่ล็อคห้องเรียบร้อยแล้วเดินตามพี่เสือมันลงไปทีหลัง ต้องขมวดคิ้วกับเสียงของคนที่พูดคุยกันจนดังลั่นทางเดิน โดยเฉพาะหนึ่งในเสียงนั้น เป็นเสียงของแฟนกู คนที่บอกว่าจะลงมาสั่งข้าวให้กูก่อนพอลงไปจะได้กินเลย



“มึงนอกใจกูหรอไอ้พี่เก้อ” ลงบันไดมาได้ยินประโยคนอกใจอะไรนี่พอดี เลยโพล่งออกไปแบบนั้น สายตาจากคนสามคนหันมามองผมเป็นตาเดียว ผมยืนอยู่ตรงชานพักของบันไดในช่วงก่อนจะลงไปถึงชั้นหนึ่ง ส่วนพี่เก้อมันก็ยืนคาอยู่ที่บันไดในชั้นที่ต่ำลงไปจากผมสามสี่ขั้น ตรงขั้นบันไดชั้นหนึ่งผมเห็นพี่หยีที่ยืนอยู่ตรงนั้น ขาสวยๆ ของพี่เค้าก้าวขึ้นมาที่ขั้นบันไดแล้วสามขั้น และคนที่ยืนกอดกระเป๋าอยู่ตรงขั้นบันไดขั้นแรงไม่ใช่ใครที่ไหน คือพี่เอม เพื่อนสนิทของกลุ่มไอ้พี่เสือ



มาทำไรที่นี่กันทั้งกลุ่มเลยวะ ... ผมได้แต่มองภาพตรงหน้านี้อย่างไม่เข้าใจ



“กูเปล่านอกใจมึง” ไอ้พี่เก้อหันมามองหน้าผมแล้วพูดออกมาแบบนั้น ก่อนมันจะรีบหันกลับไปพูดกับเพื่อนของมันต่อ



“ป้ามึงอย่ามาพูดพล่อยๆ นะเว้ย แล้วพวกมึงมาทำอะไรกันที่นี่”



“นี่มันหอพักของบ้านกูจ้า กูพาไอ้เอมย้ายมาอยู่” พี่หยีพูดออกมาแบบนั้น เป็นความรู้ใหม่เลยว่านี่คือหอพักของบ้านพี่เค้า อยู่มานานกูเห็นแต่ป้าแม่บ้านไม่เคยเจอหน้าเจ้าของหอ โลกกลมเหมือนมีคนจับวาง



“มึงย้ายมาทำไมเอม มีเรื่องอะไร” ไอ้พี่เก้อที่ขมวดคิ้วแล้วถามออกไปเสียงเครียดๆ ผมละสายตาจากมัน มองตรงไปที่พี่เอม คนที่ยังยืนทำหน้าซื่อๆ แล้วอุ้มกระเป๋าใบเก่าๆ ของเค้าเอาไว้แนบอก



“ก็...ไม่มีไร



“ตอแหลไม่เคยเนียนยังจะพยายาม แล้วมันอยู่ห้องไหนวะป้า ขึ้นไปก่อนเหอะ มายืนเกะกะตรงทางขึ้นลงทำไมวะ”



“มึงส่งกระเป๋ามานี่ไอ้เอม เดี๋ยวกูถือให้” ไอ้พี่เก้อพูดออกมาแบบนั้น ผมหันหน้าไปมองมันทันทีที่มันพูดจบ แต่เจ้าตัวไม่ได้คิดที่จะหันกลับมามองหน้าผม ผมที่เป็นแฟนมันที่ยืนอยู่ตรงนี้



“เห้ย ไม่ต้องๆ กูถือเองได้” พี่เอมที่เงยหน้ามามองหน้าผมแว๊บนึง สีหน้าพี่เค้าไม่ดีเท่าไหร่แล้วก็รีบพูดปฏิเสธออกมามาแบบนั้น แต่ไอ้คนที่ไม่ยอมให้พี่เค้าปฏิเสธก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้ควายที่ยืนต่ำลงไปกว่าผมสองสามขั้น



“เรื่องมากเหี้ยไร กูถือให้ เอามาไอ้โง่”



“สัด” พี่เอมด่าได้แค่นั้นก็โดนไอ้เก้อมันกระชากกระเป๋าใบเก่านั้นมาแบกเอาไว้เอง ผมมองดูเหตุการณ์ตรงหน้านี้อย่างเงียบๆ ไม่ได้มีบทสนทนาใดๆ ออกมาจากปากของผม ก็แค่ยืนมองมันอยู่ตรงนี้ด้วยความรู้สึกที่ว่า ...อีกแล้วหรอวะ



“ไปมึง ห้องไหน”



“ชั้นสามค่ะ ตามมาๆ”



“แล้วข้าวกูอ่ะไอ้พี่เก้อ” เป็นผมที่เลือกพูดออกมาแบบนั้น เป็นความรู้สึกที่ห้ามตัวเองไม่ได้ ก็แค่อยากถามว่ามึงลืมอะไรไปแล้วหรือเปล่า หรือว่าลืมกูไปแล้ว คนที่มึงพึ่งบอกว่าเป็นห่วงกูตลอด แต่พอมันเจอพี่เอมทีไร กูกลายเป็นแค่หมาทุกที



“คือว่า...” ไอ้พี่เก้ออึกอัก มันที่หันกลับมามองหน้าผมเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่ากูยืนอยู่ตรงนี้ แล้วหันกลับไปมองหน้าพี่เอมอีกที ผมเห็นพี่เอมมองหน้ากับพี่หยีแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะออกปากถาม



“มึงจะพาน้องไปกินข้าวหรอ”



“อืม”



“งั้นมึงก็พาน้องไปเหอะ กูจะไปห้องกับไอ้หยีเอง”



“แต่...กูก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับมึง ทำไมมึงถึงต้องมาอยู่ที่นี่” ไอ้พี่เก้อพูดออกมาแบบนั้น เป็นท่าทีที่ผมมองออกว่ามันอยากจะรู้ให้ได้



“มึงก็คอยมาถามกูเอาทีหลังก็ได้ เรื่องแค่นี้เองทำไรให้ยากวะ เอากระเป๋ากูมา” พี่เอมเลือกที่จะตัดบทของไอ้พี่เก้อมันเอง ก่อนจะเดินขึ้นบันไดมาดึงกระเป๋าของตัวเองกลับไป



“เออ มึงพาน้องเสือไปเหอะ กูให้ไอ้เอมอยู่ห้อง313” พี่หยีว่าออกมาแบบนั้น ก่อนจะดึงมือพี่เอมให้เดินตามเขาขึ้นไป พวกพี่ๆ เดินสวนกับผมไปพร้อมรอยยิ้ม พี่เอมที่มองหน้าผมแล้วยิ้มให้อย่างอบอุ่น เป็นคนน่ารักที่แค่ยิ้มออกมาก็มีคนชอบแล้วครับ ผมเองก็ชอบ แต่คนที่ชอบมากกว่าผม อาจจะเป็นใครคนนึงที่ยืนอยู่บนขั้นบันไดที่ต่ำกว่าผมและกำลังมองตามหลังพี่เอมไปนั่นล่ะมั้ง มันละสายตาจากแผ่นหลังของพี่เค้า ก่อนจะเลื่อนมาสบตากับผมในตอนนี้ เหมือนพึ่งรู้สึกตัวว่ากูยืนอยู่ตรงนี้ ยืนมองมึงมองคนที่มึงชอบมากๆ อยู่ตรงนี้มาตลอด



และความรู้สึกของผม มันก็โถมเข้ามาอีกครั้ง เป็นความคิดที่วูบเข้ามาว่ามึงไม่ได้เลิกชอบเค้าเลยหรอวะ



.

.

.



ผมที่ละสายตาจากไอ้เอมแล้วถอนหายใจออกมา พูดตรงๆ ว่ายังอยากเสือกเรื่องของมันต่ออีกนิด อยากรู้ว่า ทำไมมันถึงแบกไอ้กระเป๋าเสื้อผ้าใบนี้มาอีกแล้ว ความอยากเสือกของผมมีมากจริงๆ เหมือนติดเป็นนิสัยในกลุ่มของผมแล้วครับ เป็นกันหมดทั้งไอ้หยี ไอ้เอม และผม แบบนี้แหล่ะเค้าถึงบอกว่าคนศีลเสมอถึงจะอยู่ด้วยกันได้ พิสูจน์ได้เลยตอนนี้ว่าจริง อยากรู้ฉิบหายแต่ต้องฮึบเอาไว้ตอนที่ละสายตามาแล้วเจอหน้าของไอ้เสือ มันที่กำลังมองมาที่ผมนิ่งๆ สายตาสวยมีสเน่ห์ของมันนิ่งเป็นสัญญาณบางอย่างที่ดังเตือนผมว่า มึงซวยแล้วไอ้เหี้ยเก้อ



“ปะ ไปกินข้าวกัน” เลือกที่จะพูดออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มไปให้มัน เดินขึ้นไปสองขึ้นเพื่อให้เข้าใกล้ตัวไอ้เสือมากขึ้นไปอีก เอื้อมมือจะไปจับมือของมันเอาไว้แต่ไอ้เสือเบี่ยงตัวหลบ และเลือกที่จะเดินสวนกับตัวผมลงมาพอดีพร้อมๆ กับเสียงของมันที่พูดขึ้นมานิ่งๆ



“ถ้ามึงอยากตามไปก็ไปเถอะ” .... นั่นไง กูว่าแล้ว! ....



“เสือ” เรียกมันเอาไว้พร้อมๆ กับคว้าข้อมือของมันเอาไว้ได้ทัน



“อะไร”



“มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ” ผมบอกออกไปแบบนั้น มองเสี้ยวหน้านิ่งๆ ของมันที่ไม่ยอมหันกลับมามองหน้ากัน มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิวะ ผมไม่ได้คิดอะไรกับไอ้เอมแล้วจริงๆ อย่างเดียวที่คิดก็คิดอยากจะเสือกแค่นั้นเอง



“กูคิดอะไร”



“เรื่องไอ้เอม กูไม่ได้คิดอะไรแล้วจริงๆ นะ เมื่อกี้กูก็แค่เป็นห่วงมันเฉยๆ มันแบกกระเป๋าห่านั่นมาอีกแล้วกูก็เลยแค่...”



“ก็เลยแค่ลืมว่ากูยืนอยู่ตรงนี้ มึงเลยอยากจะรีบแบกกระเป๋าขึ้นไปส่งเค้าเพราะกลัวเค้าหนัก มึงจะบอกว่ามันก็แค่นั้นไม่มีอะไรใช่หรือเปล่า กูถามจริงๆ เหอะ เวลาที่เป็นเรื่องของพี่เอม ทำไมมึงถึงต้องลืมกูทุกทีเลยวะ กูหรือเค้าที่มึงบอกว่าเป็นแฟน กูไม่ใช่หรอที่เป็นแฟนมึงคนที่มึงพึ่งเอากันมาเมื่อกี้ ใช่กูหรือเปล่าคนที่มึงบอกจะรีบไปซื้อข้าวไว้ให้ แต่พอเจอหน้าพี่เอมทีไรมึงก็ลืมกูทุกที”



“มันไม่ใช่แบบนั้นนะเสือ” ไม่ได้คิดว่ามันจะคิดไปไกลถึงขนาดนี้ ไม่เคยคิดว่าคนแบบไอ้เสือจะคิดมากได้ขนาดนี้ เพราะทั้งผมทั้งมันสันดานเราไม่ต่างกันเท่าไหร่กับเรื่องในอดีตที่ผ่านมา แต่บางทีผมก็อาจจะคิดง่ายเกินไป กับความสัมพันธ์ของเราที่เปลี่ยนไป ความรู้สึกของมันจะมาคิดง่ายๆ เหมือนเดิมคงไม่ได้แล้ว ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้คิดกับไอ้เอมแบบที่ไอ้เสือว่า แต่การกระทำของผมก็คงจะทำให้มันคิดมากอยู่ดี



“อย่าพยายามเลยว่ะพี่เก้อ ถ้ามึงยังรักเค้า ก็อย่าพยายามจะมาคบกันกับกูเลยว่ะ”



และใช่ มันคิดมากไป ไกลเกินกว่าที่ผมจะตั้งรับทัน และในตอนนี้ที่พยายามจะเอื้อมมือไปดึงมันไว้ ก็ไม่ทันแล้ว ลูกเสือแบบมันไม่เคยทิ้งลาย ว่องไวและชัดเจนเสมอ ในตอนที่พยายามจะคว้ามือมันไว้ มันก็ยกเท้าขึ้นเตะข้อพับผมเต็มแรงจนเข่าย่อลงไปกับพื้น และมันเองก็กระโดดพรวดลงจากบันไดไปยืนที่ชั้นล่างและเดินหนีหายไปแบบไม่คิดจะมองกลับมาหาผมแม้แต่น้อย



แผ่นหลังของมันที่ดูเข้มแข็งนั่น ขายาวๆ ของมันที่เตะผมจนลงมานั่งอยู่แบบนี้ ไม่รู้เลยว่ามันจะแบกความเสียใจที่ผมไม่ได้ตั้งใจเอาไว้มากมายแค่ไหน



“กูจะคบกับมึงไอ้เสือ กูไม่เลิกนะไอ้เหี้ย มึงรอกูก่อน!”



ได้แต่ตะโกนตามไปแบบนั้น อยากจะวิ่งลุกตามไปเหมือนพระเอกหนังในละคร แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตีนไอ้เสือไม่เคยเบา กูวิ่งตามไม่ทันแล้วไอ้เหยดแหม่!



“โถ่เว้ย!”



...



‘ตึก ตึก ตึก’



เสียงจังหวะก้าวเดินของคนมาใหม่ทำให้ผมต้องหันไปมอง และในตอนที่สายตาของเราสองคนสบกัน หัวใจของผมสั่นเหมือนกับวันแรกที่ได้มองตาคู่นี้ แตกต่างออกไปจากทุกทีในตรงที่วันนี้ผมคิดถึงสายตาคู่นี้มากกว่าที่เคย



“เอ่อ...”



“แจออกไปเถอะ เดี๋ยวเฮียจัดการเอง”



“ครับ”



ประโยคคำพูดสนทนาสั้นๆ ของสองพี่น้องไม่ได้มากมายนัก เพราะคนตรงหน้าของผมก็แทบจะไม่ได้สนใจน้องชายตัวเอง พี่มันเอาแต่จ้องมาที่หน้าของผม ไม่ต่างจากผม ที่ก็ไม่ละสายตาไปจากมันเช่นกัน เป็นความคิดถึงที่มากกว่าคิดถึง เป็นความเป็นห่วงที่มากกว่าความโหยหา ผมมองหน้าคนตรงหน้าที่ดูจะซูบผอมลงไปมากกว่าที่เคยแล้วอยากจะร้องไห้ออกมา



“ไงคะ ขอดูหน้าหน่อยสิ ทำไมทำหน้าแบบนั้นหื้ม” พี่ดาบพูดขึ้นแบบนั้นตอนที่น้องแจเดินออกจากห้องไป ห้องทั้งห้องมีแค่เราสองคน และพี่มันก็มาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ ผม มันที่ยิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้งที่ผมเคยเห็น



“แย่จริงๆ เลย ทำหน้าเมียกูเขียวช้ำแบบนี้ได้ยังไง ไม่สวยเลยเนี่ย” พี่มันที่พูดคะขาออกมาอีกแต่น้ำเสียงไม่ได้ดัดอะไรแบบที่ชอบทำ เป็นคำพูดจากเสียงทุ้มๆ ที่อบอุ่นที่มาพร้อมๆ กับฝ่ามือแกร่งที่เลื่อนมาลูบใบหน้าผมเบาๆ เป็นความรู้สึกแผ่วๆ ที่เหมือนอีกคนก็ไม่กล้าจับ



“เจ็บมากไหม”



“ม..ไม่ครับ” ผมตอบคำถามของพี่มันพร้อมๆ กับส่ายหน้า อีกคนที่มองมาด้วยสายตาที่บอกได้ว่ามันไม่สบอารมณ์



“ไม่ชอบให้มึงเป็นแผลเลยรู้ไหม ถ้าเลือกได้ก็อยากให้เป็นหน้ากู” มันว่าแบบนั้นด้วยเสียงจริงจัง จ้องหน้าผมแล้วค่อยๆ ลูบเบาๆ



“เอมไม่เจ็บหรอก”



“แต่กูเจ็บ” มันพูดสวนขึ้นมาแบบนั้น ผมช้อนตามองหน้าพี่มันที่ทำสายตาจริงๆ จัง ฝ่ามืออุ่นๆ นั่นที่เลื่อนลงมาจับมือของผมเอาไว้เบาๆ



“กูเจ็บที่ทำให้มึงเจ็บ ทุกเรื่องเลยเอม กูไม่อยากให้มึงต้องเจ็บแบบนั้นเลย” ผมพูดไม่ออกตอนที่ได้ยินประโยคนี้ พี่มันที่ก้มหน้าลงมองมือที่จับกันของเราอยู่ตอนนี้ ก่อนที่มันจะกระชับฝ่ามือให้แน่นขึ้นมากกว่าเดิม เหมือนว่ามันเองยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามือที่จับอยู่มันคือเรื่องจริง



“กูขอโทษเอม ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้มึงต้องกลับไปรู้สึกเหมือนตอนนั้น ตอนที่แฟนเก่ามึงทำแบบนั้นกับมึง ขอโทษครับ...”



“พี่...”



