บทที่ 12.1
ค่ำคืนที่แสนหวาน
Jaokom’s talk
ผมแยกออกมาจากไอ้พีแล้วครับ ตอนนี้ปล่อยให้พีมันไปรับบทลงโทษในสิ่งที่มันก่อถึงแม้ว่าในสายตาของผมมันจะไม่ผิดก็เถอะครับ ไอ้เทพหนึ่งในผู้จัดงานพยายามจะช่วยให้ไอ้พีไม่โดนอะไรมากแค่เรื่องไม่ถึงอาจารย์หรือถึงขั้นดำเนินคดีก็พอแล้ว ส่วนคู่กรณีของมันก็เงียบครับเงียบกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ๆ ถ้ามันกล้าทำถึงขนาดนั้นผมว่ามันต้องมีเคลียร์กันหน่อยแล้วแหละครับ
“ ไอ้กรมไปไหนมา” ไอ้เทพทักขึ้นหลังจากที่ผมเปิดประตู้เข้ามาในห้องพักที่เป็นห้องของผมกับไอ้เทพในคืนนี้
“ เดินเล่น” ผมตอบออกไปตามความจริงเพราะผมต้องการหาที่สงบนั่งคิดทบทวนอะไรบางอย่างที่มันรบกวนทั้งในหัวใจและในความคิดของผมตอนนี้ “ แล้วไอ้พีเป็นไงบ้าง”
“ ก็โดนไปตามระเบียบ แต่แม่งไม่ยอมพูดว่าต่อยกันทำไม ทั้งคู่เลย”
“ มันไม่บอกเหตุผลหรอวะ?” ผมนั่งที่ขอบเตียงก่อนจะเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นเพื่อเช็คข่าวสารในแอพลิเคชั่นต่างๆ
“ อื้อ กูก็ไม่ได้คาดคั้นอะไรพวกมันต่อ”
“ อาฮะ” ผมเองก็พอจะรู้เหตุผลของไอ้พีว่าทำไมไม่อยากที่จะบอกเหตุผล เรื่องแบบนี้มันยากที่จะเข้าใจครับ ถ้ามันบอกโต้งๆไปว่าไอ้กวงจะข่มขืนมันก็ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ไอ้พีพูดมันไม่มีหลักฐานที่ว่าไอ้กวงจะทำบางทีถ้ามันพูดออกไปกระแสอาจจะตีกลับไปที่มันก็ได้ ผมว่าการที่ไอ้พีมันเงียบก็น่าจะดีที่สุดแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ผมเชื่อในสิ่งที่มันพูดอย่างไม่มีข้อกังขาอะไรทั้งสิ้น
“ แต่ไอ้กวงก็เละเลย กูสงสัยตรงที่ไอ้กวงมันเงียบหวะมึง ปกติไอ้กวงมันไม่ใช่คนแบบนี้ กูว่ามันต้องมีอะไรกับไอ้พีโดยที่พวกเราไม่รู้” ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันครับ เพราะไอ้พีมันก็ไม่ได้บอกผมหมดทุกอย่างมันบอกเพียงแค่ว่าไอ้กวงจะข่มขืนมัน
“ รอดูต่อไป”
“ เออ” ผมไถ่หน้าจอไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งเด้งขึ้นมาในหน้าฟีดของผม ผู้หญิงที่ผมเคยตามจีบเธอมาได้สักพัก แต่ผมก็เลิกจีบเธอไปเพราะคิดว่าเธอจะไม่น่าชอบผม แต่นี่ก็ผ่านมาได้เกือบปีแล้วครับที่ผมไม่ได้คุยกับเธอ หรือบางทีการที่ผมกลับไปคุยกับเธออีกครั้งจะทำให้ผมตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ง่ายขึ้น
“ กูว่ากูจะกลับไปจีบเมย์”
“ ห้ะ?” ไอ้เทพที่นอนอยู่ข้างๆถึงกับลุกขึ้นมานั่งทันทีที่ผมพูดออกไปแบบนั้น “ มึงคิดอะไรอยู่”
“ ไม่รู้หวะ กูสับสน”
“ ไอ้กรมมึงฟังกูนะ” ไอ้เทพจับไหล่ทั้งสองข้างของผมให้หันไปมองหน้ามันตรงๆ “ อย่าลากใครเข้ามาเกี่ยวอีกเลยมึง”
“ กูไม่ได้จะลากใครมาเกี่ยว แต่ครั้งที่แล้วกูยอมแพ้ไปเองทั้งๆที่เมย์กำลังจะหันมาชอบกูอยู่แล้ว”
“ แต่....มึงแน่ใจว่ามึงยังชอบเมย์อยู่” สายตาของไอ้เทพมันพยายามจะสื่อว่ามันรู้ว่าผมไม่ได้ชอบเมย์แต่ผมกำลังชอบใครอีกคนที่ผมก็ไม่แน่ใจว่านั่นมันคือความชอบหรือแค่รู้สึกดีเท่านั้น
