หลังจากกินข้าวและอาบน้ำ ตั้งใจจะสวดมนต์ทำวัตรเย็นก่อนเข้านอน อุทิศผลบุญให้ผู้ซึ่งจากไปไกลลับตา..ป่านฉะนี้จะเป็นอย่างไร ผลบุญจะน้อมนำไปแดนสุขาวดีหรือบาปอกุศลที่ทำไว้จะพาไปสู่นรกที่มืดมิด มิหยั่งรู้ได้ บุญเท่านั้นเป็นที่ระลึกส่งถึง
แต่ยังไม่ทันจะนั่งคุกเข่าจุดธูปเทียนสักการะพระรัตนตรัย โทรศัพท์จากรุ่งโรจน์ก็แผดเสียง..ไอ้เจ้านี่ก็ดาบสองคม..สะดวก..แต่ก็รบกวนใจได้เช่นกัน..ตั้งใจจะไม่รับ ..ปล่อยให้ดังอยู่หลายรอบ นึกถึงใจของคนต้นสายจะเป็นทุกข์และกังวล ประกอบกับใจตนก็เรียกร้อง
“ทำไมรับสายช้าจัง ทำอะไรอยู่ครับ”
คนทางนี้หาข้อแก้ตัวไม่ทัน ด้วยไม่เคยโกหก ครั้นจะบอกความจริงคงไม่ได้
“ผมเสียใจเรื่องพ่อคุณด้วยนะ ไม่ได้ไปร่วมงานศพ ..แสงทองบอกคุณแล้วรึ..โทรคุยกันแล้ว..แล้วคุณเป็นไงบ้าง สบายดีนะ..แต่เสียงคุณเหมือนไม่สบายนะ..กุญแจที่ผมยื่นให้วันนั้นเป็นกุญแจที่คอนโดนะครับ ต้องการไปค้นหาข้อมูลหรือใช้เน็ต ไปได้เลย หรือว่าจะไปพักผ่อนหลับนอนเปลี่ยนบรรยากาศ หรือว่าอยากจะไปอยู่ก็ไปได้เลยตามสะดวก ให้เหมือนเป็นบ้านคุณแล้วกัน..ไม่เกรงใจซิ..ก็เราหุ้นส่วนกันนี่ ..คืนนี้จะสวดมนต์ก่อนนอน คือ..แสงทองบอกหรือยังว่าผมให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ว่าผมจะไปไหว้พระธาตุเจดีย์สิบสองราศีกับพระธาตุเจดีย์ทั่วไทย..บอกแล้ว..ไปด้วยกันนะ ผมจะจ้างคุณเป็นไกด์ส่วนตัวได้ป่ะ..แพงหรือ..เท่าไหร่ผมก็จ่าย..งั้นสวดมนต์ทำวัตรตามสะดวกเถอะ ก่อนนอนหลับก็อย่าลืมห่มผ้านะ..แล้วก็อย่าลืมคิดถึงผมด้วยนะครับ ครับฝันดีครับ..”
น้ำเสียงออดอ้อนหายไป..ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกว้าวุ่นสับสน..เขาต้องเดินไปในวิถีที่ชีวิตควรจะเป็น..
ชายกับชาย ไม่ใช่ธรรมชาติ
ชายกับหญิงต่างหาก คู่กันเพื่อสืบเผ่าพันธุ์วงศ์ตระกูล แต่เรื่องกรรมอันน่าอดสูเหล่านี้มีในพระไตรปิฎก มีมาแต่พุทธกาล หากแต่วันนั้นมิได้ติดใจคิดศึกษาเหตุที่มาและที่ไป...
จะถามใครได้...หาหนังสืออ่าน..หรือคุยกับใครสักคน..คิดถึงหลวงพี่แสงฉานที่เคยพบกันในป่า ปริวาสกรรม ท่านผู้นี้มีดวงปัญญาไม่เบาเหมือนกัน..เป็นพหูสูต ได้ฟังวิสัชนาหลายข้อได้คลายสงสัย..จะเป็นอยู่ประการใดบ้าง..พรุ่งนี้จะโทรไปถึง..สอบถาม เหตุแห่งกรรมนี้.
