LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOTTO สื่อรัก #คนบ้าหวย2018 *** แจ้งข่าวค่ะ 11/03/2019  (อ่าน 67701 ครั้ง)

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
น้องน้ำยังไม่รู้ตัวอีก แน่ใจเหรอที่จะไปปล้ำผู้กองร่างยักษ์ได้
ขนาดน้ำฝนยังเห็นแววแล้ว กลับความคิดใหม่ได้นะน้ำ
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
น้องน้ำกับพี่ปรานต์ กระดูกมันคนละเบอร์กันนะ  :mew5:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
แค่จีบกะมีกฎซะแล้ววว

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น้องน้ำมาแล้ว คิดถึงจัง

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
โถ่น้ำ เรื่องจีบไม่ต้องไปกังวลเดี๋ยวผู้กองเขาจัดการเอง

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter



งวดยี่สิบสี่ ความน่ารักของเธอช่างเย้ายวน



            “หวัดดีจ้ะแม่ ทำอะไรอะ หอมเชียว” น้ำเข้าไปสวัสดีแม่น้อยในครัว พลางหยิกเอวเป็นการหยอกเอินมารดาเล่นอีกด้วย

            “ไข่ชะอม หมูทอด เห็นวันก่อนเอ็งบ่นอยากกิน ไม่รู้ตอนนี้ยังอยากกินอยู่มั้ย อาหารที่เมืองกรุงมีแต่ของอร่อยๆ” แม่น้อยพูด ทำไมไอ้น้ำจะไม่เข้าใจความหมาย

            “อาหารที่ไหนก็สู้ฝีมือแม่น้อยของฉันไม่ได้เลย ไม่ได้เลย ไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” น้ำล้อเลียนละครที่แม่น้อยติดงอมแงมอยู่ตอนนี้

            “มาทำปากหวานใส่ข้า นี่ข้าไม่ใช่สาวๆ ของเอ็งนะเว้ย”

            “ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ คนนี้อะ สวยที่สุดในบ้านแล้ว” น้ำยังไม่หยุดเย้ามารดาให้เขินอายต่อ

            “พอๆ ไม่ต้องทำเป็นประจบเอาใจ แล้วนี่ทำไมมาเสียเย็น เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

            “เปล่าจ้ะ พอดีฉันเจอผู้กองโดยบังเอิญที่กรุงเทพฯ เขากำลังจะกลับมาหมู่บ้านเราเหมือนกัน เลยรอมาพร้อมกัน” ไอ้น้ำตอบมารดา โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่ามือที่กำลังจับตะหลิวพลิกหมูไปมาอยู่นั้นมันชะงักไปชั่วครู่หนึ่ง ชั่วครู่เดียวจริงๆ

            “เหรอ แล้วทำไมไม่ชวนผู้กองขึ้นมาทานข้าวด้วยกัน”

            “อย่าเลยแม่ ผู้กองขับรถมาเหนื่อยๆ คงอยากพัก ฉันเกรงใจ”

            “เกรงใจอะไร เขาอุตส่าห์ขับรถมาส่งเรา วันหลังเอ็งก็อย่าลืมชวนผู้กองเขามาทานข้าวที่บ้านเราล่ะ ข้ามีเรื่องอยากคุยด้วย” ไอ้น้ำสบตากับน้ำฝนที่เดินมาเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่มพอดี สองพี่น้องพากันนิ่ง น้ำฝนส่ายหน้าว่าตัวเองยังไม่ได้ทำอะไรเลย

            “แม่อยากคุยกับผู้กองเรื่องอะไรเหรอจ๊ะ”

            “ไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญอะไร แค่อยากขอบคุณที่มาส่งเอ็งเฉยๆ พวกเอ็งเป็นอะไรกันไปวะ ยื่นทื่อเชียว” แม่น้อยถามพลางมองหน้าบุตรสาวบุตรชายของตน

            “เปล่าจ้ะ” สองพี่น้องตอบพร้อมกัน น้ำฝนรีบหยิบแก้วมาเทน้ำแล้วยกดื่มทันที อารามที่ทำด้วยความรวดเร็วจึงสำลักน้ำขึ้นมา

            “แค่ก แค่ก”

            “เอ้า รีบดื่มเร็วอะไรอย่างนั้น ไม่รู้จักระวังเลยนะ ยายฝน” แม่น้อยบ่นไปเรื่อย มือข้างที่ว่างก็หยิบจานเปล่าขึ้นมาแล้วตักหมูลงไปในนั้น

            “ฉันช่วยจ้ะ” ไอ้น้ำกระวีกระวาดเข้าไปรับของโปรดจากมือแม่น้อย แล้วไปวางบนโต๊ะอาหารให้ อย่างรู้หน้าที่

            “วางเสร็จแล้วก็เข้าไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า จะอาบน้ำอาบท่าอะไรก็ไปทำก่อนเถอะ มาเหนื่อยๆ คงเหนียวตัว” แม่น้อยบอก ไอ้น้ำรีบเข้าไปกอดเอวแม่น้อยทีหนึ่งแล้วก็ผละไป

            “ยายฝน” น้ำฝนที่กำลังจะเดินออกไปเช่นกันต้องหยุดชะงักตามเสียงเรียกของมารดา

            “จ้ะ แม่” หญิงสาวรับเสียงอ่อย พอจะเดาได้ว่างานต้องเข้าตัวเองแน่

            “พี่ชายเอ็งเขากลับมากับผู้กองจริงใช่มั้ย” แม่น้อยถาม

            “ใช่จ้ะ”

            “สองคน?”

            “สองคนจ้ะ แม่อย่าไปสนใจที่ฉันพูดก่อนหน้านี้เลยนะ ฉันก็แค่ปากพล่อยไปเรื่อย” น้ำฝนรีบแก้ตัว ยังไงเธอก็เป็นห่วงพี่ชาย

            “ข้ายังไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามเอ็งเฉยๆ ทำไมต้องลุกลี้ลุกลนด้วย”

            “ก็ฉันกลัวแม่จะว่าฉันว่าคิดอะไรไร้สาระอีก” น้ำฝนหาคำตอบมาอธิบายให้มารดาฟังอย่างรวดเร็ว

            “ยกแกงส้มออกไป เดี๋ยวพี่เอ็งอาบน้ำเสร็จแล้วจะได้กินข้าว” แม่น้อยเปลี่ยนเรื่องใหม่ ทำให้น้ำฝนโล่งใจขึ้นมาก

            “จ้ะ แม่”



            .
            .
“เออ..ยายฝน ตกลงเรื่องคณะ เลือกได้ยังอะ” น้ำถามระหว่างที่สมาชิกในครอบครัวกำลังกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน เพราะระหว่างที่เขาอาบน้ำ เขาก็เพิ่งนึกได้ว่านี่มันเข้าเทอมสอง เทอมสุดท้ายของชีวิตการเรียนมัธยมปลายของน้ำฝนแล้วนี่นา

            “อือ ได้แล้ว ตกลงฉันจะเรียนเภสัชฯ”

            “แล้วพยาบาลอะ ไม่อยากเป็นแล้ว?” น้ำถาม ตักชะอมไข่แล้วตามด้วยน้ำแกงส้มอีกนิด เข้าปากไปอีกคำ อร่อยจัง ฝีมือแม่

            “ไม่แล้ว ก็ตอนที่แม่ป่วย แล้วฉันไปเฝ้าแม่ที่โรง’บาล ใช่ปะ งานโคตรหนักเลยพี่ ไม่เอาอะ เหนื่อยไป ตายแน่”

            “อะไรของเอ็ง ยายฝน หนักไม่เอา เบาไม่สู้แบบนี้ แล้วจะไปทำมาหากินอะไรไหว” แม่น้อยสอนเตือนสติบุตรสาวคนเล็ก

            “โธ่ แม่ก็เห็นว่าฉันไม่ได้ขี้เกียจ งานในสวนฉันก็ไม่ยั่นหรอก แต่ในเมื่อตอนนี้ยังเลือกได้ แล้วทำไมฉันต้องเลือกงานหนักแบบนั้นไปทั้งชีวิตด้วยล่ะ จริงมั้ย”

            “เอ็งจะคิดแบบนี้ก็ไม่ค่อยถูก ถ้าใครๆ ก็คิดแบบเอ็ง แล้วใครล่ะจะอยากเป็นหมอ เป็นพยาบาล” น้ำเตือนน้องสาวอีกทาง

            “ไม่ใช่อย่างนั้นพี่น้ำ คือฉันไม่ได้ชอบอาชีพพยาบาลสักเท่าไหร่ ถ้าฉันชอบ งานหนักแค่ไหนฉันก็ไม่เกี่ยง”

            “แล้วเภสัชล่ะ ที่จะเรียนนี่ชอบหรือไม่ชอบ?” น้ำถามกลับ สรุปน้องสาวเขาเรียนเพราะอะไรกันแน่

            “เภสัชอะไรที่พวกเอ็งคุยกันนี่มันคืออะไร หา น้ำฝน ใช่ที่เป็นคนขายยา อย่างที่ไอ้น้ำเคยพูดหรือเปล่าวะ” แม่น้อยถาม นางกำลังงงกับสิ่งที่น้ำฝนเลือกเรียนเต็มที

            “ใช่จ้ะ แม่” น้ำตอบแทนน้องสาว

            “อ๋อ... เอ็งชอบอาชีพนี้รึ” แม่น้อยถามย้ำเหมือนไอ้น้ำ

            “เอาจริงๆ นะแม่..พี่น้ำ” น้ำฝนทำเสียงหนักใจก่อนจะพูดต่อ “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันชอบอะไรจ้ะ”

            “ปัญหาเด็กไทย” น้ำบ่นเบาๆ ทำไมเขาจะไม่เข้าใจเพราะตัวเขาเองก็ผ่านมันมาแล้วเหมือนกัน

            “ที่โรงเรียนมีไปค่ายอะไรแบบนี้บ้างมั้ย” น้ำถาม เพราะถ้าไม่ได้ลองหรือไปคลุกคลีเลย จะไม่มีวันรู้เลยว่าเราชอบมันหรือเปล่า

            “มี แต่มันเป็นค่ายแบบวิทยาศาสตร์​ ค่ายโปรแกรมเมอร์ ค่ายสถาปัตย์ฯ ฉันไปดูๆ แล้ว ไม่ชอบ”

            “เอ็งไม่ชอบคำนวณและศิลปะ?”

