Imprison 22: อย่าคิดถึงแต่ใจเรา นึกถึงใจเขาเสียบ้าง
ผมเดินเข้าไปในห้องขังอย่างเบื่อๆ หลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว..ไม่ได้สนใจจะไปดูหนังดูข่าวอะไรกับชาวบ้านเขา เข้าไปนั่งทอดหุ่ยเงียบๆคนเดียวในห้องขังที่ไม่มีใคร..ห้องอื่นๆก็มีคนประปรายคนสองคน หลายคนหันมามองผม แต่ผมไม่สนใจ..ผมทรุดตัวลงนั่งบนพื้นคว้าเอาผ้าห่มเน่าของตัวเองมากอดแน่น..ด้วยอารมณ์เบื่อเซ็งอย่างมากมาย..
จะว่าไปแล้ว ชีวิตหลังจากโดนกระทืบของผมก็ไม่ได้เลวร้ายสักเท่าไหร่ ถึงแม้จะโดนชกโดนต่อยบ่อยขึ้นด้วยความวอนตีนของตัวเอง แต่ก็ใช่จะมีอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้โดนเรียกไปส่งของส่งยาแบบคนอื่น..คงดูท่า รอผมปรับสภาพจิตตัวเองก่อนมั้ง คงรอให้ผมเชื่องกว่านี้อีกสักนิด แล้วค่อยใช้งาน ส่วนสภาพตอนหลับนอน...ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร ถึงจะเหม็นกลิ่นฉี่กลิ่นส้วม ยุงจะบินว่อนจะแทบหามจนผมต้องนอนเกาทุกคืน หรือเสียงกรนสนั่นข้างๆหู...ก็ยังดีกว่าจะมานอนเกร็งอยู่กับคนที่ผมเห็นหน้าแล้วอยากจะอ้วก อยู่ใกล้แล้วขนลุก..มันเป็นแบบนั้นแหละครับ..อย่าหาว่าผมกระแดะ..
ผมจับปลายชอล์คสีขาวที่แอบจิ๊กมาจากห้องเรียนเขียนลงบนผนังห้องช้าๆ..ในซอกหลืบเล็กๆ..นับวันเวลาแล้วเหนื่อยใจ..สี่อาทิตย์...สี่อาทิตย์เองที่ผมมาอยู่ที่นี่...รู้สึกเหมือนอยู่มาซักสิบปี..
ถอนใจแล้วเก็บชอล์คเข้าไปในหมอนต่อ..สี่อาทิตย์เท่ากับเดือนหนึ่ง..ต้องรออีกสองเดือนกว่าแม่จะมาเยี่ยมได้..เฮ้อ...แล้วตอนนี้แม่จะทำอะไรอยู่ น้องจะทำอะไรอยู่ เพื่อนๆจะทำอะไรกันอยู่น่ะ
..คิดแล้วอดสมเพชตัวเองไม่ได้..บางที...ผมก็แอบคิด..ว่าถ้าย้อนเวลากลับไป..แล้วผมไม่ทำแบบนั้น..ตอนนี้ผมจะเป็นยังไงน่ะ...
ผมอาจจะใส่ชุดนักศึกษาสีขาวตัวใหม่ นั่งโอดโอยในวันรับน้อง แล้วบ่นรุ่นพี่ลับหลังกับเพื่อนๆ เข้าคลาสเรียนกับอาจารย์เก่งๆ..จับไวโอลินมาเล่นแล้วก็ขัดเช้าขัดเย็น แล้วช่วยแม่ขายของไปตามเรื่อง อาจจะเป็นเพื่อนกับเด็กศิลปกรรมแนวๆสักคนแบบที่ผมฝัน..อยากมีเพื่อนแบบโน้นแบบนี้ ไปเที่ยวไปทำกิจกรรมกัน..ไปหม้อสาว แล้วหาแฟนซักคน... นี่ก็ความฝันสวยๆของผม..กับช่วงเวลาที่เขาว่า “สนุกที่สุดแล้ว”ในชีวิต
...แต่ตอนนี้....
ภาพลูกกรงสี่เหลี่ยมและพื้นซีเมนต์เย็นจัด ทางเดินมีแสงสว่างสลัวๆเปิดไว้ และลูกกรงหลายๆชั้นที่ซ้อนกันเป็นประตูปิดเปิดเวลาเข้า – ออก ภาพที่เห็น..ภาพความจริงในชีวิตที่แสนจะโหดร้าย..ทำเอาผมร่ำๆอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้..