“ กูไม่รู้หวะไอ้เทพ” ผมผลักมันออกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนลงบนเตียงปล่อยให้ไอ้เทพพูดสอนและเตือนสติของผม แต่อยู่ที่ตัวของผมว่าผมจะรับฟังในสิ่งที่มันพูดหรือไม่
“ ถามใจตัวมึงเองนะไอ้กรม มันไม่ยากเลยเว้ยถ้ามึงจะตัดสินใจคบกับใครหรือมึงจะชอบใคร ก็แค่ความรักมึงจะคิดมากทำไมวะ” นั่นซิครับผมจะมานั่งคิดมากทำไมถ้ามันเป็นความรักในรูปแบบปกติ โดยที่ทุกคนรอบข้างผมจะรับได้กับความรักหรือการที่ผมจะคบกับใคร แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่....
“ ก็แค่ความรัก..........” ในรูปแบบที่แตกต่างออกไปเท่านั้นเอง
Pee’s talk
ผมโดนเรียกไปถามครับว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมต้องต่อยไอ้กวงมันขนาดนั้น ผมโดนเรียกไปทั้งคู่โดยที่ผมเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่อยากไป แต่ถ้าผมไม่ไปนั่นก็จะเท่ากับว่าผมยอมรับว่าผมเป็นฝ่ายผิด และนั่นทำให้ผมตัดสินใจเข้าไปด้านในพร้อมกับมันโดยที่มีพี่ๆที่เป็นเฮดกิจกรรมและคนที่เกี่ยวข้องเข้ามาซักถามถึงเรื่องราวทั้งหมด ผมก็นิ่งเพื่อรอฟังว่าไอ้กวงมันจะพูดว่าอะไร แต่ผิดคลาดครับไอ้กวงมันเองก็เลือกที่จะเงียบเหมือนกับผม ทำให้การเรียกไปคุยครั้งนี้ไม่ได้อะไรเลยนอกจากความเงียบของผมกับมัน
ส่วนเพื่อนๆเองก็พากันมาขอโทษผมที่ทำให้ผมต้องไปเจอกับเหตุการณ์นั้น ผมยอมรับเลยนะว่าโกรธอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อมันผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปครับ อย่าไปยึดติดเพราะถ้าผมยึดติดคนที่จะคิดมากแม่งก็คือตัวของผมเองนั่นแหละครับ บทลงโทษของผมกับไอ้กวงก็คือการถูกกักบริเวณจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้าโดยที่ผมต้องมาอยู่แต่ในห้องพักคนเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมต้องไปนอนกับเพื่อนอีกสามคน ส่วนไอ้กวงก็คงน่าจะเหมือนผมมั้งครับ ไม่อยากพูดถึงมันหละปวดหัว
ผมนอนบนเตียงโดยที่ทำอะไรไม่ได้ โทรศัพท์ก็ไม่มีเล่น ทีวีก็ไม่มีดู ผมไม่มีกิจกรรมอะไรทำนอกจากนอนคิดทบทวนกับบางสิ่งบางอย่างที่มันค่อยๆเริ่มก่อตัวในใจของผมมาได้สักพัก แต่ผมเองก็ไม่อยากจะแน่ใจสักเท่าไหร่ว่ามันคืออะไร ทั้งๆที่ผมรู้มาตลอดแต่ผมเลือกที่จะหลอกตัวเองว่านั่นคือความสัมพันธ์ที่เรียกว่า พี่ชาย-น้องชาย เท่านั้น
แอดด
เสียงไขประตูและถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างสูงที่ผมคุ้นเคยที่เดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหาร เดินมาตรงเตียงที่ผมนอนอยู่ ก่อนที่พี่มันจะวางถาดอาหารไว้ข้างๆเตียงและขึ้นมานั่งข้างๆผมแทน ผมไม่ได้ลุกขึ้นนั่งแต่ผมทำแค่เพียงหันหน้าไปมองทางพี่มันเท่านั้น
“ กินข้าว”
“ ยังไม่หิวครับ”
“ แล้วมันจะหายไหม?”
