Shadows ที่ 39 ความมืดและแสงสว่างหัวใจที่อ่อนล้าเหมือนกำลังได้หยุดพัก ถึงแม้จะผ่านมาอีกหลายวันแล้ว แต่คนที่คอยอยู่เคียงข้างผมก็ยังคงไม่ไปไหน
วันนี้ ผมได้กลับมาเรียนแล้ว และคนที่มารับผมกับฟ่างกลับก็คือคนที่ดีกับผมเหลือเกินคนนั้น
"ฝนตกไม่หยุดเลยเนอะ หลายวันแล้วนะ" ฟ่างที่นั่งอยู่ที่เบาะหลังกับผมก็เริ่มบ่นด้วยเสียงงึมงำ
"นั่นสิ แต่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นดีนะ"
"มองโลกในแง่บวกเกินไปอีกแล้วไวท์" ฟ่างดูไม่เห็นด้วยกับผม สีหน้าของเธอดูหมองลง และเหนื่อยล้ากว่าที่เคย
"ฟ่าง ยังไม่สบายอยู่เหรอ" ผมจ้องมองเธอชัดๆ และถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมถามเธอ แต่ทุกครั้ง เธอก็ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
"ม.ไม่นะ ฟ่างก็ปกติดี จริงนะๆ" เธอดูอึกอักไปชั่วขณะ ผมสังเกตว่าเธอดูแปลกไปจริงๆ
"หาหมอไหม เดี๋ยวไปส่งก็ได้นะ" คนที่กำลังขับรถหันมาถามพวกเรา พี่ตะวัน มักจะใจดีกับพวกเราและเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม มันก็รู้สึกดีนะ แต่ก็รู้สึกเกรงใจมากด้วย ผมไม่มีอะไรเลยที่จะตอบแทนความแสนดีนี้
"ไม่ต้องหรอกค่ะ ฟ่างอยากกินขนมร้านพี่เบลล์มากกว่า"
"ฟ่าง ขนมน่ะกินเมื่อไหร่ก็ได้ อย่าดื้อเลยนะ"
"ก็ฟ่างไม่เป็นไรจริงๆ นี่นา"
"ตรวจเสร็จแล้วค่อยไปกินก็ยังไม่สายนะ" ผมยิ้มให้พี่ตะวันที่ช่วยเกลี้ยกล่อมอีกแรง
"นะฟ่าง ไม่นานหรอก"
"งืมมม ก็ได้" ผมยิ้มให้คำตอบของเพื่อน ยิ้มให้พี่ตะวันที่เปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลใกล้มหา'ลัย
สายฝนยังคงตกกระทบหน้าต่างอยู่ด้านนอก และไม่นานรถก็จอดลงที่ลานจอด พวกเราค่อยๆ ลงจากรถ กางร่ม และเดินฉิวไปที่ตัวอาคารสีขาวขนาดใหญ่
ฟ่างบอกให้ผมและพี่ตะวันรออยู่ที่โถงด้านหน้า มีมุมเล็กๆ มีเก้าอี้โซฟาสบายๆ ให้พวกเราได้นั่งรอกัน
"ดีจังเลยนะ ที่ฟ่างมีเพื่อนที่คอยเป็นห่วงแบบไวท์" ผมที่นั่งอยู่กับพี่ตะวันก็ถูกพูดชมเข้า ซึ่งผมก็รีบส่ายหน้าน้อยๆ ปฏิเสธทันที
"ไม่ใช่ครับ กลับกันเลย ผมต่างหากที่โชคดี" ความทรงจำเกี่ยวกับฟ่างทำให้ผมยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ในชีวิตของผม มีไม่กี่ครั้งที่จะมีคนอยากเป็นเพื่อนด้วย และที่สำคัญที่สุดคือความจริงใจของฟ่างที่มีให้ผม เธอเป็นคนไม่กี่คน ที่เชื่อในตัวผม เข้าใจในสิ่งที่ผมเป็น
สายลมที่ด้านนอกพัดโชย ทำให้ต้นไม้พลิ้วไหวตามแรง สายฝนที่เริ่มตกลงมานั้น มองดูเย็นชุ่มฉ่ำไม่ขาดสาย ผมเดินเข้าไปช้าๆ ยื่นมือแตะกระจกใส ดูสายน้ำเย็นที่ค่อยๆ ไหลผ่านลงสู่เบื้องล่าง
"วันนี้ ผนก็ตกอีกแล้ว" ไม่รู้ทำไม ถึงแม้ว่าความเย็นชุ่มฉ่ำนี้จะเป็นสิ่งที่ผมชอบ แต่ในหัวใจกลับหม่นหมอง หงอยเหงา เศร้าสร้อย
"ว่ากันว่า เทวดาร้องไห้เป็นสายฝนนะ"
คำพูดของคนด้านหลังนั้นทำให้มือของผมหยุดชะงัก ภาพของคนคนหนึ่งผุดขึ้นอย่างเด่นชัดในความทรงจำ
ปีกสีขาวของคนที่ผมแสนคิดถึง ใบหน้าของซิน ที่หยาดน้ำตาค่อยๆ หลั่งรินไหลออกมา
"ไวท์ เป็นอะไรหรือเปล่า" คนด้านหลังที่เห็นสีไม่ดีของผม ก็รีบเดินเข้ามา จับตัวผมพยุงไว้
"พี่ตะวัน" ผมที่เพิ่งได้รับรู้ถึงเหตุผลของสายฝนนั้น ก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะพูดเรื่องสำคัญออกไป ให้กับคนที่กำลังตั้งใจฟัง
"ขอบคุณนะครับที่คอยช่วยผม อยู่ข้างๆ ผม"
"พูดเรื่องอะไรน่ะ ทำไมอยู่ๆ ก็..."