สถานที่แห่งนี้..มันไม่เหมาะกับผมเลยซักนิด..
โดนกักขัง โดนทำร้าย ..แต่...มันก็เพราะผลกรรมของผมทั้งนั้น...แม้มันจะไม่เหมาะกับผม หรือมันจะทำลายชีวิตและทำร้ายผมยังไง..แต่..มันก็เป็นผลตอบแทนสิ่งที่ผมทำลงไป..ไม่มีสิทธิ์โอดครวญอะไรทั้งนั้น
...ทว่าบางที...มันก็เหนื่อยจนอยากหนีความจริง..จนแอบคิดไม่ได้...ถ้า...ถ้ามันไม่เป็นแบบนี้..ถ้าผมไม่ได้อยู่ที่นี่...ถ้า...
ผมถอนใจเฮือกแล้วสะบัดหัวตัวเองแรงๆ เอามือลูบหน้าขึ้นลง..พร่ำเพ้อพาสิ่งที่เป็นจริงไม่ได้มันก็เท่านั้น..สู้ทำใจให้สบายที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า...
แอ๊ด....
เสียงลูกกรงประตูเปิดออกทำให้ผมขมวดคิ้ว หันขวับไปมองคนที่เดินเข้ามา..
“..เป็นยังไงบ้าง...” คำถามจากคนตรงหน้าทำเอาผมชะงัก..มองหน้าพี่กันย์แล้วแอบสงสัย กับประเด็นที่ค้างคาในหัวนิดหน่อย..คนๆนี้จะนึกเสียใจมั้ยน่ะ..เคยคิดบ้างมั้ย..ว่าถ้าเขาไม่อยู่ตรงนี้..ถ้าเขาไม่ทำความผิดลงไป..ชีวิตของเขา จะเป็นยังไง จะรุ่งเรืองหรือสวยสดงดงามแค่ไหน..คิดบ้างรึเปล่า..
“..ผมไม่เป็นไร..” ส่ายหัวตอบ พี่กันย์ถอนใจแล้วทรุดตัวลงขัดสมาธิตรงหน้าผม คว้ามือขวามามอง..
“..หมายถึงที่นิ้ว..ถ้าเป็นเรื่องที่หน้า หรือตัว ก็ไม่อยากถามคนชอบหาเรื่องหรอก..” ว่าพลางก้มมองนิ้วหัวแม่โป้งขวาของผม..ไอ้เนมหน้าบึ้งเมื่อโดนตำหนิ..กลายเป็นพวกเดียวกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ..
“..ไม่ได้หาเรื่อง..แต่มีคนมาหาเรื่องก่อน “ ตอบกลับเสียงแข็ง ครับๆขาๆชักจะไม่เหลือ แต่ไอ้คำหลังน่ะ ไม่มีแต่แรกแล้วน่ะ
“..ก็เป็นซะอย่างนี้..ทำไม่ไม่หัดยอมคนเสียบ้าง แรกๆก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้ เริ่มกลายเป็นคนก้าวร้าวไปตั้งแต่เมื่อไหร่...?..ไม่เข้าใจเลยจริงๆ..ว่าทำไมต้องทำตัวแบบนี้...”
“...งั้นเหรอครับ?..” ถามกลับ..มองหน้าคนที่พูดออกมา..หึ..น่าขำ...
“..จะบอกว่า...คนอย่างพี่...ก็เห็นแก่ตัว ขี้ขลาด..และก็ขี้แพ้..ไม่ต่างกับคนอื่นเลยสิน่ะ..” คนตรงหน้าพูดขึ้นราวกับจะเดาใจผมได้..ซึ่งมันก็ใช่..ผมมองหน้าคนพูด ยิ้มหยัน
“..แล้วเนมคิดว่า..ตัวเอง..จะกล้ายืนหยัดต่อสู้..แบบ..โง่ๆ...อย่างนี้..ไปอีกนานแค่ไหน..”
“..............”
...ยืนหยัดต่อสู้...แบบโง่ๆ....
ด้วยวิธีการของคนโง่?....
คำพูดนี้..ออกมาจากปาก ของคนตรงหน้านี้แน่หรือ?.
รอยยิ้มของคนตรงหน้ายังเหมือนเดิม..ดูจริงใจ..และเอื้ออารี..แต่นาทีนี้..ผมกลับรู้สึกหนาวยะเยือก..เมื่อสบมองมัน...
