[ ศุกร์ที่ 5 พ.ค 60 ] ตอนที่ 43
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.1680_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ตอนที่ 44
..ไฟ..ไฟ : สติกเกอร์ส่งจูบ
สมุทร : อ่านข้อความแล้ว /ไม่มีการตอบกลับ
ไฟ : แกะปลาสลิดให้หน่อย
สมุทร : อ่านข้อความแล้ว /ไม่มีการตอบกลับ
“........” ผมนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ไปพลาง เคี้ยวอาหารไปพลาง อีกทั้งกลั้นหัวเราะไปพลาง ข้อความล่าสุดเป็นเหตุทำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอื้อมมือหยิบปลาสลิดเพื่อแกะให้ผมตามที่ขอ
ไฟ : ว่าง่ายจังนะ
หน้าจอโทรศัพท์ของสมุทรที่วางอยู่บนตักของเจ้าของสว่างขึ้นอีกครั้งเมื่อได้รับข้อความใหม่จากผม ครั้งนี้เจ้าของโทรศัพท์เลือกที่จะไม่หยิบขึ้นดู แต่เขาคงเห็นข้อความแล้วจึงทำเป็นแกะปลาสลิดต่อหน้าตาเฉย ไอ้เข้มที่กำลังกินข้าวต้มอยู่แอบชำเลืองมองมาที่มือของสมุทรที่กำลังวางเนื้อปลาสลิดลงบนจานข้าวของผม ส่วนไอ้เด่นจะรู้อะไร มันเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตากินลูกเดียว
ไฟ : เย็นชาจัง
“หึ !” ผมหัวเราะ ข้อความเดิมนี้ถูกส่งไปซ้ำ ๆ ถึงหลายครั้งจนทำให้สมุทรถึงกับพ่นลมหายใจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่านอย่างตัดรำคาญ
“ขำอะไรเหรอครับนาย” ไอ้เด่นถามตาใส
“ขำหน้ามึงมั้ง” ผมตอบ หยิบตะเกียบคีบปลาสลิดที่สมุทรแกะไว้ให้เข้าปาก
สมุทร : หยุดเล่นได้แล้วครับ
อีกฝ่ายทนไม่ไหว ถึงกับจุ่มมือลงในขันเพื่อล้างน้ำก่อนเช็ดมือทำความสะอาด แล้วพิมพ์ข้อความส่งกลับมาให้ผมอย่างตั้งอกตั้งใจ พอส่งข้อความเสร็จก็เอาแต่จ้องผมเขม็งคล้ายรอให้ผมทำตามที่เขาสั่งบ้าง
“อะไร” ผมเบิกตากว้าง ๆ ทำเป็นตีหน้าซื่อต่อหน้าทุกคน ไอ้เข้มกับไอ้เด่นมองเราทั้งคู่งง ๆ
“เขาโกรธอะไรน่ะ ?” ผมหันไปถามไอ้เด่นพร้อมชี้มือไปทางสมุทรด้วย
“พี่สมุทรโกรธอะไรอยู่เหรอครับ” ไอ้เด่นถามต่อให้ผม
“หึ ๆ ๆ” ผมกัดฟันกลั้นหัวเราะ มือที่กำลังจะหยิบช้อนเพื่อตักข้าวต้มเข้าปากกลับต้องหยุดชะงักเพราะรู้สึกเจ็บแปลบที่แผลขึ้นมา
“เจ็บ.. แม่ง” ผมบ่น พ่นลมหายใจออกทางปากเพื่อตั้งสติ
“เป็นอะไรไหมครับนาย” ไอ้เด่นตกใจ
“โรคกรรมมั้งครับนั่นน่ะ” สมุทรสวนทันที ผมแสยะยิ้มกว้างกับให้กับมุกนี้
“พรืด ! หึ ๆ ๆ ๆ” ผมกัดฟันหัวเราะ โดนเล่นเข้าให้แล้ว
เช้าวันนี้ อาหารเช้าของพวกเราตั้งโต๊ะกันที่ระเบียงหน้าบ้าน โต๊ะไม้แบบนั่งพื้นขนาดหนึ่งเมตรคูณหนึ่งเมตรจึงพอดีสำหรับรองรับพวกเราได้สี่คน ผมเป็นคนเอ่ยปากเองว่าให้ทุกคนตั้งโต๊ะกินข้าวด้วยกัน อาหารของผมได้พัฒนาขึ้นจากเดิมแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เป็นเพียงข้าวต้มกับโจ๊กแสนธรรมดา แถมต้องป่นจนเนื้อข้าวละเอียด ตอนนี้ผมได้สัมผัสผักต้มกับเนื้อปลาด้วยลิ้นของตัวเอง
