ฟิสิกส์คลิกใจ
[/color]
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นทำให้ผมเอื้อมมือปิดอย่างรำคาญ ก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความขี้เกียจ ผมจำได้ว่าวันนี้วันเสาร์ ใช่วันนี้วันเสาร์ เป็นวันที่ผมนอนตื่นสายได้
อ่า แค่คิดก็สบายแล้ว
“นิว...ตื่นได้แล้ว วันนี้รายงานตัวทุนที่มหา’ลัยไม่ใช่หรือไง”แล้วอยู่ดีๆ เสียงของหญิงใหญ่ภายในบ้านก็ดังขึ้น ผมเลยขมวดคิ้วอย่างหนวกหู
ว่าแต่ เมื่อกี้แม่ว่าอะไรนะ ?
รายงานตัว ?
ไอ้ชิบหาย ! วันนี้ลืมไปเลยว่ามีรายงานตัวทุนคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่ผมยื่นไป ด้วยความที่เกรดถึงเลยลองสมัครไป
ผมสะดุ้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วรีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ รีบจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อจะทำเวลา โอ๊ย ตายๆ แก้ไม่หายนิสัยขี้เซาของผม แต่ยังดีครับที่มีแม่คอยเตือนตลอดเวลา
ผมอาบน้ำเสร็จก็ใส่เสื้อนักเรียนอย่างเร่งรีบ
“นิวตัน ! เสร็จหรือยัง เดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวหรอก”ใช่ครับ ผมชื่อนิวตัน ชื่อนักวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ที่ค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และตั้งกฎของแรงขึ้นมา ทำให้นักเรียนสายวิทย์ ปวดหัวมาครึ่งโลก
“ลงไปเดี๋ยวนี้แหละแม่ เสร็จแล้วๆ”ผมรับคำของแม่แล้วรีบคว้ากระเป๋าตรวจเอกสารอีกครั้ง เมื่อครบแล้วก็วิ่งลงข้างล่างทันที
“เอาเอกสารมาครบนะ”เสียงผู้เป็นพี่ชายของผมทักขึ้น ตาคมชั้นเดียวภายใต้กรอบแว่นของเขามองมาที่ผม พี่ชายผู้เนี๊ยบทุกการกระทำของผม พี่โอห์มนั่นเอง
“ครบแล้วน่าพี่โอห์ม”ผมบ่นเบาๆ เหมือนกับพี่โอห์มจะเคร่งกับผมนะครับ แต่พี่โอห์มดูแลผมโคตรดี แล้วอีกอย่างเป็นผู้ชายเคร่งขรึม ที่บทจะทำอะไรน่ารักๆ ก็น่ารักจนผมแทบอ้วก มีครั้งหนึ่งเขาเซอร์ไพรส์วันเกิดผมด้วยการซื้อกล้องถ่ายรูปให้ แต่เขาก็ดันเขินเอง ผมก็ฮาสิครับ แล้วอีกอย่างนะ พี่โอห์มอ่ะ ฮอตมากในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงของผม เวลาไปรับผมที่โรงเรียนนะ เพื่อนผู้หญิงจะเดินตามผมกันเป็นขบวนเชียว
ผมก็ใช้ข้อดีตรงนี้แหละครับในการจีบสาวไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจผมเลย ก็พี่โอห์มแม่ง หล่อเกินไป แต่ผมก็ชื่นชมพี่ชายผมนะครับ ทำอะไรก็ดีไปหมด นี่เรียนเภสัชฯ อีก อะไรจะเฟอร์เฟ็ค ขนาดน้านนน
อิจฉา
“พี่โอห์ม เด็กคณะพี่แจ่มป่ะ ?”ผมถามพี่โอห์มที่ตอนนี้กำลังอ่านชีทอะไรสักอย่าง มีแต่โครงสร้างอะไรไม่รู้เต็มไปหมด
“วันนี้ไปรายงานตัว ไม่ได้ให้ไปเต๊าะสาว รีบๆ แดก !”น่าน มาแล้วไงความโหดของพี่ผม
“คร้าบๆ โหดจริ๊ง แบบนี้สิไม่มีแฟนสักที”ผมบอก
“เสือก”ไอ้เหี้ยพี่นี่ ผมไม่รู้ว่ากับคนอื่นมันเป็นหรือเปล่านะครับ แต่กับผมพี่โอห์มแม่งโคตรโหด
“เออๆ”ผมว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป
ผมขึ้นรถมากับพี่โอห์มครับ เพราะว่าผมเรียนโรงเรียนสาธิตของมหา’ลัยแหละครับ ทำให้ผมต้องไปเรียนกับพี่โอห์มทุกวัน
“ไม่ลืมอะไรนะ ?”พี่โอห์มถาม
“ไม่แล้วพี่”
“อือๆ ถ้ารายงานตัวเสร็จแล้วหิวข้าวเดินไปโรงอาหารเองได้นะ แล้วก็ไปรอที่หอสมุดก็ได้เย็นดี พี่เรียนเลิกเที่ยงกว่าๆ”พี่โอห์มบอก ผมก็พยักหน้าตาม
“นิวกลับก่อนไม่ได้หรอ ?”
