Epilogue
เวลาเดินเร็วราวกับจะเร่งให้เช้าแสนสำคัญรีบมาถึงโดยไว
แต่กระนั้น...ทั้งตัวปราสาท โถงรวมผล หรือแม้แต่ผืนน้ำด้านนอกไปจนกระทั่งเมืองเซฟิลที่จะเป็นสนามรบก็เงียบสงัดเหมือนท้องทะเลก่อนพายุโหม
เจ้านรกนั่งอยู่กับไคม์เพียงสองคนที่ห้องอาหาร เหล่าปีศาจในบัญชาของเขาได้ปรี่ไปเตรียมตัวก่อนตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง แม้จะไร้เงาของสมาชิกคนอื่น แต่อาหารบนโต๊ะกลับมากมายกว่าวันไหนๆ ที่ผ่านมา
ซาชิมิจากวัตถุดิบชั้นเลิศที่คนทั่วไปไม่มีทางจะได้ลิ้มรส ปูจักรพรรดิที่แค่นึ่งก็เพียงพอต่อการเป็นอาหารชั้นหนึ่ง สลัดไข่โรยด้วยคาเวียร์ และอีกหลายเมนูที่ดูราวจะจงใจเรียงรายมาเหมือนจะมอบแด่ราชาในวันประกาศชัยชนะ ทว่ากลับไม่มีสิ่งใดดึงดูดใจท่านเจ้าได้เท่ากับแจกันใสทรงสูงที่มีดอกเบญจมาศสีขาวปักอยู่อย่างเดียวดาย
“ความภักดีครับ…” ไคม์พูดทำลายความเงียบหลังจากกลืนอาหารลงคอไป “ความหมายของมันน่ะ…”
สายตาของเจ้านรกฉายแวววูบไหวบางอย่างซึ่งก็อยู่ในการสังเกตของไคม์ ร่างสูงใหญ่ละสายตาออกจากดอกไม้ที่กลางโต๊ะอาหารเพื่อจัดการทานให้อิ่มท้องก่อนที่จะเริ่มต้นเทศกาลนองเลือดในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
“ให้ปรับเปลี่ยนกฎอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ?”
“ไม่ต้อง” ท่านเจ้าพูดเสียงหนักแน่นเหมือนที่ผ่านๆ มา “เจ้านั่นก็แค่หมากเบี้ยตัวหนึ่ง”
“แต่เป็นหมากเบี้ยที่จะไม่มีวันทรยศท่านอย่างแน่นอนนะครับ” คำพูดของไคม์ไปสะกิดความแคลงใจบางอย่างในหัวท่านเจ้านรก ทว่าไม่มีอาการของความสงสัยแสดงออกมาราวกับเป็นเรื่องปกติที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ทั้งนั้น
กลับกัน...เขายิ้มออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ถ้าให้สิทธิ์มากกว่าคนอื่นไปมันจะสนุกอะไรล่ะ ว่ามั้ย?”
“จะลงแข่งอยู่แล้วยังไม่ยอมมาทานอะไรอีก...”
ชเนย์ลอบถอนหายใจเพียงลำพังในครัวหลังจากปิศาจรับใช้มาเข็นอาหารเช้าออกไป ช่วงวันสองวันมานี้อเวเค่นขังตัวเองอยู่แต่ในห้องไม่ยอมออกมาคุยด้วย ทีแรกก็คิดว่าจะปล่อยไปสักพักจนกว่านักฆ่าคนนั้นจะอารมณ์ดีขึ้นเอง แต่...ทั้งๆ ที่คิดว่าไม่น่ามีอะไรน่าเป็นห่วงก็กลับมีเรื่องให้กังวลจนนั่งไม่ติด เพราะวันนี้เป็นวันเปิดศึก ทว่านักฆ่าคนนั้นแม้แต่จะโผล่หน้าออกมาทานอาหารก็ไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา
ใจคอจะอดข้าวประชดกันหรือไง...
เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด ชเนย์ยกเอาถาดอาหารเดินบุกเข้าไปยังห้องพักของอเวเค่น พร้อมอาวุธลับคือกุญแจห้องที่ไปขอมาจากพ่อบ้านปิศาจ
พ่อครัวหนุ่มไขกุญแจเข้ามาและลอบมองคนที่นอนพลิกตัวหันข้างไปอีกทาง ดูท่าจะหลับลึกพอสมควรถึงไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่ามีคนลอบเข้ามาในห้องนอนแล้วถึงจะรู้สึกผิดนิดๆ ที่บุกมาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ที่ทำก็เพราะกลัวเจ้าของห้องจะอดตายก่อนแข่งมากกว่า
ทว่าก่อนที่ชเนย์จะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ ดวงตาหลังกรอบแว่นสีเข้มก็บังเอิญสังเกตเห็นซองยาปริศนาที่วางอยู่ก่อน เมื่อลองอ่านฉลากถึงรู้ว่าเป็นยาแก้อักเสบและยานอนหลับ
“บ้าจริง...ป่วยแล้วทำไมถึงอุบเงียบไว้ล่ะ” ชเนย์สบถกับตัวเองเมื่อคิดถึงเหตุผลที่อเวเค่นไม่ยอมออกจากห้องมาเจอหน้าเขาเลยเป็นเพราะสาเหตุนี้เอง
"อเวเค่น ตื่นมากินอะไรก่อนเถอะครับ"ชเนย์นั่งลงข้างเตียงแล้วเอื้อมมือไปหาร่างที่นอนนิ่ง ทว่าเมื่อมือของเขาจับลงบนตัวอีกคน จู่ๆ ร่างที่นอนนิ่งก็ดึงแขนเขาไว้ก่อนที่มีดเล็บเหยี่ยวสีดำสนิทจะพุ่งตรงเข้าหาคอของเขา
"ชเนย์...? " โชคดีที่อเวเค่นหยุดมือก่อนที่มีดคมจะได้ทันเฉือนคอหอยคนที่มาปลุกเขา
"รุนแรงจังครับ ปกตินักฆ่าเขาระวังตัวแจขนาดนี้กันทุกคนเลยเหรอ? " ชเนย์ค้างนิ่งเพราะมีดที่กดไว้บนคอตนฝังคมลงกับเนื้อเล็กน้อย กลิ่นคาวเลือดทำให้รู้ว่าหยาดน้ำสีเข้มกำลังไหลรินจากคอเขาทีละนิด
"คุณเข้ามาได้ยังไงน่ะ? " อเวเค่นรีบชักมีดกลับและเก็บเข้าที่ซ่อนโดยไว
"ผมก็ขอกุญแจสำรองสิ คุณนั่นแหละ ป่วยแล้วทำไมไม่บอก" ร่างสูงโปร่งก้มลงหยิบเม็ดยาที่กระเป๋าข้างซ้ายตัวเองขึ้นมาสองสามเม็ดก่อนจะกลืนมันลงไป
"...ผมป่วยแล้วจะมีแรงลุกไปบอกคุณมั้ยล่ะ" นักฆ่าหนุ่มกำลังจ้องมองแผลที่ค่อยๆ สมานตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์ "เอ๋ มีของดีอยู่ด้วยนี่นา! "
"หายดีหรือยังล่ะครับ? แล้วยาเนี่ย...อย่าเอามากินเองแบบนี้สิ! กระเพาะทะลุจะทำยังไงล่ะ!? " พ่อครัวกลายร่างเป็นคุณหมอทันตา ก่อนจะดุไปชุดหนึ่ง แถมยังทำท่าเหมือนกำลังจะโวยวายต่อด้วย
“...เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องบ่นเลย” อเวเค่นเอ่ยเสียงอ่อนและเบือนหน้าหลบสายตาของพ่อครัว “มาปลุกผมมีอะไรรึเปล่า หรือว่าการแข่งเริ่มแล้ว?”
“ยังครับ แต่ได้ยินว่าท่านเจ้าให้คนส่งจดหมายไปเชิญเจ้าเมืองเซฟิลมาตกลงกติกาการแข่งร่วมกัน เดี๋ยวทางนั้นก็คงจะมา”
ชเนย์เอาหลังมือแตะหลังหน้าผากอเวเค่น “ไม่มีไข้สินะครับ?”