แน่นอนว่าแดกเองได้แล้วครับ“ขอโทษครับคุณไฟ” ผมหันไปมอง คนของหงส์เข้ามาหาอย่างอ่อนน้อม
“พอดีว่าพวกเรามีธุระจะเข้าไปในเมืองน่ะครับ ทางคุณไฟต้องการจะไปด้วยกันกับเราไหมครับ” อีกฝ่ายถาม ตามองมาที่คนของผมที่นั่งอยู่ด้วย
“อยากไปไหมละ” ผมถามไอ้เด่น
“อยากไปครับ” มันตอบแทบไม่คิด
“มึงนี่มันระริกระรี้จริง ๆ” ผมพ่นถอนหายใจ ทุกคนหัวเราะเบา ๆ
“รออีกสักเดี๋ยวได้ไหม กินข้าวใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ ฉันขอฝากมันสองคนไปด้วยแล้วกัน” ผมบอก
“ได้ครับ” เขาผงกหัวยิ้มรับ
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปรอที่รถเลยนะ” แกมองไอ้เข้มกับไอ้เด่น
“ครับ” ทั้งคู่ขานรับ
“ไปเอากระเป๋าสตางค์มาให้ฉันหน่อย” ผมสั่งสมุทร อีกฝ่ายผงกหัวและรีบลุกกลับเข้าไปในบ้านทันที ให้หลังไม่เท่าไหร่กระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลเข้มของผมก็ถูกนำมาวางอยู่ตรงหน้า
“คิดว่าทำอะไรดี” ผมตั้งคำถาม ทั้งสามคนมองมาอย่างสงสัย
“ทำอาหารกลางวันสักอย่างให้คนงานที่นี่น่ะ ต้องหม้อใหญ่ใช่ไหม” ผมมองหน้าสมุทร เขาคงรู้ดีกว่าผมและที่เหลืออีกสองตัวนี้ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องอาหารสำหรับคนหมู่มากเท่าไหร่นัก ผมอยากทำอาหารขอบคุณทุกคนที่นี่ก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯ สักหน่อย
“ครับ” สมุทรผงกหัว
“เอาเมนูที่นายถนัดแล้วกัน เพราะนายเป็นคนทำ” ผมพูด
“งั้น...เอาเป็น” สมุทรพึมพำขณะใช้ความคิด
“พะโล้หมูสามชั้นไหมครับ ทำไม่ยากเท่าไหร่ แล้วก็กินง่ายด้วย ผมเห็นที่ไร่ปลูกผักชี ในโรงครัวของที่นี่ก็มีผักคะน้ากับผักชีเป็นกะละมังทุกมื้อเลย น่าจะกินเข้ากันดีกับพะโล้น่ะครับ” สมุทรเสนอ สายตาของเขาดูตื่นเต้นนิดหน่อย
“พะโล้ก็ดีครับ อากาศก็เย็น อยากกิน” ไอ้เด่นยิ้มกว้าง
“แล้วก็..ชาเย็นด้วยดีไหมครับ” สมุทรพูด
“เอางั้นก็ได้ ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ล่ะ เอาไปสองพันพอรึเปล่า” ผมถาม
“พอครับ” สมุทรตอบ
“งั้นสักสามพันแล้วกัน เผื่อขาด...นายก็เขียนให้พวกมันไปว่าซื้ออะไรบ้าง เอาให้ละเอียดล่ะ...ไอ้เด่นมันไม่ฉลาดเท่าไหร่หรอก” ผมว่า
“นายอะ” คนถูกว่ายิ้มเขิน
“เจอพุดดิ้งซื้อมาให้กูด้วย” ผมสั่ง อยากกินอะไรหวาน ๆ มาหลายวันแล้ว
“ได้ครับ” ไอ้เด่นผงกหัวพร้อมรับเงินไป
“ดูด้วยนะ” ผมหันไปมองหน้าไอ้เข้มเพื่อให้มันดูแลน้องชายด้วย ฝ่ายคนเป็นพี่พยักหน้ารับ หลังมื้ออาหารที่จำเป็นต้องเร่งรีบกะทันหันเพราะเกรงใจว่าคนของหงส์จะรอนาน สมุทรรีบจัดแจงเขียนวัตถุดิบที่ต้องการให้ไอ้เข้มกับไอ้เด่นรับผิดชอบไปซื้อมาให้ ใช้เวลาเขียนเพียงไม่กี่นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
