▓ ▒ ░ ต้น-สน∞ปาฏิหาริย์รักที่รอคอย ░ ▒ ▓CHAPTER 07: พี่รหัสของต้นและคนที่แอบหวง หลังจากที่คุยกันวันนั้นอีกสองสามวัน ต้นกับสนก็ดำเนินการย้ายข้าวของมาอยู่ที่บ้านของนิกตามที่นิกเสนอ วันแรกที่ย้ายเข้ามา สนจึงขอเฉลิมฉลองด้วยการทำอาหารเย็นให้เพื่อนๆ กินเพื่อเป็นการขอบคุณในน้ำใจไมตรีของเพื่อนใหม่ด้วย
คุณสมบัติหนึ่งที่ใครหลายคนมักไม่รู้เกี่ยวกับสนคือการทำอาหาร สนทำอาหารเก่งเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ทำเป็นประจำเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระงานในบ้าน ทำอาหารเป็นแทบทุกอย่าง โดยเฉพาะอาหารเหนือที่แม่กับพ่อมักจะสอนให้ทำกินกันในบ้านบ่อยๆ
วันนี้สนมีลูกมือช่วยทำอาหารด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหน ต้นเพื่อนรักนั่นเอง ส่วนนิกกับปั้นจั่น สนให้นั่งเล่นเกมส์หรือดูทีวีรอไปพลางๆ ก่อน แต่สองคนนั้นก็มักจะเดินเข้ามาดูในครัวบ่อยๆ เพราะอยากมาดูให้เห็นกับตาว่าอาหารจะพอกินได้ไหม หรือเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
"เฮ้ยต้น อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าผัดผักแล้ว อันนี้เรียกว่าเขี่ยผัก"
สนละจากการสับหมูแล้วเดินไปดูต้นผัดผักด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ ผัดไปกลัวน้ำมันกระเด็นใส่ไป
"เรากลัวน้ำมันกระเด็นใส่น่ะ"
ต้นบ่นกับตัวเองอย่างเซ็งๆ สนสอนผัดผักตั้งหลายครั้งแต่ก็ทำไม่เคยเป็นเสียที
"มานี่เราสอนให้" สนมายืนข้างหลังต้นแล้วก็เอาตะหลิวจากมือต้นมา
"เนี่ย ทำแบบนี้นะ ตักผักที่อยู่ข้างล่างตรงกลางที่โดนความร้อนมากที่สุดมาไว้ข้างๆ ให้ผักชิ้นอื่นๆ ไหลเข้าไปแทนแบบนี้ มันจะได้สุกทั่วถึงกัน"
นี่เป็นสูตรลับของสนเลยล่ะ ผัดผักของสนจึงอร่อยแตกต่างจากผัดผักทั่วไป
"อ้อ เข้าใจแล้วๆ มาๆ เดี๋ยวเราทำต่อ"
พูดจบต้นก็หยิบตะหลิวคืนมาจากสน แต่ผัดยังไงๆ ก็ไม่คล่องแคล่วเหมือนสนเลย
ในระหว่างนั้นนิกเดินเข้ามาในครัวพอดี กำลังจะแซวแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อสังเกตเห็นสนยืนสอนต้นผัดผักอย่างใกล้ชิด นิกขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ปกติไม่เคยเห็นเพื่อนผู้ชายที่ไหนยืนตัวติดกันขนาดนั้น แต่ก็ไม่ถึงกับผิดสังเกต แค่แปลกใจหน่อยๆ
"เฮ้ย จะได้กินไหมวะเนี่ย หิวแล้ว"
ต้นกับสนหันมามองเจ้าของเสียงพร้อมกัน สนรีบเขยิบออกห่างจากต้นเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่านิกมองอย่างสังเกต
"เชื่อมือเหอะน่า อดใจรออีกนิดเพื่อน ได้กินของอร่อยๆ แน่"
สนบอกแล้วก็เดินกลับมาสับหมูที่ทำค้างไว้ต่อ
"ไงวะต้น ผัดผักมึงจะสำเร็จไหม" นิกหันไปแซวต้นเป็นรายต่อไป
ต้นได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วก็หันไปง่วนกับการผัดผักต่อโดยมีสนคอยแอบมองอย่างห่วงๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
