ตอนที่ 6
เผลอแปบเดียวเทศกาลสอบไฟนอลก็เข้ามาเซไฮ อะไรกันเนี่ย หนังสือยังไม่ได้อ่านซักตัว ผ่านมาเทอมนึงแต่รู้สึกเหมือนไม่มีอะไรลงไปในสมองเลยครับ ทว่าผมก็ไม่ซีเรียสกับการสอบอยู่แล้ว
เพราะเรียนศิลปกรรมเอกทัศนศิลป์งานปฏิบัติก็ถือเป็นแหล่งสะสมคะแนนชั้นยอด บางวิชาทำโปรเจคท์พรีเซนต์ก็ถือเป็นการสอบ ไม่ต้องท่องหนังสือมาก(เหรออออ) เฮ้ยโปรเจคท์!!!งาน!!! ตายห่าละกู ลายเส้นก็ยังไม่ส่ง เขียนแบบก็ยังไม่เสร็จ ตาย ตาย Y__Y T_T
"พีมกูยืมคัตเตอร์หน่อยดิ๊" ผมเงยจากการร่างภาพมามองหน้าไอ้คิว มันเดินอ้อมสระน้ำข้างตึกวิทยาศาสตร์มาหาผมที่อยู่อีกฝั่งเพื่อจะมายืมคัตเตอร์เนี่ยนะ โหย ไอ่โง่ จะถ่อมาไกลเพื่อ ผมส่ายหน้าหน่ายๆแล้วยื่นคัตเตอร์สีขาวให้มัน
"กะอีแค่คัตเตอร์มึงยืมใครก็ได้นิหว่า เดินมาซะไกล"
"ทำมะ ก็กูอยากยืมมึง มีปัญหาหรอไอ่งก" มันตั้งอกตั้งใจเหลาดินสอและต่อว่าผมไปด้วย ผมยักไหล่แล้วก้มลงเขียนภาพต่อ ซักพักก็ได้กลิ่นบุหรี่ ผมเงยหน้ามองหาที่มาของกลิ่นก็เจอไอ้คิวยักคิ้วกวนตีน มือมันกำลังคีบบุหรี่ส่วนปากมันก็พ่นควันสีขาว ว่าแล้วไง แม่รงเดินหาที่อัดบุหรี่นี่เอง
"เอามั้ยมึง" มีรึจะปฏิเสธ ผมรับซองบุหรี่กับไฟแช็คมาอย่างว่อง ซองบุหรี่ไอ้คิวเป็นอะไรที่กิ๊บเก๋มาก เคยเห็นใช่มั้ยครับข้างซองที่มันจะมีรูปชวนสยอง แต่เพื่อนผมคิดใหม่ทำใหม่ ใช้ความรู้ด้านศิลปะที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์ มันตัดกระดาษแข็งทำเป็นซองขนาดมาตฐานซองบุหรี่ แต่มีคำว่าลดโลกร้อน อีกด้านเป็นนางแบบปฏิทินเบียร์ข้างล่างเขียนว่า ควันมหาเสน่ห์ สร้างสรรค์จริงๆ
ผมจัดการจุดและอัดมะเร็งเข้าปอด ไม่เป็นไรหรอกน่าพวกผมไม่ได้ติด สูบแค่ตอนกินเหล้ากับตอนเครียดๆหรือเวลาเขียนรูปสร้างอารมณ์ติสให้สมอง ไม่นานเท่าไรก็เหมือนแมลงวันได้กลิ่นขี้ ไอ้เพื่อนทั้งหลายที่ได้กลิ่นนิโคตินหลอนนาสิกประสาท ก็เดินมาหลบมุมสูบกันยกคลาส
สรุปคือผมได้มุมนั่งที่อับเหมาะแก่การซ่องสุม ปกติพวกผมไม่ค่อยแคร์หรอกครับ อยากสูบก็สูบแต่วันนี้มานั่งเขียนรูปนอกสถานที่ ก็ต้องให้เกียรติคณะอื่นเขาบ้าง
"ไงมึงถึงไหนแล้ว โหสวยดีนี่หว่า มุมกูต้นไม้บังวะ" ไอ้โจเพื่อนร่วมคลาสของผม มันยืนจ้องกระดาษของผมนิ่ง ไอ้นี่มันอาร์ตตัวพ่อหนุ่มศิลปกรรมตัวจริง ผมยาวมาเลย
"ต้นไม้บังมึงก็บอกมันหลบดิวะ"ไอ้หนึ่งที่นั่งยองๆอัดบุหรี่เอาเป็นเอาตายเงยหน้าขึ้นมายิ้มตอแหลใส่ไอ้โจ
"เออว่ะ กูก็นั่งโง่ตั้งนานคนจะเขียนรูปเสรือกมายืนบังอยู่ได้ ถุยเหี้ยหนึ่ง" พวกผมขำเอิ้กอ้ากกันตามประสา ไอ้หนึ่งมันเป็นพวกกวนตีน
จริงๆแล้วเพื่อนรุ่นผมก็แบบนี้กันหมดแหละ แม้แต่ผู้หญิงยังเป็นเลย หรือจะพูดให้ถูกคือเป็นกันทั้งเอก คนอื่นมักมองว่าพวกผมแปลก คิดอะไรทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้าน ติส สกปรก ซกมก พูดจาไม่รู้เรื่อง
