My sassy, don’t let it B!
รักนี้บีบวก
.................
ตอน 11 พฤหัสและศุกร์แห่งชาติ...วันมหาวิปโยค (รึเปล่าหว่า)
B’s
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ข้ามเหตุการณ์วันพฤหัสบดีทั้งวันได้จะเริ่ดมาก
เพราะผมอยากดีลีทเรื่องที่เกิดขึ้นทิ้งไปให้หมด
ว่ากันง่ายๆ ตั้งแต่เช้าตรู่ สติกเกอร์หน้าล็อคเกอร์ คิตตี้สวมชุดกระต่ายหูยาวเฟื้อยของเค้าโดนกรีด
กรี๊ดด้วยความคลั่งดอกแรก
ดอกสองเหมือนเดิมครับท่าน ความคิดไม่พัฒนา รองเท้ากูหาย
อาคารศิลปะเป็นเวิร์คชอปผนังกระจกใสรอบด้านท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น
รองเท้าวางบนชั้นแล้วเดินข้ามห้องแสดงงานประมาณ 10-12 เมตรถึงจะเข้าห้องเรียน
มีตู้วางประติมากรรม แผงกั้นติดรูปเขียนบังสายตาอยู่
หมดคาบ รองเท้าของผมถูกพบนอนแอ้งท่ามกลางพุ่มไม้ละแวกใกล้เคียง
ลิงมือบอนคงขว้างไปไกลที่สุดเท่านั้น (T-T)
ดอกสามสุดท้าย เหมือนจะเบาแต่มันไม่เบาในความรู้สึกผม
เนื่องเป็นผู้ถูกกระทำโดยมนุษย์เงาทั้งที่ไม่แจ้งข้อกล่าว
นั่นคือ ดินสอกดคิตตี้ของบีน้อยถูกถอดหัว อันนี้ทิวากรลมออกหู
บ้านเป็นเซเว่นก็จริงแต่ผมเคารพสิทธิผู้บริโภค อัฐยายซื้อขนมยาย
ซื้อของสะสมสแตมป์โดราเอมอนติดจนครบจำนวนถึงแลกมา
หายไปทั้งแท่งไม่ว่า แต่จุกหัวหาย ตัวยังอยู่คาใจช้ำๆ บีขอกรี๊ดเป็นเพลง
'เจ็บในใจช้ำๆ ที่โดนเขาทำ ให้เจ็บมา
อ่อนแรงลงไปช้าๆ เพราะใจมันล้า ที่จะรักใคร'
ยืมเพลงรุ่นแม่มาใช้ประกอบฉาก เปิดในรถปิคอัพขณะขับมาส่งลูกที่ป้ายรถเมล์
จุดนัดพบเมื่อเช้า เพลงสุดท้ายกระแทกยัดใส่หยักสมองพอดี
ดีหน่อยที่สมุดการบ้านหรืองานส่งไม่โดนกระทำชำเรา
เพราะไอ้หัวหน้าห้องใช้ทรายและเพื่อนผู้หญิง เจนี่กับดาวขีดติ๊กชื่อทุกเล่ม ทุกคน ทุกครั้ง
ที่วางรวมกองไว้ให้หอบไปส่งห้องอาจารย์ ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความหมั่นไส้ของเพื่อนๆ ได้ดี
...............
.....................
หลังเลิกเรียน...ลานนนทรีหน้าโรงยิม โต๊ะม้าหินที่นั่งประจำ
ลูกชิ้น ของกินเล่นเป็นกอง ผมนั่งถอนหายใจทิ้ง ไม่มีกระใจอยากไอศกรีมของโปรด
ขอโทษ หนังผิดแผ่น ดนตรีผิดม้วน ไม่มีฉากแซดอารมณ์บูดแบบนั้นสำหรับบีครับ...