อาหารเย็นวันนี้มีผัดผักรวมมิตร ลาบหมู ต้มยำรวมมิตรและไข่เจียวร้อนๆ อร่อยๆ ใครที่ได้กินอาหารฝีมือของสนแล้วจะต้องชื่นชอบในรสชาติที่อร่อยและลงตัวอย่างแน่นอน
"เฮ้ยสน กูว่ามึงเปิดร้านอาหารได้เลยนะเนี่ย อร่อยทุกอย่างเลยว่ะ" ปั้นจั่นชมพลางเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ หมดข้าวไปสองจานแล้ว
"เออๆ กูเห็นด้วยว่ะ ถ้าได้ทำเลดีๆ นะ กูว่ามึงรวยเลยแน่ กูโคตรชอบต้มยำของมึงเลย อร่อยโคตรๆ" นิกชมอีกคน นี่ก็หมดข้าวไปสองจานแล้วเหมือนกัน
คนถูกชมยิ้มแก้มแทบปริ สนก็เคยคิดเรื่องเปิดร้านอยู่เหมือนกันถ้ามีทุนสักหน่อย เสียงโทรศัพท์ของต้นดังขึ้น เจ้าตัวรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วก็รับ
"เจนี่เหรอ แป๊บนึงนะ เดี๋ยวโทรกลับ" ต้นบอกไปแล้วก็ปิดโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋าตามเดิม
"เออ เจนี่เขาดูท่าทางจะชอบมึงมากเลยนะต้น ทำงานกลุ่มด้วยกันครั้งเดียวชมมึงไม่เคยขาดปากว่าเก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ ไปไหนก็พูดถึงแต่มึง"
ปั้นจั่นพูดขึ้นทันทีที่ต้นเก็บโทรศัพท์ไปแล้ว
"ไม่หรอกมั้ง ก็ธรรมดานี่" ต้นแย้งแล้วก็หันมากินข้าวต่อ
ดูเหมือนการสนทนาเรื่องนี้จะทำให้สนสนใจมากทีเดียว คอยมองเพื่อนรักที่นั่งข้างๆ กันด้วยสายตามีคำถาม
"เฮ้ย กูว่าไม่ธรรมดาว่ะ เจนี่เขาต้องชอบมึงแน่ๆ เลย กูดูไม่ผิดหรอก ไม่เชื่อมึงคอยดูสิ เฮ้ย ไอ้สน เดี๋ยวเพื่อนรักของมึงที่มันบอกว่ายังเด็ก จะมีแฟนก็งานนี้แหละวะ"
ปั้นจั่นเน้นคำว่า "ยังเด็ก" มากเป็นพิเศษ สนกับนิกหัวเราะชอบใจกันใหญ่
"จริงเหรอต้น นายกำลังจะมีแฟนแล้วเหรอ"
สนถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น รู้จักกันมาตั้งหลายปียังไม่เคยเห็นต้นมีแฟนเลย ชักอยากเห็นแล้วสิว่าถ้าต้นมีแฟนจะเป็นยังไง
"มีก็ดีเหมือนกันนะ เราอยากเห็นเวลานายมีแฟนน่ะ อ้อ...ไว้พาเราไปรู้จักกับเจนี่หน่อยนะ อยากรู้ว่าแฟนนายน่ารักแค่ไหน"
สนใช้ศอกกระทบกับแขนเพื่อนเบาๆ เป็นเชิงรบเร้า
"เฮ้ย...คงไม่หรอกมั้ง ไอ้จั่นมันก็พูดไปอย่างงั้นแหละ เขาไม่ได้คิดอะไรกับเราหรอก"
ต้นบอกแล้วก็หลบสายตาของสนที่คอยลอบสังเกตอาการเขินของต้น
"เฮ้ย...มีแฟนก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าเขาชอบนายก็ลองจีบดูสิ จะให้เราช่วยไหมล่ะ อ้อ นายมีแฟนก็ดีนะ พ่อนายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงด้วยไง เขาเคยถามเราด้วยนะว่านายชอบใครมั่งหรือเปล่า"
อยู่ๆ สนก็หลุดพูดเรื่องนี้ไปโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อรู้ว่าเผลอไปก็ไม่ทันเสียแล้ว
ต้นถึงกับหน้าซีดเมื่อได้ยินอย่างนั้น "พ่อเราเคยถามนายเรื่องนี้ด้วยเหรอ"
สนหน้าเจื่อน รู้สึกผิดที่เผลอพูดโดยไม่ทันคิด "เอ่อ..."