หารู้ไม่พวกผมนี่แหละบรรพบุรุษแห่งความเป็นมนุษย์ผู้เข้าใจในธรรมชาติ สิ่งที่เที่ยงแท้และเป็นจริง???การอยู่ร่วมกันของสรรพสิ่งความสมดุลของหยินหยาง???ท้องฟ้ากับทะเล?? ความเวิ้งว้างไร้แก่นสารของจักรวาล???(ปกติมาก)
"ไอ้คิว ได้ข่าวแดกเด็กทันตะหรอมึง" ไอ้โจหันไปถามไอ้คิวที่ทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วเอาปลายเท้าขยี้ มันหันมายิ้มมุมปากเลวๆอวดความแน่ให้เพื่อนๆอิจฉา ห่า อย่าให้กูมีบ้างแล้วกัน
"กูว่าไอ้เชี่ยคิวจะกินครบทุกคณะแล้ววะ แบ่งๆพวกกูบ้างเหอะไอ้หล่อ"
"หึ คือคนมันหน้าตาดีอ่ะครับเพื่อน ไม่ได้หาด้วยครับ มาเองครับมึง" พวกผมโห่มันเลย ไอ้หนึ่งทนไม่ไหวเตะขาไอ้คิวด้วยความหมั่นไส้
"ห่าเตะมาได้เดี๋ยวกางเกงกูเปื้อนเมียซักรีดให้นะเฟ้ย"
“เมียคนไหนวะ สงสัยคงแบ่งรีดคนสองเซนถึงจะครบ”
"หมั่นไส้ว่ะแม่รง รวยแต่ไม่หล่ออย่างกูเมื่อไรจะได้ซั่มสาวสวยๆบ้างวะ" คราวนี้ไอ้หนึ่งโดนโห่ยิ่งกว่าไอ้คิวอีกครับ
"พูดมาได้ไม่อายปาก แล้วเมื่อวานวรนุชที่ไหนมันหิ้วเด็กขึ้นคอนโดวะ" พอไอ้โจพูดจบพวกผมก็หันมาไล่บี้ไอ้หนึ่งทันที ไอ้หนึ่งตีหน้าโหดยังกับจะจกไส้ไอ้โจมาแดก ถึงไอ้หนึ่งมันจะไม่หล่อจนคนเหลียวหลัง แต่เงินมันถึงแถมคารมณ์ดีอีกต่างหาก ไอ้ที่มันบอกว่าไม่เคยซั่มอ่ะมันตอแหลครับ
"อุบอิบพวกกูหรอมึง"
"อิ๊บห่าไร กูแค่ชวนน้องเค้าไปศึกษาสไตล์การตกแต่งห้องแล้วก็ลายกระเบื้องโว้ย"
"ส้นตีน" ผมด่าแล้วผลักหัวไอ้หนึ่งขำๆ ห่า คิดได้นะมึง
"แล้วเป็นไง ลายลูกไม้หรือจีสติง"
"ลูกไม้สีขาววะ หึหึ"
"สาดดดดดดดดด" ทุกคนร่วมลงแขกด่ามันครับ
"เด็กมันสวยมั้ยวะโจ"ไอ้คิวนี่ก็เสรือกเหลือเกิน
"สวยห่าไรละผู้ชายเว้ย แต่ก็น่ารักดีอ่ะนะกูว่าไม่ม.5ก็ม.6ใช่มั้ยหนึ่ง"
"เหี้ย กินเด็ก" กินเด็กมันจะคล้ายๆอินเดกครับศูนย์รวมเฟอร์นิเจอร์ที่ใหญ่ที่สุด กร๊ากกก ไม่เกี่ยวแระๆพวกผมไม่แปลกใจหรอกครับที่ไอ้โจบอกว่าไอ้หนึ่งพาผู้ชายขึ้นห้อง เพราะไอ้หนึ่งมันประกาศอย่างแมนๆ(?)เลยว่ามันบริโภคได้ทั้งชายและหญิง ใช่ครับมันเป็นไบ
"ระวังจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์นะมึง หึหึ”ไอ้คิวเตือนสติไอ้หนึ่งในฐานะที่มันเป็นผู้คร่ำหวอดในวงการการซั่มเด็ก
“แหมมึง ขาวๆซิงๆเป็นมึง มึงทนได้หรอวะ อีกอย่างกูว่าจะลองคบน้องเขาดู นิสัยน่ารักดีกูชอบ” เออเว้ยบทจะลงหลักปักฐาน ก็มาแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้าเลยเพื่อนผม แถมเป็นเด็กผู้ชายอีกต่างหาก แน่มาก
พวกผมก็เฮฮา ฝอยแตกจนลืมไปว่ามาเขียนรูป เหอๆ มัวแต่เล่นจะมีงานกลับไปส่งอาจารย์มั้ยเนี่ย ภาพสระน้ำที่มีฉากหลังเป็นตึกคณะวิทย์ของผมเพิ่งได้แค่30เปอร์เซนต์เอง สงสัยวันเสาร์อาทิตย์นี้ต้องมามอซะแล้ว ไม่งั้นไม่มีงานส่งแน่ๆ
