[อ๋อง] วันหยุดสุดสัปดาห์ช่วงบ่ายๆ มักเป็นช่วงเวลาที่ร้านกาแฟเต็มไปด้วยผู้คน ถึงทุกโต๊ะจะถูกจับจองหมดแล้วแต่บรรยากาศโดยรวมก็ยังเงียบสงบมีบ้างที่บ้างครั้งมีเสียงหัวเราะน้อยๆ ดังขึ้นเป็นครั้งคราวแต่โดยรวมบรรยากาศร้านกาแฟในสวนแห่งนี้ก็ยังให้ความรู้สึกเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ผมสูดดมกลิ่นกาแฟจากเครื่องบดก่อนจะเผลอยิ้มออกมา จังหวะนั้นโมบายที่แขวนอยู่ตรงประตูร้านดังขึ้นพอดีกับที่ใครบางคนผลักเข้ามา
พี่โชคเจ้าของร้านยิ้มกว้างให้ลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ขณะที่ผมหลุบตามองพื้นทำทีเป็นสนใจกับการชงกาแฟตรงหน้า ถึงอย่างนั้นหูก็ยังแอบได้ยินบทสนทนาของลูกพี่ลูกน้องสองคนด้านหลัง
“เสียใจด้วยนะ โต๊ะประจำวันนี้ของเราไม่ว่างแล้ว ลูกค้าเยอะมาก”
พี่แกพยักพเยิดไปยังโต๊ะมุมหนึ่งที่เป็นโต๊ะประจำของพี่ดลทุกครั้งที่ฝ่ายนั้นแวะมาที่ร้านด้วยสีหน้าเพลียๆ เพราะเดินไม่หยุดตั้งแต่เช้า
“ไม่เป็นไรครับ”
พี่รหัสไอ้เปียวส่ายหัวยิ้มๆ
“วันนี้ผมมาช่วยเสิร์ฟที่ร้านครับพี่โชค”
“ถามจริง”
พี่โชคทำตาโตยิ้มกว้าง เนื่องจากวันนี้พนักงานที่ร้านลางานพร้อมกันสองคนทำให้เหลือเพียงผมและพี่ผู้หญิงต้องช่วยกันชงเครื่องดื่มและทำขนมรวมถึงเก็บโต๊ะและล้างแก้ว ขณะที่พี่โชคเองก็หัวหมุนกับการเสิร์ฟและรับออเดอร์ตั้งแต่ร้านเปิด การที่พี่ดลปรากฏตัวในช่วงสายๆ พร้อมกับเสนอตัวมาช่วยงานวันนี้เลยทำให้สีหน้าพี่โชคดูดีขึ้นนมาทันตา
“พ่อพระมาโปรดชัดๆ”
“แต่ขอค่าแรงเป็นกาแฟสักแก้วนะครับ”
พี่โชคหัวเราะชอบใจก่อนทำทีเป็นนวดไหล่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองเอาใจใหญ่
“เอสเพรสโซ่ของโปรดดล พี่จำได้ วันนี้พี่จะชงให้สุดฝีมือเลย ดลจะกินกี่แก้วพูดมาเลย”
คราวนี้ร่างสูงใหญ่ที่เดินไปคว้าเอาผ้ากันเปื้อนสกรีนโลโก้ร้านมาใส่หัวเราะน้อยก่อนจะส่ายหน้าหวือ
“แก้วเดียวพอครับ มากกว่านั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนกันพอดี
“เดี๋ยวร้านปิดแล้วจะสั่งบอนชอนมาเลี้ยงกัน โอเคมั้ยน้องอ๋อง” ท้ายประโยคเจ้าของร้านหันมาถามความคิดเห็นจากผม “วันก่อนเห็นเราบ่นว่าอยากกินไม่ใช่เหรอ”
ผมทำหน้าเหรอหราทันทีเพราะจำได้ว่าตัวเองไม่เคยพูดอะไรแบบนั้นออกไปแน่ๆ ขณะที่กำลังอ้าปากจะปฏิเสธเจ้าของร้านก็ขยิบตาให้ทีหนึ่งเป็นสัญญาณว่าให้เออออห่อหมกไปด้วยกัน สุดท้ายก็เลยตามเลย พี่ดลผละออกไปรับออเดอร์โต๊ะหนึ่งที่เข้ามาใหม่นั่นแหละเจ้าของร้านจึงเดินมาใกล้ผมแล้วกระซิบกระซาบเสียงแผ่ว