"หรือว่าพ่อมึงจะสงสัยว่ามึงเป็นเกย์วะต้น นี่ไง โอกาสที่มึงจะพิสูจน์ว่ามึงไม่ได้เป็นเกย์ไง ก็มึงน่ะเล่นไม่ยอมมีแฟนแบบนี้พ่อมึงเขาก็สงสัยดิวะ"
ต้นหันไปมองหน้านิก แค่ได้ยินคำว่า "เกย์" ต้นก็สะดุ้งตกใจจนทำสีหน้าไม่ถูกแล้ว ทำไมพ่อถึงถามสนอย่างนั้นแต่ไม่เคยคุยกับต้นเรื่องนี้เลย พ่อกำลังสงสัยอะไรหรือเปล่า ต้นไม่เคยมีแฟน พ่อคงสงสัยเรื่องนี้แน่ๆ คนที่ต้นกลัวมากที่สุดก็คือพ่อกับแม่นี่แหละ ต้นไม่อยากจะคิดเลยว่าต้นต้องเจออะไรบ้างถ้าพ่อกับแม่รู้ความจริง
"เออว่ะ นี่ถ้ามึงมีท่าทางออกสาวหน่อยกูก็คงคิดว่ามึงเป็นเกย์ไปแล้วแน่ๆ เลย" ปั้นจั่นสำทับแล้วก็ขำ
ต้นแทบจะกลืนข้าวไม่ลง สะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก ตลกไม่ออก สนเองก็ดูมีท่าทางแปลกไป ตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกับต้นมาไม่เคยมีความคิดว่าต้นเป็นเกย์อยู่ในหัวของตัวเองเลย
"เฮ้ย เกย์เกออะไรกันวะ กูเป็นเพื่อนกับต้นมาเกือบสิบปี ต้นไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอกน่า กินข้าวๆ"
สนรีบตัดบทเมื่อเห็นว่าต้นเริ่มเงียบและขรึมไป รู้สึกผิดที่อยู่ดีๆ ก็เผลอพูดเรื่องนี้ออกมา
"เฮ้ยต้น แต่ถ้านายมีแฟน ต้องพามารู้จักกับเราคนแรกนะ"
สนไม่วายกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนเรื่องนี้อีกเพราะอยากให้ต้นหายเครียด แต่สนก็ไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ต้นกำลังลำบากใจมากแค่ไหน ต้นได้แต่พยักหน้า ยิ้มไปอย่างนั้น แต่ในหัวใจกลับสับสนว้าวุ่นและหวาดระแวงไปหมด นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับต้นเลย ไหนจะเพื่อน ไหนจะพ่อกับแม่ของตัวเองและพ่อกับแม่ของเพื่อน ชีวิตอย่างนี้ไม่ง่ายเลย
"ต้น ต้น ต้น ไปไหน รอพี่ด้วย"
เสียงเรียกของใครคนหนึ่งทำให้ต้นต้องหยุดเดินแล้วหันไปมอง พอเห็นคนที่เดินแกมวิ่งตามมาก็ยิ้มพร้อมกับทักทายกลับไป
"อ้าว พี่ทิน หวัดดีครับ"
"อยู่นี่เองเรา พี่ตามหาตั้งหลายวัน" คนที่เพิ่งเดินตามมาถึงยิ้มกว้าง
"แล้วนี่จะไปไหน กลับบ้านหรือว่าไปเที่ยวที่ไหนต่อ" ถามพลางหอบนิดๆ
"กลับบ้านครับพี่ แล้วพี่ทินตามหาผมทำไมเหรอครับ" ต้นมองพี่รหัสอย่างสงสัย
"อ้าว...ก็เราเป็นน้องรหัสของพี่ไง พี่รหัสก็ต้องคอยดูแลน้องรหัสสิครับ ว่าแต่ว่า...เย็นนี้ไปหาอะไรกินกันหน่อยไหม จะได้รู้จักกันมากขึ้น"
"เอ่อ..."
"ไม่ได้ไปไหนไม่ใช่เหรอ...หรือว่ารีบ" ทินเอียงคอถาม
"ไม่รีบครับ แต่..."
"งั้นก็ดีเลย ไปหาอะไรกินกันดีกว่า พี่อยากรู้จักต้นมากขึ้น เห็นใครๆ ก็พูดถึงต้นอยู่บ่อยๆ ว่าเป็นคนน่ารัก ใครๆ เขาก็ถามพี่ว่าต้นเป็นยังไงบ้าง แต่พี่ก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพิ่งคุยกับต้นไม่กี่ครั้งเอง คุยทีก็แป๊บเดียว"
ต้นคงก็ไม่กล้าปฏิเสธหรอก ยังไงต้นกับพี่รหัสก็ต้องเจอกันไปอีกหลายปี แต่ต้นไม่ค่อยอยากไปกินข้าวข้างนอกบ่อยๆ เพราะเปลืองเงิน ต้องรบกวนพ่อกับแม่โดยไม่จำเป็นอีก
"เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง ไปเถอะ ไม่ต้องกลัวเรื่องนั้นหรอก เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่บ้าน" ทินคะยั้นคะยอเหมือนรู้ทันว่าต้นคิดอะไร