“แต่กูไม่ได้ตั้งใจ จริงๆ นะเอม...กูขอได้ไหม”



“หื้ม”



“ขอความเชื่อใจที่มึงมีให้กูกลับคืนมาได้ไหมวะ ให้กูได้เป็นพระเอกที่สวยที่สุดในชีวิตของมึงแบบที่กูเคยพูดไว้ได้ไหมครับ” เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม สายตาของพี่มันที่บอกว่ากำลังเสียใจ กลัว และคาดหวังกับคำตอบของผม ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนที่ผมจะขอแยกมาอยู่คนเดียวในวันนั้น มันอาจจะเป็นแผลที่ทำให้กระทบใจพี่มันมาจนถึงวันนี้หรือเปล่า ตอนนี้แม้กระทั้งจะจับมือผม มันถึงดูยังดูไม่กล้าที่จะทำเลย



“แล้วกับพระพาย”



“มันจะเป็นจะตายยังไงก็เรื่องของมัน”



“ทำไมใจร้าย”



“เพราะกูจะใจดีแค่กับคนที่กูรัก”



ผมรู้ดีว่านิสัยของพี่มันเป็นคนให้ความสำคัญกับคนที่มันแคร์ โดยเฉพาะกับเรื่องความรักของมัน พี่มันยึดมั่นและชัดเจนกับความรักในทุกๆ ครั้งของตัวเอง เป็นคนชัดเจนที่จะไม่ลังเลกับเรื่องที่ตัวเองมั่นใจ และเพราะแบบนั้นเวลาที่มันรักใครมันเลยให้แบบเต็มที่ ผมไม่แปลกใจถ้าเรื่องราวในครั้งนี้ จะทำให้มันตัดพระพายออกไปได้แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะคนที่ไม่ดีกับมัน พี่มันก็ไม่คิดจะเก็บเอาไว้อีกหรอก เพราะมันไม่แฟร์ที่คุณจะให้ใครไปร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สิ่งที่ได้กลับมามันเป็นแค่เรื่องโกหก



“คนๆ นั้นคงเป็นผมสินะ” พูดออกไปแบบนั้นแล้วส่งยิ้มให้พี่มัน เป็นรอยยิ้มแรกที่ได้ยิ้มให้กัน เรามองหน้ากัน ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปมากกว่านั้นนั้น มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ได้ มันเต็มไปหมดภายในใจของผม ได้แต่เอื้อมมือเข้าไปกอดพี่มันเอาไว้ และอีกฝ่ายก็กอดตอบผมแน่นๆ เหมือนกับว่ามันเองก็กำลังรอ รอให้ผมเป็นคนอนุญาตให้มันได้กอดผมอีกครั้ง



“เอม”



“หื้ม”



“ให้กูคืนมาแล้วนะ”



“อะไร”



“ตำแหน่งผัวที่สวยที่สุดของมึงไง ให้คืนกูมาแล้วไม่ให้ใครแล้วนะ” มันพูดออกมาแบบนั้น และเป็นผมเองที่ก็หลุดขำออกมาแบบห้ามไม่ได้ เลื่อนมือขึ้นไปลูบแก้มของพี่มันบ้าง พร้อมๆ กับส่งยิ้มไปให้ ผมพยักหน้าออกมาน้อยๆ ก่อนจะเปิดปากพูดออกไป



“ตำแหน่งแบบนี้ก็มีแค่พี่เท่านั้นแหล่ะที่มันจะเป็นได้”



“ก็ต้องใช่แล้วไหม ก็กูมันสวยที่สุดแล้วนี่คะอิดอก” มันว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มออกมา วงแขนของผมที่โอบรอบลำคอของมันเอาไว้ ส่วนของอีกฝ่ายก็โอบรอบอยู่ที่เอวของผม เราสองคนที่มองหน้ากันแล้วหลุดขำออกมาพร้อมๆ กัน และในตอนนั้นที่เหมือนโลกรอบข้างหยุดเคลื่อนไหว มีแค่ผมและพี่มันที่เท่านั้นในเวลานี้ ใบหน้าคมที่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ดวงตาคมเข้มที่วันนี้ปราศจากอายไลน์เนอร์หรืออายแชร์โดวที่อีกฝ่ายชอบทา แต่ถึงแบบนั้นสายตาของมันกลับวาววับไม่เปลี่ยนไป



“พี่จูบเอมได้ไหม วันนี้กอดเอมได้หรือยัง”



“เอมไม่ห้ามนะ วันนี้เอมไม่ห้ามแล้ว พี่ดาบกอดเอมนะ” ผมตอบออกไปแบบนั้น พี่มันที่ใช้นิ้วโป้งลากผ่านริมฝีปากของผมเบาๆ สายตาของมันที่มองอ้อยอิ่งอยู่ที่รูปปากของผมอย่างชั่งใจ ก่อนที่ลิ้นร้อนของอีกฝ่ายจะเลียของปากตัวเองนิดๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเอียงใบหน้าทำมุมให้ได้องศา กดจูบลงมาบนปากของผมของผมช้าๆ แผ่วๆ เป็นการจูบที่ค่อยๆ กดย้ำ แนบแน่น ลำลึกขึ้นที่ละนิดๆ ผมนิ่งปล่อยให้พี่มันจูบอยู่แบบนั้น เอื้อมมือไต่ขึ้นไปที่ท้ายทอยของผมสีสว่างนั่นอย่างวาบหวามในใจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คอยผลักไสมันมาอย่างร้ายกาจ ในวันนั้นที่เรารักกันแต่กอดกันไม่ได้ จนในวันนี้ที่เราเข้าใจว่ามันเพราะอะไร เราควรจะปล่อยเวลาทิ้งไปให้เปล่าประโยชน์อย่างนั้นหรอ



ความรักนะครับไม่ใช่พงศาวดารที่จะต้องคอยจดบันทึกแต่เรื่องราวเก่าๆ เอาไว้อยู่เสมอ ... มันถึงเวลาแล้วที่ความรักของเราจะเริ่มใหม่ บันทึกหน้าใหม่ของเราจะถูกจดลงด้วยมือของเรา มือของผมและพี่มันด้วยกันแค่สองคน


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

.

.

.



“พ...พี่ดาบ”



“อืม เรียกชื่อกูดังๆ กูอยากได้ยินชื่อกูออกมาจากปากมึง”



“เอาแต่ใจ อึก อื้ม”



“เร็วๆ เอม พี่คิดถึงครับ”



“อึก พี่ดาบ อ๊ะ พี่ดาบ มันลึก” แท่งเนื้อร้อนที่ถูกสอดใส่เข้ามาให้ลึกมากขึ้นกว่าครั้งไหนๆ อาจเป็นเพราะเราไม่ได้กอดกันมาสักระยะหนึ่ง พอมาทำอีกครั้งในวันนี้ มันทั้งตื่นเต้น ทั้งคับแน่น แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่คิดแบบนั้น เพราะดูเหมือนว่ามันจะชอบมากเป็นพิเศษ ยิ่งกูบอกให้เบามันยิ่งโหมแรงกระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างจงใจ เป็นคนไม่อ่อนโยนเวลาอยู่บนเตียงผมที่ปรือตาขึ้นไปมองหน้าคนที่ทาบทับอยู่บนตัวของผม ฝ่ามือข้างหนึ่งของพี่มันที่เอื้อมมือไปฉีกขาของผมให้อ้าออกกว้างมากขึ้น หลุบสายตาลงต่ำมองเห็นแกนกายอันใหญ่ที่เชื่อมต่ออยู่กับช่องทางด้านหลังของผมกำลังสอดเข้าสอดออก มองเห็นแกนกายร้อนของตัวเองที่ตั้งชันขึ้นมาอยู่ตรงหน้าแล้วแก้มยิ่งเห่อร้อน เป็นภาพที่หยาบโลนที่ชวนให้ต้องอาย แต่ถึงแบบนั้นอีกฝ่ายก็เอื้อมมือมาขยับแกนกายของผมรูดรั้งเป็นจังหวะตามแรงสะโพกของมันที่กำลังขยับเข้าออก พี่มันที่ถอนแกนกายแต่ละครั้งออกมาช้าๆ จนแทบจะสุดทั้งลำแล้วกระแทกกระทั้นกลับเข้าไปใหม่ช้าๆ อย่างจงใจแกล้งกันให้ขาดใจ ได้แต่จิกปลายเท้าลงไปกับเตียงอย่างเสียวซ่านในทุกๆ ครั้งที่แกนกายใหญ่เกือบหลุดการเชื่อมต่อ เป็นความรู้สึกที่เรียกได้ว่าเสียวจนต้องขมิบช่องทางข้างหลังเอาไว้มากขึ้นไปในทุกทีๆ เสียวซ่านจนน้ำตาคลอ



“พี่ดาบ อื้ออ อย่าแกล้งเอม”



“พี่ชอบ ทำแบบนี้น้องเอมไม่ชอบหรอครับ หื้ม” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วสอดแท่งร้อนเข้ามาอีกครั้งช้าๆ ทั้งลำก่อนจะเอียงหน้าเข้ามาหอมแก้มกันก่อนจะเลื่อนริมฝีปากเข้ามากดจูบ คนตรงหน้าที่ยกยิ้มมุมปากออกมานิดๆ ก่อนจะดันตัวผละกลับขึ้นไป สายตาคมที่จ้องมองหน้าผมแล้วยกยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ไม่ชวนให้ไวใจ และใช่ กูไว้ใจมันไม่ได้เลยแม่ย้อย!



สะโพกแกร่งที่โยกจังหวะให้เร็วขึ้นและแรงขึ้นกระแทกเข้ามาใส่แบบไม่ยั้ง เปลี่ยนจังหวะจากช้าให้เป็นเร็วแบบไม่ให้ได้ตั้งตัว เหงื่อของเราที่รวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันในตอนที่ร่างของผมและของพี่มันแนบทุกสัดส่วนเข้าด้วยกัน ทุกอย่างถูกเสียดสี ทั้งร้อนทั้งเร็วจนผมหายใจติดขัด เป็นความทรมารที่ปะปนไปด้วยความเสียวซ่านทั้งจากด้านหลังและด้านหน้าที่ฝ่ามือหนาก็ปรนเปรอกันไม่ห่าง พี่มันที่สอดตัวเข้ามาลึกและถี่มากขึ้นกว่าทุกที สายตาของผมเริ่มพร่ามัว ได้แต่ยกแขนขึ้นกอดพี่มันไว้แน่นๆ ในตอนนี้ หลับตาลงช้าๆ และปล่อยให้น้ำตามันไหลลงไป พร้อมๆ กับเสียงครางสุดท้ายที่มาพร้อมๆ กับน้ำอุ่นที่ถูกฉีดอัดเข้ามาในร่างของผม



"อ๊า"



"อึก ซี๊ด" เสียงทุ้มมีสเน่ห์ที่ครางเบาๆ ดังอยู่ที่ข้างหูของผม เสียงหอบหายใจของกันและกันดังสะท้อนแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศ ดวงตาที่พร่าเบลอก่อนหน้านี้เริ่มกลับมาเป็นปกติช้าๆ ก่อนมันจะถูกแทนที่เข้ามาด้วยความเหนื่อยอ่อน ไอ้เอมเจ็บไข่ของจริงแบบที่ไม่ได้เรียกว่าคำอุทาน หลักฐานยังคามือตรงที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ปล่อยมือออกจากแกนกายของกัน



ทุกอย่างเงียบเสียงลงในตอนที่ลมหายใจของเราเริ่มปรับเป็นปกติสม่ำเสมอ พี่ดาบที่ดันตัวขึ้นมา แล้วค่อยๆ ดึงแกนกายออกจากช่องทางของผมช้าๆ เป้นความช้าที่ไอ้เอมอยากถีบพี่มันออก เพราะยิ่งช้ายิ่งรับรู้ได้ถึงตัวตนของอีกฝ่าย มันที่จงใจค่อยๆ ถอนออกพร้อมๆ กับมองหน้าผมที่นอนกัดปากไปด้วยตาพราว



“เจ๊ อื้อออ” ร้องออกมาแบบนั้น อยากตะโกนว่ากูเสียวนะรู้เปล่า แต่ทำไม่ได้ อีกคนที่มองท่าทางของผมแล้วหัวเราะออกมามันที่จัดท่านอนให้ผมดีๆ พร้อมเอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ให้ รู้สึกเหนื่อยจนอยากจะหลับลงไปแล้วในตอนนี้



“อยู่บนเตียงกูไม่เคยเป็นเจ๊นะหนู” พูดแบบนั้นแล้วโน้มหน้าลงมาหอมแก้มกันอีกครั้งนึง



“รู้แล้วไม่ต้องย้ำ เอมเจ็บไข่เลย”



“กูว่าทำเบาๆ แล้วนะ ไข่น้องเอมบอบบางจังเลยน้า”



“อื้ม ไข่เอมใสๆ เหมือนหน้าเจ๊เลยนะ” บอกออกไปแบบนั้นแล้วตะแคงข้างหันหน้าไปแนบกับหมอนนุ่ม หมอนนุ่มๆ ที่มีกลิ่นคุ้นเคย กลิ่นที่ผมคิดถึงมาหลายคืน รับรู้ได้ถึงแรงลูบผมของผมจากฝ่ามือหนา ปรือตามองอีกครั้งก็เห็นอีกฝ่ายที่กำลังมองมาแล้วยิ้มมาให้อยู่แบบนั้น



“เอมรักพี่ดาบนะ”



“กูก็รักมึงมากเหมือนกันน้องเอม” ซุ่มเสียงสุดท้ายที่กระซิบลงมาที่ข้างหูของผมทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาได้แม้ว่าตาจะหลับลง



ตลอดช่วงเวลาในความรักแต่ละครั้งของคนเรา เราเลือกไม่ได้หรอกว่าในทุกๆ วันเราจะมีความสุขไปกับมันเสมอ ความสุขกับความทุกข์มักปะปนกันมาในความรัก ... ในตอนนี้ผมก็แค่ลองเลือกให้เวลากับตัวเองได้เรียนรู้และเติบโตจากทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลาของความรักที่ผ่านมา ผมจะไม่ฟังคำพูดของใครว่าความรักดีๆ เป็นแบบไหน แต่ผมจะเลือกคำตอบจากหัวใจของผมที่มันบอกว่าใช่ และคำตอบสุดท้ายที่ได้มา ก็คือชื่อของคนที่ขยันแต่งหน้าทาปากแดงเป็นที่สุด คนๆ นั้น คนๆ เดียวที่เราจะข้ามผ่านทุกๆ เรื่องไปด้วยกัน



.

.

.


ผมนั่งมองไอ้เด็กข้างตัวที่ตอนนี้หลับลงไปแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้คงหลับสนิท อาจเป็นเพราะเหนื่อยมาทั้งวัน และก็โดนผมสูบแรงมาทั้งคืนล่ะมั้ง แต่ดีแล้วที่มันหลับไป อยากจะให้มันพักอย่างสบายที่สุด



ใบหน้าน่ารักที่ซุกเข้ากับหมอนของผม เป็นภาพน่ารักแบบที่เคยเห็นมาตลอด อดใจไม่ได้ที่ต้องเลื่อนหน้าลงไปหอมแก้มมันอีกครั้ง



“รักมึงจริงๆ นะเอม สัญญาว่าจะหาหญ้าพันธุ์ดีมาให้กินตลอดนะครับ” พูดออกไปแบบนั้นแล้วได้แต่ขำ มั่นใจว่าถ้ามันได้ยินจะต้องทำปากเบะแล้วบ่นงุ้งงิ้งหาว่าผมชอบว่ามันเป็นควาย แต่ก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ก็เพราะว่าควายในสายตาผม มันคือความน่ารักที่สุดนี่หว่า



“เฮ้อ ... คลั่งรักจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วอิดอก” ได้แต่ยกมือขึ้นเสยผมตัวเองแบบปลงตก ไม่เคยคิดเลยว่าคนแบบไอ้ดาบ อิดานี่ จะมาตกม้าตายเพราะไอ้น้องบ๋อยที่ผ่านมาเจอกันในวันเหงาๆ ซะได้



“มึงทำของใส่กูแน่ๆ อิหนู ดูออกนะคะ” ยิ้มออกมาแล้วว่าคนที่หลับไปอยู่แบบนั้น อยากจะนั่งมองหน้ามันแบบนี้ไปตลอดคืนเลย แต่ติดตรงที่ว่าผมยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เพราะแบบนั้นเลยต้องลุกไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตัวเองและไอ้เอมก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง แต่ยังไม่ทันจะได้เดินออกไปนอกโถงก็ต้องหยุดเดินซะก่อน เพราะเหมือนว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาก่อนผมซะแล้ว



“นี่มันอะไรกัน ทำไมสภาพถึงยับเยินแบบนี้! รุกฆาต บอกน้ามาเดี๋ยวนี้” เสียงของแม่ผมที่ดังฝ่าความเงียบมาให้ได้ยิน



“ก็...ตามนี้ครับ”



“อย่าถามรบนะครับ รบพึ่งผ่านมา มาซื้อน้ำปลาให้แฟน รบไม่รู้เลย” ไอ้สัดนี่มาได้ไง แล้วมาซื้อน้ำปลาหน้าซื่อตาใสอะไรของมึง



“ทำไมต้องทำกับเค้าขนาดนั้น” แม่ของผมพูดออกมาอีกครั้ง



“พอสักทีเถอะ เลิกทำเป็นคนดีสักทีเถอะ!” เสียงของพระพายที่ดังแหวกขึ้นมาพูดออกมาแบบนั้น แม่ของผมที่ดูเหมือนจะตกใจกับท่าทางของคนตรงหน้ามากพอดู



“ผมเห็นว่ากลัวนักกลัวหนาว่าลูกชายจะเป็นเกย์ กลัวว่าลูกชายจะได้กับไอ้เอมนั่น! แล้วทำอะไรอยู่ ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง สุดท้ายมันก็ได้กันให้ต้องอายอยู่ดี! แล้วแบบนี้คุณป้าจะแบกหน้าบางๆ ของคุณป้าออกนอกบ้านได้หรอครับ”



“พอสักทีเถอะพาย” ไอ้ม็อบที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น สภาพมันเละเทะมากๆ จากฝีมือของไอ้รุก พระพายเองก็สภาพไม่ได้ต่างกัน



“ไม่พอ! ทำไมกูต้องพอวะ! มีอะไรยุติธรรมกับกูบ้าง กูมีดีกว่าไอ้เด็กนั่นทุกอย่างมึงก็เห็น แล้วทำไม ทำไมดาบถึงเลือกมัน! ทำไมคุณป้าที่ไม่ชอบมันนักหนาถึงยอมให้พวกมันคบกัน! ทั้งๆ กูเองก็รักดาบเหมือนกัน ก็แค่ขอให้กลับมาช่วยกันทำไมถึงไม่ได้!! คุณป้าก็เป็นแค่อิแก่บ้าน้ำลายที่สุดท้ายก็มีลูกชายเป็นเกย์แหล่ะวะ” พระพายตะโกนออกมาแบบนั้นเสียงดังลั่นลานหน้าบ้านของผม แม่ของผมจ้องพายนิ่งๆ ยังไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เห็นแบบนี้แล้วคิดว่าคงจะท่าไม่ดี เลยตั้งใจจะเดินเข้าไปจัดการ



‘เพี๊ยะ’



เสียงตบฉาดใหญ่ที่ดังมาจากฝ่ามือของแม่ผมที่กระทบเข้ากับข้างแก้มของพายทำให้ผมชะงักขาของตัวเอง



“ตบนี้คือตบเรียกสติ” แม่ของผมพูดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัด ท่านไม่ได้ใช้อารมณ์อะไร เป็นการพูดจาทั่วไปแบบที่ผมเคยเห็นมาตลอด



“มีสติขึ้นมาบ้างไหม จะได้เลิกเป็นหมาบ้าสักที!”



“ใช่ ฉันไม่อยากให้ลูกชายฉันเป็นเกย์ แล้วต้องโดนใครต่อใครนินทา แต่สุดท้ายแล้วฉันทำอะไรได้ ใช่ ฉันห้ามมันไม่ได้ แล้วฉันก็ได้แต่มานึกทบทวนกับตัวเองว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันทำอะไร ฉันทำให้ลูกชายของฉันทุกข์มากแค่ไหน เค้าไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากอยู่กับฉันเพราะฉันไม่ใช่ที่พึ่งพิงของเค้า ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำลายความสุขของลูก ทำลายตัวตนของเค้า แล้วแบบนั้นตอนนี้ฉันจะทำมันต่อไปเพื่ออะไร ...ส่วนชะเอม เธอบอกว่าชะเอมไม่มีอะไรดีเท่าเธอ ถ้าเธอหมายถึงชื่อเสียงเงินทองล่ะก็ใช่ แต่ถ้าเทียบกันถึงใจกับความคิดแล้วล่ะก็ เธอเทียบเค้าไม่ได้เลยพระพาย เสียแรงที่ฉันเคยเอ็นดู แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะมองยังไง เธอมันก็เป็นได้แค่ไอ้เด็กขี้ยาที่เห็นแก่ตัวที่สุด!”



“คุณป้าไม่มีสิทธิ์มาว่าผมแบบนี้นะ คุณป้าจะไปรู้อะไร จะไปเข้าใจอะไรว่าผมเจออะไรมาบ้าง ฮึก!”