“รอพี่แปปเดียวน่า เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงซูกิชิ ฉลองที่ได้ทุน”พี่ชายผมพูดทำให้ผมตาวาวทันที
“โอเค ได้เลยนิวรอ นานๆ พี่จะเลี้ยง”ผมว่า
“กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่เด็กละนิวตัน”พี่โอห์มว่า ทำให้ผมหัวเราะ
“ครับๆ นิวไปก่อนนะ เจอกันพี่”ผมโบกมือ พี่โอห์มก็เอามือมาลูบหัวผม
“โชคดี”นี่แหละครับ ความอบอุ่นของพี่ชายผม ผมยิ้มให้แกอีกครั้งแล้วก็ลงจากรถ ก่อนจะเดินไปตามป้ายที่ทางคณะติดไว้ให้ อ่า จะได้มาเรียนที่นี่แล้วนะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย ผมจะทำหน้าที่นักศึกษาที่นี่อย่างดีไม่ให้เสียชื่อเลย
ใช้เวลาในการรายงานตัวประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ผมก็เรียบร้อยแล้ว แต่กว่าจะมีกิจกรรมของทางคณะ นู่นนี่ ก็เกือบจะพอๆ กับเวลาเลิกเรียนที่โอห์มพอดี
ผมได้รู้จักเพื่อนอีกเยอะเลยครับ เกือบจะครบทุกเอกด้วยซ้ำ ส่วนตัวผมได้ทุนเอกฟิสิกส์ ตามชื่อที่ทุกคนเกลียดเลยครับ แต่อย่าเพิ่งเกลียดเด็กผู้ชายตาดำๆ น่ารักๆ คนนี้นะครับ // ทำตาปริบๆ
ผมเดินออกมาจากคณะแล้วก็เดินมาหาที่นั่งเย็นๆ แถวๆ ริมสระน้ำของมหา’ลัย ผมชอบลมธรรมชาติมากกว่าอากาศปรุงแต่งในห้องแอร์ครับ ผมหาที่นั่งแล้วก็หยิบกล้องสุดรักที่พี่ชายซื้อให้ออกมาแล้วก็ถ่ายรูปวิวไปทั่ว ถ่ายนู่นถ่ายนี่ เมื่อได้รูปที่พอใจก็ส่งเข้าไอโฟนแต่งสีนิดหน่อยก็ลงในไอจีครับ
Izaxnewton : ไม่ต้องตามหา แค่รู้สึกว่ามีความสุขกับที่นี่
Muaymuay : อีนิว มึงทิ้งพวกกูมีที่เรียนแล้ว
Toomtam : จริง มึงไม่รอพวกกูเลย ปล.พี่โอห์มอยู่ไหม
Izaxnewton : มันจะหมดเทอมอยู่แล้วไอ้สัด @ Muaymuay @ Toomtam
ผมตอบกลับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก็พวกมันเอ้อระเหยเอง ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่รู้ล่ะ อนาคตผมผมก็ต้องเดินตามทางที่มันควรจะเป็น ผมคิดแล้ว ฟิสิกส์คือวิชาที่ผมชอบมากที่สุด ผมเลยเลือกมัน และทิ้งมันไม่ได้ เพราะชื่อที่ได้มายังเกี่ยวเลย
ไม่นานพี่โอห์มก็โทรฯ มาหาผม
“ว่าไงพี่”
“อยู่ไหน ?”
“นั่งอยู่ริมสระน้ำอ่ะ”
“ฝั่งคณะอ่ะหรอ ?”
“อื้อ”
“โอเคๆ กินข้าวยัง”
“ยังอ่ะ พี่บอกจะเลี้ยงเลยไม่ได้กิน ฮ่าๆ”
“อืมๆ งั้นเดี๋ยวไปรับ อ้อ เดี๋ยวมีเพื่อนไปด้วยนะสองคน”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ”ผมถามอย่างกระตือรือร้น
“กะเทย”
“ควาย ไม่ต้องเอามาเลย”ผมบอกแล้วหัวเราะ พี่โอห์มก็หัวเราะ
“ผู้ชายทั้งคู่”
“ครับๆ”
“เออๆ รอนั่นแหละ”
พูดจบพี่แกก็ตัดสายไป แต่ไม่นานรถสีดำขลับคุ้นตาก็จอดเทียบข้างๆ โต๊ะมาหินอ่อนที่ผมนั่ง ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่รถทันที ผมโดนเนรเทศไปนั่งข้างหลังครับ เพราะว่ามีเพื่อนพี่โอห์มอีกคนนั่งอยู่ข้างหน้า ผมเลยได้นั่งกับพี่อีกคน ทันทีที่ผมมุดหัวเข้ารถแล้วเห็นหน้าของเพื่อนพี่โอห์ม พูดได้คำเดียวเลยว่า
หล่อชิบหายวายวอด !!!