"มึงๆนั่นไอ้ภูมิเดือนวิศวะป่ะ" แกร๊ก ดินสอแทบร่วง
ผมหันมองตามวิถีปลายนิ้วที่ไอ้โป้งมันชี้ไป เวร ใช่มันจริงๆด้วย โลกกลมหรือผมซวยวะเนี่ย อุตส่าห์รอดมาได้ตั้งหลายวัน ตั้งแต่วันที่ไปค่ายมวย และหลังจากกินหมี่เกี๊ยวเสร็จมันก็ไปส่งผมที่บ้าน ไม่ต้องตาโตหลงผิด คิดว่ามันพิศวาสอะไรผมหรอกนะ มันแค่ไปเอาของมันที่ผมหอบกลับบ้านเมื่อคราวก่อน
แต่คุณชายท่านก็ไม่ยอมเสด็จลงจากรถนะครับ ต้องให้กระผมเอาลงมาถวายให้ถึงรถกันเลยทีเดียว แต่ดีหน่อยที่มันเริ่มมีวิวัฒนาการเข้าใกล้ความเป็นคน เพราะรู้จักขอบใจ ถึงจะห้วนและสั้นแต่ก็สมเป็นมัน
ก็อย่างที่บอกหล่ะครับ ว่าหลังจากวันนั้นมันก็ยังเรียกผมไปสนองปากสนองมือเหมือนเดิม แต่ก็มีบางครั้งที่ผมตอแหลรอดไปได้อย่างสวยงาม จนหลังๆมันไม่ค่อยเรียกใช้แล้ว คงเพราะช่วงนี้ใกล้สอบด้วยมั้ง มันเลยเอาเวลาไปท่องหนังสือ วิศวะนะครับไม่ใช่ศิลปกรรมถึงจะมาชิลล์แบบผมได้
ผมเองดีใจจนน้ำตาแทบไหลที่ได้กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ แล้วทำไมเวลาแห่งอิสรภาพมันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ว่าแล้วผมก็ทำการหลบครับ เอาหลังไอ้ต๊ะเป็นป้อมปราการด่านสุดท้ายในการรักษาชีวิต
"คนอะไรจะเพอร์เฟคขนาดนี้วะ หล่อเหี้ย แถมรวยอีกต่างหาก ถ้ากูได้ซักเซี้ยวมันนะกูจะฟันหญิงแล้วทิ้งวันละสามคนเลย" ผมเบ้ปากทำท่าสำรอก หมั่นไส้เว้ย ทำไมไอ้ภูมิมันดังขนาดนี้วะเนี่ย
ขนาดพวกชนบทหลังเขาเต่ามะเฟืองแห่งเกาะกาลาปากลอสอย่างไอ้โจยังรู้จัก แล้วคนอื่นในมหาลัยไม่รู้ไปถึงเจ้าคุณปู่คุณหลวงของไอ้ภูมิเลยหรอ
"มันเป็นเพื่อนมึงนิ ใช่มั้ยคิว"
"อืม"
"เขาร่ำลือกันหนักหนาว่ามันโหด จริงหรอวะ หน้าใสๆแบบนั้นอ่ะนะ" อึหือออออ อย่าให้เซด พรรณาสามวันยังไม่หมดไอ้ความเชี่ยโหดเลวทรามของมันเนี่ย กูเจ็บกูเจอมาเยอะ
"หึ กูไม่รู้ว่ะ แต่มีคนไปพิสูจน์มาแล้ว มึงลองถามดูดิ" ห่าคิว มันยักคิ้วแล้วพยักหน้ามาทางผม ไอ้สันขวานเอ๊ย พอมันทิ้งระเบิดไว้ให้ผมเสร็จแม่งก็เดินเข้าไปหาไอ้ภูมิเฉยเลย สาดดดดดดดดด กูหลบมันอยู่เนี่ย
"ไอ้พีม มึงไปพิสูจน์อะไรไอ้ภูมิวะ เงียบเชียวนะมึง"
"พิสงพิสูจน์เหี้ยไร เชื่อไอ้คิวก็หมาแล้ว ไอ้หนึ่งมึงมานี่ดิ๊ แสงเข้ากูแรเงาไม่ถูก" บ้าแล้วมึงไอ้พีมวาดยังไม่เสร็จแรเงาแมร่งเลยแล้วกันแถมใช้ไอ้หนึ่งบังแสงอีกต่างหาก ไอ้ภูมิจะได้มองไม่เห็นผม ส่วนไอ้หนึ่งมันก็บ่นอุบอิบตามประสา คนอื่นๆก็กลับไปเขียนรูปต่อกันหมด
"มึงจะแรเงาทำส้นตีนไรเนี่ย ป๋าให้ลงแค่ลายเส้น”
“อ้าว เหรอๆ กูแค่ลองดู เออน่าบังให้กูแปบเดียว”
“แต่กูจะไปทำงานของกูต่อ"