“ต่อให้เธอเจอเรื่องราวที่เลวร้ายมากมายแค่ไหน เธอก็ไม่มีสิทธิใช้วิธีเลวๆ แบบนี้เหมือนที่ทำกับตาดาบ! เธอกลับมาหาตาดาบทำไม กลับมาหาลูกชายฉันเพราะรักจริงๆ งั้นหรอ ฉันว่ากลับไปถามตัวเองให้ดีจะดีกว่า ว่าคนรักกันเค้าใช้วิธีชั้นต่ำเพื่อที่จะได้มาแบบเธอหรือเปล่า ... ฉันรู้เธอไม่ได้เป็นคนโง่พระพาย หัดยอมรับความจริงให้ได้ว่าที่ดาบไม่รักเธอ มันเป็นเพราะเธอไม่เคยให้ความรักจริงๆ กับใครหรือเปล่า ... เห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ไม่ยอมเสีย แล้วมีสิทธิอะไรที่จะได้ความรักดีๆ ตอบแทน เป็นฉัน ฉันไม่มานั่งถามคำถามแบบนี้จากใครแล้วนะ มันดูโง่



“อึก...คุณป้า”



“แล้วฉันจะบอกอะไรให้อีกข้อ ต่อให้วันนี้ตาดาบบอกว่าจะเลือกเธอเป็นแฟน ถ้าให้เทียบกันระหว่างเธอกับชะเอม ฉันนี่แหล่ะที่จะขวางเธอจากลูกชายฉันขาดใจ ถึงลูกชายฉันจะมีแฟนเป็นผู้ชาย เค้าก็ไม่คว้าคนเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้แบบเธอมาเป็นแฟนหรอกจ๊ะ...คนรักดีๆ เค้าก็มีอยู่ จะเลือกเธอเพื่อ”



“คุณป้า!”



“ตารุก ตารบ จะเอาไปไหนก็เอาไปเลยไป ป้าหนวกหูเสียง”



“ครับ”



“คร๊าบคุณป้า ... ไอ้รุกๆ แม่เฮียดาบนี่เริศอยู่น้ากูว่า สกิลฝีปากอาจารย์เก่ามันโดนใจกูนัก”



“กระซิบทำห่าอะไรเสียงดังขนาดนั้น ควาย ไปลากตัวมันมา”



“สัด มึงใช่กูหรอ กูพี่มึงนะ”



“รำคาญ!”



เสียงของไอ้รุกไอ้รบและพวกพระพายหายออกไปช้าๆ จากความคิดของผมในตอนที่แม่เดินกลับเข้ามา มองเห็นผู้หญิงตรงหน้าที่ตอนนี้เดินนวดขมับเข้ามาด้วยท่าทีเหนื่อยๆ แม่ในวันนี้ไม่ต่างจากความทรงจำของผมมากนัก ท่านยังเป็นผู้หญิงที่สวย เก่ง และเข้มงวด เพียงแต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่ท่านอายุมากขึ้นแล้ว พอคิดมาถึงตรงนี้ความกลัวก็เริ่มโถมเข้ามาในใจของผม ไม่รู้ว่าอีกกี่วันที่เราจะมีกันแบบนี้ตลอดไป



“แม่ครับ” ผมเดินออกมาจากมุมมืดมุมหนึ่งของบ้าน



“ตายแล้ว ตาดาบแม่ตกใจหมด ทำไมมายืนอยู่มืดๆ แบบนี้ แม่บอกแล้วใช่ อ๊ะ...”



“แม่ ดาบขอโทษนะแม่ ขอโทษที่พูดไม่ดีกับแม่นะ”



ผมพูดออกไปแบบนั้นแล้วกอดท่านแน่นๆ ความทรงจำในวันที่ผมคลั่งถาโถมเข้ามาในใจ คำพูดว่าร้ายที่ว่าให้แม่แว๊บเข้ามาเป็นฉากเป็นตอน รู้สึกผิดที่พูดแบบนั้นออกไป และในวันนี้ สุดท้ายก็ยังเป็นแม่คนเดิมที่เดินออกไปปกป้องผม



ผมทรุดตัวลงกับพื้น ก่อนจะก้มตัวลงไปกราบแทบเท้าของแม่ เงยหน้าขึ้นมามองหน้าแม่ช้าๆ ในวันนี้ท่านยังคงมองมาที่ผมไม่ต่างจากที่เคย น้ำตาของผมไหลพอนึกถึงคำพูดใจร้ายที่เคยพูดออกไปแบบนั้น ไม่ต่างกันท่านเองก็ร้องไห้ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังคงยิ้มมาให้ผม ฝ่ามืออุ่นๆ คู่นั้นที่ยื่นลงมาลูบผม และทรุดตัวลงมากอดผมเอาไว้แน่นๆ



“แม่ก็ขอโทษนะ ขอโทษที่เข้าใจดาบช้าไป”



“แม่...”



“หื้ม”



“เรามาเริ่มกันใหม่นะครับ ดาบจะไม่ทำให้แม่ผิดหวัง จากการที่ดาบเป็นดาบนะ” บอกออกไปแบบนั้น แม่ก็ดึงผมไปกอดแน่นๆ ท่านพยักหน้าลงมาช้าๆ



“ต่อจากนี้ดาบอยากทำอะไรก็ทำไป ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาผิดหวังอะไรอีกแล้วนะลูก ไม่ต้องเอาความคาดหวังของแม่หรือของใครมาพาดไว้บนไหล่ของตัวเองอีกแล้ว แม่ขอให้ดาบได้ทำตามใจ และมีความสุขกับคนรักของลูกในทุกๆ วันนะ”



“แม่..อึก ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ”



หลายครั้งที่เราเคยคิดว่าเราโตพอแล้ว โตพอที่จะก้าวไปแบบไม่ต้องแคร์ใครทั้งนั้น แต่จริงๆ ในวันนี้ ...สุดท้ายแล้วก็ยังคงเป็นลูกแม่คนเก่า คนที่เป็นได้แค่เด็กขี้แยคอยร้องหาแม่เวลาที่เสียใจ และเพราะในช่วงวัยที่ต่าง ความคิดความเปิดกว้างในเรื่องราวหลายๆ อย่างก็ยากที่จะเข้าใจกันได้ คำตอบของโจทย์นี้ คงมีแค่เวลาเท่านั้นที่เยียวยากันและกัน ... และขอบคุณความอดทนของผม และความยอมเปิดใจของแม่ที่ทำให้วันนี้ เราได้เข้าใจกันจริงๆ สักที



.

.

.



ผมได้แต่ยิ้มกว้างๆ มองภาพตรงหน้าอยู่ตอนนี้ พยายามทรุดตัวลงให้แนบไปกับพื้นมากที่สุดเพราะกลัวว่าสองคนแม่ลูกที่กำลังกอดกันร้องไห้จะหันมาเห็นผมเข้า ผมดีใจ เป็นความดีใจที่มีความสุขมากที่สุดที่เห็นพี่ดาบกับแม่มันเข้าใจกันสักที ไม่ใช่เพราะท่านจะยอมรับตัวตนของผมได้ แต่เป็นเพราะว่า ความรักที่นอกเหนือจากการรักผมแล้ว อีกหนึ่งความรักของพี่ดาบมันก็คือครอบครัว เราคงรักกันแบบสบายใจไม่ได้ ถ้ามีอีกฝ่ายต้องเสียใจ



“เฮ้อ ดีจังเลยนะ” ยิ้มกว้างๆ ออกมาในตอนนี้ ก่อนจะพยายามแอบเดินกลับขึ้นไปบนห้องอีกครั้ง หลังจากที่เผลอตื่นแล้วหาพี่มันไม่เจอ



สกิลการเสือกของไอ้เอมสำเร็จอีกแล้ว!



------------------------------------------

เย้เฮ้ มาแล้วจ้าาา ตอนแรกตั้งใจว่าบทนี้จะเป็นบทสุดท้ายของเรื่องนี้ แต่ไม่จ๊ะ เรายังไม่จบ

เราจะมาต่อกันอีกในบทส่งท้ายในตอนหน้านะคะ

สำหรับตอนนี้เราก็ได้เห็นบทสรุปของเรื่องราวหลายๆ อย่าง แคทหวังว่าคนอ่านจะยังอยู่และชอบกับเรื่องราวเหล่านี้นะคะ

ต่อจากนี้ขอให้ความรักดีๆ อยู่กับพี่ดาบน้องเอม และคนอ่านของแคทตลอดไป

และใช่ค่ะ พี่ดาบเป็นพระเอก ขอทางให้พี่เค้าเดินหน่อยค่าาาาา

ปล.มีใครอยากเสนอตอนพิเศษแบบไหนไหมเอ่ย คอมเม้นท์มาบอกกันได้นะคะ

และจากตอนจบแล้ว จะมีตอนพิเศษอีกเล็กน้อยมาลงให้เหมือนเคยจ้า ลุ้นเลยนะคะว่าจะเป็นคู่ใคร อิอิ

ฝาก #สวยๆ เป็นผัว ในทวิตเตอร์ด้วยจ้า

 :mew1: :pig4:




ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คราวนี้น้องเอมจะมีความสุขจริงๆ แล้วใช่ไหม   :katai2-1:

อิเฮียดาบก็เคลียร์ใจกับคุณนายแม่เรียบร้อย  ทีนี้ก็แต่งงานกันได้แล้วสิ  o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 269
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
แอบกระซิบเบาๆ...
แอบอยากเห็นตอนพิเศษ...
เมื่อน้องเอมอยากจะฟันดาบ... คุคุคุ...

ออฟไลน์ นางฟ้าน้อย

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พี่เก้อกับน้องเสือสู้ๆเพื่อนเขารักดีแล้วนะ

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
แฮ็ปปี้กะตอนนี้มากและสะใจมากกะอีกพาพวยที่ตอนนี้บอกเลยยกนิ้วให้คุณแม่รัว ๆ ไปเลยจ้า

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จะจบแล้ว? ขอตอนพิเศษเก้อ-เสือนะ

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ



บทส่งท้าย




     บรรยากาศเดิมๆ ในช่วงเวลาเช้าไม่ได้ต่างไปจากทุกๆ วันที่ผมเคยเดินทางมาเรียน แต่สิ่งที่ต่างออกไปในตอนนี้ อาจเป็นความรู้สึกของผมที่มีความสุขมากกว่าแต่ก่อน ก็เพราะตอนนี้มีใครอีกคนอยู่ข้างๆ ล่ะมั้ง แค่คิดก็ยิ้มไ......





“อิดอก รถติดอะไรขนาดนี้อ่ะคะ กูเหยียบเบรกจนแข็งไปหมด”





“อะไรแข็ง มึงพูดอะไรของมึงอิเจ๊!” กูนี่หุบยิ้มแทบไม่ทัน บรรยากาศดีๆ หายไปตั้งแต่อิดอก ไอ้เอมเจ็บไข่จนต้องกรอกตา





“กูหมายถึงขากูแข็งค่ะ แน๊ ทำไมคะ มึงคิดว่าอะไรกูแข็งคะอิหนู” คนข้างๆ ที่พูดออกมาด้วยเสียงสอง และจริตกรีดกรายที่มาเต็ม ฝ่ามือแกร่งของมันที่เอื้อมมาหยิกแก้มกันจนแก้มกูยืด





“โอ๊ย ผมไม่ได้คิดถึงอะไรทั้งนั้นแหล่ะ เจ๊พี่มึงอย่ามาดึงแก้มกันได้ไหมวะ”





“มันเป็นหงุดหงิด มันเป็นฟึดฟัด มันทำไมนักคะ หรือว่าเขินเอ่ย” ว่าออกมาแบบนั้นพร้อมเอาแขนข้างนึงท้าวไว้บนพวงมาลัยรถแล้วหันหน้ามาขยิบตาให้ผมหนึ่งที ดวงตาคมเข้มของมันในวันนี้ทากลิตเตอร์สีอ่อนๆ วิ้งวับ และปากก็แดงอมส้มดูสุขภาพดี ถามมันก่อนเราออกมาจากบ้าน พี่มันบอกผมว่า “กูแต่งเอาฤกษ์เอาชัย ต้อนรับการกลับมาของรักสดใสหัวใจตะติ๊งโหน่งค่า” ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าผมจะชินแล้วกับพฤติกรรมแบบนี้ของอิเจ๊พี่มัน





“เจ๊าะแจ๊ะจังเลย หึ่ย” เม้มปากเข้าหากันก่อนไอ้เอมจะกอดอกหันหน้าหนีออกไปมองนอกรถ ไม่อยากจะสู้อีกฝ่ายครับ กลัวอิเจ๊พี่มันจะแพ้แค่นั้นแหล่ะน้า





“หึ หิวไหมหนู เอื้อมตัวไปเบาะหลังแล้วเอาแซนวิสมากินมา”





“พี่ดาบทำมาหรอ”





“กูเสกมาค่ะหนู”





“เหนื่อยจะพูดด้วย” ผมนี่กรอกตาใส่เลย พอทำแบบนั้น คนที่อยู่ข้างๆ กันก็ขำชอบใจ การกวนตีนผมได้ดูจะเป็นความสุขอย่างนึงของพี่มันนั่นล่ะครับ ... หยิบขนมปังที่ถูกตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมแบบพอดีมือใส่ไว้ในกล่องอย่างเรียบร้อย หอมทูน่าและชุ่มฉ่ำน้ำสลัดเล่นเอาพยาธิในท้องของไอ้เอมลุกขึ้นเต้นเป็นจังหวะสามช่าเลย





“อื้มมม อาหย่อยยยย”





“กินให้หมดแล้วค่อยพูดสิคะอิหนู แล้วเลอะเทอะอะไรขนาดนั้น” คนที่ใช้มือข้างเดียวจับพวงมาลัยเอาไว้ ส่วนอีกซ้ายที่ก็เอื้อมมือมาเช็ดปากกัน อยู่ๆ ก็รู้สึกร้อนหน้าขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ได้แต่อึกๆ อักๆ อยากจะหันหน้าหนี แต่ถ้าทำแบบนั้นอิพี่ดาบต้องล้อกันอีกแน่ๆ





“กินเป็นเด็กเลยมึงเนี่ย”





“ผมไม่เด็กนะเว้ย” หันหน้าไปเถียง อีกฝ่ายที่ก็ปลายสายตามามองกันนิดๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากเท่ๆ สายตาคมของพี่มันที่มองตาผมแว๊บนึงก่อนจะหันหน้าหนีไปมองถนนตามเดิมพร้อมๆ กับที่พูดขึ้นมาว่า





“อืม ก็คงไม่ใช่เด็กหรอก เด็กอะไรจะเด็ดขนาดนี้ล่ะครับ”





โวะ แม่ง! ... ใครสั่งใครสอนให้พี่มันเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นกันแบบนี้อ่ะครับ! เจ็บไข่นะพูดเลย!!





.

.

.





“โอ้โหหหห มีความเดินหน้าบานเข้ามาเลยค่ะ มันยังไง มันเป็นยังไงอิลูกตัวดีของกู มาเล่าเดี๋ยวนี้!”





“คือมึงใจเย็นก่อนจะได้ไหมอ่ะป้า” ผมที่พูดออกไปแบบนั้นตอนที่ไอ้หยีลุกขึ้นจากม้าหินตรงโต๊ะที่ตั้งอยู่หน้าคณะแล้วก้าวขาฉับๆ มาหาผม ท่าทางของมันที่ร้อนรนๆ พร้อมๆ กับมือเรียวสวยของมันที่คว้าหมับจับเข้าที่แขนของผมแล้วลากให้เดินตามมันไป





“นี่มึงมานั่งดักรอกูหน้าตึกเลยหรอป้า”





“ใช่!”





“คืออยากรู้เรื่องก็มากขนาดนั้นเลยอ่ะนะ”





“ใช่ค่ะ! กูจริงจังตลอด มึงคิดว่ากูเล่นๆ อยู่หรออิลูก ทำไมวะ ในช่วงเวลาผจญภัยของมึงทำไมกูไม่ได้อยู่ด้วย นี่ถ้าวันนั้นกูอยู่กับมึงกูจะฟาดสันดังอิพระพายให้หน้ายุบเลยค่ะ กูจะปกป้องมึงเองอิเอม”





“เว่อร์ไปน่า กูเป็นผู้ชายนะ แล้วมึงก็เป็นผู้หญิงตัวบางเป็นปลาแผ่นแบบนี้มึงจะไปสู้อะไรเค้าได้อ่ะป้า”





“เออ แต่มึงพูดมาก็ถูกค่ะ เพราะกูก็มั่นใจว่าจริงๆ แล้วกูเป็นกุลสตรีไทยใจงาม เรียบร้อยใสๆ อ่ะ”





“ใสแบบเหล้าขาวอ่ะดิมึงอ่ะ”





“เอ๊ะอินี่! แต่มึงอย่ามาเฉไฉ สรุปยังไง เหลามาเดี๋ยวนี้”





“เหลาอะไรวะ เหลาดินสอหรอ”





“เหลาก็คือเล่าค่ะอินี่ โง่เป็นลูกควายแบบนี้ทำไมอิพี่ดาบถึงหลงนัก!” พูดออกมาเสียงดังแล้วมองแรงใส่ผม โกรธอะไรกูขนาดนั้นอ่ะ กูก็แค่มีแฟนหล่อรวย ให..แค่กๆ แค่นี้ทำเป็นอิจฉาอ่ะเนาะ





“ไม่มีผัว ก็อย่าอิจฉาดิป้า โอ๊ย เจ็บนะ” ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองทันทีหลังจากที่ไอ้หยียืดแก้มผมอย่างแรง เป็นผู้หญิงน่ากลัวแบบนี้ไง ผู้ชายเลยวิ่งหนีอ่ะครับ





“เดี๋ยวกูจะมีให้ดูนะผัวน่ะ หึ่ม”





“หื้มมม ป้า มึงหมายถึงอะไร” ผมนี่หันมองมันตาค้างเลยครับ คำพูดแบบนี้มันหมายถึงอะไร ได้แต่หรี่ตามองมัน แต่อีกฝ่ายก็แค่โบกไม้โบกมือใส่





“อย่ามาเปลี่ยนเรื่องค่ะอิเอม สรุปว่าเรื่องของมึงมันยังไง กูยังไม่รู้เรื่องเลยนะคะ มึงกับพี่ดาบดีกันแล้ว แล้วยังไงต่อ เยเลยไหมอิอิ”





“ป้า! มึงพูดอะไรของมึงเนี่ย” นิ่งไว้ไอ้เอม อย่าทำตัวมีพิรุธอย่าหลุกหลิก เราต้องนิ่งไว้ ไอ้ตาข้างซ้ายมึงอย่าเหลือกไปมาสิวะ ปัดโถ่





“เป็นเลิ่กลั่ก ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้จ้า แค่กูเห็นท่ามึงเดินก็รู้แล้ว”





“กูตกบันได! บ้านพี่ดาบมันใหญ่ กูเลยไถลลงมาจากบันไดมันก็แค่นั้นอ่ะป้า ไม่มีอะไรป๊ะว้า”





“กูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยค่ะอิเอม แหม...” พูดคำว่าแหมด้วยการลากเสียงยาว ที่เรียกได้ว่าฟังแล้วรู้เลยว่ามันเชื่อในคำพูดของผมทุกคำ เป็นแบบนี้ไอ้เอมก็สบายใจครับ ถุย!





“แล้วสรุปยังไง โยกโย้อยู่นั่นอ่ะ”





“ก็ไม่ยังไง กูก็รู้ความจริงทุกอย่างแล้วว่าเรื่องคืนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น จริงๆ แล้วพระพายกับไอ้ม็อบเป็นคนวางยาพี่มัน”





“ยาปลุกหรอ อิดอกนี่ละครหลังข่าวยุคเก่าหรือเปล่าคะเนี่ย”





“เปล่า ไม่ใช่ยาปลุก แต่เป็นยาอี” ผมบอกออไปแบบนั้นแล้วไอ้หยีก็ชะงักไป ตาสวยๆ ของมันที่เบิกตากว้างขึ้น เรียกได้ว่าถ้าถลนออกมาได้มันคงทำแล้ว





“เชี่ย จริงไม่จริง”





“จริง...”