“เจ้าดลมาทีไรร้านพี่ขายดีทุกที”
เป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดนั้นแหละ จะเพราะเหตุผลเรื่องใบหน้าคมคายหรือรอยยิ้มอบอุ่นดูสุภาพจนทำให้ลูกค้าสาวๆ ติดออกติดใจหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาการที่พี่ดลโผล่มาช่วยเสิร์ฟหรือรับออเดอร์นั่นทำให้ลูกค้าสาวๆ หนาตามากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกับไก่บอนชอนนี่ครับ”
พี่โชคขำคิก
“เราชอบกินไม่ใช่เหรอ”
“ก็ใช่ครับ”
แต่มั่นใจว่าเขาไม่เคยเปรยๆ ว่าอยากกินต่อหน้าพี่โชคแน่ๆ
“ได้ยินแนนเล่าให้ฟังว่าเลิกงานชอบไปต่อกันที่ร้านไก่เกาหลีนี่” พี่โชคปุ้ยปากไปยังพยักหน้าสาวอีกคนที่เป็นรุ่นพี่ผมหลายปีและสนิทสนมกันพอสมควรจนชอบชวนกันไปหาร้านอร่อยๆ ทานตอนเลิกงานประจำรวมถึงสองคนที่ลาหยุดวันนี้ด้วย แน่นอนว่าไก่เกาหลีเป็นร้านโปรดร้านเดียวที่ผมไปเป็นประจำ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ไม่เห็นพี่โชคต้องลงทุนเลี้ยงอะไรพวกผมเลย พวกผมรับค่าแรงปกติพี่ยังเลี้ยงข้าวอีก ผมเกรงใจ”
“เอาน่า เลี้ยงเมนูโปรดเราตอนเลิกงานนี่แหละดีแล้ว ไอ้ดลมันถึงจะยอมอยู่จนร้านปิด”
“เกี่ยวอะไรกับพี่ดลครับ”
ผมมุ่นหัวคิ้วทันที
“ตอนที่เราไม่ได้มาทำพาร์ทไทม์ที่นี่ ไอ้ดลไม่มีทางโผล่มาที่ร้านให้เห็นหน้าหรอก หมอนั่นชอบคนเยอะซะทีไหน พี่เคยขอร้องให้มาช่วยเสิร์ฟเรียกลูกค้าซักก่อน เมื่อก่อนก็ไม่เคยสนใจ “
ผมรับฟังไปอย่างงงๆ
“แต่พอเรามาทำงานพิเศษร้านพี่นะ”
คราวนี้พี่โชคยิ้มกริ่ม
“ในหนึ่งอาทิตย์ไอ้ดลแวะมาที่ร้านห้าวัน”
ผมยืนอึ้งไปกับสายตาของคนตรงหน้าก่อนที่พี่โชคจะพูดอะไรต่อเลยทำทีเป็นหันไปล้างแก้ว
“ตอนแรกก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก บอกตรงๆ ว่าพี่ตามอารมณ์มันไม่ค่อยทัน บทจะนิ่งก็นิ่งจนน่ากลัว บทจะขยับตัวทีก็โคตรว่องไว”
“แล้วไงครับ”
“เรานี่น้า”
พี่โชคส่ายหัว
“มันมาเฝ้าอยู่ ไม่รู้ตัวเลยรึไง”
ผมเผลอกัดริมฝีปากตัวแน่นจนเจ็บ
ไม่อยากเข้าข้างตัวเองจนเกินไป ตั้งแต่วันที่ไปฟัดกับพวกหมาหมู่จนหน้าแตกยับนั่นดูเหมือนพี่ดลจะโผล่มาที่ร้านบ่อยจนน่าตกใจ ฝ่ายนั้นทำเหมือนปกติทั้งที่การกระทำไม่ปกติเอาซะเลย มีอย่างที่ไหน หากวันใดที่มาช่วยงานที่ร้านจนกระทั่งร้านปิดพี่มันต้องรอไปส่งที่หอประจำ หรือไม่หากผมขับรถมาเอง็พี่ดลก็จะขับรถตามไปส่งหอเหมือนระแวดระวังภัยให้ผมแบบเนียนๆ
ผมรู้ดีว่าพี่ดลไม่เชื่อว่าผมโกหกเรื่องใบหน้าแตกยับเพราะหกล้ม แต่ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมปริปากคัดค้านอะไรนอกจากทำตัวเงียบเชียบเหมือนไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อน
