#แมวเองนักเลงพอ
เป็นเช้าที่อากาศดีๆ อีกวัน ผมนอนอยู่ริมระเบียง ปล่อยให้ลมเย็นๆ พัดชโลมผ่านร่างกายไป แสงแดดอ่อนๆ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นทำให้อากาศไม่หนาวจนเกินรับได้ มีเสียงนกร้องดังมาจากที่ไกลๆ ช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ในการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
หลังจากที่กินข้าวเช้าจนอิ่มแล้ว การได้นอนหลังท้องป่องเป็นอะไรที่สุขสำราญ
ผมอาศัยอยู่ชั้นสามของบ้านทาวน์โฮมสองคูหา อาณาจักรของผมคือทั้งชั้นนี้ ไม่มีผู้ใดมาแย่งกรายหรือยึดครองอาณาจักรของผมได้ ผมใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาโดยตลอด มีป่านคอยหาข้าวหาน้ำมาให้ ป่านเป็นคนที่อยู่ร่วมอาณาจักรของผม แต่ผมไม่ถือว่าเขาจะยึดครองพื้นที่ผมหรอก ป่านใจดี ไม่เสียงดัง ผมชอบเขา ดังนั้นผมยอมให้เขาอยู่ร่วมกันก็ได้
เราอยู่ด้วยกันมาได้สามปีกว่าแล้ว ป่านอยู่กับผมมาตลอด และถ้าไม่มีเขา ผมคงเอาชีวิตรอดไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ ป่านบอกว่าโลกภายนอกโหดร้ายเกินไปสำหรับผม ป่านเลยให้ผมอยู่ในบริเวณบ้านชั้นสามเท่านั้น ซึ่งมันปลอดภัยและสุขสบายมากพอที่จะไม่เรียกร้องความต้องการออกไปผจญโลกภายนอกอีก ถึงแม้ว่ามันจะอึดอัดบางครั้ง
แต่การได้กินอิ่มนอนอุ่มมันเพียงพอสำหรับผมแล้ว
ช่วงเวลาแย่ๆ ของผมจะมีก็แค่ตอนที่ผมป่วยแล้วป่านต้องพาผมไปหาหมอ ผมเกลียดโรงพยาบาล เกลียดกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่มักจะติดตัวผมเสมอเวลากลับมา เกลียดการโดนเจาะเลือด ฉีดยา เพราะมันเจ็บทุกครั้ง เกลียดการเจอผู้คนเยอะแยะมากมาย มันทำให้ผมจิตตก และถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากจะไปเลย แต่ผมขัดใจป่านไม่ได้ ดังนั้นผมต้องกินเยอะๆ และพักผ่อนให้มากๆ จะได้ไม่ป่วย ป่านจะได้ไม่พาผมไปฉีดยา
ป่านมักจะออกจากบ้านไปในช่วงสาย และกลับมาตอนค่ำๆ บางวันเขาก็ไม่ออกไปไหน นอนแผ่เป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ ผม นานๆ ทีป่านจะหายไปทั้งวันทั้งคืน และนั่นจะทำให้ผมเป็นกังวล ร้องโวยวายทุกครั้งเวลาเขากลับมา แม้ว่าป่านจะขอโทษแต่ผมก็ไม่ให้อภัยเขาอยู่ดี ผมไม่ชอบอยู่ตัวคนเดียว การมีป่านอยู่ข้างๆ จะทำให้ผมสบายใจมากกว่า แต่ป่านไม่เคยเข้าใจเลย เขายังคงออกไปค้างคืนนอกบ้านอยู่ดี
ผมไม่พอใจ แต่ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนในบ้านมืดๆ รอป่านกลับมา
บางทีป่านก็กลับมาพร้อมกับกลิ่นที่แปลกไป เป็นกลิ่นกายของคนอื่นที่ติดมาด้วย ผมไม่ชอบให้กลิ่นของป่านถูกใครกลบทับ แต่ป่านก็ยังเป็นป่าน ผู้ซึ่งไม่เคยเข้าใจอะไรผมเลย
วันนี้ป่านก็ออกไปข้างนอกเวลาเดิม แต่เขาเตรียมข้าวให้ผมแล้ว ถึงได้มานอนพุงป่องตากลมอยู่อย่างนี้ จะมีก็แต่ต้องรอลุ้นว่าวันนี้เขาจะกลับบ้านไหม ซึ่งผมภาวนาให้เขากลับมานอนกับผมเหมือนทุกวัน
ลมเย็นๆ ทำให้ผมหลับได้ไม่ยาก ทว่าผมดันสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกได้ถึงการจับจ้องของใครบางคน
ผมรีบหันซ้ายหันขวา พยายามหาที่มาของความรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ทว่าไม่เจอใคร ด้วยความหวาดหวั่นตามสัญชาตญาณ ผมจึงเดินกลับเข้าตัวบ้าน เลือกที่จะนอนในห้องสี่เหลี่ยมแทนการนอนโชว์ตัวริมระเบียงเหมือนเมื่อครู่ และคราวนี้ผมก็หลับสนิทได้ดีกว่าเดิม
ป่านกลับมานอนกับผมในคืนนี้ ทำให้ผมมีความสุข และลืมเรื่องราวเมื่อกลางวันไปเสียสนิท
วันต่อมาป่านออกไปนอกบ้านระหว่างที่ผมกำลังหลับปุ๋ย พอตื่นมาผมไม่เจอป่านแล้วแต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะเข้าใจตารางเวลาของเขา ขอแค่ป่านกลับมาหาผมก็พอ วันนี้ไม่มีอะไรให้ทำไปมากกว่ากินและนอนเฉยๆ เหมือนทุกวัน ทว่าพอเดินสำรวจอาณาจักรจนทั่ว ผมสังเกตว่าป่านปิดประตูไม่สนิท
ผมหันซ้ายหันขวา รู้ทั้งรู้ว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่แต่ก็ยังแอบระแวงว่าจะโดนป่านจับได้
ผมแอบก้าวออกจากประตูที่เป็นเขตแดนกั้นอาณาจักรของผม เมื่อหลุดลอดพรมแดนออกมา ผมเดินย่องลงไปชั้นสองของบ้าน สำรวจพื้นที่ที่ไม่ค่อยได้ย่างกรายเข้าไปมากนัก ก่อนจะเจอกับระเบียงกว้าง ระเบียงตรงนี้ใหญ่กว่าระเบียงชั้นสามที่ผมมักจะไปนอนเล่นบ่อยๆ พื้นที่กว้างขวางจนอยากออกสำรวจตามสัญชาตญาณทำให้ผมค่อยๆ ย่องก้าวไปดูบริเวณนั้น
ก่อนจะได้ออกจากห้องไปสู่ระเบียงกว้างตามตั้งใจ ผมดันต้องเจอกับประตูมุ้งลวดกั้นอยู่ ทำให้ผมออกไปสำรวจตามใจตัวเองไม่ได้ ถ้าป่านไม่เปิดประตูให้ ผมก็ไม่สามารถท่องเที่ยวไปที่ไหนได้ รวมถึงตอนนี้ผมชักจะหวั่นๆ ที่ตัวเองออกนอกอาณาจักรที่ปลอดภัย จึงทำการหยุดการค้นหาแต่เพียงเท่านี้ หมุนตัวกลับขึ้นชั้นสามไปอย่างเงียบๆ
พอป่านกลับมา เขาดูตกใจที่ลืมปิดประตูให้สนิท แต่พอเห็นว่าผมทำตัวเรียบร้อยดีก็โล่งใจ ป่านเป็นห่วงผมเสมอแหละ เขาคงกลัวว่าผมจะออกไปเพ่นพ่านแล้วจะเกิดอันตราย ผมรู้ และผมก็อยากบอกให้ป่านรู้เหมือนกันว่าผมเองก็เป็นห่วงเขาที่เขาเวลาที่ต้องออกไปโลกภายนอก
วันอาทิตย์มาถึง ป่านนอนอยู่บ้าน ดูทีวีกับผมทั้งวัน ผมพอใจที่มีเขาอยู่ข้างๆ ทำให้นอนหงายพุงได้อย่างมีความสุข ทว่าจู่ๆ ป่านก็คว้ามือถือ ลุกพรวดพราดออกไป วิ่งเสียงดังตึงตัง เปิดประตูดังปึงปัง ท่าทางร้อนรนของเขาทำให้ผมตกใจ และเดินตามไปดูอย่างช่วยไม่ได้
ป่านวิ่งออกจากชั้นสามไปแล้ว และด้วยความรีบร้อนของเขา ทำให้ประตูปิดไม่สนิทอีกครั้ง
ผมเป็นห่วงที่จู่ๆ ป่านก็วิ่งพรวดออกไปเลยค่อยๆ แซะตัวในช่องว่างระหว่างประตูลอดผ่านไป เดินย่องลงไปถึงชั้นสอง ก็พลันอยากรู้อยากเห็นว่าระเบียงกว้างขวางใหญ่โตนั่นพร้อมเปิดให้ผมไปสำรวจหรือยัง จึงได้แอบออกนอกลู่นอกทาง หันหน้าไปอีกทางแทนการติดตามป่าน
ทางไปสู่ระเบียงใหญ่ยังคงขวางไว้ด้วยประตูมุ้งลวดอยู่เช่นเดิม
ครานี้ผมนั่งลงตรงหน้าประตูมุ้งลวด ลายตาข่ายของมันทำให้ผมมุดออกไปไม่ได้ แต่เห็นวิวภายนอกได้อย่างดี ในระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นชิน ผมพลันสบตากับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง
ผมตกใจถึงขีดสุด รีบลุกขึ้นยืนถอยหลัง สายตาของเขายังคงจับจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตา ผมไม่ได้เจอใครนานแล้ว อย่างน้อยถ้าจะเจอ ก็จะเจอด้วยกันกับป่าน และมักจะเป็นตอนที่ไปโรงพยาบาล ผมไม่เคยเจอคนแปลกหน้าในขณะที่ไม่มีป่านแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ผมกลัว
คนนั้นตัวโตกว่าผมหลายเท่า ท่าทางสมชายมาดแมน ตาเรียวขวางทำให้ผมกลัวเขาโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ แค่เขาจ้องมา ผมก็เกร็งไม่เป็นท่า ทำอะไรไม่ถูก ซ้ำร้าย เขายังก้าวเข้ามาหาผมใกล้ขึ้นเรื่อยๆ จนผมได้แต่หวังว่าประตูมุ้งลวดนี่จะช่วยกั้นไม่ให้เขาบุกเข้ามาได้
และพอเขาเข้าใกล้จนถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้น
“ไง”
“...” ผมแทบจะลืมวิธีคุยกับคนอื่นไปแล้วด้วยซ้ำเลยไม่ได้ตอบอะไรกลับไปในทันที เขาจึงพูดต่อ
“อยู่ที่นี่เหรอ”
“...ใช่”
“ฉันอยู่บ้านตรงข้าม เพิ่งย้ายมา เห็นนายมาหลายวันแล้ว”
“...ห...เหรอ”
“เห็นเอาแต่นอนอยู่บนระเบียงชั้นสาม ไม่คิดจะออกไปข้างนอกด้วยกันหน่อยหรือไง”
“...”
ผมเงียบ ไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ผมกลัวเขา กลัวคนแปลกหน้า พอรับรู้ว่าเขาสังเกตผมมาตลอดนั้นยิ่งทำให้ผมกลัวเขามากกว่าเดิม แสดงว่าตอนที่ผมรู้สึกไม่ดีก่อนหน้านี้ คือเขากำลังจ้องมาที่ผมอย่างนั้นหรือ
กระนั้นกลับไม่กล้าปฏิเสธข้อเสนอยั่วยวนใจ ผมไม่อยากออกไปผจญโลกภายนอกก็จริง เพราะผมเอาตัวรอดไม่ได้ถ้าไม่มีป่าน แต่สัญชาตญานในตัวผมก็เรียกร้องอยู่บ่อยๆ แถมช่วงนี้ป่านดูยุ่งๆ ทำให้ผมเกิดความคิดว่าถ้ามีคนคอยดูแลผมแทนป่านก็คงดี
แต่ไม่ทันทีที่ผมจะได้ตัดสินใจอะไรกลับไป ก็ได้ยินเสียงป่านดังขึ้นมา
พร้อมกับเขา คนแปลกหน้าที่กระโจนหายไป
ป่านต่อว่าผมเสียยกใหญ่ที่แอบออกมาจากบริเวณชั้นสาม แต่ผมไม่ฟังเขา ก็ผมเป็นห่วงเขานี่ถึงได้แอบออกมา ถึงแม้จะเถลไถลไปนิดหน่อยก็เถอะ ป่านเองก็ไม่ระวัง ถ้ากลัวว่าผมจะออกมาขนาดนี้ทำไมไม่ปิดประตูให้มันดีๆ กันเล่า
พอผมเชิดหน้าใส่เขา ป่านก็ยิ่งบ่นๆๆ จนสุดท้ายเขาก็เลิกบ่นไปเองเมื่อผมไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเขา
ผมรู้ว่าป่านเป็นห่วง แต่ผมก็อยากให้รู้ว่าผมเองก็เป็นห่วงเขา ช่วงนี้ป่านออกจากบ้านบ่อยกว่าปกติ และค้างคืนข้างนอกบ่อยกว่าเดิม ทำให้ผมรู้สึกแย่ ผมพยายามจะบอกป่านแล้วแต่ป่านก็ไม่เข้าใจ เพราะอย่างนั้นจะเป็นอะไรไปถ้าผมจะลองหาเพื่อนใหม่ดู
หลายวันมานี้ป่านปิดประตูสนิท แม้กระทั่งระเบียงชั้นสาม ที่ๆ ผมชอบไปนอนพักผ่อนเองก็ถูกป่านปิดกั้นไว้ด้วยประตูมุ้งลวด ทำให้ผมออกไปไหนไม่ได้ ข้อเสนอของชายแปลกหน้านั้นยังติดอยู่ในหัว แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วถ้าผมยังติดอยู่อย่างนี้
จนวันนี้มาถึง ในขณะที่ผมกำลังนอนอิงประตูมุ้งลวดติดระเบียงชั้นสามอยู่นั้น ชายปริศนาคนเดิมก็ปรากฏตัวขึ้น เขาส่งเสียงร้องปลุกผมทำให้ผมตกใจจนสะดุ้ง
"นายนี่ไม่มีสัญชาตญานเอาเสียเลย”
“...อะ...อะไร” ผมตอบเขาตะกุกตะกัก ยังตกใจเสียงปลุกของเขาไม่หาย เขาสียงดังใส่อ่ะ ผมก็ตกใจสิ
“ว่าไง อยากออกไปด้วยกันไหม”
ผมเงียบ มองตาเขาพลางมองวิวข้างนอก ก่อนหันไปมองประตู “อยาก...แต่ผมติดอยู่ที่นี่ ไปไหนไม่ได้หรอก”
“ได้สิ” ผมมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ คนตัวใหญ่กว่าจึงเอ่ยต่อ “หลบไปหน่อย”
ผมทำตามที่เขาสั่ง ลุกขึ้นก้าวถอยหลังออกห่างบานมุ้งลวด ก่อนที่เขาจะผลักมันสองสามที และทันใดนั้นเอง ประตูที่ใช้กั้นเป็นพรมแดนของผมก็เปิดออก
“เปิดแล้ว ออกมาสิ” เขาว่า และผมก็ทำตามคำเชิญชวนของเขาอย่างห้ามไม่ได้
เดินออกจากเซฟโซน ไปสู่โลกที่ผมไม่รู้จัก
ผมไม่ค่อยได้ออกไปไหนอย่างที่บอก ทำให้เวลาเดินตามเขาค่อนข้างจะทุลักทุเล เขากระโดดผ่านรั้ว ปีนผ่านนั่นนี่มากมาย ส่วนผมก็หล่นตุ๊บเป็นพักๆ จนเขาต้องรอ ไม่ก็มาสอนวิธีกระโดดให้ผมดู น่าอายเป็นบ้า
แต่ก็สนุกไม่น้อย
สภาพแวดล้อมแปลกใหม่ทำให้ผมหวาดกลัวในคราแรก และตื่นเต้นในคราหลัง รู้สึกสนุกที่ได้ออกสำรวจพื้นที่ใหม่ๆ ตามเขาไป
ในระหว่างที่เรากำลังนั่งพักเพราะผมหล่นจากกำแพงบ้านเป็นครั้งที่สาม เขาก็ถามขึ้น
“ชื่ออะไรน่ะ”
“หืม”
“ชื่อ ปกติคนอื่นเรียกนายว่าอะไร”
“อ๊อตโต้ ป่านเรียกผมว่าโต้”
“โอเค โต้” เขายิ้ม เป็นครั้งแรกที่ผมใจกระตุก “วันนี้พามาแค่นี้พอก่อนแล้วกัน”
“อ...อ้าว ทำไมล่ะ”
“นายยังไม่คล่อง ไปไกลกว่านี้เดี๋ยวได้กลับช้าเอา”
ผมเข้าใจเหตุผลของเขาทันที ถ้าป่านกลับบ้านแล้วไม่เจอผม ป่านต้องโวยวายแน่ๆ และผมน่าจะถูกจำกัดพื้นที่มากกว่าเดิม ทำให้ยอมตามเขากลับทางเดิม ปีนป่ายจนถึงระเบียงชั้นสองของบ้านตัวเอง
“ส่งแค่นี้พอนะ ปีนขึ้นไหวใช่มั้ย”
“อื้อ ไหว” ผมบอกเขา และก่อนที่เขาจะจากไป ผมรีบเอ่ยถาม “แล้วนายชื่ออะไร”
เขาหันมายิ้มให้อีกครั้ง เอ่ยบอกชื่อ