ต้องยิ้มร่าปากฉีกถึงหู กวาดทุกอย่างที่ชอบเข้าปาก
"วู้! กินนนนนนน" ผมบานเท่าบ้าน
"ลูกชิ้นๆ ท่านเฟรมเลี้ยงอีกแล้วใช่ไหม?" โจโจ้แนวร่วมกินฟรี
"เปล่า นี่ไอ้เก็ท วันนี้กูจะกินฟรี" เฟรมปกติปากหนักพูดทีละวลี เพิ่งมีวันนี้ยาวครบประโยค
"อ๊า! สตรอปั่น เก้งจัดการที เฟรมมันแย่งกูอ่ะ" ผมโวย มีลูกชิ้นเต้าหู้กับหมูปิ้งคนละข้าง
"เต็มสองมือแล้วนั่นน่ะ" คนข้างเคียงนั่งชิดม้าหินตัวเดียวกัน เหมือนเดิมแต่โวยวายไม่เท่าเดิม
วันนี้ใจดีกับผมครับ ด้วยส่งผ่านความเครียดให้คนอื่นมาทั้งวัน
ขนาดเต๋าใจเย็นเฟรนด์ลี่ยังเกือบฮึดฮัดคืนกลับช่วงมันโวยแหลก
เพราะช่วยกันหารองเท้าให้ผมแล้วไม่พบสักที
บนโต๊ะทุกคนวางโครม พวกเดียวรายนามเดิม เฟรม เก้ง โจโจ้ เต๋า ข่าง
ผมกับคนที่คุณก็รู้ว่าใคร 7 สหาย
ส่วนเอกกำลังพานิสาย้อนกลับไปขนสมบัติที่ได้จากแอทเลิฟแอทล็อค
รอส่งคุณเธอกลับรถที่บ้าน ประเดี๋ยวคงมาแจมภายหลัง
เปรตลงล้มโต๊ะ เศรษฐีชื่อกิดากรเลี้ยง ทิวากรต้องมุ่งมั่นซัดให้เต็มคราบไว้ก่อน
"กูว่ามันแหม่งๆ เกินไปล่ะเก็ท มึงไปสร้างศัตรูกับใครไว้วะ" เต๋าที่วันนี้เกือบเม้งแตก
เพราะถูกบีบจะเอาตัวคนแกล้งมาลงโทษ และโยนงานท่วมหัวจากท่านหัวหน้าจอมสั่ง
"ไม่มี กูไนซ์กายจะตาย" คนว่าเอนชิดเข้าซ้อนหลังผม
"เหอะ! ไนซ์กายกับคนอื่น ทีกะกูละเกือบชกปาก" เต๋าค้อนเล็กๆ
รู้ว่าหายเคืองแล้ว เพราะแต่ละอย่างมุ่งร้ายมาที่ผมเกินจนลืมเรื่องของตัว
"เอาน่า โทษทีวะเพื่อน เพราะงี้กูถึงต้องมีมึงนี่ไง"
"ใช่ซี้ คอยรับใช้ รองมือรองตีนกระโถนท้องพระโรง มึงต่างหากที่ต้องมีกู เชรี่ยเก็ท!"
"อะไรก็เต๋า เต๋า-คชาไว้ก่อน" โจโจ้ร้องเป็นเพลงแซวรายการเรียลลิตี้
"เต๋า-พิพัฒน์โว๊ย! คนละคนกัน พวกมึงนี่"
"555" หัวหน้าห้องตบบ่าท่านรองที่เก๊กโกรธ ก่อนหลุดหัวเราะกันลั่น
"หึหึ" เฟรมนั่งติดเก้งมองเพื่อนสองคน
ผมชอบเพื่อนพวกนี้ ซึ้งในน้ำใจว่าเต็มใจช่วยเหลือ
ยามศึกเรารบ ยามสงบเรารบกันเอง
เช่นนาทีนี้เป็นต้น ลูกชิ้นเต้าหู้ใครหน้าไหนก็อย่าหวัง
"งั่ม! กูว่าน่าจะมีจดหมายใส่พวกสารแอนแทร็ค ไข้หวัดนกมั่งนะ จะได้หยุดกันทั้งโรงเรียน" โจโจ้ผู้คิดน้อยแต่กุลีกุจอช่วยเป็นธุระมากกว่าใคร
"นั่นดิ เป็นกูจะเขียนด่าซักเจ็ดชั่วโคตร น่าจะด่าชื่อกระต่ายที่บ้านกูมั่งก็ดีนะเว้ย แบบนี้เจ็บจี๊ด"
"ใช่ จี๊ด" โจโจ้ง่วนบุฟเฟ่ต์ ไม่รู้หรอกเรื่องอะไร
"ดีกว่ากรีดสติกเกอร์อีก อินดี้และอินไซด์ ค่อยน่าภูมิใจที่ถูกแกล้งหน่อย" ผมคุยข้ามกับโจโจ้พร้อมฟาดฟันลูกชิ้นไม้ใหม่