ขณะยืนรอแสงทองอยู่ที่หมอชิต สุริยาฆ่าเวลาด้วยการไปยืนอ่านนิตยสารเล่มหนาราคาเกือบร้อยบาท และเขาก็รู้ว่าจะหาข่าวข้อมูลของอีกคนได้จากเล่มไหน..
อีกครั้งกับ นิยามของความรักกับหนุ่มไฮโซ..
“สำหรับผม ..เมื่อใดที่เราอยู่ใกล้กัน แล้วเรามีรอยยิ้มมีเสียงหัวเราะมีความสบายใจ มีความสุข..โดยที่เค้ายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย ..เพียงเห็นหน้ากันแล้วทำให้จิตใจเราหวั่นไหว อยากอยู่ใกล้ อยากเข้าไปหา อยากไปช่วยแบ่งเบาทุก ๆ เรื่องที่เค้ากำลังเผชิญ.. และที่สำคัญอยากบอกรักเค้า โดยที่เค้ายังไม่พร้อมจะฟัง มันคงตื่นเต้นดีนะครับ..”
สุริยาปิดหนังสือเล่มนั้น เพราะไม่อยากเห็นแววตาเสน่หาคู่นั้น..พอถอนหายใจออกมา แสงทองก็สะกิดเอวอยู่ทางด้านหลัง เขาหมุนตัวกลับเหลือบตาลงไปมอง เห็นรอยยิ้มสุกใสในกรอบผมม้ายาวระต้นคอ
“รถออกกี่โมงคะ”
“อีกครึ่งชั่วโมง กินอะไรมาหรือยัง” แสงทองสั่นหัว เขาจึงพาไปที่แคนทีนของหมอชิต โดยให้แสงทองนั่งเฝ้ากระเป๋าเป้ซึ่งถือมาคนละหนึ่งใบ โดยเขาอาสาที่จะเป็นฝ่ายบริการตลอดการเดินทาง พอถือข้าวมันไก่กลับมา ส่งจานให้ไปตรงหน้า แสงทองก็อมยิ้มมีความสุข..
พยายามเอาอกเอาใจ ถามไถ่สุขทุกข์ ฟังเรื่องส่วนตัวที่เขาก็ไม่ค่อยได้รับรู้..แสงทองบอกเล่าอย่างไม่ปิดบังอ้ำอึ้ง ไม่เหมือนคนมีเบื้องหลังด่างพร้อย..รอยยิ้มและมุขตลกที่หญิงสาวหยิบยกมาผสมผสาน ทำให้เขารู้สึกเป็นสุขแบบเนือย ๆ ด้วยรู้สึกผิด ที่กำลังผืนเล่นละคร
พอรถเคลื่อนจากหมอชิต เขาก็นั่งตัวตรงโดยมีหัวใจที่สั่นหวิว เมื่อสาวเจ้าวางมือไว้หน้าขาใกล้มือตน..นึกถึงรุ่งโรจน์ในวันที่นั่งรถกลับมาจากจอมทอง..จู่ ๆ คว้ามือขึ้นมาจับแล้วชมว่ามือสวย..แล้วเกาะกุมไว้ไม่ยอมคลาย จนกระทั่งเอนศีรษะมาพิงซบ..อบอุ่น..
หากแต่วันนี้ในความเป็นหญิงดีมีสติยั้งคิด แสงทองคงไม่ทำเช่นนั้น..ตัวเขาเองต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายรุกเร้าเอาเรื่องร้อนสิเนหาให้จงหนัก หากเอาเข้าจริง ๆ สำนึกผิดชอบชั่วดี จึงทำได้เพียงนั่งตัวแข็งทื่อไปตลอดทางจนกระทั่งถึงจันทบุรี ในเวลาบ่ายแก่ ๆ ..