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ตอนที่เหลือบตาไปมองแผ่นหลังกว้างที่กำลงยืนรับออเดอร์ลูกค้าอยู่ พี่ดลยืนอยู่โต๊ะนั้นพักหนึ่งแล้วแต่ดูเหมือนสาวๆ กลุ่มใหญ่จะไม่ปลงใจสั่งอะไรสักที ซ้ำยังชวนพี่ดลคุยไม่หยุดด้วยสีหน้าเบิกบานอารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น
ผู้ชายหล่อเหลาซ้ำยังดูสุภาพ ใครๆ ก็ชอบกันทั้งนั้น
ไม่ต้องพูดถึงนิสัย การศึกษาหรือฐานะ คุณสมบัติเพียบพร้อมแบบนั้นยิ่งชวนให้หวั่นใจ แต่สำหรับผมคุณสมบัติทั่วไปไม่ได้ทำให้ผมหวั่นไหวอะไรเลย ยกเว้นแววตาที่แสดงออกอย่างความจริงใจนั่นต่างหากที่กำลังสั่นคลอนใจผมทุกครั้งที่ได้รับมันจากอีกฝ่าย
“พี่ฝากชงเอสเพรสโซ่ให้ดลหน่อยสิ”
“หือ”
ผมทำหน้าฉงนเพราะก่อนหน้านี้พี่โชคยังรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะแสดงฝีมือชงกาแฟให้ลูกพี่ลูกน้องตัวเองกินอยู่เลย
“พี่ชงมันก็อร่อยอยู่หรอก”
พี่โชคพูดยิ้มๆ
“แต่เราชงคนกินน่าจะทั้งอร่อยทั้งอิ่มใจ”
“ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยครับ”
ผมส่ายหน้าหวือ
“พี่ดูดวงเป็นนะ อ๋องเชื่อมั้ยล่ะ”
“จริงเหรอครับ”
ผมขยับตัวสนใจเรื่องที่เจ้าของร้านพูดทันที
“ให้พี่ทำนายนะ สาวๆ กลุ่มนั้นน่ะ รับรองว่าวันนี้จนกว่าจะเช็คบิลต้องเรียกไอ้ดลไปรับออเดอร์อีกแน่ๆ”
พี่แกยิ้มตาพราว ก็แน่ล่ะคนเสิร์ฟเป็นอาหารตาขนาดนี้ใครจะไม่อยากเรียกรับออเดอร์ ผมส่ายหัวให้คนที่อวดอ้างตัวเองเป็นหมอดูก่อนจะยิ้มขำๆ
“ไม่เป็นหมอดูก็ทำนายได้ครับ พี่เล่นส่งของดีไปรับออเดอร์แบบนี้ ใครๆ เขาก็ต้องชอบกันทั้งนั้นแหละครับ”
“แล้วเราชอบมั้ย”
หือ
ผมชะงักไปขณะที่อีกฝ่ายยิ้มตาพราว
“เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับผมนะครับพี่โชค”
“โธ่อ๋อง”
พี่โชคส่ายหัวยิ้มๆ
“แต่ว่านะถึงพี่จะดูหมอไม่แม่น แต่เรื่องของอ๋องพี่ว่าพี่ดูไม่พลาดนะ”
ผมทำหน้าระแวงอีกฝ่าย
“เรื่องของผมทำไมครับ”
“สนใจอยากมีแฟนรุ่นพี่มั้ยล่ะ”
ผมหุบปากฉับทันทีเมื่อเห็นแววตาล้อเลียนของอีกฝ่าย
“ทายาทบริษัทนำเข้าอุปกรณ์กีฬาเลยนะ ถ้าเรายังไม่มีใคร ทำไมไม่เปิดใจให้น้องชายบ้างล่ะ เทียวมาเฝ้าจะจนเป็นเดือนแล้ว พี่ว่าลูกพี่ลูกน้องพี่คนนี้คุณสมบัติก็เข้าเค้านะ”
ผมทำตาปริบๆ ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อคนในหัวข้อสนทนามาหยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์