“...อย่ามาใกล้ตัวผมนักสิ ทำแบบนี้เดี๋ยวผมก็ตัดใจจากคุณไม่ได้สักที”
นักฆ่าหนุ่มผละตัวออกมาจากมืออบอุ่น
“อา...ขอโทษครับ มันเผลอไปหน่อย” ชเนย์ที่เพิ่งจะรู้ตัวถอยตัวออกมา “ทานอะไรไหวมั้ยครับ? แต่ยังไงก็ต้องทานสักหน่อยก่อนแข่งล่ะนะ”
“ผมหายดีแล้วล่ะน่า” อเวเค่นลุกขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะไปล้างหน้าแล้วมานั่งทานอาหาร กระเพาะที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันกลับทำงานได้ดีจนน่าแปลกใจ
หลังจากจัดการอาหารเช้าหมดไปเป็นที่เรียบร้อยก็หันไปเอ่ยแซวพ่อครัว “ช่วงที่ผมไม่ไปกวนใจ ได้สวีทกับท่านเจ้านรกหวานชื่นดีมั้ยล่ะหืม?”
ชเนย์ยิ้มบางๆ แล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ"ผมไม่อยากไปรบกวนเขาตอนนี้หรอกครับ ส่วนทางนั้นจะมีก็แค่แวะมาหาอะไรเติมเวลากินอาหารไม่อิ่มเท่านั้นเอง"
"เหรอ..." อเวเค่นค่อยๆ ยัดอาหารสองสามจานตรงหน้าเข้าปาก ปริมาณเหมือนคาดการณ์ได้ว่าเขาต้องหิวแน่ๆ อย่างไรอย่างนั้น "แล้ว...คุณน่ะ ไม่เป็นไรแล้วเหรอ? "
"ครับ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ" ร่างสูงโปร่งหันไปมองนอกหน้าต่างที่ทิวทัศน์หันไปยังเกาะเซฟิลพอดิบพอดี "ผมเองก็ตัดสินใจแล้ว...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะทำให้งานแข่งนี้สนุกสนานขึ้น"
"สนุกสนาน? " คนรอฟังถึงกับตวัดหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย "...นึกว่าจะพูดแบบ...ทำภารกิจให้ลุล่วงหรือยืนหยัดเคียงข้างไอ้คุณเจ้านรกอะไรแบบนั้น"
ชเนย์เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะคลี่ยิ้มให้คนป่วยอย่างอ่อนโยน"คุณเองก็ไม่เห็นสินะ อืม...ไม่เป็นไรหรอก"
"อะไรล่ะนั่น มีอะไรที่ผมมองข้ามไปรึไง? "
"คุณเองก็ไม่เห็นความว่างเปล่าในสายตาของเค้าสินะ แต่ก็อย่างว่าแหละ... ผีมันมองเห็นผีด้วยกัน"
พ่อครัวเท้าคางลงกับโต๊ะแล้วเล่นผักประดับที่โดนอเวเค่นเขี่ยออกมานอกจาน
“ผมจะเอาตาไหนไปมองเจ้านรกนั่นได้กันล่ะ” ...แค่นี้ก็ไม่มีเวลาไปมองคนอื่นแล้ว...ประโยคหลังอเวเค่นไม่ได้กล่าวออกไป
“คุณนี่น้า...จวนเจียนจะแข่งอยู่แล้วก็ยังดื้อแพ่งกับท่านเจ้าเค้าไม่เปลี่ยนเลยนะครับ” ชเนย์ยิ้มอ่อนพลางส่ายหน้า “ทานให้อิ่มนะครับ มื้อนี้ผมทำสุดฝีมือเลย”
“เพราะอาจเป็นมื้อสุดท้ายก็ได้นี่นะ” นักฆ่าหนุ่มตักชิ้นเนื้อคำสุดท้ายเข้าปากและจบประโยคที่ฟังดูไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก
“คุณเคยสัญญากับผมไว้ หวังว่าคงไม่แกล้งลืมหรอกนะ” พ่อครัวหนุ่มท้วงกันคนตรงหน้าเบี้ยวสัญญาก่อนหน้านี้