“อิดอกม็อบก็ร่วมมือด้วยหรอวะ เหี้ย นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี่ย” ไอ้หยีทำหน้าเครียดพรางยกมือขึ้นขยี้หัวตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเข้าใจว่าเป็นใครก็ตกใจ ขนาดผมยังช็อคกับเรื่องทั้งหมดเลยตอนที่พี่ดาบมันเล่าให้ฟัง





“พ่อเลี้ยงพระพายมันทำงานผิดกฎหมาย แล้วที่อยากได้เกาะของไอ้พี่ดาบมันนักก็เพราะอยากจะเอาไว้เป็นฐานผลิตและส่งออกสินค้าไปทางทะเล เห็นว่ามันตรวจจับยากกว่าทางบก อีกอย่างกูคิดว่ามันคงใช้ชื่อเสียงแม่ของพระพายด้วยแหล่ะ เค้ารวยและดังจะตายจะมีใครกล้าทำไรมัน จริงๆ กูก็ไม่ค่อยเข้าใจมากนักหรอก แต่รู้แค่ว่ามันต้องการเกาะตรงนั้นเลยตั้งใจให้พระพายเข้ามารวบหัวรวบหางอิพี่มัน”





“แต่ตอนนี้พี่ดาบมันมีมึง แผนมันเลยไม่สำเร็จ”





“จะพูดแบบนั้นก็ได้”





“แต่ตั้งแต่สมัยเรียนพาพวยนั่นมันก็สนิทกับพี่ดาบมากๆ พูดตรงๆ ว่าตอนนั้นพี่ดาบก็รักเค้ามากๆ นะ ทำไมไม่คิดจะทำตั้งแต่ตอนนั้นวะ”





“กูคิดว่าตอนนั้นเกาะตรงนั้นพ่อมันยังไม่ได้ซื้อไว้ให้พี่มันนะ เห็นว่าพึ่งซื้อและโอนเป็นชื่อพี่มันเมื่อไม่กี่ปี ตอนช่วงพระพายไปเรียนเมืองนอก”





“อ่า หรือเป็นเพราะแบบนี้พระพายถึงกลับมาหรอ”





“ก็อาจจะใช่ พ่อเลี้ยงมันอาจจะเรียกตัวกลับมาล่ะมั้ง” ผมยักไหล่และก็แค่คาดเดาไปเท่านั้น เรื่องจริงๆ ทั้งหมดเป็นยังไงก็ไม่มีใครรู้





“แล้วตอนนั้นที่พระพายเป็นโรคตื่นคนกลัวผู้ชายอะไรนั่นล่ะ ตอนนี้หายแล้ว”





“กูก็ไม่รู้อ่ะเอาจริงๆ พอถามพี่ดาบ มันก็เลี่ยงไม่พูดถึง ถ้าจะพูดจริงๆ กูคิดว่าพี่มันไม่อยากเอ่ยถึงพระพายอีก หรืออาจจะเป็นเพราะมันไม่อยากให้กูคิดมากล่ะมั้ง”





“แล้วอิน้องม็อบนี่ยังไง มันมาเป็นพวกพายได้ไง ดูหน้าก็ไม่ใช่คนเหี้ยนะ กับมึงกูก็ไม่คิดว่ามันจะทำเหี้ยๆ ใส่ เอาจริงๆ กูคิดว่ามันชอบมึงมากๆ ด้วยซ้ำ” ไอ้หยีที่ขมวดคิ้วว่าออกมาแบบนั้น ผมถอนหายใจออกมาในตอนที่ได้ฟัง ... กับเรื่องของไอ้ม็อบ แม้ว่าจะรู้จักมันได้ไม่นาน แต่นี่ก็เกือบจะครบหนึ่งเทอมแล้วที่ผมได้รู้จักกับมัน อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะสอบแล้วด้วย เวลาที่ผ่านมาที่รู้จักกับมัน ผมก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นคนแบบนั้น หรือกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนั้นเหมือนกัน





“กูไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่วันที่กูต่อยพระพาย...”





“กูให้มึงเรียกว่ากระทืบ กูเห็นคลิปแล้วค่ะ น่ากลัวมากอิเหี้ย มองมึงเป็นผัวที่แข็งแกร่งเลย มาเป็นผัวกูไหมคะพี่เอม”





“K อย่ามาใกล้กูนะป้ากูมีพระ”





“อินี่ กวนตีนนัก เดี๋ยวกูสิงมึงเลยนะคะหมั่นไส้นัก”





“หยอกน่าคนสวย”





“แล้วไป...แต่สรุปก็คือมึงไม่รู้ว่าม็อบมาเป็นพวกพระพายได้ยังไง”





“อืม ไม่รู้ กูไม่ได้คุย เอาจริงๆ ก็เสียความรู้สึกเกินกว่าจะคุยกับมันว่ะ คนที่กล้าทำเรื่องแบบนั้นกับคนอื่นได้ มึงคิดว่ายังควรที่จะพูดคุยกันได้อีกหรอวะ อีกอย่าง พี่ดาบก็บอกว่าเค้ากับพี่น้องเค้าจะจัดการเอง ขอกูว่าอย่ายุ่ง”





“มาเฟียจัดๆ”





“กูไม่คิดงั้นหรอกถึงจะเหมือนมากๆ ก็เถอะ ... แต่มึงก็รู้นี่ นามสกุลเตชะณรงกรค์เค้าเส้นใหญ่กันแค่ไหน”





“ค่ะ ใหญ่และหล่อกันยกโคตร อยากได้สักคนจริงๆ เล้ย”





“เสียใจด้วยนะ พอดีกูเอามาแล้วอ่ะ”





“อยากตบค่ะ! ถ้ากูได้มึงอย่าเหวอละกัน” ว่าแบบนั้นพร้อมมองแรงใส่ผม มันที่ยกขาเรียวๆ ของมันขึ้นมานั่งไขว่ห้างแล้วยกยิ้มมุมปากทำท่าหยิ่งๆ ใส่กัน เอากับมัน ตามใจมึงเลยจ้าป้า...ผมสายหัวกับภาพไอ้หยีที่กำลังมโนเรื่อยของมันและละสายตาหนี และก็ดันบังเอิญไปเห็นเข้ากับน้องเสือที่กำลังเดินเข้ามาพอดี ผมยิ้มกว้างแล้วโบกมือทักเลยครับ





“น้องเสือ!” ตะโกนเรียกออกไป อีกฝ่ายที่ชะงักแล้วหันมามองผมก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ สีหน้าท่าทางที่ไม่ค่อยร่าเริงนั่นทำเอาต้องขมวดคิ้ว





“สวัสดีครับพี่ๆ เอ่อ...เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะ” น้องว่าออกมาแบบนั้นแล้วหลบตาผม ... แปลกๆ นะกูว่า





“เดี๋ยวๆ น้องเสือเดี๋ยวค่ะมาคุยกันก่อน” ไอ้หยีที่ว่าแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเดินไปหาน้อง ก็คือบุกรุกเข้าไปถึงตัวแล้วคว้ามือน้องมาจับไว้แบบไม่ให้ถอยหนี





“เอ่อ...พี่หยีคือผมมีเร...”





“วันนี้น้องเสือมีเรียนบ่ายนี่นา รู้นะคะๆ มานั่งคุยกันก่อนมา ทำไมหน้าตาเป็นแบบนี้เอ่ย” ไอ้หยีว่าออกมารัวๆ เอาแบบชนิดที่น้องเสือไม่มีทางได้อ้าปากทัน และเพราะแบบนั้นน้องมันเลยได้มานั่งอยู่ที่โต๊ะมาหินตรงข้ามกับผมในตอนนี้





“วันนี้มาเองหรอ ทำไมไม่มากับไอ้เก้อล่ะ” ไอ้หยีถามออกมาแบบนั้น เอียงหน้าเอียงตามองหน้าน้องเสือแบบเรียกได้ว่าแทะโลม...คือของเพื่อนไหมยังไง





“มาเองอ่ะพี่ ไม่ได้มาด้วยกันหรอก” บอกออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วและรู้สึกแปลกใจ





“อิเก้อมันดูแลน้องเสือของพี่ไม่ดีเลยนะคะ อินี่นี่มันน่าโมโห เอาไงดี น้องเสือมาเป็นผัวพี่แทนไหม” ไอ้หยีพูดแบบนั้นพร้อมเขยิบตัวเข้าไปใกล้ เสนอหน้ามากครับ มากจนน้องเสือถอยตัวหนี





“มึงเลิกทำให้น้องมันกลัวสักทีสิวะป้า”





“เอ้า กลัวทำไมคะ เสือกลัวคนสวยๆ แบบพี่ไม่ได้นะคะ”





“มึงน่ากลัวกว่าผีอีกป้า”





“อิเอม ยังไง จะต้องโดนกูตีให้ได้มึงถึงจะหยุดใช่ไหมคะ ใช่ไหมๆ”





“ก็มาดิคร๊าบ แบร่” กูแลบลิ้นใส่มันเลยครับ ไม่กลัวครับ ถ้าป้ามันแกล้ง เย็นนี้ผมจะวิ่งไปหาพี่ดาบแล้วกอดอ้อนๆ ว่าหยีแกล้งมา เอาให้พี่มันปลอบเลย เนี่ย เป็นไง สุดยอดไปเลยว่ะไอ้เอมเอ้ย





“พี่เอมนี่น่ารักจังเลยนะครับ” น้องเสือที่พูดขึ้นมาแบบนั้น ทำเอาทั้งผมและไอ้หยีต้องหยุดตีกันแล้วหันไปมองหน้าน้องเสือ น้องมันเองก็มองมาที่ผมไม่ต่างกัน สายตาของมันดูหม่นแสงแปลกๆ จนผมต้องขมวดคิ้ว





“ถ้าเลือกได้ ผมก็อยากจะเป็นคนน่ารักแบบพี่เอมเหมือนกัน”





“เห้ย มึงจะอยากมาเป็นกูทำไมวะเสือ ทุกคนเราแม่งก็มีดีอยู่ในตัวทั้งนั้นอ่ะ” ผมพูดสวนขึ้นไปแบบนั้น น้องมันก็แค่ยิ้มบางๆ ตอบกลับมา





“จริงค่ะน้อง ถ้าน้องเสืออยากเป็นไอ้เอม น้องจะกลายเป็นควายนะ พี่ว่าแบบนั้นไม่โอเคอ่ะค่ะ”





“จริง ...เอ๊ะ นี่ป้ามึงว่ากูหรอ”





“บ้าน่าอิเอม มึงก็คิดมาก”





“มึงว่างั้นกูก็สบายใจ”





“เยี่ยมค่ะ...ว่าแต่ทำไมน้องเสือพูดแบบนั้น มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ไอ้หยีที่ขมวดคิ้วและเริ่มทำหน้าจริงจัง เพราะมันทำแบบนั้นผมเองก็เริ่มเอะใจ จริงๆ ครั้งล่าสุดที่ผมเจอกับน้องเสือ ก็ตอนที่ผมย้ายไปอยู่หอเดียวกับน้องเสือ และวันนั้นไอ้เก้อก็เสือกกับเรื่องผมมากๆ ... มันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับสองคนนี้ไหมวะ ทำไมได้กลิ่นตะหงิดๆ





“น้องเสือมีปัญหากับไอ้เก้อเพราะเรื่องกูหรือเปล่าวะ” ผมโพร่งถามออกไปแบบนั้น ไอ้หยีเบิกตากว้างแล้วหันมามองหน้าผม มันดูไม่คิดว่าผมจะถามน้องเสือออกไปแบบนั้น แต่เพราะประสบการณ์มันสอนผมว่ะ เราไม่รู้อนาคตว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ถ้าตอนนี้ทำให้ตัวเองมีความสุขได้ไวมากเท่าไหร่ เราก็ควรทำมันนะครับ และอีกอย่าง ผมเองก็ไม่อยากไปเป็นตัวแปรในความสัมพันธ์ของใคร ให้พวกเค้าไม่มีความสุขด้วยเหมือนกัน





“ผม....”





“อย่าพูดออกมาว่าเปล่านะ คิดดีๆ ก่อนตอน ถ้ามีอะไรก็พูดมาเถอะมึง” ผมบอกมันออกไปแบบนั้น น้องเสือที่เสหน้าหนีผม ท่าทางอึกอักที่ไม่เหมือนกับน้องเสือที่ผมเคยเจอแรกๆ เหมือนว่าจะเป็นอีกคน ที่ความรักกำลังสอนให้มันเปลี่ยนไป





“ผมกับพี่เก้อเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันหรอกพี่ ... มันก็แค่ เรื่องของคนที่ยังตัดใจไม่ได้” น้องมันพูดออกมาแบบนั้น ทั้งผมและไอ้หยีที่หันมาสบตากัน





“มึงหมายถึงว่าไอ้เก้อมันตัดใจจากกูไม่ได้หรอวะ” ถามออกไปแบบนั้น ไอ้เสือก็เงยหน้ามามองผม





“ถ้าผมเป็นพี่ มันก็คงจะดีอ่ะพี่เอม ผมว่าผมกับพี่เก้อมันไปกันไม่รอดหรอก”





“ทำไมถึงพูดแบบนั้นวะ ไอ้เก้อมันรักมึงมากนะเสือ” ไม่ได้จะเข้าข้างเพื่อนนะ แต่ตั้งแต่ที่มันจริงจังกับน้องเสือ ผมก็เห็นเลยว่ามันเปลี่ยนไปมากแค่ไหน





“รักผมหรอวะ ถ้ามันรักผมอ่ะ มันจะสนใจพี่มากกว่าผมทุกทีหรอ ผมไม่ได้โทษพี่นะพี่เอม พี่ไม่ผิดเลยเว้ย ผมรู้ว่าพี่มีชีวิตดีๆ ที่มีความสุขกับแฟนของพี่แล้ว ถ้าจะผิดก็ตรงที่พี่เก้อมันเลิกรักพี่ไม่ได้สักทีมากกว่าแหล่ะ”





“เห้ย! มันไม่ได้รักพี่ ไอ้เก้อน่ะตอนนี้มันไม่ได้รักใครมากกว่ามึงหรอกนะ” ผมเถียงออกมาแบบนั้น แต่น้องเสือก็ยังคงทำแค่ยิ้มบางๆ ออกมา





“ผมเคยคิดเล่นๆ แบบโคตรตุ๊ดนะ ว่าถ้าผมกับพี่กำลังมีปัญหา มันจะวิ่งเข้าไปช่วยใครก่อน และวันนั้นที่พี่มีปัญหา ผมก็ได้รู้คำตอบแล้วว่ะ”





“เสือ กูกับไอ้เก้อเป็นเพื่อนกันมานาน ชีวิตกูแม่งก็ลุ่มๆ ดอนๆ มาตลอด ไอ้เก้อมันก็แค่สงสารกูในฐานะเพื่อนแค่นั้นแหล่ะมึง”





“พี่เอมอาจจะในฐานะเพื่อน แต่ผมไม่คิดว่าพี่เก้อมันคิดแบบนั้นว่ะ ขนาดผมยืนอยู่ตรงนั้นแท้ๆ มันยังลืมผมเลย”





“กูว่ามันไม่ได้ลืมมึงหรอก มันแค่ขี้เสือกแค่นั้นแหล่ะ” ผมเถียงน้องมันออกไปแบบนั้น แต่เด็กตรงหน้าเหมือนจะไม่รับฟังกับคำพูดของผม ก็จริงแหล่ะ ผมเป็นใครวะ ก็แค่เพื่อนที่กลายเป็นตัวแปลที่สั่นคลอนความสัมพันธ์ของพวกมัน จะเอาอะไรมาฟังผมวะ จริงๆ คนที่ควรจะมายืนพูดแบบนี้ตรงนี้ควรจะเป็นไอ้สัดเก้อด้วยซ้ำ ระอาว่ะ...ถ้าแม่งจะเก้อสมชื่อก็เพราะความโง่ของมันนำพานี่แหล่ะ





“สรุปคือน้องเสือไม่มั่นใจในตัวมันสินะ ว่าระหว่างน้องเสือกับไอ้เอม จริงๆ แล้วมันรักใคร แบบนั้นใช่ไหม” ไอ้หยีที่เงียบมานานสุดท้ายมันก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาแบบนั้น





“ผมพิสูจน์มาจนเจ็บไปหมดแล้วพี่ ... ผมกับพี่มันเราไปกันไม่รอดหรอก ยิ่งฝืนไปต่อ สุดท้ายก็มีแค่ผมเองไหมวะที่รักมันอยู่ฝ่ายเดียว โคตรไม่แฟร์”





“อืม....ถ้าต้องคอยระแวงในความสัมพันธ์อยู่แบบนั้น พี่เองก็คิดว่ามันไม่แฟร์เหมือนกันแหล่ะ”





“อิป้า นี่มึงกำลังยุยงให้น้องมันเลิกกับเพื่อนเราอยู่นะมึง” กระซิบข้างหูไอ้หยีแบบนั้น แต่อีกฝ่ายทำแค่ยักไหล่แบบไม่แคร์





“ก็แม่งไม่แฟร์จริงๆ นี่หว่า ถ้าไม่ได้แคร์กันจริงๆ ก็เลิกกันไปเหอะว่ะ เสียเวลาเดินต่อ”





สัดเอ้ย มึงซวยแล้วไอ้เชี่ยเก้อ





...










ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

“ขอโทษนะ ที่ทำให้ต้องมาซวยไปด้วย”





ผมหันไปมองเสียงเนือยๆ ของคนข้างตัวที่นั่งหมดอะไรตายอยากอยู่ข้างๆ กัน ในฝ่ามือเรียวนั่นกำลังถือพาสปอร์ตพร้อมตั๋วเครื่องบินอยู่ในมือ ส่วนในมืออีกข้างมีโทรศัพท์มือถือที่กำลังเปิดอ่านข่าวอะไรบางอย่างอยู่ และคิดว่าคงไม่พ้นข่าวของครอบครัวตัวเอง ‘นักธุรกิจใหญ่ถูกรวบ แท้จริงรวยเพราะขนยา ครอบครัวxxxxx’ หัวข้อข่าวที่พาดแบบนั้นเดาไม่ยากว่ากำลังพูดถึงใคร คงหนีไม่พ้นพ่อเลี้ยงของมัน และใช่...อดีตเจ้านายของผม





“ช่างมันเหอะ ไหนๆ เรื่องมันก็มาขนาดนี้แล้ว จะโทษกันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ผมพูดออกไปแบบนั้นด้วยเสียงเนือยๆ ไม่ต่างกัน ก่อนจะหันไปมองหน้าของคนข้างตัว บนด้านข้างของใบหน้าสวยยังคงมีรอยนิ้วทั้งห้าประดับอยู่บนนั้น เป็นรอยฝ่ามือจากคนเป็นแม่แท้ๆ ที่ใส่อารมณ์กับลูกตัวเองตอนที่รู้เรื่องว่าสามีตัวเองถูกจับ ผมอยู่ในเหตุการณ์นั้นพอดี แม่ของพระพายที่ไม่เคยรู้เลยว่าสามีใหม่ของตัวเองกำลังทำงานอะไรอยู่กันแน่ จริงๆ แล้วเค้าเป็นเจ้าพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ แต่มาแต่งงานใหม่กับแม่พระพายเพราะต้องการใช้ชื่อเสียงของตระกูลพระพายบังหน้า รวมถึงความร่ำรวยนั่นก็เป็นแหล่งเงินทองที่ใช้สูบได้เป็นอย่างดี แม่พระพายค่อนข้างรักและหลงสามีใหม่มากๆ เลยไม่ได้สนใจงานการของเค้ามากนัก พอเรื่องแดงขึ้นก็เลยเสียศูนย์ และสุดท้ายก็เอาความโกรธนั้นมาลงกับลูกชายคนเดียวที่ตอนนี้ก็กำลังติดยา ... ใช่ พระพายกำลังติดยา แต่เค้าไม่ได้ติดเพราะตัวเอง แต่เป็นเพราะอานนท์พ่อเลี้ยงของพายเป็นคนทำให้เค้าติด เพื่อที่พายจะได้หนีไปไหนไม่ได้ เพราะเวลาต้องการยา พายก็ต้องกลับไปหาเค้า





ผมเจอกับพระพายครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน ตอนนั้นผมอยู่ม.ปลาย ผมอาศัยอยู่กับพี่ชายแค่สองคน และเราก็อยู่กันอย่างยากจน จนวันนึงครอบครัวของเราก็ดีมากขึ้นจากการทำงานของพี่ชายผม เราได้ย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หรูของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นก็คือหนึ่งในบ้านพักของอานนท์ที่ซื้อเอาไว้เป็นที่พักพนักงานที่สำหรับทำเรื่องผิดกฎหมาย จนวันนึงพี่ชายผมตายจากงานที่มันทำ และใช่ ผมไม่มีที่ไป ผมพึ่งเรียนจบม.ปลายและไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตของตัวเองได้เพราะรู้เรื่องของอานนท์มากเกินไป สุดท้ายเค้าเลยส่งผมเรียน และเรื่องราวยิ่งลงล็อคมากขึ้นตอนที่ผมได้เป็นน้องรหัสของชะเอม เพราะแบบนั้นผมเลยถึงดึงมาเป็นหนึ่งในแผนของอานนท์





จริงๆ แล้วจะพูดว่าพรหมลิขิตก็ไม่ผิดล่ะมั้ง เมื่อหลายปีก่อนผมเคยเจอกับชะเอม ... ใช่ ผมเคยเจอเค้า เป็นการเจอกันที่แม้แต่เค้าก็คงจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนนั้นเอมทำงานเป็นพนักงานร้านสดวกซื้อ เค้าคงอยู่ประมาณปีหนึ่งได้มั้ง ส่วนผมอยู่ม.6 วันนั้นเป็นวันธรรมดาๆ ในช่วงเที่ยงๆ ผมตั้งใจจะเดินไปซื้อของกิน แต่ดันเจอใครบางคนกำลังนั่งยองๆ อยู่หน้าร้านและกำลังคุยอยู่กับลูกแมวเด็ก มือเล็กๆ นั่นกำลังเทนมลงในถ้วยเล็กๆ ที่เหมือนเจ้าตัวจะหามาใส่ให้





“กินเยอะๆ นะไอ้หนู โลกมันก็โหดร้ายแบบนี้แหล่ะ นี่กูก็ไม่มีพ่อแม่เหมือนกันนะ จนก็จนด้วยแต่ยังต้องเจียดเงินมาซื้อนมให้มึงเนี่ย เห็นไหม ในโลกที่โหดร้ายยังมีอะไรดีๆ แบบกูนะไอ้หนู กูจะเป็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ให้พวกมึงเองนะ เพราะฉะนั้นมึงห้ามตายนะ ต้องรอดนะรู้เปล่า” เสียงใสๆ ที่ว่าออกมาแบบนั้น คำพูดคำจาที่กระแทกเข้าหัวใจของผมเข้าอย่างจัง





จน



ไม่มีครอบครัว



ไม่มีที่พึ่ง



แต่ถึงแบบนั้นเราก็ยังต้องอยู่รอด ต้องอยู่ให้รอดต่อไป





“เอาล่ะ กูไปแล้วนะเจ้าหนู ต้องรีบไปเรียนแล้วเนี่ย กูน่ะนะสอบติดม.ดังด้วยนะเว้ย สุดยอดคนเท่ เป็นไงล่ะ ลูกพี่มึงแสนเท่ กินเยอะๆ นะเจ้าหนูๆ” ว่าออกมาด้วยเสียงที่ร่าเริงพร้อมๆ กับรอยยิ้มกว้างๆ และในตอนนั้นที่ตัวผมเองก็ยืนฟังเค้าพูดอยู่จนจบ และคนตัวเล็กนั่นที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นกัน ดวงตากลมสวยที่เบิกกว้างขึ้นในตอนนั้นก่อนจะยิ้มกว้างออกมาให้ผม เป็นรอยยิ้มที่สว่างสดใส เหมือนเป็นกำลังใจให้ผมมีวันดีๆ อีกหนึ่งวัน ‘กูจะเป็นแสงสว่างที่ยิ่งใหญ่ให้พวกมึงเองนะ’





เค้าเข้มแข็ง เค้าอดทน และใช่...เค้าเองก็เป็นแสงสว่างในใจของผมตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา และเพราะแบบนั้น พอผมได้รับคำสั่งให้เข้าไปเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์ของเอมกับดาบ ผมก็ตอบรับที่จะทำในทันที มันเหมือนกับเป็นความโลภ ความเห็นแก่ตัวหนึ่งครั้งในชีวิตของผม แค่คิดว่าผมกับเค้าเราน่าจะเข้ากันได้ดีมากกว่าเค้ากับแฟนของเค้า แค่อยากลองสู้ดู เผื่อว่าเค้าจะหันมามองผมบ้าง แต่ใช่ ผมคิดผิด ความรักดีๆ มันมาในเวลาที่ถูกที่ และต้องเป็นอะไรที่ถูกใจ ต่อให้พยายามแทบตาย แต่ถ้าไม่ใช่ ต่อให้พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ใช่อยู่ดี





“ไปถึงที่นู่นแล้ว ถ้าอยากไปที่อื่นก็ไปได้นะ ไม่ต้องอยู่ดูแลแบบที่แม่สั่งหรอก” เสียงของคนข้างๆ ตัวที่ดังขึ้นมาอีกทำให้ผมต้องหันไปมองหน้า สายตานิ่งๆ ของพายยังคงมองจับจ้องไปที่หน้าจอมือถือที่มืดสนิท ไม่มีใครติดต่อมา





“ไม่ได้หรอก ยังไงนี่ก็ถือเป็นบุญคุณ แม่มึงไม่ส่งกูให้ตำรวจ”





“ถ้าแม่จะส่งมึงให้ตำรวจ แม่ควรจะส่งกูมากกว่าไม่ใช่หรอ” พายพูดออกมาแบบนั้น เป็นคำพูดที่ค่อนข้างด้านชา ผมเข้าใจว่าเค้าหมายถึงในตอนนี้เค้าติดยา แต่แม่ของพระพายวิ่งเต้นเรื่องราวจนทำให้ทั้งผมและเค้าสามารถมีตั๋วและพาสปอร์ตที่ทำให้สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ... คนมีเงินมีอำนาจนี่ดีจริงๆ ก็อย่างว่า ขนาดเฮโรอินยังกลายเป็นแป้งได้ เรื่องแค่นี้แม่ของพระพายก็จัดการได้ไม่ยากหรอก





“แต่จริงๆ แม่ก็คงแค่อยากส่งกูไปไกลๆ เพื่อที่เค้าจะได้จัดการอะไรง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องมีลูกที่มีปัญหาแบบกูอยู่ด้วยก็แค่นั้นแหล่ะ”





“แม่เค้าคงไม่ได้คิดแบบนั้นหรอก”





“ไม่ต้องพูดปลอบหรอก กูชินแล้วล่ะ แต่ตอนนี้ดีหน่อยนะ อย่างน้อยไอ้อานนท์มันก็ถูกจับ มันจะได้ไม่ต้องตามรังควาญชีวิตกันสักที อย่างน้อยก็ได้หลุดพ้นแล้ว”





“ทำไมไม่คิดจะบอกเค้า กับเรื่องราวจริงๆ ทั้งหมด”





“หมายถึงบอกดาบหรอ” พายหันมามองผมพร้อมยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มวูบหนึ่งที่ผมคิดว่ามันเป็นความสุขของเค้า แววตาในตอนที่พูดถึงคนที่ชื่อดาบคนนั้น แต่ถึงแบบนั้นพายก็ส่ายหน้าออกมาช้าๆ





“บอกไปแล้วจะมีอะไรดีขึ้นอ่ะ เค้าจะกลับมารักกูหรอ กูที่เป็นคนหลอกเค้าทุกเรื่อง เข้าไปหาเค้าอย่างมีจุดประสงค์”





“อย่างน้อยตอนที่ไปเรียนต่อเมื่อครั้งก่อน มึงก็ไปเพราะไม่อยากให้อานนท์ใช้มึงเป็นเครื่องมือนะ” ผมแย้งเค้าออกมา เพราะผมรู้เรื่องว่าที่พายไปเรียนต่อหลังเรียนจบ ที่บอกใครต่อใครว่าจะไปรักษาตัวด้วยจริงๆ มันก็แค่ข้ออ้างที่จะได้ห่างจากดาบ และตัวเองจะได้ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือทำร้ายเค้าอีก เพราะช่วงที่พระพายใกล้จะเรียนจบ พ่อของดาบก็ซื้อเกาะนั้นแล้ว อานนท์ก็เริ่มอยากได้ และอยากให้พระพายเป็นหนึ่งในแผนการ แต่ตอนนั้นพายเลือกจะขอแม่ไปเรียนต่อ เพราะต้องการจะหนีอานนท์ แต่ถึงแบบนั้น สุดท้ายก็โดนบีบให้กลับมาอยู่ดี





“แต่แล้วยังไง สุดท้ายกูก็หลอกเค้าทุกเรื่อง เป็นมึงมึงจะให้อภัยหรอ คนที่วางยาเค้า ยาเสพติดนะ กูเคยโดนเอง กูรู้ว่ามันแย่แค่ไหน กูทำเค้าเสียใจ ดาบน่ะ...ดานี่คนนั้นน่ะ เป็นคนที่ยึดมั่นในความรักมากนะ ถ้าเค้ารักเค้าให้เต็มที่ แต่ถ้าไม่...ต่อให้จะเป็นจะตายเค้าก็ไม่สนหรอก” พายพูดออกมาแบบนั้นพร้อมรอยยิ้มเศร้าๆ





“แต่อย่างน้อยความรักที่มึงมีให้เค้ามันก็คือเรื่องจริง”





“ก็คงเหมือนกับที่มึงรักชะเอมล่ะมั้ง...ความรักที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ยังจะกล้ายื่นไปให้เค้าหัวเราะซ้ำสองอีกหรอ” พายพูดออกมาแบบนั้นแล้วแค่นยิ้มออกมานิดๆ แต่ก็ถูกของเค้า ... ความรักที่เห็นแก่ตัว มันไม่ได้เรียกว่าความรักหรอก





“ก็จริง...จริงๆ แล้วเราสองคน มันก็เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวเท่านั้นแหล่ะ”





“ก็คงใช่”





เค้าพูดออกมาแค่นั้น ผมที่หันหน้าหนีออกจากหน้าเค้า มองไปยังท้องฟ้าที่อยู่หลังกระจกใส ผืนฟ้าของประเทศไทย ท้องฟ้าและบรรยากาศที่เราเคยอยู่ นึกถึงรอยยิ้มสดใสที่ยิ้มให้ผมข้างๆ ร้านสะดวกซื้อในวันนั้น ผมจะเก็บทุกความรู้สึกดี เก็บทุกรอยยิ้มเอาไว้ในใจของผมไม่ลืม

“ลาก่อนชะเอม”





“หื้ม ... มึงพูดอะไรนะ” พายหันมาถามผมเบาๆ ผมเลยได้แต่ส่ายหน้า กระชับเสื้อกันน้ำที่ใส่อยู่ให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นยืน





“ไปกันเถอะ ได้เวลาแล้ว” บอกกับเค้าแบบนั้น พร้อมๆ กับยื่นมือส่งไปให้คนตรงหน้า พายมองมาด้วยสีหน้าเฉยชาตามเดิม จริงๆ แล้วก็เป็นคนหน้าสงสารที่เห็นแก่ตัวคนนึง





“ถ้าก้าวขึ้นเครื่องบินลำนี้ไป เราจะไม่ได้กลับมาอีกนะ” พายบอกผมแบบนั้น ... แต่ถึงแบบนั้นผมก็แค่พยักหน้า ผมรู้ดีว่าเราจะไม่มีทางได้กลับมาอีก แต่ถึงแบบนั้นเราก็ต้องไป





“ไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร ก็แค่พยายามไปตามหาผืนฟ้าแห่งใหม่ก็แล้วกัน...หวังว่าสักวัน พวกเราจะเติบโตขึ้น และเป็นคนดีได้มากกว่านี้”





“อืม ก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน”





เราสองคนที่เดินเข้าไปในทางทอดยาวของทางเดินขึ้นเครื่อง ผมหันหลังกลับไปมองกระจกใสที่ทอดมองออกไปยังท้องฟ้าของประเทศเราอีกครั้ง ในวันนี้ไม่รู้ว่าชะเอมเป็นยังไง แต่ผมหวังว่าเค้าจะมีความสุขในทุกๆ วันก็พอ





‘ลาก่อนชะเอม’

‘ลาก่อนดานี่ ขอโทษจริงๆ นะดาบ’






...





หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถ.....



“สัด แม่งจะหลบหน้ากูไปถึงไหนวะ” ได้แต่สบถออกมาแบบนั้นตอนที่กดวางสายโทรศัพท์ที่พึ่งจะโทรออกไปเมื่อกี้ ผมที่พยายามง้อไอ้เสือมาหลายวันแล้ว แต่สิ่งที่เจอก็มีแค่มันพยายามหลบหน้า





“มึงคิดว่ากูจะปล่อยมึงไปหรอวะ ไม่มีทาง” ยกมือขึ้นทุบพวงมาลัยรถแบบหงุดหงิดใจ วันนี้ตั้งใจจะมารับมันมาเรียน เพราะรู้ว่ามันเองก็มีเรียน แต่พอไปถึงที่หอ ลุงยามที่ตอนนี้สนิทกับผมไปแล้วก็บอกว่ามันออกมาแล้ว คลาดกันแม่งทุกวัน ถ้ามาหาตอนกลางคืนมันก็ไม่ยอมออกมาหา หงุดหงิดว่ะแม่ง ตอนนี้เลยตั้งใจมาดักรอมันตอนจะกลับ กูจะหนีบมึงกลับไปด้วยกันให้ได้เลย!





เดินลงมาจากรถแล้วมายืนกอดอกรอแม่งที่หน้าคณะเลย มองเห็นนักศึกษาที่เดินขวักไขว่ไปมาเหมือนปกติแบบที่เคยเห็น แต่บรรยากาศแปลกแตกต่างไปจากทุกทีเหมือนทุกๆ คนจะเร่งรีบเดินไปทางด้านหน้ามอมากกว่าทุกที





“มีไรกันวะ หรือว่ามีดารามาถ่ายละคร”





“มึงๆ คนตีกันๆ”





“หรอๆ ไหนๆ ทางนู้นๆ”





เสียงของพวกรุ่นน้องที่วิ่งผ่านผมไปตะโกนบอกกันแบบนั้น ... ตีกันในมหาลัยเลยหรอวะ ความกล้าระดับนี้แม่งมีมาจากไหน





แต่กูก็เคยนี่หว่า ตีกับไอ้เสือ แล้วไอ้เสือก็พอกัน วอนจะตีกับเพื่อนในรุ่นมันที่ม.หลายรอบละ ... คิดถึงเรื่องนั้นแล้วก็ต้องส่ายหัว มันดื้อจนน่าตี





“อิเก้อ! อิเหี้ย ทำไมไม่มาเรียนคะ! แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น มึงๆ ไปกับกูก่อน” เสียงแหวดังลั่นของไอ้หยีที่ถลาตัวเข้ามาหาผม มันที่สับขาวิ่งออกมาจากลิฟต์ ผมได้แต่มองมันงงๆ มันที่ตั้งท่ากระชากมือผมให้วิ่งตามไปกับมัน แต่ผมก็ยืนแขนเอาไว้ แรงไอ้หยีมันจะสู้ผมได้ยังไง





“อะไรของมึงวะป้า จะให้กูไปไหน ไม่ไป กูจะรอเจอไอ้เสือ” บอกมันแบบนั้น แล้วไอ้หยีก็เบิกตากว้างขึ้น มันที่หน้าซีดลงและเริ่มทำหน้าเครียด





“ทำไม มึงเป็นอะไรป้า”





“มึงค่อยมาหาน้องเสือก็ได้ป่ะวะ ตอนนี้ไอ้เอมกำลังแย่นะเว้ย” ไอ้หยีที่ตะโกนใส่หน้าผมแล้วสายตามันก็คลอเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ ... ไอ้เอมหรอวะ





“มันเป็นอะไร มีอะไรวะ” ถามออกไปเครียดๆ แต่สายตาของผมก็ยังพยายามสอดส่ายมองคนที่ทยอยกันลงตึกเรียนมา แต่ตอนนี้ก็ยังไม่เจอแม้แต่เงามันอยู่ดี เซ็งว่ะ





“มึงมองอะไรไอ้เก้อ ไปหลังมหาลัยกับกูเร็ว ไอ้เอมกำลังมีเรื่อง”





“เรื่องอะไรล่ะวะ” เริ่มฉุนนิดๆ ตั้งท่าจะให้กูไปอย่างเดียวแต่มีเรื่องอะไรก็ไม่รู้ กูยิ่งกำลังอยากเจอไอ้เสืออยู่เนี่ย





“พระพายกำลังมาหาเรื่องมัน มันไลน์มาหากู กูจะรีบไปช่วย เร็วๆ ไอ้เอมกำลังแย่นะมึง”





“ห๊ะ! แม่งเอ้ย ได้จังหวะอะไรขนาดนี้วะ” ไอ้พระพายห่าไรนี่ก็เหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวรไอ้เอม ผมที่ถอนหายใจหนักๆ แล้วตั้งท่าวิ่งไปกับไอ้หยีในตอนนี้ เดินสวนไปกับน้องปีหนึ่งที่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะไปดูคนตีกันที่หน้ามอ





“โถ่เอ้ย ที่แท้ก็พวกเดิมๆ”





“เออ ถ้ารู้ว่าเป็นไอ้เสือแต่แรกกูไม่รีบไปดูหรอก ปากแบบมันก็สมควรป่ะวะ”





เสือ...





ผมชะงักขาของตัวเองตอนที่ได้ยินแบบนั้น หันหน้าไปมองไอ้เด็กสองคนที่กำลังเดินผ่านตัวไปในตอนนี้ มันสองคนที่กำลังพูดกันอย่างถูกอกถูกใจกับเรื่องของใครอีกคนที่กำลังโดนทำร้าย





“ไอ้เก้อ หยุดทำเหี้ยอะไรคะ รีบมา เพื่อนมึงตายไปแล้วมั้ง”





“เดี๋ยว!” ผมตะโกนออกไปแบบนั้น ไอ้เด็กสองคนที่เดินผ่านไป หันมามองหน้าผมแบบงงๆ ผมก้าวยาวๆ เข้าไปหาพวกมัน ก่อนจะกระชากคอเสื้อของไอ้เด็กคนนึงที่อยู่ตรงหน้า ได้ยินเสียงไอ้หยีกรี๊ดออกมาในตอนนี้





“อิเก้อ ทำเหี้ยอะไรของมึงคะ”





“มึงบอกกูมาใครโดนกระทืบ ใคร!” ผมถามออกไปเสียงดัง จ้องหน้าไอ้เด็กตรงหน้าที่ดูตกใจมากๆ จนหน้าซีด สายตาเลิกลักของมันที่เหมือนกำลังขอความช่วยเหลือจากใครสักคนแต่ผมกลับยิ่งกระชากคอเสื้อของมันให้แน่นมากขึ้นไปอีก





“ตอบ!”