"พี่ชอบผมใช่ไหม" คำพูดของผมทำให้พี่ตะวันหยุดชะงัก คนที่ดีแบบนี้ คนที่ผมไม่อยากทำให้เสียใจ แต่ว่ามันก็เป็นไปไม่ได้
"ใช่" ผมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับคำพูดนั้น ถ้าหากว่าผมได้พบพี่ ก่อนหน้านี้ ก่อนที่เรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดจะผ่านเข้ามา ก่อนที่หัวใจของผมจะเป็นของซิน บางที บางทีคนที่ผมอยากฝากหัวใจ คงอาจจะเป็นพี่ก็ได้
"ขอโทษนะครับ"
"พี่รู้อยู่แล้วล่ะ เขาคนนั้น คงเป็นคนที่สำคัญมาก" ผมยิ้มน้อยๆ กับคำพูดนั้น "แต่ไม่ว่ายังไง ถ้าเวลาไหนที่เราต้องการ จะมีพี่อยู่ตรงนี้เสมอ"
"ขอบคุณครับ แล้วก็...ขอโทษจริงๆ" ผมบอกพี่ตะวันด้วยใบหน้าหมองเศร้า แต่พี่เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้ม พลางลูบหัวผมเบาๆ อย่างอ่อนโยน
"อย่ามัวแต่ขอโทษเลย ดูนั่นสิ สายรุ้ง ขึ้นแล้วนะ"
ผมมองตามมือของคนข้างๆ ที่ชี้ออกไปด้านนอก ท้องฟ้าที่เคยดูมืดครึ้ม บัดนี้ทอแสงสีส้มสว่างตา สายรุ้งเจ็ดสี ปรากฎชัดบนฟากฟ้า มันช่างเป็นภาพ ที่งดงามจริงๆ
หลังจากที่ฟ่างตรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อย พี่ตะวันผู้แสนใจดีก็พาพวกเรามาส่งที่ร้านกาแฟของพี่เบลล์
ผมถามฟ่างถึงเรื่องผลของการตรวจร่างกาย และฟ่างก็บอกว่าทุกอย่างโอเค ไม่มีอะไรผิดปกติ เพียงแต่เธอพักผ่อนน้อยเท่านั้น ซึ่งเมื่อได้ยินแบบนี้ ผมก็รู้สึกโล่งใจมาก
เมื่อกินขนมและดื่มเครื่องดื่มที่พี่เบลล์ยกมาให้หมดแล้ว ผมก็เริ่มที่จะหยิบจับทำงานช่วยพี่เบลล์ ผมมองดูฟ่างและพี่ตะวันที่นั่งคุยเล่นกันสักพัก และพี่ตะวันก็ต้องขอกลับก่อนด้วยเรื่องของงาน
"ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปส่งที่บ้าน" พี่ตะวันบอกผมด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมที่จะยื่นมือมาขยี้หัวผม
"ไม่เป็นไรครับ แล้วก็..."
"คำว่าขอโทษน่ะ ไม่อยากฟังแล้ว" พี่ตะวันดีดหน้าปากผมเบาๆ และเดินไปด้วยรอยยิ้มสว่างไสว "พรุ่งนี้จะไปรับนะ ในฐานะ...พี่ชาย" คำพูดนั้นทำให้ผมยิ้มได้ ผมรู้สึกดีขึ้น ที่ผมไม่ได้สูญเสียคนดีๆ แบบนี้ไป รอบๆ ตัวของผมตอนนี้ มีแต่คนที่ดีกับผมจริงๆ
"อะแฮ่ม ตัดเงินเดือนดีไหมเนี่ย" ผมตกใจทันทีที่ได้ยินเสียงจากด้านหลัง พี่เบลล์ยืนกอดอกยิ้มให้ผมแบบมีเลศนัยมองมา
"ทำไมถึงจะตัดละครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย"
"ก็...หมั่นไส้ส่วนตัว" พี่เบลล์ยักไหล่พลางเดินหนีเข้าไปในร้าน ผมไม่ค่อยเข้าใจเลยแฮะ
"ห้ามแกล้งไวท์นะคะ" เหมือนฟ่างที่นั่งอยู่จะได้ยิน เธอส่งเสียงใสและเดินเข้ามากอดคอผมทันทีเพื่อปกป้อง
"จ้าๆ ไม่แกล้ง แต่ว่าตอนนี้ ไปช่วยพี่ยกของที่หลังร้านก่อน" พี่เบลล์ไม่พูดเปล่าแต่เดินเข้ามาและดึงแขนผม แกล้งแหย่ฟ่างเหมือนกำลังยื้อแย่งตัวผม
"ไม่ได้ค่ะ ห้ามแย่งไวท์ไปน้า" ผมเริ่มหัวเราะและมองทั้งสองคนที่ทำตัวเหมือนเด็ก
"ฟ่าง พอเถอะ ผมต้องไปทำงานต่อนะ" ผมบอกฟ่างและหมุนตัวหลบมือของเธอ
"ต้องแบบนี้ ถึงจะคุ้มค่าจ้าง..." พี่เบลล์ได้ทีก็คว้าตัวผมไว้ แต่ว่าไม่รู้ทำไม เมื่อมือของพี่เบลล์และฟ่างแตะต้องโดนกัน พี่เบลล์ในตอนนี้หยุดชะงัก และทำสีหน้าน่ากลัวแปลกๆ
"พี่เบลล์" ผมเรียกพี่เบลล์ที่ยังคงจ้องมองฟ่าง ผมไม่เคยเห็นพี่เขามีสีหน้าแบบนี้เลย
"อ๋อ โทษที สงสัยไฟฟ้าสถิตย์ละมั้ง" พี่เบลล์ลูบมือตัวเองไปมา แต่ก็ยังคงจ้องมองฟ่าง
"วันนี้ได้ข่าวว่าไปตรวจร่างกายมาเหรอ แล้วเป็นไง" ฟ่างดูมึนๆ งงๆ กับปฏิกิริยาของพี่เบลล์เช่นกัน ผมจึงคิดว่าผมควรจะตอบแทนเธอ
"ใช่ครับ ปกติดี แค่พักผ่อนน้อย"
"เหรอ เธอนอนไม่หลับมากี่วันแล้ว" พี่เบลล์ยังคงทำสีหน้าจริงจัง
"เธอหลงๆ ลืมๆ ไม่รู้ว่าตัวกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหนหรือเปล่า" ผมมองเพื่อนที่เริ่มดูตื่นตกใจกับคำถาม เธอถอยหลังหนีจากพี่เบลล์ด้วยสีหน้าที่ดูซีดลง
"ฟ่าง" ผมเรียกเพื่อนและดึงมือเธอเอาไว้ แต่เธอก็ดูตื่นกลัวมากขึ้น
"พี่เบลล์ เดี๋ยวก่อนครับ นี่มันเรื่องอะไรกัน" ผมตัดสินใจปกป้องเพื่อนจากเจ้านายของผม ดึงเพื่อนให้มาหลบข้างหลัง
"ทำไมเธอถึงไม่บอกเรื่องนี้กับไวท์ล่ะ เธอก็น่าจะรู้ว่าเธอกำลังเผชิญกับอะไร" พี่เบลล์เหมือนไม่ได้พูดกับผม แต่กำลังพูดกับฟ่างที่อยู่ด้านหลัง
"ฟ่าง"
"ไม่นะ ฟ่างควบคุมมันได้" ผมหันไปมองเพื่อน ฟ่างหลับตาแน่นดูไม่เป็นตัวของตัวเอง
"เธอคุมมันไม่ได้หรอก มันมีอำนาจเหนือเธอ"
"ไม่" ฟ่างเริ่มพูดเบาๆ กับตัวเองพลางถอยหลังออกไปไกล ผมมองเธอสลับกับพี่เบลล์ที่เริ่มบอกขอโทษลูกค้าและเชิญให้ทุกคนออกจากร้าน
ความรู้สึกเก่าๆ ความกลัว ทำให้หัวใจเริ่มเต้นรัว อย่าบอกนะว่า ในตัวของฟ่างนั้น
"กล้ามากที่เข้ามาในเขตแดนนี้" พี่เบลล์ปิดประตูร้านและหันกลับมาพูดด้วยเสียงแข็งกร้าว แต่ด้วยสัญชาติญาณของผมที่ต้องการปกป้องเพื่อน มันทำให้ผมก้าวเข้าไปบดบังตัวเพื่อนอีกครั้ง