“ขึ้นเขากลางคืนก็ได้ พรุ่งนี้เช้าลง หรือลงกลางคืนนอนในศาลาวัด มุดหาที่เอนกายในศาลา เช้าแล้วก็ขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ ..”
แสงทองบอกว่านึกสภาพไม่ออก จนกระทั่งรถมาสด้าซึ่งดัดแปลงเป็นรถโดยสารประจำเมืองแล่นออกจากเมืองจันทร์ไป กิ่งอ.เขาคิชฌกูฏ ผ่านสวนผลไม้สองข้างทาง แล้วเลี้ยวเข้าวัดพลวง จึงได้เห็นพลังศรัทธาของสาธุชน..ในลานจอดรถเนืองแน่นไปด้วยรถยนต์หลากยี่ห้อหลายรุ่นในเมืองไทย บ่งบอกให้รู้ถึงความเลื่อมใสแบบปากต่อปาก ทั้งที่ทางการไม่ได้เน้นโปรโมตเป็นหนึ่งในอันซีน..
“พลังศรัทธาที่สื่อไม่ได้ช่วยอะไร”
สุริยาพาสาวแสงทองไปซื้อธูปกำใหญ่ ดอกดาวเรืองอีกถุง เทียนอีกมัด แล้วก็พาไปไหว้ ณ จุดศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ภายในวัด กิจกรรมนี้ทำให้สองหนุ่มสาวต้องนั่งเคียงกัน ไอคอกแคกด้วยกลิ่นธูปควันเทียนมากเกินพิกัด..จนกระทั่งทั้งสองคนเดินมาหยุดที่ท่ารถขึ้นเขาช่วงแรก ราคาเขียนไว้ 35 บาท..ได้ยินเสียงโฆษกประกาศเรียกขึ้นรถตามเบอร์บัตรที่อยู่ในมือ
“จริง ๆ การขึ้นไปไหว้ พระบาทมีสองแบบ บางคนนะแสงทอง ไหว้จากจุดนี้แล้วรอคิวขึ้นรถไม่ไหวก็เดินขึ้นไปประมาณ 5 กม. ถึงจุดที่สอง จุดที่สองถึงพระบาท มีทางลัด 3 กม แต่ทางเดินลำบาก พี่เคยเดินไปทางนั้น ก็สนุกดี เหนื่อยกว่าขึ้นปางจันทร์ 5 เท่าเพราะเป็นทางชันกว่าแล้วเร่งรีบขึ้นลงมากกว่า พี่เคยมาตั้งแต่สมัยเป็นพระ เคยเดินขึ้น..แต่เมื่อจัดทัวร์มาไม่ได้เดินเพราะ...ต้องคอยดูแลคนอื่น..แล้วหนูล่ะอยากไปแบบไหน..”
“ถ้าขึ้นรถก็สะดวก ไปต่ออีกทอด 1 กม. ค่ารถไปกลับทั้งหมด 150 บาทสองคน 300 บาทก็มากนะ”
“แต่ไม่เหนื่อย”
“แล้วพี่ยาอยากไปแบบไหน”
“พี่อะไรก็ได้ เดินขึ้นก็ภาวนา ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ ไปด้วย พี่เชื่อ คนเราสำคัญที่ใจ ถ้าเราศรัทธาจะไป ต่อให้สุดหล้าฟ้าเขียวขนาดไหนเราต้องได้ไป..ต่อให้หมดกำลังวังชา แก่เฒ่าชราก็จะไป ดูซิแสงทองเห็นคนแก่ไหม ทอดสุดท้าย 1 กม. เขาก็ต้องเดินขึ้นไป บางคนก็มาแก้บน บางคนก็มาเพราะได้ยินว่ามีคนมากันเยอะ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขอพรอธิษฐานอะไรก็ได้..บางคนเดินขึ้นไปกลับ ก็เพราะประหยัด บางคนก็ต้องการวัดสมรรถภาพตัวเอง หนุ่มสาวก็นึกสนุกและประหยัด บวกกับต้องการขอพรให้ดลให้สุขสมอารมณ์หมาย..”
