อีกแค่อาทิตยืเดียวก็จะเดินข้ามปีอีกแล้ว 1 ปีที่ผมได้เรียนรู้ชีวิต ของการเป็นผู้ใหญ่ถึงมันจะหนักหนาสาหัญ แต่มันก็มีความสุขกว่าตอนเรียน เรียกว่าสุขไปอีกแบบก็เป็นได้ ถึงงานที่ได้จะไม่ใช้งานเดียวกับที่เราเรียนจบ แต่ผมก็ชอบมันนะครับ
เราจะตื่นเช้าขึ้นมาแล้วมองหน้าคนที่เรารัก
เราจะตื่นเช้าขึ้นมาแปรงฟัน ด้วยแปรงที่มียาสีฟันอยู่บนแปรง
เราจะตื่นเช้าขึ้นมา แล้วมีโกโก้ร้อนๆร้อนเราอยู่
และเราก็จะหลับตาลง ด้วยจมูกนิ่มๆ และคำว่าฝันดี
ผู้ชนะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
งานกลางแจ้ง โต๊ะจีนที่ปูด้วยผ้าสีชมพูประหนึ่งว่านี้เป็นครั้งแรกของมันสำหรับงานนี้ ซุ้มดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีขาว ผู้คนมากมายยืนรอต่อคิวถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาว บริเวณโต๊ะลงชื่อเพื่อรับซองที่ผมเองก็ได้รับเหมือนกันเต็มไปด้วยของขวัญทั้งกล่องใหญ่น้อย ของชำร่วยในงานเป็นขวดน้ำหอมขนาดพอดีมือ มีขอความเล็กๆเขียนพรรณนาเกี่ยวกับความรักแตกต่างกันไปตามกลิ่นของน้ำหอม อากาศวันนี้เรียกว่าเป็นใจกับงานทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่มีเมฆเลยมองขึ้นฟ้าก็เห็นดาว พอหลับตาก็ได้ยินเสียงเพลงรักที่ตลบอบอวนไปทั่วทั้งบริเวณ มีวงดนตรีเล็กๆเล่นเพลงร่วมสมัยไม่ใช่ลูกทุ่งที่ผมเคยได้ยินบ่อยๆตอนที่ยังเรียนอยู่
“ผมขนะพี่” ผมหยุดคิดและมองตามเสียงที่ดังมาจากข้างหลัง
“หมายความว่าไง”
“ก็นี้ไง พี่ไม่เห็นอะไรเลยรึไง” เอิทในวันนี้หน้าตาดูพัฒนากว่าเมื่อก่อนมาก จมูกที่ดูเรียวเป็นสัน ร่างกายที่ดูใหญ่ขึ้น คงเป็นไปตามอายุ แต่มองรวมๆก็คือหล่อขึ้นนะ ผมไม่ได้โกรธอะไรกับคำพูดที่ได้ยินได้แต่ยิ้ม แล้วเอามือไปแตะที่บ่าเอิท
“ไม่เจอกันนานเลยนะเรา หล่อขึ้นเป็นกองเลย” สีหน้าเอิทดุแปลกใจกับคำทักทายของผม
“ครับ”
“หายไปอยู่ที่ไหนมาละ ไม่กลับไปเรียน”
“ก็ไม่ไปไหนหรอกพี่ ผมก็อยู่แถวๆนี้ละครับ”
“ดีละ”
“พี่ไม่เป็นอะไรเลยรึไง”
“ทำไมพี่ต้องเป็นอะไรว่ะ” ผมขมวดคิ้ว
“ไม่รู้ดิพี่”
“เอ๋อเอ็งเดินเข้ามาถามพี่ยังไม่รู้เลยว่าพี่ควรจะเป็นอะไร ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนี้ไม่มีใครชนะ มีแต่คนแพ้”
“พี่จะไปไหน”