สามารถขึ้นกูมึง ภาษาพ่อขุนสบายปากจากการผ่านสมรภูมิมาด้วยกันเกือบ 24 ชั่วโมง
ความสนิทสนมอัพเลเวลในช่วงเวลาสุดโต่งแบบนี้ล่ะ
"อะไรวะ ด่ากระต่าย?" เก้งมองผมกับโจโจ้ข้ามไปข้ามมาเหมือนดูเทนนิสตีโต้ข้ามคอร์ด
"ด่าหมาก็ว่าฮาแล้วนะ นี่ด่ากระต่าย คิดได้ไงวะเนี่ย" ข่าง
"ก็บ้านกูเลี้ยงกระต่าย กู-รัก-กระ-ต่าย!" ผมจริงจัง
"อ้อ ด่าของรัก แนวกว่าเยอะ เจ็บกว่าเยอะว่างั้น" เก้งเริ่มเข้ากลุ่มบ้าๆ บอๆ อีกคน
"ใช่ อย่างรองเท้าก็ต้องพ่นกราฟิตี้ จุ่มสีเพ้นท์ศิลป์ครีเอทหน่อย มีที่ไหนเขวี้ยงให้หา ไม่รู้รึไงกูมีเยอรมันเชพเพิร์ดส่วนตัว"
"ใครวะ หมาเยอรมัน?" โจโจ้อวบระยะเกือบสุดท้ายมีงง
"มึงไง มึงหาเจอสองครั้งแล้วนี่ เมื่อวานกับวันนี้ ใช่ไหมคร้าบ โจโจ้หมาน้อย กู๊ดบอยๆ" ผมหลอกด่าก่อนปะเหลาะชมสุนัขเวลาทำดี
"โฮ่งๆ งี๊ดๆ" โจโจ้ไว
"ขอมือๆ แกล้งตายเร็วโจโจ้ 555" ข่างเล่นมุกต่อ
"ทั้งวันล่ะข่าง มีอีกรอบเดี๋ยวกูโดดกัด แล้วสะบัด แฮ่ๆๆๆ" โจโจ้เล่นเป็นหมาจะงับข่าง
เมื่อวานตอนได้ขนมจากผมก็หยอกกันหลายรอบมาก
...............
"นี่ไม่คิดโกรธคนแกล้งเราหน่อยเหรอ" ท่านเจ้ามือเอ่ยเบากับผม
"นั่นดิ กูกลายเป็นฝ่ายเครียดแทนซะเองนะเนี่ย" เต๋าผู้มีความรับผิดชอบสูง
"อย่าให้รู้นะว่าใคร ฮึ่ม!" เก้งว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้
"โกรธทำไม ป่านนี้คงคิดหาวิธีแกล้งหัวปั่น จะนอนหลับรึเปล่าไม่รู้"
"เออว่ะ เป็นกูคงนอนคิด นั่งคิด ขี้ก็คิด---/เชรี่ยข่าง! มึงหยุด กูจะอ้วก" ข่าง/เก้งกับหมูสะเต๊ะสีเหลืองอ๋อย
"แหวะ เหมือนเลยว่ะ" เฟรมเล่นว่าใกล้หูเพื่อนตัวเอง
"สัดเฟรม หุบปาก!" เก้งโวย จะโยนไม้หมูเหลืองทิ้งทั้งอัน
"จะกินหมูสะเต๊ะ"
"...เอาไป" เก้งถูกเฟรมจับรวมข้อมือ
ว๋ายๆๆๆ เหมือนโดนบังคับป้อนกันเองน่ะสิ บีกำเดาจะไหล
ตั้งใจก้มดูดน้ำปั่นของตัวเองอย่างจริงจัง ไม่รู้จะเอาตาไว้ไหน
"ดีแล้วล่ะ...โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า" ไอ้พระเอกที่ไม่ค่อยเอาอะไรเข้าปาก
ลูบหลังหัวผมป้อยๆ ครับ บีบคออีกต่างหาก
อั๊ยยะ ต่อหน้าธารกำนัลล้นโต๊ะ แล้วข่างกับเต๋าจะมุดหนีไปไหน
กูไม่ได้แสดงหนังสดใดๆ นะเฟ้ย
เรื่องนี้มันเลิฟมีเทนเดอร์ใสแจ๋วแหวว ม.4
ไม่มีฉาก NC ซีนอัศจรรย์ใดๆ ก็ห้าม! ไม่อย่างนั้นบีน้อยจะตามราวีคนเขียนจริงด้วย
"ยะ อย่า มะ มั่ว" ผมกึกกักเป็นหุ่นยนต์เครื่องน็อค
"ไม่ได้มั่ว" พ่นลมใส่หูกู เช้ด! เพิ่งบอกแหม่บๆ ว่าใสไร้แอลกอฮอล์ ฮ่วย!