“อ....ไอ้เสือ ไอ้เสือครับพี่ ไอ้เสือปี1เอกอิ้งค์ มันมีเรื่องกับเพื่อนในเซ็ค”





“SHIT! ....แล้วตอนนี้มันอยู่ไหน ที่ไหน!”





“หน...หน้ามอครับพี่ มันตีกันที่หน้ามอ ตรงประตูทางออกแรก”





“ไอ้สัดเอ้ย!” สบถออกมาแบบนั้นแล้วโยนไอ้เด็กที่ผมจับมาเค้นทิ้ง





“เดี๋ยวๆ อิเหี้ยเก้อมึงจะไปไหน ไอ้เอมกำลังมีเรื่องนะมึง มึงต้องมากับกู!” ไอ้หยีที่วิ่งมากระชากแขนผม สายตาของมันที่มองมาทางผมแบบไม่เข้าใจ ท่าทางที่เหมือนจะร้องไห้ของมันทำให้ผมรู้สึกแย่ เหมือนผมกำลังจะทิ้งเพื่อน แต่ไอ้เสือก็กำลังโดนกระทืบอยู่เหมือนกัน





“ไอ้หยี กูขอโทษ แต่มึงก็ได้ยิน ไอ้เสือก็กำลังแย่”





“แล้วไอ้เอมอ่ะ มึงไม่แคร์มันหรอวะ มึงรักมันนะ!”





“แล้วไอ้เสือล่ะวะ นั่นก็แฟนกูนะ กูแคร์ไอ้เอมในฐานะเพื่อน แต่กูรักไอ้เสือ ถ้ามันตายโดยที่กูไปช้า กูจะทนอยู่ยังไงวะ! กูช้าไม่ได้ ... เอางี้มึงนำไปก่อน เดี๋ยวกูไปหาไอ้เสือแล้วจะตามมึงไป ลุง!! ลุงโว้ย!!” เหลือบสายตาไปมองเห็นลุงรปภ.ที่เดินผ่านมาพอดีผมเลยรีบตะโกนเรียกอย่างรีบร้อน ลุงรปภ.ที่มองมาหาผมอย่างงงๆ





“เพื่อนผมกำลังมีเรื่องอยู่หลังม. ลุงไปเป็นเพื่อน เพื่อนผมหน่อย ไอ้หยีมึงไปกับลุง ส่วนกูจะไปหาไอ้เสือ ตามนี้!” บอกมันออกไปอย่างรีบร้อน ก่อนจะวิ่งออกมาทันที ผมรู้สึกผิดกับเพื่อน ผมเป็นห่วงไอ้เอมเหมือนกัน แต่ผมก็ห่วงไอ้เสือมากกว่า เป็นความเห็นแก่ตัวที่ต้องเลือก เพราะแบบนั้นเลยทั้งวิ่งทั้งเปิดไอจีเข้าไปในช่องไดเร็คเมจเสจหาใครบางคน ใครอีกคนที่ผมไม่อยากเสวนาด้วย ‘รีบมาที่มหาลัย ไอ้เอมกำลังมีเรื่องกับพระพายที่หลังม.!’





ผมที่วิ่งมาด้วยความเร็วแบบไม่หยุดแม้แต่วิเดียว วิ่งมาจนถึงทางเข้าหน้าม.ที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีรถวิ่งเข้าวิ่งออก บรรยากาศเงียบๆ ไม่มีคนเดินไปเดินมาเท่าไหร่ ผมได้แต่ก้มตัวเอามือค้ำอยู่ที่หัวเข่าทั้งสองข้างแล้วหอบออกมาหนักๆ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังพยายามมองไปรอบๆ หัวใจของผมห่วง หรือว่าผมมาไม่ทันวะ มันเป็นอะไรไปแล้วหรือเปล่า หรือมันเจ็บหนักจนต้องไปโรงพยาบาลแล้ว





“ไม่!” ตะโกนออกมาแบบนั้นแล้วตั้งท่าจะวิ่งกลับไปที่รถ ผมจะขอให้พ่อช่วยเช็คตามโรงพยาบาลให้ และในตอนที่ตั้งใจจะวิ่งกลับไปก็ชนเข้ากับใครบางคนซะก่อน





“สัด อย่ามาเกะ... ไอ้เสือ!”





คนตรงหน้าที่อยู่ในชุดนักศึกษา ผมเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของมันเอาไว้ หัวใจของผมเต้นแรงด้วยความกลัวไปหมดทุกสิ่ง กลัวว่ามันจะเป็นอะไร กลัวมันจะเจ็บตัว ผมไล่มองมันไปทั่วใบหน้า มองเลยลงมาที่แขนและขาของมัน ดึงมันหมุนตัวไปรอบๆ มองหารอยแผล กลัวว่ามันจะบาดเจ็บ





“มึง มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม มึงเป็นอะไรหรือเปล่า” ถามมันออกไปแบบนั้น สายตาก็ยังคงมองรอบๆ ตัวของมันอยู่แบบนั้น ไอ้เสือไม่ได้พูดอะไร มันเองก็เอาแต่มองผมเหมือนกัน





“เงียบทำเหี้ยอะไร! ตอบกู มึงเจ็บตรงไหน หรือไปโรงพยาบาลไหม ไป กูพาไป”





“กูไม่เป็นไรพี่เก้อ” เป็นประโยคแรกที่มันพูดออกมากับผม มันจ้องหน้าผม และเป็นผมเองที่ก็มองมันแบบไม่เข้าใจ





“คือ ยังไง”





“กูรอตั้งนานแหน่ะ” มันบอกผมออกมาแบบนั้น ผมจับมือมันเอาไว้แน่นๆ รู้สึกเลยว่ามือตัวเองตอนนี้ชื้นเหงื่อมากแค่ไหน ผมกลัว กลัวว่าจะมาไม่ทัน กลัวว่ามันจะเป็นอะไรไป





“ขอโทษ ขอโทษที่ช้า มึงไม่เป็นอะไรใช่ไหม ใครมันทำมึงวะ บอกกู มันพวกไหน” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วดึงตัวมันเข้ามากอดไว้ รับรู้ถึงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของมัน รวมถึงจัวหวะหัวใจของมันกับของผมที่กำลังเต้นพร้อมๆ กันอยู่ในตอนนี้





“มาช้า ก็ดีกว่ามึงไม่มา”





“จะไม่มาได้ยังไง ถ้ามึงเป็นอะไรไปกูจะทำยังไงวะ ไอ้เหี้ยเอ้ย ถ้ามึงเป็นอะไรขึ้นมากูจะทำยังไง” แค่คิดมาถึงตรงนี้หัวใจผมก็ชาหนึบ แค่คิดว่าจะไม่มีมันให้กอดอยู่ตอนนี้ หัวใจก็เหมือนถูกบีบรัดจนหายใจแทบจะไม่ออก เพราะแบบนั้นเลยกอดมันเข้ากับอกให้แน่นมากขึ้น วงแขนของมันที่ยกขึ้นมากอดผมแบบที่เราสองคนไม่สนใจสายตาใครที่กำลังมองมา เป็นความรู้สึกที่ว่าตอนนี้มีแค่เราสองคน





“รักกูมากเลยหรอพี่เก้อ”





“กูรักมึง รักจริงๆ เสือ ไม่รู้จะพูดให้มึงเข้าใจยังไง แต่ตอนนี้นอกจากมึงกูไม่มีใคร ขอโทษที่กูเป็นแฟนโง่ๆ ของมึง ละเอียดอ่อนไม่พอ ไม่นึกถึงใจมึงมากกว่านี้ เรื่องกับไอ้เอมกูไม่ได้คิดอะไรกับมันมากกว่าเพื่อนจริงๆ นะ...เอ๊ะ...เชี่ย ไอ้เอม!”





พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ผมผละออกจากอ้อมกอดที่กำลังกอดอยู่กับไอ้เก้อ มองหน้ามันแบบอึดอัดใจ





“มึงจะเข้าใจผิดไหมวะเสือ แต่ไอ้เอมก็กำลังมีเรื่อง มึงไปกับกูได้ไหม มันอยู่หลังมอ กูพึ่งนึกขึ้นได้ แต่ว่ากูเห็นมันเป็นแค่เพื่อนนะ มึงจะเข้าใจผิดอีกไหมวะ หรือแจ้งตำรวจแม่ง เดี๋ยวมึงรอแป๊บ” นึกขึ้นได้แล้วรีบยกมือถือขึ้นมาเลย ตั้งใจโทรหาตำรวจ ความยเอ้ย กูก็พึ่งนึกขึ้นได้





“เห้ยไอ้เสือ มึงจะทำอะไรวะ” ผมว่าออกมาแบบนั้นตอนที่มันคว้ามือถือของผมไปไว้ มองหน้ามันอย่างไม่เข้าใจ ตั้งใจจะเอื้อมมือไปแย่งมือถือกลับมา แต่ไอ้เสือก็แค่ยิ้มบางๆ แล้วส่ายหน้า





“พี่เก้อ กูขอโทษนะ...”





“ขอโทษเหี้ยอะไ....”





“กรี๊ดดดดด อิดอกล่ำ!! มึงทำกูตกใจมาก ไหนมึงบอกเมียกูมีปัญหาไงคะอิเวน มันแค่ไปซื้อไอ้ติมแดกเนี่ย อะไรของมึง!!” เสียงร้องสูงๆ ที่ดังมาอีกทาง พอหันไปมองก็เห็นแฟนไอ้เอมยืนอยู่ตรงนั้นและเท้าสะเอวด่ากันเสียงดังแบบไม่อายใคร ข้างๆ มันมีไอ้เอมที่ยืนแดกไอติมไผ่ทองอยู่ตรงนั้น ถัดกันไปก็มีไอ้หยีที่ยิ้มกว้างส่งมาให้ ผมหันกลับมามองหน้าไอ้เสือที่ก็ยิ้มมาให้ แล้วอะไรบางอย่างก็เหมือนกระแทกเข้าหน้ากันในตอนนี้ หันมองไปรอบๆ ไม่มีร่องรอยของการต่อยตี ไม่มีคนมามุงและไม่มียามมาแยก





“สัด!” สบถออกมาแบบนั้นในตอนที่เข้าใจอะไรมากขึ้น ไอ้เสือยิ้มประจบแล้วเอื้อมมือมาเกาะแขนของผม





“มึงรักกูมากๆ เลยนี่นา”





“ไอ้สัดเสือไม่ต้องมาอ้อนกู ไอ้เด็กส้นตีน!”





“ด่ากันทำไม ไหนใครวิ่งหัวกระพือมาช่วยกู”





“สัดเอ้ย! มึงคิดว่ากูตลกหรอ มึงเอาความเป็นความตายมาเล่นได้ไงไอ้เหี้ย อย่ามากอด มึงต้องเจอกูไอ้เหี้ย”





“ไม่เอา พี่เก้ออย่าทำเสือ” มันที่พูดออกมาแบบนั้น





พี่เก้อ...เสือ ...





สัดเอ้ย!





“ชะงักเลย พี่เก้อชะงักเลย” หันหน้าไปมองไอ้เด็กที่ตอนนี้เอาหน้าถูๆ อยู่ที่แขนของผม ก้มหน้าไปมองหน้ามันตาขวาง ผมไม่สนุกสักนิด





“มึงรู้ไหมกูกลัวมากแค่ไหน กลัวว่ามึงจะเป็นอะไรไป กลัวว่าถ้ากูมาไม่ทันมึงจะเจ็บตัว จะโดนไล่ออกจากมหาลัยหรือเปล่า กูกลัวไปหมด สัด!” สบถออกมาแบบนั้นแล้วหันหน้าหนีมัน ยกมือขึ้นเสยผมแล้วสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ไอ้เสือที่เดินมาตรงหน้าผม ใบหน้าของมันที่หงอยลงในตอนนี้





“ขอโทษ...กูก็แค่อยากมั่นใจ"





“มั่นใจเหี้ยอะไร หลอกกูนี่อยากมั่นใจเหี้ยอะไร” หันไปมองมันเขม็ง ไอ้เสือที่เม้มปากเข้าหากัน เป็นท่าทางที่ไม่ค่อยจะได้เห็น น่ารัก... แต่ตอนนี้กูก็ยังโมโห





“อยากมั่นใจว่า กูสำคัญกว่าพี่เอมจริงๆ หรือเปล่า ถ้าวันนี้มึงเลือกวิ่งไปหลังม. กูก็จะได้รู้ชัดๆ สักทีว่าคนที่มึงแคร์คงไม่ใช่กู”





“เชี่ย! แม่งเอ้ย” ผมสบถออกมาแบบนั้นอย่างหัวเสีย อยากจะด่ามันออกไปแรงๆ แบบไม่ไว้หน้าว่าการกระทำแบบนี้แม่งเหี้ย ไร้สาระและปัญญาอ่อนมากที่สุด มาเล่นกับความรู้สึกของกูแบบนี้แม่งแย่มากๆ ... แต่ถึงแบบนั้นผมก็พูดไม่ออก ผมรู้ว่าหลายครั้งที่ไอ้เสือต้องเสียใจ ก็เพราะความไม่แน่ใจของมันจากการกระทำของผม และเพราะแบบนั้น ตั้งแต่ตอนนี้ไปผมก็ควรจะละเอียดอ่อนกับความรักของเราให้มากขึ้น





“กูอยากต่อยมึงมากเลยไอ้เสือ”





“ต่อยเลยก็ได้ ต่อยกูเลยแต่ดีกันนะ มึงอย่าทำหน้าดุดิ” ว่าแบบนั้นแล้วเอียงหน้ามาให้ สัดเอ้ย





“มึงคิดว่ากูจะต่อยคนที่เป็นหัวใจกูได้หรอ ฟังนะ...กูรักมึง กูไม่ได้รักไอ้เอมแล้ว แต่การกระทำหลายๆ อย่างของกูมันคงชัดเจนไม่พอ กูขอโทษเสือ แต่สัญญา ต่อจากนี้กูจะคิดถึงใจมึงให้มากกว่าใคร กูรักมึงจริงๆ” พูดออกมาแบบนั้น เอื้อมมือไปวางลงบนกลุ่มผมนิ่มของคนตรงหน้า ไอ้เสือที่หลุบตาลงต่ำแล้วเสหน้าหนี มองเห็นพวงแก้มของมันที่แดงขึ้นมาในตอนนี้





“พูดเหี้ยอะไร จะอ้วกว่ะ”





“รักมึง”





“รู้แล้ว”





“มั่นใจได้นะ กูรักแค่มึง”





“พอแล้วไอ้สัด! หุบปากมึงไปไอ้พี่เก้อ”





“แล้วมึงไม่คิดจะพูดบ้างหรอวะ” ขยับตัวเข้าไปหามัน ไอ้เสือที่เลิ่กลักมองซ้ายมองขวา แล้วหันกลับมามองหน้ากันอย่างไร้ทางหนี





“ว่าไง เด็กที่มันทำกูวิ่งขาลากมาถึงนี่ไม่มีอะไรจะบอกกูหรอครับ” ว่าแบบนั้นแล้วยกยิ้มมุมปาก เพราะมันขาวมากๆ แก้มแดงๆ ของมันเลยเห็นได้ชัดยิ่งกว่าเคย





“อะ...อะไรล่ะวะ”





“เสือ”





“อย่ามาข่มขืนจิตใจกูได้ไหมวะ แม่งๆๆ”





“เออ...ไม่พูดก็ไม่พูด งั้นกลับกัน” บอกออกมาแบบนั้นแล้วถอยหนี เร่งรัดมันไปก็คงไม่ดีหรอก คู่เราแม่งก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วไหมวะ ผมหันหน้าไปหาไอ้พวกเพื่อนตัวดีของผมที่ยืนยิ้มหน้าสลอนอยู่ไกลๆ ตั้งใจจะไปด่าแม่งสักหน่อย รู้เลยว่าแผนการในครั้งนี้ ไอ้หยีจัดการแน่ๆ คนแบบไอ้เสือแม่งคิดไม่ได้หรอกครับ ... และในตอนที่กำลังจะก้าวเดินไป เสียงของคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมก็ตะโกนออกมาสุดเสียง





“มึงอย่างอนสิวะ! ถ้ากูไม่รักมึงจะรักใครละไอ้โง่ พี่เก้อมึงอย่าโง่สิ กูรักมึงเหมือนกันเนี่ย ควาย!!”





หันหลังกลับไปมอง ก็เห็นไอ้เด็กคนนึงที่ยืนหลับหูหลับตากำมือแน่นแล้วตะโกนบอกรักกันแบบนั้น คำบอกรักที่บ่งบอกถึงความเป็นเรา เป็นผมกับมัน เป็นความรักที่ไม่ได้หวาน ไม่ได้ซึ้ง ไม่ได้สุขไปทั้งหมดเหมือนกับคู่ใครๆ แต่ก็เป็นความรักในแบบของเรา





“ฮิ้ววววว กูอัดคลิปทันค่ะอิดอกกกกก มึงดูๆ อิหนู ผัวมึงเก่งไหมคะ” เสียงสองของใครอีกคนที่ดังขึ้นมาในตอนนี้ พร้อมกำลังยื่นมือถือส่งไปให้แฟนมันดูอย่างร่าเริง ไอ้เอมที่ยกนิ้วโป้งขึ้นมากดไลค์ให้แฟนมันพร้อมยิ้มกว้าง ไอ้หยีที่หันมาส่งเสียงแซวไอ้เสือในตอนนี้ มองไปที่หน้าของมันที่ตอนนี้แดงไปหมด มันที่เลิ่กๆ ลั่กๆ และสุดท้ายก็หันหลังวิ่งหนีออกไปทั้งแบบนั้น พร้อมประโยคที่บ่งบอกถึงความเป็นมันมากที่สุด





“Kๆๆๆ ไอ้สัดพี่เก้อ ไอ้ส้นตีน!”





แบบนี้สินะคำบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก ในแบบของไทเก้อกับน้องเสือ



...

(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

“วันนี้สุดยอดไปเลยนะพี่ดาบ เห็นหน้าไอ้เก้อกับน้องเสือตอนเขินเป็นครั้งแรก แม่งสุดยอดมากๆ เลย ฮ่าๆ”





“มึงก็แสบสุดยอด รู้ไหมว่าตอนกูได้ข้อความจากไอ้ล่ำกูรู้สึกยังไง”





“ก็รีบโทรหาแล้วไง ปัดโถ่ อย่างอนสิ เดี๋ยวไม่สวยนะ”





“กูไม่สวยเหี้ยไรทั้งนั้นล่ะ วันนี้ผัวมึงไม่มีอารมณ์สวย” คนข้างตัวที่พูดออกมาแบบนั้นพร้อมขมวดคิ้ว เป็นท่าทางที่นานๆ ทีจะได้เห็น แต่ก็เข้าใจได้ ถ้าเป็นผมเองได้รับข้อความว่าพี่ดาบกำลังตกอยู่ในอันตรายผมก็คงจะเป็นบ้าเหมือนกัน





‘จุ๊บ’





เพราะแบบนั้นเลยเลื่อนหน้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ที่เบาะคนขับแล้วจุ๊บลงไปเบาๆ ที่ข้างแก้มของมัน รับรู้ได้ว่ารถที่ขับๆ อยู่เสเข้าข้างทางไปวูบนึง ดีนะที่ตอนนี้เราขับอยู่ในหมู่บ้านแล้ว เลยไม่มีรถตามหรือรถสวนไปมา





“อิหนู มึงหอมแก้มกู” หันมามองหน้าผม พร้อมมือข้างนึงที่เลื่อนขึ้นไปจับแก้มตัวเองไว้





“หายงอนเอมก่อน นะๆ”





“อิดอกกกกก มึงไม่อยากอยู่ดีมีสุขสินะคะถึงกล้าอ้อนกูแบบนี้ กรี๊ดๆๆๆ” ผมได้แต่กระพริบตาปริบๆ กับภาพตรงหน้า พี่มันเป็นห่าอะไรอีกหรอครับ มันกรี๊ดเสียงดังลั่นรถจนผมต้องยกมือขึ้นมาอุดหูตัวเองเลย เสียงแหลมแบบนี้มันฝึกมากจากไหนกันนะ





“ไหนวันนี้มึงบอกไม่สวยไงอิเจ๊พี่ดาบ แล้วกรี๊ดทำไม หูจะแตกโว้ย”





“ก็มึงหอมกู มึงหอมกูอ่ะหนู ห้าวหาญมากอิตัวดี”





“โวะ มากกว่าหอมก็ทำมาแล้วหรือเปล่า แค่จุ๊บแค่เนี่ยจะเป็นไร” บอกมันออกไปแบบนั้น อีกคนที่หักรถเลี้ยวเข้าตัวบ้าน ... บ้านของมันที่มีป๊ากับคุณแม่อยู่ วันนี้คุณแม่พี่มันนัดมาทานข้าวเย็น





“มองอะไรผมวะ”





“กูกำลังคิด...” ตัวรถจอดสนิทในลานจอดรถพร้อมๆ กับพี่มันที่พูดออกมาแบบนั้นและหันมาสบตาผม





“หื้ม...”





