ตอน 5
“อ่ะ ไปอาบน้ำเดี๋ยวจะไม่สบาย” ผมบอกก่อนจะโยนผ้าขนหนูให้เพื่อนรัก
“มึงนั่นแหล่ะ ที่ต้องไป หน้าซีดขนาดนั้นไปอาบน้ำแล้วจะได้มากินยา เร็วๆเลย” ผ้าขนหนูถูกโยนกลับมาก่อนที่ไอ้แทนจะเป็นฝ่ายดันผมเข้าห้องน้ำ
“เออๆ กูอาบก่อนก็ได้ แต่มึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช็ดผมหน่อยดีกว่าเดี๋ยวเป็นหวัด” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป
“มึงไว้ใจกูมากไปนะ ไอ้ไม้” ไอ้แทนเอ่ยขึ้นหลังจากที่ผมออกจากห้องน้ำด้วยสภาพผ้าขนหนูผืนเดียว
“ห๊ะ มึงว่าอะไรนะ”
“ทำไมไม่แต่งตัวดีๆก่อนออกจากห้องน้ำ” ไอ้แทนยังคงถามเสียงเข้ม
“ทำไมวะ ก็ผู้ชายเหมือนกันอายอะไร มึงยังทำได้เลยทำไมกูทำไม่ได้” ผมบอกก่อนจะมองไอ้เพื่อนรักที่อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ไอ้แทนเป็นคนหุ่นดีครับ เพราะมันเป็นนักบอลของสถาบัน มันเลยมีกล้ามเนื้อสมชายชาตรี?? ซึ่งผมโคตรอิจฉาเพราะถึงผมจะมีกล้ามบ้างตามประสาผู้ชายแต่มันก็ไม่ได้ดูดีแบบไอ้แทนเลยสักนิด
“เหอะ มึงนี่เหมือนจะฉลาดแต่โง่ชิบหาย ไปแต่งตัวเลยไป” มันบ่นพลางไล่ผมไปแต่งตัว
ก๊อกๆๆ
“สงสัย คนส่งพิซซ่าจะมาแล้ว เมื่อกี้กูโทรไปสั่ง” ไอ้แทนบอกก่อนจะเดินไปที่ประตู
“มึงน่ะ รีบๆใส่เสื้อสิ” มันสั่ง
“เออๆ อะไรนักหนาวะเนี่ย” ผมบ่นก่อนจะหยิบเสื้อบอลที่อยู่ใกล้มือมาสวม
“ไม้พี่เอา…” เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่หน้าประตูก่อนที่ร่างสูงของเจ้าของร้านจะมองผมกับไอ้แทนด้วยสายตาแข็งกร้าว
“เหอะ” ร่างสูงแค่นเสียงก่อนจะมองผมด้วยหางตา
“พอดีเห็นว่าฝนตกคงออกไปซื้อข้าวลำบาก ก็เลยซื้อมาให้แต่คงไม่ต้องกินแล้วมั้งดูท่าจะอิ่มกันแล้วสินะ” เขายังพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนเคยแต่คำพูดกับส่อแววดูถูกผมอย่างร้ายกาจ ผมไม่ใช่เด็กสามขวบที่ไม่รู้ว่าคำพุดเมื่อครู่มันหมายความว่ายังไง แต่ป่วยการที่จะพูดหรือแก้ตัวอะไร เพราะในสายตาเขา ผมมันก็ “ง่าย” จริงๆ
“คุณพูดอะไร” ไอ้แทนถามเสียงเข้มก่อนจะจ้องอีกคนด้วยสายตาที่แข็งกร้าวพอกัน
“เปล่าครับ ก็แค่คิดว่าคงกินข้าวกันแล้ว ผมขอตัวนะครับกับข้าวนี่ถ้าไม่กินก็ทิ้งไปเลยนะ” เขาบอกก่อนจะวางถุงกับข้าวไว้บนโต๊ะใกล้ๆแล้วเดินออกไป
“ไม้ มึงร้องไห้ทำไม” ไอ้แทนถามเสียงเครียด นี่ผมร้องไห้อีกแล้วเหรอ
“เปล่า”
“เปล่าบ้าอะไร กูไม่ได้ตาบอดก็เห็นอยู่ว่ามึงร้องไห้ มึงมีอะไรปิดบังกูอยู่ใช่ไหม”
“กูว่ามึงไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” ผมบอกพลางเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาลวกๆ ผมจะอ่อนแอไม่ได้ อย่างน้อยก็ต่อหน้าคนอื่น ผมจะอ่อนแอไม่ได้เด็ดขาด
“มึงอย่าเปลี่ยนเรื่อง!!”