“รึไม่จริงละเอิท พี่ไปก่อนนะ” ผมเดินหนีเอิทออกมาสังเกตมิ๊กอยุ่ไกลๆ ทำไมนะสีหน้าของคนที่กำลังแต่งงานถึงไม่มีความสุขเลย สายตาเมิงกำลังมองหาใครอยู่กันแน่นะมิ๊ก
“เอ่อว่าไง” ผมกดรับโทรสับ
“เรียบร้อยแล้วนะโว้ยโอมห์”
“หมดไปเท่าไรว่ะ”
“9 พัน”
“ได้มาเยอะรึเปล่า”
“ประมาณ 5 นาที”
“5 นาทีเลยรึไงว่ะ ทำไมนานจังว่ะ เอ่อแค่นี้ก่อนนะเมิงกรุมีสายเข้า”
“ว่าไงปลื้ม”
“พี่ผมอยู่หน้าบ้านแล้วนะ พี่อยุ่ไหนบ้านมืดเลย”
“ได้เอาอีกเบอร์มารึเปล่า”
“เอามาครับ”
“เปิดดูที่อยุ่พี่ในเครื่องนั้นนะ แล้วตามมานะ” ผมวางสายจากปลื้มแล้วมายืนกุมมือตัวเองอยู่เงียบๆที่โต๊ะของพ่อกับแม่ ผู้ใหญ่คุยกันเป็นเรื่องสนุกจริงๆ ในงานผมมีโอกาสเจอเพื่อนเก่าๆอีกหลายคน ไม่แปลกเลยที่หลายคนจะเดินเข้ามาถามผมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ไปเจอกันได้ยังไง ผมได้แต่ส่ายหัว แล้วตอบไปว่าไม่รู้เรื่องว่าพวกเขาไปรักกันตอนไหน กรูก็มารู้พร้อมๆพวกเมิงเลย
“โอมห์ เรียนเป็นไงบ้างลูก”
“จบละมั้ง ไม่รู้ดิแม่”ผมตักขนมหวานของโปรดผมเข้าปาก เหมือนเจ้าของงานจะรู้เน๊าะว่าผมชอบอะไร
“ทำไมงั้นละโอมห์”
“ก็ไม่รู้อะแม่ มันเป็นเรื่องของอนาคตยังไม่สอบเลย จบไม่จบใครจะไปบอกได้”
“ไอ้ลูกคนนี้นิ” แม่ผมเอามือมาหยิกแก้มผม
“แม่ทำไร อายเขา”
“มาแล้ว ลูกชายสุดหล่อของแม่อีกคน มิ๊กมานี้สิลูก”มิ๊กดูจะแปลกใจที่เห็นผมนั่งอยู่ที่โต๊ะกับพ่อและแม่ ผมยิ้มให้แบบมิตรภาพที่ผมเคยมีให้เหมือนนานมาแล้ว
“โอมห์”
“อ้าวพวกเรายังไม่ได้เจอกันอีกรึไงเนี่ย”
“ครับ คุณน้า”
“มาๆถ่าบรูปกันดีกว่า ยิ้มนะครับ” ตากล้องส่งเสียง
“ทำไมต้องสั่นด้วยว่ะมิ๊ก” ผมหันหน้าไปมองมือมิ๊กที่จับไหล่ผมจนรู้สึกได้ว่ามือกำลังสั่น
“ไปก่อนนะครับคุณน้า ไปก่อนนะโอมห์”
“อืม เดี๋ยวไว้เจอกัน” ใช่เดียวเราได้เจอกันแน่ ผมยังยิ้มแบบเดิมให้กับมิ๊กอีกครั้ง
“แม่เดี๋ยวออกไปรับปลื้มก่อนนะ”
“อ้าวไอ้หนุนั้นมาด้วยรึ”
“เพิ่งมาจากลำปาง”
“เด็กพวกนี้นินะ”
“ปลื้ม”
“อะไรเนี่ยพี่โอมห์” ผมเดินเข้ามาโอบปลื้มจากด้านหลัง
“แต่งตัวสะหล่อเลยนะ จะมาเป็นแขกรึว่าเป็นเจ้าของงาน”
“ไม่รุ้ดิ ไว้โอกาสหน้าแล้วกันตอนนี้เจ้าสาวยังบ้อๆบอๆไม่เต็มอยู่” ปลื้มมองหน้าผมตาไม่กระพริบ แล้วเอามือมาลูบหัวผม
“ไม่เป็นไรนะโอมห์” ผมเงียบ