"ก็...ได้ครับ" ต้นตกลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ทินพาต้นมาที่ร้านอาหารในห้างชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ในระหว่างที่ทินสั่งอาหาร ต้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรไปบอกสนว่าไม่ต้องรอกินข้าว แต่ปรากฎว่าแบ็ตเตอรี่หมดเกลี้ยงเลย นึกแล้วก็โมโหตัวเองที่เมื่อวานตอนเย็นลืมชาร์จ เมื่อเช้าตอนไปเรียนก็รีบจนลืมดูว่าแบตเตอรี่เหลืออยู่แค่ไหน
"อ้าวต้น สั่งอาหารเลย ไม่ต้องเกรงใจ" ทินบอกเมื่อเห็นต้นยังนั่งนิ่งอยู่
"ครับพี่"
ต้นหยิบเมนูอาหารมาดู สักพักก็เลือกอาหารจานเดียวไปหนึ่งอย่าง ไม่อยากกินเยอะเพราะเกรงใจคนเลี้ยง อีกอย่าง ถ้ากินน้อยๆ เสร็จไวๆ ก็จะได้กลับไปกินกับสนที่บ้านพักได้ต่อ อย่างนี้สนคงไม่โกรธมาก แต่ในใจก็กังวลว่าสนจะเป็นห่วง ยิ่งติดต่อไม่ได้อย่างนี้ยิ่งแล้วใหญ่
"เป็นอะไรหรือเปล่าต้น หน้าซีดๆ ไม่อยากมากับพี่เหรอ" ทินถามเมื่อเห็นต้นยังนั่งเงียบและมีท่าทางเหมือนกังวล
"เปล่าครับพี่ พอดี...เกรงใจพี่น่ะครับ" ต้นยิ้มแหยๆ
"ไม่ต้องเกรงใจหรอก เป็นหน้าที่ของพี่ที่จะต้องดูแลน้องรหัสรู้เปล่า แค่นี้เอง ไว้วันหลังต้นเลี้ยงพี่คืนก็ได้"
"ครับ" ต้นตอบสั้นๆ
"ดีแล้ว อ้อ...ต้นมาจากนครปฐม อำเภอกำแพงแสนใช่ไหม"
"ครับ"
"พี่เคยไปเที่ยวที่ ม. เกษตรกำแพงแสนด้วยนะ ไปถ่ายรูปกับดอกชมพูพันทิพย์ พอดีตอนนั้นกลับมาจากไปเที่ยวที่กาญจน์ก็เลยแวะ สวยดีนะ ต้นเคยไปที่นั่นไหม"
"ยังเลยครับพี่ เห็นเขาบอกอยู่เหมือนกันว่าสวย แต่ผมอยู่ไกลจากตรงนั้นหน่อย เลยไม่ได้ไป"
"อ้อ...ต้องลองไปดูนะ ช่วงประมาณมีนา-เมษามันจะออกดอกเยอะ เหมือนซากุระเลย ไปถ่ายรูปกับแฟนมันจะได้บรรยากาศเหมือนไปเที่ยวญี่ปุ่นเลย" ทินพูดพลางขำเล็กน้อย
"อ๋อครับ ตอนนั้นพี่ไปกับแฟนเหรอครับ"
"อืม...ใช่ แต่ว่า...ตอนนี้เลิกกันแล้วล่ะ อ้อ พี่มีรูปแฟนเก่าพี่ด้วย เดี๋ยวให้ดู" ทินบอกแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ค้นหารูปในมือถือสักพักก็ส่งให้ต้นดู
ต้นรู้สึกแปลกใจว่าทำไมพี่รหัสถึงอยากให้ดูรูปแฟนเก่า แต่ช่างเถอะ อยากให้ดูต้นก็ไม่มีปัญหาหรอก พอดูแล้วต้นก็สงสัยจนต้องขมวดคิ้ว
"คนไหนเหรอครับ"
ที่ถามอย่างนั้นเพราะว่าในรูปมีผู้ชายสองคน มีฉากหลังเป็นแนวต้นชมพูพันทิพย์ที่ออกดอกสีชมพูบานสะพรั่ง แต่ไม่เห็นมีแฟนของทินอยู่เลย สงสัยทินจะให้ดูผิดรูป
"ก็คนที่ยืนข้างๆ พี่ไง แปลกเหรอ...สมัยนี้ธรรมดาจะตาย" ทินเอียงคอสงสัยที่ต้นไม่ประสีประสาเรื่องนี้
"หมายถึง...แฟนพี่เป็น...เป็นผู้ชายเหรอครับ" ต้นถามอย่างไม่แน่ใจ
"ใช่... รู้จักกันตอนเรียนปีหนึ่ง แต่ว่า...เขาไปมีแฟนใหม่แล้วล่ะ พี่ก็เลยอกหัก" ทินทำหน้าเศร้า
"อ๋อ...ครับ แสดงว่าเพิ่งเลิกกันเหรอครับ"
ท่าทางที่ไม่ประสีประสาของต้นทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก
ทินพยักหน้า "แล้วต้นล่ะ มีแฟนหรือยัง"
คำถามนี้อีกแล้ว ต้นเบื่อที่จะตอบเสียจริงๆ แต่อย่างว่าแหละนะ ในวัยอย่างนี้เรื่องที่จะถามกันก็คงไม่พ้นเรื่องความรัก ไม่ถามวันนี้ พรุ่งนี้ก็ต้องถาม
"ยังครับ" ต้นส่ายหน้า
ทินทำหน้าสงสัย "จริงเหรอ...พี่ว่าต้นหน้าตาดีใช้ได้เลยนะ ไม่มีสาวๆ มาชอบบ้างเหรอ ถ้าพี่เป็นสาวๆ นะ พี่ต้องชอบต้นแน่ๆ เลย"
ทินพูดทีเล่นทีจริง
"ก็...มีบ้างครับ แต่ยังไม่ได้ชอบใครเป็นพิเศษ"