            “ฉันไม่ชอบคำนวณสุดๆ อะ แล้วพี่กับแม่ก็คงเห็นฝีมือวาดรูปของฉันแล้ว” น้ำฝนไม่อยากจะอวด ฝีมือวาดรูปของเธอเข้าขั้นติดลบเลยทีเดียว วาดรูปเสร็จ ยังต้องเขียนชื่อบอกเป็นการกำกับว่าเธอวาดอะไรออกมา

            “เออ เลี่ยงไปเลย” น้ำสนับสนุนเห็นด้วย น้ำฝนควรห่างไกลคำว่าศิลปะทุกแขนงให้มากที่สุด

            “ทีนี้มันก็จะเหลือไม่กี่อย่าง แต่ฉันชอบท่องจำ”

            “อืม พอเข้าใจละ” น้ำหยิบโทรศัพท์ออกมากดอะไรบางอย่างลงไป แม่น้อยกับน้ำฝนได้แต่นั่งกินข้าวเงียบๆ ไม่กล้ารบกวนพี่ชาย

            “เจอละ นี่ไง มันมีพวกค่ายเกี่ยวกับเภสัชฯ หมอยาเนี่ยอยู่หลายที่เลย เดี๋ยวข้าส่งลิงค์พวกนี้ให้เอ็งนะยายฝน แล้วก็เลือกมาว่าจะไปค่ายไหน จะได้เตรียมตัวสมัคร”

            “แม่จ๊ะ...ค่ายพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งนั้น แม่จะว่าอะไรมั้ย ถ้าฉันก็อยากให้ยายฝนมันเรียนที่นั่นเหมือนฉัน” น้ำเริ่มเรื่องที่เคยคุยค้างไว้กับแม่เมื่อหลายเดือนก่อน

            “เอ็งคุยกันถึงขนาดนี้ ยังจะถามข้าอีกหรือไง” แม่น้อยค้อนวงใหญ่

            “ก็ฉันเป็นห่วงน้องนี่นา” น้ำอ้อนมารดา

            “เอาๆ อยากเรียนอะไรที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น มีข้อแม้อย่างเดียว ข้าไม่ไว้ใจให้น้องอยู่ที่กรุงเทพฯ คนเดียวตามลำพัง”

            “จ้ะ แม่ ถ้าถึงตอนนั้น ยายฝนมันสอบติด ฉันจะไปอยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนมันเอง”

            “ไปอยู่เป็นเพื่อนมันเฉยๆ ไม่ได้ ต้องทำงานด้วย”

            “จ้ะ แม่” น้ำรับคำเสียงอ่อย

            “ถ้างั้นข้าก็ตกลง”

            “เย่!!  ขอบคุณนะจ๊ะแม่ ขอบคุณนะพี่น้ำ” คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดในเหตุการณ์นี้คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากลูกสาวคนเล็กของบ้านนี้ เพราะไอ้น้ำบัดนี้ทำหน้าทำตาละห้อยด้วยที่ต้องกลับไปหางานทำอีกแล้ว

            “เออ ไม่เป็นไร” น้ำตอบเซ็งๆ

            น้ำฝน ครั้งนี้เอ็งติดหนี้บุญคุณข้าเหมือนกันนะเว้ย ถ้าวันหน้าข้ามีปัญหาเอ็งก็ต้องช่วยเหลือด้วยล่ะ
 
แล้วเพลงพี่ชายที่แสนดี ก็ลอยแว่วเข้ามาในหูของไอ้น้ำในบัดดล

“ผู้กองนอนหรือยัง”น้ำทักผู้กองไปในแอพลิเคชั่นสีเขียว ตอนที่เขาเตรียมตัวจะเข้านอนแล้ว ส่งข้อความไปไม่นาน บนหน้าจอเขาก็แสดงผลว่าอีกฝ่ายได้อ่านข้อความเขาแล้ว

“ยัง นายก็ยังไม่นอนเหมือนกันหรือ”

“อืม แต่กำลังจะนอนแล้วล่ะ”

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“วันนี้แม่บ่น นิดหน่อยที่ไม่ชวนผู้กองมากินข้าวด้วย”น้ำตอบกลับไป พลางคิดว่าจริงๆ แล้วมันก็ไม่มีเรื่องคุยขนาดนั้นหรอก แต่ของแบบนี้มันต้องเดินหน้าใช่ปะ ปล่อยไว้เฉยๆ คงยากที่จะได้อีกฝ่ายมา

“อ่อ..เรื่องนั้น เดี๋ยววันหลังฉันจะไปกินแน่นอน บอกแม่น้อยไม่ต้องห่วงหรอก”

“แล้วจะบอกให้ นอนแล้วนะ”น้ำบอก อยากคุยต่อแต่มันไม่มีเรื่องคุยไง เวลาคนเขาจีบกัน มันทำยังไงวะ
           
              “ครับ ฝันดี”
         
               “ฝันดีผู้กอง”น้ำตอบกลับอย่างรวดเร็ว น้ำวางโทรศัพท์ลงไว้ข้างเตียง คว้าหมอนข้างมากอดเหมือนเช่นเคย น่าแปลกที่เขากลับตาสว่างทั้งที่ควรจะง่วงได้แล้ว
           

               นอนไม่หลับ


            น้ำพลิกตัวไปมารอบเตียง ย้ายตัวไปนอนแทบจะทุกมุมของเตียงแล้ว แต่มันก็ไม่หลับ ทำยังไงดี แค่ผู้กองมานอนด้วยไม่กี่คืนนี่กลายเป็นว่าไม่มีอีกฝ่าย เขาก็นอนไม่หลับไปแล้วได้ยังไง เตียงนอนที่เขาเคยบอกแม่ว่ามันเล็กไป เวลานี้ทำไมมันดูใหญ่เกินไปล่ะ น้ำดึงผมตัวเองด้วยความขัดใจ


เป็นเอามากแล้วนะไอ้น้ำ
       

         กว่าไอ้น้ำจะยอมเยื้องกรายออกจากบ้านในวันต่อมาก็จวนเย็น อีกสองวันจะถึงวันหวยออก แต่พรุ่งนี้เป็นวันเก็บหวย แม่น้อยบ่นว่ายังไม่ได้เลขเด็ดงวดนี้เลย เดือดร้อนบุตรชาย ต้องออกไปตามหาเลขให้มารดาที่รัก นายนทีเดินเท้ามุ่งหน้าเข้าตลาด ด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม ตลาดสดนี่แหละคือแหล่งรวมความรู้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องของชาวบ้าน หวย ทิศทางการเงินต่างๆ หรือแม้แต่ข่าวที่ออกในทีวี เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวก็ครบวงจร ฟูลเซอร์วิส

            “อ้าว ไอ้น้ำ กลับมาแล้วเรอะ” เสียงป้าแช่มตะโกนทักดังขึ้น เมื่อเห็นไอ้น้ำย่างเท้าเข้ามาในตลาด

            “จ้ะ กลับมาเมื่อวาน”

            “แหม โชคเป็นของพวกเราแล้วนางสาย นางเล็ก”

            “อะไรเหรอป้า” น้ำสงสัยในคำพูดของป้าแช่ม

            “ก็เอ็งกลับมาทันวันส่งหวยพรุ่งนี้ เดี๋ยวค่ำๆ ไปหาเลขเด็ดด้วยกันไง”

            “ป้าๆ ยังไม่ได้เลขกันเลยเหรอ นี่ฉันกะมาขอจากป้าเลย” น้ำบอกด้วยความผิดหวัง สิ่งที่เขารอคอยนั้นมันกลับล่มสลายอยู่ตรงหน้า

            “ยังเลย หมู่นี้ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย ตั้งใจจะเข้าไปขูดต้นไม้ในวัด หลวงพ่อก็ขอนิมนต์อีก ครั้นพอจะขอดูขันน้ำมนต์ท่าน ท่านก็ไม่ให้ บอกว่าอย่างมงายกับสิ่งพวกนี้ เฮ้อ พวกข้าหมดทางไปแล้วล่ะว่ะ” นางเล็กบอกเสียงเศร้า ทำท่าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

            “ป้าเล็กใจเย็นๆ ไม่ต้องร้องไห้นะจ๊ะ แล้วที่จะไปกันค่ำนี้ จะไปที่ไหนล่ะ ฉันไปด้วยก็ได้จ้ะ” น้ำเสนอตัวเข้าไปช่วยเหลือ

            “แม่ตะเคียน” นางสายกระซิบบอกเสียงเบา น้ำอยากจะถอนคำพูดเสียเดี๋ยวนั้น ไม่น่าพลาดหลงกลป้าๆ เลยไอ้น้ำ


            “แม่..ตะ..เคียน..เหรอ..จ๊ะ” น้ำพูดออกมาทีละคำเป็นการเน้นย้ำ


            “เออ รับปากข้าแล้วต้องไปนะเว้ย” ป้าแช่มได้ทีตะโกนพูดเสียงดัง คนในตลาดได้ยินกันทั่ว จบกันกลับคำไม่ทันแล้ว

            “จ้ะ” น้ำรับปากไปอย่างปฏิเสธไม่ได้ ปากพาซวยจริงๆ นะเอ็ง

            “อ้าว นางสอน ลุกไหวแล้วเหรอ ได้ยินว่าไม่ค่อยสบาย” เป็นป้าแช่มเจ้าเดิม ที่ตะโกนถามคนมาใหม่


            น้ำอยากรู้ อยากจะขอถามสักหน่อย  ป้าแช่มเคยเจ็บคอบ้างมั้ย


            “เออ ดีขึ้นแล้ว” ได้ยินเสียงตอบไม่ดังนักกลับมา น้ำเลยหันไปตามเสียงก็เห็นใบหน้าอิดโรย ติดจะซีดด้วยซ้ำ เดินเข้ามาใกล้ๆ อย่างช้าๆ

            “ป้าสอน ป้าไม่เป็นไรใช่มั้ย มาจ้ะ ให้ฉันช่วยถือของดีกว่า ป้าดูเหนื่อยๆ เพลียๆ” ไอ้น้ำรีบปรี่เข้าไปช่วยเหลือ พลางฉวยถุงในมือมาถือไว้เสียเองและจังหวะที่เขาจับแขนของป้าเพื่อประคองแต่กลับถูกป้าสอนสะบัดทิ้งราวกับถูกของร้อน

            “ไม่เป็นไรๆ ป้าเดินไหว” ป้าสอนหน้าเจื่อนด้วยความไม่ตั้งใจ

            “ถ้างั้น เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้านนะป้า” น้ำเก็บอาการที่ตกใจนั้นไว้แล้วรีบบอกอย่างมีน้ำใจ

            “อืม ขอบใจ”

            “ฉันไปก่อนนะป้าๆ” น้ำบอกลาสามป้าก่อนจะเดินไปขนาบข้างป้าสอน

            “เออ แล้วคืนนี้เจอกัน อย่าเบี้ยวข้าล่ะ” ป้าแช่มไม่ลืมที่จะอาศัยจังหวะนี้ตะโกนทิ้งท้าย

            “ป้าสอนไหวแน่นะ ฉันเป็นห่วง” น้ำบอกคนข้างๆ ป้าสอนดูอิดโรยมากจริงๆ

            “ไหวๆ เอ็งไม่ต้องเป็นห่วง ข้างหน้าก็บ้านข้าแล้ว ขอบใจเอ็งมากนะ ไอ้น้ำ นางน้อยได้ลูกดีๆ อย่างเอ็งก็เหมือนมีบุญไปสิบชาตินั่นล่ะ”

            “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ้ะป้า ฉันก็สร้างเรื่องให้แม่ปวดหัวไว้มากเหมือนกัน” น้ำพูดแก้เขิน ถูกชมต่อหน้าแบบนี้ เขาก็ทำตัวไม่ค่อยถูก

            “จำคำข้าไว้นะ จะมีเมียสักคนก็หาที่ดีๆ อย่าให้แม่ต้องเป็นทุกข์เป็นร้อนล่ะ”

            “เอ่อ..จ้ะ” น้ำรับคำอย่างอึ้งๆ ป้าสอนตั้งใจจะบอกอะไรเขา

            “ถึงบ้านข้าแล้ว เอ็งก็กลับบ้านดีๆ ล่ะ”

            “จ้ะ” น้ำยื่นถุงพลาสติกที่ป้าสอนซื้อมาจากตลาดส่งคืนให้ นางรับถุงนั้นไว้แล้วก็หายเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ทิ้งไอ้น้ำให้จมอยู่กับคำพูดนั้นเพียงลำพัง