ผมอึ้งอยู่นานเพราะพี่เขาหล่อมาก แม้จะใส่แว่น แต่ไม่สามารถบังความหล่อของเขาได้ ผมโคตรอิจฉาพี่เขาเลย อะไรจะหล่อขนาดนั้น
“จะขึ้นรถได้ยัง หิวข้าว”พี่โอห์มเรียกผม
“เออๆ รีบจริงวุ้ย”ผมบ่นก่อนจะปิดประตูรถ
“นิว นี่พี่คิน ส่วนหลังไอ้เวฟ”ผมยกมือไหว้ทีละคน “ส่วนนี้ น้องกูนิวตัน มันได้ทุนที่วิทยาฯ นี่แหละ”พี่โอห์มโฆษณาให้ผมเสร็จสรรพ ผมถอนหายใจก่อนที่ยกมือไหว้พี่เขาทีละคน
“หวัดดีครับพี่”ผมบอกแล้วเข้าไปนั่งอย่างชิน เพราะคันนี้ผมนั่งตั้งแต่เรียนสาธิตที่นี่แล้ว
“เฮ้ย ไอ้โอห์ม น้องมึงหน้าตาน่ารักนี่หว่า ไหงกูไม่เคยเห็นวะ ?”ไอ้พี่คินที่นั่งอยู่ข้างหน้าพูดแซวดังขึ้น ผมเกลียดคำว่าหน้าตาน่ารักมากครับ มันทำให้ผมดูเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนผู้ชาย
“มึงเสือกไปเต๊าะสาวไม่สนใจไง กูก็ไปรับไปส่งมันอยู่ทุกวัน”พี่โอห์มบอกแล้วก็ขับรถออกไปทันที
“หวัดดีน้อง พี่ชื่อคินนะ ไอ้หน้านิ่งนั่นเวฟ”
“พี่ชายผมบอกแล้วครับ”ผมบอกแล้วยิ้มให้เขาพี่เขา จะย้ำทำไม กูรู้แล้วครับ ก่อนที่ผมจะหันไปมองหน้าพี่ใส่แว่นที่นั่งข้างๆ แล้วผมก็สงสัยว่า ทำไมถึงได้นั่งหน้านิ่งแบบนี้ ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมยังไม่ได้ยินเสียงพี่เขาสักคำ ผมก็ไม่สนใจนั่งดูรูปในกล้องของผมต่อไป
วันนั้นพี่โอห์มก็พาผมกับเพื่อนไปกินบุฟเฟ่จริงๆ แหละครับ แต่ผมก็คิดไม่คุ้มค่าเท่าไร เพราะเป็นคนกินไม่เยอะไร ตัวมันถึงแค่นี้ ถึงแม้กระเพาะอาหารเราจะขยายได้ แต่ของผมมันก็เล็กเกินไป หลังจากทานกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ พี่คินขอแยกกลับไปแล้วเพราะว่าต้องขึ้น BTS กลับบ้านไปแล้ว ตอนนี้เลยเหลือพี่เวฟคนเดียว
“ไอ้เวฟ มึงกลับไงวะ”พี่โอห์มหันมาถามร่างสูงพอๆ กันข้างๆ ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมได้ยินเสียงพี่เวฟ คุยกับพี่โอห์ม พี่คิน ก็นับประโยคได้
“ก็รถเมล์ กูก็กลับประจำอยู่แล้ว”เจ้าของดวงตาภายใต้กรอบแว่นหันมาตอบ
“เออๆ แล้วที่มึงถามกูในไลน์ มึงจริงจังใช่ไหม ?”พี่โอห์มถาม ในไลน์ จริงจัง ? อะไรวะ งง
“กูเคยพูดเล่นหรอ อะไรที่กูบอกว่าจริงจัง กูก็ทำจริงๆ”เสี้ยววินาทีหนึ่งเหมือนหางตาของพี่เขาให้มามองผม
“เออ กูรู้ งั้นกูเอาใจช่วยละกัน กูเชื่อว่ามึงจริงจังเพราะมึงเป็นเพื่อนกู แต่สู้ๆ นะมึง ดูท่าจะยากว่ะ”พี่โอห์มบอกแล้วตบไหล่
“ยากแค่ไหนก็จะทำ ก็มัน...”พี่เวฟเว้นวรรคไปสักพักแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะยิ้มมุมปาก “คิดจริงจังไปแล้ว”
ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!! ทำไมหล่อแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นคนใส่แว่นที่หล่อโคตรๆ แบบนี้มาก่อนเลย
.
.