"โฮ๊ยยย! เอกมันไปตายไหนวะ" โจโจ้โพล่งไม่ดูตาม้าตาเรือ (-.-) บีเสียดาย แง่มๆ
...................
(ครืดๆๆ) โทรศัพท์ช่วยชีวิต เก็ทล้วงดูหน้าจอ ตัดสายทิ้งแล้วรีคอลกลับในทันที
ลุกยืนคุยใกล้ๆ ละแวกนี้ไม่ได้มีแต่พวกผมหรอก
สารพัดเพื่อนร่วมสถาบัน บรรดาพ่อแม่พี่น้องมารับลูกหลานกลับบ้านอีก
ขอย้ำว่าไม่ได้อยู่ในที่รโหฐาน มันมโหฬารมากต่างหาก
"เออ ว่า?/-----" ทั้งโต๊ะเคี้ยวช้า เอียงเรดาร์เงี่ยหูรอฟังอย่างตั้งใจและไม่ได้นัดหมายโดยอัตโนมัติ
"อืม กินลูกชิ้น อยู่กันหมดยกเว้นเอก มึงล่ะ?/-----" เพื่อนเราชัวร์ ผมไม่เดาก็รู้ว่าคือลม
"อ๋อได้ แต่รู้ใช่ไหมว่า.../-----" ไม่พูดประโยคจนจบ ทำเอาหูผึ่งมากกว่าเก่า
"ตามนั้น เฮ้! พรุ่งนี้เย็นที่สนาม อย่าลืมล่ะ/-----"
"เอ้อ แค่นี้" จบ กลับมานั่งที่
ทุกคนในโต๊ะหันขวับมาทันที โดยเฉพาะเฟรมจ้องเขม็งต้องการคำอธิบาย
"ลมเหรอวะ?" โจโจ้อดไม่ได้ก่อนใคร
"ใช่ มันกำลังจะออกไป"
"อ้าว! ไม่บอก กูนึกว่ากลับไปแล้ว เลยไม่ได้ชวน" เก้งคิดเหมือนผม
พักเที่ยงกับหลังเลิกเรียน ลมแทบจะหายตัวได้ในพริบตา
ไม่มีทางเอ้อระเหยลอยชายอยู่ในอาณาบริเวณโรงเรียนแน่
ช่วงเที่ยงรู้ว่าพุ่งขึ้นไปเล่นเปียโนก่อนลงมาเก็บจานให้ร้านข้าว
(ที่บอกเป็นเด็กล้างจานแต่ไม่เคยเห็นว่าได้ล้างเลยสักครั้ง
แค่เก็บ 10-15 นาทีก็ได้กินข้าวฟรี เยี่ยม!)
ตอนเย็นก็มักจะมีนัดทำงานพิเศษ ส่วนใหญ่คือเล่นดนตรี-คีย์บอร์ด
ไปลีลาศกับก๊วนเพื่อนแม่ อยู่เป็นเพื่อนหรือสอนการบ้านเด็กเล็ก...
สัปดาห์หนึ่งมี 5 วัน มีงานไม่ซ้ำ กลับเร็วในทันทีเป็นประจำ...
