"สมาชิกอะไรนะ!!.. ไม่เคยได้ยิน..”
“ผมก็เพิ่งเคยได้ยิน เขาบอกว่าเป็นสมาชิกเล้าเป็ด บอร์ด Boy’s love”
“Boy’s love... หมายถึงความรักของเด็กผู้ชายเหรอ..”
โยธินเหล่มองอีกฝ่าย เห็นสีหน้าก็รู้ว่าไม่ได้แกล้ง (แปลว่าไม่รู้จริงๆ)
“ความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย..”
“หมายถึงเกย์เหรอ.. นายฟังผิดรึเปล่า...”
“เปล่า..”
“แล้วไง จู่ๆ มาขอสัมภาษณ์นาย เขารู้หรือว่านายเป็นเกย์...”
“เปล่า.. เขามาถามเรื่องลูกๆ ตอนแรกผมจะไม่บอก.. แต่พอรู้ว่าเป็นสมาชิกกลุ่มที่นิยม Boy’s love ผมก็เลยยอมเล่า คุณโกรธรึเปล่าที่ผมเล่าเกี่ยวกับเรื่องลูกๆ ของเราให้เด็กพวกนั้นฟัง...”
“มาถามตอนนี้มีประโยชน์อะไร..”
“......................”
โยธินนั่งเงียบเมื่อรู้สึกว่าภากรคงโกรธที่เขาถือวิสาสะเล่าเรื่องส่วนตัวให้คนอื่นฟัง มันไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียวแต่มันเป็นเรื่องของคนสองคน เขาควรจะถามอีกฝ่ายก่อนจริงๆ น่ะแหล่ะ
ภากรชำเลืองมองชายหนุ่มซึ่งนั่งหน้าจ๋อยอยู่ข้างๆ ไม่ได้ดุสักหน่อยทำไมขี้น้อยใจขนาดนี้ เขาละมือซ้ายจากพวงมาลัยและโอบร่างบางเอนเข้ามาซบไหล่
“แค่นี้ต้องงอนด้วยเหรอ..ฉันไม่ได้โกรธซะหน่อย..”
“ผมขอโทษที่ถือวิสาสะ ผมควรจะถามคุณก่อนจริงๆ”
“ไม่จำเป็น..ฉันไว้ใจนาย ถ้าคิดว่าสมควรหรือเหมาะสมฉันก็ไม่ขัด ว่าแต่เขาจะไม่เอาเรื่องของเราไปเมาท์ในบอร์ดเหรอ..”
“เมาท์ว่าอะไรเหรอ..”
“อ้าว!! ก็เมาท์ว่า... ในที่สุดคุณพ่อของลูกแฝดทั้งสองคนก็ตกล่องปล่องชิ้นกันเองไง..”
ร่างเพรียวผละออก
“บ้าเหรอ!!.. ผมไม่ได้เล่าเรื่องของเรานะ เล่าแต่เรื่องลูก..”
“อ๊ะ !! ไม่ได้บอกเหรอว่าเราตกลงคบหาเป็นคู่รักกันอ่ะ..”
โยธินหน้าร้อนวูบเมื่อได้ยินคำว่า
“คู่รัก” เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำนี้จากปากภากร ที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะใช้คำว่า ”คู่ขา” ซึ่งทุกครั้งที่ได้ยินเขารู้สึกไม่ดีเลย
“มะ.. ไม่ได้บอก.. ใครจะไปกล้าเล่าเรื่องน่าอายแบบนั้น...”
...ใช่...ใครจะไปกล้าเล่า... มันไม่ใช่เรื่องน่าภูมิใจสักนิดที่ถูกอีกฝ่ายบอกคบหาเป็นคู่ขากันเพียงเพราะต้องการใช้เขาแทนผู้หญิง หนำซ้ำคืนแรกที่ตกล่องปล่องชิ้นกันก็เพราะถูกคุณพ่อแรงยักษ์ขืนใจตอนเมาอีกต่างหาก น่าอายสิ้นดี... ดีนะที่เขาไม่ได้บอก....
“สรุปแล้วเล่าแต่เรื่องของลูกๆ งั้นเหรอ”
“อือ..”