            ไอ้น้ำเดินออกมาจากบ้านป้าสอน เขายังไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของตัวเองทันทีกลับเลี้ยวไปอีกทาง ไปบ้านของคน คนหนึ่งที่พักนี้เขาไม่ได้ไปหานานหลายงวด เอ๊ย หลายวันแล้ว

            “หวัดดีจ้ะ เจ๊แสง” ไอ้น้ำยื่นหน้าเข้าไปในบ้านเพื่อทักทายเจ้าของบ้าน

            “อ้าว ไอ้น้ำ หายหัวไปหลายงวดเลยนะเอ็ง เข้ามาก่อนสิ” เจ๊แสงละสายตาจากการคิดบัญชีมามองคนที่ทำหน้าทะเล้นอยู่หน้าประตูบ้าน

            “หลายงวดอะไรกันเล่า แค่สองสามงวดเอง”

“งานยุ่งเหรอวะ”

            “งานที่ไหน ฉันว่างงาน เจ๊ก็รู้  พอดีแม่ไม่ค่อยสบาย แล้วต้องไปทำธุระในกรุงเทพฯ อีก”

            “อย่างนั้นรึ แล้วนี่มาหาข้ามีอะไรล่ะ”

            “เปล่าจ้ะ ก็มาหา คิดถึงเฉยๆ ได้หรือเปล่า” น้ำทอดเสียง หยอดคนแก่เสียงนุ่ม

            “เรอะ เอ็งนี่นะ พูดจาแบบนี้ เดี๋ยวสาวๆ ในหมู่บ้านก็ไปหาที่บ้านจนหัวกระไดไม่แห้งหรอก”

            “นั่นเขาใช้กับผู้หญิงไม่ใช่หรือ ฉันเป็นผู้ชายนะเจ๊”

            “โลกสมัยนี้มันเปลี่ยนไปแล้วเว้ย นี่ข้าเปิดทีวีดูนะ ช่องไรก็ไม่รู้ ยังเห็นเด็กผู้ชายมันจีบกันเองแล้วว่ะ” น้ำสะดุ้ง หรือว่าเจ๊แสงจะรู้ว่าเขาชอบผู้ชาย สายตาของไอ้น้ำเริ่มไม่ไว้ใจคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ

            “มีด้วยหรือเจ๊” น้ำลองเลียบเรียงถามดู

            “เอ๊า ไปอยู่ที่ไหนมา ทีวีเปิดกันโครมๆ ชวนแม่เอ็งดูสิ ข้าว่ามันก็สนุกดีนะ สมัยข้าไม่ค่อยมีหรอก” เจ๊แสงพูดไปอย่างใจคิด ทำให้ไอ้น้ำโล่งใจขึ้นมาบ้าง

            “ถ้าเปิดให้ดู แม่คงจะด่าฉันเปิงแน่ๆ”

            “บอกแม่เอ็งใจกว้างๆ หน่อย” เจ๊แสงพูดติดตลกก่อนจะคิดบัญชีต่อ ไอ้น้ำนั่งเถลไถลชวนคุยเล่นอยู่สักครู่ก็ขอตัวกลับบ้าน

            “กลับมาแล้วจ้ะ” น้ำบอกเมื่อเท้าข้างขวาก้าวข้ามผ่านธรณีประตูบ้าน

            “มาแล้วเรอะ ได้เลขอะไรมาบ้างมั้ย” แม่น้อยละสายตาจากทีวีมาสนใจบุตรชายทันที

            “ไม่ได้เลยแม่”

            “อะไรอย่างนั้นวะ”

            “ป้าๆ ในตลาดก็ยังไม่มีเลขเหมือนกัน”

            “จะเป็นไปได้ยังไง พวกมันไม่อยากบอกเอ็งมากกว่ามั้ง”

            “ไม่หรอกจ้ะ ยังไม่ได้จริงๆ เพราะค่ำนี้ป้าๆ ชวนฉันให้ไปขูดเลขที่แม่ตะเคียน” น้ำบอกอย่างเซ็งๆ

            “เหรอ เออ เอ็งไปใช่มั้ยวะ”

            “ไม่ไปได้มั้ยแม่”

            “ลูกน้ำของแม่ อยากกินอะไรมื้อนี้ แม่จะไปเตรียมไว้ให้” น้ำเบ้ปากในสรรพนามที่แม่น้อยใช้แทนตัวเองและเรียกตัวเขา

            “ไร้ซึ่งความจริงใจสุดๆ วันนี้แม่ทำกับข้าวไว้หลายอย่างหน่อยละกัน ฉันจะชวนผู้กองมากินข้าวที่บ้านด้วย”

            “ได้เลย ถ้าเป็นความประสงค์ของลูกน้ำแล้ว แม่ก็พร้อมจะยินดีทำให้” น้ำหัวเราะกับคำพูดของแม่น้อยเพราะคำพูดนี้มันอยู่ในละครที่แม่เขาเพิ่งดูเมื่อคืน

            “แม่ติดละครอะ”

            “เอ๊า คนบ้านนอกดึกดื่นจะให้ทำไร ก็ต้องดูละครสิวะ”

            “จ้ะ เดี๋ยวฉันเข้าไปในห้องก่อนแล้วกัน แม่อย่าลืมของโปรดฉันนะ”

            “เออ กลับมาได้กินแน่นอน”


            “ผู้กอง ยุ่งอยู่หรือเปล่า”น้ำทักอีกฝ่ายด้วยแอพลิเคชั่นตัวเดิม ครั้งนี้ผู้กองไม่ได้อ่านอย่างรวดเร็วเหมือนเมื่อคืน


ไอ้น้ำยังคงคอนเซ็ปต์จีบไม่เป็น แต่ก๊อปปี้เป็น เขาเลยก๊อปปี้พฤติกรรมของเจนที่เคยใช้กับเขามาก่อน และหวังว่ามันน่าจะช่วยได้ ในเมื่อเจนยังเคยทำให้เขาชอบเจนได้เลย ผู้กองก็น่าจะชอบเขาก็ได้...มั้ง


            น้ำเริ่มร้อนรน ยังไงดีล่ะ ไม่มีปฏิกิริยาจากข้อความพวกนั้นเลย เพราะตอนนี้ใกล้จะหกโมงแล้วผู้กองยังไม่อ่านข้อความเลย ไอ้น้ำคว้าผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำเหมือนเคย คืนนี้กลัวผีจะได้ไม่ต้องอาบอีกรอบ หวังว่าอาบน้ำเสร็จผู้กองจะตอบข้อความเขานะ


            แล้ว...สรุปว่า อาบน้ำเสร็จก็แล้ว ปะแป้งหน้าขาวตัวหอมก็แล้ว ผู้กองก็ยังไม่อ่านข้อความเขาเลย สงสัยเขาจะต้องไปถิ่นของแม่ตะเคียนเพียงลำพัง เอาวะ อย่างน้อยขากลับก็กลับพร้อมป้าๆ ก็คงพอไหวอยู่ล่ะมั้ง

            “จะไปแล้วเหรอ” แม่น้อยถามขึ้น เมื่อเห็นบุตรชายเปิดประตูห้องนอนออกมา

            “จ้ะ แม่ เดี๋ยวป้าๆ เขารอนาน บ่นหูชาอีก”

            “ดีแล้ว ให้ผู้ใหญ่คอยนานๆ ไม่ดีหรอก” ทำไมน้ำรับรู้และสัมผัสได้ว่า แม่ไม่ได้ห่วงเรื่องมารยาทที่ว่าอะไรนั่นเลย แต่ห่วงตัวเลขเพื่อชีวิตวันพรุ่งนี้มากกว่า

            “ฉันไปนะ”

            “ไปดีมาดี” แม่น้อยอวยพรส่งท้าย ไอ้น้ำได้แต่ทอดถอนหายใจลงเดินบันไดบ้านไป


            น้ำเดินทอดน่อง ไม่อยากไปเป็นที่สุด ยิ่งคราวนี้เดินคนเดียว ขนก็ลุกซู่โดยไม่ตั้งใจอยู่ตลอดเวลา แต่ระยะทางมันไม่ได้ยาวไกลจนเกินไปนัก ในที่สุดอีกไม่ถึงห้าสิบเมตร เขาก็จะเดินมาถึงที่หมาย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกทีว่าผู้กองอ่านข้อความหรือยัง



            คำตอบคือ...ยัง



            ไอ้น้ำกำลังจะเอาโทรศัพท์ใส่คืนลงไปในกระเป๋ากางเกง แต่มันกลับสั่นและส่งเสียงขึ้นมาเสียก่อน เป็นสัญญาณว่ามีสายเข้ามา อารามไม่ตั้งตัว เขารีบกดรับโดยไม่ได้ดูเบอร์ของปลายสาย

            “ครับ” ไอ้น้ำกรอกเสียงลงไป         

            “น้ำ ฉันเอง ปรานต์”

            “ผู้กอง!” น้ำเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปิดเอาไว้ไม่อยู่

            “ดูนายจะดีใจที่ฉันโทรมา”

            “แน่ล่ะ”

            “ฉันเห็นข้อความของนายโชว์อยู่หน้าจอแต่ยังไม่มีโอกาสตอบ ขอโทษที วันนี้มีเรื่องยุ่งหลายอย่าง เลยคิดว่าโทรมาน่าจะง่ายกว่า”

            “ไม่เป็นไรผู้กอง คือผู้กองเคยบอกใช่มั้ยว่าถ้ามีอะไรให้บอกอย่าโกหก”

            “อืม มีอะไร”

            “คือวันนี้ผมถูกป้าๆ ขอร้องให้มาตรงท่าน้ำอีกแล้ว”

            “เข้าใจละ กลัวใช่มั้ย” สมเป็นผู้กอง เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

            “ครับ”

            “อีกสักชั่วโมง พอทนไหวมั้ย เดี๋ยวฉันไปรับ” ผู้กองยื่นความช่วยเหลือให้

            “แต่ถ้าผู้กองยุ่งอยู่ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวผมกลับพร้อมป้าๆ ก็ได้” เขาเริ่มเกรงใจเพราะผู้กองอยู่แต่แรกว่าวันนี้งานยุ่งมาก

            “อีกสักชั่วโมงเจอกัน แต่ถ้าเสร็จก่อนจะกลับพร้อมพวกป้าเขา ก็ส่งข้อความมาบอกฉันด้วยแล้วกัน”

            “ครับ”

            “ไม่ต้องกลัว...เดี๋ยวฉันไปรับ” ผู้กองปลอบใจไอ้น้ำทิ้งท้ายก่อนจะวางสายลง


            คำพูดของผู้กองมันกำลังทำให้ภูมิต้านทานความรู้สึกชอบมันเกินลิมิตไปไม่ไหวแล้ว ทำไมถึงทำตัวน่ารักแบบนี้
 



==========================================


ขอเบิกตัวผู้กองปรานต์เพิ่มอีก 1 อัตราค่ะ

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018


ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อีก10แม่ตะเคียน
น้ำกะสู้ไหว
สนับสนุนแฟนเล่นหวยหรอผู้กอง

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
เอาเลขมาเผื่อด้วยนะน้ำ ไม่งั้นจะแกล้งโทรบอกผู้กองไม่ให้มาหา
 :z2: :z2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
 :mew3: คิดถึงความอ่อยของตะเคียนจริงจริ๊งงงง
รอติดตามโมเม้นต์ของพี่นะจ๊ะ