“แทน กูขอล่ะถ้ามึงยังเห็นว่ากูเป็นเพื่อนก็อย่าเพิ่งคาดคั้นอะไรจากกูตอนนี้ได้ไหม ” ผมบอกเสียงแผ่ว อย่าถามอีกเลยเพราะผมไม่อยากคิดถึงมัน ไม่อยากคิดถึงเขาคนนั้นให้ตัวเองต้องเจ็บอีก
“โถ่เว้ย!!”
ปัง!!
เพื่อนรักของผมตะโกนลั่นก่อนที่มันจะเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างหัวเสีย
ผมมองถุงกับข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะก่อนจะเสมองเม็ดฝนที่กำลังไหลลงตามหน้าต่าง
พี่กำลังทำอะไร พี่กำลังทำให้ผมสับสนรู้หรือเปล่า ทำไมบางครั้งก็ทำเหมือนห่วง แต่บางครั้งก็เหมือนไม่ได้คิดอะไร พี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ พี่ต้น
“ไม้ มึงไม่คิดจะบอกอะไรกูจริงๆเหรอ” ไอ้เพื่อนรักที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเดินมานั่งลงข้างๆพร้อมกับมือหนาที่ยกขึ้นกอดคอผมไว้
“มึงอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”
“ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมึง ได้ไหม” มันถามก่อนที่เปลี่ยนจากกอดคอเป็นโอบไหล่
“แล้วมึงล่ะ มีอะไรที่ยังไม่ได้บอกกูหรือเปล่า” ผมถามกลับ แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจนักแต่ผมก็ไม่ได้โง่จนไม่เอะใจอะไรเลย หลายวันที่ผ่านมาไอ้แทนมันดีกับผมจนผิดปกติ ดี จนผมเริ่มรู้สึกกลัว…
“หึ กูรู้ว่ามึงรู้” มันบอกก่อนจะลุกขึ้น
“กูกลับนะ ดูแลตัวเองด้วยล่ะมึง กินยาด้วยเดี๋ยวจะไม่สบาย”
“แทน กูขอโทษนะ” ผมบอกกับอีกคนที่กำลังจะเปิดประตู
“มึงไม่ต้องขอโทษ กูต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะคนที่ผิดมันคือกู แต่ไม่ว่ายังไงกูยังยืนยันว่า กูจะอยู่ข้างมึงเสมอ กูไปนะ” ไอ้แทนบอกก่อนจะเดินออกจากห้องผมไป
กูขอโทษนะ…แต่กูไม่สามารถ รัก ใครได้แล้ว จริงๆ
ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูทำให้ผมหลุดจากภวังค์
“มึงลืมอะไรเหรอทะ……พี่ต้น!!!” ผมเอ่ยถามเพราะคิดว่าเป็นไอ้เพื่อนตัวดีที่กลับมาเอาของแต่คนที่เคาะห้องผมกลับเป็นอีกคน
“ตกใจอะไรเหรอ” พี่ต้นถามพลางลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน
“เปล่าครับ”
“แล้วนี่ใจคอจะให้พี่ยืนอยู่หน้าห้องทั้งคืนเลยหรือไงห่ะ”
“ขอโทษครับ” ผมบอกก่อนจะหลีกทางให้พี่ต้นเข้ามาในห้อง
หมับ!! แรงกอดรัดจากด้านหลังพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดต้นคอทำให้ผมต้องเบือนหน้าไปอีกทาง
“วันนี้พี่ค้างด้วยนะ”
“แต่ว่าผม” ผมกำลังจะปฏิเสธแต่อีกคนกลับยิ่งกอดแน่นขึ้น
“นะครับ ให้พี่ค้างนี่นะ ” ฟอด เขาบอกพลางกดจมูกลงบนแก้มผม ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมเองก็หวั่นไหวกับสัมผัสที่เขามอบให้ ผมไม่เคย ไม่เคยที่ปฏิเสธอ้อมกอดนี้ได้แล้ว