ไอ้เข้มกับไอ้เด่นออกไปกับคนของหงส์ตอนประมาณแปดโมง สมุทรจัดการเก็บโต๊ะและล้างจานชาม เขาใช้เวลาอยู่ในครัวค่อนข้างนาน ดูท่าจะทำความสะอาดครัวด้วย วันนี้หงส์ยังไม่กลับมาเลยเห็นว่าเธอเข้าเวรตั้งแต่เมื่อวานคืน ผมก็นั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ค่อยได้ขยับตัวมากนัก รู้ตัวเองดีว่าร่างกายเป็นอย่างไรจึงพยายามที่จะรักษาตัวเอง ปู่หาญแวะมาทักทายผมหลังจากกลับออกมาจากเข้าไร่ในตอนเช้า เรานั่งคุยและจิบน้ำชาไปด้วย ปู่ชวนสมุทรคุยบ้าง ส่วนใหญ่ถามเรื่องทั่ว ๆ ไปและดูท่าจะถูกคอเรื่องไร่สวน คงเพราะฤทธิ์ยาเลยทำให้ผมรู้สึกง่วงนอนอีกครั้งหนึ่ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนงานมาตามให้ปู่กลับเข้าไร่อีกครั้งพอดี ผมจึงได้เวลาพักผ่อน เลือกนอนพักที่ห้องนั่งเล่นริมระเบียง ลมเย็น ๆ ที่โกรกผ่านประตูและหน้าต่างมุ้งลวดเข้ามายิ่งทำให้รู้สึกสบายใจ ทิวทัศน์ที่มองผ่านระเบียงบ้านเต็มไปด้วยร่มไม้เขียวขจี ไม่นานนักสติผมก็ทิ้งดิ่งลง...
- - - - - - - - - - - - - - -
ตับ ! ตับ !! ตับ !!!เสียงรบกวนด้านนอกปลุกให้ตื่น คล้ายกับเป็นเสียงทุบหรือผ่าไม้ขนาดใหญ่ ผมลืมตามองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียง บอกเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว เด็กเล็กวิ่งกันจอแจได้ยินแว่วไกล ๆ เสียงของไอ้เด่นตะโกนมาจากหลังบ้านตรงทางเข้าไปในไร่ว่า “เดี๋ยวมานะครับ !” เท่านั้น ผมได้แต่นึกสงสัยว่ามันกลับมาถึงเมื่อไหร่แล้วนั่นมันกำลังจะไปไหนของมันอีก จากนั้นลูกน้องของผมก็หายไปพร้อมกับเสียงของเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ผมลุกขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์มือถือเปิดออก มีสายไม่ได้รับจากพี่ธานหนึ่งสายเมื่อยี่สิบนาทีก่อนหน้า ผมจึงโทรกลับไป
“ครับ” ผมเอ่ยทัก มือข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์ลูบใบหน้าตัวเองเพื่อปลุกให้ตื่นเต็มตา
“ขอโทษครับ ผมโทรไปรบกวนรึเปล่า” ปลายสายถามอย่างเป็นกังวล
“ไม่หรอก ผมเพิ่งตื่นน่ะ” ผมตอบ
“อาการเป็นยังไงบ้างครับ” พี่ธานถาม
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ มีอะไรสำคัญรึเปล่า” ผมถามกลับ
“เปล่าหรอกครับ คุณทัพเขาเป็นห่วงเลยอยากทราบความคืบหน้า”
“เป็นห่วงหรือกลัวว่าผมจะถอนตัวไม่ทราบ” ผมพูดติดตลก ทำให้พี่ธานหลุดหัวเราะได้นิดหน่อย
“พายุกับดินเป็นไงบ้าง”
“ดีครับ คุณดินดูตั้งอกตั้งใจกับการสอบรอบนี้มากเลย แปลกตาผมอยู่เหมือนกัน” พี่ธานรายงาน ผมหัวเราะในลำคอ
“ได้ข่าวว่า...” ปลายสายเอ่ยคล้ายกับมีเรื่องที่ต้องการจะพูด