คำตอบเดิมที่ต้นใช้บ่อยๆ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบให้ดีกว่านี้ได้ยังไง อาหารมาเสิร์ฟแล้ว ทินจึงหยุดชวนต้นคุยไปสักพัก ทำให้ต้นค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย เวลาพูดเรื่องนี้ทีไรต้นมักจะกลัวเสมอ กลัวว่าถามไปถามมาแล้วจะเจอเรื่องที่ต้นไม่กล้าบอก จวนตัวมากเข้าต้นก็อาจจะต้องพูดเลี่ยงหรือโกหก ต้นไม่ชอบทำอย่างนั้นเลย
ว่าแต่...ทินชวนต้นมากินข้าวเพียงเพราะอยากจะทำความรู้จักกันมากขึ้น หรือมีอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่านะ
บรรยากาศการกินข้าวเย็นในบ้านวันนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีนัก สนไม่ยอมกินข้าว คอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอยู่หลายครั้งด้วยสีหน้าที่ดูค่อนข้างเครียด
"เอ...ทำไมต้นปิดเครื่อง" สนบ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง
"เฮ้ยสน ถ้าโทรไม่ติดมึงก็ไม่ต้องโทรก็ได้ ต้นมันโตแล้ว เดี๋ยวมันก็กลับมาเองแหละน่า มันไม่ใช่คนเหลวไหลซะหน่อย"
นิกเตือนเมื่อเห็นสนกดโทรศัพท์โทรหาต้นอยู่หลายรอบ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน ตอนแรกนิกกับปั้นจั่นก็นั่งรอต้นด้วย แต่สุดท้ายก็ทนหิวไม่ไหวเลยกินก่อน
"ต้นไม่เคยปิดโทรศัพท์เลยนะเว้ย แล้วพวกมึงไม่เห็นเลยเหรอว่าต้นไปไหน" สนยังคงคาใจอยู่ที่นิกกับปั้นจั่นไม่เห็นต้นเลย
นิกกับปั้นจั่นส่ายหน้า
"ไม่เห็นจริงๆ ว่ะ ไม่รู้ว่าเดินออกไปตั้งแต่ตอนไหน คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง มึงไม่ต้องคิดมากหรอก ต้นมันไม่เคยเหลวไหลมึงก็รู้ดีนี่ รู้จักมันมากกว่าพวกกูสองคนอีก มึงไม่เชื่อใจเพื่อนมึงเหรอวะ"
ปั้นจั่นพยายามปลอบใจ จริงๆ นิกกับปั้นจั่นก็กังวลอยู่บ้าง บางทีต้นอาจจะมีธุระบางอย่างที่สำคัญต้องทำแล้วไม่สะดวกให้ติดต่อตอนนี้ก็ได้
สนยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ ดูเหมือนที่นิกกับปั้นจั่นพูดจะไม่ได้ช่วยทำให้คลายกังวลไปได้เลย ถ้ามีธุระอื่นที่สำคัญต้นจะบอกทุกครั้ง ไม่เคยต้องปล่อยให้เป็นห่วงแบบนี้
"โทรศัพท์มันอาจจะแบ็ตหมดก็ได้ กินข้าวเหอะสน เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก"
นิกเตือนอีกครั้งพลางมองไปที่จานข้าวของสนที่ยังไม่พร่องไปเลยแม้แต่น้อย
"พวกมึงสองคนกินไปเหอะ กูจะรอต้น มึงรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ต้นเขาอุตส่าห์ฝากฝังให้กูช่วยดูแลต้นให้ดี ติดต่อไม่ได้แบบนี้กูก็ต้องเป็นห่วงสิวะ"
สนยังคงยืนกราน แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอีก พอไม่ติดก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะที่ใช้เป็นทั้งโต๊ะนั่งคุยกันและกินข้าวไปด้วย
นิกกับปั้นจั่นมองแล้วก็เกิดความสงสัย ทำไมสนถึงดูเป็นห่วงต้นและดูกระวนกระวายขนาดนี้ ตอนที่นิกกับปั้นจั่นไม่เจอกันก็ไม่เห็นเคยมีอาการอย่างนี้เลย
จนกระทั่งสองทุ่มกว่าๆ แสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งก็วูบวาบขึ้นแถวๆ ประตูหน้าบ้าน สักพักก็มีรถวิ่งเข้ามาจอด สนรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเปิดประตูออกไปทันที พอเห็นต้นลงมาจากรถเก๋งยี่ห้อราคาแพงพร้อมผู้ชายคนหนึ่งก็ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ สนหยุดยืนดู ไม่ได้เดินเข้าไปหาต้นตามปกติที่เคยทำ