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบห้า ถึงเวลาแล้ว


            เมื่อได้กำลังใจ นายนทีเดินมุ่งหน้าไปท่าน้ำหน้าวัดอย่างแน่วแน่เด็ดเดี่ยว ผิดกับก่อนจะได้รับโทรศัพท์ลิบลับ เมื่อมาถึงใกล้สถานที่ในระยะสายตามองเห็นจับภาพได้ ไอ้น้ำก็พบว่าตอนนี้องค์ประชุมน่าจะมาครบถ้วนแล้ว



            “ป้าจ๊ะ” มันพูดโพล่งขึ้นจากด้านหลังของทุกคนที่กำลังมุงกับไม้ตะเคียนที่เรือเก่า

            “โอ๊ย ผีๆ กลัวแล้วเจ้าค่ะ” ป้าแช่มอุทานดังลั่นด้วยความตกใจ มือไม้ก็รีบยกท่วมหัว หลับตาปี๋เพราะกลัวจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเอาได้

            “กลัวแล้วเจ้าค่ะ” พลอยให้ป้าๆ คนอื่นทำตาม ชาวบ้านที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในการขูดหวยก็ไม่รอช้าที่จะทำตามเช่นกัน


            ไอ้น้ำได้แต่ยืนหัวเราะขำท่าทางคนกลัวผีทั้งหลาย


            “ฉันเอง ไอ้น้ำจ้ะ” ชายหนุ่มสะกดอาการหัวเราะนั้นแล้วค่อยๆ บอกหมู่เหล่าข้างหน้าตนเอง


            “อ้าว ไอ้น้ำเองเรอะ โอย ทำข้าเกือบหัวใจวาย” ป้าแช่มบ่นพลางลูบอกเรียกขวัญของตัวเองกลับมา

            “ตกใจอะไรขนาดนั้น ร้อยวันพันปีไม่เห็นป้าจะกลัวนี่นา”

            “เอ็งไม่รู้หรือว่าคนในหมู่บ้านลือกันให้แซ่ดว่าเจ้าแม่ตะเคียนนั้นเฮี้ยนนักเฮี้ยนหนา”

            “จริงเหรอป้า แล้วเราจะมาที่นี่กันทำไม กลับบ้านกันเถอะ” น้ำลูบแขนทันทีที่ได้ยินป้าแช่มบอก ปากก็ชวนอีกฝ่ายกลับ

            “ไม่ได้ๆ พรุ่งนี้ต้องซื้อหวยแล้ว นี่ก็อยู่กันตั้งหลายคน ถ้าเจ้าแม่ตะเคียนมาอย่างน้อยก็มีเพื่อนล่ะวะ ลองดูหน่อยแล้วกันนะ” ป้าแช่มยื้อไว้ จะกลับบ้านมือเปล่าไม่ได้ เสียเที่ยวแย่

            “เอาอย่างนั้นเหรอ” ไอ้น้ำถามเสียงเบาหวิวกลับไป

            “เอาอย่างนั้นสิวะ มาๆ เริ่มเลย จะได้ไม่เสียเวลา ดีมั้ย”

            “ดีๆ” น้ำไม่ได้ตอบแต่เป็นบรรดาเหล่าผู้กล้าร่วมกันออกเสียงกันพร้อมเพรียงกันราวกับจะลงประชามติอย่างไรอย่างนั้น



            บรรยากาศและเหตุการณ์ก็เหมือนครั้งก่อนๆ ที่เวลาจะขูดหวยกันก็จะเริ่มโรยแป้งฝุ่น จะยี่ห้อไหน หรืออยากได้กลิ่นอโรมาเธอราปี หรือกลิ่นเด็กแบเบาะแรกเกิด ก็ตามแต่สะดวก ส่วนใหญ่ก็เอามาจากบ้านนั่นแหละ ส่วนไอ้น้ำก็ดันคิดไปว่าถ้าเอาแป้งเย็นมาโรย แม่ตะเคียนจะเย็นซ่าตามโฆษณาด้วยมั้ย


            เสียงคุยกันเริ่มเบาลง กลายเป็นเสียงของลมหายใจที่กำลังเฝ้ารอเลขเด็ดมากกว่า นางเล็กกับนางสายคุยกันหงุงหงิงเสียงเบา แว่วๆ ว่า ลูบแป้งจนเนื้อไม้ตะเคียนจะเนียนเรียบ ไร้ผิวขรุขระแล้ว ทำไมเลขยังไม่ออกมาให้ยลโฉมเลย


            “เจ้าแม่ตะเคียนเจ้าคะ ได้โปรดเมตตาให้ลูกมีเงินไว้กินไว้ใช้ด้วยเถิดเจ้าค่ะ” นางเล็กยกมือไหว้บอกกล่าวไปถึงเจ้าแม่อันโด่งดังของหมู่บ้าน

            “ป้า พูดอะไรอะ” ไอ้น้ำจะห้ามไว้ก็ห้ามไม่ทัน ไปทักไปบอกแบบนั้นได้อย่างไร เดี๋ยวก็มาจริงๆ หรอก

            “เออ ก็เผื่อเจ้าแม่จะเห็นใจไง”

            “จะมาหาแทนน่ะสิไม่ว่า”

            “เอ็งว่าไงนะ ไอ้น้ำ”

            “เปล่าๆ ป้ารีบลูบต่อเถอะ เผื่อเลขมาแล้ว”

            “นานไปจริงๆ นะนางสาย เอ็งว่ามั้ย” นางแช่มพูดขึ้นมาบ้าง

            “อืม หรือว่าวันนี้ เจ้าแม่ตะเคียนจะไม่ว่างวะ” นางสายบอก

            “ฉันว่าถ้าเลขไม่มาก็กลับกันเถอะจ้ะ ไปฝันเอาก็แล้วกันนะ หรือไม่ก็ดูข่าวคืนนี้ก็ได้ น่าจะมีอะไรให้ตีเลขอยู่หรอก” น้ำยื่นข้อเสนอ


            กลับกันเถอะนะ ทุกคน น้ำขอวิงวอน


            “เฮ้ยๆ พวกเอ็ง มาแล้วว่ะ มาแล้ว” เป็นเจ้าเดิม ป้าแช่มตะโกนเสียงดัง ผู้กล้าที่ถอดใจนั่งอยู่รอบๆ บริเวณต่างกรูเข้ามายังจุดหมายเดียว

            “ไหนๆ เลขอะไร” ลุงซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ถามขึ้นพลางยื่นหน้าเข้ามา

            “เอาหน้าเอ็งออกไปเดี๋ยวนี้!ให้ไอ้น้ำมาดู” ป้าแช่มเจ้าเดิมผู้แน่นอน ผลักหน้าลุงซ่อมรถออกไปให้ห่างแล้วดึงแขนไอ้น้ำเข้าไปแทน

            “ไอ้น้ำ ดูสิเห็นเลขมั้ย” น้ำเพ่งมอง ฟ้าก็เริ่มมืด เขามองไม่ค่อยเห็นเลย

            “ป้าเห็นเลขอะไร ฉันมองไม่ค่อยออก มันลางเหลือเกิน”

            “เลข 6 กับ 3เอ็งไม่ค่อยเห็นเหรอ”

            “จ้ะ มันลางๆ”

            “โรยแป้งเพิ่มมั้ย” นางเล็กเสนอความเห็น

            “ไม่ได้ๆ ถ้ามันลบของเก่าไปเล่า นางเล็ก เอ็งนี่มันไม่รู้เรื่อง” ป้าแช่มหันไปดุเพื่อนรัก เอาแป้งมาเทเพิ่มเดี๋ยวร่องรอยก็หายไปพอดี โชคดีๆ อาจมีมาแค่ครั้งเดียว

            “แล้วจะเอายังไงล่ะ ไอ้น้ำก็มองไม่ค่อยเห็น”

            “เดี๋ยวฉันลองเอาไฟฉายส่องดูจ้ะ” น้ำหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดไฟฉาย



  เมื่อไฟสว่างดีแล้วเขาเตรียมจะส่องแต่แสงไฟมันดันสาดไปเห็นร่างในชุดไทยนั่งอยู่บนกาบเรือเสียก่อน เท้าที่โผล่พ้นเลยมาจากผ้าถุงกำลังแกว่งไปมาอย่างสนุกสนาน น้ำยกโทรศัพท์สูงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่ตั้งใจแต่เพราะมือมันไปเอง จนกระทบเข้ากับผมยาวสีดำ ผมทางด้านขวาทัดหูไว้ บนหูมีดอกไม้สีแดงทัดอยู่



เขากลืนน้ำลาย ไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มเลื่อนแสงไฟจากโทรศัพท์ให้ตกลงมา คงจะใช่แล้วล่ะมันเป็นชุดไทยสีเดียวกันกับที่เขาเคยเอามาถวายให้แม่ตะเคียนเมื่อหลายงวดก่อน น้ำกำลังหายใจไม่ทั่วท้อง เขากลั้นหายใจเอาไว้โดยไม่รู้ตัว


“เป็นอะไรไอ้น้ำ มือเย็นเชียว แล้วทำไมจับแขนข้าเสียแน่น” ป้าแช่มถามเพราะแรงบีบจากไอ้น้ำที่จับตนเองแน่น

“ปะ..ป้า..หะ..เห็นใครตรงนั้นมั้ย” น้ำถามเสียงกระท่อนกระแท่น

“ไหนวะ” ป้าแช่มถามกลับ ไอ้น้ำเลยส่องไฟไปยังบริเวณนั้นและเขาก็หลับตา

“ไม่มีนี่ เอ็งเห็นอะไรวะ”

“มะ..ไม่เห็นเหรอจ๊ะ”

“เออ ไม่เห็นมีอะไร เอ็งเห็นอะไร หรือว่า...” สิ้นเสียงป้าแช่ม เขาค่อยๆ ลืมตาไปมอง แต่ไม่พบอะไรเลย ไอ้น้ำพรูลมหายใจออกมา

“ไม่มีจ้ะ ฉันก็ถามเฉยๆ”

“ทำข้าตกอกตกใจหมด นึกว่าเอ็งโดนเจ้าแม่ตะเคียนเล่นเข้าให้แล้ว”

“เปล่าจ้ะ เปล่า” ไอ้น้ำอยากบอกเหลือเกิน เขาโดนมาตั้งแต่งวดแรกแล้ว แต่ถ้าบอกไปตอนนี้วงต้องแตกแน่นอน


ผู้กอง...รีบมาได้มั้ย ไอ้น้ำภาวนาด้วยความร้อนใจ


“สรุปเอ็งเห็นเลขหรือยัง” ป้าแช่มเตือนสติมัน ไอ้น้ำรีบเอาแสงไฟมาส่อง

“เอ..เลขอะไรนะ” ชายหนุ่มพึมพำ เขาไม่แน่ใจว่าเลขตรงหน้าคือเลขอะไรกันแน่ จะบอกว่าเหมือนเลขหกกับเลขสามตามที่ป้าแช่มก็ไม่ผิดนัก แต่มันดูไม่ใช่ บางอย่างมันกำลังบอกเขาว่าไม่ใช่แน่ๆ

            “39 จ้ะ 39”  เสียงเย็นเยียบของหญิงสาวดังขึ้นข้างหู ไอ้น้ำสะดุ้งโหยง มือทั้งคู่บีบกันแน่น

            “เลขอะไรวะ ไอ้น้ำ ยืนนิ่งเป็นอะไรเนี่ย” ป้าแช่มบ่นที่ไอ้น้ำเงียบไปนาน

            “สามกับเก้าจ้ะ ป้า” เขาพูดออกไป อากาศค่อนข้างเย็น แต่เหงื่อกาฬกับผุดพรายเต็มหน้าผาก ขัดกับมือที่เย็นอย่างผิดปกติ