“น่าเสียดาย”
“เสียดายเรื่องอะไร..”
“นายไม่ได้เล่าเรื่องของเรา... แสดงว่าเจ้าหนุ่มนั่นก็คงไม่รู้ว่าว่าฉันเป็นอะไรกับนาย..”
ใบหน้าหวานมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา
“พูดเหมือนคุณอยากให้เขารู้ยังงั้นล่ะ”
“ไม่ใช่อยากให้รู้ แต่ต้องการให้รู้!!..”
“ว่าไงนะ!!.. คุณไม่อายเหรอ..”
“นายอายรึเปล่าล่ะ ถ้าใครรู้ว่านายคบหากับฉัน”
“ผม เอ่อ.. ผมไม่อายหรอก ... ใครๆ ก็รู้ว่าผมเป็นเกย์ แต่คุณไม่ใช่ ...”
“นายไม่อายแล้วทำไมฉันต้องอายด้วย ฉันคบกับนายไม่ใช่เพราะนายเป็นเกย์และสามารถทดแทนผู้หญิงได้ แต่เพราะนายคือปะป๊าของลูกๆ นอกจากนายแล้วอย่าหวังว่าฉันจะไปแตะต้องผู้ชายคนอื่นได้อีกเลย...”
“เอ่อ... พูดจริงๆ เหรอ..” โยธินก้มหน้างุด ดีใจและเขินอย่างแรงกับคำพูดของอีกฝ่าย
“จริงซี..” มือใหญ่รั้งศีรษะร่างเพรียวเข้ามากระซิบ
“ถ้าไม่เชื่อ... เดี๋ยวพาลูกเข้านอนเสร็จแล้วแวะที่ห้องฉันนะ คืนนี้ฉันจะพิสูจน์ให้ดู”
“หา!! .. อีกแล้วเหรอ...” โยธินเบี่ยงตัวออกขยับไปนั่งชิดประตู
“อาทิตย์นี้คุณให้ผมแวะติดกัน 3 คืนแล้วนะ... ”
“อ้าว!!… เป็นข้อตกลงของเราไม่ใช่เหรอ กล่อมลูกเสร็จแล้วก็ต้องกล่อมพ่อด้วย..”
“บ้า... พูดเอาแต่ได้
ในที่สุดคุณก็เห็นผมเป็นแค่คู่นอนอยู่ดี เพราะแบบนี้ผมถึงไม่มีหน้าไปประกาศให้ใครรู้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักนิด...”
เสียงใสดังขึ้นเรื่อยๆจนภากรต้องจุย์ปากให้ค่อยเพราะลูกสองคนหลับอยู่เบาะหลัง อีกฝ่ายจึงเบาเสียงลง
“เราเป็นแค่คู่ขากันจะให้ผมไปเที่ยวบอกใครว่าผมคบหาเป็นคนรักกับคุณได้ไง..”
กล่าวจบก็เบือนหน้าหนีออกนอกหน้าต่างนั่งนิ่งไม่พูดอะไรอีก เพราะอาจควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้และเสียงดังจนทำให้ลูกตกใจตื่น
ภากรนิ่งเงียบไปเช่นกัน ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์นับจากวันที่ตกคบหากันกับโยธินจนถึงวันนี้เวลาล่วงเข้า 2 เดือนกว่าแล้ว เขาจำได้ว่าเคยพูดคำนั้นไปแล้วนี่นา… แล้วทำไมถึงยังพูดเหมือนไม่เข้าใจความรู้สึกที่เขามีให้…
"จอดทำไม คุณจะทำอะไรเหรอ.." โยธินหันไปถามเมื่ออีกฝ่ายชะลอรถเข้าข้างทาง
แทนคำตอบร่างสูงปลดเซฟตี้เบลท์ออก และโถมเข้าสวมกอดร่างเพรียว
"ฉันอยากเคลียร์ปัญหากับนายก่อนเข้าบ้าน"
โยธินขนลุกซู่เมื่ออีกฝ่ายไม่พูดเปล่าแต่ซุกไซ้ใบหูเขาไปด้วย
"อื้อ~~~ ปล่อยนะ… เคลียร์อะไรตรงนี้เล่า...ไปคุยกันที่บ้านซี..เดี๋ยวลูกตื่น.."