“คุณหงส์บอกว่าคุณไปได้ดีกับสมุทรงั้นเหรอครับ”
“ประเด็นที่โทรมาเพราะต้องการรู้เรื่องนี้รึไงครับพี่ใหญ่” ผมแซว
“หึ ๆ ถ้าปฏิเสธก็จะกลายเป็นการโกหกใช่ไหมครับ” อีกฝ่ายตอบปัดติดตลก
“ไม่มีอะไรพิเศษนะ ปกติออกครับ” ผมพูดพลางพ่นลมหายใจ
“ก็แค่...ได้อยู่ด้วยกันส่วนตัวมากขึ้นล่ะมั้ง” ผมตอบ จะว่าคืบหน้าหรือไม่ คงต้องถามสมุทรมากกว่าที่จะมาถามผม
“ไม่โกรธเขาเรื่องที่ครัววันนั้นแล้วใช่ไหมครับ” พี่ธานถาม
“ก็...ไม่ได้โกรธตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลืมไปซะหมดหรอกนะ” ผมกวนกลับ
“คุณไฟครับ” พี่ธานทำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย
“ถ้าคุณไม่เชื่อที่ผมพูด ถามอีกฝ่ายไปตรง ๆ เลยดีไหมครับ สมุทรก็เป็นคนตรงไปตรงมาอยู่นะครับ”
“พูดได้ดีนี่ !” ผมกระแทกเสียงชมกึ่งประชด
“โธ่ คุณไฟครับ ผมก็แค่อยากช่วย”
“........” ผมเงียบฟัง ปลายสายจึงหยุดพูดไปดื้อ ๆ
“ผมไม่อยากให้คุณกังวลทางนี้ ถือซะว่านี่เป็นโอกาสดีที่ได้มีเวลาเรียนรู้กันไม่ดีกว่าเหรอครับ ผมคิดว่าสมุทรก็คงได้เห็นคุณไฟอีกด้านที่เขาไม่เคยเห็นก็ได้นะครับ” พี่ธานไม่เลิกตะล่อม
“อยากได้เหรอ ?” ผมสวนถามกลับคนละประเด็น มุมปากหุบยิ้มลงสนิท
“ครับ ?” พี่ธานขานรับอย่างสงสัย
“ฟังดูเหมือนพี่อยากได้เขามาเป็นเจ้านายอีกคนน่ะ” ผมแซ็ว
“หึ ๆ ๆ” พี่ธานหัวเราะเบา ๆ
“ผมที่ต้องนอนเตียงเดียวกับหมอนั่นทุกคืนโดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันแย่ยิ่งกว่าแผลที่เป็นอยู่ซะอีกนะ” ผมพึมพำบ่นให้ฟัง ปลายสายยังคงหัวเราะคิกคักดูท่าจะชอบใจ
“ฝากดูแลทางนั้นด้วยแล้วกัน ผมดีขึ้นมากแล้ว อีกไม่เกินอาทิตย์คงได้กลับ” ผมบอก
“ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้นะครับ” พี่ธานรับปาก เราไม่ได้ร่ำลาอะไรมากนักผมก็ตัดสายลงก่อน ความหนาวเย็นทำให้ต้องหยิบผ้าห่มผืนเล็กนำขึ้นพาดบ่าติดตัวเดินออกมาที่ระเบียงบ้านด้วย
ผมออกไปหยุดยืนอยู่ริมระเบียงตรงใกล้กับทางขึ้นลงบันได เห็นสมุทรกำลังตักน้ำจากในโอ่งดินแล้วเทใส่ถังสแตนเลส แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผมได้อย่างทันทีคือส่วนที่ปกปิดร่างกายของอีกฝ่ายอยู่ น้ำเต็มถังแล้ว ผมแสยะยิ้มจ้องมองสมุทรที่นุ่งผ้าขาวม้าไว้ครึ่งท่อนโดยขมวดปมไว้ที่เอวอย่างลวก ๆ พออีกฝ่ายยืนตัวตรงขึ้นคล้ายกับมองหาอะไรสักอย่าง ผมจึงเบี่ยงตัวหลบเข้าที่ข้างเสาในทันที เกรงว่าคนด้านล่างจะสังเกตเห็นเอาได้
“เข้ม ! พี่แขวนกางเกงไว้ที่ราว เห็นกางเกงพี่รึเปล่า” สมุทรตะโกนถาม ตามองหาของของตนที่ราวตากผ้าไม้ใผ่ใกล้ ๆ
“เอ๊ะ พี่สมุทรยังจะใส่อยู่เหรอครับ ผมเอาไปลงเครื่องซักผ้าไปแล้ว” ไอ้เข้มตอบ
“อ่าว เหรอ” สมุทรยิ้มเจื่อน
