เรื่องที่ 2 รักร้อนในห้องลับ
Episode 1 (ตี๋พาร์ท) คนบ้าอะไรกลัวแมลงสาบจนเป็นลม อยู่ๆไอ้คนพูดมากนั่นล้มลงคอพับต่อหน้าผม ตอนแรกก็กะว่าจะปล่อยให้นอนคอพับอยู่ตรงนั้นจนกว่าจะตื่น แต่ผมยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ ก็เลยพยุงมันไปนอนดีๆบนเตียง ขี้เกียจอุ้มครับ หนัก
เจอกันวันแรกก็มีแต่เรื่องน่าปวดหัวซะแล้ว คุณคิดว่าผมจะทนอยู่กับไอ้หน้าขาวนี่ได้นานแค่ไหนกันเหรอครับ แล้วทำไมผมต้องเช็ดตัวให้มันด้วย? มันไม่ได้ป่วย แค่เป็นลมเพราะตกใจแมลงสาบ หน้าซีดๆนั่น เห็นแล้วมันก็ตลกดีเหมือนกันนะครับ อย่างกับคนไข้ขาดเลือด ตัวสั่นเหมือนเจ้าเข้านั่นอีก ขำจริงๆครับ ถึงจะขำแค่ไหน หน้าผมก็ยังเหมือนเดิม
ผมเป็นพวกแสดงความรู้สึกไม่เป็น หน้าก็เลยเรียบเฉย ตึงๆ แบบนี้ คนนอกมาเห็น คงคิดว่าหน้าผมกวนตีน เคยมีเรื่องชกต่อยอยู่บ่อยครั้ง เพราะหน้าผมเป็นแบบนี้ยังไงล่ะครับ
“หนู..มา..ลี” หืออ คนที่นอนหลับไม่ได้สติพึมพำขึ้นมาเสียงเบา ละเมอเหรอ?
“เหมียววว~~~” เออ หนักจริงๆด้วยว่ะ มันอ่ะอาการหนัก มันคว้าแขนผมข้างที่เช็ดหน้าให้มันอยู่เข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับเอาแก้มมาถูไถไปมา
“พายคิดถึงผักบุ้งจังเลย โอ๊ะ ขงเบ้งอย่าน้อยจายยย” มีเอื้อมมือมาลูบหัวผมพร้อมกับตบเบาๆ แล้วก็หลับต่อ เอากับมันสิครับ
.
.
.
.
.
หลังจากวันนั้น ที่มันเป็นลม ผมพอรู้มาว่า บ้านมันเลี้ยงแมวพันธุ์เปอร์เซียร์ ชื่อว่าผักบุ้งกับขงเบ้ง มันชอบละเมอออกมาให้ผมได้ยินบ่อยๆ ทั้งละเมอชื่อแมว ลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วก็นอนต่อ ลุกขึ้นมาเดินรอบห้องก็มีครับ ยิ่งตอนดึกๆ ผมตื่นมา คิดว่าผีทุกที ตอนแรกๆก็ตกใจครับแต่ตอนนี้เริ่มชิน
“ไอ้ตี๋ วันนี้กินไร จะซื้อกินหรือให้กูทำเอง” มันถามหลังจากเลิกคลาสเรียน
“มึงทำ..” ผมตอบแค่นั้น มันพยักหน้า พวกเพื่อนที่เดินตามหลังมันมา ชวนมันคุย ไม่มีใครกล้าคุยกับผมหรอกครับ มันบอกว่าผมหยิ่ง
“พาย..กูถามจริงเวลามึงอยู่ห้องเดียวกับมัน มึงไม่อึดอัดเหรอวะ?” เพื่อนมันซุบซิบกัน แต่ผมหูดี เลยได้ยินแต่แค่ทำเป็นเงียบ
“มันก็เพื่อนกูคนนึงป้ะวะ” พายว่า มุมปากยกขึ้นหน่อยๆ อย่างพอใจในคำตอบ