"ลูกไม่ตื่นหรอก ถ้านายไม่เสียงดัง.."
"มะ.. หมายความว่าไง คุณจะทำอะไร.. อย่าบ้านะ นี่มันในรถ…" ภากรหัวเราะกับน้ำเสียงตระหนก
"ทำไมต้องตื่นเต้นด้วย นึกว่าฉันจะอึ๊บนายในรถเหรอ…"
โยธินหน้าร้อนผ่าว กำปั้นรุ่นๆ ทุบลงกลางหลังร่างกำยำดังอั๊ก !!
"ไอ้บ้า!! คุณมันลามกตลอด ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ…อุ๊บ…"
มือใหญ่ปิดปากที่กำลังฉอดๆ อยู่
"ชูว์….. ลูกจะตื่นเพราะนายตะโกนรู้มั้ย ฉันแค่อยากจะคุยด้วยเท่านั้น นั่งเฉยๆ ฟังฉันพูดสัก 2 นาทีได้มั้ย "
โยธินพยักหน้าหงึกภากรจึงปล่อยมือที่ปิดปากออก
"ฟังนะ โย.. ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย นายไม่แฮปปี้กับการคบหาเป็น "คู่ขา" ของเรา ความสัมพันธ์แบบนี้ทำให้นายรู้สึกไม่ดีมาตลอด ใช่มั้ย.."
โยธินไม่อาจปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองไว้ได้เมื่อใบหน้าคมเข้มจ้องมองเขาอย่างต้องการคำตอบ จึงพยักหน้ารับอย่างอายๆ m1
"ในเมื่อรู้สึกไม่ดีทำไมไม่พูดหรือไม่บอกสักคำ ทำไมต้องเก็บความรู้สึกไว้ด้วย นายไม่ใช่คนขี้อายในเรื่องเซ็กซ์ซะหน่อย"
อารมณ์เขินอายหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจอคำพูดกวนประสาทอีก
"คุณเห็นผมเป็นคนหน้าหนาหรือไง นี่ไม่ใช่เรื่องเซ็กซ์นะ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่คนสองคนมีให้กัน ในเมื่อคุณรู้สึกดีกับความสัมพันธ์แบบนี้จะให้ผมบอกว่าผมรู้สึกไม่ดีได้ยังไง.."
ภากรตกใจเมื่อรู้ว่าโยธินนึกถึงความรู้สึกของเขามากกว่าตัวเอง ให้ตายเถอะ.. นี่เขาทำร้ายจิตใจปะป๊าของลูกๆ มาตลอดเลยงั้นเหรอ..
"ในเมื่อเป็นแบบนี้..ฉันตัดสินใจแล้ว
เมื่อนายไม่มีความสุข เราสองคนก็ยุติความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี่ซะ.. ต่อไปฉันและนายจะไม่อยู่ในฐานะคู่ขากันอีก.."
ร่างสูงผละไปนั่งพิงพนักเมื่อพูดจบ
โยธินสะท้านเฮือกกับถ้อยคำที่ผ่านเข้าโสตประสาท หัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่พื้นรถ ค้นพบความจริงในบัดดลว่า
... จงพอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ …แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดีกว่าไม่มีเลย…"หรือนายคิดว่ายังไง" ภากรมองออกไปนอกรถขณะกล่าวจึงไม่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในสภาพใด
"ถ้าเรายังคบกันต่อไปแบบนี้นอกจากนายจะไม่มีความสุขแล้ว ฉันเองก็…"
"ผมขอโทษ.. ผมแค่รู้สึกไม่ดีเฉยๆ .. แต่ผมก็มีความสุขนะโจ.. ผมมีความสุขทุกครั้งที่นอนกับคุณ ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้คุณพร้อมกับลูกๆ ฮึก.. ผมไม่ต้องการมากไปกว่านี้ก็ได้
ขอแค่ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่นี้ก็พอ ได้โปรดให้ผมได้คบกับคุณเหมือนเดิมเถอะนะ ฮือ ๆ "
ภากรผวาเข้าสวมกอดร่างบางด้วยความตกใจ เพราะอีกฝ่ายเล่นพูดไปร้องไห้ไปเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ จนร่างเล็กๆ ที่เบาะหลังขยับไปมา
"เฮ้ๆ .. ร้องไห้ทำไม หือ.. ไม่เอาน่า.. อย่าร้องนะคนดี.." เสียงทุ้มปลอบเบาๆ อย่างอ่อนโยนแต่อีกฝ่ายกลับสะอื้นหนักกว่าเดิม
"ให้ผมคบกับคุณเหมือนเดิมนะโจ.. นะ …. หรือว่าคุณมีคนอื่น …ฮึก.."