แสงทองกรอกลูกตาไปมา คำนวณ พลางเอ่ยคำว่า “สองคน 300 บาท”
“ไม่ใช่เรื่องเงินนะแสงทอง แต่เป็นเรื่องของศรัทธา ถ้าเราเชื่อว่าเดินขึ้นไปเป็นพุทธบูชาให้รู้ว่าเหนื่อยยากแค่ไหนก็จะขึ้นมา เราก็ได้บุญเยอะ”
“งั้นเดิน แต่ไม่บอกเหตุผลนะคะ แต่นี่มันเย็นแล้วพี่ มันไม่มืดก่อนรึ”
“มืด แต่เดี๋ยวไปหาซื้อไฟฉาย แต่จริง ๆ เดี๋ยวก็มีคนขึ้นไปเรื่อย ๆ แหละ มีเพื่อนไม่ต้องกลัวอะไรหรอก”
ตกลงดังนั้นหนุ่มกับสาวซึ่งมีความสูงไล่เลี่ยกันผิวพรรณวรรณะหน้าตาคล้าย ๆ กัน ก็พากันไปตุนเสบียงใส่ท้อง..พออิ่มจึงค่อย ๆ เดินมุ่งหน้าไปสู่รอยพระพุทธบาทพลวง ที่โจษขานแต่โบราณกาลว่าศักดิ์สิทธิ์นัก..
พอพ้นจุดเจ้าพ่อขุนด่าน สาวแสงทองก็เริ่มมีเหงื่อโทรมกาย..กระเป๋าที่ตั้งใจถือมาก็ดูหนักขึ้น เรื่อย ๆ ..อ่อนล้า ผิดกับวันที่ปางจันทร์..จนสุริยาต้องพยายามเดินประคับประคองสูดกลิ่นหอมจากเรือนกาย
จนกระทั่งมาไต่เลาะช่วงทางลัดระหว่างโค้ง..ฉุดกระชากรั้งกันขึ้นไป อีกคนเหนื่อย อีกคนพูดให้กำลังใจ อีกคนหิว มีน้ำส่งให้..นวดเฟ้นแบ่งบรรเทา..ความรักมันเกิดขึ้นจากการได้ช่วยเหลือเกื้อกูลเห็นใจกัน ตั้งใจมาเพียงสองคนก็ต้องการให้ภาพเหล่านี้มันเกิดขึ้น
“ขอบคุณค่ะ” เมื่อใกล้ถึงจุดที่ต่อรถทอดที่สองแสงทองก็ขอกระเป๋าเป้คืน..พร้อมกับยิ้มกว้าง..คล้ายจะวัดใจกัน
“เหงื่อเต็มหน้าเลย มาหนูซับให้” ว่าแล้วก็ดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงซับหน้าให้ช้า ๆ
“สงสัยหนูคงจะเอาบุญใหญ่แค่ครึ่งทางค่ะ ท่อนสองขึ้นรถเถอะ รู้แล้วว่า..บุญใหญ่เป็นอย่างไร” พอถึงจุดที่สอง สุริยาก็พาแสงทองไปจุดธูปเทียนบูชาหินรูปเจดีย์ซึ่งมีทองเปลวปิดอยู่เต็มองค์
“จะเจดีย์หินหรือทรายไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ใจเราจดจ่ออยู่กับอะไร ถ้าเจดีย์หินแต่เราระลึกว่าการกราบไหว้ครั้งนี้ เพื่อระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิ์คุณ พระเมตตาคุณของพระพุทธเจ้า เราได้บุญเสมอกราบไหว้พระธาตุเจดีย์องค์ราคาหลายร้อยล้านบาทละนะ..”