“แต่มันหยิ่งนะเว้ย” ใครอีกคนพูด ผมหันไปหาพาย พวกมันดูตกใจที่ผมหันไป
“รอใต้ตึกคณะ..” ผมว่าแล้วเดินออกห่างจากกลุ่มเพื่อนๆของพาย
“เห้ยน้อง.. ได้ข่าวว่าหยิ่งเหรอวะมึง” ทันทีที่เท้าสัมผัสกับบันใดขั้นสุดท้าย พวกรุ่นพี่ที่ชอบชอบทำตัวกร่างก็เดินเข้ามาหาผม
“อ้าวว จะไปไหนล่ะ?” ผมจะเดินจากฝูงหมา เอ้ย ฝูงรุ่นพี่ มันก็มาดักหน้าผมอีก
“หลีก” ผมพูด พรางผลักร่างรุ่นพี่ตรงหน้าออก
“กล้าผลักกูเหรอไอ้อ่อน” มันว่า พร้อมกับซัดผมเข้ามุมปาก
“อ่าว ไอ้เหี้ยนี่” ผมว่าแล้วซัดมันกลับ พวกเพื่อนๆมันก็รีบล็อคตัวผมไว้ทั้งสองข้าง ไอ้รุ่นพี่ที่โดนผมต่อย จะเข้ามาอีกรอบ แต่ผมเอาตีนยันไว้ พร้อมกับออกแรงถีบเบาๆ จนมันกระเด็นออกไป เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างดี
ไอ้ตัวข้างๆผมก็ใช้ศอกกระแทรกเบาๆจนจุก แค่นี้ก็จบ
“ไอ้ตี๋” เสียงเรียกของพาย ทำให้ผมหันไปมอง ผมพยักหน้ากลายๆว่ากลับกัน ส่วนไอ้รุ่นพี่พวกนี้ ค่อยให้ยามมาเก็บ
“มึงทำอะไรพวกพี่ๆเค้าวะ” พายหันมาถามตอนที่เราเดินไปโรงรอดรถ
“มันต่อยกู” ผมพูดแล้วเดินนำมันไปที่รถ
“ไม่เจ็บ?” มันวิ่งมาหา แล้วดูรอยช้ำที่มุมปากผม
“เจ็บ” ผมตอบ โดนต่อยใครไม่เจ็บบ้างวะ
“ก็หน้ามึงอย่างนิ่งอ่ะ กูก็คิดว่าไม่เจ็บไง” มันว่า ส่วนผมส่ายหัวให้กับมัน
“ขึ้นรถ” ผมขับ Yaris ครับ ส่วนไอ้คนข้างๆ ผมขับรถยนต์ไม่เป็น อาศัยปั่นจักรยานเอา
“วันนี้ไปตลาดกัน..” มันว่า ผมก็พยักหน้าพามันยังจุดหมายทันที
“วันนี้มึงจะกินอะไร” มันถาม แต่เวลามันทำ ผมก็กินแต่ของโปรดมัน ส่วนผมก็ไม่มีอะไรเป็นของโปรดหรอกครับ กินง่าย อยู่ง่ายอีก
“อะไรก็ได้” ผมตอบ แต่มันกลับทำหน้าเบื่อ
“ทุกที..” มันว่า พร้อมกับทำหน้าเหมือนจะคิดอะไร
“ปลาราดพริกป้ะ?” มันหันมาถาม ผมรู้ทันทีว่ามันอยากกิน
“อืม” ผมตอบ
“อืมมม..แกงสายบัว หมูทอดกระเทียมด้วย แล้วก็... มึงอยากกินอะไร?” ของที่มันชอบทั้งนั้น ยังดีที่หันมาถามผมบ้าง
“ไข่ตุ๋น” ผมตอบ เพราะว่าเป็นเมนูแรกๆ ที่มันทำให้ผมกิน
“โอเค..เปิดเพลงนะ” ผมพยักหน้ามันเชื่อมบลูทูธ เข้ากับตัวเครื่องเสียง และเปิดเพลงที่มันชอบ
ได้ฟังเรื่องราวของเธอ กับความรักที่กำลัง จะจบลง
คงมีแค่ความเป็นห่วง จากคนที่เป็นเพียงเพื่อน จะเหมาะสม