แต่เดี๋ยวก่อน ผมเป็นผู้ชาย
ผมเป็นผู้ชาย ทำไมมาใจเต้นกับรอยยิ้มของไอ้พี่เวฟหน้านิ่งคนนี้วะ
“เออๆ แต่อย่าลืมที่กูบอกนะ กูก็จริงจังเหมือนกัน”พี่โอห์มบอก โอ๊ยแม่ง ทำไมมันงงแบบนี้สรุปเขาไปคุยอะไรกันทั้งที่ผมไม่รู้หรือเปล่าวะ แต่ช่างแม่งเถอะ เขาไม่อยากให้รู้ กูก็ไม่ยุ่งก็ได้
“อืม งั้นกูไปก่อนนะ”พี่เวฟบอก แล้วหันมามองหน้าผม “พี่ไปก่อนนะครับ”แล้วก็ยิ้มวัวตายควายล้มให้ผมอีก ผมรู้สึกได้ว่าใจผมสั่นกับรอยยิ้มนั่น
“คะ...ครับ”ผมบอกตะกุกตะกัก
พอพี่เวฟไปแล้ว ผมกับพี่โอห์มก็เดินมาที่รถ แล้วก็ขับรถกลับบ้านทันทีเพราะมันค่ำแล้ว ถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถและผู้คนท่ามกลางเมืองหลวงช่างวุ่นวาย
“พี่โอห์ม พี่เวฟเขาเป็นคนพูดน้อยเป็นปกติหรอ ?”อยู่ดีๆ ผมก็ถามออกไป พี่โอห์มทำหน้าแปลกใจนิดๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
“ก็นะ...มันพูดน้อย แต่ไม่ใช่ว่าไม่พูดเลย เป็นคนขี้เกียจพูดมากกว่า ถามทำไม”พี่โอห์มถาม
“เปล่า ก็เห็นว่าพูดน้อยนึกว่าจะหยิ่ง แล้วก็คิดว่ายิ้มยากแต่วันนี้นิวรู้สึกว่าพี่เขายิ้มนิดหนึ่งด้วยนะ”พี่ว่า พี่โอห์มยิ้มหัวเราะเบาๆ
“ใช่ มันยิ้มยาก ยิ้มยากมาก แต่ไอ้เวฟมันจะยิ้มในเรื่องที่มันชอบและพอใจเท่านั้น เช่น เจอคนที่ชอบ”ท้ายประโยคทำให้ผมใจกระตุกนิดหนึ่ง แล้วรู้สึกเหมือนใจสั่น ก็เขายิ้มตอนเหล่มองผมนี่จะไม่สั่นได้ไง
“ระ...หรอ”ผมว่า
ช่างเถอะ คงไม่ใช่มั้ง
เปิดเทอมปีการศึกษาใหม่ โอ้โห หกเดือนที่ปิดไปแม่งโคตรของโคตรเหงา ทำไมมันเหงาสิ้นดีแบบนี้นะ แต่ผมก็ไม่ควรเหงานะ เพราะช่วงปิดเทอมก็แม่งยุ่งวุ่นวายไปทั้งหมด พี่โอห์ม ก็เรียนซัมเมอร์ มีงานเข้ามาให้ทำตลอด ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไร ซึ่งหลังจากที่ไปรู้จักเพื่อนพี่มันวันนั้น รู้สึกไอ้คนที่ผมเจอหน้าบ่อยสุดก็ไอ้พี่เวฟนี่แหละ วนเวียนแม่งมาบ้านผมได้อาทิตย์ละเจ็ดวัน พอมาถึงก็อาศัยข้าวบ้านผมกินทุกครั้ง จนตอนนี้นะ เป็นลูกรักแม่ไปอีกคนละ
“เวฟลูก มาช่วยแม่ขนกับข้าวไปตั้งโต๊ะอาหารหน่อย วันนี้ก็อยู่ทานข้าวบ้านแม่ก็แล้วกันนะ”นั่นไง แม่ไม่ต้องชวนพี่มันหรอก แม่ง ก็อยู่กินข้าวมาผมมา 2 อาทิตย์ละตั้งแต่รู้จักกันวันนั้น แล้วช่วงนี้นะ ก็โคตรของโคตรหาเวลากวนผมได้ตลอดเวลา
“แม่ไม่ต้องชวนผมหรอกครับ ผมฝากท้องกับแม่อยู่แล้ว”พี่เวฟพูดแล้วยิ้มออกมา ช่วงนี้ก็เหมือนกัน จะยิ้มทำห่าอะไรนักหนา ยิ้มบ่อยจริ๊ง ไหนบอกว่ายิ้มยากไง ตอนนี้นี่ยิ้มบ่อยสัดๆ
รู้ป่ะว่ากูหวั่นไหวโว้ยยยยยยยยยยยย
“เออ เอาเข้าไป นี่พี่มาอาศัยข้าวบ้านผมกินมาสองอาทิตย์ละนะ แม่ไม่เหงาหรือไง มากินข้าวบ้านคนอื่นอ่ะ”ผมพูดแล้วทำหน้าบึ้ง
“นิวตัน ! ทำไมพูดแบบนั้น”ฝ่ามือแม่ตีแขนผมเบาๆ
“ก็มันจริงอ่ะแม่ แล้วนี่นะ มาแม่ค้งแม่ครับ น่ารักตายล่ะ”ผมก็ไม่วายกัดพี่เขาไป พี่เวฟก็ขยับแว่นนิดหนึ่งแล้วก็ยิ้มมุมปากแบบที่ทำให้ผมใจสั่นมาอีกครั้ง
นี่กูเป็นผู้ชายนะโว้ยยยยยยยยยยยยย
“ก็กับข้าวบ้านนี้อร่อย พี่ก็เลยอยากกินไง นี่ว่าจะฝากตัวเป็นลูกบ้านนี้แล้วนะเนี่ย”พี่เวฟบอก ไม่สมกับที่เคยบอกว่าเป็นคนนิ่งๆ เลยสักนิด
“ไม่ต้องเลย ไหนบอกว่าเป็นคนพูดน้อยวะ ตั้งแต่รู้จักกัน พี่แม่งพูดมากกว่าผมอีก”ผมพูดไปแล้วตักข้าวเข้าปาก พี่โอห์มก็ลงมาพอดี
“ไอ้นิว ทำไมไม่รอพี่กับพ่อ !”