"เดี๋ยวก่อนครับ นี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้"
"จริงๆ นายก็สงสัยอยู่ไม่ใช่เหรอ ไวท์ นายรู้จักมันดีกว่าใคร" พี่เบลล์ยังคงมีท่าทีสบายๆ ยืนอยู่ตรงหน้า
"รู้จักดี...พี่พูดถึงใคร"
"ถอยไป"
"ไม่ เดี๋ยวก่อน ถ้าพี่คิดผิดล่ะ" ผมยังคงลังเล ผมเป็นห่วงฟ่าง ผมไม่รู้ว่าพี่เขาคิดจะทำอะไร
"อย่างที่ซินบอก นายนี่มัน..." ชื่อของคนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินกลับออกมาจากคนที่ใกล้ชิด ผมที่ยืนแน่วแน่อยู่ตรงหน้าเพื่อนนั้น สองขาค่อยๆ ก้าวออกไป และจับลงที่เสื้อของคนตรงหน้า
"พี่เป็นใคร รู้จักซินได้ยังไง"
"นายคิดว่าบนโลกนี้มีแต่ซาตานเหรอ"
หลังคำพูดของพี่เบลล์ มีดในครัวหลายเล่มก็ลอยฉิวขึ้นจากเคาน์เตอร์และพุ่งตรงมายังร่างกายของผม แต่ว่าการกระทำนั้นก็ไร้ผล เพราะว่าเพียงพี่เขาสบัดมือเล็กน้อย อาวุธเหล่านั้นก็ร่วงกราวลงบนพื้น
ผมตกใจรีบหันกลับไปมองต้นตอของรังสีอาฆาตนั้น และก็ต้องพบว่า ตอนนี้ฟ่าง ไม่ใช่ฟ่างอีกแล้ว
"อีกนิดเดียว แค่นิดเดียว"
"ฟ่าง" ผมเรียกเพื่อนเสียงสั่น ภาพตรงหน้าทำให้ผมทั้งกลัวและเสียใจ ตอนนี้ใบหน้าของฟ่างเป็นเงาดำริ้วๆ ดวงตาสีแดง และปากที่มีแต่เขี้ยว เป็นปิศาจที่น่ากลัวยิ่งกว่าที่เคยพบเห็นมา
"มันอาจจะไม่ได้นิดเดียวแบบที่แกคิดก็ได้ หลงตัวเองเกินไปไหม" พี่เบลล์ดูไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย แต่กำลังเหมือนโกรธมากกว่า
"เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก ไวท์เป็นของฉัน" เสียงคำรามต่ำที่ฟังยากจากร่างของฟ่าง ทำให้รู้ว่านั่นไม่ใช่เพื่อนของผมอีกแล้ว ผมเหนื่อยเหลือเกิน ทำไมถึงไม่ยอมแพ้ไปสักที
"ผมไม่ใช่ของคุณ ไม่เคยเป็น" ผมพูดอย่างหนักแน่น ทั้งโกรธทั้งกลัว ทั้งเป็นห่วงเพื่อน แต่ก็รู้สึกเบาใจลงเมื่ออยู่กับพี่เบลล์
"ได้ยินไหม ยังจะหน้าด้านไปไหน ทำไมต้องยึดติดเด็กคนนี้ขนาดนั้น"
"ไวท์ มากับฉันเถอะ หมอนั่นช่วยเธอไม่ได้หรอก" ปิศาจตรงหน้าเมินคำถามของพี่เบลล์และจ้องมองผม แววตาและใบหน้ากลับสู่ปกติเช่นเดิม เป็นฟ่างที่ผมรู้จักดี
"ไวท์ พี่รู้ว่าเราไม่ได้โง่ ปิดหูปิดตาไว้ อย่าให้มันหลอกได้" พี่เบลล์อยู่ข้างๆ และคอยบอกผม
"ไวท์ ฉันจะเตือนอีกครั้ง หมอนั่นช่วยเธอไม่ได้ ไม่มีใครช่วยเธอได้ อยากให้เพื่อน อยากให้ครอบครัวต้องเจ็บปวด อยากให้พวกเขาตายงั้นเหรอ" คำพูดที่ทำให้หัวใจของผมสั่นไหว ดังมาจากปิศาจร้ายที่สิงอยู่ในร่างเพื่อนที่แสนสำคัญของผม
งั้นเหรอ มันคงเป็นแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหม ถ้าหากผม ยอมแพ้ตอนนี้ ทุกคนก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุข
"ไวท์!" พี่เบลล์เริ่มเสียงดังขึ้นเมื่อขาของผมเริ่มก้าวเดินไปตรงหน้า
ผมไม่รู้ ตัวผมนั้นมีอะไรถึงทำให้ปิศาจตนนี้ต้องการผมนัก ดวงตาของผมราวกับเริ่มมองไม่เห็นสิ่งใด ขาของผมค่อยๆ ก้าวเดินไปตรงหน้า ผมควบคุมตัวเองไม่ได้...
"อย่างนั้นแหละไวท์ เด็กดี เธอเป็นคนที่ฉันต้องการมากกว่าใคร" รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าสวยของฟ่าง ผมยิ้มให้เธอ เดินเข้าไปหาเธอ เพื่อนของผม เพื่อนรัก...
"ตั้งสติซะ! คิดว่าซิน ต้องการแบบนี้งั้นเหรอ" คำพูดหนึ่งจากพี่เบลล์ทำให้ขาของผมหยุดชะงัก ชื่อนี้มีความหมาย มีอิทธิพลต่อผมมากมายนัก "นายกำลังดูถูกซิน สิ่งที่ซิน ตั้งใจทำเพื่อนาย"
ไม่ ไม่มีทาง ผมไม่มีทางทำแบบนั้น
"หึ ซินงั้นเหรอ ไอ้ซาตานจอมปลอมนั่นมันทำอะไรให้เธองั้นเหรอ ไหนล่ะ ถ้ามันรักและปกป้องเธอนักหนา แล้วไหนล่ะ มันอยู่ที่ไหน" คำพูดของปิศาจตรงหน้าทำให้น้ำตาของผมไหลรินออกมา นั่นสินะ ทำไมล่ะ ทำไมซินถึงจากผมไป ทำไมถึงไม่อยู่เคียงข้างผม
"ไวท์ นายไม่เชื่อในตัวซินงั้นเหรอ" พี่เบลล์ถามผมเสียงเรียบ ใบหน้าของฟ่างที่ดูนิ่งสงบ เริ่มกลับมาเป็นปิศาจร้ายอีกครั้ง
"อย่าโง่ไปหน่อยเลย ไอ้ปิศาจนั่นมันไม่มีทางทำอะไรได้ ตัวตนของมันสวรรค์ชังนรกก็ไม่เหลียวแล" เสียงคำรามด้วยความโกรธของปิศาจร้ายทำให้ข้าวของในร้านสั่นสะเทือน ท้องฟ้าด้านนอกแปรปรวนราวกับมีพายุ ถึงแม้จะได้ยินคำพูดบาดใจนั่น แต่ก็ไม่ทำให้ผม หวั่นไหวอีกแล้ว
"ที่แกพูดน่ะผิดแล้ว ซินมีค่ามากกว่านั้น ซินปกป้องผม จากปิศาจชั้นต่ำอย่างแกได้" คำพูดของผมทำให้ปิศาจนาธัสแทบคลั่ง ผมเจ็บปวดที่ต้องเห็นร่างของเพื่อนถูกครอบงำ แต่ว่า ผมจะยอมแพ้ไม่ได้ เพื่อซิน เพื่อคนคนเดียวที่ผมเชื่อหมดใจ
"ถ้าอย่างนั้นไวท์ ความโง่ของเธอ ทำให้ทุกคนต้องตาย!" เสียงและแรงอาฆาตทำให้กระจกทุกบานในร้านแตกกระจาย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังยืนหยัดอย่างมั่นคง
ผมจะไม่กลัว เพราะผมเชื่อว่าซิน จะต้องปกป้องผมได้แน่ เหมือนที่เป็นมาเสมอ
*****************************************************
หลังจากที่ห่างหายไปนานกว่า 7 เดือนตอนนี้นักเขียนกลับมาอัพเรื่องนี้แล้วนะคะ ใครลืมเนื้อเรื่องก็อ่านทวนใหม่ตั้งแต่ต้นได้ค่ะ
ต้องกราบขออภัยที่ให้รอนานนะคะ ส่วนใครที่รอเรื่องนี้ในแบบรูปเล่ม ก็ขอให้รอฟังข่าวต่อไปน้า มีแน่นอนค่ะ!!