“..คนที่ไม่ทำ..ไม่พูด..ไม่แสดงออก...ไม่ได้หมายความว่าไม่คิดหรอกน่ะ..”
“..หัดทำตัวเป็นผู้ใหญ่ซะบ้าง ความคิดแค้นไม่จริงจัง กับการกระทำเหมือนเด็กๆ..มันใช้ไม่ได้ในนี้หรอก..”
“..พูดเหมือนพี่มีวิธีที่ดีกว่านั้น..” ผมทำเสียงขึ้นจมูก..มองหน้าคนพูด “..แล้วความคิดเด็กๆ..อะไรกัน..คิดว่าผมโง่นักรึไง?..”
“..งั้นเหรอ?...” พี่กันย์ยิ้มในหน้า ใบหน้ายิ้มแย้มค่อยก้มมองนิ้วโป้งของผมอีกครา
“..แต่เชื่อมั้ยล่ะ..อีกไม่เกินสามวัน..ไอ้ความเกลียดนักหนาที่พร่ำเพ้อคร่ำเคร่งบ้าบออยู่ตอนนี้..ก็จะหายไปแล้ว..”
“.............” คำพูดนั้นทำให้ผมชะงัก..มองหน้าคนพูด...ในสายตาของพี่กันย์..ผมมันเด็ก..ขนาดนั้นเลยเหรอ?..ผมมันโง่..ลืมง่าย..และทนทานต่อความเจ็บปวด ขนาดนั้นเชียว..
“...แล้ว...คนฉลาด...คิดว่าผมควรจะทำตัวยังไงล่ะ..” ผมกระแทกเสียงใส่..สายตาวาววับ
“..นั่นสิน่ะ...”
รอยยิ้มเรื่อยๆนั้นยังประทับบนริมฝีปากไม่คลาย ดวงตาหันมาสบมองตา..เลิกคิ้วน้อยๆ..
“..มันก็ขึ้นอยู่กับว่า..จะเกลียดจนอยากฆ่าให้ตาย...เหมือน....” ว่าพลางบุ้ยปากไปทางซ้ายของห้องขัง..ผมมองตาม..แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือก...กับสายตาดุดันที่จ้องมองมา..ผู้ชายคนหนึ่ง..จ้องมองมาที่ผมกับพี่กันย์..ดวงตาดุดัน น่าเกรงขาม สายตาเข้ม..ใบหน้าเหี้ยมโหด..และ..สายตาของผู้ชายหลายคนรอบห้องขังที่จ้องมองมาตรงๆ..ด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความปรารถนาร้าย
“..หรือว่าแค่อยาก ..แก้เผ็ด...อยากทำให้เขาเห็นว่าตัวเองมีความสามารถ มีความสำคัญ....อยู่บ้าง.....ก็....” เอ่ยแล้วพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกพรืด.. ไม่ต้องบุ้ยใบ้มาให้ใคร..ผมก็พอรู้..ว่าคำนั้นมันเหมือนด่าตัวผม..เยาะเย้ยความงี่เง่า...ไม่ได้เรื่องราว กับหัวคิดไร้สาระของตัวผมเอง..
“..แต่มาถึงขั้นนี้..จะถอยหนีก็ยากแล้วล่ะ...” พูดออกมาเรียบๆ แต่ผมกลับรู้สึกถึงความปวดแปลบตรงปลายนิ้ว..รีบก้มมองนิ้วโป้งตัวเองทันควัน แต่ไม่ทันเสียแล้ว เพราะความเจ็บปวดแล่นวายจนผมร้องจ๊าก..
โอ๊ย !!!!!!!
“..คิดว่าคงจะดีขึ้นแล้วล่ะ...”
“..ที่สำคัญ..นักดนตรี..ต้องมีความอ่อนโยนน่ะ..รู้มั้ย?..”
หึ..ทำมาเป็นเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย..นี่ตลอดมา ผมโดนหมาป่าห่มหนังแกะหลอกมาตลอดใช่มั้ยเนี่ย..
..แต่ไอ้เนมก็ตัดสินใจเขวี้ยงความเคืองใจนี้ทิ้งไป... อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำร้ายอะไรผม..ในเมื่อตัวเองไม่ได้เดือดร้อน แถมยังได้รับผลประโยชน์..จะสนใจมันทำไมนัก..