* แต่เหมือนว่าในบางครั้งที่เธอจ้องมองฉัน คล้ายว่าเธอจะต้องการเป็นมากกว่านั้น
และฉันก็เป็นแค่เพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งภายในใจ นั้นสับสนและยังมีคำถาม
** อยากจะรู้เพียง ถ้าไม่มีเขาแล้วเราจะรักกันไหม
หรือแค่ตัวฉันคนเดียวที่คิดฝันไป จนไกลแสนไกล ว่าเธอนั้นให้ความหวัง
อยากจะรู้แค่เพียง ถ้าจบกับเขาแล้วเราจะรักกันไหม
อย่าปล่อยให้ฉันเฝ้ารอและคิดฝันไกล คนเดียวเรื่อยไป ถ้าเธอนั้นไม่ต้องการ
อย่าให้ฉันคิดไปเอง
อาจเป็นฉันที่คิดเกินไป อ่อนไหวเพราะเพียงแค่คำ ว่าใกล้ชิด
ที่ปรึกษาแค่เพื่อนสนิท เธออาจไม่คิดมากเกินจนเลย ไปอย่างฉัน
อย่าให้ฉันคิดไปเอง อยากจะรู้เพียง ถ้าไม่มีเขาแล้วเราจะ รักกันไหม
มันชอบฟังเพลงนี้ครับ ฟังทุกวัน ทุกคืน มันบอกว่าฟังเพลงนี้แล้วฝันดี คงจะจริงเพราะมันละเมอทุกคืน
เพลงเดิมเปิดซ้ำไปมาจนถึงตลาด ใกล้ๆมหาลัย ของผม
“กูอยู่ในรถ” ผมว่า กำลังจะปรับเบาะเอนตัวลงนอน เพราะง่วงจากการที่ไอ้พายเปิดเพลงเดิมวนไปวนมา
“หยุด ไปช่วยกูถือของ อย่าลืมนะค่ากินต้องหารกัน กูไม่ได้รวยขนาดเลี้ยงมึงได้” มันว่า พร้อมกับยื่นมือมาปลดเข็มขัดให้ผมเรียบร้อย หัวมันอยู่ใกล้กับไหล่ผมพอดี ได้กลิ่นแชมพูอ่อนจากหัวของมันเข้า กลิ่นหอมดีครับ
“มองไร?” มันถาม ผมยักไหล่แล้วเดินลงจากรถ
“กวนตีน” ได้ยินมันพึมพำเบาๆ
“ลงมา” ผมว่า อ้อมไปเปิดประตูให้คนที่ช้าแสนช้าลงมา
นี่เป็นเวลาเลิกงาน ตลาดดูจะคึกคักไปหน่อย เดินเบียดเสียดกัน ทางเดินก็เต็มไปด้วยน้ำที่มาจากแผงปลา เจิ่งนองเต็มไปหมด
“มึงดูปลาตัวนั้นดิสดว่ะ” มันสะกิดผมให้หันไปดูปลา มันคือปลาทับทิมครับ นอนอ้าปากพะงาบๆอยู่ไม่สดก็คงแปลก
“จะกินป่ะปลาราดพริกอ่ะ ยืนมองจะได้แดกมั้ย ไปสั่ง” มันว่า ดันหลังผมไปใกล้ๆแผงปลา
“เอาตัวนี้ครับป้า” มันยืนเลือกอยู่สักพัก ก็ชี้ปลาขนาดกลางๆ พรางบอกแม่ค้าไป
“เอาไปทำอะไรจ๊ะ ป้าทำเลยนะ” ทำกับข้าวไงครับ ป้าก็ถามแปลก
“ราดพริกครับ ขอดเกล็ดแล้วก็ควักไส้ออกให้ด้วยนะครับ” พูดจบก็ยิ้มให้ป้าแม่ค้าหนึ่งที ยืนรอเพียงไม่นานก็ได้ปลาทับทิมมาหนึ่งตัว จากนั้นก็เดินซื้อของสดกันไปเรื่อย จนเกือบๆหกโมงเย็น มือผมและมือพาย ทั้งสองข้างเต็มไปด้วยของแห้งและของสด ซื้อเยอะขนาดนี้ หลายอาทิตย์ก็ไม่หมด