“ขอโทษครับที่ไม่ถามก่อน นึกว่าพี่จะไม่ใส่แล้วน่ะครับ” ไอ้เข้มพูด เสียงของมันดังมาจากใต้ถุนบ้าน
“ไม่เป็นไร พี่แค่กลัวกางเกงเปียกน่ะเลยเปลี่ยนไว้ แต่ตามจริงแล้วผ้าขาวม้าสบายกว่านะ” สมุทรตอบปนหัวเราะ
“ผมก็ว่างั้น นึกถึงสมัยเป็นเด็กเลยครับ” ไอ้เข้มพูดอย่างอารมณ์ดี
ดูเหมือนคนของผมกำลังจะเตรียมทำอาหารที่ลานหน้าบ้านและคงยุ่งอยู่กับงานบ้านอีกด้วย เตาถ่านขนาดใหญ่ถูกวางเตรียมไว้ใกล้ ๆ กับแคร่ไม้ ข้าง ๆ กับแคร่ไม้มีโต๊ะไม้ความสูงเกือบเท่าเอวตั้งอยู่ บนนั้นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร สมุทรวิ่งกลับเข้าไปใต้ถุนบ้านทำให้ผมมองไม่เห็น ไม่แน่ใจว่าพวกมันกำลังทำอะไรอยู่ เสียงพูดคุยค่อนข้างเบา สมุทรวิ่งกลับออกมาอีกครั้งแล้วตรงไปที่ที่ลานผ่าฟืนที่อยู่ถัดจากโอ่งดินออกไป
“ฝากด้วยนะสมุทร !” เสียงชายวัยกลางคนตะโกนมาจากทางฝั่งของโรงครัว
“ครับ !” สมุทรขานรับอย่างยินดี
ผมยืนพิงเสา กอดอกมองอย่างตั้งอกตั้งใจกับหุ่นของคนตรงหน้าที่กำลังจับโน่นทำนี่อย่างไม่ระวังตัว เขาคงคิดว่าผมกำลังหลับอยู่ ถ้ารู้ว่าผมตื่นอยู่เขาคงไม่ปล่อยตัวเองให้นุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวแบบนี้เป็นแน่ เสียงที่ก่อกวนให้ผมตื่นจากการนอนคงเป็นเสียงผ่าฟืนจากเขานั่นละ แถมชำนาญใช่หยอก สมุทรแทบไม่ต้องออกแรงเลยนอกจากเล็งขวานให้ตรงตามเนื้อไม้และปล่อยขวานไปอย่างไม่ลังเล ตั้งแต่สังเกตสมุทรมา ดูเหมือนว่าหมอนี่มันเป็นมนุษย์จิปาถะ เพราะทำเป็นเกือบหมดทุกอย่างจนผมไม่กังขาในประวัติการทำงานที่ผ่านมาของเขา แผ่นหลังกับโครงสร้างของหัวไหล่ที่ผมหลงใหลกำลังจับกันเป็นก้อน ๆ ท่าจับขวานดูมั่นคง กล้ามเนื้อถูกเกร็งขึ้นโดยธรรมชาติยิ่งทำให้เห็นรูปร่างของร่างกายได้ชัดเจนมากกว่าเดิม ผิวที่ถูกแดดเผาจนสีผิวเปลี่ยนเป็นส่วน ๆ ยิ่งชวนมอง ผ้าขาวม้าที่เจ้าตัวนุ่งอยู่ทำให้เห็นกล้ามเนื้อที่หน้าท้องเรียงตัวสวยงาม แบบว่ามัน.. น่าเลียฉิบหายเลยโว้ย !
สวรรค์...หรือว่าตอนนี้กูยังไม่ตื่น“เดี๋ยวผมทำเองครับ” ไอ้เข้มวิ่งออกมา ทำท่าจะเข้าไปขอขวานเพื่อรับหน้าที่ด้วยตนเอง
“ไม่เป็นไร ทำกองนี้เสร็จก็เสร็จแล้ว” สมุทรบอก
“ผมทำเองดีกว่าครับ พี่เตรียมของตั้งหลายอย่างแล้ว ตั้งแต่เช้ามืดก็ยังไม่ได้หยุดเลยนี่ครับ” ไอ้เข้มยืนยันคำเดิมด้วยสีหน้าเกรงใจ
“เอางั้นเหรอ” สมุทรยิ้มน้อย ๆ ไอ้เข้มพยักหน้า รับขวานจากสมุทรไปรับหน้าที่ต่อ พอสมุทรเงยหน้าขึ้นมาเห็นผมถึงกับชะงัก ผมยืนนิ่ง คิ้วเลิกขึ้นกล่าวทักทายพร้อมกวาดสายตามองไปทั่วร่างกายนั่น ดวงตาของเขาดูเหมือนจะตกใจในทีแรก แต่เจ้าตัวก็ยังรักษาอาการได้เก่งเหมือนเคย
“เอ๊ะ นายตื่นแล้วเหรอครับ” ไอ้เข้มยิ้มทัก ผมพยักหน้า เดินลงบันไดไปหาพวกนั้น อยากยืดเส้นยืดสายสักหน่อย
