[ตัวอย่าง] ชั่งใจ ครั้งที่ 14
เอามาแปะให้เจิมรอกันไว้ก่อน มาอีกทีอาทิตย์หน้าเลยนะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากมายจริงๆ ต้องขออภัยที่อัพๆ ดองๆ ด้วย แต่บอกเลยว่าตอนหน้านี้ น้องธารของเราเริ่มมีออร่าเมะพุ่งแล้วนะ ใครว่าน้องธารไม่เมะ เดี๋ยวดูๆ ตอนต่อๆ ไป ความเมะก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ความขายอ้อยก็เช่นกัน ใครว่าพี่เหนือขายอ้อยเก่งแล้ว มาเจอน้องธารค่ะ นี่ก็ตัวพ่อ เด็กมันยั่ว แสงเหนือจะไม่ทน 555
--------------------------------------
เอาตัวอย่างไปจ้า แจกความฟินกันล่วงหน้ารัวๆ
“ทำไมพี่แต่งตัวอย่างนี้อะ” ธารถามพลางมองผมที่ใส่เพียงเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงบ็อกเซอร์สีเข้มอย่างงุนงงทันทีที่เปิดประตูมาเจอผม
ผมเอียงคอยิ้มให้ ก่อนจะตอบไป
“ก็ชุดขายอ้อยไงครับ”
“ขายอ้อย?” เด็กนั่นทำหน้าไม่เข้าใจ จนผมหลุดหัวเราะแล้วก็อธิบายออกมา
“ขายอ้อยก็คือการอ่อยน่ะ เข้าใจหรือยังครับน้องธาร เนี่ย ตั้งใจแต่งมาอ่อยน้องธารเต็มที่เลยนะ”
สารภาพไปตรงๆ เลยว่าแต่งมายั่ว ใจกล้าหน้าด้านขนาดไหนถึงได้กล้าใส่บ็อกเซอร์มานอนกับไอ้เด็กนี่น่ะ
ส่วนธารก็ทำหน้าแหยทันทีที่เข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก่อนจะว่าเนิบๆ
“ผมว่าพี่ไม่ได้ขายอ้อยอย่างเดียวแล้วว่ะ ขายสตอรว์เบอร์รีด้วย แม่ง อย่างแรด”
เอ้า ด่าอีก! แหมๆๆ ด่าไม่ดูสารรูปมึงเลยนะ มึงเองก็ใส่กางเกงบ็อกเซอร์ขาสั้นบางๆ มาขายอ้อยกูเหมือนกันล่ะวะ แถมขาสั้นกว่าของกูอีก เสื้อก็ไม่ใส่ ขายนมด้วย นมเย็นมั้ยล่ะมึง ชมพูซะ ยั่วสายตากูจนละไปไม่ได้แล้วเนี่ย
โอ้โห... ตอนนี้กูไม่รู้แล้วเนี่ยว่าใครขายอ้อยใครกันแน่!
ผมทำปากยื่นนิดหน่อยที่โดนด่าแบบไม่ทันตั้งตัว ก่อนปรายตามองคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็สังเกตได้ว่ากางเกงบ็อกเซอร์ที่เด็กนี่ใส่วันนี้มันดูบางกว่าปกติจนเห็นรูปทรงของอะไรบางอย่างใต้นั้นได้อย่างชัดเจน
พะ...พี่เหนือว่าน้องธารคงไม่ได้ขายอ้อยกับขายนมเย็นอย่างเดียวแล้วล่ะครับ พี่เหนือว่าน้องธารขาย...
“ขายมะเขือยาวด้วยก็ไม่บอก”
ผมเผลอครางออกมา ทำเอาธารย่นคิ้วทันใด
“มะเขือยาวอะไร”
“ปะ...เปล๊า” ผมรีบปฏิเสธเสียงสูงอย่างรวดเร็วด้วยเกรงว่าถ้ามันรู้ว่าถูกผมลวนลามทางสายตา เดี๋ยวจะโดนไล่ตะเพิดออกจากห้องก่อนจะได้เข้า
หากแต่ครู่เดียว ธารก็รู้ตัวแล้วจากสายตาของผมที่จ้องไปยังสวนมะเขือยาวไม่เลิก ก่อนมันจะหัวเราะออกมา
“น้ำลายไหลแล้ว เลิกมอง!” แล้วก็พุ่งเข้ามาปิดตาผมโดยพลัน
ไม่พุ่งมาปิดตาผมอย่างเดียวด้วย ลากเข้ามานั่งบนเตียงในห้อง จัดการปิดประตูเสร็จสรรพอีก ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่ถูกจู่โจม แต่พอมองไปยังธารที่เดินหน้าแดงผ่านหน้าไปสวมกางเกงขาสั้นทับอีกชั้น ผมก็ยกยิ้มออกมาจนต้องหลุดแซว
“ไม่ขายมะเขือยาวแล้วเหรอครับ”
“พี่อยากโดนต่อยมั้ย” ธารว่าโดยไม่มองหน้า
ผมก็ยังหัวเราะไม่เลิกเพราะไม่รู้สึกว่าประโยคที่ธารพูดเมื่อกี้คือการขู่ กระทั่งธารสวมกางเกงเสร็จแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งข้างผม ผมถึงได้หยุดหัวเราะ
“ทะลึ่งเหรอฮะ” ธารเขกหน้าผากผมมาทีหนึ่งพร้อมกับผลักเบาๆ
ผมแกล้งทำเป็นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บทั้งที่มันไม่เจ็บสักนิด ทำให้ธารเม้มปากไปหน่อยแล้วยิ้มออกมา
ผมเห็นคนตรงหน้ายิ้มแล้วใจก็ชุ่มชื้นขึ้นมาพลัน ตั้งแต่ที่ผมสารภาพความในใจไปว่าชอบเด็กนี่จริงๆ แล้วพยายามแสดงออกว่าผมจริงใจ ผมก็รู้สึกเลยว่าธารเริ่มเปิดใจให้ผมมากขึ้น อ่อนโยนมากขึ้นด้วย ซ้ำยังพูดง่าย ขอร้องอะไรก็ยอมรับปากง่ายๆ ไปหมด ถึงจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แต่ก็นับว่าดีกว่าก่อนเยอะ ยิ่งเมื่อวานก่อนผมช่วยมันให้สบายใจขึ้นด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำดีกับผมมากขึ้น
ที่สำคัญ เริ่มไม่ค่อยเขินผมแล้วด้วยล่ะ ไม่เชื่อก็ดูตอนนี้ นั่งจ้องหน้าผมอยู่นานแล้วเนี่ย จนผมชักเป็นฝ่ายอึดอัดขึ้นมาแล้วด้วยไม่รู้ว่ามันจ้องอะไรนักหนา
“อะ...เอ่อ... น้องธารจะนอนเลยมั้ยครับ พี่เหนือว่าเริ่มดึกแล้วนะ”
เพราะอึดอัด ผมก็เลยทำลายความเงียบขึ้นมา แต่ธารก็ไม่ขยับ ผมเลยเป็นฝ่ายจะลุกไปเข้าห้องน้ำแทน หากแต่ไม่ทันจะได้เขยื้อนไปไหน ธารก็ยื่นมือมาแตะซีกหน้าผม ไล้ปลายนิ้วโป้งมาแตะยังมุมปากเสียก่อน
ผมเหวอไปนิดหน่อยที่จู่ๆ มันก็ทำแบบนี้ กระทั่งมันพูดขึ้นมา ผมถึงได้สติอีกครั้ง
“ก่อนมาที่ห้องผม กินขนมมาเหรอ ปากเปื้อนช็อกโกแลตเนี่ย”
“ฮะ? อะ...อ๋อ ครับ กินเค้กมาน่ะครับ” ผมว่าไปตามตรง คงจะมีคราบช็อกโกแลตเลอะมุมปากล่ะมั้งถึงได้พูดอย่างนี้
“งี่เง่า เป็นเด็กหรือไง กินเลอะเทอะแบบนี้น่ะ” ธารพึมพำขึ้นมา แล้วก็ใช้หัวแม่โป้งเช็ดคราบช็อกโกแลตออกให้ผม
สัมผัสแผ่วเบาและไออุ่นจากฝ่ามือทำให้ผมใจเต้นระส่ำอย่างไม่รู้ตัว ใบหน้าก็ร้อนรุ่มจนรู้สึกได้ด้วยเพราะถูกธารจ้องอย่างไม่วางตา แถมเริ่มไม่ใช่แค่ใบหน้า เริ่มลามไปทั่วตัวละเมื่อธารเริ่มเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ทีละน้อยจนท่าทางของเราสองคนในตอนนี้ดูเหมือนว่าเรากำลังจะ...จะ...
จะ...จูบกัน...
ดะ...เดี๋ยว ไม่ทันตั้งตัว... เดี๋ยว!
ถึงในใจอยากจะให้ได้ให้โดน แต่พอมาแบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ ผมก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ยิ่งธารมาในเวอร์ชันนิ่งๆ แบบนี้ด้วยแล้ว ผมยิ่งดูไม่ออกเลยว่ามันคิดอะไรอยู่
“อะ...เอ่อ...” เท่านั้น ผมก็รีบเรียกสติมันคืนมาฉับพลันด้วยการจะทัก
แต่ไม่ทันได้พูดอะไร ธารก็เลื่อนหัวแม่มือที่ตอนแรกอยู่บริเวณมุมปากผมมาวางตรงกลางริมฝีปากแทนเสียแล้ว
“พี่เหนือ...” เรียกชื่อขึ้นมาอีก
ผมเลยเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม ก่อนธารจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ชอบผมจริงหรือเปล่า”
“ถะ...ถามทำไมเหรอครับ” ผมพยายามควบคุมน้ำเสียงตัวเองให้เป็นปกติ แต่ดูเหมือนจะไม่ปกติเลยแม้แต่นิดเดียว
ทว่าธารไม่สนใจแล้วล่ะ นอกจากตั้งหน้าตั้งตาถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้เท่านั้น
“ก็อยากรู้ ตอบหน่อยว่าชอบผมจริงหรือเปล่า”
“อะ...เอ่อ...จริงสิ ชอบจริงๆ... คือพี่เหนือ...ชอบน้องธารจริงๆ ครับ” สุดท้ายผมก็ตอบ ไม่ได้ตอบเพราะจำใจด้วยถูกดวงตาคู่สวยจ้องมองอย่างคาดคั้น แต่เป็นเพราะผมอยากพูดให้คนตรงหน้าได้ยินจริงๆ ว่าผมชอบมันแค่ไหน
สิ้นเสียงผม ธารก็กัดริมฝีปาก เผยอยิ้มแล้วเสมองไปทางอื่นเล็กน้อยราวกับเขิน ส่วนผมนี่ไม่ต้องถามว่าเขินมั้ย หน้าเห่อร้อนไปหมดแล้วเนี่ย!
แล้วมันก็ทำให้ผมเขินหนักกว่าเดิมด้วยการหันกลับมาแล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ทำท่าเหมือนจะจูบริมฝีปาก ทว่าจู่ๆ ก็ดันเปลี่ยนทิศทางไปประทับจูบลงบนแก้มผมแทนในวินาทีสุดท้ายแบบเร็วๆ แล้วก็ผละออกมา
แม้จะเกิดขึ้นไม่ถึงสิบวินาที แต่ก็ทำให้ผมอ้าปากค้างไปได้ทันควัน
มะ...เมื่อกี้อะไร! เมื่อกี้นี้มันอะไร! มองตามไม่ทัน ขออีกทีซิ! ขออีกทีแรงๆ!