...หืม...ก็แค่เรื่องง่ายๆ..จะเคยโกรธแค้นหรือถูกหลอกแค่ไหน..คนเรา ก็สามารถจับมือกันได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อผลประโยชน์ไม่ใช่เหรอ?..
แล้วนับประสาอะไร...กับคนที่คอยดูแลผมมาตลอด ทำดีกับผมมาตลอดกัน..
...อีกอย่าง..ถ้าเนียนได้แบบนี้..ก็ไม่เลวนักหรอก..
“...ตอนนี้ผมไม่ได้เล่นมัน..แล้วอีกอย่าง..ความอ่อนโยน..มันก็ชนะทุกอย่างไม่ได้หรอก..”ผมว่า..พลางมองคนที่ขยับนิ้วโป้งผมไปมา..เหมือนตรวจอะไรสักอย่างอยู่เงียบๆ..ทั้งที่เมื่อกี้..เพิ่งจะดึงนิ้วผมจนเจ็บแปลบ
“..ก็เลย..เป็นซะแบบนี้..” พี่กันย์ว่าพลางเอามือมาจิ้มแผลผมเบาๆ “..มีแผลไปซะทั่ว..แต่รู้ไหม ในสายตาของคนรักษาน่ะ แผลพวกนี้ มันไม่ใช่เรื่องสนุกหรอกน่ะ “
“..พูดถึงรักษา...” ผมชะงัก นึกบางอย่างขึ้นมาได้ “..พี่....เคยเป็นหมอ...รึอะไรทำนองนี้มาก่อนรึเปล่า..”
“..อืม...เป็นนักศึกษาแพทย์น่ะ..” คนตรงหน้ารับคำผมเบาๆ..ผมหันไปมองหน้าพี่กันย์..นักศึกษาแพทย์..หมอ..แล้วต้องมาติดคุก..มาอยู่ที่นี่..ตรงนี้...
“..พี่ไม่เสียใจบ้างรึไง?..” ผมได้ยินเสียงตัวเองเบาแทบกระซิบด้วยความตกใจ..
“..เสียใจสิ...เสียใจมาก...แต่ยังไง..ก็ไม่มีทางกลับไปแก้ไขอะไรได้..เลยต้องยอมรับ..ต้องทนอยู่ให้ได้..เพราะอย่างน้อย..ในนี้ก็ยังมีคนยอมรับในตัวพี่..ยังได้รักษาคนที่เจ็บป่วยบ้าง..แค่นี้ก็พอแล้ว..” เอ่ยพลางหันมามองหน้าผม...ลูบหัวผมเบาๆ
“..ความรู้สึก...ของการสูญเสีย..สิ่งที่เราไม่อาจจะเอากลับคืนมาได้..พี่เข้าใจดี..”พี่กันย์ว่าแล้วถอนใจเบาๆ “..ความฝันที่ต้องดับสลายไป..ไม่สามารถจะทำแบบนั้นได้อีก..พี่รู้..ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน..เวลาที่เราเสียไปในนี้..พอเราออกไปข้างนอกนั่น..ไม่ว่าจะสิบปี ยี่สิบปี ก็เอามันคืนกลับมาไม่ได้หรอก..อนาคตเรา ความฝัน คนที่เรารัก..และคนที่รักเรา..มัน...”
พูดแล้วเขาก็ถอนใจยาว..ผมเม้มปากแน่น..ฟังคำพุดนั้น..แล้วมันสะท้อนใจตัวเองเป็นที่สุด..
“..แต่อย่าคิด..ว่าเราเจ็บปวดแค่คนเดียว เราต้องเผชิญอะไรที่หนักหนาคนเดียว ทุกคนในนี้ มีเหตุผลมีที่มามีการกระทำต่างกัน อย่าคิดว่าเราจะทุกข์อยู่คนเดียว..มีคนที่ทุกข์และเจ็บกว่าเราอีกมาก..เวลาจะคิดจะทำอะไรก็อยากให้ช่วยเข้าใจ..หรือพยายามเข้าใจ..คนอื่นบ้าง สักนิด...”
“..เพราะไม่ว่ายังไง เนมก็ต้องอยู่ในนี้อีกนาน..”