“มีอะไรรึเปล่า”
พี่ดลถามอย่างสงสัยที่เห็นผมทำหน้าตื่นๆ ขณะที่ลูกพี่ลูกน้องตัวเองกำลังยิ้มกว้างแบบนั้น
“ไม่สบายเหรอ ทำไมหน้าซีด”
ผมเอียงใบหน้าหนีฝ่ามือที่ยื่นมาหมายจะแตะหน้าผาก
“เปล่าครับ”
ผมทำทีเป็นสนใจออเดอร์ในใบออเดอร์ที่อีกฝ่ายวางไว้ตรงเคาน์เตอร์แล้วเดินผละออกไปชงกาแฟทันที
“เป็นอะไร”
ผมกัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บเพราะพี่ดลขยับมาใกล้ สีหน้าอีกฝ่ายดูกังวลที่เห็นผมทำหน้าประหลาดๆ แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้
“พี่ช่วย”
ผมหน้าร้อนวาบเมื่อได้เสียงหัวเราะน้อยๆ ของพี่โชคที่ยืนอยู่ด้านหลัง
โคตรแย่
ทำไมหัวใจถึงเต้นแปลกๆ วะ
“ผมทำเองได้”
“พี่ทำอะไรให้เราไม่พอใจรึเปล่า”
เสียงทุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล ผมถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะเงยหน้าสบตากับอีกฝ่าย แววตาของพี่ดลเหมือนมนต์สะกด เพราะมันทำให้ผมเผลอกลั้นหายใจไปโดยไม่รู้ตัว
แววตาที่ดูอ่อนโยน
“เปล่า”
โกหกอีกแล้ว
“อืม”
“...”
“นึกว่าไม่พอใจ”
“...”
“ถ้าเรารู้สึกแบบนั้น บอกพี่นะ จะพยายามไม่ให้เราโกรธ”
พูดเหมือนแคร์ แน่นอนว่าทำให้คนอ่อนแอหวั่นไหว
“แล้วถ้าผมโกรธพี่จริงๆ พี่จะทำยังไง”
“ก็คงพูดว่าพี่ขอโทษนะ”
.
.
เพล้ง
“ขอโทษครับพี่โชคผมทำแก้วแตก”
ผมหน้าเสียขณะที่พี่โชคหัวเราะจนไหล่สั่น ส่วนเจ้าของคำขอโทษนั้นยังจับต้นชนปลายไม่ถูกถึงได้ทำหน้างงๆ อยู่ตอนนี้
“แขนอ่อนเลยเหรออ๋อง”
ผมเบะปากให้เจ้าของร้าน
“วันนี้แขนอ่อน ระวังวันหน้าจะใจอ่อนนะ”
- J E E B -
สัปดาห์หลังจากช่วงสอบแล้วกิจกรรมต่างๆ พากันโหมเข้ามาไม่หยุดหย่อนอีกไม่ถึงเดือนจะถึงกิจกรรมสำคัญอย่างงานฟุตบอลประเพณี แน่นอนว่าช่วงนี้คณะผมที่ทำหน้าที่สวัสดิการต้องวิ่งส่งข้าวส่งน้ำคณะอื่นๆ ซึ่งทำหน้าในส่วนต่างๆ ช่วงนี้ไอ้โต้งซ้อมหนักมากจนแทบไม่เห็นหน้าผมเลยยกเว้นตอนไปส่งข้าวที่สนามกีฬาเท่านั้น ช่วงนี้ปีหนึ่งคนที่ไม่มีกิจกรรมพิเศษอะไรจะถูกรุ่นพี่เกณฑ์ไปส่งข้าวและบางส่วนจะไปช่วยอาจารย์ที่คณะและนักวิทยาศาสตร์การกีฬารุ่นพี่เตรียมทีมนักฟุตบอลนั่นทำให้ผมเจอพี่ปั๊บอยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีเวลาคุยกันมากหรอกเพราะฝ่ายนั้นเองก็ซ้อมหนัก ส่วนใครอีกคนที่ชอบทำเหมือนเหม็นขี้หน้าพี่ปั๊บทุกครั้งที่พูดถึงก็หายไปเลยช่วงนี้