“ แผลหายไม่หายไม่ได้อยู่ที่กินข้าวนะพี่...”
“ แต่แผลจะหายไม่หายมันอยู่ที่มึงจะยอมกินข้าวไหมไม่รู้ แต่ถ้าไม่กินตอนนี้มึงจะได้อีกแผลแน่ๆ” ผมยิ้มให้กับคำขู่เล่นๆของพี่มันก่อนที่ผมจะยอมแพ้ยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งข้างๆพี่กรม
“ ผมไม่หิวจริงๆนะ” ผมบอกพี่กรมมันออกไปอีกครั้ง เพราะตอนนี้ผมไม่รู้สึกหิวจริงๆแม้ว่าอาหารมันจะมีหน้าตาหน้ารับประทานก็เถอะ
“ แต่กูหิว...” พี่มันพูดออกมาเสียงเรียบนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วทันที พี่มันหิวแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม ยังไม่ทันที่จะได้ถามออกไปพี่มันก็พูดขึ้นมา “ ว่าจะมากินด้วยกันแต่ถ้ามึงอิ่ม...กูไปกินข้างนอกก็ได้” พี่กรมมันทำท่าจะลุกขึ้นเดินออกไป ทำให้ผมขว้าแขนของพี่มันเอาไว้ก่อน พี่กรมก้มลงมามองมือของผมที่จับแขนพี่มันเอาไว้พร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าผมจับแขนพี่มันไว้ทำไม
“ ผมก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”
“ หึ” พี่กรมมันเดินไปยกถาดอาหารมาวางที่พื้นห้องทำให้ผมลงไปนั่งที่พื้นกับพี่มัน
“ ผมอยากกินเหล้าจังพี่”
“ หยุดความคิดเถอะนะน้องผี ถือว่ากูขอร้อง” พี่มันหยุดชะงักมือที่กำลังจะตักข้าวใส่จานให้ผมพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม
“ มาทะเลแต่ไม่ได้เที่ยว ไม่ได้กินเหล้าเลย เหมือนมาไม่ถึงหวะพี่”
“ มึงทำตัวเอง” พูดอีกก็ถูกอีกครับผม ผมทำตัวเองทั้งนั้น เมื่อคิดได้ดังนั้นกินกุ้งย้อมใจไปครับ
“ หยุด” ผมรีบยกมือขึ้นเหนือหัวของตัวเองทันทีที่พี่กรมพูดออกมาเสียงดัง
“ เดี๋ยวแกะให้” ผมไม่รู้นะว่าพี่มันมาอารมณ์ไหน แต่การที่พี่มันอาสาแกะกุ้งให้มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองดูตัวเล็กลงไปอีกแล้ว เหมือนว่ากำลังถูกเอาอกเอาใจ
“ พี่ ผมเข้มแข็งพอที่จะแกะกุ้งเองได้แล้วนะครับ” ผมแย่งกุ้งพี่มันมาก่อนที่ไล่ให้พี่มันนั่งอยู่เฉยๆ “ ผมขอบริการพี่บ้าง แค่แกะกุ้งเดี๋ยวผมทำให้” ผมตั้งใจแกะกุ้งเผาที่พี่มันยกมาให้
“ เข้มแข็ง? คนเข้มแข็งร้องไห้ซบอกกู??” ผมรีบวางกุ้งเลยครับเมื่อพี่มันพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า
“ ก็พี่พูดเองหนิว่าผู้ชายไม่ต้องเข้มแข็ง ถ้ารู้งี้ผมไม่ร้องออกมาดีกว่า” พี่แม่งก็ชอบล้อไงครับ เสียหน้าลูกผู้ชายอกสามซอกอย่างผมชะมัดเลย
“ โอ๋ แค่แซวเอง” พี่มันยื่นมือมาลูบศีรษะของผมอีกครั้ง “ อยากไปทะเลไหม?”
