งานเลี้ยงเล็ก ๆ ถูกจัดขึ้นในร้านอาหารแห่งหนึ่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ในห้องจัดเลี้ยงที่มีคาราโอเกะ ให้ผู้ร่วมงานได้ร้องเพลงเพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ
“และในวันนี้มิตรรักแฟนเพลงของแผนกขนส่งจะได้พบกับ นักร้องลูกทุ่งหนุ่มมาแรง แซงทางโค้ง ที่ไมค์ ภิรมย์พร ยังชิดซ้าย ไผ่ พงศธรยังต้องชิดขวา........ขอเสียงให้กับหนุ่มหน้ามนคนซื่อ ขวัญใจชายแก่.......วิเชียรรรรรรรรรร”
อำนาจโฆษกจำเป็น รับหน้าที่พิธีกรประจำงาน และมอบไมค์โครโฟนให้วิเชียรเป็นผู้รับหน้าที่มาขับกล่อมบทเพลงให้กับแขกภายในงานที่มีกันอยู่ไม่กี่คน และล้วนแต่เป็นสมาชิกของแผนกขนส่งทั้งนั้น ยกเว้นอยู่คน ที่มาจากแผนกขาย ที่แม้ไม่มีใครเชิญก็ต้องถูกลากให้มาอยู่แล้ว เนื่องจากถือว่าเกี่ยวดองเป็นญาติกับแผนกขนส่งไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยฝีมือของวิโรจน์นั่นเอง
“ผมยินดีจะนำเสนอบทเพลงที่ทำให้ทุกคน อยากจะแด๊นซ์กันจนถึงขีดสุด...........เรามาแน่นอก.... กันดีกว่า แน่นอกของใบเตยยยยยยยยยย จัดกันปายยยยยยยย”
ส่งสัญญาณให้กับสุรชาติที่มารับหน้าที่ช่างเทคนิคควบคุมการทำงานของเครื่องคาราโอเกะ และทุกคนก็ได้เต้นกันกระจาย แดนซ์กันอย่างสนุกสนาน เพราะเพลงที่ร้องมั่วของวิเชียร แต่อาศัยจังหวะมันส์เข้าว่า
และในเวลาไม่ช้า บทเพลง คันหู.....ก็ตามมา พร้อมอาการครางอย่างถึงใจของวิเชียร ผู้ขับกล่อมเสียงครางสนั่นให้ผู้ฟังสยิวกิ้กับอาการคันหูเวอร์ชั่น คันจนไม้ปั่นหูแทบทะลุออกจากหู
“อุ้ยยยยยยยยยยย ซี้ดดดดดดดดดดส์อ๊า อู้ววว โอ้ววววววว อาส์ ซี้ด โอ้ววววว เยสสสสสสสส แอร๊ยยยยยยยยยยยยยย”
อันหลังไม่ใช่ แต่ก็เรียกเสียงฮาให้คนในงานได้อย่างท่วมท้น
“โหไอ้เหี้ย ถ้าคันขนาดนั้น ไม่เรียกคันหูนะ เรียกว่าคันไข่ วิเชียรเล่นเกาซะกูนึกว่าสังคังแดก”
อำนาจ โฆษกประจำงานเอ่ยแซว และก็เรียกเสียงโห่ฮาของพนักงานแผนกขนส่งขึ้นมาได้พร้อม ๆ กัน
“วิเชียรเขาเป็นงี้แหละ อย่าไปถือสาเขานะ”
วิโรจน์ที่นั่งยิ้มนิ่ง ๆ ไม่ได้ออกไปวาดลวดลายเหมือนคนอื่น หันมากระซิบบอกหัวหน้าแผนกขายที่กำลังอารมณ์ดีและหัวเราะไปกับความสนุกสนานของแผนกขนส่งที่ไม่มีใครยอมใคร
“ไม่เป็นไร แบบนี้แหละดีแล้ว สนุกดี”
คุณกฤษดาเอ่ยบอก และก็ยิ้มมากขึ้นเมื่อวิโรจน์ลุกขึ้นตักข้าวผัดปูแบ่งใส่ถ้วยแบ่งเล็ก ๆ แล้วเอามาวางไว้ให้
“กินอะไรหน่อย อ้นไม่ค่อยกินอะไรเลย มางานทั้งที จะมานั่งกินน้ำเปล่าอยู่ได้ยังไง”
ข้าวผัดปูจากถ้วยแบ่งถ้วยเล็ก ๆ ถูกนำมาวางไว้ให้ตรงหน้า และวิโรจน์ก็ชี้นิ้วไปที่ปลาช่อนแป๊ะซะที่อยู่ในหม้อไฟที่กำลังเดือดเหมือนเป็นการถามว่าอันนี้กินมั้ย และหัวหน้าแผนกขายก็พยักหน้าและส่งยิ้มหวานให้กับวิโรจน์ที่ลงมือตักเฉพาะเนื้อปลาแบบเน้น ๆ ใส่ถ้วยแบ่งแล้วเอามาวางไว้ให้ที่ตรงหน้าหัวหน้าแผนกขายเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร อ้นจะกินอันไหนบอกนะ อันไหนเอื้อมไม่ถึงเดี๋ยวพีทตักให้”
หวานกันเข้าไป คุยกันกระหนุงกระหนิงกันเข้าไป
และแม้จะอยู่ในมุมเงียบ ๆ กันสองคน และพยายามทำตัวไม่ให้เป็นที่สนใจ แต่ยังไงก็เป็นจุดสังเกตอยู่ดี เพราะพนักงานแผนกขนส่งคนอื่นลุกออกจากโต๊ะไปกันหมดแล้ว
เหลือเพียงแค่คู่รักสายฟ้าแล่บ ที่นั่งหยอดหวานกันอยู่สองคน ชนิดไม่ค่อยอยากจะสนใจใคร
“และบทเพลงถัดไป ที่เราอยากให้เกียรติผู้มีแขก เอ้ยยยยย แขกผู้น่าเกลียด เฮ้ยยยยย แขกผู้มีเกียรติ เฮ้ยยยยยยย อ่ะถูกแว้วววววววววว”
เล่นกันเอง ตบกันเอง ชงกันเอง และขำกันเอง
พนักงานแผนกขนส่งกำลังร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน และคนสองคนที่สร้างโลกส่วนตัวกันอยู่เงียบ ๆ ก็ไม่รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าหมายถัดไปที่อำนาจอยากจะจัดให้แบบเต็ม ๆ
“ขอเชิญท่านพบกับ วิโรจน์ ผู้ที่จะมาขับกล่อมบทเพลงที่กำลังฮอตฮิตในขณะนี้ .........
แค่คุณ ......... ขอเสียงปรบมือให้วิโรจน์หน่อยคร้าบบบบบบบบ”
ไม่ทันได้ตั้งตัว
วิโรจน์ที่โดนเล่นงาน ถึงกับเกิดอาการหน้าเหวอ และโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณว่าร้องไม่เป็น เพื่อให้แขกผู้มีเกียรติในงานได้รับรู้ แต่มีหรือพนักงานแผนกขนส่งจะยอม
“ไอ้โรจน์มาจัดหน่อยซิ เร็ว ๆ”
จะให้ร้องได้ยังไง ในเมื่อไม่เคยร้องให้ใครฟัง
“เฮ้ย ผมร้องไม่เป็น”
ไม่ใช่ว่าร้องไม่เป็น แต่ไม่เคยร้องให้ใครฟังต่างหาก และวิโรจน์ที่ไม่รู้จะหาทางปฏิเสธยังไง ก็ถึงกับไปไม่เป็น เมื่อพรรคพวกแผนกขนส่งช่วยกันมาลากออกไปถึงหน้าเวทีพร้อมกับเสียงเชียร์ดังลั่น
“วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์ วิโรจน์………..เฮ.......”
ไม่กล้าร้องก็ต้องร้อง งานนี้ต่อให้เขินแทบตายขนาดไหนแต่วิโรจน์ก็ต้องร้องออกมา
“ร้องไม่ดีอย่าว่ากันนะครับ ผมไม่ถนัดร้องเพลงจริง ๆ”
ขออภัยแขกผู้มีเกียรติล่วงหน้า แต่เมื่ออินโทรเพลงขึ้นและถึงจังหวะที่ต้องร้อง วิโรจน์ก็ร้องเพลงให้แขกภายในงานฟัง
และเป็นการร้องได้ดีซะด้วย ร้องได้เพราะมาก เพราะซะจน พนักงานแผนกขนส่งทุกคน ต้องหยุดนั่งฟังกันเงียบ ๆ
“รู้มั้ยว่าเราเจอกันครั้งแรกตอนไหน.......ความทรงจำเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เมื่อไหร่ที่ทำให้เราสองคนเริ่มหวั่นไหว”
วิโรจน์ยังคงขับขานบทเพลงไปเรื่อย ๆ
ส่วนคนฟังที่วิโรจน์ต้องการจะสื่อบทเพลงไปให้ถึงมากที่สุด กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาฟังเพลงที่วิโรจน์ร้องให้ด้วยความเขิน
“แม่งอย่างน่ารักว่ะ กูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากฤษดาแม่งจะน่ารักขนาดนี้”
คนที่ไม่ควรเคลิ้มกลายเป็นอำนาจ ที่เมื่อชื่นชมคุณกฤษดาเสร็จเรียบร้อยก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาพบกับสายตาของน้องพู่ ที่กำลังจ้องมองอยู่ก่อนแล้ว และทำหน้างี่เง่าใส่อำนาจได้ทันทีทันใด
“อ้าว เหี้ย เป็นอะไรวะ เสือกทำหน้างี่เง่าใส่กูซะงั้น ไอ้พู่นี่นับวันท่าจะประสาท โกรธกูเรื่องอะไรวะ งง”
++++++++++++++++++++++++++++