            “เรอะ เออ ขอบใจเอ็งมาก เอ้า พวกเรามาประชุมกัน” ป้าแช่มเรียกรวมพลไปอีกมุมหนึ่ง ทิ้งไอ้น้ำยืนตัวแข็งอยู่ตรงหน้าเลขเด็ด


            “เมื่อไหร่จะเลิกกลัวฉันล่ะพ่อ”  เสียงเย็นดังขึ้นอีกครั้ง น้ำอยากจะวิ่งหนี แต่ขามันก้าวไม่ออก

            ‘ทำไมฉันต้องได้ยินเสียงแม่ตะเคียนคนเดียวด้วย’  น้ำเถียงในใจ ทำไมโลกนี้ไม่ยุติธรรมกับเขาเลย

            “พ่อน้ำใจดี ฉันเคยบอกไปแล้วไง”

            ‘คนอื่นก็ใจดี’

            “คนอื่นก็ใจดี แต่จิตของเขาไม่ตรงกับฉัน นี่พ่อน้ำพัฒนาจนเห็นร่างของฉันแล้วนะ ดีใจที่มีคนเห็นฉันสักที”แม่ตะเคียนพูดอย่างดีใจ

            ‘แต่ฉันไม่อยากเห็น ไม่มีใครอยากเห็นคนที่ไม่ใช่มนุษย์หรอก’

            “เหรอจ้ะ พ่อน้ำไม่ดีใจเหรอ”แม่ตะเคียนบอกด้วยความน้อยใจ

            ‘อย่าโกรธเลยแม่ตะเคียน’น้ำปลอบอีกฝ่าย ถ้าโกรธขึ้นมาแล้วกลายร่างมาหลอกเขา ไอ้น้ำคิดว่าเขาคงต้องตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ

            “ฉันไม่โกรธหรอก แล้วมาคนเดียวเหรอ แฟนล่ะ?”

            ‘ไม่ใช่แฟน’

            “ไม่ใช่แฟนได้ยังไง ฉันดูออกนะ พ่อน้ำชอบเขาไม่ใช่เหรอ”

            ‘รู้ได้ไง’

            “ฉันรู้ ฉันเห็นจ้ะ ไม่งั้นฉันจะบอกหวยถูกหรือ”

            ‘ถ้าอย่างนั้น บอกหน่อยสิ ว่าผู้กอง เอ่อ..ผู้ชายคนนั้นชอบฉันด้วยมั้ย’น้ำคิดกลัวก็กลัว แต่เรื่องความอยากรู้ มันห้ามไอ้น้ำไม่ไหว

            “ไม่บอกหรอกจ้ะ”

            ‘อ้าว ทีนี้กลับไม่ยอมบอก’

            “ถามเขาเองเลย หันกลับไปสิจ๊ะ ดูสิว่าใช่คนที่เพิ่งลงจากรถตรงนั้นหรือเปล่า”ไอ้น้ำหันกลับไปตามที่แม่ตะเคียนบอก เขามองก็รู้ว่าคนนั้นเป็นใคร เหมือนพ่อพระมาโปรด ไอ้น้ำวิ่งสี่คูณร้อยทำลายสถิติโลกไปหาอีกฝ่ายทันที

            “ผู้กอง!!” เสียงกระหืดกระหอบเรียกเจ้าของชื่อดังลั่น

            “เป็นอะไร..น...” ไม่ทันได้เรียกชื่อคนที่วิ่งมา ผู้กองก็รู้สึกจุกเพราะไอ้น้ำไม่ผ่อนแรงพุ่งเข้ากอดอีกฝ่ายแน่น

            “ผู้กอง” เสียงพูดอู้อี้อยู่บนไหล่ของปรานต์

            “เป็นอะไร วิ่งหนีแม่ตะเคียนมาเหรอ”

            “ผู้กองรู้ได้ไงอะ” น้ำเงยหน้าขึ้นมองด้วยความแปลกใจ

            “ก็มีอยู่ไม่กี่เรื่องที่นายจะทำแบบนี้ แล้วจริงหรือเปล่า”

            “อือ คราวนี้เห็นร่างของแม่ตะเคียนด้วย” น้ำพูดถึงเจ้าแม่สาวก็ขนลุกซู่ขึ้นมาอีกรอบ ขนคอตั้งชันเหมือนมีลมหายใจรดต้นคออยู่อย่างไรอย่างนั้น

            “หน้าเป็นยังไงล่ะ” ผู้กองถามไปตามประสาคนที่ไม่ค่อยกลัวผีสักเท่าไหร่

            “ไม่เห็นหน้าหรอก ผู้กองอย่าเพิ่งถามเลย กลัวอะ” น้ำบอกคนไม่กลัวผีจะเข้าใจความรู้สึกคนกลัวผีบ้างมั้ยนะ

            “ขึ้นรถก่อนก็แล้วกัน” พอเจ้าของรถปลดล็อครถ ไอ้น้ำไม่รอให้ผู้กองหนุ่มบอกซ้ำสอง มันก็รีบโดดขึ้นรถอย่างรวดเร็วปานพายุ

            “ขึ้นรถแล้วคงไม่มีอะไรแล้วล่ะ” ผู้กองปลอบใจ

            “ครับ เป็นอย่างนั้นก็คงดี” น้ำบอกเพราะแม่ตะเคียนนั้นอยู่ทุกที่ เอเวอรี่แวร์ วิท ยู จริงๆ

            “ยังไง ก็อย่าเผลอมองกระจกล่ะ” ผู้กองพูดทิ้งท้ายก่อนจะสตาร์ทรถออกตัว

            “ผู้กอง!! จะพูดทำไมเนี่ย คนยิ่งกลัวๆ อยู่” น้ำโวยวาย ถ้าอย่างนั้นเขาจะขอหลับตาไปตลอดทางเลยก็แล้วกัน

            “ถึงแล้ว ลืมตาเถอะ” น้ำไม่รู้หลับตามานานเท่าไหร่ จนกระทั่งได้ยินเสียงผู้กองบอกว่าถึงที่หมาย

            “ถึงแล้วจริงๆ อะ”

            “อืม ลืมตาได้แล้ว”

“ไม่อะ ผู้กองหลอกผมใช่มั้ย”

“ไม่ได้หรอก ถึงแล้วจริงๆ” ผู้กองขยับตัวเข้ามาใกล้คนไม่ยอมเชื่อ เขาจับมืออีกฝ่ายออกมาให้มือนั้นพ้นจากใบหน้าคนกลัวผี


น้ำค่อยๆ ลืมตา สิ่งแรกที่เขาเห็นคือใบหน้าของผู้กอง เดี๋ยวนะ! ใบหน้าคมคายนั้นมันใกล้เกินไปแล้ว สบตากันแล้วมันทำให้เขาใจสั่น น้ำไม่กล้าสบตาผู้กองหนุ่มต่อ สถานการณ์มันดูสุ่มเสี่ยงเกินไป ในรถก็คับแคบ เขาไม่ไว้ใจตัวเอง ถ้าเผลอคว้าผู้กองมาจูบก่อน จะทำยังไง เขาเลยเสไปมองนอกกระจกรถแทน


เขาพบว่ามันไม่ใช่บ้านไม้ใต้ถุนสูง มีบันไดเดินขึ้นบ้านแบบบ้านเขา แต่มันกลายเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ดูแล้วคุ้นๆ เหมือนเป็น


            บ้านพักของผู้กอง!ใช่ บ้านพักของผู้กอง


            “เอ่อ..พาผมมาที่นี่ทำไม” น้ำเปลี่ยนเรื่องเพื่อกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้นของหัวใจตัวเอง

            “ขออาบน้ำก่อนได้หรือเปล่า เสร็จแล้วจะไปส่ง” ผู้กองหนุ่มละมือออกจากอีกฝ่ายก่อนจะถามออกมา

            “ทำไมไม่ไปส่งผมก่อนแล้วผู้กองก็กลับมาอาบน้ำอะ” ไอ้น้ำ ตัวภาระเริ่มโวยวาย

            “ฉันรู้ว่าแม่น้อยทำกับข้าวไว้รอนายแน่ๆ ก็เลยจะขออาศัยฝากท้องสักมื้อ”

            “อ่อ เห็นแก่กินสินะ” น้ำแหย่ด้วยความคะนองปาก

            “น้ำ!!” ผู้กองหนุ่มดุ

            “ขอโทษ ก็แซวเล่นเฉยๆ เอง ผมรู้น่าว่าแม่ผมทำกับข้าวอร่อยใช่มั้ยล่ะ”

            “อืม”

            “จริงๆ ผมก็ตั้งใจจะชวนผู้กองกินข้าวด้วยกันที่บ้านอยู่แล้ว บอกแม่ไว้แล้วว่าให้ทำอาหารเผื่อผู้กองด้วย”

            “อย่างนั้นเหรอ ขอบใจนะ ลงมารอในบ้านก่อนสิ”

            “ครับ”


            น้ำเดินเข้ามานั่งรอบนโซฟาขนาดคนนั่งประมาณสามคนที่ตั้งอยู่บริเวณกลางบ้าน ผู้กองบอกให้น้ำทำตัวตามสบาย หาน้ำหาท่าดื่มที่ตู้เย็นเองในครัวได้เลย แล้วเจ้าตัวก็หายเข้าไปในห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำอย่างที่ได้บอกไว้ในทีแรก ไอ้น้ำเดินสำรวจไปรอบๆ บ้าน ก็ไม่เห็นมีอะไรสะดุดตาเลย ไม่มีของอะไรประดับตกแต่งเป็นพิเศษ ดูเหมือนจะมีแค่ของใช้พื้นฐานตามที่รัฐบาลได้จัดสรรเอาไว้ให้ก็เท่านั้น


            เรียบง่ายเหลือเกิน


นายนทีลุกขึ้นเดินไปที่ตู้เย็นตั้งใจจะดื่มน้ำเย็นๆ สักแก้ว ตอนนี้เขารู้สึกคอแห้งผาก พูดกับแม่ตะเคียนก็พูดในใจ แทบไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ทำไมหิวน้ำมากขนาดนี้


เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้ยังทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เลย ใจมันยังสั่นรัวเหมือนจะหลุดออกมา น้ำไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน โรคหัวใจเขากำลังกำเริบอีกแล้วเหรอ พอได้แล้วคิดเรื่องอื่นบ้างเถอะ ลืมๆ ไปได้แล้วเรื่องนี้ น้ำบอกกับตัวเอง พอพยายามจะเปลี่ยนเรื่องคิด ใจก็พลันหวนไปคิดเรื่องก่อนหน้า เขานึกถึงแม่ตะเคียนขึ้นมาจนได้


            ยอมรับว่าหากยังเจอแม่ตะเคียนอยู่แบบนี้เรื่อยๆ สักวันหนึ่งไอ้น้ำคงอาจจะหัวใจวายแน่นอน ขึ้นชื่อว่าไม่ใช่คนไม่ใช่มนุษย์ เป็นวิญญาณ เป็นเทพเจ้า เป็นผี หรือเป็นอะไรก็ตามแต่ น้ำไม่ประสงค์จะเจอทั้งนั้น ไม่ควรจะมาให้เห็นหรือให้ได้ยินเสียงเลยด้วยซ้ำ