มือใหญ่จับศีรษะอีกฝ่ายซุกกับอกเมื่อเห็นทำท่าจะปล่อยโฮออกมาอีก
"อย่าตีโพยตีพายได้มั้ย ฉันไม่ได้มีคนอื่นซะหน่อย หยุดร้องแล้วฟังที่ฉันพูดก่อน…"
เสียงสะอื้นเงียบลงทันทีเหลือเพียงอาการสะท้าน ร่างบางยังคงซุกนิ่งอยู่กับอกรอฟังอย่างใจจรดใจจ่อ
"ฉันแค่เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราตอนนี้มันทำให้นายไม่มีความสุข เพราะงั้นก็เลยอยากจะเปลี่ยน…"
"ผมมีความสุข" เสียงใสขัดขึ้นก่อนที่ภากรจะพูดจบ ใบหน้าหวานหมองเศร้าเงยขึ้นกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
"ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรทั้งนั้น ทำทุกอย่างเหมือนเดิม คิดซะว่าเราไม่ได้คุยอะไรกันในคืนนี้.. เราจะเป็นคู่ขากันจนกว่า.."
ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มเมื่อเสียงใสขาดหายไปไม่ยอมพูดต่อ
"จนกว่าอะไรล่ะ" เสียงทุ้มกระซิบถาม "จนกว่าฉันหรือนายจะมีใครอื่นใช่มั้ย.."
โยธินพยักหน้ารับ เขาพูดต่อไม่ออกเพราะไม่ได้เป็นความต้องการของตัวเอง เขาไม่มีวันมีใครอื่นได้อีก หัวใจเขาไม่ว่างแล้ว…
ภากรอดหัวเราะไม่ได้ เมื่อปะป๊าของลูกทำปากเก่งไม่ตรงกับใจแถมยังขี้แยอีกต่างหาก
"ที่ฉันจะคุยกับนายก็เรื่องนี้แหล่ะ ฉันเบื่อการคบหาแบบนี้…"
ร่างบางมีอาการสะท้านเฮือกจนภากรสัมผัสได้ รีบกล่าวต่อก่อนที่อีกฝ่ายจะปล่อยโฮออกมาอีก..
"ฉันตัดสินใจไม่คบนายเป็นคู่ขาอีกต่อไป.. อยากเริ่มต้นจริงจังกับใครสักคน… เพราะงั้น.. "
"ไม่เป็นไร.. ผมเข้าใจ ผมเข้าใจแล้ว…"
โยธินดันร่างสูงใหญ่ออกเมื่อรู้สึกว่าตัวเองชักจะอ่อนแอเกินไปแล้ว เขาเข้าใจความต้องการของอีกฝ่าย เข้าใจถ่องแท้แล้วเพราะงั้น…
"ก็ได้…งั้นเราจบกันด้วยดี ตั้งแต่นาทีนี้ผมเป็นแค่ปะป๊าของลูกๆ ผมจะไม่นอนค้างคืนที่นี่อีกแต่จะมาเยี่ยมลูกทุกวัน ผมยินดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณ แต่ขออะไรอย่างได้มั้ย
ผมไม่คาดหวังให้ผู้หญิงของคุณรักลูกๆ ของเราเท่ากับที่ผมหรือคุณรัก แค่ขอให้เธอมีจิตใจอ่อนโยน รักเด็กบ้างก็พอ.."
ภากรใจหายวาบ
จู่ๆ กระต่ายน้อยขี้แยก็สวมวิญญาณลูกเสือเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวจนเขาใจหายวาบ.. ให้ตาย!!.. เขาตั้งใจจะให้อีกฝ่ายเผยความในใจออกมากลับกลายเป็นตัดใจบอกเลิกเฉยเลย…"จบกันด้วยดีแปลว่าอะไร..." น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าเล็กน้อย
"รู้หรือเปล่าว่าคนที่ฉันจะเริ่มต้นจริงจังด้วยคือใคร.."
ใบหน้าหวานส่อแววเจ็บปวดเห็นๆ แต่คำพูดที่ออกมากลับตัดเยื่อใยอย่างนึกไม่ถึง
"ผมไม่สน ไม่อยากรู้ว่าเป็นใคร จบกันก็แปลว่าคุณและผมไม่อยู่ในฐานะที่จะมาแตะเนื้อต้องตัวกันแบบนี้อีก เพราะงั้นถอยออกไปได้แล้ว กลับบ้านพาลูกเข้านอนซะที ผมจะได้กลับบ้าน…"
ร่างสูงใหญ่ผละออกพร้อมเสียงถอนหายใจเบาๆ
"ฉันอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่..อยากสร้างครอบครัวที่อบอุ่น..ไม่ใช่เพื่อตัวเอง… ไม่ใช่แค่เห็นนายไม่มีความสุข แต่เพื่อลูกๆ ของเรา.. ฉันตรึกตรองอยู่นานจนแน่ใจว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด ไม่มีใครรักลูกของเราได้เท่ากับที่เรารัก เพราะงั้นคนที่ฉันอยากคบหาเป็นคู่ชีวิตด้วยก็คือคนที่รักลูกของฉันเหมือนกับลูกของตัวเอง… ฉันไม่อยากเป็นแค่คู่ขากับนายอีกต่อไปเพราะเหตุนี้ ฉันอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับนาย… แต่เมื่อนายอยากจบและไม่อยากให้ฉันแตะเนื้อต้องตัวอีก ฉันก็…"เสียงทุ้มขาดหายเพราะถูกร่างบางผวาเข้ากอด เรียวปากนุ่มประกบจูบเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ถึงจะเป็นคนเริ่มก็ไม่สามารถหยุดและผละออกง่ายๆ เนิ่นนานทีเดียวกว่าเขาจะยอมถอนริมฝีปากออก
"มาจูบฉันแบบนี้แปลว่าอะไร เราจบกันแล้วไม่ใช่เหรอ.. หรือว่าจูบลา หือ…" ภากรซ่อนยิ้มในสีหน้าขณะกระเซ้าถาม
"ไม่.. ผมไม่อยากจบ.. ผมนึกว่าคุณมีคนอื่นแล้วนี่นา…." m1
"ก็นายไม่ฟังที่ฉันพูดให้จบ ชอบอวดรู้ อวดเก่ง ปากไม่ตรงกับใจ" นิ้วเรียวบีบจมูกรั้นเบาๆ "ตกลงอยากจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับฉันมั้ย หรือยังอยากจะเป็นแค่คู่ขาเหมือนเดิม…"
"อยาก..ผมอยากเป็นอะไรก็ได้ที่คุณต้องการให้เป็น ขอแค่ได้อยู่เป็นครอบครัวมีคุณกับลูกๆ ผมก็พอใจแล้ว "
"พอใจจริงเหรอ แม้แต่จะให้เป็นคู่ขาเหมือนเดิมก็พอใจงั้นเหรอ"
ใบหน้าหวานก้มงุดลง มาถึงขั้นนี้แล้วถ้าไม่พูดตอนนี้คงไม่มีโอกาสพูดอีก
"ผมอยาก…" "ฉันไม่อยาก.."
ต่างฝ่ายต่างพูดแล้วก็นิ่งเงียบไป
"คุณพูดก่อน.." "นายพูดก่อน.."
“จะกินไอติมอีก ปะป๊า..”เสียงเจ้าหนูเจมส์ดังแทรกขึ้นมา ทำเอาทั้งพ่อทั้งปะป๊าสะดุ้งเฮือกรีบหันไปมองก็พบว่ายังหลับปุ๋ยอยู่..
"ผมจะบอกว่าผมอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคุณ เป็นคู่ชีวิตจริงๆ ไม่ใช่แค่คู่ขา.."
"ฉันก็จะบอกว่า ฉันไม่อยากเป็นแค่คู่ขากับนาย อยากเป็นคู่ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตลอดไป.."
อีกครั้งที่โยธินเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เรียวปากนุ่มจุมพิตริมฝีปากอุ่นแต่เพียงเบาๆ แต่กลับถูกอีกฝ่ายบดจูบกลับอย่างหนักหน่วง
"อื้อ~~ อือ~~ "
ภากรถอนริมฝีปากออกเมื่อดูดดื่มความหวานจนเต็มอิ่ม ร่างบางอ่อนระทวยตาปรือในวงแขน เห็นแล้วมันน่า..
"โจ.. "
"หืมม์.."
"ขอถามหน่อยได้มั้ย"
"อะไร.."
"คู่ชีวิตแปลว่า คู่รักรึเปล่า.."
ภากรซ่อนยิ้ม เขารู้ว่าโยธินต้องการอะไร..
"นายว่าใช่มั้ยล่ะ.."
"อย่ามาถามผมซี ผมถามคุณก่อนนะ.."
"เฮ้อ! เป็นพ่อคนแล้วนะโย.. ทำไมถามคำถามไร้เดียงสาแบบนี้ ใครจะยอมให้คนที่ตัวเองไม่รักมาเป็นคู่ชีวิตด้วย หือ.."
น้ำใสคลอระริกดวงตาคู่สวย
ความปีติยินดีเปี่ยมล้นในหัวอกจนไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้
"แปลว่า.. คุณก็รักผม..ใช่มั้ย.."
ใบหน้าคมเข้มโน้มลงกระซิบตอบและซุกไซ้ลำคอร่างบาง
"ไม่รักจะเรียกให้เข้ามาหาทุกคืนเหรอ หืมม์.."
"แต่คุณไม่เคยบอก..ว่า… รัก…" เสียงเริ่มสั่นเพราะถูกซุกซนหนักขึ้น
"ฉันบอกทุกคืน…นายไม่ยอมฟังเอง เอาแต่ร้องว่า…
เร็วกว่านี้อีก …" เสียงกระซิบแผ่วข้างหูทำให้กำปั้นของร่างบางทุบลงกลางหลังกำยำดังอั๊ก ๆ
"คนบ้า!! ลามก!!.. ไปบอกตอนนั้นใครจะรู้ว่าคุณรักผมจริง…"
"อ้าว! จะให้บอกตอนไหนล่ะ แล้วตอน Make love ถ้าไม่บอกรัก จะให้บอกว่าอะไรหือ.."
…อั๊ก ! ๆ …
"โอ๊ย! เจ็บนะ ทีนายล่ะ ไม่เคยบอกรักฉันสักคำ.."
"ผมก็บอกรักคุณทุกคืนเหมือนกัน คุณไม่ได้ยินเอง.."
"ล้อเล่นน่ะ บอกตอนไหน…"
"ตอน..เอ่อ.. ตอนที่คุณนอนหลับแล้วอ่ะ.."
ภากรส่ายหน้าก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มเนียนสูดดมความหอมหนึ่งฟอดใหญ่..
"ฉันรักนายโยธิน.. ถ้าไม่รัก.. ก็คงไม่ขอคบเป็นคู่ขาด้วยหรอก…"
"ผมก็รักคุณ โจ.. ถ้าไม่รัก.. ก็คงไม่บอกปีเตอร์ว่าคุณเป็นแฟนใหม่ของผมหรอก.."
ภากรสวมกอดร่างในอ้อมแขนแน่น ถ้าไม่ติดว่ามีลูกๆ นอนอยู่เบาะหลัง จะขอฉลองความรักที่มีให้กันซะตอนนี้เลย
"ปะป๊าขา ~ ~ หนูปวดฉี่ค่ะ.." อีกครั้งที่ปะป๊าและพ่อต้องผละออกจากกันพร้อมอาการสะดุ้ง หนูน้อยเจนนี่ลุกขึ้นนั่งกุมท้องน้อยสีหน้างัวเงีย โยธินปรับพนักเบาะเอนลงและอุ้มลูกมานั่งตัก
"ปวดมากมั้ยจ๊ะ…ลูก… ทนไหวมั้ย"
หนูน้อยส่ายหน้า คุณพ่อเลยแนะวิธีให้
"งั้นให้ปะป๊าพาไปฉี่ข้างรถนะจ๊ะ…"
โยธินกำลังจะเปิดประตูหนูน้อยก็ร้องเสียงหลง
"อือ… ไม่เอา.. เจนนี่จะฉี่ในรถ ฮือ.. ปะป๊า เจนนี่จะฉี่ไหลแล้วค่าาา.."
ปะป๊าหันไปขอความเห็นจากพ่อ แต่พ่อไม่ยอมสบตาด้วยรีบบึ่งรถออกทันที คิ้วเรียวขมวดมุ่นกับปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อร่างเล็กในอ้อมกอดสะท้านเหมือนกำลังปวดมากจนทนไม่ไหว จึงตัดสินใจคว้าแจ๊คเก็ตที่คลุมอยู่ที่พนักเบาะมาขยุกไว้ที่ตักตัวเอง ก่อนจะถอดกางเกงในลูกสาวออกและจับนั่งซ้อนกองเสื้อ
"ฉี่เลยจ้ะลูกจ๋า… ปะป๊าเอาผ้ารองไว้แล้วฉี่ได้เลยจ้าาา.."
หนูน้อยไม่มีข้อสงสัย ฉี่ตามที่ปะป๊าบอกทันทีเพราะปวดจนกลั้นไม่อยู่แล้ว
โยธินระบายยิ้มเมื่อลูกสาวตัวน้อยจัดการธุระของตัวเองเสร็จจนฉ่ำนองอยู่บนตักเขา
"ปะป๊า.. เจนนี่ฉี่เสร็จแล้วค่ะ.."
"จ้าา~~ สบายท้องแล้วใช่มั้ย.. เดี๋ยวถึงบ้านต้องอาบน้ำนะจ๊ะ ห้ามงอแงไม่อาบล่ะ…"
สาวน้อยพยักหน้าหงึก ปะป๊าสวมกางเกงในให้เสร็จก็ปีนกลับไปนอนต่อที่เบาะหลัง
ภากรชำเลืองมองร่างบางที่นั่งอมยิ้มอย่างสบายใจเมื่อจัดการธุระให้ลูกเรียบร้อยด้วยดี ถ้าเป็นเขาก็ยังนึกไม่ออกว่าจะให้ลูกฉี่ในรถยังไงโดยเฉพาะเด็กผู้หญิงด้วย แต่โยธินกลับแก้ปัญหาได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ…เห็นแล้วรู้สึกภูมิใจเหลือเกินที่เลือกคู่ชีวิตไม่ผิด… เอ๊ะ !! เอ๋… แต่ว่า.. สายตาเหลือบไปที่ปลายเท้าของคนข้างๆ แว่บหนึ่ง
"โย.."
"หือ.."
"เก่งมาก..ที่รัก… "
ใบหน้าหวานหันมาแย้มยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี.. m1 ( หัวใจดวงนี้กำลังมีรักนี่น่าาา… )
"ขอบคุณคร้าบ.. เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว.."
"ว่าแต่..ขอถามอะไรหน่อย.."
"อะไรเหรอ.."
"เอาอะไรรองฉี่ให้ลูกอ่ะ ?? "
"หา!!… อ๋อ !! แจ๊คเก็ตคุณไง ตัวใหญ่ดี ซับฉี่ลูกได้หมดเลย แหะๆ.."THE END
วางบิล
ค่าอาหารมื้อนี้ 4250 บาท
สำหรับสมาชิกเล้าเป็ด คุณโยธินลดให้ 10 %
เหลือ 3,825 บาท
Moderator 5 คน หมูพูห์ พี่แน๋ว thip poes และ sun ออกคนละ 300 บาท
สมาชิกที่เหลือ 13 คน ออกคนละ 200 บาทจะพักจริงแล้วนะ เดือนหน้าค่อยแวะมาใหม่
หวัดดีทุกๆ คน