ลูกชุบชุบวุ้นใส ล่อหลอกใจราวกับดัก
เคลือบหน้าว่าซื่อนัก ต่อพิศดูจึ่งรู้ทาง....
[/i][/b]
ไม่ใช่น้อง........ ไอ้....หลานน้องอ๋องมันแก่กว่าน้องตัวต่ออะครับ ถึงจะแค่สิบสองชั่วโมงแต่มันก็แก่กว่าอะครับ
ขนาดขอบัตรประชาชนมันมายืนยันก็ยังชัดเจนแจ่มแจ้งอยู่เลยว่ามันกับผมเกิดวันเดือนปีเดียวกันเด๊ะ.....ที่นี้น้องตัวต่อไม่ยอมเป็นน้อง เลยให้มันบอกเวลาเกิดด้วย
ยอมรับกันตรงๆว่าที่จริงก็กะจะโกงมันแหละ กะว่ามันบอกเวลาแค่ไหนมาผมก็จะเกิดก่อนให้ได้เลย
แต่ทีนี้บนรถถึงจะคันใหญ่แต่ก็เป็นพื้นที่ปิดแบบนั้น ต่อให้กระซิบกระซาบแอบๆคุยกันยังไงแม่ผ่องก็ได้ยินอยู่ดีอะครับ แถมมันยังเกิดตอนเลยเที่ยงคืนมาแค่เจ็ดนาทีเองด้วย พอผมตั้งท่าจะโม้ว่าผมออกมาร้องอุแว้ตอน 00.01น. ปุ๊บ แม่ผ่องก็ส่งเสียงหัวเราะเสียลั่นรถ แล้วถึงไม่พูดออกมาก็ทำพิรุธเสียจนผมต้องบอกความจริงไปจนได้ ว่าตามใบเกิดแล้วผมเกิดตอนเที่ยงตรง แถมยังย้ำอีกว่าเที่ยงวันนะไม่ใช่เที่ยงคืน
“น้อง....เดี๋ยวกินข้าวกินยาได้แล้วนะลูก” เสียงแม่เรียกดังมาจากหน้าบ้านแล้วครับ พอกลับมาอยู่บ้าน แม่เลยจัดที่ทางให้ผมกางมุ้งนอนในห้องครัวชั้นล่าง มันก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะบันไดไม้ทั้งเก่าทั้งชันสิบสองขั้นที่เป็นทางขึ้นเรือนบ้านผมมันไม่ใช่ง่ายๆเลยที่จะใช้ไม้ค้ำสองข้างยกตัวเองขึ้นไปได้โดยไม่หัวทิ่มลงมาเสียก่อน แถมเอาจริงๆแล้ว ห้องครัวของเรายังกว้างกว่าห้องส่วนตัวของผมด้านบนเสียอีก
ผมอยากจะให้ไอ้ส่วนที่หักเป็นข้อเท้าจังครับ เพราะพี่ชมพูที่แวะมาดูสภาพน้องชายตั้งแต่เมื่อเย็นวานหลังผมกลับมาถึงบอกว่าถ้าหักตั้งแต่ข้อเท้าลงมาก็ใส่แค่เฝือกสั้น หมายถึงผมจะยังสามารถงอเข่าได้ตามสบายตราบใดที่ไม่เจ็บ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นผมก็จะสามารถเดินได้สะดวกขึ้น แต่พอกระดูกชิ้นที่หักเป็นหน้าแข้งปุ๊บหมอก็เลยต้องใส่เฝือกยาวให้แบบนี้ ทำให้ขาซ้ายของผมขยับแทบไม่ได้เลย แล้วข้อมือขวาที่ยังเจ็บจนต้องใส่เฝือกอ่อนไว้แบบนี้ก็ช่วยรับน้ำหนักได้ไม่มากด้วย
คิดไปคิดมา สภาพนายไผทตอนนี้ก็คล้ายจะเป็นน้องง่อยเอาจริงๆนั่นแหละครับ
“หึ!” แม่ผ่องเดินเข้าครัวมาดูผมแล้วครับ ที่จริงผมตื่นนานแล้วแหละ ตื่นตั้งแต่แม่เปิดประตูครัวแล้วย่องเข้ามาตั้งเตาตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสางเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้เจ้าอาการระบมแทบทั้งตัวสิครับที่ทำให้ผมแทบไม่อยากลุกเลย อยากจะหลับต่อไปอีกเผื่อจะลืมๆไปได้บ้างว่ากำลังเจ็บ แถมไอ้แผลแตกที่ด้านหลังศีรษะนี่ก็ทำให้ผมนอนลำบากน่าดูชม ต้องเอียงๆหัวตะแคงแต่ท่อนขาดันต้องนอนหงาย ตอนกลางคืนพอเผลอตัวพลิกหน้านอนหงายแผลก็ถูกกด ทรมานเป็นบ้า....