"เออๆแปบๆ" ผมแอบเหล่ไอ้ภูมิกับไอ้คิว โอย เมื่อไรจะไปวะ คุยห่าอะไรกันนักหนา ข้างๆไอ้ภูมิมีสาวสวยคนหนึ่งยืนอยู่ ดูจากโหงวเฮ้งคงเรียนหมอชัวร์ เพราะขาวสวยสะอาดบริสุทธิ์ซะขนาดนั้น
ไอ้ภูมิตบไหล่ไอ้คิวสองสามที ในที่สุดพวกมันก็ได้ฤกษ์ร่ำลากัน แต่มิวายไอ้ภูมิเสือกหันกลับมามองทางนี้ซะงั้น ผมเสียวเยี่ยวแทบราด ลุ้นยิ่งกว่าบอลโลกตอนเยอรมันแข่งกับสเปนอีก
"มึงเป็นไรวะพีม ทำหน้าทำตาตอแหล"
"หน้ามึงดิตอแหล จะไปไหนก็ไปเลยไป"
"อ้าวไอ่ห่านี่ เมื่อกี้ละขอกูยิกๆ" โดนไอ้หนึ่งโบกกบาลผมอีกรอบ แต่ก็ถือว่าคุ้มเพราะรอดจากไอ้ภูมิ เฮ้อ จะรอดไปได้ซักกี่น้ำวะไอ้พีมเอ๊ย เมื่อไรจะสองเดือนแว๊ ปวดจิตโว้ยยยยยยยยยยย
…………………………………………………
วันนี้เป็นวันศุกร์วันปล่อยผีของพวกผมครับ ลืมไปเลยว่าอยู่ในช่วงสอบ หึหึ ชิลล์ไปมั้ยชีวิตเยาวชนไทย วันนี้ผมจะเมาจะเอาให้ลืมเรื่องเครียดๆไปเลยวันนี้ไม่เมาไม่ต้องเรียกผมว่าไอ้พีม แล้วเรียกไรฟระ ฮ่าฮ่า
ผับเดิมที่พวกผมมาจนสนิทกับพี่เจ้าของร้านแต่จริงๆพี่แกเป็นญาติไอ้ปันด้วยแหละพอก้าวเข้ามาก็เจอกับแสงสีเสียงและบรรดาผีกลางคืนทั้งหลายทำเอาผมเริ่มยิ้มออก อยากดิ้นอยากดริ้งเว้ย
"พี่ไนล์!!! พี่ไนล์!!! หวัดดีพี่!!!"พวกผมตะโกนแข่งกับเสียงเพลงที่ดั่งฮึ่มๆ
"อ้าว ไอ้เด็กเวรเพิ่งมาหรอกูนึกว่าโต๊ะพวกมึงจะเป็นหมันซะอีก" ทั้งที่อยู่ใกล้ๆแต่ก็ต้องตะโกนอยู่ดีพี่ไนล์หนุ่มฮิพฮอพเจ้าของผับถึงจะได้ยินเสียงเรียกของไอ้ปัน
"รถติดนะพี่ ฮั่นแน่คนใหม่หรอพี่ไนล์ แม่รงแจ่มวะ" ไอ้ปันแซวพี่ไนล์ถึงสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างๆ เฮียแกก็ยักคิ้วเจ้าเล่ห์ตามสไตล์หนุ่มเพล์บอย
"เออๆ แก้วแตกได้ ล้มโต๊ะได้ แต่อย่าให้แขกคนอื่นเจ็บ โอเค๊"
"รับทราบครับผม"
"เออ ขอให้สนุกมีไรก็บอกเด็กๆละกัน"พูดเสร็จพี่ไนล์ก็โอบเอวสาวสวยหุ่นอึ๋มไปนอกผับ พวกผมก็เดินไปนั่งโต๊ะประจำ
แต่พอมาถึงโต๊ะ ผมแทบเก็บความคิดทั้งหมดที่จะมันส์ที่จะเมา เอาพับเก็บกลับบ้านทันที นรกเหอะ ไอ้ภูมิตัวหล่อๆนั่งอยู่ที่โต๊ะประจำของพวกผม
ทั้งที่ผมหลบมันทั้งวัน อุตส่าห์ดีใจที่ไม่มีโทรศัพท์มันเข้ามาก่อกวน สุดท้ายก็ต้องมาเจอจนได้ มิน่าตาขวากระตุกยังกับรัวกลองยาว ไอ้ภูมิมันเงยหน้ามามองผมนิ่งๆแต่แค่เสี้ยววินาที สาบานให้ไอ้คิวจู๋เล็กผมเห็นมันเหยียดยิ้มชั่วร้าย คืนนี้ความลับของผมจะแตกมั้ยครับคุณๆทั้งหลาย
"ไงพวกมึง มานานยังวะ" ไอ้เชนทักไอ้ภูมิกับเพื่อนมันอีกสองคน ผมจำได้มันคือไอ้เบียร์กับไอ้มิค
"ก็ซักพัก ว่าแต่พวกมึงมัวทำไรอยู่วะ มาช้าโคตร" ไอ้มิคหันมาถามไอ้เชน ไอ้เชนนั่งข้างไอ้หล่อคุณชายที่ชื่อเบียร์ ไอ้คิวนั่งข้างไอ้ภูมิ ผมกับไอ้ปันนั่งตรงข้ามกับพวกมัน แจ๊คพอต ผมได้นั่งตรงกับไอ้ภูมิ แล้วพวกมันก็ไม่พูดพร่ำทำสากกระเบือจัดการเรียกหาแก้วเหล้าทันทีทำเหมือนไปตายอดตายอยากมางั้นแหละทั้งที่แดกกันวันเว้นวัน