“ปลื้มร้องเพลงนั้นได้รึเปล่า”
“เพลงอะไรพี่” ผมหยิบไอโฟนขึ้นมาให้ปลื้มฟัง
“ได้สิพี่ ผมฝึกอยู่ พอดีเลยว่าจะไปเล่นโชว์ที่ร้านพอดี”
“จริงดิ เล่นกีตาร์ได้ด้วยรึ”
“ครับ ผมเห็นพี่ชอบก็ก่ะว่าจะร้องให้ฟัง”
“ดี งั้นร้องอวยพรให้ไอ้มิ๊กมันหน่อยนะ”
“แต่ความหมายมัน”
“นั้นละเพราะความหมายมันไง”
“ไม่ดีรึไง” ผมจับมือปลื้ม
“พี่ขอนะปลื้ม”
“ครับ”
“ดีละ งั้นมากับพี่หน่อย พี่จะแนะนำใครให้รู้จัก”
“ใครพี่”
“เด้กใหม่พี่ แกะกล่องเลย” ผมจูงมือปลื้มเดินตามทางลัดเลาะไปที่หลังเวที พอปลื้มเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหลังเวทีถึงกับหน้าบูดเลยทันที
“เอาน่า ครั้งเดียวเองนะ”
“พี่โอมห์ตลอดเลย แล้วงี้เมื่อไรเงินจะครบ เมื่อไรผมจะได้ไปเที่ยวกับพี่ละ”
“นะๆ ไม่โกรธกันนะ” ปลื้มยังไม่พูดอะไร
“เห้ยโอมห์” เพื่อนผมเดินเข้ามาเรียก ทุกอย่างถูกวางไว้เป็นชุดๆรอแค่เวลาที่มันจะถูกใช้งานเท่านั้น น้องเพลิงดูจะสนุกกับเรื่องที่ผมกำลังจะทำไม่น้อย ปลื้มเองก็ยังดูเครียดกับเรื่องที่ผมทำ คงจะเพราะเสียดายเงินแน่นอน จนเวลาที่ผมรอก็มาถึง พิธีกรในงานซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งในเพื่อนที่รุ้จักกันมาตั้งแต่เด็ก คงคิดอยู่แล้วว่ายังไงงานนี้ก็ขาดผมไม่ได้ชื่อผมถูกเรียกขึ้นมาให้กล่าวคำอวยพรแกบ่าวสาว ระหว่างที่ผมเดินเข้าไปใกล้เวทีมากขึ้นเรื่อยๆผมเห็นสีหน้าของมิ๊กที่ดูจะเสีย และกังวลกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อหน้าคนเรือนพันกว่าคน ทั้งชื่อเสียงและหน้าตาทางสังคมของพ่อและแม่ ผมบอกกับเพลิงและเพื่อนๆไว้แล้วว่าเมื่อไรที่สมควรใช้มัน สองขาที่เมื่อไม่กี่ชั่วโฒงแทบไม่มีเรี่ยวแรงในการเดินของผม ตอนนี้ผมก้าวมันอย่างมันใจขึ้นไปบนเวทีที่ประดับไปด้วยดอกไม้ น้ำแข็งรูปหัวใจสองดวง
“ผมเชื่อว่าเกือบจะทุกคนในนี้ต้องมีความสุข กับทุกๆนาทีที่เราได้เห็นชาย และ หญิง คู่นี้ ผมกับมิ๊กรู้จักกันตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ แก้ผ้าเล่นน้ำฝนด้วยกันก็ออกบ่อย ตอนเด็กนะครับ ตอนนี้คงไม่ไหว” คนข้างล่างหัวเราะกันใหญ่
“ความรู้สึกแรกที่ผมได้รุ้ว่าเพื่อนรักของผมแต่งงาน บอกได้คำเดียวว่าตกใจ ผมได้รับซองแบบที่ทุกคนได้รับกันละครับ ตอนแรกจะไม่เอาบอกตัวเองตลอดว่ากรูเป็น คริสเตียนที่ดี ไม่ใส่ผ้าป่าเด็ดขาดมันขัดต่อพระเจ้า”