“ลงมาแบบนี้จะไม่เป็นอะไรเหรอครับ” สมุทรถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ผ่าไปทำไมเยอะแยะ” ผมถามกลับคนละเรื่อง
“เอาไปเก็บในโรงครัวครับ บางส่วนเอาไปให้คนงานที่ท้ายไร่” สมุทรตอบ
“ใช้เตาแก๊สไม่ได้เหรอ” ผมถาม
“ไม่ได้หรอกครับ หม้อมันใหญ่เกินไป แล้วต้องใช้เวลาตุ๋นนานเพื่อให้เนื้อนุ่มด้วยน่ะครับ” สมุทรตอบ ไอ้เข้มเริ่มลงมือผ่าฟืนต่อ เสียงเริ่มรบกวนบทสนทนา ผมจึงเดินหนีไปนั่งลงที่แคร่ไม้ไผ่ สมุทรหายกลับเข้าไปในครัว เขาออกมาอีกครั้งพร้อมกับอาหารในมือ
“ตอนที่คุณหลับ เด่นโทรมาบอกว่าหาซื้อพุดดิ้งให้คุณไม่ได้น่ะครับ บางร้านดูท่าว่าจะหวานมาก เด่นเลยไม่กล้าซื้อมาให้ ผมเลยให้เขาซื้ออุปกรณ์มาทำเต้าฮวยฟรุตสลัดแทน นี่ครับ” สมุทรบอกอย่างใจเย็น ในมือยังถือถาดที่มีเตาฮวยฟรุตสลัดวางอยู่บนนั้น
“ไม่หวานเท่าไหร่นะครับ ผมกลัวว่าคุณจะกินไม่ได้”
“ขอบคุณ” ผมบอก สมุทรก้มตัวเข้ามาใกล้พร้อมวางถาดลงใกล้มือของผม ผมมองตามใบหน้าที่อยู่ไม่ไกลตัวเองนัก ความรู้สึกในใจลึกลงไปสั่งงานให้ร่างกายเข้าประชิดอีกฝ่าย สมุทรตกใจ ทำท่าจะเบี่ยงตัวหลบแต่ก็ไม่ทันความไวจากผม
จุ๊บ ! เสียงจุ๊บแก้มดังพอให้เราทั้งคู่ได้ยินชัดเจน สมุทรถลึงตาโตเป็นไข่ห่าน มือยังไม่ละไปจากถาดอาหารที่ตนจับอยู่ ผมยิ้มกว้างให้กับสายตาไม่พอใจตรงหน้า สายตาแบบที่ว่าคงลืมไปซะแล้วว่าผมเป็นเจ้านายเขาอยู่
“ตกใจอะไรกับแค่หอมแก้ม” ผมกะพริบตาปริบ ๆ
“ทั้งที่ตัวเองเคยเป็นฝ่ายล็อกคอคนอื่น แล้วสอดลิ้นเร่าร้อนเข้าปากเขามาแล้วแท้ ๆ” ผมเล่นเสียง จงใจยียวนไม่หยุด สมุทรเงียบไป ไม่ยอมสบตา มือผละออกจากถาดแล้วลุกขึ้นยืนดี ๆ ผมกวาดตามองไม่กะพริบ ใบหูของสมุทรเริ่มมีสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ และท่าทีของเขาก็เหมือนกับกำลังเก้อเขินอยู่อย่างนั้น ผมเองก็ไม่ใช่ว่าไม่แปลกตาหรอกที่ได้เห็นปฏิกิริยาไม่ได้คาดหวัง แบบนี้ล่ะ ที่ผมบอกว่าเขามีเสน่ห์ ใบหน้าที่พยายามกลั้นรอยยิ้มของตนเองเอาไว้ มันแฝงไปด้วยความเก้อเขินจนทำให้อยากพุ่งเข้าใส่ให้รู้แล้วรู้รอดจริง ๆ
น่ารัก “........” ผมกับสมุทรหุบปากเงียบด้วยกันทั้งคู่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ ๆ เราถึงนึกเรื่องที่จะคุยต่อไม่ออก ต่างฝ่ายต่างสบตากันเป็นระยะ ไม่ใช่สิ เราพยายามที่จะไม่มองตากันมากกว่า
“พี่สมุทรครับ ! แค่นี้พอไหมครับ” ไอ้เข้มหันมาตะโกนถาม สมุทรหันตัวกลับไปมอง
“เท่านั้นก่อนก็ได้ เข้มเอาส่วนนึงเข้าโรงครัวไปก่อนนะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวพี่ผ่าเอง ขอบใจมาก” สมุทรตอบ
“ได้ครับ” ไอ้เข้มขานรับ รีบจัดแจงนำฟืนใส่รถเข็น
“รีบไปเลย” ผมไล่ ไอ้เข้มหันมาผงกหัวให้ผมปลก ๆ แล้วรีบเข็นรถเข็นเข้าไปในโรงครัวในทันที