"จะไม่ช้าได้ไงก็รอคุณชายพีมแต่งตัวกว่าจะออกจากบ้านได้นานเป็นชาติ" ไอ้คิวกระแทกแก้วเปล่าลงเพราะมันเพิ่งกระเดือกเหล้าเพียวๆลงท้องไปก่อนจะหัดมาทำหน้าง๊องแง๊งใส่ผม ช่างกล้านะมึง กูไม่ใช่หรอที่รอมึงเซตผมน่ะ
"อ้าว ตัวเธอคนนั้นนิ" ไอ้มิคหันมามองผมตาโตแล้วหันไปมองไอ้ภูมิ ประมานจะถาม ใช่ไอ้ที่อัดมึงวันนั้นป่าวไอ้ภูมิมันทำหน้าเอือมๆเซ็งๆ หึหึ อายละซี้มึง
"พวกมึงยังไม่รู้จักกันใช่มั้ย มาๆเดี๋ยวป๋าแนะนำนี่ไอ้พีมเพื่อนพวกกู พีมนี่ไอ้มิคกับไอ้เบียร์เพื่อนกูเหมือนกันและพวกมึงก็เป็นเพื่อนกันซะ ส่วนไอ้ภูมิมึงสองคนคงรู้จักกันดีแล้ว…ใช่มั้ย"พวกมันห้าตัวหัวเราะลั่น ผมอยากเอาขวดโซดายัดปากไอ้คิวจริงๆแมร่ง
“หวัดดีๆ กูชื่อมิค มึงคงเห็นใช่มั้ยว่ากูหล่อแค่ไหน ไม่ต้องเสียใจนะที่หล่อสู้กูไม่ได้ กูไม่อยากรู้สึกผิด” เอ่อ สีหน้ามันจริงจังมากจนผมด่าไม่เป็นเลยครับ ไม่อยากบอกว่ากูรู้จักมึงเคยเจอมึงแล้ว ตอนที่มึงยืนดูลูกน้องซ้อมคนน่ะ
“หวัดดี กูเบียร์” ไอ้รูปหล่อมาดคุณชายหันมายิ้มทักทายผมอย่างเป็นมิตรดูใกล้ๆยิ่งหล่อ ผู้ชายเหี้ยไรวะทำให้ผู้ชายด้วยกันประหม่าเขินได้เนี่ย มันยิ้มให้ผมยิ้มทั้งปากยิ้มทั้งตายิ้มแมร่งทั้งหน้า ถึงผมจะแมนทั้งลำแต่มาทำตาเยิ้มตาหวานใส่ก็เขินนะเว้ยเฮ้ย
“อืม หวัดดี กูพีม”
“ดีๆๆเป็นเพื่อนกันไว้ ไอ้พีมมันเป็นเพื่อนสนิทพวกกูนี่แหละ แต่มันเป็นคนแคระท่ามกลางเทพบุตร พวกกูเลยไม่พกมันไปที่ๆอันตรายๆไม่งั้นพวกมึงคงรู้จักกันนานแล้ว” ไอ้ปันพูดด้วยความชื่นมื่นแต่มันคือประโยคบอกเล่า หยามเหยียด ดูถูก หรืออะไรวะปัน ผมควรโกรธมันมั้ยเนี่ย
“นั่นน่ะสิ กูก็นึกว่ามีพวกมึงแค่สี่คน ที่แท้ก็แอบซุกไข่ไว้ด้วยอีกฟอง” ภาษามึงห่างไกลคำว่าปกติมากเลยมิค มิน่าถึงคบกับไอ้ปันได้
ผมได้แต่นั่งฟังพวกมันฝอย พยายามไม่สนใจสายตาดุๆของไอ้ภูมิ บรรยากาศแบบนี้ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูกเลยให้ตาย ตอนนี้ผมกับมันคงเหมือน เหมือนอะไรนะ อ๋อ คนแปลกหน้าที่รู้จักกันดีหรือไม่ก็ไม่รู้จักฉันไม่รู้จักเธอ
"เออ พูดถึงเรื่องไข่ มึงรู้มั้ยภูมิกูโคตรเซอไพร์เลยว่ะ ที่มึงไม่เอาเรื่องไอ้พีม มึงนี่คนดีจริงๆเลยเพื่อนรัก" ไอ้ปันปั้นยิ้มชื่นชมไอ้ภูมิยกใหญ่ ห่า ใครบอกว่ามันไม่ทำอะไรกู แล้วมึงเอาโคโมโซมตัวที่เท่าไรคิดถึงได้เห็นว่ามันเป็นคนดีอ่ะ
แล้วทำไมพูดเรื่องไข่แล้วต้องคิดถึงไอ้ภูมิด้วยวะ โว๊ย ตอนนี้ผมโคตรเซ็งจิตเลยอยากกลับบ้านมากๆไม่มีอารมณ์กินเหล้าแม่รงแล้ว ขืนอยู่ต่อไปคาดว่าผมอาจจะฆ่าล้างโคตรเพื่อนตัวเองได้ไม่ยาก
"หึ มึงเพิ่งรู้หรอ "ไอ้นั่นก็ยื่นหน้ามารับคำชมแถมยังตวัดสายตามาที่ผมอีก ฟวยยย ดีตายแหละมึงอ่ะ