“ พี่ทำเหมือนว่าจะพาผมไปได้”
“ ได้ดิ มีอะไรที่คนอย่างกูทำไม่ได้?”
“ เหยียบดวงจันทร์”
ผั๊วะ!
“ เลิกกวนตีนไม่ได้จริงๆ” ผมโดนพี่มันตบหัวอีกแล้วครับไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บนะครับมันรู้สึกดีมากกว่าเหมือนว่าพี่มันหยอกล้อผมเล่น แต่การหยอกล้อของพี่มันค่อนข้างที่จะรุนแรงไปหน่อยเท่านั้นเอง...
“ อะพี่ กินได้” ผมยื่นกุ้งไปวางไว้ตรงหน้าพี่กรมก่อนจะแกะอีกตัว แต่ยังไม่ทันได้แกะพี่มันก็แย่งกุ้งในมือของผมไปวางไว้เหมือนเดิม
“ พอแล้ว มึงก็กินบ้างดิ”
“ ครับพี่” ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหยิบกุ้งขึ้นมากิน “ โคตรหร่อย” ผมนี่โคตรจะเสียดายที่ต้องมานั่งโง่ๆอยู่ในห้อง ถ้าผมได้ออกไปกินอาหารทะเลด้านพร้อมวิวสวยๆนะ ผมว่ามันน่าจะฟินกว่านี้แน่ๆ
“ ไอ้เทพบอกว่ามึงไม่ได้เล่ารายละเอียดและสาเหตุที่ทะเลาะกันหรอวะ?” เมื่อกินไปได้สักพักพี่กรมก็พูดขึ้นทำให้ผมเงยหน้าไปมองพี่มันก็เห็นว่าพี่กรมเองก็มองหน้าผมอยู่เช่นกัน
“มันพูดยากนะพี่ ถ้าผมบอกว่า..ไอ้กวงมันจะข่มขืนผม ผมถามหน่อยว่าใครจะเชื่อ” ถ้าผมเป็นผู้หญิงมันก็น่าจะดูสมเหตุสมผลมากกว่านี้...แต่นี่ผมเป็นผู้ชายไอ้กวงมันก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะชอบผมนอกจากเมื่อเช้าและตอนที่มันพูดเสียงดังช่วงทำกิจกรรม แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเหตุจูงใจมากพอที่มันจะมาข่มขืนผม และผมเองก็ไม่อยากจะบอกใครหรือแม้กระทั่งพี่กรมในเรื่องที่ไอ้กวงมันจะทำเพราะอยากแก้แค้นพี่กรม ผมไม่อยากให้พี่มันกังวลไปมากกว่านี้
“ กูเชื่อ” ทันทีที่คำพูดนั้นหลุดปากออกมาจากปากของพี่กรมนั่นก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเดิมที่ยังมีคนที่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดออกมา “ ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว”
“ พี่ถ้าผมโดนมันปล้ำหละ” ผมถามออกไปโดยที่ไม่ได้คาดหวังคำตอบ แต่คำตอบของพี่มันก็ทำให้ผมชะงักอยู่ไม่น้อย
“ มันจะไม่มีทางเป็นไปได้ถ้ากูยังมีชีวิติอยู่”
“ ฮื่อออออออ พรี่” ผมคว้าคอพี่มันเข้ามากอดทันทีก่อนที่ผมจะปล่อยออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ ผมซึ้งจนน้ำตาจะไหลออกมาอีกรอบแล้วนะพี่”
“ เรื่องเวอร์ไม่มีใครเกินมึงจริงๆ” พี่มันส่ายหัวเบาๆ “ แล้วนี่อิ่มยัง”
“ ครับ แต่อยากกินเบียร์”
“ มึงเมาแล้วกูไม่ไหวจริงๆ”
“ ผมเมาแล้วนักเลงจนพี่รับมือไม่ไหว?”