“พ่อไม่อยู่ พี่โอห์มลงมาช้า”ผมพูดอย่างไม่สนใจแล้วก็กินข้าวต่อไป
“ก็มีคนอยากให้คุยด้วย ก็เลยอยากพูด ความจริงก็ฝืนๆ อ่ะนะ แต่ว่าพูดกวนใครบางคนแล้วสนุกดี”พี่เวฟว่าแล้วยักคิ้วให้ผม
“ให้มันน้อยๆ เลยมึง แดกข้าวไม่เสือกรอ”พี่โอห์มว่า สมน้ำหน้า
“ก็มึงลงมาช้า”พี่เขาให้ไปบอกกับพี่โอห์ม
“เอาๆ อย่าเพิ่งเถียงกันลูก ทานข้าว”แม่บอกแล้วนั่งลงบนหัวโต๊ะแล้วก็จัดการกับข้าวทันที แต่แม่งข้าวมื้อนี้ทำไมมันขัดหูขัดตานักวะ ก็ไอ้พี่เวฟอ่ะดิ เล่นจ้องหน้าผมตลอดการกินข้าวเลย
“พี่จะจ้องหน้าผมทำไม ข้าวติดหน้าผมหรือไง”ฮึ่ย คนมันหวั่นไหวนะโว้ย
“ก็อย่างมอง เผื่อหวั่นไหว”นั่นไง เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องละ
“ใครหวั่นไหว บอกเลยว่าผมชอบผู้หญิงนะพี่ หน้าแบบพี่นี่ชอบผู้ชายหรอวะ ?”ผมว่าออกไป
“ตายแล้วลูก น้องเวฟ จะจีบนิวตันหรอลูก คิดดีแล้วหรอลูก ลูกแม่อย่างกับลิง”โธ่แม่ก็ ทำไมไม่เข้าข้างลูกชายของแม่เลยสักนิด
“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมปราบลิงเก่ง”ไอ้พี่เวฟ ไอ้แว่นนรก !
“ใครจะยอมให้ปราบ แม่ก็ไม่เข้าข้างลูกเลย คิดจะเอาลูกใส่พานให้ผู้ชายหรือไง ผมเป็นผู้ชายนะแม่”ผมโวยวาย ไม่กินแม่งแล้ว แม่ง แล้วทำไมใจต้องเต้นด้วยวะ เกิดมาไม่เคยมีคนมาบอกว่าจะจีบตรงๆ แบบนี้เลย คนมันก็ไปไม่ถูกสิวะ “พี่โอห์มก็อีกคน แม่งไม่ช่วยกันน้องเลย”คิดจะเอาลูกกับน้องประเคนให้ผู้ชายหรือไง
“นิวตัน...”แม่หันมาเรียกผม แม่เห็นใจผมแล้วใช่ไหม ผมรักแม่ที่สุดในโลกเลย
“แม่ว่าลูกมโนมากเลยนะลูก” พรววดดดดดดดดดดดดดดดดดด !! พี่เวฟที่กินน้ำอยู่ถึงกับสำลัก แล้วหัวเราะเบาๆ แล้วก็ยิ้มกว้างทันที จากหัวเราะเบาๆ ก็กลายมาเป็นหัวเราะดังลั่น
“พี่ ! จะหัวเราะอะไรลั่นขนาดนั้นวะ แม่ง ขัดใจโว้ยยยย”ไม่กินแม่งแล้ว หนีขึ้นห้องแม่ง
“นิว...”แม่ผมหันมาเรียก แม่จะง้อผมใช่ไหม แม่จะเข้าข้างผมแล้ว ผมสัมผัสได้ แม่นี่น่ารักที่สุดเลย
“เอาจานไปเก็บแล้วก็ล้างด้วยลูก”
แม่ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ฮือ ทำไมแม่ถึงได้ไม่เข้าข้างลูกเลยล่ะ นี่ผมยังเป็นลูกแม่อยู่ใช่ไหม ฮึ่ย พี่เวฟแม่งแยกความรักจากแม่ผมไป ผมจะต้องเอาคืน ว่าแต่ ผมคิดได้ไงวะ ปัญญาอ่อนสิ้นดี
ชีวิตนักศึกษาปีหนึ่งไม่ง่ายอย่างที่คิด แม่เช้าเรียนเลคเชอร์ บ่ายเรียนแลบ แล้วชีวิตเด็กทุน ก็ไม่ได้สบายอย่างที่เหมือนได้ทุนเลยสักนิด ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่ามันจะต้องหนักหนา แต่ทำไมมันไม่ชิน นี่สินะที่เขาเรียกว่าช่วงปรับตัว บรรยากาศในห้องแลบก็โคตรร้อน โต๊ะเรียนแลบยาวปลายทั้งสองด้านมีอ้างน้ำ แล้วด้านบนมีที่วางสารอยู่มากมาย ผมกำลังเร่งทำแลบเพราะเวลาใกล้หมดแล้ว ก่อนที่ผมจะต้องกลับบ้านพร้อมกับพี่โอห์ม ไม่งั้นมีหวังต้องกลับเองแหงๆ
แต่จนแล้วจนรอดก็เสร็จไม่ทันพี่โอห์มกลับบ้าน เลยต้องมานั่งแหง่วรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์ พลันสายตาก็หันไปเห็นร่างสูงที่มีดวงตาคมภายใต้กรอบแวนที่เข้ากับใบหน้า พี่เวฟเป็นคนหล่อ เป็นคนที่ใส่แว่นแล้วไม่ได้ดูเนิร์ดมาก แต่มันดูดีในส่วนที่มันควรเป็น เรียกได้ว่า หล่อมากๆ คนหนึ่งเลยแหละ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มากวนตีนผม
“เอ้า ว่าไงเด็กมโน”นั่นไง มาถึงก็เริ่มกวนเลย
“พี่ไม่กวนผมสักวัน พี่จะตายไหม”ผมหันไปมองหน้าที่เขาเหวี่ยงๆ
“ไม่ตายหรอก แต่รู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง เลยต้องหาสิ่งเติมเต็ม”พี่เวฟพูดแล้วมองตาผมอย่างจริงจัง เล่นเอาผมใจสั่นแบบล้านริกเตอร์ ไอ้ใจเจ้ากรรมนี่ก็เต้นอะไรไม่รู้
“บางทีสิ่งเติมเต็มของพี่ มันก็น่าจะเป็นอย่างอื่นบ้างนะ”ผมพูดแล้วก็เสมองไปทางอื่น
“ก็อย่างอื่นมันเติมไม่ได้ บางทีสิ่งที่เติมเต็มในชีวิต เราจะรู้เองว่าอะไรที่เราขาดไป เราจะได้เติมถูก”พี่เวฟพูดแล้วมองหน้าผมไม่วางตา โอ้ย ใจเต้นแรงเหี้ยๆ เหมือนอะดรีนาลีนหลั่งมาเยอะแยะจากต่อมใต้สมอง
“คือบางทีพี่ก็เลี่ยนเกินไป”ผมบอก
“เรียนฟิสิกส์ไม่เคยรู้หรอ โลกมีแรงโน้มถ่วง โลกจะดึงสิ่งของตกอยู่ที่ต่ำเสมอ บางทีแรงโน้มถ่วงก็อาจจะมีในมนุษย์ รู้ป่ะ คนสองคนมีแรงดึงดูดเข้าหากันนะ”พี่เวฟว่าแล้วยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ผมใจสั่นทุกครั้งที่เห็น
“พี่พูดอะไรของพี่วะ ไม่เห็นเข้าใจ”ผมพูดแล้วจะเดินหนีขึ้นรถเมล์
“อ้าว ไปไหนล่ะ”พี่เวฟหันมาถาม
“ก็กลับบ้านไง”
“นี่มันไม่ใช่สายที่ไปบ้านนิวนะ”พี่เวฟบอก ผมเลยหันไปมองรถเมล์คันใหญ่ แล้วมองเลขสายซึ่งมันก็ไม่ใช่สายที่ผมจะไปจริงๆ นั่นแหละ เฮ้ยๆ นี่กูเป็นอะไรไป ทำไมพี่มันแม่งมีอิทธิพลกับการกระทำของผมขนาดนี้วะ
“แต่เดี๋ยวค่อยกลับบ้าน ไปเดินเล่นที่สยามเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ”พี่เวฟบอกแล้วก็ลากแขนผมไปทันที เฮ้ยๆ เดี๋ยวกูยังไม่ได้ตั้งตัว เฮ้ยยยยย พี่ !!
ว่าแต่ทำไมกูไม่ขัดขืนวะ
พักกลางวัน นี่กูเรียนมาจนจะมิดเทอมอยู่แล้วหรอวะ เกือบ 2 เดือนแล้วนี่นะ โคตรเร็วเลย แล้วก็ตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ชีวิตผมก็มีไอ้พี่เวฟเข้ามากวนตีนอยู่ทุกวัน แล้วก็มาพูดเหี้ยห่าอะไรไม่รู้ แต่ว่าพี่เวฟนี่โคตรโซฮอตเลยนะครับ ก็แน่สิ ดีกรีเดือนคณะเภสัชฯ รองอันดับ 1 เดือนมหาลัย จะไม่ฮอตได้ยังไง
ผมเดินมาที่โรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักศึกษาจากหลายคณะ เพราะนี่คือโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ทำให้ได้เจอหน้าตานักศึกษาทุกคณะวิชา รวมไปถึงนักศึกษาเภสัชศาสตร์ อย่างพวกพี่โอห์มด้วย แดดตอนกลางวันก็โคตรร้อน โรงอาหารก็ไม่ติดแอร์ ทำให้เหงื่อผมเริ่มจะไหลออกมาทีละน้อย ในขณะที่ผมยืนต่อแถวเพื่อซื้อก๋วยเตี๋ยว ผมยกแขนเสื้อนักศึกษาขึ้นจะเช็ดเหงื่อ แต่ถูกรั้งไว้โดนมือของอีกคน ก่อนที่เขาจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้
“บอกแล้วไง อย่าใช้เสื้อเช็ดเหงื่อมันสกปรก”ไม่ยื่นเปล่า พี่เวฟก็เช็ดเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดมาบนหน้าให้ผม ผมรู้สึกได้ทันทีว่าหน้าผมร้อนขึ้นมา แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะอากาศที่ร้อน แต่เป็นเพราะหัวใจที่กำลังสูบฉีดเลือดขึ้นหน้า
“ขะ...ขอบคุณ”ผมว่าเสียงเบา
“เฮ้ยเวฟ ปกติไม่เห็นให้ใครยืมผ้าเช็ดหน้านี่หว่า ทำไมถึงเช็ดให้น้องเขาวะ ว่าแต่น้องเขาเป็นใครวะ กูไม่เคยเห็น”รู้สึกจะเป็นเพื่อนของพี่เขาเดินเข้ามาทัก พี่เวฟหน้านิ่งแล้วหันไปพูดกับเพื่อนตามสไตล์
“ผ้าเช็ดหน้าของกู กูก็หวง แต่ถ้าใครสำคัญกูก็ให้ใช้ได้”ตรงคำว่าสำคัญ พี่เวฟหันมามองหน้าผมแล้วมองตาด้วย ทำให้ผมรีบหลบสายตาทันที พี่เวฟแม่ง “ขี้อ่อย”
“แสดงว่าน้องเขาสำคัญ”พี่คนนั้นถามแล้วหันมามองหน้าผม “สวัสดีครับน้อง พี่ชื่อชายนะครับ เรียนเภสัชฯ ปี 4 ยินดีที่ดะ...”พี่เขาจะยื่นมือมาจับผม แต่โดนปัดด้วยมือของพี่เวฟแล้วมองหน้าพี่เขานิ่ง
“นี่ไอ้ชายเพื่อนพี่เอง ส่วนนี่นิวตัน น้องไอ้โอห์ม เรียนวิทยาฯ”พี่เวฟตอบแทนผมทันที คือกูตอบเองได้โว้ยยยย
“อ่อ น้องไอ้โอห์มนั่นเอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องนิวตัน น่ารักนะเรา”พี่ชายพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปทันที
“จะหลอกจับมือ แม่ง”
“พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย หน้าบึ้งเชียว”ผมหันไปบอก
“ร้อน !”อยู่ดีๆ พี่เวฟก็ขึ้นเสียงกับผมทันที
“แล้วจะตะคอกทำไมเล่า ตกใจหมด”
“นี่วันหลังอย่าไปให้ใครจับมือมั่วซั่วนะ มีเชื้อโรคอะไรบ้างก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างเดี๋ยวนี้เชื้อโรคมันเร็ว เดี๋ยวจะป่วยเอา เอานี่ เอาผ้าเช็ดหน้าไป พี่ไปซื้อข้าวก่อน นี่นั่งโต๊ะไหน จะไปนั่งด้วย”พี่เวฟพูดยาว ผมก็งงแล้วก็ชี้ไปที่โต๊ะที่ผมนั่ง
ซื้อข้าวเสร็จก็เดินมานั่งที่โต๊ะโดยที่พวกพี่โอห์มมานั่งด้วย พี่เวฟนี่หน้านิ่งกว่าเดิมอีกจากเหตุการณ์เมื่อกี้ เพื่อนผมเลยไม่กล้าคุยกับพี่เวฟเท่าไร เพราะกับเพื่อนพี่เวฟไม่เคยแม้แต่จะยิ้มให้
“เฮ้ย ไอ้เวฟมึงเป็นอะไรวะ”พี่คินหันไปถามพี่เวฟ ที่ตอนนี้มานั่งข้างๆ ผม
“เปล่า ร้อน”พี่เวฟตอบแบบที่ตอบกับผม ผมก็งงมากสิครับ อยู่ดีๆ ก็อารมณ์เสีย ปกติเห็นหน้านิ่งๆ แต่ไม่เคยจะอารมณ์เสียแบบนี้เพราะเป็นคนที่หน้านิ่งเป็นปกติอยู่แล้ว ยกเว้นเวลาอยู่กับผม
“เอ่อ พี่เวฟคะ ทำไมพี่เวฟถึงชอบทำหน้านิ่งล่ะคะ เวลาพี่เวฟอยู่กับไอ้นิว หนูเห็นพี่เวฟยิ้มแล้วหล่อมากเลยนะคะ”ส้มเพื่อนผมบอก ผมนี่นั่งเงียบเลยครับ ไม่กล้าคุยกับพี่เขาเลย
“พี่จะยิ้มให้เฉพาะคนที่พี่อยากยิ้มครับ แล้วก็ต้องเป็นคนที่พี่...สนใจ จริงๆ”คำว่าสนใจ พี่เวฟหันมามองหน้าผมอีกแล้ว
“แล้วทำไมต้องมองหน้าผมด้วยวะ กินข้าวไปดิ”ผมว่าแล้วก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยว
“ผ้าเช็ดหน้าอยู่ไหน ?”พี่เวฟถามแล้วยื่นมือมาหาผม ผมเลยหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นให้ ผมก็นึกว่าจะเช็ดเหงื่อตัวเอง แต่ที่ไหนได้พี่เวฟซับเหงื่อให้ผมอย่างเบามือ
“โอ๊ย ไอ้เวฟ น้องกูไม่ได้เป็นง่อย”พี่โอห์มคงจะเห็นแล้วหมั่นไส้ เลยตะโกนจากอีกฝั่งของโต๊ะ
“นี่พี่เวฟจีบเพื่อนหนูหรอคะ ?”ส้มเงยหน้ามาถาม ผมนี่ชะงักค้างเลยครับ พลันสายตาหันไปรอคำตอบ
“อ้าว พี่จีบหรอครับ ?”ฮึ่ย ไอ้เราก็ว่าจะซึ้งสักหน่อย
“ค่ะ”
“พี่นึกว่า พี่เลยคำนั้นมาแล้วซะอีก”
ไอ้พี่เวฟ ไอ้อ่อยหน้านิ่ง
หน้าพี่มันนิ่งจริงๆ ครับ ไม่รู้ที่มันพูดนี่หยอดผมหรือเปล่า แต่ก็ทำให้ผมหน้าร้อนได้แหละวะ
“หยอดได้หยอดดี”ผมว่า
“แล้วใจอ่อนยังอ่ะ”พี่มันหันมาถามแล้วยิ้มมุมปาก ผมไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน ระดับนิวตันแล้ว ไม่มีหรอกคำว่าหวั่นไหว ก็พี่มันผู้ชายนี่หว่า
แต่มันก็ทำกูใจสั่นได้ตลอดเช่นกัน
แม่ง ! ทำไมพระเจ้าเอาเสน่ห์ไปอยู่ที่พี่มันหมดวะ กูเลยไม่ได้แดกใครเลย
“นี่พี่ อยู่ห่างๆ ผมได้ป่ะ พี่นั่งกับผมนะ สาวๆ ไม่มองผมเลย ผมก็ไม่ได้มองสาวไหนด้วย”ผมว่าแล้วตักก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอีกครั้ง
“มองพี่คนเดียวก็พอแล้ว”พี่เวฟพูดหน้านิ่ง ก่อนจะยักคิ้วให้ผม
“โอ้ รุกหนักเว้ย รุกหนัก”พี่คินว่า
“อ้ายยยยย พี่เวฟจีนนิวตัน อ้ายยย เขิน”เพื่อนผมไปแล้วครับ ตอนนี้มันนั่งปิดจนจะเป็นเกลียวน็อตอยู่แล้ว
เขาหยอดกูไม่ได้หยอดมึง แต่เอ๊ะ แล้วผมจะดีใจทำไม เอ้า แล้วทำไมต้องเขินด้วยวะ
“ให้มันน้อยๆ หน่อยเว้ย รุกหนักแบบนี้น้องกูตั้งตัวไม่ทัน”พี่โอห์มพูดขึ้นแล้วหัวเราะ ไอ้พี่นี่ก็แม่ง ไม่ได้มีความหวงน้องเลย จะใส่พานประเคนให้เลยไหม
“พี่โอห์มก็อีกคน ไม่คิดจะห้ามเพื่อนตัวเองแล้วก็ห่วงน้องเลย นี่ใส่พานให้เขาแล้วใช่ป่ะ ไม่พาส่งเข้าเรือนหอเลยล่ะ”ผมพูดประชด
“รอไอ้เวฟมันมาขออยู่”นั่นยังไม่เลิกพูดอีก
“กูไปขอพรุ่งนี้เลยก็ได้นะ”
กูประชดดดดด โว้ยยยย พี่เวฟฟฟฟฟฟ “ประชด ประชดเนี่ยเข้าใจไหม”ผมว่าแล้วก็กระแทกตะเกียบ ไม่ด่งไม่แดกแม่งมันละ กินไม่ลง แม่ง มีเทพบุตรหนุ่มแว่นมานั่งหยอดอยู่ข้างๆ กูทำเหี้ยอะไรไม่ถูกเลย แล้วยังมีพี่ชายตัวเองมาเสริมอีก เอาเข้าไป นี่ไปสมรู้ร่วมคิดกันมาใช่ไหม ฮึ่ย !
“ผมไปเรียนแล้วนะ หวังว่าเย็นนี้พี่จะไม่ไปบ้านผมนะ”ผมบอกแล้วจับกระเป๋าขึ้นพาดบ่าแล้วเดินออกไป แต่ใครจะไปห้ามได้ครับ มันก็แม่งไปอยู่ดี
ต่อด้านล่างครับ