“อะไรๆ ก็ไม่แน่นอน แต่ถ้ารอดมาได้ ไว้มาดื่มฉลองกันอีกนะ” อเวเค่นยกแก้วน้ำขึ้นแล้วเอาไปชนกับเหยือกน้ำเหมือนกับเวลาชนแก้ว
“ฮะๆ ๆ อีกแล้วเหรอ แต่เอางั้นก็ได้ครับ” ชเนย์กอดอกแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะรวบจานทั้งหมดเก็บเข้าที่ "อีกไม่กี่ชั่วโมงท่านเจ้านรกคงจะเริ่มเจรจากับเจ้าเมืองนั้นแล้ว ผมว่าคุณเตรียมตัวไว้เลยดีกว่านะ"
เมื่อจานเปล่าทั้งหมดถูกเก็บซ้อนอย่างดีแล้วชเนย์ก็ลุกขึ้นเดินกลับไปที่ประตู"แล้วอย่าลืมมากินอาหารว่างก่อนเที่ยงด้วยล่ะ"
"ยังจะมีเวลามาทำให้กินอยู่อีกเหรอ? " อเวเค่นยันตัวเองขึ้นนั่งมองร่างสูงที่กำลังจะออกจากห้องเขาไป
"ทำรอไว้แล้วต่างหากครับ" พ่อครัวผู้ไม่ยอมละเว้นหน้าที่หันมายิ้มกว้างให้ราวกับแค่จะออกไปเดินเล่นเท่านั้น "จะว่าไป...ยาแก้อักเสบนั่น คุณเป็นอะไรเหรอ? "
“อ้อ...แค่เป็นแผลฉีกนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอก”
เอ่ยแค่นั้นโดยไม่ได้ระบุเจาะจงชัดว่าเป็นแผลที่ไหน นักฆ่าหนุ่มฉีกเอาเม็ดยามากินอีกครั้งแล้วทิ้งซองเปล่าลงถังขยะ
“ไปได้แผลมาจากไหนเหรอครับ? คุณก็ไม่ได้ออกไปไหนนี่” คนเคยเป็นหมอถามไถ่สาเหตุจากคนป่วย แต่อเวเค่นนอกจากจะไม่ตอบแล้วยังคลานขึ้นเตียงไปนอนต่อสบายใจเฉิบอีก
“ถึงเวลาแล้วปลุกด้วยล่ะ” ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงจนมิด ทำเอาพ่อครัวได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับปิดประตูล็อคกุญแจให้เสร็จสรรพ
นักฆ่าหนุ่มโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มหลังเสียงฝีเท้าของพ่อครัวเดินจากไปแล้ว ดวงตาสีทองเย็นยะเยือกมองมีดในมือของตนที่มีคราบเลือดของอีกคนติดอยู่ ก่อนที่ปลายลิ้นจะแลบเลียไปตามแนวความคมจนมีดคู่ใจปราศจากรอยเปื้อนใดๆ
อเวเค่นยืนมองภาพปราสาทเจ้านรกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ขาทั้งสองจะก้าวเข้าสู่สนามการแข่งขันที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ในการแข่งที่อาจเรียกได้ว่าเอาชีวิตมาทิ้งอย่างสูญเปล่า
แต่หากโชคดีรอดไปได้จริงๆ ก็คงจะมีอนาคตที่ดีรอเขาอยู่
อิสรภาพที่เขาจะได้รับนั้น แม้แต่ตัวอเวเค่นเองก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเป็นเส้นทางไหน ระหว่างการได้มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยแบกรับบาปที่เคยทำมาเอาไว้ หรือปลดปล่อยจิตวิญญาณของตนด้วยการดับสูญไปจากโลกนี้
ชเนย์เก็บถาดและจานทั้งหมดเข้าที่พักจานหลังจากล้างจนสะอาดเอี่ยม มองนาฬิกาที่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เที่ยงแล้วถอนหายใจ...หน้าที่ในฐานะพ่อครัวคงจบลงแต่เพียงเท่านี้..