“อย่าก่อกวนละครับ” ลูกน้องคนใหม่เอ่ยปากปรามอย่างรู้ทัน ผมยิ้มกว้าง เท้าแขนไปด้านหลังทั้งสองข้าง ตาจ้องมองหน้าท้องส่วนล่างที่มองเห็นเส้นเลือดนูนชัดเจนประปราย สมุทรเดินหนีไปที่โต๊ะวางอาหาร เขาจัดการทุกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน นำของสดออกจากถุงผ้า บางอย่างอยู่ในถุงพลาสติก ผมเอนตัวนอนลงบนแคร่ หางตาของคนที่กำลังยืนจัดอาหารอยู่แอบเหลือบมาทางผมบ้างเป็นระยะ ผมนอนตะแคงเท้าแขนขวาไว้ในท่าที่กำลังสบาย ครู่หนึ่งสมุทรก็เดินกลับขึ้นบ้านไปโดยไม่ได้บอกกับผมว่าหายไปทำอะไร กลับลงมาอีกครั้งพร้อมกับหมอนหนึ่งใบในมือ
“หมอนครับ เดี๋ยวจะเจ็บแผลนะครับ” สมุทรบอก ผมรับหมอนมาแล้วทิ้งตัวหนุนหมอนแทน นอนบนแคร่ไม้ไผ่ด้วยท่าที่ผมทำก่อนหน้านี้ ถ้านานไปมันก็ไม่ค่อยสบายนักหรอกครับ
“อากาศดีเป็นบ้า” ผมพึมพำตามองไปบนท้องฟ้า
“ให้ช่วยไหม” ผมถาม ผ้าห่มถูกคลี่ออกห่มตัวเองไว้อย่างลวก ๆ
“ไม่ครับ ขอบคุณ” อีกฝ่ายตอบชัดถ้อยชัดคำ
“ถามไปงั้น ไม่ได้คิดจะช่วยจริง ๆ อะนะ” ผมว่า สมุทรไม่ได้หันมามองผม ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มนิดหน่อยเท่านั้น
“เมื่อเช้าฝึกเป็นไง” ผมถามถึงไอ้เข้มกับไอ้เด่น
“ดีครับ คงเพราะอากาศดีอย่างที่คุณบอกด้วย ทุ่นแรงไปได้เยอะเลย” สมุทรหันหน้ากลับมา
“พวกมันปีนต้นไม้เก่งใช่ไหมละ” ผมพูดถึง
“ครับ เร็วอย่างกับลิง” สมุทรหน้าถอดสี เขาดูตกใจมากจริง ๆ
“ก็มันเป็นลิง” ผมตอบปนหัวเราะโดยไม่ได้อธิบายว่าเพราะอะไรไอ้สองคนนั้นถึงได้ปีนต้นไม้เก่งอย่างนั้น สมุทรเองก็หัวเราะด้วยเหมือนกัน
เขาเริ่มทยอยนำฟืนที่ผ่าไว้มาวางใกล้ ๆ กับเตาถ่าน นั่งยอง ๆ ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่สักพักหนึ่งไฟในเตาก็ติด ควันคลุ้งโขมง ทำให้เราทั้งคู่ประสานเสียงกันไอเนือง ๆ สมุทรออกปากบอกให้ผมกลับขึ้นบนบ้าน คงเพราะเป็นห่วงอาการของผม แน่นอนว่าผมปฏิเสธ ขึ้นไปแล้วก็ไม่มีอะไรทำนอกจากนั่ง ๆ นอน ๆ ผมอยากดูอีกฝ่ายทำอาหารมากกว่า
หม้อทำอาหารขนาดใหญ่ถูกตั้งลงบนเตาถ่านพร้อมกับเทน้ำเปล่าลงไปหลายลิตร ไข่ไก่จำนวนยี่สิบกว่าลูกถูกนำใส่ลงไปในหม้อเพื่อต้มให้สุก ไข่ไก่พวกนี้เป็นไข่จากในฟาร์มของที่นี่ซึ่งหงส์เป็นคนสั่งให้คนงานนำมาให้ตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว ระหว่างที่รอให้ไข่ต้มสุกสมุทรก็จัดเตรียมวัตถุดิบสำหรับการทำพะโล้ต่อไป