“.......” ผมฟังแล้วถอนใจยาว..ใช่...อีกนานเลยเชียว..คิดแล้วน่าหัวเราะตัวเองจริงๆ..ผมอยู่ที่นี่มาแค่เดือนเดียว ก็ทำท่าจะอยู่ไม่ได้เสียแล้ว แถมยังคิดจะดัดหลังสั่งสอนชาวบ้านเขาเสียมากมาย..ความคิดแบบนี้มันเด็กดีๆนี่เอง..
..อ้อ...แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ทำหรอกน่ะ
แล้วอีกอย่าง...
ผมหันไปมองคนตรงหน้า..พูดดีนี่..พูดจาดี...แต่เข้าใจว่า กำลังวางแผนดัดหลังใครสักคนให้กระอักเลือดเล่นไม่ใช่เหรอ?..
คนเรานี่..นอกจากดูแต่หน้าไม่ได้ ดูแต่การกระทำไม่ได้..บางครั้งก็ต้องดูให้ออกถึงสันดาน ด้วยสิน่ะ
“..นิ้วนี่ค่อยยังชั่วไปเยอะแล้ว..เส้นเอ็นเริ่มสมานตัว อีกสักสองสามวัน..ลองไปขออาจารย์ธีระเทสต์ดู..” พี่กันย์กระซิบกระซาบ..แต่พอผมนึกถึงหน้าอาจารย์ธีระคนนั้น..คนที่ทำผมน้ำตาแตกก็อดจะสยองไม่ได้
“..เขาว่าต้องเป็นนักโทษชั้นดีไม่ใช่เหรอถึงจะรับ..ผมยังอยู่แค่ชั้นกลางเอง..กว่าจะปรับก็เดือนมิถุนาโน่น..” ว่าแล้วก็เซ็ง..ถึงจะขยับมือได้เล่นได้ ก็ใช่ว่าจะได้เล่นเสียเมื่อไหร่
“..แต่เขาก็ต้องการคนมีฝีมือนี่..ลองตื้อดูสิ..เล่นมาหลายปีไม่ใช่เหรอ ฝีมือคงดีกว่าพวกที่ฝึกหัดกันอยู่แน่..ลองไปของเล่นให้ดูสักครั้งสิ..” เสนอทางสว่างมาให้ ..ผมขมวดคิ้ว..ครุ่นคิด..
หมับ !!..
“..งั้นพี่ไปส่งผมน่ะ..ช่วยผมหน่อยน่ะ...”ผมคว้าแขนพี่กันย์มกอดอ้อนทันที..งานนี้มันต้องมีตัวช่วยสิ
“..อ่าว เห้ย...ไหงพูดแบบนี้ล่ะ..” รายนี้พอโดนอ้อนก็หัวเราะขำ ทำหน้าเหรอหรา ชิ นึกว่าผมไม่รู้เหรอว่าพี่ก็หนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลเหมือนกันแหละ ไอ้ที่เมื่อกี้น่ะ คิดจะให้ผมลืมง่ายๆหรือไง..ถ้าใครคิดจะลากผมไปร่วมหัวจมท้ายด้วยแล้ว..ผลประโยชน์ของผม..มันก็ต้องเป็นหนึ่ง..
...คนเราก็ต้องเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว..ไม่อย่างนั้นจะมีแรงบันดาลใจได้ไง..?
“..น่า...น่ะๆๆๆ..น่ะพี่น่ะ...พี่กันย์ใจดี๊ ~~ ใจดีออกอย่างนี้ ไปไหนก็มีแต่คนเขาต้อนรับน่า....อย่างน้อยๆก็ช่วยพูดให้ผมหน่อยสิ..แบบว่า...” ไอ้เนมหน้าด้านอ้อนเข้าไป มือก็เกาะแขน หัวก็ซุกไหล่ถูๆไถๆเข้าไป คิดถึงไอ้เนมแอ๊บแบ้วกันมั้ยทุกคน ตอนนี้ล่ะจัดไปเต็มที่เลย ทำตาแป๋ว เสียงอ่อนเสียงหวาน เอาหัวถูๆไถๆซะเป็นการใหญ่ เล่นเอาซะพี่กันย์แกหน้าม้าน..มองผมแบบว่าอึ้ง...ทึ่ง สยอง..
“..ถ้าฝีมือไม่ถึงพูดเท่าไหร่ก็ไม่ได้หรอก..” ยังปฏิเสธเหมือนไม่ให้ผมเคยตัว แต่ไอ้เนมยิ่งเกาะเข้าไปใหญ่..จนไปๆมาๆจะปล้ำพี่แกคาห้องขังอยู่แล้วเนี่ย..