            “น้ำ” เจ้าของชื่อกำลังคิดเพลินๆ อยู่ ก็ได้ยินเสียงทุ้มจากด้านหลังขึ้น

“เฮ้ย!” อารามตกใจ ไอ้น้ำปล่อยแก้วในมือร่วงสู่พื้น เดชะบุญโชคดียังเป็นของเขา เพราะแก้วน้ำนั่นเป็นแก้วพลาสติกมันจึงไม่แตกแต่อย่างใด

“ใจลอยคิดอะไรอยู่” ผู้กองพูดพลางไปหาผ้าแห้งมาเช็ดน้ำที่หกไปทั่วบริเวณ

            “ผู้กอง มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ตกใจหมด” น้ำแย่งผ้ามาจากมืออีกฝ่าย เขาเป็นฝ่ายทำหก ก็ควรที่จะเช็ดมันเสียเอง แต่ผู้กองก็ไม่ปล่อยมือจากผ้านั้น กลายเป็นสถานการณ์เหมือนคนสองคนกำลังจับผ้าไว้คนละมุม

            “เดี๋ยวฉันเช็ดเอง นายไปรอข้างนอกเถอะ” ปรานต์บอกตามมารยาทของเจ้าบ้านที่ดี

            “ไม่ได้ ผมเป็นคนทำหก เช็ดเองดีกว่า” น้ำก็บอกตามที่ตนเองเป็นผู้ที่สร้างปัญหาและอยากจะแก้ไขปัญหานั้น

            “เป็นเด็กอย่างเถียง”

            “ฮื้อ ผู้กองแก่กว่าผมกี่ปีกัน ถึงมาว่าผมเด็ก ปล่อยผ้าครับ” คนที่ว่าไม่เด็กกำลังยื้อแย้งผ้าผืนนั้นจากมือของอีกฝ่ายด้วยความดื้อรั้น

            “เดี๋ยวฉันเช็ดเองน่า”

            “ก็บอกว่าไม่เอา จะเช็ดเองไง ทำไมผู้กองไม่เข้าใจ” น้ำดึงผ้าจากมือผู้กองอย่างแรงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผู้กองจงใจปล่อยผ้า แรงที่กระชากมันจึงมากมายจนทำให้น้ำเสียหลักเพราะความลื่นจากพื้นน้ำด้วย

            “เฮ้ย!!”

            “น้ำ” โชคครั้งที่สองของไอ้น้ำยังมี ผู้กองหนุ่มคว้าแขนของเขาเอาไว้ได้

            “ขอบคุณผู้กอง” น้ำถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่อยากจะคิดถ้าผู้กองคว้าไว้ไม่ทัน เขาต้องล้มลงไปแน่ๆ แล้วอาจจะหัวฟาดพื้นด้วย เลือดเจิ่งนองเต็มพื้น แล้วก็ตายไปในที่สุด


            โอเวอร์เสียจริงไอ้น้ำ คิดอะไรเป็นตุเป็นตะ


            “ไม่เป็นไร” ปรานต์ตอบ มองใบหน้าใสที่บัดนี้เต็มไปด้วยแรงสูบฉีดบนใบหน้าที่มาจากการตกใจของเจ้าตัว มันทำให้น้ำ เด็กหนุ่มตรงหน้าดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิม มากกว่าใครที่เขาเคยรู้จัก

            “ปล่อยแขนและก็ถอยไปได้แล้วผู้กอง เดี๋ยวผมจะเช็ดน้ำตรงนี้” เขากำลังจะย่อตัวลงไปที่พื้นเพื่อเช็ดน้ำ แต่ก็ถูกมือของผู้กองจับไว้อยู่อย่างนั้น

            “ผู้กองปล่อยก่อ....” ไม่ทันจบประโยค ไอ้น้ำก็ถูกดึงให้เข้าไปประชิดกับร่างของอีกฝ่าย


            ใบหน้าผู้กองก้มต่ำลงมา ไอ้น้ำตกใจจนไม่กล้าขยับตัว ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นหน้าของ ผู้กองใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาคิดว่าเขาควรจะเบือนหน้าหนีดีมั้ย แต่ปรานต์ก็เหมือนรู้ทัน ชายหนุ่มจับล็อคต้นคอของไอ้น้ำไว้แน่นเพื่อไม่ให้ขยับไปไหน


            ไอ้น้ำกำลังจูบกับผู้กอง เอ๊ย ไม่ใช่สิ ไอ้น้ำกำลังถูกผู้กองจูบ


            สถานที่โคตรโรแมนติกเลยเหอะ หน้าตู้เย็น ไอ้น้ำคิดในใจอย่างเซ็งๆ


            น้ำขอแนะนำ


            ย้ายที่ดีมั้ยผู้กอง



==========================================

คุณขา เขาจูบกันแล้วค่าาาาาาาาา แม่จะจุดพลุฉลอง เลี้ยงโต๊ะจีนเลย

ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2018 11:22:52 โดย เขมกันต์ »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Meen2495

  • is allergic to drama.
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-4
น้ำ .. ต้องระวังคำพูดหน่อยนะ
พูดไม่คิดบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ลงหลุมดราม่าหรอก
เพราะยังไงผู้กองก็อายุเยอะกว่าน้ำเยอะเลยน้าาาา :hao4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ผู้กองนี่ สงสัยแท็กมือกับเจ้าแม่ตะเคียนเป็นแน่ ซักสงสัยแล้วสิ
 :jul3:

ออฟไลน์ Kuayyai

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
งื้ออออ เขิลหนักมาก  เขาจูบกันแล้ววววว

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เจ้าแม่มาแล้ว เราเป็นแฟนคลับนาง นางชงเก่ง

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter


งวดยี่สิบหก ถามอะไรแบบนี้


สติสัมปชัญญะกระเจิดกระเจิงไปหมดแล้ว


ในเวลานี้ไอ้น้ำคิดอะไรไม่ออก ทีแรกยังออกความเห็นจะชวนผู้กองย้ายที่อยู่เลย มาถึงเวลานี้ หูอื้อตาลาย แข้งขาที่เคยมั่นคงบัดนี้ก็ดูสั่นคลอน ราวกับว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงกำเริบเสียอย่างนั้น ไอ้น้ำเลยต้องเอามือคล้องคอผู้กองไว้ไม่ให้ตัวเองล้มลงไป


ไม่เพียง เป็นแค่โรคเดียว แต่โรคหัวใจก็ดูเหมือนจะกำเริบขึ้นมาเหมือนกัน หัวใจเต้นรัวสนั่นหวั่นไหวแทบจะพุ่งออกมาจากอก ไอ้น้ำไม่เข้าใจ ทำไมเขาถึงควบคุมตัวเองไม่ได้เลย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายเขากันแน่


ระหว่างที่ยังหลับตาพริ้มอยู่นั้น เขาก็รู้สึกเหมือนตัวเขากำลังชนกับอะไรสักอย่างหนึ่งที่บริเวณด้านหลังบริเวณช่วงเอว น้ำละมือจากคอของผู้กองมาจับที่บริเวณนั้น สัมผัสดูก็พบว่าน่าจะเป็นขอบโต๊ะ


เอ เขาไม่เห็นจำได้ว่ามีโต๊ะอยู่แถวนี้ด้วย         


ไอ้น้ำคงลืมไปว่าขายาวของตัวเองอ่อนแรงเพียงใด พอละมือออกมา ขาก็แทบจะพับลงไปที่พื้น โรคนี้มันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้ายกาจเหลือเกิน เสร็จจากตรงนี้เขาคงต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจดูอาการเสียหน่อยแล้ว ปล่อยไว้นานเกรงว่าจะเป็นอันตราย น่ากลัวว่าจะล้มลงตรงนี้แต่กลับมีมือที่ไม่ใช่ของไอ้น้ำกอดเอวเขาแน่นไว้อยู่


ไม่ทันได้ตั้งตัวร่างของไอ้น้ำถูกยกลอยขึ้นมานั่งอยู่บนโต๊ะที่น้ำเพิ่งจะรู้จักว่ามันตั้งอยู่ตรงนี้ ด้วยความตกใจมือไม้ของมันก็เลยจับไหล่ผู้กองเสียแน่น ถ้าตกลงไปจะทำยังไงล่ะ ปลอดภัยไว้ก่อนสิเป็นดี หรือว่าเขาจะได้โรคกลัวความสูงมาด้วยอีกโรค เดี๋ยวก่อน แค่ความสูงจากพื้นโต๊ะเอง ไม่น่าจะสูงขนาดนั้นหรอกมั้ง


น้ำรู้สึกถึงแรงจับแน่นอยู่ที่เอวของเขา ก่อนที่มือข้างใดข้างหนึ่งของอีกฝ่าย ที่ไอ้น้ำก็แยกไม่ออกแล้วว่ามันเป็นข้างไหนกันแน่ ก็กำลังลูบเข้ามาในเสื้อของเจ้าตัว รู้สึกแปลกหน่อยๆ  แต่ก็...เอาเถอะ ลูบแล้วมันก็รู้สึกดีเหมือนกัน ในช่องท้องของเขาเหมือนมีอะไรก่อตัวอยู่ภายใน เขากำลังรู้สึกเหมือนเวลาที่ดูหนังโป๊ อย่างไรอย่างนั้นเลย


อย่างที่รู้กันดี ไอ้น้ำคนจริง ลูบมาลูบกลับไม่โกง มันเลือกมือข้างถนัดข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในเสื้อผู้กองเหมือนกัน โชคดีเป็นบ้า ที่ผู้กองอาบน้ำแล้วเปลี่ยนมาใส่เสื้อโปโลสบายๆ ง่ายๆ ถ้ายังเป็นชุดตำรวจต้องเสียเวลาปลดกระดุมไม่ก็ดึงชายเสื้อออกจากกางเกงอีก แล้วดูสิตัวผู้กองเรียบเนียนดีเป็นบ้าเลย ตัวก็เย็นๆ ด้วย สบายมือจัง


“อืม..อีก..เอาอีก” น้ำได้ยินเสียงครางด้วยความพอใจ เขารู้สึกลำพองอยู่ในใจที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี


เดี๋ยวๆ ฟังดีๆ สิ นั่นมันเสียงของเขาเองหรือเปล่า...