"คงหมดแล้วมั้ง? " สำรวจความเรียบร้อยของห้องที่ใช้ต่างห้องนั่งเล่นมานานวันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนประตูห้องครัวจะปิดลง…
ร่างสูงโปร่งเดินไปตามทางเชื่อมปราสาท ปกติจะมีอาหารหรือเครื่องดื่มสักอย่างติดมืออยู่ตลอด บัดนี้มีอาวุธคู่กายสวมไว้แทนที่ สองเท้าก้าวไปตามทางเดินเงียบสนิท น่าแปลกใจที่ใกล้จะถึงเวลาตัดสินแล้ว แต่ผู้คนกลับยิ่งห่างหายตัวตนจากกันและกัน
"อย่างกับปราสาทร้างเลยล่ะครับ" ชเนย์มาหยุดที่หน้าห้องบัลลังก์ที่มีเพียงเจ้านรกนั่งรอเวลาอยู่เพียงลำพัง "คุณไคม์ไม่อยู่? "
"ไปเตรียมการน่ะ ส่วนข้ารอเจ้าเมืองเซฟิลอยู่" เจ้านรกแสยะยิ้มน่าสงสัยพลางเท้าคางจดจ้องออกไปยังทะเลสงบเงียบ
"...ผมกลัวว่าจะไม่มีโอกาส เลยว่าจะมากล่าวลาไว้ก่อน" มนุษย์ผู้ไม่เกรงกลัวต่อตำแหน่งของบุคคลเบื้องหน้าเดินเอื่อยเฉื่อยเข้ามาหาและหยุดอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ของอีกคน
"ทำตัวบ้าบิ่นแบบนี้เป็นด้วยรึ? " เจ้าของปราสาทพลันนึกถึงนักฆ่าอวดดีที่กล้ากระทำตัวคล้ายๆ กันแบบนี้ แต่กับชเนย์เขาไม่รู้สึกถึงความท้าทายในอำนาจดั่งเช่นคนก่อนหน้า
พ่อครัวที่บัดนี้แปรเปลี่ยนสถานภาพไปเป็นทหารสงครามผายมือมาด้านหน้าและค้อมตัวลง เจ้านรกเห็นท่าทางเช่นนั้นก็ทราบจุดประสงค์ทันทีก่อนจะยื่นมือของตนไปให้
"หากการแข่งครั้งนี้จบลง แล้วคุณจะทำตามความต้องการนั้นจริงๆ ...ผมก็จะยอมรับ" ชเนย์ก้มลงจูบบนหลังฝ่ามือหุ้มเกราะนั้นอย่างบรรจง "แต่หากว่าสักวัน..."
"..." ผู้ครองนรกมองกลับมาหาอย่างเฝ้ารอทุกคำที่อีกฝ่ายจะเอื้อนเอ่ย
"ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง ผมจะไม่ปล่อยมือนี้ไปแล้วนะครับ"
"...ข้าไม่ค่อยชอบเรื่องน้ำเน่า แต่กับเจ้า...ข้าจะปล่อยไปสักครั้งละกัน" ถึงจะพูดแบบนั้น ทว่ามือหนาที่วางอยู่กับฝ่ามือบางของอีกฝ่ายกลับกุมแน่น ใบหน้าคมเอียงซบกับฝ่ามือตนที่วางเท้าคางไว้ราวกับขวยเขินจนน่าเอ็นดู
"แหะแหะ... ส่วนของว่างน่ะ อยู่ในตู้เย็นนะครับ ระหว่างที่รอ ถ้าท้องหิวก็หาอะไรทานได้! " ชเนย์เก็บซ่อนแววตาเศร้าสร้อยไปกับเปลือกตาที่ปิดลงพร้อมรอยยิ้มกว้างส่งไปให้เจ้านรก
"เจ้าจะตายวันตายพรุ่งอยู่แล้ว ยังจะสนใจปากท้องคนอื่นอีก! "
"แหม ก็ทำทิ้งไว้แล้ว มันเสียดายอ่ะ" ชเนย์ถอยออกมายืนห่างๆ เว้นระยะ เกรงจะมีใครเข้ามาเห็น
"....ไว้จบการแข่งข้าจะกลับมากิน" เสียงทรงอำนาจเบาลงเล็กน้อย
"ไม่เอาสิครับ หลังจบการแข่งน่ะผมจะทำฟูลคอร์สชุดใหญ่ไว้ให้เลยนะ! " พ่อครัวยืนทำหน้าระรื่นนึกถึงเมนูที่จะทำให้
"....ฮื่อ....แล้วข้าจะกลับมากินนะ"
"....งั้นผมจะรอนะครับ"
สองเสียงเบาลงเสียแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ เป็นครั้งแรกที่ดวงตาทั้งสองคู่จ้องตอบกันโดยไร้การปิดบังความรู้สึกใดๆ ก่อนรอยยิ้มปลอบโยนของแต่ละคนจะปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า เพียงครู่เดียวทหารในนามของเจ้านรกก็โค้งคำนับและผละตัวออกจากห้องบัลลังก์ ...และเตรียมก้าวสู่การต่อสู้อย่างไร้ซึ่งความหวั่นเกรงต่อความตาย...
ถ้าเจ้าอยากเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ต้องรอดมาเห็นมันด้วยตาของตัวเองหากอยากรู้มากนักว่าข้าจะพอใจกับสิ่งที่เจ้าทำลงไปหรือไม่ก็จงอย่าตายซะล่ะ…ชเนย์