(
) บีปลื้มเจ้าชายยาจกคนนี้สุดๆ
"แล้ว?" เฟรมจะเอาธุระเทเลโฟนให้จงได้
"มัน...เอ่อ! ให้หาบังโคลนล้อ โทรเตือนเผื่อกูลืมเอามา พรุ่งนี้"
"อ้อ สนูปี้ไม่มีบังโคลนนี่หว่า" เต๋าสรุป
"ใช่ ดีดใส่เสื้อผ้าเละ แถมบ้าถอดเบรคอีก ยังชอบกันเน๊าะ" ข่างว่าไปตามน้ำอย่างนั้นเอง
ผมจับน้ำเสียงชื่นชมในประโยคได้
รู้ว่าเก็ทโกหกเพราะหลุบสายตาต่ำและปลายนิ้วเกลี่ยวนบริเวณบั้นเอวด้านหลังของผม
กิริยากึ่งเตือนไม่ให้เอ่ยปาก ที่กว่านั้น ทั้งวันคือลมที่อยู่ด้วยในทุกเหตุการณ์
คอยเตือน คอยลูบหลังผมให้ใจเย็นไม่วู่วามโมโห
ประโยค 'โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า' ก็คือลมพูดบอกให้ได้ยินก่อนใคร
ลึกๆ ทราบว่าลมเหนือเดือดร้อนและเอาใจใส่ผมมากกว่าที่คิด
เรื่องอะไหล่จักรยานที่ว่าก็เอามาให้ตั้งแต่เช้าแล้ว
ผมเป็นคนช่วยยกถุงใบนั้นออกจากหลังรถ ให้มันเอาไปยัดล็อคเกอร์เพื่อนสนิทเอง
(ลมบอกรหัสกุญแจแบบหมุนตัวเลขให้เก็ทเฉย แต่มันไม่บอกต่อผม บีแค้น!)
ยังล้อเล่นกับอดีตเจ้าของจักรยานว่าน่าจะเป็นสีแดงไม่ใช่สีดำ
สนูปี้ในภาพการ์ตูนตัวขาว ถ้าสวมปลอกคอแดงจะเจ๋งสุดยอด
...............
"กินๆ รถกูใกล้จะมาล่ะ" เก็ทเปลี่ยนประเด็น
"ลุยๆ โจโจ้ จัดการให้หมด" ผม
"อ๋อย กูจุกข้าวเหนียว ทิ้งไว้ให้เอกมั่งก็ได้"
"หมามี 4 กระเพาะนะจ๊ะ จะบอกให้"
"นั่นควายเผือกอย่างมึงแล้วข่าง"
"555"
บรรยากาศกลับมาเฮฮาดังเดิม เสมือนไม่มีเรื่องร้ายกวนใจ
แล้วไม่กี่นาทีต่อมาขณะนั่งในรถ...ผมถึงรู้ความจริงว่าลมให้พี่เชนช่วยสืบอีกแรง
ที่เก็ทพูดปดเพราะเกรงใจเฟรม
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสมควรจะเขม่นกันอยู่ลึกๆ ตามประสาแบดบอยส์กับแบดบอยส์
ที่ไม่เอ่ยเรื่องคัดตัวทีมฟุตบอลวันพรุ่งนี้เย็นก็เพราะเฟรมกับหมอกอีกนั่นล่ะ
นักฟุตบอลกับนักบาส โย่ว!
พ่อเฟรมกับพ่อหมอกตกงานช่วงวิกฤติเศรษฐกิจทั้งคู่ แต่บ้านหมอกจับธุรกิจทำฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์
ฐานะ ความมั่งคั่ง ความมั่นคง กระทั่งชื่อเสียงก้าวกระโดดไปไกลเกินหน้ากว่าบ้านเฟรม
ที่ยังเป็นแค่ดีลเลอร์ขายส่งน้ำเมามากมายหลายเท่า
เฮ้อ เป็นเพื่อนกับพวกนี้ต้องดูทิศทางลมดีๆ เหมือนกัน
เอาน่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว บีสู้ๆ (^0^)
................
...................
(ต่อ)