เมื่อถึงห้อง ต่างคนก็ต่างทำธุระส่วนตัวกัน ไอ้พายทำกับข้าว ส่วนผมนั่งดูทีวี
“ตี๋ มาเอาผักใส่ตู้เย็นให้หน่อยมือกูเลอะ ของเต็มโต๊ะเดี๋ยวไม่มีที่กินข้าว” มันว่าผมก็ทำตามที่มันบอก
“ใส่ช่องฟรีซหาป้ามึงเหรอ ผักเหี่ยวหมดไอ้ห่า” กูช่วยแล้วยังหันมาด่ากูอีก
“เหมือนกันแหละน่า” ผมตอบ ยัดผักเข้าช่องฟรีซลวกๆ
“ไอ้เชี่ยตี๋เอาออกมา” มันว่า ยืนเท้าสะเอวทำหน้ามุ่ย ตลกดีครับ
“เออๆ” ต้องทำตามมันอีก
“ช่องไหน” ผมถาม
“เก๊ะชั่นล่างสุดอ่ะ..เออนั่นแหละ ฉลาดซะที” มันว่า แอบแซะผมด้วยแหน่ะ
“กุไม่ใช่ควาย” ผมตอบคิ้วเริ่มกระตุกนิดๆ
“มึงพูดเองนะ กูไม่ได้พูด” มันว่าพร้อมกับยิ้มขำๆ แก้มเป็นรอยบุ๋มจากการยิ้มที่ข้างขวา
“มองไรวะ ไรติดหน้ากูเหรอ” อ่า..เผลอมองลักยิ้มนั้นจนได้สิ
“ไม่มี” ผมเดินกลับไปนั่งหน้าทีวีตามเดิม ดูรายการอะไรไปเรื่อยเปื่อย สักพักใหญ่ๆมันก็ตะโกนถามออกมา
“ตี๋ปากมึงเป็นไงบ้างวะ” ผมหันไปมอง แล้วแตะแผลที่ขอบปากตัวเองเบาๆ
“ดีขึ้นแล้ว” ผมตอบ ตอนนี้เลือดที่มีอยู่นิดหน่อยมันแห้งไปหมดแล้ว
“เออดี งั้นมานี่” มันว่า ผมก็เดินไปหามัน
“ชิมหน่อย กูลดพริกลงแล้ว เผ็ดไปเดี๋ยวมึงเจ็บปากกินไม่ได้” มันว่า ยื่นช้อนน้ำราดพริกมาใกล้ๆปากผม ผมก้มหน้าลงไปชิม รสชาติอร่อย กลมกล่อม ไม่เผ็ดเกินไป แถมยังไม่เจ็บปากอีก ผมพยักหน้าบอกมันกลายๆว่าโอเคแล้ว ละสายตาจากปลายช้อนไปมองมัน มันก็เงยหน้ามองผมอยู่แล้ว เราเลยสบตากัน บางอย่างในดวงตามันเหมือนมีพลังดึงดูด ตากลมๆนั่นกระพริบตาปริบๆมองผมอยู่
ตึกตึก ตึกตึก ตึกตึก หัวใจไม่รักดีดันเต้นแรงขึ้นมาซะดื้อๆ การสั่นไหวอย่างรุนแรงตรงอกข้างซ้ายของผม นี่ผมเป็นอะไรแค่มองตามันผมก็ใจเต้นได้อย่างงั้นเหรอ ผมผละปากออกจากช้อน กระแอมไอทีสองที ก็หันไปหามันเหมือนเดิม
“อร่อยแล้ว” ผมว่า มันยิ้ม จนเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม พร้อมกับใช้ช้อนอันเดียวกับที่ผมชิม ตักน้ำราดขึ้นมาชิมบ้าง สักพักมันก็ยิ้มขึ้นมาอีก
นั่นทำให้ผมใจเต้นมากกว่าเดิม เมื่อผมมองปลายช้อนที่หายเข้าไปในปากมัน ไม่สิ ผมมองปากมันต่างหาก ปากสีชมพู ที่มีรอยยิ้มเล็กๆนั่น มัน...