นี่ตอนแรกแม่จะขนข้าวขนของลงมานอนเป็นเพื่อน แต่น้องตัวต่อไม่ยอมหรอกครับ แค่ต้องมาคอยเช็ดตัวหาข้าวหาปลาให้ผมนี่แม่ก็เหนื่อยแย่แล้ว เพราะงั้น น้องตัวต่อต้องทำตัวให้ปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้.....แม่จะได้อารมณ์ดี ฮี่ๆๆๆ
“ทำท่าอะไรของน้องอะ?”
“ท่างอน.....น้องกำลังงอนแม่อยู่ แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ฮึ่ย!”
ครับ ผมเพิ่งทำท่างอนโชว์แม่ไปเต็มที่ อุย...อันตรายนะครับท่านี้ ยิ่งเราถูกจำกัดการเคลื่อนไหว ไม่ได้ขยับคอแบบปกติติดต่อกันนานหลายชั่วโมง แค่สะบัดหน้าเมินแม่นิดๆก็ทำให้ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาได้....
แต่เชื่อมั้ยล่ะครับ ว่าที่ลงทุนน่ะ....คุ้ม!!
“ฮ่าๆๆๆๆๆ น้องเอ๊ย....เจียมสังขารบ้างลูก น้องจะมางอนแม่ทำไม เอ้า...ไหนบอกหน่อยซิ แม่ไปทำอะไรให้งอน?”
เห็นมั้ยครับ ลงทุนนิดหน่อยคุณนายผ่องพรรณก็หัวเราะร่าแบบว่าถ้าแม่ผมกินหมากก็คงน้ำหมากกระจายแหละ ผู้หญิงคนนี้น่ารักที่สุดในโลกครับผมยืนยัน
“ทำไมแม่ไม่บอกก่อนอะว่าพ่ออ๋องของแม่เรียนถาปัด ปล่อยให้น้องหัวเราะใส่หน้าเขาได้ตั้งนานว่าเขาอายุเท่าน้องแต่เรียนจบช้ากว่า...หึ น้องงอน”
ครับ.....ไม่บอกคงพอนึกสภาพผิวหน้าผมได้นะครับ แตกซ้ำแตกซาก แตกละเอียดจนแทบจะเก็บมาประกอบชิ้นส่วนไม่ได้กันเลยทีเดียว ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะครับว่าพ่อคุณพ่ออ๋องคนดีของคุณนายผ่องพรรณจะเรียนหลักสูตรห้าปี
“น้องแหละไปขี้ตู่จะยึดเขาเป็นน้องของตัวเองก่อน อย่าพูดมากเลย ลุกขึ้นมานั่งแล้วแปรงฟัน เดี๋ยวจะได้กินข้าวกินยา”
“สวัสดีครับแม่ผ่อง........คุณน้อง เป็นยังไงบ้าง ผมซื้อน้ำเต้าหู้มาฝาก
มันมาแล้วครับ ไอ้คุณอ๋อง ยังไม่ทันที่ผมจะขยับลุกมานั่งทำตามคำสั่งแม่เลย ไอ้บ้านี่มาถึงก็ถือวิสาสะเข้ามาในบ้านคนอื่นเขาซะงั้น...แต่ไม่เป็นไรครับ ถึงผมจะไม่ยินดีต้อนรับมันเท่าไหร่ แต่น้ำเต้าหู้ใบเตยในมือมันนั่นน้องตัวต่อยินดีต้อนรับเต็มที่ ก็แหม....คนเขามีน้ำใจ จะทิ้งจะขว้างก็เสียมารยาทแย่สิครับ