ไอ้น้ำ!! ปลุกอารมณ์อีกฝ่ายสิวะ ไม่ใช่ถูกเขาปลุกอารมณ์ ขอพยายามก่อน รอสักครู่นะผู้กอง


“ได้สิ” เขาได้ยินเสียงทุ้มต่ำหัวเราะเบาๆ คราวนี้มั่นใจเลยว่าเป็นเสียงของผู้กอง ไม่ใช่ของไอ้น้ำ


ไอ้น้ำเดินหน้าเร่งเครื่องเต็มสูบ เขาบดเบียดริมฝีปากกับอีกฝ่ายให้แน่นกว่าเดิม ปลายลิ้นเกี่ยวเกาะกันเป็นพัลวัน น้ำสำรวจโพรงปากของผู้กอง อืม ผู้กองแปรงฟันมาด้วยอะ รสมินต์ก็หอมดีนะ เวรละ เขายังไม่ได้แปรงฟันเลยนี่หว่า ผู้กองไม่ว่าอะไรหรอกใช่ไหม ไม่งั้นคงเลิกจูบไปแล้ว จริงมั้ยล่ะ


“อ๊ะ..” น้ำสะดุ้งเพราะแรงสะกิดเบาๆ ที่ยอดอกของตัวเอง สติของเขากำลังกระเจิงขึ้นอีกครั้ง

“พอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกับข้าวแม่น้อยจะน้อยใจเสียก่อน” เสียงทุ้มเจ้าเดิมกระซิบเรียบอยู่ข้างหู ไม่มีแม้แต่ลมหายใจที่หอบเหนื่อยเลย


ผิดกับไอ้น้ำ ที่ปากเจ่อ หน้าแดง หายใจแทบไม่ทัน นี่มันอะไรกัน ไอ้น้ำงงงวย ทำไมผู้กองดูไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยล่ะ ไม่ได้นะ เขาจะติดลบตั้งแต่เริ่มแบบนี้ไม่ได้

“คนเก่งของฉัน” ผู้กองก้มหน้าลงไปหอมแก้มแดงนั้นอีกครั้งก่อนจะผละออกมา แล้วย่อตัวลงไปหยิบผ้าสะอาดที่น้ำเคยถือไว้ แต่มันร่วงไปอยู่ที่พื้นตอนไหนไม่รู้


ผู้กองเช็ดพื้นจนแห้ง เขาลุกขึ้นนำผ้าไปซักกับน้ำสะอาดอีกครั้งก่อนจะผึ่งไว้แถวๆ บริเวณนั้น ขายาวเดินกลับมาหาน้ำที่ยังทำตัวนิ่งอยู่บนโต๊ะ ปรานต์ก็นึกแปลกใจ


“เป็นอะไรหรือเปล่า ลงมายืนได้มั้ยหรืออยากให้ฉันอุ้มลงมา”

“ไม่เป็นไร ผมโอเค” น้ำตอบก่อนจะลงจากโต๊ะมายืนบนพื้น ทีแรกก็กลัวขาจะพับ แต่เขากลับยืนได้อย่างมั่นคง 


ดีมากลูกพ่อ ไม่ทำพ่อขายหน้า น้ำชมเชยขาของตัวเอง


“ตกใจหรือเปล่า” ผู้กองถามอีกฝ่ายเมื่ออยู่บนรถยนต์แล้ว เขาสังเกตน้ำไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แม้กระทั่งตอนที่ถูกเขาจูงมือออกมาจากบ้านแล้วพาเจ้าตัวขึ้นนั่งบนรถยนต์

“เรื่องอะไร”

“เรื่องนี้ไง” ไม่พูดเปล่า ปรานต์ยื่นหน้าเข้าไปจูบเตือนความจำอีกฝ่ายอีกครั้ง


และครั้งนี้น้ำก็เหมือนเรียนรู้ขึ้นมาบ้างแล้ว เจ้าตัวเปิดปากให้ผู้กองหนุ่มได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ไม่ได้ปัดป้องผู้กองแต่อย่างใด ปรานต์ได้แต่คิดว่านั่นก็ถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาแล้ว อย่างน้อยเขาก็ไม่ถูกน้ำปฏิเสธ


ปรานต์ยอมรับว่าอยากจะจูบน้ำตั้งแต่อยู่บนรถยนต์ตอนที่ไปรับอีกฝ่ายจากท่าน้ำหน้าวัดแล้ว เขาทั้งยั้งใจและห้ามใจไว้มากแค่ไหน น้ำไม่มีทางรู้ได้เลย พอเกิดเหตุในบ้านที่หน้าตู้เย็นนั้น เขาจึงห้ามใจไว้ไม่ได้อีกต่อไป แค่เห็นหน้าของน้ำแล้วมันอดไม่ได้ที่จะไม่จูบปากแดงๆ นั้น ผู้กองหนุ่มเลยปล่อยเลยตามเลย ทำตามใจของตัวเองดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย หากน้ำไม่ชอบหรือรังเกียจสัมผัสเขา ใจของเขาจะได้หยุดเอาไว้ทันไม่ให้มันเลยเถิดไปมากกว่านี้

“พอก่อน ผู้กอง เดี๋ยวไม่ได้ไปกินข้าว” เป็นน้ำที่เป็นฝ่ายหยุดก่อน เขาเลือกที่จะลอกคำพูดของอีกฝ่ายมาใช้ในครั้งนี้

“ตกลง สรุปว่าไม่ตกใจนะ” ผู้กองถามอีกครั้ง

“อือ ไม่อะ ทีแรกแค่งงนิดหน่อย ”

“แล้วรังเกียจ...พี่...หรือเปล่า” น้ำสะดุดในคำพูดของอีกฝ่าย ปรานต์แทนตัวเองว่า ‘พี่’กับเขาเหรอ

“ไม่อะ ถ้ารังเกียจผมถีบผู้กองไปแล้ว”

“แล้วโกรธพี่หรือเปล่า”

“ไม่อะ ถ้าโกรธจะคุยกับผู้กองเหรอ”

“แล้ว...” ผู้กองตั้งท่าจะถามต่ออีกแต่ก็พูดไม่จบ

“ไม่ต้องถามต่อ เลิกกังวลนะครับ ผมโอเค ผู้กอง ผมโอเค สบายใจเถอะครับ” น้ำขัดผู้กอง ก่อนที่อีกฝ่ายจะถามขึ้นมา

“พี่จะถามว่า ถ้าไม่โกรธ ไม่รังเกียจ แล้วชอบพี่บ้างหรือเปล่า”

“ถามอะไรเนี่ย” น้ำโวยวาย ไม่ใช่เพราะโกรธ แต่เขากำลังเขิน มาถามกันตรงๆ แบบนี้ได้อย่างไร

“พี่อยากรู้”

“ผู้กองอยากรู้ความรู้สึกคนอื่น แล้วทำไมไม่พูดก่อน” น้ำพูด

“ที่พี่ทำไปก็น่าจะบอกความรู้สึกได้แล้ว แต่ถ้าน้ำอยากได้ยิน พี่ก็จะบอกว่า พี่ชอบน้ำครับ” เสียงแบบนี้ ทำหน้าแบบนี้ เอาหัวใจของไอ้น้ำไปเลยเถอะ ผู้กอง สายตาแบบนี้ใครจะต้านทานไหว

“....”

“ถึงตาของน้ำ ที่ต้องตอบแล้ว” ผู้กองทวงคำตอบ

“ก็..ชอบนะ..คิดว่าชอบ” น้ำตอบกล้าๆ กลัวๆ แต่ไอ้น้ำก็คนจริงไง พูดมาพูดกลับไม่โกงเช่นเคย

“ถ้างั้นก็เรียกพี่ปรานต์ แทนผู้กองได้แล้ว”

“เรียกพี่แล้วจะได้หมื่นห้าปะ” น้ำล้อเลียนตามเนื้อเพลงเพลงหนึ่งที่เขาเคยได้ยินแม่น้อยเปิดสมัยเขายังเป็นเด็กๆ



‘เรียกพี่ได้มั้ย แล้วพี่จะให้กินขนม หมื่นห้า’


“เพลงนี้ ทันด้วยเหรอ” ผู้กองยิ้มให้ไอ้น้ำ พลางถามกลับ

“พูดอย่างกับตัวเองแก่กว่าผมมากอย่างนั้นแหละ เกิดน่ะไม่ทันหรอก แต่แม่ชอบเปิด แล้วผู้กองอะ ทันเพลงนี้ด้วยเหรอ” ไอ้น้ำตอบ แต่ในใจก็คิด อย่ายิ้มอย่างนี้ได้มั้ย ใจเขามันเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ไม่ทันเหมือนกัน แต่คนสวนที่บ้านชอบเปิดเพลงฟัง” ผู้กองหนุ่มอธิบายแค่นั้นก่อนจะเงียบลง


ผู้กองหนุ่มมองอีกฝ่ายนิ่ง ไม่พูดอะไรต่ออีก ทำให้ไอ้น้ำสงสัย ว่าเมื่อสักครู่นี้เขาพูดอะไรผิดหูอีกฝ่ายหรือเปล่า น้ำมองผู้กองกลับคืนบ้าง เขากำลังไม่เข้าใจสถานการณ์

“ผู้กอง..ทำไมเงียบไปอะ”

“ก็รอฟังอยู่”

“รอฟัง?”

“อ้าว ลืมซะแล้ว บอกว่าให้เรียกพี่แทนผู้กองได้แล้ว ลืมง่ายจริง” ผู้กองดีดหน้าผากน้ำเบาๆ

“อ้าว ลืมซะแล้ว ก็ถามไปอยู่หยกๆ ว่าเรียกพี่แล้วจะได้หมื่นห้ามั้ย” น้ำเลื่อนตัวเข้าไปจะดีดหน้าผากอีกฝ่ายคืนบ้าง แต่ก็ชะงักมือค้างอยู่อย่างนั้น


ผู้กองมองเขายิ้มๆ แบบนี้ เขาไม่กล้าหรอก ใจมันเต้นรัวกลองไม่หยุดเลยเว้ย


“ได้สิ มากกว่านี้ก็ให้ได้ อยากได้เท่าไหร่ก็ให้ได้” ปรานต์ตอบเสียงเรียบ

“พอๆ รู้แล้วว่ารวย ผมแค่ถามเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังสักหน่อย” น้ำรีบพูด เขารู้ดีเลยล่ะว่าผู้กองใจป้ำ มือเติบ กระเป๋าหนักแค่ไหน หลักฐานก็จากที่เห็นให้เงินวรันต์ไป แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจริงจังขนาดนี้

“อย่างนั้นเหรอ”

“ผมจะพูดครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ผมไม่ใช่คุณวรันต์ ผมกับเขาคือคนละคนกัน ถ้าผมต้องการเงินผมก็จะหาของผมเอง และห้ามเอาผมไปเปรียบกับเขาด้วย เข้าใจนะครับ พี่ปรานต์”

“โอเค นายกับรัน เป็นคนละคนอยู่แล้ว พี่ไม่มีวันจะเอามาเทียบกันแน่นอน เอาสมุดเช็คมาหน่อย เดี๋ยวเซ็นเช็ค เท่าไหร่นะ หมื่นห้าใช่มั้ย”

“ผู้กอง!”

“อย่าโวยวายน่า คนเก่ง พี่แค่ล้อเล่น” ผู้กองคว้าร่างของน้ำเข้าไปกอดอีกครั้ง กดจูบลงบนขมับอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ราวกับปลอบขวัญ

“อย่าแกล้งแบบนี้อีกละกัน” น้ำคาดโทษ

“ยังไม่ทันไร เริ่มขู่กันเสียแล้ว”

“มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดก่อน” น้ำพูดขึ้นเมื่อหลุดออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายได้

“เรื่องอะไรครับ”

“อย่าเพิ่งให้แม่รู้นะเรื่องของเรานะครับ ผมยังไม่อยากให้แม่ตกใจ”

“ได้สิ ถ้าน้ำพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยบอกแม่น้อยก็ได้”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง เอาล่ะไปกินข้าวกันดีกว่า หิวแล้วใช่มั้ย”

“หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว”

“พี่อนุญาตให้กินคนได้นะ สัญญาว่าจะไม่จับเข้าคุก ขอแค่คนนั้นต้องเป็นพี่ก็พอ” ผู้กองพูดหน้านิ่งไม่เข้ากับคำพูดสองแง่สองง่ามนั้นเลย

“ไม่ขำ” น้ำตอบเสียงเรียบพอกัน พร้อมกับใบหน้าขาวที่หันไปมองนอกรถทันที ผู้กองไม่รู้หรอกว่าเขาต้องกลั้นยิ้มแค่ไหน

“พี่เห็นน้ำยิ้มในกระจกนะ” ผู้กองบอกปนหัวเราะพร้อมกับรถยนต์คันหรูที่มุ่งหน้าไปบ้านคนที่ถูกจับได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.

