ร่างโปร่งบางเดินเข้าบ้าน ที่อยู่ถัดออกไปอีกหลายซอย จากที่ชายหนุ่มจากแผนกโยธามาส่ง
เขาไม่อาจจะทนเห็นหน้าคนคนนั้นได้อีกต่อไป
ทั้งอัปยศทั้งสมเพชตัวเอง
“น้าต้นสน....แม่ยังไม่กลับเลยอ่ะ...สายังไม่ได้กินข้าวเลย” เด็กหญิงอายุตัวเล็ก เดินเข้ามาเกาะขา
ของร่างบางนั้นไว้
นี่น้องสาวของเขาไปเที่ยวกลางคืนอีกแล้วหรือนี่
ทิ้งลูกไว้แบบนี้ได้ยังไง เด็กอายุแค่ 6 ขวบเองนะ
ทิ้งให้อยู่บ้านตามลำพังคนเดียวได้ยังไงกัน
บ้านนี้เขาอยู่กับน้องสาวที่เอาแต่เที่ยวเล่น ไม่เคยสนใจ เรื่องรอบตัว
หล่อนเป็นเด็กสาวอายุเพียง 19 ปี แต่ตั้งครรภ์เมื่ออายุเพียง 13 ปี
ทำให้ไม่มีความรับผิดชอบ
แม่ของเขาเพิ่งเสียไปเมื่อปีก่อน
ทิ้งบ้านหลังเล็ก ๆ ไว้ให้เขาและน้องสาวได้อยู่
ไม่มีสมบัติพัสถานอื่น ๆ นอกจากสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น
“น้าต้นสน...หนูอยากกินไข่เจียวอ่ะ..น้าต้นสนทำให้หนูได้มั้ย” เด็กหญิงร่างเล็กร้องขอตาแป๋ว
แล้วเขาจะไม่ทำให้ได้ยังไงกัน
“กินข้าวเสร็จแล้วสาต้องอาบน้ำ...แล้วนอนเลยนะ...” เขาก็ทำได้แค่นี้
คนที่ไม่เคยมีความรู้ในการเลี้ยงเด็กเลย แต่ต้องมาแบกรับภาระจนหมดทุกอย่าง
ทั้งค่ากิน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว
โชคดีที่พอมีเงินเก็บสำหรับเป็นค่าเทอมบ้าง
ส่วนค่าเล่าเรียนของเด็กหญิง เขาก็ต้องขวนขวายหามาจากการเป็นพนักงานกะดึก
ของร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง
“จ๊ะ...หนูกินแล้วหนูจะรีบนอน” เด็กหญิงตัวเล็กเดินเข้าไปรอบนเก้าอี้ในครัว
ดวงตากลมโตใสแจ๋วจับจ้องอยู่กับการตีไข่และทอดลงในกระทะร้อน ๆ
ของผู้ที่เป็นน้าชาย
“น้าต้นสน....เมื่อไหร่แม่จะกลับมา” เสียงแหลมเล็กของเด็กหญิงเอ่ยถามผู้เป็นน้า
และยกช้อนตักข้าวใส่ปากพร้อมกับไข่เจียว เมื่ออัษฏานำมาวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับข้าวสวยร้อน ๆ
“น้าต้นสนก็ไม่รู้...เดี๋ยวสากินเสร็จแล้วเอาไว้นี่แหละ...เดี๋ยวน้าต้นสนไปอาบน้ำก่อนนะ”
ร่างโปร่งบาง เดินเข้าห้องเตรียมตัวอาบน้ำ
ก่อนจะก้าวไปยืนที่หน้ากระจก
เอ๊ะ...เสื้อไม่ใช่เสื้อชอร์ปของเขานี่
เป็นของหนุ่มจากแผนกโยธาคนนั้น
ล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อก็พบกับ
กระดาษแผ่นเล็ก ๆ
บัตรเอทีเอ็มสองใบ
และเงินสดที่ขยำยู่ยี่อีก 7,000 บาท
เศษเงินเหรียญและแบงค์ย่อยอีก
เกือบ 300 บาท
ที่คอของเขายังมีสร้อยและพระเลี่ยมทองอีก 1 องค์
กระเป๋าข้างซ้ายมีโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็ก ๆ รุ่นล่าสุด
ที่ถูกถอดซิมออกแล้ว