ต้นกับทินเดินคู่กันมาอย่างไม่รีบร้อน สีหน้าของต้นดูเจื่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด คงกลัวสนจะโกรธนั่นเอง
"ไปไหนมาน่ะต้น"
สนถามด้วยเสียงเข้มขรึมเมื่อต้นเดินเข้ามาใกล้ เมื่อสังเกตดีๆ ก็เห็นทินเอามือเกาะไหล่ต้นไว้อยู่ ตอนแรกก็แค่เป็นห่วงที่โทรหาเท่าไหร่ก็ไม่ติด แต่มือของทินที่เกาะไหล่ต้นอยู่ทำให้สนรู้สึกไม่พอใจมากทีเดียว ผู้ชายคนนี้เป็นใครถึงกล้าแตะเนื้อต้องตัวต้นอย่างนี้
ทินมองชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้าอย่างแปลกใจในท่าทีของเขา น้ำเสียงและสีหน้าที่ถามดูเหมือนจะไม่พอใจอยู่ในที
ทินเอามือลงจากไหล่ต้นเมื่อรู้สึกได้ว่าสนมองที่มือเขาอยู่ แล้วก็ชี้แจงแทน
"พี่เป็นพี่รหัสของน้องต้นเอง ก็เลยพาน้องต้นไปกินอะไรด้วยกันซะหน่อย ทำความรู้จักกัน นี่ใช่สน...เพื่อนของต้นหรือเปล่า เห็นต้นพูดถึงบ่อยๆ"
เสียงบรรยากาศเงียบไปสักพัก คนถูกถามดูเหมือนไม่อยากตอบเท่าไหร่
"ครับ" สนตอบห้วนๆ
"บ้านน่าอยู่นะเนี่ย ค่าเช่าคงจะแพงน่าดูเลยนะต้น" ทินหันไปพูดกับต้นบ้าง
ต้นไม่ตอบคำถามของทินแต่กังวลว่าสนจะโกรธเรื่องที่ติดต่อไม่ได้มากกว่า
"พอดี...แบ็ตโทรศัพท์เราหมดน่ะ ก็เลยโทรบอกนายไม่ได้ เราขอ..."
ต้นพูดขอโทษไม่ทันจบสนก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป เบี่ยงตัวหลบนิกกับปั้นจั่นที่มายืนมองดูที่ประตูบ้านแล้วก็เดินลิ่วขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง สนไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักที่รู้สึกไม่พอใจขนาดนี้ ภาพมือของพี่รหัสของต้นที่เกาะอยู่ที่ไหล่ต้นทำให้สนหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ก็พอรู้ตัวว่าแสดงกิริยาไม่ดีกับพี่รหัสของต้น แต่ความรู้สึกมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว เกิดขึ้นเพียงชั่ววูบเดียวเสียด้วย แสดงออกไปแล้วก็ย้อนกลับมาไม่ได้
ทินรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยดีเสียแล้ว คงจะอยู่นานไม่ได้
"อ้าว เราสองคนนั่นเอง" ทินหันไปทักนิกกับปั้นจั่นที่ยืนมองอยู่
"หวัดดีครับพี่" นิกกับปั้นจั่นทักทายเพื่อนรุ่นพี่แล้วก็เดินมาหาต้นกับทิน
"พาต้นไปเลี้ยงข้าวมาเหรอครับ" นิกถาม สังเกตเห็นสีหน้าต้นแล้วก็พอรู้ได้ว่าต้นคงรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นสนโกรธ
"ครับ...พี่พาต้นมาส่งบ้านอย่างปลอดภัยละ ยังไงพี่ขอตัวกลับก่อนละกัน"
"ครับพี่ ขับรถดีๆ นะครับ" ปั้นจั่นบอกรุ่นพี่พลางยิ้ม
"ขอบคุณครับ พี่กลับก่อนนะต้น ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ" ทินตบไหล่ต้นเบาๆ เป็นการให้กำลังใจ
"ครับพี่ ขอบคุณมากสำหรับอาหารเย็นแล้วก็...ขอบคุณที่มาส่งด้วยครับ" แม้จะยิ้มแต่สีหน้าของต้นก็ยังคงกังวลอยู่
ทินเดินกลับไปที่รถ สักพักก็ขับออกไปพร้อมกับโบกมือให้เพื่อนรุ่นน้องสามคนที่ยืนมองอยู่ พอรถวิ่งออกไปแล้วต้นก็เดินไปปิดประตูหน้าบ้าน พอเข้ามาในบ้านก็ได้เห็นว่าบนโต๊ะมีจานข้าวอยู่หนึ่งจานที่ยังไม่พร่องไป มีกับข้าวอยู่สองสามอย่าง ส่วนอีกสองจานที่มีร่องรอยการกินไปแล้วก็น่าจะเป็นของนิกกับปั้นจั่น เท่านี้ต้นก็พอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
"มันเป็นห่วงมึงมากเลยนะเว้ย โทรแล้วโทรอีก กูบอกให้มันกินข้าวมันก็ไม่ยอมกิน จะรอมึงอย่างเดียว" นิกบอกพลางเดินมาตบไหล่ต้นเบาๆ