“แต่ก็ไม่ใช่ ซองสีชมพู อาบไปด้วยกลิ่นน้ำหอม นี้มันไม่ใช่ผ้าป่า นี้ไม่ใช่งานบวช ผมเห็นชื่อผมถูกเชิญ แล้วก็เปิดดูโอ้พระเจ้ามันจะรีบสูงอายุไปไหน ผมหัวเราะกับเพื่อนๆที่รู้กับมิ๊กในห้องเรียนหลังจากที่เราประสบอุบัติเหตุเราก็ไม่เคยเจอกันเลย นานเหมือนกันนะครับ ทุกๆคนที่ผมเจอเขา เวลาที่ผมได้กลับมาที่บ้าน สิ่งเดิมๆที่เราจะได้ทำกันคือร้องเพลง ชายคนนี้เป็นคนที่ร้องเพลงได้เพราะมาก แต่วันนี้ผมทำสิ่งที่ตัวเองก็ไม่ได้คิดไว้เหมือนกัน มาคิดเอาหน้างานสดๆร้อนๆเลย นี้คือของขวัญจากเพื่อนคนหนึ่งครับ ”
.
.
.
.
.
ปลื้มค่อยๆเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับกีตาร์ตัวโปรด ผมไม่เคยกังวลใจอะไรเท่าครั้งนี้มาก่อน คนเบื้องล่างเงียบและทุกสายตาจับจ้องบนเวทีมิ๊กเองก็ยืนตัวสั่นอยู่ในมุมหนึ่งของเวที
“ไหวแน่นะปลื้ม”
“เชื่อใจเถอะพี่ เพราะนี้คือคำตอบของพี่นิ” ปลื้มเสียบกีตาร์เข้ากับแจ๊กเครื่องเสียงใช้เวลาไม่นานก็เริ่มต้นบรรเลิงเพลงที่ผมขอ
“สวัสดีครับ ผมเป็นน้องชายคนหนึ่งที่พี่มิ๊กเองก็รู้จัก อยากบอกตรงๆว่าผมโครตมีความสุขเลยพี่ที่ได้ทำแบบนี้ เพลงนี้ผมมอบให้พี่มิ๊กครับ Someone Like You” เหมือนผมกำลังฝันไป ทุกอย่างอยู่ในความเงียบ ปลื้มค่อยๆร้องเพลงนี้ในแบบที่ผมไม่เคยได้ยินแต่ก็เพราะจับใจ ทุกเนื้อคำร้อง ผมมองเห็นคำแปลตลอดเวลา ผมรักผู้หญิงคนนี้ เพลงนี้เหมือนมันถูกแต่งมาเพื่อตัวผมยังไงไม่รู้ วันนี้ผมยืนมองเขากับผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนกุมมือกันแล้วฟังเพลงที่ผมอยากจะมอบให้ ผมกำลังจะเป็นตัวร้ายของงานนี้ไปแล้วรึ แม่ผมรู้ดีว่าเพลงนี้มีเนื้อหาอะไร พ่อกับแม่มิ๊กก็เช่นกัน
I heard
That you're settled down
That you found a girl
And you're married now
ฉันได้ยินมา
ว่าเธอตั้งหลักปักฐานเรียบร้อยแล้ว
เธอพบกับผู้หญิงคนอื่น
และก็แต่งงานกันแล้ว
I heard
That your dreams came true.
Guess she gave you things
I didn't give to you
ฉันได้ยินมาว่า
ความฝันเธอเป็นจริงแล้ว
ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงมี
สิ่งฉันไม่มีทางให้เธอได้
Old friend
Why are you so shy?
Ain't like you to hold back
Or hide from the light
เพื่อนเอ๋ย
จะอายอะไรกัน?
มันไม่เหมือนตัวเธอเลยที่จะทำอะไรไม่เต็มที่
หรือหนีจากความเป็นจริง
I hate to turn up out of the blue uninvited
But I couldn't stay away, I couldn't fight it.
I had hoped you'd see my face and that you'd be reminded
That for me it isn't over
ฉันเกลียดจริงๆที่ต้องมาเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงและไม่ได้รับเชิญ
แต่ฉันก็หนีจากเธอไปไม่ได้ ฉันห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้
ฉันยังหวังอยู่ว่าถ้าเธอเห็นหน้าฉันแล้วเธอจะคิดได้ว่า
สำหรับฉันแล้ว ความสัมพันธ์ของเรามันยังไม่จบกัน
Never mind
I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
"Don't forget me," I begged
"I'll remember," you said
"Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead."
Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead,
Yeah.
แต่ช่างมันเถอะ
ซักวันฉันก็จะหาคนดีๆแบบเธอได้อีกครั้ง
ฉันขออวยพรให้เธอได้เจอแต่สิ่งดีๆละกัน
"อย่าลืมฉันนะ" ฉันขอร้อง
"ฉันจะไม่ลืมเธอ" เธอพูด
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งมันก็อาจจะกลายเป็นความเจ็บที่เข้าไปแทนที่ในความทรงจำ"
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งในความทรงจำของเราก็อาจจะถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด"
You know how the time flies
Only yesterday
It was the time of our lives
We were born and raised
In a summer haze
Bound by the surprise
Of our glory days
เธอรู้มั้ยว่าเวลามันผ่านไปเร็วแค่ไหน
มีเพียงเมื่อวันวาน
ที่เป็นเวลาของชีวิตเราสอง
ความรักของเราเกิดขึ้น
ในกลุ่มเมฆฤดูร้อน
ถูกโอบอ้อมไปด้วยความตื่นเต้น
และวันเวลาแห่งชัยชนะของพวกเรา
I hate to turn up out of the blue uninvited
But I couldn't stay away, I couldn't fight it.
I had hoped you'd see my face and that you'd be reminded
That for me it isn't over
ฉันเกลียดจริงๆที่ต้องมาเจอเรื่องที่คาดไม่ถึงและไม่ได้รับเชิญ
แต่ฉันก็หนีจากเธอไปไม่ได้ ฉันห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้
ฉันยังหวังอยู่ว่าถ้าเธอเห็นหน้าฉันแล้วเธอจะคิดได้ว่า
สำหรับฉันแล้ว ความสัมพันธ์ของเรามันยังไม่จบกัน
Never mind
I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
"Don't forget me," I begged
"I'll remember," you said
"Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead."
Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead,
Yeah.
แต่ช่างมันเถอะ
ซักวันฉันก็จะหาคนดีๆแบบเธอได้อีกครั้ง
ฉันขออวยพรให้เธอได้เจอแต่สิ่งดีๆละกัน
"อย่าลืมฉันนะ" ฉันขอร้อง
"ฉันจะไม่ลืมเธอ" เธอพูด
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งมันก็อาจจะกลายเป็นความเจ็บที่เข้าไปแทนที่ในความทรงจำ"
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งในความทรงจำของเราก็อาจจะถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด"
Nothing compares
No worries or cares
Regrets and mistakes
They are memories made.
Who would have known
How bittersweet this would taste?
ไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบกันได้
ไม่ว่าจะเป็นความห่วงหา ความอาทร
ความเสียใจ ความผิดพลาด
แต่มันก็เป็นความทรงจำที่เกิดขึ้นแล้ว
ใครจะไปรู้ล่ะ
ว่ารสชาติชีวิตที่หวานอมขมกลืนมันจะเป็นยังไง?
Never mind
I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
"Don't forget me," I begged
"I'll remember," you said
"Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead."
Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead,
Yeah.
แต่ช่างมันเถอะ
ซักวันฉันก็จะหาคนดีๆแบบเธอได้อีกครั้ง
ฉันขออวยพรให้เธอได้เจอแต่สิ่งดีๆละกัน
"อย่าลืมฉันนะ" ฉันขอร้อง
"ฉันจะไม่ลืมเธอ" เธอพูด
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งมันก็อาจจะกลายเป็นความเจ็บที่เข้าไปแทนที่ในความทรงจำ"
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งในความทรงจำของเราก็อาจจะมีเพียงความเจ็บปวด"
Never mind
I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
"Don't forget me," I begged
"I'll remember," you said
"Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead"
Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead
แต่ช่างมันเถอะ
ซักวันฉันก็จะหาคนดีๆแบบเธอได้อีกครั้ง
ฉันขออวยพรให้เธอได้เจอแต่สิ่งดีๆละกัน
"อย่าลืมฉันนะ" ฉันขอร้อง
"ฉันจะไม่ลืมเธอ" เธอพูด
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งมันก็อาจจะกลายเป็นความเจ็บที่เข้าไปแทนที่ในความทรงจำ"
"ความรักของเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
แต่บางครั้งในความทรงจำของเราก็อาจจะมีเพียงความเจ็บปวด
“เพลิง เอาเลยครับ”แล้วผมก็ทำสิ่งสุดท้ายที่ผมเคยสัญญาไว้ว่าจะทำ ถ้าเกิดวันไหนใครสักคนในสองคนมีความสุข เราจะทำสิ่งที่เราชอบและมองไปหามันด้วยรอยยิ้มและน้ำตา พลุถูกจุดขึ้นจากหลังเวทีมันดึงความสนใจจากคนในงานไปแล้วเรียบร้อย มีแต่ปลื้มที่ยังร้องเพลงนี้ไปจนจบ ผมมองหน้ามิ๊ก มิ๊กมองหน้าผม ผมเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาของมิ๊ก แต่คงไม่มีใครแปลกใจอะไรเพราะทุกคนคงคิดว่านี้คือสิ่งที่เพื่อนทำให้เพื่อน พลุถูกจุดจากหลังเวทีผมชอบเวลาที่เสียงของพลุดังขึ้น มันทำให้ใจผมรู้สึกตื่น ผมชอบแสงของมันถึงแม้ว่าจะสวยเพียงช่วงครู่แต่มันก็เป็นความสวยที่ดึงดูดสายตาจากทุกๆคน ผมยิ้มให้มิ๊กอีกครั้งก่อนที่จะจับมือปลื้มแล้วเดินออกจากงานนี้ไปโดยที่ไม่หันกลับไปมองมิ๊กอีก
“เพลิงวันนี้เรานอนไหน”
“ไม่รู้ครับพี่”
“มานอนบ้านพี่ไหมละ”
“จะดีรึ”
“มาเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับเชียงใหม่”
“ครับผม”
“จะกลับเมื่อไรก็ให้เพื่อนพี่ไปส่งนะ เดี่ยวพี่ไปหาอะไรกินก่อน”
“ครับ เห้ยพี่”
“อะไร”
“พี่เก่งว่ะ ไม่ร้องไห้ด้วย”
“นี้มันงานแต่ง ไม่ใช่งานศพ” ผมกดวางสาย แล้วจับมือปลื้มเดินไปที่รถแทน โทรสับผมดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปถึงรถ
“พี่มิ๊กนิ” ปลื้มพุดขึ้น
“อืม”
“พี่ไม่รับหรอ”
“มันคงจบแค่นี้ละปลื้ม”
“ทำไมละครับ”
“แกมองตาพี่ดิ แล้วยังรู้สึกว่าพี่กำลังมองให้ใครอยู่อีกรึเปล่า” ปลื้มยิ้ม แล้วเอามือมาปิดตาผม
“ต่อไปนี้ถ้าพี่ลืมตาขึ้นมาไม่ว่าจะที่ไหน พี่ก็จะเห็นผม”