ผมโง่อีกแล้ว…
“ก็ได้ครับ”
“แบบนี้สิถึงจะน่ารัก”
น่ารัก แล้วพี่เคยคิดจะรักบ้างไหมครับ ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเพราะ ผมกลัว หากว่าคำตอบของเขาคือไม่ ผมคงอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น คงต้องทำเหมือนเป็น คนโง่ แบบนี้ ตลอดไปสินะ
“ไม้..พี่ขอนะ” เสียงกระซิบแหบพร่านั้นเอ่ยขึ้นก่อนที่ร่างสูงก่อนพลิกให้ผมหันกลับไปหาพร้อมกับที่ริมฝีปากนั้นประกบลงมาทันที เรียวลิ้นช่ำชองเลาะเล็มไปตามแนวกรามทำให้ผมจูบตอบอย่างหลงใหล ร่างกายโอนอ่อนกับสัมผัสของอีกคนอย่างห้ามไม่อยู่
“อื้มมมมม” เสียงครางแผ่วดังขึ้นพร้อมกับ ที่มือหนาลูบไล้ไปทั่วร่าง ทุกส่วนที่ถูกสัมผัสร้อนราวกับไฟ ยิ่งหลอมละลายให้สติของผมเหลือน้อยเต็มที
“ไม้ ใส่มันไว้ตลอดเลยเหรอ” เสียงทุ้มนั้นเอ่ยถามก่อนที่มือหนาจะเกี่ยวสร้อยคอที่ผมใส่อยู่ขึ้นมา
“ครับ”
“ทำไมล่ะ ไหนตอบให้พี่ฟังหน่อยสิ” เขาถามแต่ยังไม่หยุดที่จะสัมผัสผมไปด้วย
“เพราะ อื้อ เพราะ”
“เพราะอะไรครับ”
“เพราะพี่เป็นคนให้” ผมตอบก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาคม แม้ว่าเงานั้นมันกำลังสะท้อนภาพผมแต่ผมรู้ว่าใจของเขาไม่เคยจะมีภาพผมอยู่ในนั้น
“ดีมากครับ แบบนี้คงต้องให้รางวัลหน่อยแล้ว” เสียงทุ้มบอกก่อนจะอุ้มผมไปที่เตียง..
มันคือรางวัลแสนหวาน แต่กลับทรมานอย่างที่สุด
มันคือความสุขสม ที่ต้องแลกมาด้วยหยาดน้ำตา ที่ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่
เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวแถวตัวยังร้อนผิดปกติอีก คงไม่สบายอย่างที่ไอ้แทนบอกจริงๆสินะ ผมมองอีกฝั่งของที่นอนที่
ว่างเปล่าเหมือนทุกวัน ก่อนจะเหลือบไปเห็นถุงโจ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับข้อความที่ทำให้ผมยิ้มกว้าง
ทานซะนะ พี่ซื้อมาให้ อาหารเช้าสำคัญต่อร่างกายนะรู้ไหม
เหมือนเราจะตัวร้อนด้วย กินข้าว กินยา แล้วพักซะ วันนี้ไม่ต้องไปทำงานหรอก ^_^
พี่ต้น
ถึงผมจะรู้ว่ามันเป็นแค่ความห่วงใยที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ… แต่ทำไม หัวใจผมถึงได้เต้นแรงขนาดนี้กันนะ
..............................................TBC...................................
มันสนุกใช่ไหม ???/
เขียนเองเครียดเอง กลัวว่ามันจะหน่วงเกินไป
ว่าอิพี่ใหญ่เครียดแล้วนะ เจอคู่นี้เข้าไป ไมเกรนจะถามหา
นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย
ปล ฝากนิยายเรื่องใหม่ ที่จะมาเร็วๆนี้ด้วยนะคะ
พี่ซีนอลกะน้องฟูนัน มันต่างจากเรื่องน้โดยสิ้นเชิง
พูดเลย เขียนคลายเครียด ฮ่าๆๆ
ไปล่ะดึกแล้ว นอนกันค่ะทุกคน (เหลือบมองนาฬิกา 2.35)