ดูแสงทองสงบนิ่งเมื่อจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปตามจุดต่าง ๆ ..คบคนเช่นไรย่อมเป็นเช่นนั้น..ลำพังตัวเขาเอง ถ้าหญิงใดมิมีใจศรัทธาในศาสนาที่ตนมี ให้สวยหยาดฟ้าเพียงใด ก็คงต้องมองข้ามไป..เพราะความเชื่อที่แตกต่าง คงมินำมาซึ่งความสุขสำหรับตน
คุณสมบัติข้อนี้คนสองคนซึ่งเข้ามาพัวพันดูจะพัฒนาตนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“กรรม”
“อะไร”
“เปล่า..ไปเถอะ ไปซื้อตั๋วทอดที่สองถึงจุดที่สาม 40 บาทสองคน 80 บาท เมื่อกี้ประหยัดไปตั้ง 70 บาทแต่เหนื่อยแย่”
“เหนื่อยแต่ก็คุ้ม..นะคะ” แสงทองจ้องหน้า ก่อนเขาจะจับมือพาขึ้นรถยนต์ดัดแปลงช่วงล่างให้มีกำลังขับเคลื่อนไต่ขึ้นลงเขา และความสนุกสนานก็กลับมา เมื่อรถยนต์คันนั้นพาสาธุชนนับสิบตะกุยตะกายไปตามทางดินบดอัดแน่น หักซ้ายขวาเร่งขึ้นเขาสูงชัน เมื่อสภาพถนนเป็นเช่นนี้แสงทองซึ่งนั่งอยู่ข้างในจึงไหลเข้าอ้อมกอดของสุริยาอย่างไม่ได้ตั้งใจ..
จนกระทั่งรถมาหยุดที่จุดที่สาม..จุดธูปเทียนสักการะลานพระปฏิมาขอกำลังใจให้เดินขึ้นสู่รอยพระบาทด้วยความสวัสดิภาพ..
“เรายังแข็งแรง มันก็ง่าย แต่คนที่มีอายุ หนึ่งกิโลที่ลัดเลาะไปตามหินตะปุ่มตะป่ำทางลาดชันไม่ใช่เรื่องง่าย ..เป็นบุญของเราแสงทอง ดันมามีใจเป็นกุศลตั้งแต่เด็ก ๆ มารู้ความตอนแก่ก็ไม่ไหว..”
และชาย หญิง เด็ก ผู้ใหญ่ ที่เดินสวนลงมาบอกให้รู้ถึง ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของใจตน.
“ไปเถอะหนุ่ม สาว ไปขอพรให้สมปรารถนาอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่านะ” คนปากไวยังมี..แต่สุริยาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
จนกระทั่งเดินไปถึงจุดสำคัญ รอยพระบาทคู่เล็กใหญ่บนลานหิน ซึ่งมีหินลักษณะคล้ายบาตรคว่ำลูกใหญ่อยู่ริมผา..ถึงแม้เวลาจะดึกมากแต่สาธุชนผู้มีจิตศรัทธากลับเนื่องแน่นบริเวณอันจำกัด..เมื่อไปปิดทองโรยพลอยสักการะรอยพระบาท สุริยาจึงนั่งสงบใจหลับตาสวดมนต์เป็นพุทธบูชา..แล้วอธิษฐานจิต..
“ขอให้บริษัททัวร์เกิดขึ้นโดยง่าย ขอให้มีโอกาสพาผู้คนให้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ขอให้ได้พาสาธุชนไปกราบไหว้พระธาตุเจดีย์ทั่วไทย ให้เดินทางปลอดภัย ให้รอดพ้นอันตรายใด ๆ เหยียบไปที่ไหนให้บังเกิดมหาโชคมหาลาภ..ช่วยเหลือคนได้เป็นอัศจรรย์”
เมื่อก้มกราบและเงยหน้าขึ้น จึงได้พบคนที่นึกถึงเมื่อวาน...
((ใครหว่า?)) คนเีขียนเองก้ลืม ๆ ไปแล้วว่าสุริยาจะเจอใคร ตอนอ่านต้นฉบับ รีบเลื่อนลงดูเหมือนกัน..((ทิ้งต้นฉบับไว้นานมาก ๆ ขอบคุณสำหรับกำลังใจอีกครั้งนะครับ)))...เจอกันอีกทีเมื่อไหร่ดีนะ