ให้หลังเกือบยี่สิบนาที ไข่ต้มสุกถูกนำวางไว้บนแคร่ สมุทรจำเป็นต้องตั้งน้ำเปล่าใหม่อีกครั้งเพื่อทำน้ำพะโล้ เขายังคงกระเตง ๆ ทำโน่นทำนี่โดยที่ยังนุ่งผ้าขาวม้าอยู่อย่างนั้น ผมคิดว่าเขาชอบนุ่งผ้าขาวม้าเป็นนิสัยอยู่แล้วเพราะเขาไม่เขินและดูเป็นธรรมชาติ พวกผมเองเวลาที่มาพักอยู่ที่บ้านของหงส์ก็มักจะนุ่งผ้าขาวม้าเป็นประจำ มันสะดวกสบายมากกว่าใส่กางเกงบ๊อกเซอร์ แต่สมุทรคงจะไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เขาคิดว่ามันปกติธรรมดานั้นมันไม่ธรรมดาในสายตาผม หรือไม่ อีกฝ่ายเองก็จงใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตนเองถูกมองอยู่ตลอด ก็มีกันแค่สองคน แถมยังเงียบด้วยกันทั้งคู่ มีอะไรให้มองก็มองไป
เครื่องปรุงกำลังถูกเทใส่ลงไปในหม้อทีละอย่างอย่างใจเย็น สมุทรยืนหันหลังให้ผมที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ผ้าขาวม้าบาง ๆ ตัวเดียวบนร่างกาย แผ่นหลังของเขาทำให้ผมนึกแต่เรื่องนอกลู่นอกทางเต็มหัวไปหมด กล้ามเนื้อระหว่างเอวมาจนถึงสะโพกแทบละสายตาไปทางอื่นเป็นไม่ได้ ขอบผ้าขาวม้าที่ถูกดึงจนตึงจากการมัดจากข้างหน้ายิ่งเน้นบั้นท้ายของเขาจนเผยให้เห็นกางเกงชั้นในได้นิดหน่อย ความเงียบรอบตัวเกือบทำให้ผมได้ยินเสียงความคิดตัวเอง ใบไม้กระเด็นไปไกลจากการถูกลมพัดอย่างแรง ลิ้นที่เกลี่ยไปตามไรฟันอย่างเนิบช้าขยับพร้อม ๆ กับผมที่ลุกขึ้นนั่ง
อยากทำฉิบหาย อยากสุด ๆ ไปเลย มันคือความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวในตอนนี้ คิดแต่เรื่องอัปรีย์จนรู้สึกผิดต่อคนตรงหน้า หมูสามชั้นที่หั่นเตรียมไว้สวยสะอาดกำลังถูกเทลงไปในหม้อต้ม สมุทรยืนจ้องหม้อต้มอยู่อย่างนั้น ขณะเดียวกันผมก็เอื้อมแขนออกไปยังเป้าหมาย นิ้วที่โค้งงอเกี่ยวขอบผ้าขาวม้าออกอย่างแรง ตั้งใจให้มันหลุด
“คุณไฟ !” สมุทรตกใจหันตัวกลับมาร้องเสียงหลง มือข้างขวาของเขาคว้าขอบผ้าขาวม้าเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะหลุดออกจากตัว ผ้าขาวม้าหลุดออกอย่างครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น ผมยิ้มกว้าง สมุทรจิปากอย่างหงุดหงิด รีบวางถาดใส่หมูสามชั้นที่ตนถืออยู่ลงบนแคร่ในทันที
“ก็...นายบอกให้ฉันดึง” ผมพูด
“ผมพูดตอนไหนไม่ทราบครับ !” สมุทรย้อนว่าเสียงดัง ผมหัวเราะในลำคอ
“เล่นอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเกิดมีคนมาเห็นเข้าละครับ” เขาดุ คิ้วขมวดเป็นโบแต่หน้ากลับแดงชัดเจน
“ถ้าพูดตรง ๆ จะโกรธไหม” ผมถามกลับหน้าตาย
“โกรธครับ” สมุทรแทบจะกระแทกเสียง
“โอเค” ผมพยักหน้า กะพริบตารับทราบพร้อมผายมือขึ้นทั้งสองข้างยอมความ
“........” สมุทรหุบปากเงียบ มือข้างขวายังคงกำขอบผ้าขาวม้าไว้แน่น ขณะเดียวกันผมเห็นว่าหงส์กำลังเดินมาพอดี สมุทรเห็นอย่างนั้น ความอายของเขาก็เพิ่มทวีคูณขึ้นอีก หงส์มองไปที่สมุทรกะหลับกะเหลือกพลางปิดปากอมยิ้มกรุ้มกริ่มคล้ายอ่านสถานการณ์ออก สมุทรผงกหัวให้หงส์เล็กน้อยแล้วรีบมัดผ้าขาวม้าให้เรียบร้อยเหมือนเดิม