“คืนนี้ไม่ไปเฝ้าร้านแล้วดีไหม”





“ทำไมอ่ะ?”





“กูจะอยู่กับมึง จะกอดมึงให้สมกับความห้าวหาญของมึงค่ะอิตัวดี!”





“โว้ยยย น่ากลัว ไอ้เอมไม่อยู่กับคนหื่นแล้ว เจ็บไข่!” ร้องออกไปแบบนั้นในตอนที่พี่ดาบมันทำท่าจะพุ่งเข้ามาจูบปากกัน ผมที่รีบปลดเข็มขัดออกแล้ววิ่งลงจากตัวรถหนีมันไปก่อน





“เจ็บไข่ คำพูดอะไรของมึงวะอิหนู”





“ไม่บอกหร๊อกกกก” ตะโกนตอบกลับไปแบบนั้นแล้วหัวเราะลั่น นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ผมพูดคำอุทานนี้ให้พี่มันได้ยิน แค่คิดก็ขำแล้ว ผมหัวเราะลั่นพร้อมวิ่งเข้ามาในบ้าน ก่อนจะต้องเบรกหัวทิ่มเมื่อมองเห็นคนตรงหน้าที่ยืนหรี่ตามองกันอยู่ตอนนี้





“เอ่อ...คุณป้า สวัสดีครับ” ยกมือไหว้แม่ของพี่ดาบ พร้อมๆ กับส่งยิ้มแหยๆ มาให้ สายตาของท่านที่มองมาไม่ต่างจากครูฝ่ายปกครองสมัยมัธยมสักนิดเลยครับ





“โตแล้วนะเรา ยังวิ่งเป็นลิงเป็นค่างเสียงดังอะไร”





“เอ่อ ขอโทษครับ” บอกออกไปแบบนั้นแล้วทำหน้าสลด ไอ้เอมสลดเหลือตัวจิ๊ดเดียวเลย





“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น ฉันไม่สงสารหรอกนะ มีแค่ตาดาบเท่านั้นแหล่ะที่จะใจอ่อน” แม่พี่ดาบว่าแบบนั้นแล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน ผมที่เดินตามไปแบบเจี๋ยมเจี้ยมที่สุด รู้งี้รอพี่มันแล้วเข้ามาพร้อมกันดีกว่า





“พี่เอมมมมม มาแล้วหรอ หวัดดีครับ” เสียงน้องแจตะโกนออกมาเสียงดังจากโต๊ะอาหาร มันที่กำลังพยายามจะจิ้มขนมจีบกุ้งเข้าปากในตอนนี้





“ตาแจ รอคนอื่นก่อน” คุณแม่พี่ดาบเอ่ยออกมาเสียงดุ แต่ถึงแบบนั้นขนมจีบกุ้งชิ้นนั้นก็ตรงเข้าปากมันไปแล้ว เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยจนแก้มตุ่ย





“อาหย่อยยย”





“กินให้หมดแล้วค่อยพูดจะได้ไหม เฮ้อ จริงๆ เลย” คุณแม่ที่เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่ถัดจากพ่อของพี่มันว่าออกมาแบบนั้น แต่น้องแจมันก็ทำแค่ยักไหล่ เฮียปืนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับคุณแม่หันมายิ้มให้ผม





“มาเถอะเอม มานั่งนี่ เดี๋ยวไอ้ดาบก็ตามเข้ามา”





“ครับ” ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ที่ห่างจากเฮียปืนตัวนึง เว้นเอาไว้ให้พี่ดาบมันมานั่ง





“กินเลยสิ ไม่ต้องรอแล้ว” แม่ของพี่ดาบว่าออกมาแบบนั้น ท่านที่หันหน้ามามองผมพร้อมพูดแบบนั้น





“เอ่อ แต่....”





“มาตงมาแต่อะไรล่ะ เราน่ะไปเรียนมาไม่ใช่หรือไง ตาดาบน่ะก่อนจะไปรับเราก็ต้องหาอะไรกินไปอยู่แล้ว เรียนมาเสร็จๆ น่าจะเหนื่อย กินไปเลยไม่ต้องรอ” แม่ของพี่ดาบที่ว่าออกมาแบบนั้นด้วยเสียงที่ไม่ได้อ่อนหวานอะไร แต่ถึงแบบนั้นผมก็รู้สึกว่าอยากจะยิ้มกว้างๆ ออกมา มองไปรอบๆ ข้าง มองเห็นพ่อของพี่ดาบที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เฮียปืนและน้องแจที่ก็พยายามอมยิ้มไม่ยอมหลุดขำออกมา แต่ถึงแบบนั้นแม่พี่ดาบก็ยังเห็น





“มายิ้มอะไรกัน กินๆ เร็วๆ สิ”





“ขอบคุณครับคุณป้า” เป็นผมที่พูดออกมาแบบนั้น ค่อยๆ ช้อนตาไปมองท่านที่ก็มองมาที่ผม มือเรียวสวยที่เอื้อมมือตักปลาทับทิมราดพริกมาใส่จานให้ผม





“เลิกเรียกฉันว่าป้าได้แล้วมั้ง...” ท่านว่าแบบนั้นแล้วมองหน้ากัน ผมได้แต่อ้าปากค้าง จริงๆ อยากพูดว่าก็ตอนนั้นบอกว่าไม่ให้เรียกแม่ไหมวะ





“ก็เข้ามาเป็นลูกบ้านนี่แล้วนี่ ก็ต้องเรียกฉันว่าแม่เหมือนตาดาบสิถึงจะถูก จริงไหม” ท่านว่าออกมาแบบนั้น มองหน้าผมแล้วยิ้มออกมานิดๆ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้ว่าเวลาพี่ดาบยิ้มกว้างๆ แล้วสว่างสดใสเหมือนใคร





“ค...ครับ คุณแม่”





“อุ๊ยตายว๊ายกรี๊ด แม่อะไรกันหรอค๊า ไม่มีใครรอสวยเลยหรือไงคะ” เสียงของคนมาใหม่ที่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆ ผมแล้วฉีกยิ้มกว้างให้ทุกคน ผมมองเห็นคุณแม่ที่มองพี่มันด้วยสายตาตำหนิ แต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่สนใจ





“มาสักที จอดรถเอาโล่หรือไงเราน่ะ”





“คิดถึงสวยสินะคะคุณแม่ ดูออกน้า” พูดล้อแม่ตัวเองแบบนั้นแล้วขยิบตาให้ ทั้งโต๊ะที่เงียบไปแป๊บนึง ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะลั่นออกมาพร้อมๆ กัน ไอ้น้องแจกับเฮียปืนหัวเราะลั่นจนน้ำลายกระเด็นลงไปในจานปูนิ่มผัดผงกระหลี่ ฮื่อ ไอ้เอมยังไม่ได้กินเลยนะ โถ่เอ้ย





“หึ บ้านเราไม่ได้มีบรรยากาศแบบนี้มานานแล้วนะ” คุณป๊าที่พูดออกมาแบบนั้นในตอนที่เราเริ่มทานของหวาน เมนูของหวานวันนี้คือกระท้อนลอยแก้ว เปรี้ยวหวานลงตัวอร่อยมากๆ จนไอ้เอมอยากร้องไห้เลยครับ





“ก็ไม่เป็นแบบนี้ตั้งแต่ตาดาบไม่อยู่บ้าน” คุณแม่พูดขึ้นมาแบบนั้น บรรยากาศโดยรอบเหมือนจะหยุดชะงักลง ท่านที่มองหน้าพี่ดาบด้วยความรู้สึกผิดที่แสดงออกมาทางสีหน้า ผมว่าผมเข้าใจว่าท่านกำลังคิดโทษตัวเองอยู่แน่ๆ เพราะแบบนั้นผมเลยโพร่งขึ้นมาแทน





“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ต่อจากนี้ผมจะลากพี่ดาบมาเล่นที่นี่บ่อยๆ เลย เพราะที่นี่น่ะกับข้าวอร่อยมากๆ เลยครับ” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วยิ้มกว้างๆ คุณแม่ที่มองหน้าผมนิดนึง ก่อนจะยิ้มออกมา





“นี่อิหนู มึงบอกว่ากับข้าวที่นี่อร่อย งั้นอาหารที่กูทำล่ะฮะ”





“ก็อร่อย แต่อาหารที่คุณแม่ทำอร่อยกว่าไงล่ะ”





“หึ่ย ลูกควายนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุขจริงๆ เลยค่ะ” พี่มันว่าออกมาแบบนั้นแล้วถลึงตาใส่ ก่อนจะยื่นมือมาบีบจมูกผมแรงๆ ได้แต่ย่นจมูกตัวเองหนี ก่อนที่คนรอบข้างของพวกเราจะหัวเราะขำกันออกมา ไม่เว้นแม้แต่คุณแม่ที่ก็ยิ้มกว้างๆ ออกมา





“เสียใจด้วยนะจ๊ะตาดาบ ต่อจากนี้เราน่ะตกกระป๋องแน่ๆ” ท่านว่าออกมาแบบนั้น พี่ดาบที่ก็ได้แต่ทำหน้าทำตาฮึดฮัดใส่





“แม่จะแย่งเมียผมหรอ ไม่ยอมนะแม่”





“ไม่ยอมแล้วจะทำไงได้ล่ะลูก ก็เราสู้แม่ไม่ได้เองนี่นะ”





“หวาย แพ้อ่ะ ดูออกน้า” ผมที่พูดแหย่ต่อออกไปอีก ทุกคนที่หัวเราะและยิ้มขำไปกับพวกเรา เป็นบรรยากาศครอบครัวที่ตัวผมเองไม่ได้สัมผัสมานานมากแล้วเหมือนกัน รู้สึกอบอุ่นจนบอกไม่ถูก มีความสุขมากกว่าวันไหนๆ และสุดท้ายก็คือสุขใจที่ครอบครัวของพี่มัน กลับมาเข้าใจกันสักที



.

.

.



“ผมไปก่อนนะแม่”





“ขับรถดีๆ นะ ถ้าไม่ไหวก็นอนที่ร้านนั่นแหล่ะ”





“ครับๆ รู้แล้วครับ” พี่ดาบที่ยกมือไหว้แม่มัน ก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถ ตรงหน้าบ้านตรงนี้เลยเหลือแค่ผมกับแม่ของพี่มัน บรรยากาศในช่วงเวลาสี่ทุ่มที่เงียบสงบมาพร้อมกับสายลมที่พัดเอื่อยๆ ทั้งผมและคุณแม่ไม่ได้มีใครพูดอะไรออกมา แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดอะไร





“ชะเอม”





“ห..หื้ม เอ่อ ครับ” ผมที่สะดุ้งหลังจากที่ท่านเอ่ยเรียกชื่อเล่นเต็มๆ ของผม พอหันไปก็เห็นว่าท่านมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้ว สายตาอ่อนล้าแต่แฝงไปด้วยความสุขที่เป็นประกายอยู่ในสายตานั่นมองทอดมาที่ผม





“ฉัน...แม่ แม่ขอโทษสำหรับที่ผ่านมานะ”





“ห๊ะ....เอ่อ คุณแม่ขอโทษอะไรครับ”





“ขอโทษสำหรับทุกเรื่องที่แม่ทำไม่ดีกับเรา แม่รู้ว่าแม่เป็นผู้ใหญ่ที่ใจแคบและไม่น่ารักนัก แต่ต่อจากนี้ ถ้าเอมไม่ว่าอะไร แม่ก็จะขอให้เอมมาเป็นลูกแม่อีกคนนะ”





“ค...คุณแม่” อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนลำคอตีบตันขึ้นมาซะอย่างนั้น ดวงตารู้สึกร้อนผ่าวๆ เป็นความรู้สึกวูบวาบที่ตื่นตันอยู่ในอก





“ต่อแม่ฝากดาบด้วยนะลูก”





“ผม...ครับ ขอบคุณนะครับคุณแม่” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วผมก็โผลเข้ากอดท่านในทันที เหมือนว่าท่านเองก็จะตกใจไม่น้อย แต่ถึงแบบนั้นท่านก็ยังเอื้อมมือขึ้นมากอดลูบหลังของผมเบาๆ





“ร้องไห้ทำไม ไม่เอาน่า เดี๋ยวไม่สวยนะ” ท่านว่าออกมาแบบนั้นกึ่งขำกึ่งล้อ ผมที่ผละออกมาจากอ้อมกอดนั้นพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ แต่น้ำตาก็ยังไหล เป็นความรู้สึกที่ว่า ในวันนี้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ผมได้เป็นที่ยอมรับจากแม่ของพี่มันแล้วจริงๆ





“ผม ฮึก...ผมไม่สวยหรอกครับ ปล่อยให้พี่ดาบมันสวยไปคนเดียวก็พอ”





“ฮ่าๆ นั่นสิน้า สวยสุดในร้านแล้วมั้งคนนั้นน่ะ” ท่านว่าแล้วหัวเราะออกมา ก่อนเราสองคนจะกอดกันแน่นๆ อีกครั้ง ความรู้สึกหนักอึ้งของเมื่อวันวานที่เคยผ่าน ในวันนี้มันได้ผ่านไปแผ่วเบาเหมือนกับสายลมที่พัดผ่านตัว





‘ปรี๊นๆ’





เสียงบีบแตรที่ดังมาจากรถของคนที่พึ่งขับออกมาจากลานจอดรถเรียกให้ผมและคุณแม่ต้องหันไปมอง พี่ดาบที่เปิดกระจกรถลงแล้วโผล่หน้าออกมามองแรงผมกับแม่ที่กำลังกอดกันในตอนนี้





“แม่! ปล่อยเมียผมเลยนะ อย่ามากอดเมียคนอื่นเค้าแบบนี้จะได้หรือเปล่า! ส่วนมึง ใจง่ายนักนะอิตัวดี”





“แม่ พี่ดาบพูดไม่เพราะกับเอมเลยครับ”





“ตาดาบ พูดจาไม่ดีแม่จะตีให้นะ”





“อะ...เอาเลย ได้กลิ่นเน่าๆ ไหมคะ จากหัวกูเองแหล่ะจ้าสังคม”





“ฮ่าๆๆๆ”





ฮ่าๆๆๆ”



....

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

“เอ้า! ระยองงงงง”





“ชนโว้ย มุขแบบนี้ขอร้องอย่าหาทำ”





“ขัดเก่ง ขัดเก่งขนาดนี้ทำไมไม่มาเป็นผัวกูให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยวะห๊ะอิเมฆ”





“ถอยไปไกลๆ กูมีพระนะไอ้จั๊ม”





“มึงแม่ง! อย่าเผลอนะ กูจะจับทำผัวให้เลย!”





“พะยูนๆ เพื่อนรัก น้ำแข็งได้หรือยัง กูรอจนแข็งไปหมดแล้วน้า”





“พะยูนพ่องไอ้อิฐ ไปไกลๆ เลยไปแม่ง”





“เป็นงอนเป็นเคือง เร็วๆ เอาถังมามันหนัก มึงถือไปเองไม่ได้หรอก”





“กูก็ถือเสริฟได้ทุกวัน มึงมาห่วงกูอะไรวันนี้วะห๊ะ!”





“กูก็ห่วงมึงทุกวันนั้นแหล่ะ รู้ห่าไรบ้างล่ะ ก็อย่างว่า สมองไม่ค่อยมี มึงเน้นไขมันอ่ะเนาะ ก๊ากกกก”





“ไปตายไอ้สัดอิฐ”





“ช่วยอิฐด้วยจ๊ะพี่จ๋า น้องจูนจะโดนทำกู!!”





เสียงหัวเราะตลกเฮฮาที่ดังโวยวายไปมารอบๆ ตัวผมทำให้ผมได้แต่ยิ้มขำๆ มองไปทางซ้ายทีทางขวาทีอย่างชวนให้ปวดคอ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังยิ้มขำและมีความสุขกับภาพตรงหน้า พี่จั๊มกับพี่เมฆที่ยังคงเป็นเหมือนวันแรกที่ผมได้รู้จัก พี่จั๊มยังอยากได้พี่เมฆเป็นผัวมากแค่ไหน วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม ไอ้อิฐกับไอ้จูนยังคงแกล้งแหย่กันแบบนั้นเหมือนวันเก่าๆ ที่ผมเคยเห็น บรรยากาศคึกคักที่เคล้าไปกับเสียงดนตรีจากชั้นล่างตรงโซนหน้าเวทีและผู้คนคึกคักก็ยังคงเหมือนเดิมกับครั้งแรกที่ผมได้ก้าวเท้าเข้ามาที่นี่ ที่ร้านแห่งนี้ ที่DANIWORLD ที่ๆ เป็นโลกของดานี่ โลกที่ดึงดูดให้ผมได้เข้าไปอยู่ใกล้มันที่ละนิดๆ





“ดีใจด้วยนะมึง ในที่สุดเมียก็กลับมาอยู่ด้วย”





“น้องเอมกลับไปอยู่กับมันสักที ก่อนหน้านี้มันโทรมมากเลยนะ หน้างี้ขี้เหร่มาก” พี่จั๊มพูดสวนต่อจากพี่เมฆในทันที ทำเอาพี่ดาบที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัวผมในตอนนี้หันไปถลึงตาใส่เพื่อนทั้งสองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม





“พวกมึงพูดอะไรคะ คนสวยๆ แบบกูจะมีช่วงเวลาแบบนั้นได้ยังไง หาพูดนะคะ” คนที่นั่งข้างตัวผมที่วันนี้ใส่ชุดสูธสีขาวทั้งตัว มีเฟลอร์สีขาวพาดอยู่บนไหล่ซ้าบ ผมสีทองสว่างที่ยิ่งทำให้เจ้าตัวโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่วันนี้ก็แต่งหน้ามาด้วย ริมฝีปากสีแดงสดที่ทามาด้วยลิปสติกยี่ห้อเดียวกับที่ผมเคยเอามาเขียนรถพี่มันในครั้งแรกที่เรารู้จักกัน ดวงตาคมที่กรีดอายไลเนอร์และลงอายแชโดว์สีไวน์ที่มีชิมเมอร์วิบวับทำให้ดวงตาคมคู่นั้นยิ่งดูมีสเน่ห์มากขึ้นไปอีก เสื้อสูธลำลองที่ผ่าอกเป็นรูปตัววีโชว์แผ่นอกแกร่งแน่นๆ นั่นอีก ... ดูดีอะไรขนาดนั้นวะ





“มึงนั่นแหล่ะหาพูด ตอนนี้เหอะ มึงกล้ากอดน้องเอมแล้วหรือยัง”





“แหม่ เรื่องแบบนี้ต้องให้พูดหรอคะ อิหนู บอกมันไปค่ะ มันหยามกูค่ะบอกมันไป” คนข้างตัวที่หันมาบอกผมแบบนั้น เห็นแล้วได้แต่ส่ายหัวใส่พี่มันแบบหน่ายๆ





“ไม่ได้กอดผมหรอกพี่เมฆ เป็นผมมากกว่าที่กอดอิเจ๊มัน”





“ห๊ะ!”