“ กูถามจริง มึงไม่รู้ตัวจริงดิ เต้นยั่วๆบดๆอะไรของมึงนั่น กูขอเห็นแค่สองครั้งพอในชีวิต” ดูจากสีหน้าพี่มันก็พอจะรู้แล้วแหละครับว่าพี่มันไม่อยากเห็นผมเมาจริงๆ
“ แต่ผมอยากมากครับพี่ ผมอยากมากๆเลยนะ” ผมค่อยๆเอาศีรษะของผมดันไปที่แขนของพี่มันอยู่อย่างนั้น
“ อ้อนมากไหม? เฉลิมยังไม่อ้อนกูเท่ามึงเลยน้องผี” พี่กรมใช้มือทั้งสองข้างของเขาค่อยๆดันศีรษะของผมให้ออกห่างจากตัวของพี่มัน
“ เฉลิมลูกรักพี่มันเป็นงูหนิครับ มันอ้อนพี่ได้ก็แปลกแล้ว” เอาผมไปเปรียบเทียบกับเฉลิมเจริญจริงๆเลยฮะ มันไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถเป็นแล้วใช่ไหม
“ ไม่มีใครเถียงเก่งเท่ามึง” พี่กรมมันค่อยๆยันตัวลุกยืนขึ้น “ เดี๋ยวมา” ก่อนที่พี่มันจะออกไปด้านนอกทิ้งผมอยู่ในห้องกับไอ้กุ้งไอ้ปลาหมึกไอ้หอยพวกนี้
“ มองหน้ากูหาพ่อมึงหรอ” ผมหยิบกุ้งตัวหนึ่งขึ้นมาก่อนที่จะพูดกับมัน “ มึงคิดดูนะ กูอะแค่อยากจะทำอะไรให้พี่มันได้บ้าง แค่จะแกะกุ้งกูยังจะมาหวั่นไหวอะไร ไอ้ฉิบหาย” ผมขอย้อนกลับไปตอนที่พี่มันบอกกับผมว่าเดี๋ยวแกะกุ้งให้ เอาจริงๆนะผมโคตรงงเลยครับ ทุกคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดานะแต่สำหรับผมการที่เขาใส่ใจและทำอะไรที่มันเล็กๆน้อยๆให้เราได้ทั้งที่เราเองก็สามารถทำมันได้ แบบนี้มันโคตรทำให้ผมคิดมากเลยครับว่าตกลงแล้ว....พี่ชายเขาทำแบบนี้ให้น้องชายทุกคนไหม
แอดดด
ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดมากอะไรพี่กรมมันก็เปิดประตูห้องมาอีกครั้งพร้อมกับเบียร์สองขวดในมือ เห็นภาพนั้นผมนี่ยืนยิ้มเลยครับ แค่ได้จิบเบียร์ผมว่าผมก็น่าจะมีความสุขแล้ว
“ หึ ยิ้มหน้าบานเลยนะมึง” ตอนนี้เราสองคนย้ายมานั่งด้านล่างเหมือนเดิมแต่แค่เปลี่ยนโลเคชั่นมานั่งหันหลังพิงเตียงเอาไว้
“ เปิดเพลงได้ไหม?” ผมเอียงคอไปถามพี่มันที่ตอนนี้ต่างคนต่างเงียบและจิบเบียร์ไปพรางๆอย่างไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมา จนกระทั่งผมเอ่ยปากขอพี่มัน
“ เรื่องมากจริงวะ” ถึงปากพี่กรมมันจะบ่นแต่ก็ยอมยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