"ใจเย็นๆ นะเว้ย มันกำลังโกรธอยู่"
"ปกติ ถ้ามันงอนแบบนี้มึงทำไงวะต้น" ปั้นจั่นถามบ้าง
ต้นถอนหายใจอย่างหนักใจ "ไม่เคยเห็นสนโกรธขนาดนี้เลยว่ะ ทำไงดีวะ"
ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา ไม่เคยเห็นสนทำสีหน้าท่าทางอย่างนี้เลย แต่จะทำไงได้ ต้นผิดเองที่เลือกไปกินข้าวกับพี่รหัสโดยไม่บอกกล่าวใคร สนคงเป็นห่วงมากถึงได้โกรธขนาดนี้ ถ้าเป็นต้น รู้ว่าสนหายไปและติดต่อไม่ได้ก็คงรู้สึกเป็นห่วงไม่ต่างกัน
"ถ้ามึงไปขอโทษมันตอนนี้ จะดีไหมวะ หรือจะให้มันอารมณ์เย็นๆ ลงก่อน" นิกถาม
"ให้มันอารมณ์เย็นๆ ลงก่อนเหอะ ไปขอโทษมันตอนนี้เดี๋ยวมันต่อยเอา ดูหน้ามันสิ"
ปั้นจั่นว่า น่าแปลกที่พอสนออกมาเห็นต้นกับพี่รหัส หน้าตาก็บึ้งตึงราวกับไปโกรธใครมาสักสิบชาติ ต้นพยักหน้าเห็นด้วย แล้วก็เดินไปเก็บจานข้าวและกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะไปไว้ในห้องครัว ส่วนนิกกับปั้นจั่นเก็บส่วนของตัวเองไปล้างทำความสะอาด
ต้นขึ้นไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง คิดแล้วคิดอีกว่าจะไปขอโทษสนตอนนี้เลยดีหรือเปล่า ไม่รู้ว่าสนจะอารมณ์เย็นลงบ้างหรือยัง ถ้าไปขอโทษ จะขอโทษยังไงดี สนโกรธขนาดนี้ต้นก็ทำตัวไม่ถูก ไม่เคยเห็นสนทำตาดุอย่างนี้มาก่อนเลย
ในขณะที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงอยู่นั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดึงขึ้น ต้นรีบเดินไปเปิดทันที
"สน"
ต้นอุทานด้วยความตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสนยืนอยู่หน้าประตูห้องในชุดนักศึกษาเหมือนเดิม ตอนนี้ต้นยังเตรียมตัวไม่พร้อมเลยว่าจะคุยกับสนยังไงดี
"ทีหลังนายอย่าทำอย่างนี้อีกนะต้น รู้ไหมว่าเราเป็นห่วง เราไม่ได้ห้ามไม่ให้นายไปไหนนะ แค่นายบอกเราหน่อยเท่านั้นเอง"
น้ำเสียงของสนดูอ่อนลงไป สีหน้าท่าทางก็ดูอ่อนลงเช่นกัน แสดงว่าเริ่มอารมณ์เย็นลงพอสมควรแล้ว
ต้นพยักหน้า "เราขอโทษ ต่อไป...เราจะไม่ทำอย่างนี้อีก"
ต้นพยายามจะยิ้มให้เพื่อนแต่ก็ไม่กล้ เพราะไม่รู้ว่าสนหายโกรธดีแล้วหรือยัง
"จะยิ้มก็ยิ้มสิ" สนบอกอย่างรู้ทัน แล้วก็ฉีกยิ้มกว้างเป็นคนแรกพร้อมกับขำเล็กน้อย
ต้นเห็นแล้วก็ยิ้มตาม รู้สึกดีใจเสียยิ่งกว่าถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเสียอีก ไม่นึกว่าสนจะหายโกรธเร็วขนาดนี้ ขนาดว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งก็นานก็ยังมีบางอย่างที่ต้นยังไม่รู้จักเพื่อนดีพอ เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ทำให้ต้นได้เห็นสนอีกคนหนึ่งที่ต้นยังไม่เคยเห็นมาก่อน
"ขอโทษที่ทำให้นายกลัวนะ"
สนพูดพลางเอามือไปลูบผมต้นเบาๆ รอยยิ้มที่อบอุ่น สัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ต้นรู้ว่าสนคนเดิมกลับมาแล้ว แต่อีกด้านหนึ่งต้นก็ยิ่งรู้สึกหวั่นไหวมากขึ้น
"อ้อ...ฝากขอโทษพี่รหัสของนายด้วยนะ เมื่อกี้เรา...หงุดหงิดไปหน่อย"
ภาพมือของพี่รหัสโผล่มาในห้วงความคิดอีกแล้ว ทำไมสนถึงรู้สึกค้างคาใจกับสิ่งที่เพิ่งเห็นมากขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะสนิทกับต้นมากกว่าใครในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็เลยอาจจะรู้สึกหวงเวลาที่เห็นคนอื่นมาทำตัวสนิทกับต้น ที่สำคัญ มันทำให้สนกลัวสูญเสียความเป็นที่หนึ่งจากต้นไปนั่นเอง