"กูว่าถ้าเป็นคนอื่นไอ้ภูมิเอาตาย ดีนะที่ตัวเทอเป็นเพื่อนไอ้พวกนี้ จริงๆกูเคยฟังเรื่องตัวเทอจากไอ้พวกนี้นะ ตัวจริงไม่หล่อเท่าที่คิดไว้ แต่น่ารักกว่าที่คิดเยอะเลย ตัวเทอ…"
"สัด เลิกเรียกกูตัวเทอซักที" ไอ้มิคเอ๋อแดกเลยครับ มันเหวอเลยที่โดดผมด่า ก็ตั้งแต่มามันก็เอาแต่เรียกผม ตัวเธอๆ ช่วยเบิ่งตาได้มั้ยว่ากูใส่กางเกง กูระเบิดหู กูมีลูกกระเดือก กูมีดุ้น
"ไงละมึง เพื่อนกูปากหวานอย่างที่กูเคยบอกไว้มั้ย หึหึ" ไอ้เชนยิ้มๆแล้วยกแก้วเหล้ากรอกปาก ไอ้มิคแลบลิ้นใส่ผม ไอ้นี่ท่าทางจะติงต๊องกว่าที่คิดแฮะ
จากนั้นพวกมันก็ดื่มก็คุยกันไป ผมก็ดื่มบ้าง คือมันไม่มีอารมณ์ ถึงแม้ว่าโต๊ะของพวกผมจะกลายเป็นจุดสนใจของสาวแท้สาวเทียมก็ตาม ก็ดูหนังหน้าแต่ละคนดิ จะถูกปล้ำทางสายตาอยู่แล้ว
"เป็นไรมึง ทำหน้าเหมือนเมนไม่มา"ไอ้ปันหันมาถาม
"เมนหน้ามึงดิ กูเบื่อ อยากกลับ"เหวี่ยงครับเหวี่ยง
"อ้าว ไหนบอกวันนี้ไม่เมาไม่กลับไง เป็นไรของมึงเนี่ย"
"ไม่รู้ กูอยากกลับ ปันมึงไปส่งกูหน่อยดิ"
"มึงหงุดหงิดที่ถูกผู้ชายจีบหรอ ฮ่าๆยังไม่ชินอีกแหงะ เอาน่าๆอย่าไปสนใจ ชนแก้วกับกูนี่มา" มันจับแก้วยัดใส่มือผมแล้วเอามาชนกัน ผมเลยยกรวดเดียวหมดแก้ว
เรื่องที่ถูกผู้ชายจีบก็ส่วนนึง คือว่ามีผู้ชายเข้ามาขอเบอร์ผม ดูออกเลยว่าเก้งตัวแม่ แต่ประเด็นที่ทำให้ผมนอยส์แด๊กคือไอ้หน้าหล่อที่นั่งหน้านิ่งตรงข้ามต่างหาก
ถึงมันจะหันไปยิ้มให้กับสาวสวยที่เดินมาชนแก้วบ้าง แต่บางครั้งผมกับมันก็เผลอจ้องตากัน มันมองเหมือนผมทำความผิดอะไรซักอย่างบอกตามตรงผมไม่ชอบแล้วก็อึดอัดมากๆด้วย แต่จะให้โวยวายคงดูไม่ดีเดี๋ยวจะพาลทำให้เพื่อนเสียบรรยากาศเปล่าๆ เอาวะ ทนๆหน่อยไอ้พีม
"ห่าแทน มันไปมุดหัวอยู่ไหนวะ เมื่อไรจะมา"ไอ้เชนเริ่มเอะอะ เออจริงสิมัวแต่อารมณ์เสียลืมเลยว่าเพื่อนหายไปหนึ่งชีวิตไอ้แทนไปไหนวะ
"เดี๋ยวมันก็มา"ไอ้เบียร์บอกแล้วหันไปโปรยยิ้มหวานต่อไอ้นี่ก็เซอราวคอตัวเองแจกยิ้มทั่วผับ เอาเข้าไปบ้ากันซะให้พอนะพวกมึง
"ห่าเบียร์ หล่อนะมึง ยิ้มมั่วๆเดี๋ยวก็ติดกลับบ้านเป็นฝูงหรอกมึง" ไอ้คิวบอกแล้วชงเหล้าให้ไอ้เบียร์ อี๋ มันเอานิ้วคนเหล้าอ่ะครับ แต่ไอ้เบียร์มันก็ยกซด เพราะกำลังเมายิ้มตัวเอง เลยไม่ดูว่าไอ้คิวได้กระทำการอุบาทว์ลงในแก้วของมัน
และระหว่างที่ไอ้เชนกำลังวิจัยก้อนน้ำแข็งว่าจะทำปฏิกิริยากับฟันซี่ไหนมากที่สุด ไอ้เบียร์ที่โปรโมทโฆษนายาสีฟันตรายิ้ม ไอ้มิคที่ทดลองประสิทธิภาพของโซดา ด้วยการแหย่นิ้วลงไปในขวดแล้วเอาขึ้นมาจิบ
ไอ้คิวที่แอบเอานิ้วจุ่มแก้วชาวบ้าน ไอ้ปันที่กำลังจะอภิปรายการเปิดสมัยประชุมและไอ้ภูมิที่กำลังจะประสาทแดกเพราะถูกไอ้ปันบังคับให้เป็นฝ่ายค้าน มันก็มีเหตการณ์นี้เกิดขึ้นครับ
"มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะฟ่าง" เสียงคุ้นๆเหมือนต้นเสียงจะอยู่ใกล้ๆพวกผมหันไปมอง บิงโกไอ้แทนมาแล้วแต่ว่ามากับใครก็ไม่รู้เหมือนกำลังทะเลาะกันอยู่
"มึงรู้หรอ ว่ากูคิดอะไร" คนคนนั้นพูดแบบเหวี่ยงๆ
"โธ่~ฟ่าง~" เฮ้ย ทำไมต้องจับมือวะ แล้วทำไมไอ้แทนต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับผู้ชายด้วย
ตอนนี้ทั้งโต๊ะเงียบครับeverybodyกำลังเพ่งกระแสจิต วิญญานและสายตาไปที่ไอ้แทนและผู้ชายคนหนึ่งซึ่ง ขาวมาก ในผับมืดๆ
แต่ผู้ชายคนนั้นเหมือนมีแสงออกมาจากตัว ขาวเว่อร์ที่สำคัญหล่อลาก สูงแต่เตี้ยกว่าไอ้แทนนิดหน่อย มันสองตัวยืนจ้องหน้ากัน แต่สีหน้าต่างกันมากคือผู้ชายคนนั้นมองไอ้แทนนิ่งๆส่วนไอ้แทนทำเหมือนจะลงไปกราบตีนเค้าอยู่ทุกวินาที
"ฟังแทนก่อนดิฟ่าง"
"เงียบเหอะแทน กูไม่อยากฟัง"
"ข้าวฟ่างครับ"
"กูบอกว่าหุบปากไง แม่ง สัดคิวหลบดิ" พวกผมได้แต่มองไอ้แทนตาปริบๆไม่ใช่สิต้องบอกว่ามีแค่ไอ้เชน ไอ้ปัน ไอ้คิว แล้วก็ผมที่ดูจะงงๆ ไอ้สามตัวนั้นก็ยังปกติดี
ผู้ชายคนนั้นเข้าไปนั่งแทรกระหว่างไอ้คิวกับไอ้เบียร์ ส่วนไอ้แทนก็เดินหน้าหงอยๆมานั่งข้างๆผม ระหว่างที่พวกผมกำลังมึนว่าเกิดอะไรขึ้น ประโยคเด็ดของไอ้มิคก็ช่วยให้อะไรๆมันชัดเจน จนแจ่มแจ้งแดงแจ๋แบ๋ไต๋ไก่แจ้แก้ (เฮ้ย พอ เอาฮาไปไหนวะ)
"สม ถูกเมียเมินละสิมึง หึหึ สมไอ้แทน""เมีย!!???!" พวกผมแหกปากตะโกนพร้อมกัน
"สัดมิค ไอ้ผีเจาะปากมาพูด" ไอ้คนที่พวกผมกำลังเข้าใจว่าเป็นเมียไอ้แทนเขวี้ยงน้ำแข็งใส่ไอ้มิค เฮ้ย โหดไปป่ะโดนขึ้นมาจริงๆเจ็บใช่เล่นนะนั่น
แต่ดีที่ไอ้มิคมันหลบทันแล้วหัวเราะคิกคัก พวกผมเลิกสนใจไอ้มิคแล้วหันมาจ้องหน้าไอ้แทน มันก็หันมามองพวกผมด้วยสีหน้าแบบอยากขอลาตาย
"พวกมึง กู คือ กู…"
"มึงไม่ต้องพูดเลย สัดแทน!!" ไอ้ปันชิงพูดก่อน ไอ้นี่มันจะอ่อนไหวกับเรื่องเพื่อนมาก แล้วอยู่ๆมารู้ว่าไอ้แทน เอ่อ คบผู้ชายผมก็ไม่แน่ใจน่ะนะ แต่มันก็น่าจะเป็นอย่างที่คิดแหละ
ไอ้ปันมันก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา ผมเองยังงงๆเลย แล้วบรรยากาศฮาเฮเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที ไอ้ปันชะโงกหน้าข้ามผมไปจ้องหน้าไอ้แทนอย่างเอาเป็นเอาตาย
ไอ้คิวก็ก้มหน้าคนน้ำแข็งในแก้วเล่น ส่วนไอ้เชนมันกอดอกแล้วแสร้งมองไปทางอื่น ผมก็ไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหน ยอมรับว่าตกใจมาก จะหันไปมองไอ้แทนที่นั่งข้างๆก็ไม่กล้า มองไปที่ไอ้เบียร์ไอ้มิคพวกมันก็ดูปกติดี ส่วนคนที่เป็นชนวนก็เหมือนไม่สนใจโลกนั่งซดเหล้าอย่างเดียว สุดท้ายผมก็เผลอไปสบตากับไอ้ภูมิ หน้ามันยังคงนิ่งแต่เสรือกแลบลิ้นใส่ผม ห่า ใช่เวลามั้ย
"ปัน กู กูขอโทษ คือ"
"ขอโทษ? ขอโทษทำไม มึงทำไรผิด" ไอ้นี่ก็เหลือเกิน ฟังมันก่อนเหอะ ไอ้คิวเอื้อมมือมาผลักหัวไอ้ปัน แล้วพยักหน้าให้ไอ้แทนพูดต่อ