“โก๋”
หลังจากวันนั้น ผมโดนป่านจับอาบน้ำเพราะตัวเปื้อนฝุ่น แต่ผมไม่โวยวายอะไรเพราะโก๋มาหาผมอีกบ่อยๆ โดยที่ป่านไม่สงสัย เขาคิดว่าประตูเปิดเพราะแรงลม และปกติแล้วผมมักจะออกไปตากลมที่ระเบียงอยู่แล้ว เขาเลยวางใจ คิดว่าผมไม่ออกไปไหน แต่ป่านคิดผิด โก๋พาผมเที่ยวตลอดเลยทั้งกลางวันเวลาป่านไม่อยู่ และกลางคืนเวลาป่านหลับแล้ว หรือทั้งวันหากป่านไม่กลับบ้าน
มันสนุก สนุกมากๆ เลย สนุกจนผมลืมไปแล้วว่าทำไมป่านถึงไม่อยากให้ผมออกจากบ้าน สนุกจนนึกโกรธเขาที่เอาแต่ขังผมไว้ แต่ตัวเองออกไปสนุกอยู่คนเดียว โลกภายนอกมีอะไรให้ผมเรียนรู้เยอะแยะ มีของน่าสนใจเต็มไปหมด จากที่ผมเคยคิดว่าโลกภายนอกมีแค่โรงพยาบาล ตอนนี้กลับไม่ใช่แล้ว
นี่คือโลกของผม
ผมปีนป่ายได้คล่องแคล่วกว่าเดิม วิ่งตามโก๋ทันแล้ว และโก๋ก็ไม่ต้องรอผม หรือหัวเราะเวลาผมปีนพลาดอีกแล้วด้วย วันนี้เขาบอกจะพาผมมาแนะนำให้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ผมตื่นเต้น นึกว่าโลกนี้ผมจะไม่มีทางได้รู้จักกับคนพวกเดียวกันเสียแล้ว
โก๋พาผมมาที่ซอยหลังหมู่บ้าน เขาบอกว่าที่นี่เป็นที่ชุมนุมของพวกเรา คำว่าพวกเราทำให้ผมรู้สึกดีเป็นบ้า จากแต่ก่อนที่คิดว่าโลกของผมมีแค่ป่าน แต่มันไม่ใช่ ป่านไม่ได้อยู่โลกเดียวกับผม พวกนี้ต่างหากที่เป็นพวกเดียวกับผม
พอเจอเพื่อนๆ โก๋ ผมก็รีบแนะนำตัว ทุกคนต่างก็แนะนำตัวกลับ และแยกย้ายอยู่ที่ใครที่มัน พวกเขาไม่ค่อยได้รวมตัวกันบ่อย ต่างคนต่างอยู่ในพื้นที่ของตัวเองมากกว่า นานๆ ทีถึงจะมารวมตัวกันเช่นนี้ โก๋บอกว่าพวกเขาจะช่วยเราได้ถ้าเรามีปัญหา อย่างเช่นเจอพวกอื่นลอบกัด หรือรุมไล่กัด ให้รีบมาขอความช่วยเหลือที่นี่ ผมเชื่อโก๋ และเชื่อใจพวกเพื่อนของโก๋สุดใจ
แต่แล้วโลกอันแสนสนุกของผมก็พังทลาย
วันนี้โก๋พาผมออกจากบ้านมาตอนค่ำ เพราะมีเรียกประชุมกลุ่มด่วน ผมคิดว่าป่านคงไม่กลับบ้าน เพราะส่วนใหญ่ป่านมักจะกลับมาก่อนพระอาทิตย์ตก เลยออกไปตามคำชวน ทว่าพอมาถึงที่ชุมนุมของพวกเรา โก๋ก็ได้รับแจ้งจากเพื่อนอีกคนว่าทางหมู่บ้านฝั่งซ้ายมีปัญหา โก๋เป็นที่พึ่งพาของพวกเรา ทำให้เขาต้องออกไปจัดการ และนั่นทำให้ผมต้องอยู่กับพวกเพื่อนโก๋ตามลำพัง
ผมกระโดดไปนั่งบนกำแพงบ้านใครสักคนเพื่อรอเขา ตรงนี้เป็นที่ประจำของผมเวลามาที่นี่ และผมคิดว่าคนอื่นๆ ก็จะอยู่ที่ใครที่มันเหมือนทุกที ทว่าวันนี้กลับไม่ใช่ พวกเขาดูแปลกไป ทุกคนหันมาที่ผมราวกับเจอของประหลาด
“อะไรเหรอครับ”
ผมเอ่ยถาม เมื่อเห็นพวกเขาจ้องผมไม่วางตา
“ลูกพี่แกไปแล้ว ทีนี้เรามาลองรับน้องใหม่กันดูไหม”
“รับน้อง? อะไรหรือครับ” ผมถาม ไม่เข้าใจความหมาย โก๋ไม่เคยสอนคำว่ารับน้องให้ผมรู้จัก แทนที่ผมจะได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่จากการอธิบาย ผมกลับโดนแขนของใครสักคนฟาดเข้าหน้าอย่างจัง
ผมร้องโอดโอย โซเซร่วงหล่นจากกำแพง พอรีบพลิกตัวก่อนสู่พื้นดินได้ทัน ผมก็โดนพวกเขาอีกหลายคนรุมฟาดผม ผมดิ้นหนี กรีดร้องโวยวาย พยายามสู้กลับแต่ไม่เป็นผล ผมตีใครไม่เป็น โก๋ไม่เคยสอน ป่านก็ไม่เคยสอน ได้แต่ยกแขนสะเปะสะปะ และกลายเป็นกระสอบทรายให้พวกเขารุมอัด
“คิดว่าพี่โก๋ไปรับแกมาแล้วจะได้เป็นใหญ่งั้นสิ ไอ้ลูกแมว”
“ทำตัวกร่างไปทั่ว พอลูกพี่ไม่อยู่แกมันก็เศษขยะดีๆ นี่เอง”
“อย่าคิดว่าลูกพี่เราเอ็นดูแกจริงๆ แกมันก็แค่เด็กพิการที่ลูกพี่ใจบุญรับมาเป็นพวก”
“ลูกพี่รับแกไม่ได้หมายความว่าพวกข้าจะรับแกโว้ย”
สารพัดเสียงด่าทอดังมาในขณะที่ผมจมอยู่ใต้ฝ่ามือและฝ่าเท้าของหลายๆ คน ก่อนที่ผมจะสิ้นสติ ผมได้ยินเสียงเห่าดังขึ้นมาใกล้ๆ ทำให้พวกเขากระเจิงหนี ส่วนผมเองก็เตลิดหนีไปอีกทาง วิ่งออกมาให้ห่างจากสถานที่รวมพลนั่นให้มากที่สุด ก่อนจะมามุดอยู่ใต้โพรงหญ้าตัวสั่น
พวกสุนัขของยามที่นี่ดุร้ายมาก โก๋เตือนผมว่าถ้าเจอให้รีบวิ่งหนีทันที อย่าคิดสู้ ให้รีบปีนขึ้นที่สูง พวกนั้นจะได้ทำอะไรไม่ได้ เสียแต่ตอนนี้ผมหมดแรงแล้ว และในไม่ช้าผมคงโดนพวกสุนัขกัดจนตายอยู่ตรงนี้
ผมคิดถึงโก๋ ผมอยากให้เขามาช่วยผมเหมือนทุกครั้ง
และผมคิดถึงป่าน
ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ อากาศตอนกลางคืนหนาวจนผมสะดุ้งตื่น ผมทั้งเจ็บแผลทั้งเหน็บหนาว ดีเท่าไหร่แล้วที่พวกสุนัขตามหาผมไม่เจอ เพราะผมไม่มีแรงหนีแล้วจริงๆ กว่าจะรวบรวมเรี่ยวแรงให้ลุกขึ้นได้ก็แทบแย่ แถมพอจะก้าวเดินผมก็ล้มพลั่ก เจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
ผมอยากกลับบ้าน
กลับไปให้ป่านดูแลตลอดไป แล้วไม่ออกไปไหนอีก
ผมน่าจะเชื่อป่าน โลกภายนอกอันตรายเกินไปสำหรับผม
ผมร้องเสียงแผ่วอย่างหมดแรง คิดว่าตัวเองคงไม่รอดไปจนถึงพรุ่งนี้เช้า หวังว่าป่านจะได้ยินเสียงของผม
ทว่าเสียงที่ดังขึ้นกลับเป็นเสียงของอีกคน
“โต้?”
ผมมองไม่เห็นเขาเพราะต้นเสียงมาจากข้างหลัง แต่ผมรับรู้ได้ทันทีว่าคือโก๋ และมันก็เป็นจริง เขาวิ่งมาหยุดตรงหน้าผม สำรวจสภาพผมแล้วเขาก็ตกใจ
“ทำไมเป็นแบบนี้”
ผมไม่มีแรงอธิบาย และโก๋ก็ไม่ถามอะไรอีก เขาหิ้วผม วิ่งตรงบนท้องถนนอย่างไม่นึกเกรงกลัวรถราหรือหมาตัวไหน โก๋แข็งแกร่งและกล้าหาญ ผมอยากเป็นได้อย่างโก๋บ้าง จะได้ไม่ต้องมาหมดสภาพเช่นนี้
น่าแปลกที่ผมเป็นขนาดนี้แล้วแต่ผมไม่คิดโทษโก๋เลย ผมรับรู้ได้ว่าโก๋จริงใจกับผม เหตุการณ์วันนี้โก๋เองก็คงไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ไม่งั้นเขาคงไม่มาช่วยผมอย่างนี้หรอก
ในขณะที่ผมกำลังจะหมดสติ ผมเห็นหน้าบ้านของตัวเอง เห็นป่านที่ยืนถือไฟฉายไปมา
.
“เจ้าแมวบ้า แอบหนีออกไปทำไม แถมไปโดนใครกัดมาอีก ถ้าแกเป็นอะไรฉันจะทำยังไง”
ผมได้ยินเสียงป่าน ก่อนเห็นใบหน้าเขาซบลงบนโต๊ะ สะอึกสะอื้นร้องไห้ ผมลองขยับตัวก็พบว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่แปลกตา และกลิ่นที่ผมรังเกียจก็ลอยมาแตะจมูก ผมอยู่ที่โรงพยาบาล
ผมร้องเสียงแผ่วตอบรับป่าน พอเขาได้ยินก็เงยหน้ามาสบตาผม ก่อนตะโกนอะไรสักอย่างที่ผมจับใจความไม่ได้ แล้วพยาบาลก็เข้ามาตรวจร่างกายผม
สรุปได้ว่าผมควรพักที่นี่อีกสองสามวันเพื่อดูอาการ ผมไม่อยากนอนอยู่ที่นี่แต่หมดแรงต่อต้าน ป่านเองก็บอกว่าจะมาหาผมทุกวัน
ตลอดเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาล ผมไม่คุยกับใคร แม้จะเจอพวกเดียวกันแต่เพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาทำให้ผมไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับใครอีก แถมทุกคนเองก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ได้มาสนใจผมเช่นกัน ผมเฝ้ารอวันที่จะได้ออกจากที่นี่ ได้กลับไปนอนที่บ้านกับป่านอีกครั้ง
สามวันหลังจากนั้น ป่านมารับตัวผมกลับ เขาแซวว่าผมซึมลง นั่นมันก็แน่อยู่แล้ว ผมต้องนอนโรงพยาบาลคนเดียว กลิ่นเหม็นๆ และไม่มีป่านอีก จะให้ผมชอบได้ยังไง ทันทีที่ถึงบ้าน ผมก็ออกสำรวจเล็กน้อยเพื่อพบว่ากลิ่นของผมยังคงอยู่ ผมได้กลับมายังอาณาเขตที่รักของตัวเองแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอะไรอีก
ถึงอย่างนั้น ผมกลับคิดถึงโก๋เหลือเกิน
ป่านนี้โก๋คงเตร็ดเตร่อยู่ที่ไหนสักที่ เป็นที่พึ่งพาให้ใครหลายๆ คน เขาคงหมดความสนใจในตัวผมที่เป็นตัวถ่วงแสนกระจอกแล้ว คิดแล้วก็ซึมอีกครั้ง แต่ว่าป่านอยู่กับผมทั้งวันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย
ช่วงนี้ป่านไม่ออกไปไหนเลย แต่เขาพามนุษย์เพศชายมาอยู่ด้วยคนนึง คนเดียวกับที่ผมเคยได้กลิ่นจากตัวป่านเมื่อนานมาแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ชอบที่เขารุกล้ำพื้นที่ ไม่ไว้วางใจที่จะอยู่ใกล้ๆ กับคนของป่าน เดินหนีทุกครั้งเวลาเขามาให้ หลบเมื่อเขาพยายามมาสัมผัสตัว แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ทำอะไรน่ากลัวใส่ผม ทำให้ผมเริ่มไว้ใจขึ้นมาบ้าง
อย่างไรเสีย ถ้าเขาทำอะไร ผมก็มีป่าน ผมจะฟ้องป่านได้
ผมนอนพิงประตูมุ้งลวดมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว เหม่อมองออกไปข้างนอก มองลมมองแดด พลางคิดถึงคนที่เคยพาผมออกไปจากที่นี่ แม้ไม่ได้อยากออกไปที่ไหนอีก แต่ผมคิดถึงโก๋ คนที่เปิดโลกให้ผม
โก๋บอกว่าอยู่บ้านตรงข้าม แต่ผมมองออกไปทีไรก็ไม่เคยเจอเขาเลย ผมคิดถึงเขา คิดถึงจริงๆ นะ
วันนี้ผมนอนอิงประตูระเบียงเหมือนเคย รับลมอ่อนๆ ที่พัดเข้ามาจนเคลิ้มหลับ พอตื่นมาอีกทีก็ได้แต่ตกใจจนต้องขยี้ตา
โก๋มานอนเฝ้าผม!
ผมมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตาอีกครั้ง โก๋นั่งหลับตาพริ้มอยู่นอกระเบียงจริงๆ ผมรีบร้องเรียกชื่อเขา โก๋ลืมตาขึ้นมา จ้องหน้าผม
“ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”
“ได้ ได้สิ”
ผมรีบตอบรับ ขยับตัวออกจากประตู ปล่อยให้เขาเปิดมัน พอโก๋เข้ามาผมก็รีบเข้าไปหาเขาทันที ถูไถคลอเคลีย ออดอ้อนเพื่อบอกว่าผมคิดถึงเขา ตอนแรกโก๋ก็นิ่งจนผมใจแป้ว โก๋อาจจะรำคาญผม ทว่าวินาทีต่อมาหลังจากที่คิดเช่นนั้น โก๋ก็แลบลิ้นออกมาเลียแก้มผม ผมตกใจ แต่ก็ปล่อยให้เขาทำตามใจ
“โต้ ขอโทษนะ เรื่องเมื่อตอนนั้น”
“อื้อ ผมไม่โกรธโก๋เลย ผมผิดเอง”
“ฉันสิผิด ไม่ดูแลนายให้ดี”
“แค่โก๋พาผมออกไปเที่ยวข้างนอกผมก็ดีใจแล้ว”
“ไม่ดีหรอก ฉันทำให้นายเจ็บ”
“แต่ผมก็ไม่เป็นไรแล้วนี่นา”
“ถ้าฉันไม่เจอนาย มันจะไม่เป็นอย่างนี้”
“แต่ตอนนี้ผมก็อยู่ดีนี่ โก๋อย่าคิดมากเลย ผมคิดถึงโก๋นะ”
ผมพูดจบ โก๋ก็ไถตัวมาคลอเคลียผมมากขึ้น ทำให้ผมรู้ว่าโก๋รู้สึกผิด แต่ผมไม่เคยโกรธโก๋อย่างที่บอก เลยเลียเขากลับ โก๋เลยไล่เลียผมตรงโน้นทีตรงนี้ที ผมเอ่ยถามเขาถึงระยะเวลาที่โก๋หายไป พร้อมกับปล่อยให้เขาเลียตัว
“โก๋หายไปไหนมา”
“ไปจัดการเรื่องวุ่นๆ มานิดหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือ”
“ไม่มีอะไรแล้ว จากนี้ฉันจะไม่ไปวุ่นวายแล้ว จะอยู่กับนายตลอดเลย ดีไหม”
“ดีสิ ดี ผมคิดถึงโก๋ คิดถึงๆ”
โก๋หัวเราะเบาๆ เลียตัวผมต่อ สัมผัสของโก๋ทำให้ผมสบายใจ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวจนลืมไปว่าป่านก็อยู่ที่นี่
“ไอ้จิ๊กโก๋ แอบเข้ามาได้ยังไง!”
ป่านร้องเสียงดังดุเขา แต่ผมไม่ให้ป่านไล่เขาออกไป เอาตัวมาบังโก๋ไว้ โก๋เคยปกป้องผมแล้ว คราวนี้ผมต้องปกป้องโก๋ ผมต้องบอกป่านให้รู้ว่าโก๋เป็นคนดี แต่ป่านไม่เคยเข้าใจเสียงผม ผมต้องหาวิธีอื่น
“ป่าน มึงก็ปล่อยๆ ไปเถอะ แมวมันมาด้อมๆ มองๆ ตั้งหลายวันแล้ว มึงก็ไปใจร้ายไล่มัน”
“ก็นั่นแหละ ไอ้จิ๊กโก๋ต้องแอบพาโต้ของกูออกไปตอนนั้นแน่ๆ เลย แล้วมึงดูสภาพโต้กูดิ เกือบตาย กูจะกล้ายอมให้มันเข้าใกล้อีกได้ไง”
“แต่ไอ้โก๋มันก็เป็นคนคาบไอ้โต้กลับมาหามึงไม่ใช่หรือไง”
“แต่โต้เป็นแบบนี้ก็เพราะมัน”
“...มึงลองดูแมวตัวเองก่อน ไอ้โต้ออกจะชอบใจไอ้โก๋ ดูดิ เลียกันไม่หยุด”
“โต้...ไอ้แมวบ้า”
ป่านอย่าว่าผมเลย ถ้าป่านเอาผู้ชายเข้าบ้านได้ ผมก็ต้องพาโก๋เข้าบ้านได้เหมือนกัน
✧✧✧
วันก่อนแมวจรข้างบ้านแอบบุกเข้าบ้านเราค่ะ
เลยออกมาเป็นเรื่องนี้
ใช่ค่ะ เราเขียนฟิคให้แมวตัวเอง555555555555555555555555
แต่คิดว่าถ้าแมวจรตัวนั้นเจอกับแมวเราน่าจะตีกันตายมากกว่า TvT
ยังไงก็ขอฝากแท็ก #แมวเองนักเลงพอด้วยนะคะ