“ไอ้ตี๋เหม่อไหร่เนี่ย” ความคิดผมถูกเบรก มันเดินมาหาผม ท้าวสะเอวถามอย่างเอาเรื่อง นี่ผมเหม่ออีกแล้วเหรอ ทำไมไม่รู้ตัวเลยสักนิด ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
“ไม่มีอะไรก็ดี เรียกตั้งนานไม่เห็นตอบ..ไม่อาบน้ำเหอะ กูทำกับข้าวใกล้เสร็จละ” มันบอก ผมก็รีบเดินเลี่ยงไปยังห้องนอนทันที
ใช้เวลาอาบน้ำไม่นาน อาบเสร็จก็เช็ดตัว พันผ้าขนหนูไว้ที่เอวหลวมๆ เปิดประตูออกไปก็เห็นพายนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเตียง
“เสร็จแล้วเหรอ อาบมั่งๆ..” มันว่า เดินมาหยิบผ้าขนหนูที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เดินลิ่ว เข้าห้องนำ โดนไม่ลืมหยิบชุดนอนไปด้วย
ทุกครั้งเวลาที่ผมไม่ใส่เสื้อผ้า มันชอบเดินหนีผมไปไหนสักที่หนึ่ง ไม่ห้องน้ำ ก็ห้องครัว แต่แอบเห็นหน้ามันแดงๆทุกครั้งที่ผมทำแบบนี้ ผมแอบอมยิ้มเงียบๆอยู่คนเดียว แล้วมองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิท เสียงน้ำ เสียงฮัมเพลงดังแว่วมา ให้ได้ยินตลอด
บางที อยู่กับมันแล้วดีเหมือนกันนะครับ มันเป็นคนที่แสดงออกทางอารมณ์เก่ง ซึ่งผิดกับผม ที่ไร้ความรู้สึก จนพวกเพื่อนๆพากันว่าผมว่าผมเป็นพวกตายด้าน แต่ผมยังมีความรู้สึกอยู่ ...
อาหารมื้อเย็นก็เหมือนๆกับทุกวัน แต่วันนี้ไม่ใช่ ปกติผมจะกินแค่จานเดียว แต่วันนี้ผมเบิ้ล เพราะอะไรน่ะเหรอครับ เพราะปลาทับทิมทอดราดพริกที่อร่อยมากอยู่ตรงหน้าผมนั่นแหละ ตอนชิมน้ำราดก็อร่อยแล้ว กินกับปลานี่อร่อยกว่าเดิมอีก ไข่ตุ๋นก็อร่อย อาหารบนโต๊ะอร่อยทุกอย่าง มันทำกับข้าวเก่งจริงๆครับ
หลังจากกินข้าวเสร็จ ดูทีวีสักพัก ก็เข้านอน ช่วงนี้ยังไม่ค่อยมือการบ้านสักเท่าไหร่ ก็เลยสบายตัวไป
“กูปิดไฟนะ” มันว่า ผมพยักหน้าให้มัน พร้อมกับลมตัวนอน หัวถึงหมอนได้ไม่ถึงห้านาทีก็ไปเฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย ผิดกับผมที่นอนตะแคงมองหน้าคนหลับอยู่ ผ่านไปสักพักอาการละเมอก็เริ่มมา ผุดตัวลุกขึ้นนั่ง พึมพำอะไรสักอย่างแล้วลุกจากเตียง
เดินโซเซมานอนข้างๆผม ขยับแทบไม่ทันแหน่ะครับ ไม่ได้นอนเปล่าๆ มีการเอาขามาเกี่ยวขาผมด้วย เอาแขนมากอดผมเสียแน่น หายใจแทบไม่ออก แต่ก็อุ่นดี ไม่นานความง่วงมันก็โจมตีผม ผมกระชับเอวคอดนั่นเข้าหาตัว ไม่นานผมก็หลับ หวังว่าพรุ่งนี้มันตื่นมาคงไม่โวยวายใส่ผมหรอกนะครับ....
ฝันดีนะ..พระพาย
TBC...
....................................
สวัสดีค่ะคนอ่านทุกท่าน คนเขียนมาแล้วค่ะ
ตอไม้ของเราเริ่มรู้สึกตัวแล้วค่ะ ไม่นานเกินรอ ฉากนั้นก็จะมาถึงงงง
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ นี่คือกำลังใจของคนเขียนอย่างแท้จริง
ปล. ด้วยรักจากคนเขียน