ผมได้ยินจากไอ้โต้งว่าพี่เซียนเองก็ซ้อมหนักเพราะเคยเป็นคทากรปีที่แล้วทำให้ปีนี้ต้องทำหน้าที่เดินถือคทาอยู่ในขบวนตอนเดินเข้าสู่สนามในพิธีเปิดและปิดด้วย คงจะหนักอยู่หรอกเพราะขนาดว่าช่วงนี้ผมไปติวให้น้องซอและสาวๆ ที่คอนโดพี่มัน ผมยังไม่ค่อยเห็นพี่เซียนกลับมาห้องทันช่วงที่ติวกันเลย วันนี้ก็คงเหมือนทุกๆ ครั้งนั่นแหละ
ผมยักไหล่ตอนที่เหลือบตามองนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว สาวๆ กำลังเก็บหนังสือเรียนเตรียมตัวกลับผมเองก็เช่นกัน ระหว่างนั้นผมเดินเช็คอุปกรณ์ไฟฟ้าในห้องเพื่อตรวจดูว่าคงไม่มีเสียบปลั๊กอะไรไว้ ก่อนจะเดินไปรวมกับสาวๆ น้องซอมีกุญแจและคีย์การ์ดห้องพี่ชายผมเลยถือโอกาสเตรียมตัวกลับพร้อมอีกฝ่าย จริงๆ แล้วพี่เซียนเองเคยเอ่ยปากว่าจะให้คีย์การ์ดผมเอาไว้ แต่ผมปฏิเสธไป มันค่อนข้างจะประหลาดไม่น้อยในเมื่อฐานะของผมกับพี่มันตอนนี้ไม่ได้ใกล้ชิดจนสามารถถือครองกุญแจห้องของอีกฝ่ายโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
แกรก
จังหวะที่กำลังหยิบรีโมทมาปิดแอร์ ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาพร้อมกับเจ้าของห้องเดินถือเป้ลากเท้าเข้ามาสภาพดูเพลียๆ สาวๆ พากันยกมือไหว้แล้วส่งเสียงทักทายพี่เซียนกันเกรียวกราว
“จะกลับกันแล้วเหรอ”
“ค่ะพี่เซียน”
น้องซอเป็นคนตอบคำถาม
“คุณลุงคนขับรถบอกว่าใกล้ถึงแล้ว”
พี่เซียนพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะหันมากดยิ้มมุมปากให้ผม
“เดี๋ยวพี่ลงไปส่ง”
“ค่ะ”
ผมเดินตามสาวๆ ออกไป แต่อีกฝ่ายคว้าข้อมือผมเอาไว้แล้วกระตุกเบาๆ
“หือ”
“จะกลับแล้วเหรอ”
“ครับ”
พี่เซียนไม่พูดอะไรแต่ปลดเป้ที่ผมสะพายอยู่โยนไปไว้ที่โซฟาแล้วดุนแผ่นหลังผมให้ออกเดิน
“หิวว่ะหมู”
ผมไม่มีโอกาสขยับไปคว้าเป้คืน เมื่ออีกฝ่ายไม่ปล่อยโอกาสให้ผมได้ทำอย่างที่ตั้งใจ
“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย”
“เรียกใครหมู”
ผมแยกเขี้ยวให้พี่มัน
“มึงไง”
พี่มันโยกศีรษะผมทีนึงก่อนจะเดินเอาแขนพาดไหล่ แน่นอนว่าการกระทำแบบนั้นทำเอาสาวๆ ตาโตโดยเฉพาะน้องซอที่ฉีกยิ้มด้วยแววตาเหมือนรู้อะไรบางอย่างแบบนั้น
“ปล่อย”
กระซิบบอกพี่มันก่อนจะขยับตัวยุกยิก แต่อีกฝ่ายดันเพิ่มแรงฟาดหนักขึ้น ผมขยับตัวลำบากเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
“กูเมื่อยแขน วันนี้ถือคทาค้างอยู่เป็นชั่วโมง โคตรเมื่อยเลย”
“น้องมองอยู่”
พี่เซียนไม่พูดอะไรเพียงไปแต่หันไปยักคิ้วให้น้องสาวตัวเอง แน่นอนว่ากิริยานั้นทำให้อีกสองสาวพากันกลั้นยิ้มจนหน้าดำหน้าแดง
“ยิ้มอะไรกันเด็กพวกนี้”