“..แหม...แต่ถ้าเก่งก็ได้ใช่มั้ย..ใช่มั้ยพี่..ใช่มั้ยๆๆๆๆ..ช่วยผมน่ะ น่ะๆๆๆๆๆๆ น้า~~~~.” ผมยังพัวพันพี่แกยิ่งกว่าปลาหมึก เพื่อสิ่งที่ต้องการนักหนาแล้ว วันนี้เป็นไงเป็นกัน หน้าด้านแค่ไหนก็ไม่สน ผมประกบมือสองข้างเข้าหากันเนียนๆซบอกพี่กันย์แล้วสบตา ทำตาแป๋วแล้วก็สาธุๆใส่แกอยู่นั้น..
“..เอ่อ....เฮ้อ....” ท่าทางระอาปนลำบากใจนั่นทำผมขำ..แต่ก็ยังอ้อนเอาแบบเนียนๆต่อไป แบบว่าถ้าพี่ไม่ตกลง งานนี้ได้โดนไอ้เนมปล้ำชัวร์ๆ...
“..นี่พวกมึง...จะเอากันตรงนี้จริงๆเหรอว่ะ...” เสียงทักลอยๆนั่นทำเอาผมสะดุ้ง หันไปมองที่มาของเสียงทันควัน พบว่าไทยมุงจำนวนมากพอดูกำลังมองมาเหมือนดูหนังสด..เล่นเอาหน้าม้านไป..แต่ที่น่าอายกว่า คือเมื่อสบตาคนที่นั่งยองๆเกาะลูกกรงมองหน้าผมกับพี่กันย์แบบไร้ความรู้สึก....พี่วิทย์ !!...
ผมกับพี่กันย์ผละออกมาจากกันทันทีราวกับโดนไฟช๊อต ไม่กล้าสบตาชาวบ้านเขาเลยว่าจะทำสีหน้าใส่ยังไง ไอ้ผมก็จำตัวเองได้ดีเลยว่าไปหน้าด้านเนียนซบเนียนกอดพี่เขาไปเท่าไหร่ แม้จะไม่คิดอะไร แค่มันก็ส่อวุ้ย..
“..ง่า...คือ..แบบว่า.....”ผมเกาหัวแกรกๆ ขยับปากอธิบาย อย่าเข้าใจเจตนารมณ์ผมผิดเซ่ !!..
“..แค่เล่นกันเฉยๆเอง..ไม่มีอะไรซักหน่อย..” พี่กันย์แกหัวเราะเบาๆพลางหันไปมองหน้าพี่วิทย์ที่มองมา แล้วชะโงกไปสบตาใกล้ๆ..
“..ไม่เข้าใจอะไรผิดน่ะ”...ว่ามั้ยว่ารูปประโยคนี้มันแปลกๆ...
“..ห๊ะ...” งานนี้พี่วิทย์ผงะเมื่อถูกจ้องหน้าใกล้ๆ “..เข้าใจผิดถูกบ้าบออะไร กูจะเข้าใจยังไงก็เรื่องของกูสิ !! “ว่าแล้วก็ทำหน้าบึ้งส่ายหัวพรืด..ทำท่าจะลุกพรวดไป
“..อ้าว..ก็เผื่อจะเอาไปลือกันผิดๆไง..แล้วคนอื่นจะได้ไม่ซวย..” ว่าแล้วก็ลุกพรวดเดินตามตูดพี่วิทย์ที่เดินหนี “..แล้วขาหายรึยัง ขอดูหน่อยซิ “
“จะมาดูขากูทำไม ไอ้ควาย !!! โรคจิตเหรอมึง ไปขอดูกับไอ้เมฆของมึงโน่น “ ฝ่ายนั้นยืนหน้าบึ้งหันกลับมาเถียงเสียงดังลั่น นี่ถ้าเท้าสะเอวเสริมด้วยผมว่าคงเหมือนสามีภรรยาแถวบ้านตีกัน ดูแล้วขำชะมัดยาด..
“..เมฆเขาไม่ได้ขาเจ็บซักหน่อย..ขอดูหน่อยซิ เดี๋ยวเกิดขาเน่าเป็นบาดทะยักขึ้นมาจะทำยังไง..”
“..ก็หมายความว่ามึงเป็นหมอเก๊ไงว้อยยยย..”...ก็ทะเลาะกันเข้าไปเถิด..