"ไปกินข้าวกันดีไหม เราเก็บกับข้าวไว้ในครัวให้แล้ว"
ต้นถามหยั่งเชิงด้วยสีหน้าไม่มั่นใจ ตอนนี้ต้นยังไม่ถึงกับอิ่มมาก พอจะกินข้าวเป็นเพื่อนกับสนได้อยู่ สนพยักหน้าตกลง แล้วก็พากันเดินลงมากินข้าวด้วยกันข้างล่างเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"พี่รหัสของนายเขาพาไปไหนเหรอ" สนถามขึ้นในขณะที่กินข้าวไปสักพัก
ต้นเงยหน้าจากการกินข้าวแล้วก็ทำท่านึก "อืม...ห้างอะไรสักอย่างนี่แหละ ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ เอ...ชื่อห้างอะไรนะ เราลืมดูชื่อน่ะ"
"ไม่เป็นไร เราไม่อยากรู้ชื่อมันหรอก ว่าแต่...แล้วนายสนิทกับพี่เขาหรือเปล่า"
ต้นเอียงคอสงสัยเพราะรู้สึกสะดุดใจกับคำถามและท่าทางของสน
"ก็...ยังไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ แต่ต่อไปก็คงสนิทมากขึ้นแหละ พี่เขาเป็นคนน่ารักนะ ใจดี แล้วก็เก่งมากๆ ด้วย เทอมที่แล้วพี่เขาสอบได้เกรดสี่เกือบทุกวิชาแน่ะ" ต้นเล่าไปยิ้มไป
"นายคงจะชอบพี่เขามากเลยนะต้น"
ในขณะที่พูด ภาพมือของพี่รหัสก็แว่บเข้ามาในความคิดอีกแล้ว ถ้าไม่สนิทกันก็คงไม่ทำแบบนั้น ก็อย่างว่าแหละนะ ต้นกับพี่คนนั้นเป็นพี่รหัสกับน้องรหัสกัน ก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดา ทำไมสนจะต้องคิดมากขนาดนั้น จะว่าไปสนก็ไม่เห็นสนิทกับพี่รหัสของตัวเองอย่างนี้เลย แทบจะไม่ค่อยได้เจอกันด้วยซ้ำ
"อืม...พี่เขาก็ดีนะ แต่..."
"แต่อะไรเหรอ" สนเลิกคิ้ว หยุดมองอย่างตั้งใจฟัง
"ไม่มีอะไรหรอก"
ต้นรีบบอกปัด กำลังคิดถึงเรื่องที่ทินมีแฟนเป็นผู้ชายนั่นแหละ ตอนที่กินข้าวเย็นด้วยกันต้นก็รู้สึกเหมือนทินคอยขาย "ขนมจีบ" อยู่กลายๆ ถึงจะไม่เคยมีแฟนทั้งผู้ชายและผู้หญิงมาก่อนต้นก็พอเดาได้
"แน่นะ มีอะไรหรือเปล่าต้น นายเห็นเราเป็นเพื่อนหรือเปล่า มีอะไรนายก็บอกเราดิ หรือว่า...นายไม่ไว้ใจเรา"
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้สนใช้ไม้ตายนี้ แต่ก็รู้สึกได้ว่าสิ่งที่ต้นยังไม่ยอมบอกมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ
"บอกเราได้หรือเปล่าต้น" สนคะยั้นคะยอ
"คือ..."
ต้นทำท่าครุ่นคิด จริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอกถ้าจะบอกสนไป ดูเหมือนพี่รหัสของต้นก็ไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องนี้อยู่แล้ว ออกจะเปิดเผยอย่างภาคภูมิใจด้วยซ้ำว่า "ชอบผู้ชาย"
"พี่เขามีแฟนเป็นผู้ชายน่ะ" ต้นตัดสินใจบอกไปในที่สุด
สนทำสีหน้าแปลกใจระคนตกใจ นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่เพิ่งเจอเมื่อสักครู่นี้จะเป็นอย่างนั้นไปได้ ถ้าไม่บอกก็คงไม่รู้แน่ๆ เลย
"แล้ว...."
สนเริ่มสงสัยว่าไม่น่าจะมีอะไรแค่นี้แน่นอน ดูจากท่าทางของต้นก็พอเดาออก
"อืม...ยังไงดีล่ะ"
ต้นยังคงไม่แน่ใจว่าจะพูดดีไหม แต่เห็นสนรอฟังแล้วก็ยิ่งรู้สึกกดดัน
"ไม่รู้ว่าพี่เขากำลัง....เอ่อ...ไม่รู้ว่าพี่เขากำลังจีบเราอยู่หรือเปล่าน่ะสิ"
ต้นบอกแล้วก็ทำหน้าแหยๆ
"อะไรนะ จีบนายเหรอ!?"
TBCขอรณรงค์ให้คนอ่านสละเวลา 1 วินาทีบวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ 'นักเขียนทุกคน' ทุกเรื่อง ทุกตอนนะครับ สร้างสรรค์ชุมชนแห่งการแลกเปลี่ยนแบ่งปัน