สาวๆ พากันส่ายหน้าหวือ ผมทนปั้นหน้านิ่งจนกระทั่งเดินมาส่งสาวสามใต้คอนโดที่มีรถคันหนึ่งรอรับอยู่แล้ว ผมสังเกตว่าสาวๆ ดันไหล่กันก่อนจะพยักพเยิดมาทางผมเหมือนพยายามจะดันกันไปมาและสุดท้ายน้องซอเป็นตัวแทน
“พี่เซียน”
“ว่าไงยัยแสบ”
น้องซอทำปากจู๋ใส่พี่ชายทันที
“ถามอะไรก่อนกลับได้มั้ยคะ”
“ว่า”
“พี่เซียนกับพี่เปียวเป็นอะไรกัน”
ผมยืนอึ้งหันขวับมาทางคนข้างกายทันที ขณะที่คนถูกถามยิ้มน้อยๆ โคลงศีรษะไปมา
“กำลังจีบ วันนี้เลยเป็นแค่พี่น้อง”
“แล้วเมื่อไหร่จะจีบติด”
คำถามแก่แดดของน้องซอทำเอาผมหน้าแดงวาบ
“ถามดูสิ”
พี่เซียนปุ้ยปากมาทางผม
“พี่อยากเปลี่ยนสถานะจะแย่แล้ว”
ตายไปเลยครับ
.
.
ผมทำหน้ามุ่ยตอนที่นั่งรออาหารตามสั่งที่ร้านอาหารในซอยใกล้ๆ คอนโด แน่นอนว่าต้นเหตุที่ทำให้ผมทำหน้ายุ่งตอนนี้กำลังนั่งยิ้มจนน่าหมั่นไส้ ไอ้พี่เซียนแม่งพอพูดแบบนั้นออกไปปุ๊บนั่นทำเอาสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันจนผมตกใจ กว่าจะต้อนขึ้นรถได้ทำเอาผมหน้าแดงจนจะสุกอยู่แล้ว
“ขอโทษนะคะ”
ขณะที่กำลังทำปากขมุบขมิบใส่อีกฝ่ายนั่นมีหญิงสาวคนหนึ่งที่จำได้ว่าก่อนหน้านี้มารับออเดอร์เดินมาหยุดตรงหน้าท่าทางนอบน้อม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นลูกสาวเจ้าของร้านนี่แหละ
“ช่วยทำแบบสอบถามนี่ให้หน่อยค่ะ”
ผมเหลือบตามองกระดาษที่มีข้อความยาวเป็นพรืด
“พอดีสำนักงานเขตจะทำข้อมูลผู้ใช้บริการร้านอาหารแถบนี้ค่ะ เขาเลยเอามาฝากที่ร้านให้ลูกค้าช่วยทำ ขออนุญาตรบกวนหน่อยนะคะ”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก ขณะที่เธอเหลือบไปมองพี่เซียนที่สนใจอยู่กับโทรศัพท์ ถ้าให้เดาเธอคงอยากให้ไอ้พี่เซียนช่วยทำแบบสอบถามด้วย แต่คงเกรงใจคนที่มุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง ผมเลยยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นมือไปขอแบบสอบถามอีกใบ
“พี่เซียน”
ผมสะกิดมืออีกฝ่ายตอนที่หญิงสาวคนนั้นผละออกไปแล้ว
“ช่วยเค้าตอบแบบสอบถามหน่อย”
พี่มันทำหน้าเนือยๆ แต่ก็พยักหน้าหงึกหงัก
“เดี๋ยวผมอ่านให้ฟัง แล้วพี่ตอบนะ ผมจะเขียนตอบให้”
เห็นว่าดูเหนื่อยๆ หรอกถึงอำนวยความสะดวกให้พี่มัน
“อายุ”
“20”
“สถานะ”
“โสด”
พี่มันพูดยิ้มๆ
“แต่อยากมีเจ้าของ”
ผมหน้าแดงวาบทันทีก่อนจะทำปากยื่นใส่อีกฝ่าย
“ชอบกินอาการประเภทใด”
“มึงก็รู้นี่”
ผมพยักหน้าหงึกหงัก
“ชอบกินไข่เจียวใส่หอม กินเผ็ดได้บ้าง ไม่กินเค็ม และเกลียดมิ้นท์”
ผมบรรยายลักษณะนิสัยการกินของอีกฝ่าย
“เก่ง”
ผมหลุบตามองพื้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย
หน้าร้อนเลยสัด
“ส่วนมึง”
“...”