“ พี่ไม่ถือหรอ ให้ผมเล่นโทรศัพท์พี่” ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่คิดจริงๆครับว่าพี่มันจะเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาให้ผม
“ ถืออะไรหนักหนา เล่นๆไปเหอะมึง” พี่กรมพูดอย่างไม่ใส่ใจทำให้ผมเปิดแอพลิเคชั่นฟังเพลงขึ้นมาเลื่อนดูแต่ก็ไม่รู้ว่าจะฟังเพลงอะไรดี
“ พี่อยากฟังเพลงอะไรไหม?” ผมหันไปมองด้านข้างของหน้าพี่มันที่เอาศีรษะพิงขอบเตียงเอาไว้
“ ได้โปรด...” พี่กรมพูดออกมาทันทีเหมือนว่าเพลงนี้อยู่ในหัวของเขา “ ไม่รู้หวะ อยู่ๆกูก็คิดถึงเพลงนี้ แต่มึงจะฟังเพลงอะไรก็ได้ เปิดเลย”
“ ครับ” ผมกดเปิดไปที่เพลงได้โปรด ของแพรว คณิตกุล ตามที่พี่กรมมันบอกก่อนที่ผมจะกระดกเบียร์ขึ้นดื่มอีกครั้ง
ดึงตัวเองกลับมาทุกที
เมื่อฉันรู้สึกดี ทุกวันที่อยู่ใกล้เธอ
เตือนตัวเองว่าคิดให้ดี
กับท่าทีที่พบเจอ เธอคงไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเพลงค่อยๆบรรเลงขึ้นผมค่อยๆเอนศีรษะลงไปนอนราบกับขอบเตียงเหมือนกับที่พี่กรมมันนอนอยู่ก่อนจะค่อยๆหลับตาปล่อยให้จังหวะเพลงนำพาผมไป
แต่ละคำที่เธอพูดมา มันคล้ายว่าห่วงใย
เธอคงพูดไปอย่างนั้น แต่ว่าฉันจำขึ้นใจ
ทำไมท่อนนี้มันโดนใจผมอย่างนี้วะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรท่อนฮุกของเพลงก็ดังขึ้นมา
รู้บ้างไหมว่าใครบางคน สับสนและไม่แน่ใจ
เธอทำให้ฉันต้องหวั่นไหว
เธอทำให้ใครต้องคิดมากเพราะเธอ
รู้บ้างไหมที่เธอทำไป ฉันหลงเอาไปละเมอ
ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ
ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะจริงจัง
กลัวตัวเองจะเปลืองหัวใจ
ที่มันเผลอคิดมากมาย
แต่กลับเป็นไปข้างเดียว
ผมไม่รู้นะว่าเพลงนี้ที่พี่กรมมันพูดขึ้นมาคือเพราะพี่มันอยากฟังเอง หรืออยากจะสื่ออะไร ผมเองก็นอนฟังไปนิ่งๆทั้งที่หัวใจตอนนี้ของมันมันกลับหวั่นไหว ไม่รู้ว่านี่มันเรียกว่าอะไร แต่ผมอยากจะบอกว่าในเนื้อเพลงที่คิดไปเองข้างเดียว แต่สำหรับตอนนี้ถ้าพี่มันอยากจะสื่อตามความหมายจริงๆ ผมก็อยากจะบอกออกไปว่าผมก็คิดเหมือนกัน แต่นั่น....ยังไม่ทันที่ผมจะได้ลืมตาขึ้นมาจากภวังค์ความนึกคิดของตัวเอง อยู่ๆก็มีบางอย่างทาบลงมาบนริมฝีปากของผมเบาๆ...
PS.ถ้าพี่สับสนก็อย่าทำแบบนี้กับน้อง!!