ไอ้แทนกับไอ้คิวเป็นดูโอ้ที่ซ่าส์พอกัน พวกมันแค่มองตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไร ไอ้ปันมันขี้โวยวายเป็นเด็กๆ ไอ้เชนก็จะออกแนวนิ่งซะมากกว่า ส่วนผมนะเหรอบางครั้งก็ยอมรับนะว่าเอ๋อๆตามพวกมันไม่ค่อยทันอาศัยว่าปากหมาเลยพอจะข่มพวกมันได้บ้าง ผมไม่ได้โกรธที่ไอ้แทนมีแฟนเป็นผู้ชาย(แต่ตกใจมากกว่า)
ผู้ชายที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟก มีสาวล้อมหน้าล้อมหลังไม่เคยเว้น แล้วอยู่ๆมาบอกว่าคบผู้ชาย อีกอย่างมันก็บอกผมว่าเพิ่งจะพาคนที่มันจริงจังเข้าบ้าน เฮ้ย อย่าบอกนะว่าคนๆนั้นคือผู้ชายหน้าหล่อผิวโอโม่คนนี้
ผมไม่โกรธมันก็จริง แต่ที่ผมไม่พอใจเพราะมันไม่ยอมบอกว่าคบใคร ทั้งที่พวกเราจะคุยกันทุกเรื่อง ไม่เคยมีความลับต่อกัน (แต่ผมกำลังทำอยู่ งามไส้จริงๆ) ถึงแม้จะเป็นเรื่องขี้เล็บเล็กแค่ไหนพวกผมก็จะปรึกษากันตลอด แล้วนี่ไอ้แทนมันคิดส้นตีนไรอยู่ถึงมาปิด
"ที่กูไม่บอก เพราะ…กูกลัว" มันก้มหน้า แต่สุดท้ายก็ยอมเงยขึ้นมาสบตา
"กลัวเหี้ยไร" คราวนี้เป็นผมที่ดีดหน้าผากไอ้ปัน จะสอดทำซากไรวะ ไอ้ปันลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆแล้วก็ยื่นหน้าไปจ้องหน้าไอ้แทนอีกครั้ง ไอ้แทนมันถอนหายใจแล้วหันไปมองหน้าไอ้คนที่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองหน้ามันนิ่งเช่นกัน
"กลัวว่าพวกมึงจะรับไม่ได้ ที่กู…กูคบผู้ชาย กูกลัวว่าพวกมึงจะเลิกเป็นเพื่อนกับกู"เสียงเพลงในผับยังคงครึกครื้นบีบจังหวะหัวใจแต่ภายในโต๊ะกลับเงียบ นานทีเดียวที่ไม่มีใครพูดอะไรเหมือนกำลังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
"คิดได้แค่นี้ใช่มั้ย" ไอ้คิวพูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองไอ้แทน
"แต่กูไม่ได้คิดจะปิดบังนะเว้ย ก็รอให้พร้อมก่อน กูตั้งใจว่าจะบอกพวกมึง จริงๆวันนั้นกูจะพามาให้ไอ้พีมรู้จัก แต่ก็เกิดเรื่องไอ้ภูมิซะก่อน"
ไอ้แทนมันพูดเสียงอ่อนไม่เหลือน้ำเสียงที่ชอบกวนประสาทฟังแล้วขัดหูแปลกๆผมไม่ชอบเลย แล้วโต๊ะก็เงียบอีกครั้งจนน่าอึดอัด หวังว่ามิตรภาพที่พวกผมบูชารักษากันมาหลายปีคงไม่จบลงเพราะไอ้แทนมีแฟนเป็นผู้ชายหรอกนะ
"มึงดูถูกพวกกูมากนะแทน กะอีแค่มึงมีแฟนเป็นผู้ชายที่หล่อสูสีกับกู ทำไมกูจะรับไม่ได้" อยู่ๆไอ้ปันก็พูดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มทำเอาหัวใจผมโล่งเบาไปทั้งอก
"กูจะรับไม่ได้ก็ตรงนี้แหละ" ไอ้เชนส่ายหน้าขำๆพวกผมรุมเล่นหัวไอ้ปัน มันหัวเราะคิกคักแล้วโต๊ะเราก็กลับมามีสีสันอีกครั้ง ผมหมั่นไส้ไอ้แทนเลยหันไปตบหลังมันแรงๆโทษฐานปิดบังมาได้ตั้งนาน มันกอดคอผมล็อกซะแน่น แล้วก็เริ่มยิ้มได้