ของทุกอย่างไม่ใช่ของเขาเลย
แต่เป็นของหมอนั่น
ร่างโปร่งบางรีบ แกะกระดาษแผ่นที่มีลายมือขยุกขยิกเขียนไว้
-----ให้สนหมดนั่นแหละ
รหัสบัตรเอทีเอ็มคือ 1234 ส่วนอีกใบคือ 2641
มีเงินอยู่ประมาณ 32,000 บาท
ส่วนโทรศัพท์ใส่ซิมแล้วก็ใช้ได้เลย
พระเอาเก็บไว้คุ้มครองตัวเอง อย่าขายนะ ----
มือเล็ก ๆ พลิกกลับไปกลับมาหลายตลบ
แต่ก็ไม่พบว่ามีข้อความอื่น ๆ
นี่มันทำบ้าอะไรของมัน
เอาของพวกนี้มาฟาดหัว เห็นเขาเป็นไอ้ตัวหรือไง
ชาตินี้ไม่อยากเจอคน ๆ นี้อีก
แต่ต้องเอาของพวกนี้กลับไปคืนหมอนั่นให้ได้
ไอ้แผนกโยธา นึกหรือไงว่าของพวกนี้จะทำให้เขาดีใจ
แล้วลืมเรื่องเลว ๆ ของมันซะ
ตอนแรกก็ไม่อยากให้อะไรมันไปกันใหญ่ อยากจะรีบ ๆ ลืม ๆ มันซะ
แต่ทำไมต้องดูถูกกันขนาดนี้ด้วย ทำไมกัน
*************************
“เมื่อกี้ลงตรงนี้นี่หว่า...แล้วไปไหนแล้ววะ...ตรงนี้มันมีซอยที่ไหนกัน” ร่างสูงของหนุ่มแผนกโยธา
เดินวนไปวนมา อยู่ตรงที่ ๆ ที่เขาส่งร่างบางลงจากรถ
นั่งรถไปตั้งไกลแล้ว ในสมองก็สั่งตัวเองว่า
ครั้งเดียวจบดีกว่า ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว
แต่ใจมันสั่งว่า กลับมาดูหน่อยก็ไม่เสียหาย
หน้ามันซีดขนาดนั้น เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าแล้งน้ำใจ
เขาเองก็คิดว่าข้าวของเครื่องใช้ของตัวเองที่ให้ไปมันก็ไม่ใช่น้อยหรอก
ถึงแม้มันไม่ได้มากมายสำหรับเขา แต่ก็ทำให้ความรู้สึกผิดของตัวเอง
ลดลงไปได้บ้างนิดหนึ่ง
ป่านนี้กลับถึงบ้านแล้วมั้ง
ไออุ่นที่ได้กกกอดยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำทุกขณะจิต
เขาเดินวนไปมาอีกหลายรอบ
ก่อนจะรู้แน่แล้วว่าคงไม่รู้ว่าร่างบางนั้นไปทางไหนแน่
จึงโบกแท็กซี่กลับบ้าน
คืนนั้นทั้งคืนเขาเอาแต่พลิกกายกลับไปกลับมาอยู่หลายตลบ
รู้สึกไม่สบายใจมากที่ทำแบบนั้นลงไป
ยิ่งไอ้สนแผนกสารพัดช่าง มันไม่เอาเรื่องไม่โวยวายก็ยิ่งรู้สึกผิด
เสื้อชอร์ปของแผนกสารพัดช่างของอัษฎา ถูกเขาเอามาคลุมหน้าไว้
ชายหนุ่มสูบบุหรี่ไปหมดทั้งซอง และ กำลังจะหมดซองที่สองจึงเข้ามานอน
แต่มันก็นอนไม่หลับ
ไม่รู้ว่าไอ้หน้าหวาน ๆ เปื้อนน้ำตา มันจะตามมาหลอกมาหลอนเขาไปถึงไหน
ผู้ชายเหมือนกัน แถมลีลาก็ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
แค่โดนทำไปครั้งแรกแค่นั้นเอง
เขาเองก็เอาแต่บอกตัวเองซ้ำ ๆ ว่า อย่าไปสนใจเลย
ครั้งเดียวแล้วก็จบ อย่าไปต่อความมากดีกว่า
มันไม่ทำให้ไอ้กระเทยหน้าหวานนั่นสึกหรออะไรสักเท่าไหร่หรอกน่ะ
แต่เขาก็หลับตาลงไม่ได้สักที
พลิกกายไปมาอยู่อย่างนั้นทั้งคืน
***************************