แต่มันมาแต่เช้าก็ดีครับ แม่ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อย เพราะพอเห็นว่าน้ำเต้าหู้ของฝากถูกวางอย่างปลอดภัยแล้ว ผมก็แค่กวักมือซ้ายที่ยังสภาพปกติอยู่เรียกให้แขกไม่ได้รับเชิญที่มาวันนี้เริ่มมีเคราเขียวๆกลับมาให้คล้ายลิงเหมือนเดิมแล้วเข้ามาใกล้ๆ แล้วจากนั้น....ก็ใช้งาน หุๆๆ
“ช่วยน้องหน่อย” แค่ประโยคเดียว สั้นๆ ง่ายๆ ผมก็ได้แรงงานสมบูรณ์แบบ แถมแทนที่ไอ้คุณอ๋องจะเป็นแรงงานชั่วคราวแค่เฉพาะมื้อเช้า ไอ้กล้ามปูที่กลับมามีหัวแห้วยังขาดก็แค่เคราจิ๋มมันกลับสมัครใจทำตัวเป็นแรงงานถาวรประจำบ้านผม
มันทำตามคำขอของผมทุกอย่าง ตั้งแต่ช่วยหยิบของ ช่วยคั้นกะทิให้แม่ผ่อง ช่วยพยุงผมเดินไปโน่นมานี่...อย่างไปห้องน้ำ หรืออย่างตอนนี้ที่พยุงผมเดินออกจากครัวมานั่งเก้าอี้ที่สวนหลังบ้านแถมแทนที่จะได้นั่งบนเก้าอี้เหมือนกัน ยังต้องเสียสละเก้าอี้อีกตัวให้ผมพาดขาอีก แม้แต่ช่วยขยับนิ้วเท้าตามที่พี่ชมพูแวะมาสอน
ความจริงผมก็ไม่อยากให้พ่ออ๋องของแม่มาทำให้หรอกครับ แหม....เห็นแบบนี้น้องตัวต่อก็รู้กาลเทศะนะคร้าบ ผมรู้หรอกน่าว่าสำหรับคนไทยเราแล้วเท้าถือเป็นของต่ำ ยิ่งเป็นผู้ชายก็ยิ่งไม่ควรต้องไปจับไปต้องเพราะของจะหนีหมด แต่พอผมจะขยับหนี...ซึ่งน้องตัวต่อต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งทำ คุณพี่อ๋องก็ส่งยิ้มตาปิดมาให้ แล้วก็บอกว่า
“คุณน้องทำเองไม่ถึง ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะหายบวมล่ะครับ....”
ปากตอบผม แต่ทั้งอย่างนั้นไอ้คุณอ๋องก็แทรกตัวนั่งลงตรงเก้าอี้ที่ผมพาดเฝือกอยู่แล้วยกขาผมแบบเบามือสุดๆจนแทบไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากอาการตึงๆขึ้นไปวางไว้บนตัก แล้วก็จับยึดเอาไว้แบบที่ว่าถึงผมจะพยายามหนีก็ไม่มีทางทำได้แน่ๆ
“แต่มันไม่ดีนี่.....คุณไม่ถือเหรอ?”
“ไม่ถือหรอกครับ เอางี้ดีมั้ยล่ะ....ถ้าอยากตอบแทน ขอแค่เลิกเรียกคุณ แล้วมาเรียกพี่แทน.....เรียกว่าพี่อ๋อง เท่านี้ก็พอแล้ว ถือว่าเราแลกกัน ตกลงมั้ยครับ?”
หืม.....ทำไมข้อแลกเปลี่ยนนี่มันดูแปลกๆล่ะครับ นี่ไอ้คุณอ๋องโง่หรือบ้าครับ ยื่นข้อเสนอมาแบบนี้นี่ผมได้กำไรชัดๆเลยนะ หรือมันจะเป็นแบบผม พวกอยากมีน้องจนตัวสั่นอะครับ? หรือ....เพราะมันจะเอาคืนที่ผมไปทำท่าเป็นพี่มันอยู่ครึ่งค่อนวัน?
แต่กับข้อเสนอที่ไม่ว่าจะมองทางไหนก็ได้กำไรเต็มๆ ไม่มีทางที่น้องตัวต่อจะปฏิเสธอยู่แล้วล่ะครับ!!