“ชอบกินมิ้นท์”
“...”
“กินทุกอย่าง”
ผมค้อนให้พี่มัน
“แต่ที่เห็นกินบ่อยๆ คือผัดซีอิ๊ว”
นั่นคือเมนูที่ผมเคยเพิ่งสั่งไปเมื่อกี้และเป็นเมนูประจำที่เวลาไปร้านตามสั่ง
“ชอบขนมและของหวานทุกอย่างที่เป็นรสมิ้นท์”
“...”
“ชอบกินผัก”
ถูกหมดทุกอย่าง
ผมนั่งอึ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าพี่มันจะสังเกตรายละเอียดของผมได้แม่นยำขนาดนี้
“ส่วนสถานะ”
พี่มันพยักพเยิดให้ผมตอบคำถาม
“โสด”
ผมทำเสียงอุบอิบในลำคอ
“โสดเหมือนกันเลยนี่”
พี่เซียนเท้าคางพูดยิ้มๆ
“ไม่อยากเปลี่ยนสถานะบ้างเหรอ”
“พี่”
หัวสมองผมขาวโพลนทันที
“อย่าเพิ่งนะ”
ผมลูบอกตัวเอง
“เบาๆ หน่อยเหอะ รุกผมจังวะ”
ตอนที่เอามือทาบอกนั่นหัวใจผมเต้นระรัวจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก พี่เซียนยิ้มพอใจไม่มีใครรู้ว่าใต้โต๊ะนั่นปลายเท้าของพี่มันกำลังเขี่ยปลายเท้าผมเล่นอยู่
“พี่เซียน”
ผมพูดเสียงอ่อยๆ ขยับปลายเท้าหนีแต่อีกเท้าก็ขยับมาแกล้งเขี่ยเล่นเหมือนเดิม
“ครับ”
“ขอสูดลมหายใจแรงๆ สักทีก่อน”
คราวนี้พี่เซียนหัวเราะจนไหล่สั่นมือข้างหนึ่งเอื้อมมาโยกศีรษะผมอย่างมันเขี้ยว
“หมูอวกาศเอ้ย”
ผมยิ้มเขินๆ ขณะที่พี่เซียนนิ่วหน้าไปเล็กน้อย คงเพราะรู้สึกตึงๆ ที่หัวไหล่ล่ะมั้ง
“ซ้อมหนักมากเหรอพี่”
“อืม ถือคทาเป็นชั่วโมง ดีว่าสวัสดิการส่งข้าวส่งน้ำฟรี พี่เลี้ยงคทาก่อนมีของกินมาเลี้ยงบ่อยๆ เพื่อนมึงเลยซัดเกลี้ยงทุกวัน”
ผมยิ้มน้อยๆ นึกถึงไอ้โต้งที่กระเพาะหลุมยิ่งมันซ้อมหนักแบบนี้คงกินเต็มคราบแน่ๆ
“น่าอิจฉาพวกคทากรเนอะ”
“อิจฉาทำไม”
“เป็นคทากรมีแต่คนเอาใจ ส่งข้าวส่งน้ำ มีสาวๆ ไปนั่งรอให้กำลังใจเต็ม รู้งี้ไปสมัครคัดเลือกแบบคนอื่นบ้างก็ดี”
ผมพูดขำๆ
“ไม่ดีหรอก”
พี่เซียนส่ายหัว
“อะไรไม่ดี”
“เป็นคทากรไม่ดีหรอก”
พี่เซียนมองหน้าผมตรงๆ
“ทำไม”
“เป็นแฟนกูนี่แหละ...ดีที่สุด” ตายวนไป
ตายไปเลย
- J E E B -
ขอบคุณที่รออ่านและคอมเมนต์ให้กำลังใจเรานะคะ มันมีคุณค่ากับเราจริงๆ
หวีดในทวิตติดแท็ค #ชอบก็Jeeb ให้ด้วยนะคะ