แอ๊ด...
เสียงเปิดประตูโลหะเอี๊ยดอ๊าดดังเข้าหู ทำให้ผมละสายตาจากภาพคู่สามีภรรยาทะเลาะกันได้ แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองเท่านั้น อารมณ์ที่เริ่มจะดีก็ชะงักงัน..ใบหน้าที่เพิ่งคลี่รอยยิ้มเต็มที่ได้เป็นครั้งแรกก็หุบฉับ..ไอ้เนมเถิบไปนั่งซุกริมซอกเดิมของตัวเองทันที..แล้วคว้าผ้าห่มน้องเน่าของตัวเองมานั่งกอดจมปุ๊ก..
“..ชิ....ไหนบอกไม่ชอบที่โดนเอา..... “ เสียงล้อเข้าหูพร้อมกับหัวเราะเยาะ..ทำเอาผมหน้าบึ้ง..ร้องหึในลำคอ..แล้วเหลือบตาขึ้นมามองคนพูด..
“..ก็ยังดีกว่าคนเอาเป็นพี่ล่ะว่ะ..” ผมพัฒนาขึ้นใช่มั้ย ในเรื่องปากหมาเอ๊ย..พูดแล้วแสดงออก..
“..สัดนี่..ลามปามน่ะมึง...” คนพูดง้างมือใส่กบาลผมผลั่วนึงเรียบร้อย ก่อนจะนั่งยองๆลงข้างๆผมที่งอก่องอขิงอยู่..
“..เหี้ยพี่โตเรียกว่ะ...จงคลานไปหาซะโดยดี..” แนะ..มีเล่นคำ...ผมเหลือบตามองพี่โตที่นั่งๆนอนๆให้ลูกน้องบีบแข้งบีบหาให้อยู่แล้วหน้านิ่ว..จะเรียกไปทำหยัง?..
“...ไปทำไร...” ผมออกปากถามทันที ยังรีๆรอๆ..จนคนมองหมั่นไส้ ตบหัวผมอีกป้าบ..
“..ไปซะเถอะน่า...เหี้ยพี่โตคงเรียกไปนวดส้นตีนมั้ง..เห็นอารมณ์ดีแล้วนี่วันนี้..”แล้วที่บอกว่านวดส้นตีน คงไม่ได้หมายถึงเอามันมาคลึงหน้าผมเป็นการคลายเครียดใช่มั้ย?.. ผมเดินเข้าไปใกล้อย่างหมดทางเลือด..เห็นหน้าแล้วเริ่มแหยะ...อยากจะแหวะใส่หน้า..พอดีว่าแพ้ท้อง..เหอะ
“...........” ลงไปนั่งปลายตีนอย่างสมยอม พับเพียบเลยด้วยแต่เงียบไม่เปิดปาก..จะหยิ่ง..มีไรมั้ย..
“..ได้ข่าวว่ากวดตีนนักเหรอมึง..ช่วงนี้...” เหลือบตามามอง ไหล่พิงลูกกรงหนา แขนซ้ายมีพี่แม้กนวด..ขาก็มีพี่แทนบีบคลายกล้ามเนื้อ กอดอกแล้วมองมาที่ผม ออกปากถามแบบเหยียดๆ มองแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆ สบายนักใช่ไหม?..สบายใช่ไหม?..
“.........” ไอ้เนมก็แค่มองหน้า ไม่พุดไม่จา เหลือบมองไอ้พี่แม้กที่ทำหน้าเยาะใส่..ชิ..ทำเป็นเด็กช่างฟ้อง..เป็นหมารึไง ถึงชอบคาบข่าวไปบอกคนโน้นคนนี้..
..เออ..ลืมไปว่าหมาน่ะ..กู...
“..หมาน่ะ..มันไม่กัดพวกเดียวกันหรอกน่ะ...” เสียงเรียบๆนั้นมาพร้อมกับปลายตีนที่เสือกพากตัก แทบจะจิ้มพุงกะทิแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว..ไอ้พี่เวรรรรรร..ไอ้เฮียเหี้ยๆเอ๊ย..
“..นวดตีนกูไป...”ว่าแล้วก็กระดิกปลายตีนยิกๆ..น่าหมั่นไส้..