“อะไรนะ!”





“อิลูก มึง...มึงจะบอกว่า มึงเป็นผัวพี่ดาบหรอ!”





พี่จั๊ม พี่เมฆ และไอ้หยี...ตัวหลังนี่โผล่มาได้ยังไง มันที่พึ่งเดินเข้ามาถึงโต๊ะของเราอ้าปากค้าง ข้างๆ มันมีไอ้เก้อกับน้องเสือเดินมาด้วย และถัดออกไปอีกคนคือ...เฮียปืน มาได้ยังไงอีกวะนั่นน่ะ





“พูดเหี้ยอะไรกัน อิลูกควายนี่อ่ะนะจะมาเป็นผัวกู พวกมึงไปแดกหญ้าแทนเมียกูเลยไปค่ะ!” เสียงของคนข้างตัวที่ทำให้สติของผมกลับมา พอหันไปมองก็เห็นคนข้างๆ ทำหน้าดุใส่ เห็นแบบนั้นแล้วได้แต่ยิ้มประจบพี่มันออกมา





“เดี๋ยวมึงจะโดนนะอิหนู”





“หยอกน้าแด็ป”





“มึงนี่กวนตีนจังนะคะ กูดาบ” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาหยิกแก้มกันพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น หล่อจังเลยว่ะ หล่อจนผมเขินเลย เพราะแบบนั้นเลยเอื้อมมือไปคว้าแก้วเหล้าที่ไอ้อิฐพึ่งชงให้เสร็จมากระดกอีกครั้งแก้เขิน ไม่รู้เลยว่ากินไปกี่แก้วแล้วในคืนนี้





“หยีไม่ได้มาช้าไปใช่ไหมคะพี่ดาบ”





“ยังทันค่ะคนสวย มาๆ นั่งเลย ฮัลโหลอิน้องล่ำ มาๆ นั่งๆ” พี่ดาบมันว่าแบบนั้นแล้วกวักมือเรียกไอ้เก้อ มองเห็นไอ้เก้อกรอกตาใส่ทีนึง แต่ถึงแบบนั้นมันก็หันไปคว้ามือของน้องเสือมาจับไว้ แล้วดึงให้มานั่งลงข้างๆ กัน





“นี่เพื่อนกูค่ะ ไอ้จั๊มไอ้เมฆ ส่วนพวกมึง นี่เพื่อนแฟนกู ไอ้หยีพวกมึงรู้จักแล้ว และนั่นไอ้ล่ำ เอ่อ..กูหมายถึงไอ้เก้อ และ...”





“นี่ไอ้เสือ แฟนผมพี่” ไอ้เก้อชิงตัดบทพี่ดาบแล้วแนะนำตัวไอ้เสือซะเอง





“หูยย เอาว่ะๆ” ไอ้หยีว่าแซวๆ ออกมาแบบนั้น เห็นไอ้น้องเสือที่ตอนนี้หน้าแดงขึ้นมา เป็นน่ารัก เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นว่ามันเขินเป็นยังไง





“ก็ไงวะ ก็แฟนกูจริงๆ” ไอ้เก้อที่ว่าออกมาอีกครั้งแล้วเอื้อมมือมาโอบไหล่ไอ้เสือ มองเห็นว่าน้องเสือกระทุ้งข้อศอกใส่ท้องมันทีนึงด้วยครับ





“ฮ่าๆ เออ กินกันให้เต็มที่นะพวกมึง วันนี้คนสวยๆ แบบกูเลี้ยงค่ะ”





“เย้ เริศค่า...ขอให้รักกับไอ้เอมนานๆ นะคะพี่ดาบขา” ไอ้หยีว่าแบบนั้นแล้วยิ้มประจบ ดูจะมีความสุขกับการแดกฟรีซะเหลือเกินอ่ะ





“ถึงผมจะค่อนข้างหมั่นไส้หน้าพี่ แต่ผมยอมรับนะ ไม่มีใครเหมาะกับไอ้เอมเพื่อนผมได้เท่าพี่แล้วว่ะ” ไอ้เก้อที่พูดขึ้นมาแบบนั้นแล้วยกแก้วขึ้นให้พี่ดาบนิดหน่อย ผมเงยหน้าไปมองคนที่ตอนนี้ผมเอนตัวพิงอกพี่มันอยู่ มันเองก็ยกยิ้มมุมปากแล้วยกแก้วตอบไอ้เก้อไม่ต่างกัน





“ขอบใจ มึงเองก็โตขึ้นนะ ขอให้มีความสุขกับแฟนมึงเหมือนกัน” พี่มันว่าออกมาแบบนั้น พวกเราทุกคนที่พูดคุยและหัวเราะไปด้วยกัน ทุกคนที่มาในวันนี้ก็เป็นคนสนิท คนคุ้นเคยของพวกเราทั้งนั้น พูดง่ายๆ ว่าจริงๆ ก็เป็นครอบครัวใหม่ ครอบครัวใหญ่ที่มีความจริงใจให้กันมากๆ .... เรื่องราวทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาถือเป็นบทเรียนให้เราได้เรียนรู้และเติบโตมากขึ้นในวันต่อไป ผมดีใจและรู้สึกขอบคุณเสมอที่มีทุกคนอยู่ในชีวิต



       และพรหมลิขิตที่ผมเคยคิดว่ามันเป็นตลกร้ายที่ทำให้ผมต้องกลับมาเจอกับคนที่ไม่อยากจะเจอมากที่สุดในชีวิต ไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากวันนั้น มันจะนำพาคนหนึ่งคน ที่ในวันนี้ได้กลายเป็นทุกๆ อย่างในชีวิตของผม คนที่ไม่ตรงสเปค ไม่เหมือนกับพระเอกหล่อๆ ในนิยายที่ผมเคยอ่านเลยสักนิด ทั้งปากแดง ทาตาสวยๆ และชอบพูดคะขาให้รู้สึกตกใจ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะรักกับคนแบบนี้ แต่ถึงแบบนั้น เค้ากลับเป็นผู้ชายที่ทำให้ผมรู้สึกโชคดีกว่าใครในโลก โชคดีกว่านางเอกในนิยายที่ผมคิดว่ามันไม่มีอยู่จริง




“เป็นไง ง่วงหรือเมาคะหนู” เสียงทุ้มอุ่นๆ ที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมต้องปรือตาเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าคนที่ผมพิงอกอยู่ตอนนี้ ไม่ได้รู้สึกว่าเมา แต่อาจจะแค่มึนๆ นิดหน่อย ผมส่ายหน้า





“เอมไม่ได้เมานะ”





“อะ ถ้าพูดแบบนี้กูพากลับห้องเราดีกว่า”





“พี่ดาบอยากกลับแล้วหรอ”





“อืม ร้านก็จะปิดแล้วแหล่ะ แล้วกูก็อยากกลับไปกอดควายน้อยของกูแล้ว” พูดแบบนั้นแล้วส่งยิ้มมาให้ ฝ่ามืออุ่นๆ ที่เอื้อมมาลูบผม แล้วเลื่อนผ่านมาลูบแก้มผม ได้แต่เอียงหน้าเข้าไปซบลงกับฝ่ามืออุ่นนั่น กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ประจำตัวของพี่มันทำให้ผมยิ้มออกมาได้





“เอมก็อยากกอดพี่ดาบแล้ว”





“น่ารักจังครับ” ช้อนตามองคนตรงหน้าที่ยิ้มออกมาน้อยๆ ใบหน้าคมที่เลื่อนลงมากดจูบเบาๆ ที่กลุ่มผมของผมก่อนจะเอื้อมมือมาจับกันเอาไว้ นิ้วมือเรียวทั้งห้าของเราทั้งคู่สอดเกี่ยวเข้าหากันก่อนจะกระชับฝ่ามือให้แน่นมากขึ้นในตอนที่ผมลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากโต๊ะพร้อมๆ กับพี่มัน พวกเราที่ค่อยๆ เดินผ่านผู้คนรอบๆ ตัวออกไปนอกร้านอย่างไม่เร่งรีบ ไม่ได้รู้สึกถึงผู้คนรอบข้างที่อยู่รอบตัว ในตอนนี้มีแค่ผมกับพี่มันที่กระชับฝ่ามือนี้และก้าวเดินไปพร้อมๆ กัน





รถหรูของพี่ดาบที่จอดอยู่หน้าลานจอดรถด้านหน้าของร้าน ในลานจอดตอนนี้เหลือรถไม่เท่าไหร่ ผมที่เข้าไปนั่งด้านในของรถ พร้อมๆ กับที่พี่มันก็เข้าไปนั่งประจำที่ของคนขับ เสียงแอร์ในรถที่ดังตัดความเงียบของเราสองคน มีแค่ฝ่ามือของเราที่ยังเกาะกุมกันอยู่แบบนั้น





“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ”





“หื้ม ไม่น่าเชื่ออะไรหรอ” ผมหันไปมองหน้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ตัว พี่มันเองก็หันหน้ามามองผมพร้อมๆ กับรอยยิ้มที่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข





“ไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่วันนั้น วันที่กูเจอมึงในผับที่มึงทำงานตอนนั้น มันจะทำให้เรามีกันในวันนี้ได้ แปลกแต่จริงมากๆ เลยนะคะ...ขอบคุณนะคะเอม ขอบคุณที่รักและยอมรับคนแบบกู”





“ผมเองก็เหมือนกัน ขอบคุณที่พี่มองเห็นผมคนที่ไม่มีอะไรเลยแบบผมนะครับ”





“อย่าพูดแบบนั้น ต่อให้ใครจะบอกว่ามึงไม่มีอะไร แต่ในสายตากู มึงมีค่าสำหรับกูมากกว่าอะไร คนอื่นไม่ต้องเห็นน่ะดีแล้ว แค่กูเห็นมันก็พอแล้วเอม และที่สำคัญ มึงเองก็เลือกคนแบบกูเหมือนกันไม่ใช่หรือไง คนที่ใครต่อใครก็ไม่รู้ว่าจะเป็นตุ๊ดออกสาวหรือเป็นอะไรกันแน่”





“พี่จะเป็นอะไรก็ได้ แต่เป็นของเอมคนเดียวก็พอนะ เป็นผัวที่สวยที่สุดให้เอมก็พอแล้ว”





“สวยๆ เป็นผัว ... กูเป็นให้มึงคนเดียวอยู่แล้วแบบไม่ต้องร้องขอเลยครับ”





“เอมรักพี่ดาบนะ รักเจ๊ดานี่ด้วย”





“พี่ก็รักเอมเหมือนกันครับอิหนู”





เราสองคนที่มองตากันแล้วยิ้มออกมาให้กันในตอนนี้ ... สายตาของเราสองคนที่สะท้อนภาพของกันและกันในตอนนี้ ไม่มีนิยาม ไม่มีทฤษฎี ไม่มีหลักการและเหตุผล มีแต่ความรู้สึกของคนสองคนที่ตรงใจกันและกันมากกว่าใคร





เปลือกตาสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยอายแชโดว์หลับตาลงช้าๆ พร้อมๆ กับริมฝีปากหยักที่ทาบทับแผ่วๆ ลงมาบนริมฝีปากบาง เป็นจูบที่ไม่ได้รุกล้ำรุนแรง เป็นแค่จูบธรรมดาๆ ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ ... สายตาของผมทอดมองไปที่ชั้นบนสุดของร้านที่มีชื่อร้านขนาดใหญ่สีชมพูวิบวับประดับอยู่บนนั้น เป็นความรู้สึกเหมือนกับได้เห็นมันเป็นครั้งแรกในวันที่ได้ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ ก้าวเข้ามาในชีวิตของคนๆ นี้ โลกของดานี่ โลกของ ’ DANIWORLD’ ... แสงไฟจากป้ายของชื่อร้านค่อยๆ ดับลงแล้วในคืนนี้ และมันจะถูกเปิดขึ้นใหม่ในวันต่อไป ไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของผมกับเจ้าของร้านคนสวย ที่จะดำเนินต่อไปในทุกๆวันต่อจากนี้





ขอบคุณอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา

ขอบคุณวันเวลาที่เดินผ่านไป

ขอบคุณน้ำตาที่รินไหล

ขอบคุณมิตรภาพที่ดังทุ้มอยู่ในใจตลอดมา

ขอบคุณที่ทำให้เราได้เรียนรู้คุณค่าและเติบโตไปด้วยกัน

และสุดท้ายขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ว่า ผัวที่สวยที่สุดในโลก มันมีอยู่จริง ... สวยๆ เป็นผัว





-THE END-

-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-



อ่าาา จบลงแล้วค่ะ...ในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายที่ได้เขียนคำว่า THE END พูดตรงๆ เลยว่าแคทใจหายมากๆ ในตอนที่เขียนลงมาถึง

บรรทัดสุดท้าย ได้แต่พูดกับตัวเองว่า มันจบแล้วว่ะ เรื่องราวของพี่ดาบกับน้องเอมเดินทางมาถึงตอนจบแล้วว่ะ

เรียกได้ว่าอยู่กับเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน เกือบจะครบรอบหนึ่งปีแล้วที่อยู่ด้วยกันมาในทุกๆ วันเสาร์ ใจหายมากๆ เลยค่ะ

แคทไม่รู้ว่าคนอ่านของแคทจะรู้สึกเหมือนกันไหม แต่แคทขอบคุณจากใจและดีใจเสมอที่ได้มาเจอคนอ่านในทุกๆ เสาร์

ได้คอยอ่านคอมเม้นท์และคำพูดของคนอ่านทุกๆ คนที่รู้สึกสนุก อิน เศร้า เหงาหรือไม่ชอบผ่านข้อความมาเล่าสู่กันฟัง

เนื้อหาเรื่องนี้ยาวมาก มีหลากหลายประเด็นที่แคทเองอาจจะถ่ายทอดออกมาไม่ดีนัก แคทต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ

และสิ่งที่อยากจะพูดอีกหนึ่งอย่างคือ อยากขอบคุณจริงๆ ขอบคุณคนอ่านทุกๆ ท่านที่ยังอยู่ด้วยกันจนถึงในตอนนี้

อาจจะเหลืออยู่ไม่มากเท่าในตอนที่เปิดเรื่อง แต่ถึงแบบนั้นก็ขอขอบคุณจากในจริงๆ ในท่านที่ยังอยู่ด้วยกัน

ขอบคุณพลังโดเนทของทุกๆท่านที่สนับสนุนกันเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ

คุณคือกำลังใจดีๆ คือพลังของแคทที่ทำให้พยายามสร้างสรรค์งานชิ้นนี้ออกมาจนสำเร็จ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมากๆ ค่ะ

ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอบคุณ ขอบคุณที่เปิดเข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้และได้มารู้จักกันนะคะ

นิยายเรื่องนี้ไม่ได้สดใส ไม่ได้หม่นแสง มันก็เป็นแค่นิยายหนึ่งเรื่องที่เป็นสีเทาๆ

ไม่ได้ดำไม่ได้ขาวที่มีผู้คนหลายรูปแบบให้ได้พบเห็น

แคทเชื่อว่าไม่มีคนดี100% หรือคนเลวร้าย100%อยู่ในโลกนี้

เพราะแบบนี้แคทเลยหวังว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้คนอ่านได้ยิ้ม เศร้า เหงา สนุกและมีความสุขในทุกๆ ครั้งที่ได้เปิดอ่าน

และสุดท้ายนี้...แคทจะไม่ไปไหน!!! แคทจะอยู่ คุณพี่จะไล่หนูหรอค๊า ไม่ไปจ้าาาา

อย่าลืมมาอ่านตอนพิเศษ รวมถึงการเปิดพรีในรอบแรกด้วยน้า จะไปบนแล้ว หวังว่าคนอ่านจะสนับสนุนงานแคทต่อนะคะ

ส่วนเรื่องต่อไป เตรียมพบกับ....

ขออุบไว้ก่อนน้าาาา อิอิ

ส่วนตอนพิเศษในเล่ม จุกๆ ไปเลย ขนมาทุกคู่ในเรื่อง ใครสงสัยอะไรยังไง ต้องมาตำแล้ว จุกๆ จ้าแม่

ดานี่: รำคาญ! กูพึ่งจบ มึงบังอาจพูดถึงพระเอกคนใหม่หรอคะ ใครหน้าไหนก็ไม่สวยเท่ากูหรอกค่ะ จำ!

เอม: อย่าลืมเอม อย่าลืมกันนะครับทุกคน ใครลืม เอมจะเอาเขาขวิดจริงๆ ด้วย เจ็บไข่!!

ฝากแฮชแทค #สวยๆ เป็นผัว ในทวิตเตอร์ด้วยจ้า


 :pig4: :กอด1: :L2:

ออฟไลน์ sarang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-1
เราไม่ได้เข้ามาเม้นท์นานมากเลยยยยยย ขอโทษจริงๆนะคะ แต่ตามอ่านมาตลอดเลย จนวันนี้ก็จบแล้วอ่า ไม่อยากให้จบเลย :hao5: :mew2: :katai1: :mew6:
 

ตอนจบตอนนี้เป็นตอนจบที่สุดยอดมากๆในความรู้สึกเรา มันทั้งยาวทั้งเต็มอิ่มกับบทสรุปของทุกตัวละครเลย เป็นเรื่องสีเทาๆแบบที่คุณแคทว่าเลย แต่มันก็เป็นความเทาที่ทำให้เราได้เห็นถึงพัฒนาการของตัวละครมากๆเลยนะ เอาจริงๆตอนอ่านๆมา มันมีหลายตอนมากๆที่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้นวะ ทำไมไม่ทำแบบนี้ ขัดใจอยู่หลายอย่างเลยค่ะ แต่พออ่านมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ เรากลับเข้าใจอะไรมากขึ้นนะ เหมือนเราค่อยๆได้ตกตะกอนความคิดอ่ะ ทุกตัวละคร เหตุผลทุกการกระทำของตัวละครว่าทำไมต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ คือมันดีมากจริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้มีแต่ความรักของคู่รักอ่ะ มันมีทั้งเรื่องของเพื่อน เรื่องครอบครัว คือเต็มอิ่มมาก
อ่านตอนนี้แล้วทั้งรู้สึกเศร้า เสียดาย มีความสุขและยิ้มไปด้วย เหมือนได้หลุดเข้าไปอยู่กับตัวละครในเรื่องมากๆ อินแหล่ะ :mew1:

อยากบอกว่าเราประทับใจจริงๆ ประทับใจงานเขียนของคุณ เราคิดว่าไม่ใช่แค่ตัวละครของคุณที่โตขึ้นหรอก แต่งานเขียนของคุณก็โตขึ้นด้วยและพัฒนามากขึ้นจริงๆ อยากบอกว่าคุณเก่งมากๆ เราชอบงานของคุณมากๆนะคะ
เราคิดว่านิยายที่ดี คือนิยายที่ทำให้เราคิดถึงมันแบบในวันแรกที่เราได้อ่าน และเรื่องนี้ก็เป็นแบบนั้น มันทำให้คิดถึงและอยากกลับมาอ่านมากๆจริงๆ

อยากจะบอกว่า เอาเล่มมาค๊าาาาาา เอาม๊าาาา  :hao6: :ling1: :mew1:


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด