---- Estar Contigo ----
"ไอ้เจ มึง..."
ซันซันสะกิดเพื่อนที่นั่งเล่นเกมแข่งกับปรินซ์อย่างเมามัน
"กูขอดูอะไรหน่อยได้ป่าว?"
ตี๋แว่นถามเพื่อนของตนอย่างเกรงใจ แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาต้องเอ่ยปากขอออกมา
"ดูอะไรวะ?"
เจนยุทธถามและกดหยุดเกมไว้ก่อน ซันซันชี้ไปที่ต่างหูบนหูข้างซ้ายของเขา เจหัวเราะแล้วถอดให้เพื่อนดูอย่างไม่ลังเล หนุ่มตี๋ยกเอาอุปกรณ์ทดสอบขนาดเล็กที่เขามักพกพาติดตัวออกมา เขาวางต่างหูข้างนั้นอย่างทะนุถนอมลงบนถาดเล็กๆ ที่ปูผ้ากำมะหยี่ เจมองเพื่อนหนุ่มลูกร้านเพชรใช้สารพัดอุปกรณ์ทดสอบอัญมณีชิ้นนั้นอย่างเพลิดเพลิน มันทั้งเอาเครื่องทรงคล้ายปากกาจี้ เอาไฟส่อง ทำนั่นนี่สารพัด เหงื่อเม็ดน้อยๆ ไหลซึมออกจากขมับของซันซัน เขาส่งถาดให้เจหยิบต่างหูคืนไปด้วยมือของตัวเอง เจหยิบกลับมาใส่ที่หูซ้ายดังเดิม
"เป็นไงมั่งมึง ตกลงมันเป็นอะไรอ่ะ? ไพลินเหรอ?"
"ไพลินบ้านมึงสิ ไอ้เจ นี่มึงได้ของมานี่ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเป็นอะไร?"
เจงงตกลงมันไม่ใช่ไพลินแล้วเป็นอะไรหรือจะเป็นพวกทัวมาลีน เขาไม่ค่อยได้เห็นพลอยสีน้ำเงินบ่อยเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่สนหรอกว่ามันเป็นอะไร คุณค่าทางจิตใจของมันสำคัญกว่ามูลค่าของมันมาก
"เพชรเว้ย ไอ้เจ เพชรแท้ๆ เลยล่ะมึง"
ซันซันปาดเหงื่อ เขาตัดสินใจบอกผลการทดสอบให้เจรู้
"เพชรมันมีสีนี้ด้วยเหรอวะ?"
เจนยุทธถามงงๆ เขาเคยเห็นอย่างมากก็สีใสๆ แต่น้ำเงินเข้มจัดแบบนี้เขาเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก
"เวรละ แล้วมันแพงไหมอ่ะ แบบนี้กูไม่กล้าใส่ไปไหนมาไหนแล้ว เม็ดถึงแสนไหมอ่ะมึง? สงสัยกูจะได้ถอดเก็บละ"
เจบ่น ฆาเบียร์น่าจะบอกกันก่อนว่าของมันแพง เขาจะได้ไม่ใส่เล่นไปเล่นมา ซันซันถอนหายใจปลงให้กับความไม่รู้ของเพื่อน
"เพชรแฟนซีสีน้ำเงินอ่ะ ถ้าเป็นแบบผ่านกระบวนการฉายรังสีจนเกิดสีก็น่าจะกะรัตซักแปดเก้าหมื่นบาท"
เจค่อยใจชื้นมาหน่อย ไม่ได้แพงเท่าที่เขาคิด
"...แต่ของมึงน่ะ กูค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ใช่แบบผ่านการแต่งสีนะ เป็นเพชรสีธรรมชาติแท้ๆ ไอ้เจ"
"ราคาปัจจุบันของเพชรแฟนซีสีฟ้าหรือสีน้ำเงินน่ะ ยิ่งสีเข้มขนาดนี้นะ กูเคยลองเปิดๆ ดูในเน็ตแล้ว กะรัตละไม่ต่ำกว่า 2-3 แสน นี่ตีถูกไว้ก่อนนะ เม็ดนี้ก็ซักกะรัตกว่า" เจหัวใจตกวูบ
"เชี่ย ไม่ล่อไป 3-4 แสนบาทเหรอวะ? แม่มกูไม่กล้าใส่แล้วว่ะ"
เจทำท่าจะถอดต่างหูข้างนั้นออกเก็บ
"ทำอะไรกัน เด็กๆ"
ฆาเบียร์ซึ่งตอนแรกนั่งยิ้มอยู่ที่เคาเตอร์ดูเจเล่นเกมอย่างเมามันกับเพื่อนเริ่มทำคิ้วขมวดตั้งแต่เห็นเจถอดต่างหูให้เพื่อนดูง่ายๆ แล้ว เขาลุกมาหาทั้งสามเมื่อเห็นเจเริ่มทำท่าไม่อยากใส่ต่างหูที่เขาให้
"เอ่อ ซันขอดูต่างหูของคุณน่ะ"
เจพูดตะกุกตะกัก เขาบอกฆาเบียร์ว่าที่บ้านซันเป็นร้านขายเพชร
"...คุณเอาของแพงมาให้ผมใส่ทำไมอ่ะ อันตั้งหลายแสนบาท"
เจบ่นกับคนตัวโต ฆาเบียร์ขมวดคิ้วหันไปมองซันซันซึ่งยิ้มแหยๆ ซันเปลี่ยนมาพูดเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้ฆาเบียร์เข้าใจด้วย
"...เอ่อ เจ กูยังพูดไม่จบ"
"อิอย่างต่ำสองสามแสนที่กูว่าน่ะ กูเช็คราคาในเว็บฝรั่ง...หน่วยมันอ่ะเป็น US Dollar นะ"
เจนยุทธตัวแข็งไปเรียบร้อย
"กะ...กูว่ามึงเอาคืนป๋าแกไปเถอะว่ะ"
ปรินซ์ซึ่งเหงื่อตกตามเพื่อนไปด้วยพูดเสียงสั่น เจมือสั่นทำท่าจะถอดต่างหูคู่นั้นคืนให้ฆาเบียร์ไป แต่ถูกมือใหญ่ๆ จับข้อมือไว้
"ห้ามถอดนะเจ ฉันไม่รับคืน"
ฆาเบียร์พูดเสียงดุๆ เขาถอนหายใจแล้วนั่งลงบนโซฟาข้างๆ เจ
"จริงๆ มันไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอก ราคาที่ซันยกมาน่ะมันเป็นเพชรสมัยใหม่ที่คัตติ้งมันเป็นแบบที่ให้ความแวววาวมาก ส่วนต่างหูคู่นี้มันเป็นคัตติ้งแบบโบราณที่มีเหลี่ยมน้อยไม่ได้ดึงความงามเพชรออกมาเต็มที่ ราคาก็จะถูกลงอีกมาก ใช่ไหมครับ ซัน"
ฆาเบียร์ตวัดสายตาดุๆ ไปที่ตัวต้นเหตุ ซันกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ เขาเหลือบไปดูต่างหูอีกข้างที่หูของฆาบี้ มันก็จริงตามฆาเบียร์ว่า แต่อิเพชรน้ำดีสีน้ำเงินเข้มตามธรรมชาติที่มีขนาดและความเข้มของสีเท่ากันเป๊ะทั้งสองข้างแถมตัวเพชรซึ่งเป็นเหลี่ยมกุหลาบแบบโบราณยังดูเหมือนของเก่าที่ถูกแกะเอามาจากเครื่องประดับชิ้นอื่นและนำมาทำใหม่โดยเอามาใส่บนตัวเรือนแบบ Edwardian ซึ่งก็มีอายุอย่างต่ำเกือบ 90 ปีแล้วนั้นไม่น่าจะถูกกว่าที่เขาประเมินมากแน่นอน แต่ดูจากสายตาคาดโทษที่ฆาเบียร์ส่งมาแล้วเขาควรหุบปากเงียบไว้ดีกว่า
"แต่...ผมกลัวจะไปทำมันหายหรือพังอ่ะ ฆาเบียร์"
เจนยุทธพูดเสียงอ่อยๆ ถ้าเจ้าตัวบอกไม่แพง ก็ไม่แพงก็ได้ แต่แค่คิดถึงว่ามันเป็นของดูต่างหน้าแม่ของฆาเบียร์เขาก็เกรงใจแล้ว
"มูลค่าของมันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ฉันได้รับจากเจหรอกนะ"
ฆาเบียร์พูดอย่างจริงจัง เจหน้าแดงก่ำ ทำไมคนๆ นี้ไม่รู้จักเขินจักอายมั่งเลยนะ ฆาเบียร์กุมมือคนรักขึ้นมาจรดจูบโดยไม่แคร์สายตาเพื่อนๆ ที่มองมา ฆาเบียร์ทั้งอ้อนวอนทั้งขู่ว่าถ้าเจไม่รับเขาจะเอามันไปโยนทิ้งน้ำ จนสุดท้ายเจต้องยอมเก็บต่างหูข้างนั้นไว้โดยดี ฆาเบียร์หันไปกำชับซันซันกับปรินซ์ไม่ให้บอกใครเรื่องต่างหูของเขาซึ่งทั้งสองคนก็รับคำอย่างหนักแน่น
"เจ เดี๋ยวพวกกูจะไปผับแถวนี้ต่อ มึงจะไปด้วยไหม?" ปรินซ์ที่กำลังใส่รองเท้าหันมาถามเจ เจส่ายหน้าปฏิเสธบอกว่าคืนนี้เขาเพลียแล้วและจะขอพักก่อน
"แต่ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้กูว่าจะไป ไว้กูจะโทรหาพวกมึงอีกที"
เพื่อนทั้งสองที่พร้อมเที่ยวเสมอของเขาตอบรับและยกมือไหว้ฆาเบียร์เพื่อลากลับ ฆาบี้ที่เริ่มชินกับวัฒนธรรมไทยก็รับไหว้แบบเก้ๆ กังๆ
"เจจะไปเที่ยวจริงๆ เหรอ? ถ้าไม่นับคืนนี้ อีกสองคืนฉันก็จะกลับแล้วนะ"
ฆาเบียร์ทำหน้าเว้าวอน เขาอยากใช้เวลาที่เหลือทุกนาทีกับเจนยุทธอย่างมีค่า
"ก็ไปด้วยกันสิ"
เจพูดยิ้มๆ เขามีเรื่องสนุกๆ รอเล่นกับฆาบี้อยู่
"รับรองคุณต้องชอบแน่"
ฆาเบียร์ใจเต้นเมื่อเห็นแววตาของเจ เขาแทบรอไม่ไหวแล้ว
เจนยุทธเดินสำรวจความเรียบร้อยในห้อง ในที่สุดเขาก็มีเวลาเป็นส่วนตัวกับคนรัก เจเปิดตู้แช่ไวน์เล็กๆ ของเขาและหยิบถุงซิปล็อคออกมาถุงหนึ่ง แล้วส่งให้ฆาเบียร์ซึ่งรับมาอย่างอึ้งๆ ในถุงนั้นมีซิการ์หลายยี่ห้อหลายขนาด
"ช่วยผมสูบหน่อยแล้วกัน ผมซื้อเก็บๆ ไว้ตอนไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้สูบแล้ว เหลือเพียบเลย แต่ผมเก็บไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่ได้ซื้อฮิวมิดอร์ดีๆ มาเก็บมัน สภาพอาจจะแย่หน่อยนะ"
ฆาเบียร์หยิบหลายๆ ตัวมาดมๆ บีบๆ ดูอย่างคนคุ้นเคย เจเลือกซิการ์คิวบามาเสียส่วนใหญ่
"กลิ่นเริ่มจางแล้วนะ ค่อนข้างแห้งไปหน่อยด้วย ตัวนี้ทิ้งได้เลย wrapper แตกแล้ว"
ฆาเบียร์หยิบซิการ์ Romeo y Julieta ไซส์เล็กที่ใบยาที่ห่ออยู่เริ่มแตกแล้วให้เจซึ่งทิ้งมันลงถังขยะอย่างเสียดาย ฆาเบียร์เลือกซิการ์ยี่ห้อใหม่แต่มาแรงอย่าง Cohiba ไซส์โรบุสโต้ เจตอนแรกจะเลือก Partagás ซีรีส์ D ตัวโปรดของเขา แต่ก็เปลี่ยนใจหยิบซิการ์ที่แพงที่สุดในถุงอย่าง Trinidad Short Robusto T Edicion Limitada 2010 มาแทน เขาทำใจแล้วว่าอาจจะต้องทิ้งซิการ์ทั้งถุงนี้ในไม่ช้าก็เลยเลือกตัวที่แพงที่สุดมาสูบก่อนที่จะเสียหายไปมากกว่านี้ ฆาเบียร์หยิบกล่องมินิซิการ์ขนาดเท่าบุหรี่ยี่ห้อ Partagás ติดมือออกมาด้วยก่อนที่เจนยุทธจะปิดถุงซิปแล้วเอาเก็บเข้าไปในตู้แช่ไวน์เหมือนเดิม
เจเปิดตู้ในครัวซึ่งเขาใช้เก็บแอลกอฮอล์สารพัดยี่ห้อที่ตุนๆ ไว้ แล้วหยิบออกมาขวดหนึ่ง ฆาเบียร์ตาลุก เจช่างรอบรู้จริงๆ ซิงเกิลมอลท์อย่าง The Maccallan Fine Oak 21 ปีนี้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับซิการ์ที่รสชาติค่อนข้างหนักแบบที่พวกเขาเลือก
"จริงๆ ผมว่าตัว 15 หรือ 18 ปีก็น่าจะพอแหละ แต่ซื้อเหล้าทั้งทีก็ต้องเอาที่กินอร่อยในเวลาอื่นด้วยใช่มะ? ขวดนี้ผมได้มาจากสิงคโปร์ ผมชอบดิวตี้ฟรีที่นั่นมากเลย พอไปดูเซ็คชั่นเหล้านะ เขาก็รินจากสารพัดแบบที่มีให้ชิมจนผมเกือบเมาขึ้นเครื่องเลย ชิมๆ แล้วชอบขวดนี้สุดเลยสอยมา "
เจพูดยิ้มๆ เมื่อฆาเบียร์ชมเขา แล้วบอกว่าเรื่องแอลกอฮอล์นี่คือสิ่งที่เขาเรียนรู้มาจากตอนเรียนการโรงแรม เขาส่งอุปกรณ์สูบซิการ์ให้ฆาเบียร์ถือ
"Neat, straight up, or on the rock?"
'เพียว เขย่ากับน้ำแข็งแล้วกรองน้ำแข็งออก หรือใส่น้ำแข็ง?'
เจถามฆาเบียร์ว่าอยากให้เสิร์ฟวิสกี้แบบไหน ฆาเบียร์บอกให้เจเลือกมาเลย เจนยุทธหยิบแก้ววิสกี้สั้นทรงป่องกลางเหมือนดอกทิวลิปมา 2 ใบ และหยิบขวดน้ำเย็นจากตู้เย็นมาอีกขวดและนำฆาเบียร์ออกไปที่ระเบียงห้องซึ่งมีโต๊ะเล็กๆ และเก้าอี้คู่หนึ่ง อากาศยามค่ำคืนของปลายเดือนพฤศจิกายนเริ่มเย็นลงแล้ว เจนยุทธรินวิสกี้ใส่แก้วสูงประมาณ 1 นิ้วให้ตัวเองและรินเหมือนกันส่งให้ฆาเบียร์ซึ่งอมยิ้มอย่างถูกใจ เจรู้ใจเขาและรู้จักศาสตร์ของเหล้าและซิการ์จริงๆ
"จะจุดทีละตัว หรือว่าคนละตัวเลย?"
ฆาเบียร์ถาม เจบอกว่าเขาเคยสูบโคอีบาแล้ว จุดคนละตัวไปเลย ฆาเบียร์หยิบที่ตัดซิการ์มาตัดส่วนก้นซิการ์ที่ตนเลือกและตัดให้เจด้วย ทั้งคู่จุดซิการ์และดื่มด่ำกับรสชาติอันหนักแน่นของมัน ฆาเบียร์ยกเหล้าซิงเกิลมอลท์ขึ้นจิบ มันเข้ากันอย่างดีกับซิการ์ที่เขาเลือก นอกจากเหล้าซิลเกิลมอลท์แล้ว คอนยัคและรัมก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับดื่มพร้อมสูบซิการ์
"ฆาเบียร์..."
เจเรียกคนรักของตนเบาๆ เขาบอกว่าเขายังไม่สบายใจเรื่องต่างหูราคาแพงระยับของฆาเบียร์
"...ผมกังวลจริงๆ นะ"
เจพูดตบท้าย ฆาเบียร์ถอนหายใจ เขาวางซิการ์ในมือลงบนที่เขี่ยบุหรี่และหันหน้าไปหาเจนยุทธ เขาจ้องมองตาเจผู้หวั่นไหวกับแววตาเว้าวอนของคนตัวโต
"เจจ๋า ของพวกนี้มันก็เป็นของนอกกายทั้งนั้น สำหรับฉันค่าของมันไม่ใช่มูลค่าของเพชรเม็ดนั้น แต่มันคือคุณค่าทางจิตใจ มันเป็นต่างหูของแม่ที่ได้รับมาจากยาย ทั้งคู่เคยใส่มันในวันแต่งงาน ฉะนั้นค่าของมันสำหรับฉันคือความรักที่อัดแน่นอยู่ในนี้"
"...ฉันต้องบอกกับเจอีกกี่ครั้งว่าฉันรักเจ ต่างหูข้างนี้ก็แทนความรักของฉัน แทนคำสัญญาที่ว่าฉันพร้อมอยู่กับเจไปจนตลอดชีวิต ถ้าเจเอาคืนฉันก็เหมือนกับเจไม่ต้องการฉันแล้ว"
ฆาเบียร์พูดด้วยเสียงเศร้าสลด เจนยุทธอึ้งไป
"สำหรับฉัน มูลค่าเป็นตัวเงินของต่างหูคู่นี้มันเทียบไม่ได้เลยกับความสุขที่ฉันได้รับจากเจ ฉะนั้น ฉันขอร้อง อย่าได้คิดมาก จงมองมันเป็นสิ่งแทนใจของฉันและช่วยรักษามันไว้เหมือนมันเป็นตัวแทนความรักของเรา อีกอย่างใส่ติดหูตลอดก็ยังดีกว่าถอดไปถอดมาแล้วไปทำหายนะ"
เจนยุทธมองตาคนตัวโตและเผยอยิ้มออกมา เขาโน้มกายไปจุมพิตแผ่วๆ ที่ปากบางๆ ของฆาเบียร์
"ถ้าคุณว่าอย่างนั้น ก็ตามนั้น ผมจะไม่ถอดต่างหูข้างนี้ออกจนกว่าคุณจะหมดรักผมและทวงมันคืน"
เจนยุทธพูดด้วยเสียงหนักแน่น
"ไม่มีทางที่วันนั้นจะเกิดขึ้น เจที่รักของฉัน" ฆาเบียร์ยกมือเรียวนั้นมาจุมพิต
"...แต่ถอดตอนอาบน้ำและนอนก็ดีนะ"
เขาพูดยิ้มๆ ถึงเขาจะบอกว่าไม่สนใจมูลค่าเป็นตัวเงินของมันแต่ตอนที่เอาต่างหูคู่นั้นรวมทั้งทรัพย์สินของพ่อแม่ไปตีมูลค่าเพื่อทำประกันเขาก็อดสะดุ้งกับมูลค่าของมันไม่ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจเพราะสุดท้ายความสำคัญของมันอยู่ที่คุณค่าทางจิตใจของมันมากกว่า สำหรับเขาแล้วสมบัติพัศสถานและความสำเร็จทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ได้มีค่าใดเลยถ้าไม่มีคนคอยชื่นชมมันกับเขา แต่เขาก็คงไม่พูดว่าถ้ามีคนรักแล้วจะให้ไปกัดก้อนเกลือกินที่ไหนก็ได้ นั่นคงเป็นคำพูดของคนโรแมนติกที่ไม่เคยสัมผัสความยากจนและความลำบาก เงินทองและความสำเร็จเป็นสิ่งที่ให้ความสุขสบายทางกายแก่คนซึ่งก็ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น มันเติมเต็มอีโก้ของเขาแต่ก็ไม่ใช่ทั้งชีวิต เมื่อไม่มีคนคอยรับรู้ความรู้สึก คอยยินดี คอยปลอบประโลม คอยรับฟัง ความรู้สึกสุขหรือภาคภูมิใจนั้นก็จางหายกลายเป็นความว่างเปล่าในที่สุด เป็นแค่ความสุขชั่วคราวที่ผ่านพ้นไปอย่างไร้ค่า
เมื่อฆาเบียร์เก็บสะสมเงินได้ครบล้านดอลล่าร์แรกด้วยตนเองโดยที่ไม่ใช่เงินมรดกของพ่อแม่ เขาซื้อของหลายอย่างเพื่อปรนเปรอตน เขาปิดคลับดังของเมืองและฉลองอย่างเต็มที่ แต่เมื่อราตรีนั้นจบลง เขายังคงตื่นมาอย่างเดียวดาย ยังคงคนึงหาพ่อแม่ที่จากไป ยังคงนอนหลับไม่เต็มตื่น คนเดียวที่เขาจะแบ่งปันอะไรด้วยได้ในชีวิตก็คืออาปาคริสของเขาแค่นั้น บ้านอันใหญ่โตหรือคอนโดสุดหรูของเขาไม่ได้ช่วยอุดช่องว่างในใจ เมื่อเวลาผ่านไป ตัวเลขในบัญชีธนาคารก็เพิ่มมากขึ้นๆ หากเขาก็ยังรู้สึกว่างเปล่าดังเดิม เขาซื้อนั่นซื้อนี่เหมือนเดิมเพื่อให้ความสุขชั่วคราว เมื่อสองปีที่แล้วเขาซื้อนาฬิกาแพงระยับราคาเฉียดสองแสนเหรียญเพื่อเป็นรางวัลให้ตัวเอง แต่สุดท้ายมันก็ถูกเก็บไว้ในเซฟและนำออกมาใส่ยามไปงานเท่านั้น ยามปกติเขาก็ดูเวลาจากมือถือของตัวเอง ชีวิตเขาเหมือนมองหาบางสิ่งบางอย่างตลอดเวลาแต่ก็ยังหาไม่เจอ
ใจที่กลวงโบ๋และแห้งผากของฆาเบียร์เริ่มชุ่มชื้นขึ้นอีกครั้งเมื่อนพรับแอดเฟซบุ๊คเขาเมื่อเกือบสามปีที่แล้ว เขารู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อได้พูดคุยกับเพื่อนเก่าของเขาคนนี้ หากความรู้สึกที่ได้จากนพก็ยังต่างจากความรู้สึกที่เขาได้รับจากเจนยุทธในตอนนี้ กับนพในตอนนั้นเขาเหมือนได้เจอเพื่อนเก่า ได้เจอและรู้สึกถึงตัวตนของตัวเองสมัยเรียนป.ตรี ได้รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอีกครั้ง แต่กับเจ เขารู้สึกเหมือนได้ชีวิตที่หายไปของตัวเองคืนมา ความสดใสร่าเริงแต่ไม่ไร้เดียงสาของเจทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้มากขึ้น ความทันกันในทุกๆ ด้านของพวกเขาทำให้บางครั้งเขาเหมือนกำลังมองดูตัวเองในเวอร์ชั่นที่ไม่ได้บิดเบี้ยวและผ่านการสูญเสียแบบที่เขาเป็นในปัจจุบัน เขาไม่เคยเจอใครที่กระตุ้นเร้าอารมณ์สุขและทุกข์ของเขาในทุกด้านได้เท่าเจนยุทธมาก่อน และที่สำคัญ เจมองเขาและรักเขาที่เนื้อแท้ของเขาจริงๆ เจไม่ได้มองเขาเป็นฆาเบียร์ บาเลนติน มาติเนซ เด ลา โรซ่า สำหรับเจเขาคือฆาบี้ เมียตัวโตที่ต้องคอยดูแล เขาดูออกว่าถึงเจจะเพลิดเพลินกับชีวิตหรูหราที่เขาป้อนให้ยามไปเที่ยว แต่ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่นี้หรือที่ไหนในโลก ไม่ว่าจะกินอาหารในร้านหรูหรือร้านข้างทาง นอนโรงแรมห้าดาวหรือที่ห้องคอนโดของเจห้องนี้ ดวงตาเจยามที่มองเขาก็ส่องประกายเหมือนเดิม ตัวเขาเองก็สามารถเป็นตัวของตัวเองโดยที่ไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เมื่ออยู่กับเจนยุทธ
ฆาเบียร์มองคนที่นั่งพ่นควันเป็นวงอยู่ข้างตัวเขาอย่างสุขใจ เขาไม่รู้ว่าสำหรับเจนั้นจะรู้สึกอย่างไร แต่สำหรับเขาแล้วเขาแน่ใจว่าเขาจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้เพื่อเจนยุทธและไม่มีวันเปลี่ยนแปรไปตลอดกาล เจหันมามองฆาเบียร์ซึ่งนั่งกึ่งเอนจ้องหน้าเขาอยู่ แววตาเปี่ยมรักที่ส่งมาให้เขานั้นทำให้ใจของเจพองโต เขาจะไม่ยอมแลกคนๆ นี้ที่เป็นเหมือนอีกครึ่งหนึ่งของจิตวิญญาณเขากับสิ่งวิเศษหรือเลิศเลออื่นใดในโลก ฆาเบียร์เติมเต็มเขาในทุกๆ ด้านอย่างแท้จริง
เจลุกขึ้นไปนั่งคร่อมตักของคนที่เขารัก เขาสูบเอาควันหนาหนักของซิการ์เข้าไว้ในปากแล้วจรดริมฝีปากลงกับปากบางของฆาเบียร์ซึ่งดูดรับควันอันมีกลิ่นรสอันเข้มข้นซิการ์จากปากของเขาก่อนที่ฆาเบียร์จะพ่นมันออกทางปาก หัวใจของฆาบี้เต้นระรัว เจนยุทธเข้าใจหาวิธียั่วเย้ากับประสาทสัมผัสของเขาจริงๆ เขาดันกายขึ้นนั่งและโอบรัดร่างเพรียวนั้นไว้และลิ้มรสละมุนของซิการ์ตรินิแดดที่ยังหลงเหลือในปากของเจอย่างเนิ่นนาน เจนยุทธดันกายออกและหอบหายใจถี่ เขาส่งซิการ์ที่เกือบจะหมดตัวแล้วให้กับฆาเบียร์สูบคำสุดท้าย และรอรับควันอันหอมหวานจากปากคนรัก
(ต่อคอมเมนท์ถัดไปค่ะ)