“..............” แต่ไอ้เนมก็ยังต้องทำอยู่ดี..ความปลอดโปร่งโล่งใจที่ได้รับจากคำพูดของพี่กันย์เพียงเล็กน้อยเหมือนจะปลิวไปกับสายลมเมื่อได้ฟังคำสั่งและการกระทำสุดชั่ว..เออ..หมา...หมาสิน่ะ...ว่าคนอื่นว่าเป็นหมาใช่ไหม?..สะใจดีใช่ไหม..
“..ไอ้สัด !!..นวดดีๆสิว่ะ...” เสียงร้องว้ากทำเอาผมสะดุ้ง ก่อนจะพบว่าตัวเองหนักมือกับการบีบฝ่าตีนสากๆมากเกินไป..เท้าทั้งใหญ่ทั้งแข็ง..ใครจะอยากเอามือนวดกันเล่า..
“..เห็นว่าตีนหนา เลยต้องเพิ่มแรง..” ผมบอกเรียบๆ ไม่รู้ฝ่าตรีนนี่จะหนาเท่ากะโหลกรึเปล่า..
“..หึ...ปากดีนักน่ะ..” เหี้ยพี่โตว่าพลางขยับแขนบอกปัดไอ้พวกที่นวดๆอยู่ให้สลายตัว ผมนึกว่าจะรอดแล้ว..แต่ที่ไหนได้..
“..บีบต่อสิ..อย่าชักช้า...” หยึย..คราวนี้มันเล่นพากมาทั้งสองตีน..ตีนเหม็นๆสองข้าง แหวะ...อยากอ้วกว้อยยยยย... ขยะแขยงจริงๆ..
“..ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลยมึง..ชอบถูกเนื้อถูกตัวผู้ชายนักไม่ใช่รึไง..นี่กูก็ให้โอกาสมึงแล้วน่ะ..ให้จับปลายตีน กูแล้วนี่...”
“...........” อยากจะบอกนัก..ว่าแม้แต่ปลายผมกูก็ไม่อยากจะแตะ..
“..ต่อหน้ากูทำไมเงียบ..ทีต่อหน้าไอ้กันย์ล่ะระริกระรี้..อยากได้มันเป็นผัวมากนัก...ให้กูสงเคราะห์มั้ยล่ะ..”
“..ถ้าอยากได้ก็มีปัญญาหาเอง..ไม่รบกวนคนอื่นหรอก..” ผมหน้าบึ้ง พยายามข่มความโมโห..กับถ้อยคำเสียดสีและดูถูกนั้น..
“..หึ....มึงไปขนของมานอนที่เดิม..ไม่ต้องคิดหรอกว่ากูทำทำไม..จะเฝ้าหมา..โดยเฉพาะหมาติดสัดอย่างมึง...มันต้องล่ามโซ่ไว้ไม่ไกลตัว..” คำพูดนั้นทำให้ผมหน้าชา..แก้มร้อนวูบด้วยความอับอายปนโมโห..เพราะเสียงนั่นดังชัดเจนจนทุกคนในห้องได้ยินกันหมด..ผมกัดฟันกรอด..เมื่อแว่วเสียงหัวเราะและเฮฮาคุ้นหู...ที่ทำให้อกเจ็บแปลบ..
หมับ !!!..
“...ก็ดี...แต่ถึงจะติดสัด...หมาอย่างผมมันก็เลือก !!!”
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
บรรยากาศเริ่มคลายลง ซอฟท์ลงนิดหน่อย (แน่ใจว่าซอฟแล้ว)
ประโยคสุดท้ายโดนจายยยยยย...หมั่นไส้เฮียเหี้ยๆจริงๆ..แดกปลาเป็นอาหารชิมิวันนี้..ถึงได้หวงก้าง ฮ่าๆๆๆ..
เห็นคนอื่นเขาหนิดหนมกันแล้วหมั่นไส้อ่ะจิ..หวงงงงง สิน่ะลุง..
ตอนนี้อ่านแล้วอาจะเกิดการสับสน มึนงง ก่งก๊งในบางเรื่องและบางอารมณ์..เพราะ..ในจะมีต่อในวาระต่อไป เอาออกมากไม่ได้ ..
ปอลอ..ได้ยินเสียงใครโหยหวนเรียกพี่กันย์ๆ..แว่วๆหว่า..คงฟังผิดอ่ะเนอะ..
และ...ท่านใดที่ทำใจไม่ได้..กรุณากลับไปอ่านชื่อเรื่องอะเกน..ก็มันแบดกายนี่เคอะ..มิใช่กู๊ดบอยเน้..คึคึคึ