“แม่จ๋า ฉันกลับมาแล้วจ้ะ” น้ำบอกให้สัญญาณรับรู้การมาของเจ้าตัว

“เออ มาแล้วเรอะ ไปกินข้าวกินปลาไป ข้าอุ่นให้อีกรอบแล้ว กำลังร้อนๆ พอดีเลย” แม่น้อยตอบทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากละคร จึงไม่เห็นว่าบุตรชายของตนไม่ได้กลับมาตามลำพัง

“สวัสดีครับ แม่น้อย” ผู้กอง

“อ้าว ผู้กอง ไหว้พระเถิดพ่อ แล้วไปไงมาไง ถึงมาพร้อมกับเจ้าน้ำได้ล่ะ” แม่น้อยหันกลับมาตามเสียงก็พบผู้กองหนุ่มไหว้ จนนางเกือบรับไหว้แทบไม่ทัน

“ฉันบอกแม่แล้วไง ว่าจะชวนผู้กองมากินข้าวด้วย แม่ลืมแล้วเหรอจ๊ะ” น้ำรีบตอบแทนผู้กอง

“จริงของเอ็ง ข้าก็แก่แล้วเริ่มหลงๆ ลืมๆ”

“แก่ที่ไหนกันเล่า คนแก่ที่ไหนสวยขนาดนี้ล่ะ ยาหยี” น้ำแกล้งเย้าแม่น้อย

“ทำมายอข้า เฮอะ แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไมหน้าตาแดงแบบนี้”

“ฉัน..ฉัน..” คำถามของแม่น้อย ทำให้คนที่เพิ่งทำเรื่องมาตะกุกตะกักตอบไม่ถูก

“อะไรของเอ็ง”

“แม่ตะเคียนน่ะครับ แม่น้อย” ผู้กองหนุ่มตอบช่วยอีกคน

“ใช่จ้ะ แม่ นี่แม่รู้หรือเปล่า แม่ตะเคียนเฮี้ยนมากเลยนะ”

“จริงเหรอวะ ข้าก็ได้ยินมาแว่วๆ แต่ไม่คิดว่าจะจริง”

“จริงสิจ๊ะ ฉันไม่อยากเล่าให้แม่ฟัง กลัวแม่จะกลัว”

“ถ้าเฮี้ยนจริง วันหน้าวันหลังก็ไม่ต้องไปที่นั่นแล้ว”

“ดีจ้ะ ดี ฉันไม่อยากไปเลย” น้ำรีบรับทันที เขากลัวจะตายไป ไม่ไปนั่นแหละคือสิ่งที่ต้องการ

“สวัสดีค่ะ พี่ปรานต์” น้ำฝนเพิ่งสบโอกาสที่จะทักทายผู้มาเยือน

“สวัสดีครับ น้องฝน สบายดีใช่มั้ย”

“สบายดีค่ะ”

“เจ้าน้ำ ยายฝนไปยกกับข้าวมาตั้งโต๊ะได้แล้วไป” แม่น้อยพูดแทรกขึ้นกลางวงเพราะนางกลัวทุกคนจะหิวกันหมด

“จ้ะ แม่” สองพี่น้องรับคำแล้วไปทำตามคำสั่งของมารดาแต่โดยดี

“วันก่อน ขอบใจผู้กองมากนะ ที่รับไอ้น้ำ มันกลับมาจากกรุงเทพฯ ด้วยกัน” แม่น้อยถามระหว่างที่รอสองคนนั้นยกอาหารมาตั้งโต๊ะ

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี ยังไงผมก็ต้องกลับมาทำงานที่นี่อยู่แล้ว”

“กรุงเทพฯ จะว่าเล็กมันก็ไม่เล็กนะ บังเอิญไปเจอกันรึ”

“ใช่ครับ ผมพาแม่ไปที่ห้างพอดีแล้วเจอน้ำไปกับพี่ที่ทำงานเก่า”

“โลกกลมจริงๆ ไอ้น้ำก็ไปกรุงเทพฯ ผู้กองก็กลับกรุงเทพฯ พอดี” คำพูดของแม่น้อยทำให้ผู้กองรู้สึกแปลกใจแต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไร แม่น้อยคงพูดไปอย่างนั้นเอง

“ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำไปกรุงเทพฯ ตอนที่เจอกันยังแปลกใจว่ามาอยู่ที่นั่นได้ไง” ผู้กองหนุ่มอธิบาย

“เหรอ แล้วช่วงนี้งานยุ่งมากมั้ย ผู้กอง” แม่น้อยชวนคุยต่อหรือเรียกว่าซักถามต่อก็ได้

“ครับ ใกล้จะปิดคดีของคุณพัดแล้ว”

“จริงเหรอเนี่ย ใครเป็นฆาตกรล่ะ” แม่น้อยถามด้วยความอยากรู้ สายตาท่าทางแบบนี้ช่างเหมือนบุตรชายไม่มีผิด ไม่ใช่สิ ถ้าพูดให้ถูกก็คือเวลาที่น้ำถามเขาแบบนี้มันถอดแบบแม่น้อยมาชัดๆ

“บอกไม่ได้ครับ ยังเป็นความลับราชการอยู่”

“อะไรกัน บอกนิดบอกหน่อยก็ไม่ได้” นั่นปะไรล่ะ คำพูดที่พูดต่อมายังเหมือนกันเป๊ะ

“ต้องรอให้แน่ใจก่อนครับ”

“อดรู้ก่อนเลย” แม่น้อยพูดออกมาด้วยความเซ็ง

“เสร็จแล้วค่ะ พี่ปรานต์คะ ทานข้าวก่อนค่ะ” น้ำฝนเชื้อเชิญแขกให้ไปทานมื้อเย็นด้วยกัน

“ไปกินข้าวเถิดพ่อ ฉันง่วงแล้วเดี๋ยวขอตัวไปนอนก่อนนะ เจ้าน้ำ ข้าเปิดทีวีทิ้งไว้นะ ละครอะไรก็ไม่รู้มีแต่วัยรุ่นผู้ชายจีบกัน ข้าล่ะงงเด็กสมัยนี้เสียจริง จะปิดทีวีทิ้ง ก็กลัวว่าบ้านจะเงียบเกินไป” แม่น้อยบ่นละครที่ตัวเองเปิดค้างอยู่พลางลุกขึ้นบอกบุตรชาย

“อ้าว แม่กินข้าวแล้วเหรอ” น้ำสบตากับผู้กองก่อนจะถามมารดา พยายามปิดบังพฤติกรรมอิหลักอิเหลื่อของตัวเอง

“กินตั้งแต่หัวค่ำแล้ว เอ็งกลับมาช้าขนาดนี้ใครจะรอ”

“ขอโทษจ้ะ”

“ข้าไปนอนล่ะ เอ็งสองคน กินเสร็จก็เก็บให้เรียบร้อยด้วย”

“จ้ะแม่” สองพี่น้องตอบรับพร้อมกันอีกครั้ง

“เอ็งก็ยังไม่ได้กินเหรอฝน” น้ำถามเมื่อเห็นน้องสาวร่วมวงด้วย

“ใช่ ฉันเพิ่งทำการบ้านเสร็จ”

“น้องฝนเลือกคณะที่เรียนได้แล้วหรือยัง” ผู้กองเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้าง

“ได้แล้วค่ะ ฝนตั้งใจจะเรียนเภสัชค่ะพี่ปรานต์” น้ำฝนตอบพลางเริ่มตักข้าวแจกจ่ายทุกคน

“ที่ไหนล่ะครับ”

“ฝนยังไม่รู้เลยค่ะ กลัวสอบไม่ติด ถ้าได้ที่ไหนคงเรียนที่นั่นแหละค่ะ”

“แบบนั้นก็ถูกตามความสามารถของเรา แต่ที่น้องฝนอยากเข้าเรียนน่ะไม่มีเหรอ”

“ค่ะ ก็มีอยู่ที่หนึ่ง” น้ำฝนบอกชื่อสถานที่และตำแหน่งของมหาวิทยาลัย

“แถวนั้น...ใกล้บ้านพี่เลย” ปรานต์บอก

“จริงเหรอคะ”

“ครับ ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย น้ำฝนบอกพี่มาได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ขอบคุณค่ะ” น้ำฝนตอบแล้วเริ่มลงมือทานข้าวไปเงียบๆ

“กินนี่ด้วยสิ” ผู้กองตักอาหารที่อยู่ใกล้ตนเองไปให้น้ำก่อน เสร็จแล้วจึงตักให้น้ำฝนเช่นกัน หญิงสาวบอกขอบคุณพร้อมกับสังเกตอาการของสองคนนั้นต่อ

“ไม่เอา ไม่ค่อยชอบ นี่มันของชอบยายฝน ไม่ใช่ของผม” น้ำบ่น ตั้งท่าจะเขี่ยทิ้ง

“กินไปเถอะน่า มันมีประโยชน์”

“ก็ได้” ถึงน้ำจะบ่น แต่ก็ยอมตักมันเข้าปากไปแล้วรีบกลืนอย่างรวดเร็ว

“พี่ปรานต์เก่งมากเลยค่ะ บังคับพี่น้ำกินมะระได้ ปกตินะ พี่น้ำตักแต่หมูออกมา ทิ้งมะระเต็มหม้อเลย แม่เลยชอบทำมะระยัดไส้หมูสับบ่อยๆ หวังว่าพี่น้ำจะกินมันบ้าง” น้ำฝนได้โอกาสจึงขายพี่ชายเสียเลย

“ยายฝน” น้ำปรามน้องสาว เพราะเขาไม่อยากขายหน้าไปมากกว่านี้

“ปกติไม่กินเลยเหรอ” ผู้กองหันไปถามผู้ต้องสงสัยในคดี

“ก็..ไม่ชอบอะ มันขม” น้ำอ้อมแอ้มตอบ

“รู้ใช่มั้ยว่ามันมีประโยชน์”

“รู้ แต่คนไม่ชอบนี่นา” น้ำยังคงโอดครวญ

“กินบ้างเถอะน่า” ผู้กองบอกด้วยความหวังดี

“แม่รู้ว่าพี่ไม่ชอบกินแต่ก็ยังชอบทำ” เห็นว่าพึ่งผู้กองไม่ได้ จึงย้ายฝั่งมาทางน้ำฝน

“ก็จริง แม่รู้ว่าพี่ไม่ชอบแต่แม่อยากให้พี่กินไง เรื่องไหนๆ แม่ก็รู้หมดแหละ แล้วพี่คิดว่าตอนนี้แม่รู้หรือยังว่าพี่สองคนคบกัน      แล้วน่ะ” เสียงช้อนหล่นจากมือไอ้น้ำหล่นลงบนจาน

“ฝน...” เหลือเพียงเสียงเรียกชื่อน้องสาวแผ่วเบาจากปากของไอ้น้ำ





==========================================

อ้าววว หวานแหววกันอยู่ดีๆ ทำไมน้ำฝน ทำกับพี่น้ำแบบนี้ล่ะจ๊ะ

ปล น้ำของพรี่นั้น คนจริง พอชัดเจนในความรู้สึกก็เลิกกระมิดกระเมี้ยนเลย มันน่าตีจริงๆ


ติด Tag ได้เลยค่ะ #LOTTOสื่อรัก #คนบ้าหวย2018  มาเมาท์กันน้า



ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด