เข้าสู่สัปดาห์ใหม่กันแล้วนะคะเพื่อนๆนักอ่านทุกท่าน ซึ่งก็แปลว่า เรื่องสั้นในสต๊อกของนิ้วไขว้ เหลืออยู่น้อยนิดเต็มทีแล้ว... เพลียเลื้อเกิน เพราะมันแปลว่า ใกล้จะต้องทำสัญญาให้ทุกท่านร่วมโหวตตอนพิเศษแล้วด้วยเหมือนกัน หวาดเสียวเบาๆค่ะ เพราะไม่รู้จะแจ็กพ็อตเรื่องไหน
ก่อนจะไปไกล กลับมาที่ซีรี่ของเรากันต่อค่ะ ถึงวันนี้ก็เรื่องที่ 10 แล้ว 10 เรื่อง 10 คู่ เยอะนะคะ กว่าจะคิดชื่อคิดพล็อตได้แต่ละที ไมเกรนจะถามหาเอา สำหรับเรื่องนี้ก็มีเกริ่นไปบ้างแล้วเล็กน้อยเมื่อคราวเอาเรื่องที่ 9 มาโพสต์ ที่จริงก่อนหน้านั้นนาเมฮ์เพื่อนเลิฟแอบมาบิ๊วเบาๆว่า ไม่คิดจะแต่งเรื่องยาว (แรงบันดาลใจจาก) เต๋าคชา บ้างหรือ สารภาพว่า ไม่คิดเลย เพราะว่าการแต่งเรื่องยาวมันใช้พลังชีวิตเยอะมากค่ะ เลยลังเลแบบสุดๆ แต่ก็มีคิดอยากเขียนเรื่องสั้นอยู่เหมือนกัน ซึ่ง... ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่า เขียนเรื่องสั้นเกี่ยวกับน้องหนแรก ก็จัด NC เบาๆมาเลย แอบเขินนิดๆค่ะ
เพราะฉะนั้น ก็... นะคะ... เรื่องที่ 10 ขอเชิญทุกท่านทัศนากันได้เลยตามอัธยาศัย และแน่นอนค่ะ อยากรู้จริงๆว่าจะชอบกันไหม เพราะฉะนั้น ถือว่าขอกันตรงๆเป็นครั้งแรกเลยตรงนี้นะคะว่า... ช่วยคอมเม้นต์นิดนึงได้ไหม เพราะอยากรู้ค่ะ นี่เป็นการลง NC ครั้งแรกของคนเขียน มันแอบไม่มั่นใจจริงๆนะ ไม่แน่ค่ะ ถ้าเข้ามาอ่านหนนี้อาจจะได้รู้กันไปเลยว่า ควรเขียนอีก หรือไม่ควรเขียนอีกต่อไป T T ฮื้ยยย... กดดันตัวเองโว้ยยยย...
ตามไปอ่านกันนะคะ
---------------------------------
เรื่องสั้น 10 Skinship
ถ้าจะบอกว่าที่ผ่านมาเขาไม่ใช่คนที่เสพติดการสัมผัสคนอื่น จะมีใครเชื่อเขาไหมเนี่ย
ก็คงจะเชื่ออยู่หรอก ถ้าไม่ใช่เวลาที่เขาอยู่กับเจ้าคนหน้ามึนที่ดูจะไม่ค่อยหืออือกับสถานการณ์รอบข้างสักเท่าไหร่อย่างหมอนี่ เขาก้มลงมองร่างที่อาศัยตักของเขานอนงีบหน้าตาเฉยมาครึ่งค่อนชั่วโมงแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า คนอะไรวันๆเอาแต่ทำหน้านิ่งๆ คิดอะไรคนเดียวเงียบๆ เผลอหน่อยไม่ได้ เป็นต้องหลับ เด็กน้อยเหลือเกิน
อันที่จริงตรีรู้จักคทาได้ไม่นาน จะให้นับจริงๆก็น่าจะสักสามเดือนเท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกถูกชะตากับเพื่อนใหม่คนนี้นัก จำได้ว่าตอนนั้นเป็นวันรับน้องพอดี เขาเองที่เป็นเด็กเฟรชชี่กำลังรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับการที่ได้เข้ามาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่ใหญ่โต เพื่อนใหม่ รุ่นพี่ และกิจกรรมที่แทบจะเรียกได้ว่าเริ่มต้นตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมด้วยซ้ำ
แล้วจู่ๆขณะที่กำลังเล่นเกมที่รุ่นพี่ต่างสรรหามาให้รุ่นน้องได้ร่วมสนุกเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันในวันแรกนั้น จู่ๆเขาก็สังเกตเห็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาเดินเข้ามาร่วมวงด้วยพร้อมกับเด็กคนอื่นๆอีกหลายคน และถึงแม้จะมีหลายคน แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมสายตาของตรีจึงจับอยู่ที่คนคนนั้นเพียงคนเดียว จนถึงตอนนี้ก็น่าจะเป็นเพียงคนเดียวที่เขายังจำได้ ความประทับใจแรกที่ตรีมีต่อคนที่กำลังจะกลายมาเป็นเพื่อนในไม่ช้า ก็คือคนอะไรหน้าตาน่ารักเหมือนพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่น แต่นิ่งได้ใจเหลือเกิน
ตรีจับตามองร่างที่ดูยังไงก็ผอมเกินไปในสายตาเขา จนกระทั่งร่างนั้นรับป้ายชื่อตัวเองมาแขวนคอ เอาไว้เหมือนกับเด็กปีหนึ่งคนอื่นๆที่นั่งล้อมวงทำกิจกรรมกันอยู่ ‘คทา’ ชื่อแปลกดีแต่ก็จำง่าย มารู้เอาตอนหลังนี่แหละว่ามาจากชื่อเต็มของเจ้าตัวที่ชื่อ คทาธร
วันรับน้องวันแรก ตรีจำได้แค่ว่าเขาเฝ้ามองหาแต่คทามากกว่าอย่างอื่น
อะไรหนอที่ทำให้ตรีรู้สึกว่าสายตาของตัวเองถูกดึงดูดถึงเพียงนั้น ร่างสูงกว่า เจ้าของผิวขาวสะอาดจนเกือบซีดก้มลงมองใบหน้าที่ยังคงหลับใหลไม่ยอมตื่น ก่อนจะยกมือข้างหนึ่งปัดปอยผมที่ปรกหน้าผากของอีกฝ่ายออกไปพลาง ลูบศีรษะกลมๆนั้นไปพลางอย่างเพลิดเพลินโดยให้แน่ใจว่าจะไม่เผลอทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน
คทาไม่รู้หรอกว่า วันแรกที่ตรีรู้ว่าคทาเรียนคลาสเดียวกับเขา และยังลงเรียนคลาสเหมือนๆกันอีกหลายวิชาน่ะ เขารู้สึกดีแค่ไหน ด้วยความสงสัยใคร่รู้ แน่ล่ะ รวมไปถึงความที่อยากจะทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่หน้านิ่งคนนี้ให้มากขึ้น ในคลาสสนทนาภาษาอังกฤษเบื้องต้น ตรีจึงถือโอกาสจับคู่กับคทาตามคำสั่งของอาจารย์เสียเลย และตอนนั้นเองที่เขาได้เรียนรู้ว่า เพื่อนใหม่ของเขาแม้จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมาไม่เก่งเท่าไรนัก แต่ลึกๆแล้วก็เป็นคนนิสัยเข้าท่ามากคนหนึ่ง
เขายิ่งถูกชะตากับเพื่อนใหม่คนนี้มากขึ้นไปอีก ขนาดที่ว่าชวนไปทานข้าวด้วยกัน เรียนด้วยกัน เตะบอลด้วยกัน และลามปามมาถึงขั้นแวะมานอนด้วยกันที่ห้องของเขาได้แล้วภายในระยะเวลาแค่เดือนสองเดือนเท่านั้น ที่สำคัญก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็จะเออออห่อหมกไปด้วย ไม่ปฏิเสธ ไม่แสดงทีท่ารังเกียจรังงอน หรือผลักไสรำคาญเลยสักนิด
อะไรหนอที่ทำให้ตรีถูกใจคทา และทำให้คทาติดตรีหนึบอย่างที่ไม่เป็นกับใครมาก่อน
จะให้เขาสารภาพดีไหมนะว่า ไม่ใช่แค่ถูกชะตาเพื่อนคนนี้ ลึกๆแล้วหลายครั้งเขารู้สึกเอ็นดูเพื่อนตัวเล็กกว่าที่นอนหลับแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่นี่อย่างเหลือเกิน คทาอาจจะดูมีปัญหาเรื่องบุคลิกภาพที่ไม่ค่อยน่าเข้าใกล้แม้จะมีหน้าตาโดดเด่นก็จริง แต่เมื่อคนอย่างคทาให้ความไว้วางใจกับใคร นิสัยขี้อ้อนก็จะปรากฏขึ้นมากพอๆกับความห่วงใยใส่ใจที่พร้อมจะมอบให้อีกฝ่ายอย่างเต็มที่ชนิดไม่มีอิดออด
ตรีเอ็นดูคทา ในขณะเดียวกันก็ยอมรับว่าคทาห่วงใยใส่ใจเขาอยู่ตลอดเวลา แม้จะเป็นไปในแบบผู้ชายที่ไม่พูดอะไรมาก แค่แสดงออกมาตรงๆเท่านั้น แต่ก็ทำให้ตรีรู้สึกอุ่นใจ วางใจ และสบายใจทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน
แถมอาการหัวใจกระตุกบ้างเป็นครั้งคราว โดยเฉพาะเวลาที่ได้สัมผัสตัวกันอยู่ทุกวี่วันแบบนี้เข้าไปด้วยก็แล้วกัน
ตรีจำไม่ได้เหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ระยะห่างระหว่างเขาและเพื่อนหน้านิ่งคนนี้มันลดน้อยถอยลงไปทุกวัน เขาหมายถึงระยะห่างจริงๆซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าคทากับเขาตัวติดกันทุกครั้งเวลาที่อยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะกิน นั่ง เดิน ยืน หรือนอน แทบจะไม่เหลือช่องว่างระหว่างกันมาได้พักใหญ่แล้ว
เขาชอบแบบนี้
เขาชอบเวลาที่คทาสัมผัสเขาเบาๆที่หลัง ที่ต้นแขน ที่เอวบ้าง ชอบเวลาที่เวลาเจ้าตัวเล็กเนือยๆเพลียๆแล้วเอาแขนมาท้าวที่ไหล่เขาบ้าง พิงซบเขาบ้าง ไม่ก็มานอนหลับบนตักของเขาแบบนี้บ้าง ตัวเขาเองก็ชอบกอดคทา ชอบเอามือขยี้ผมนุ่มๆนั่นเบาๆด้วยความหมั่นเขี้ยวก่อนจะดึงเข้ามากอด ชอบให้คทามานอนข้างๆ หลายครั้งเขาชอบนวดให้คทา ต้องขอบคุณฝีมือการนวดที่พอจะมีติดตัวอยู่บ้างของเขานี่แหละ
แม้ว่าในทางตรงกันข้ามแล้ว ฝีมือการนวดของคทาจะไม่ค่อยได้เรื่องก็เถอะ นวดให้เขาทียังกะโดนแมวตะปบ ไม่ว่าตรีจะสอนหรือนวดให้เป็นตัวอย่างเท่าไร ก็เหมือนเดิม บางทีตรีแอบสงสัยว่า เจ้าตัวเล็กมันแกล้งเขาหรือเปล่า แต่หันไปดูหน้าซื่อๆมึนๆที่มองตาแป๋วกลับมานั่นทีไร ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ซักที ก็เลยยอมให้คทานวดแบบนั้นให้ต่อไป แม้จะไม่หายเมื่อยเท่าไหร่ แต่มันก็อุ่นในหัวใจไม่เบาล่ะ
แล้วคทาจะรู้สึกเหมือนเขาไหมหนอว่า ยิ่งใกล้กับคทามากเท่าไหร่หัวใจเขาก็ดูจะเต้นผิดจังหวะมากขึ้นเท่านั้น เขาไม่มั่นใจนักว่าเริ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ครั้งที่แน่ชัดที่สุด น่าจะเป็นวันที่คทามานอนที่ห้องของเขาเหมือนหลายๆครั้งหลังจากเตะบอลจนดึก เขาอาจจะหลับๆตื่นๆ แต่ก็พอจะจำได้ลางๆว่า คทาลุกขึ้นมาห่มผ้าให้ตอนดึกจนแทบจะเรียกว่าเป็นกิจวัตรเวลาที่นอนด้วยกัน ก่อนจะตื่นขึ้นตอนเช้าแล้วรู้สึกอุ่นจัดที่หลัง รู้ตัวอีกทีคทานอนดิ้นมากอดเขาเอาไว้แน่น ปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น เขาจะทำอะไรได้ นอกจากให้เจ้าตัวเล็กยืมหลังของเขากอดไปอย่างนั้นแหละ แล้วก็ด้วยความที่เมื่อย ก็เลยจำเป็นต้องพลิกตัวกลับมาแต่คทายังคงหลับขี้เซาและกอดเขาเอาไว้ต่อ จะให้ทำอย่างไร เขาก็ต้องกอดเจ้าตัวเล็กนอนไปทั้งอย่างนั้น และคงเพราะสบายมากหรืออะไรก็ไม่รู้ เจ้าตัวแสบดันซุกหน้าลงแผ่นอกของเขาและกระชับอ้อมกอดนั้นให้แน่นขึ้นไปอีกด้วยต่างหาก
แน่นอนว่า หัวใจเขาก็เลยพลอยเต้นแรงขึ้นด้วยเหมือนกัน บ้าจริงๆเลย
ตรีก้มลงมองใบหน้าที่หลับสนิทไม่สนโลกของคทา ก่อนจะหยิกที่แก้มเบาๆอย่างนึกมันเขี้ยวขึ้นมาเฉยๆ ส่วนหนึ่งก็เห็นว่าถึงเวลาที่จะต้องปลุกคนขี้เซาเสียทีได้แล้ว
“อื้อ...” คิ้วคู่นั้นขมวดมุ่นเล็กน้อย ก่อนจะลืมตาปรือๆขึ้นสลับกับปิดตาอยู่อย่างนั้นเป็นครู่ แล้วจึงเปลี่ยนมานอนหงาย แน่นอน ศีรษะก็ยังคงหนุนตักขาวๆที่ทำหน้าที่เป็นหมอนจำเป็นอยู่อย่างนั้น “คทาหลับไปนานไหม” เสียงัวเงียถามขึ้น
“นานพอที่จะทำให้ขาตรีเป็นเหน็บไปแล้วเรียบร้อย” หมอนมีชีวิตเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะวางมือลงบนหน้าผากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “เตะบอลมาหมดแรงเลยสิท่า”
“โธ่ เบาๆ... เมื่อคืนนอนดึกหรอก” น้ำเสียงนั้นทุ่มเถียงอย่างไม่สู้จะจริงจังนัก “หลับสบายมากเลย” คทาเหยียดแขนบิดขี้เกียจ “แต่ยังไม่ได้อาบน้ำนี่สิ”
“งั้นไปอาบน้ำ จะได้นอน” ว่าพลางดุนไหล่ดุนหลังอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะลุกขึ้นบ้างอย่างทุลักทุเลและเพราะอาการเหน็บชาที่กัดกินขาทั้งสองข้าง ทำเอาตรีเซจนแทบเสียหลัก น่าแปลกที่คนที่เพิ่งจะตื่นและกำลังงัวเงียอยู่แท้ๆ ยื่นมือคว้าเอวของเขาเอาไว้ได้ทันพอดีจังหวะเดียวกับแขนของตรีที่เกาะเกี่ยวคอของคทาเอาไว้ทันควันเหมือนกัน
“ไวไม่เบานะเราเนี่ย” ตรีร้องขึ้น
“แน่น้อน...” คทายักคิ้วให้ ก่อนจะเดินเกาะเกี่ยวกันไปทั้งอย่างนั้น
**********************************
“ไม่ง่วงแล้วเหรอคทา” ตรีหันไปถามร่างที่ยังนั่งใส่หูฟังเพลงพร้อมกับโยกตัวเบาๆ
คทาส่ายหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ยังนิ่งสนิทแต่หลับตาด้วยเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงที่ได้ยิน
“พอล้างหน้าแปรงฟันก็ไม่ค่อยง่วงแล้ว”
ตรีหย่อนตัวลงนั่งซ้อนคทาที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ราวกับจะเป็นหน้าที่ไปแล้วที่เจ้าตัวจะต้องยกมือขาวสะอาดแข็งแรงขึ้นวางลงบนไหล่ของอีกฝ่าย ก่อนจะกดน้ำหนักลงไปอย่างมีจังหวะจะโคน คทาหลับตาลงอย่างผ่อนคลาย พลางยกมือดึงหูฟังส่วนตัวสีขาวออก
“ทำยังไงคทาจะนวดเก่งแบบนี้บ้าง” คทาเอ่ยเบาๆแกมหงุดหงิด ทำเอาคนนวดยิ้มขันออกมา ตอนที่ได้ยินคทาเรียกแทนตัวด้วยชื่อเล่น แรกๆก็มีรู้สึกไม่ชินอยู่บ้าง แต่ในใจนึกชอบอยู่ไม่น้อย มีเพื่อนผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกันไม่มากนักหรอกที่จะเรียกชื่อตัวเองแทนตัวเวลาพูดคุยกันแบบนี้ เขารู้สึกว่ามันน่าเอ็นดูน้อยอยู่เมื่อไหร่
“มันก็ต้องฝึกไป ตรีนวดให้คนตาบอดมาตั้งนาน ก็ต้องคล่องกว่าเป็นธรรมดา”
“ใจบุญแบบนี้นี่เอง” ว่าแล้วร่างที่ดูผ่อนคลายของคทาก็พิงกับร่างเขาเสียอย่างนั้น ทีแรกตรีคิดว่า มีแค่เขาเสียอีกที่ชอบการสัมผัสตัวแบบนี้ ยิ่งคทายิ่งนึกไม่ถึงเพราะดูเหมือนคนเงียบๆที่ไม่น่าจะชอบสุงสิงกับใครแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าตัวเล็กนี่ชอบคลอเคลียกับสัมผัสของเขาเสียจริง
คนนวดอดใจไม่ให้กดจมูกลงบนเส้นผมหนานุ่มนั้นไม่ได้จริงๆ โชคดีที่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำอะไรทำนองนี้ ที่จริงก็คือมันเริ่มกลายเป็นความเคยชินไปแล้วต่างหาก
ตรีได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นสบู่ผสมกับกลิ่นแชมพูที่แสนคุ้นเคยกรุ่นออกมาจากร่างที่พิงเขาอยู่นี่ ตั้งแต่คทามานอนที่ห้องของเขาบ่อยๆ ดูเหมือนว่าตรีจะคุ้นชินกับกลิ่นนี้เสียแล้ว ถึงขนาดที่ว่ายังไม่เห็นตัว แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วนั่นล่ะ ยิ่งนั่งชิดตัวติดกันแบบนี้ กลิ่นที่ว่าก็ยิ่งให้ความรู้สึกที่ดีมากจนบอกไม่ถูกทีเดียว
เขานวดไหล่สักพักก่อนจะเลื่อนมือนวดเบาๆที่ต้นคอ ปลายนิ้วกดลงตรงท้ายทอย
“อือ” เสียงครางเบาๆบ่งบอกว่า คงนวดโดนจุดเข้าแล้ว
“เมื่อยไหม” ตรีกระซิบถาม
“นิดหน่อย ถ้าไม่นวดก็คงไม่รู้” เสียงครางหนักกว่าเดิมดังขึ้นอีกเมื่อน้ำหนักมือเพิ่มขึ้น “ดีจัง” คทาเอ่ยเบาๆ
ไม่รู้เป็นเพราะร่างกายที่แนบชิดกันเสียจนไม่เหลือช่องว่าง หรือเสียงลมหายใจสลับเสียงพูดเนิบแผ่วของอีกฝ่าย หรือเพราะกลิ่นหอมอ่อนๆที่คุ้นจมูก หัวใจของตรีกระตุกอยู่เป็นระยะ และถ้าไม่คิดไปเองเขาว่าหัวใจเขาเต้นแรงกว่าปกติ ร่างกายก็ดูจะอุ่นร้อนขึ้นอย่างรู้สึกได้ แม้ระดับความเย็นของเครื่องปรับอากาศในห้องอยู่ในระดับที่สบายพอดีก็ตาม
ตรีดึงร่างของคทาให้พิงเขาเหมือนเดิม ปลายคางของเขาวางอยู่บนไหล่ข้างหนึ่งของเจ้าตัวเล็ก ในขณะที่มือนวดเบาๆที่ต้นแขน สีข้าง ไปจนถึงเอวด้านหลัง ตรงนั้นเองที่เมื่อกดน้ำหนักมือลงไป ร่างนั้นก็แอ่นขึ้นเล็กน้อยก่อนจะครางออกมาเบาๆ
“เส้นตึงมาก” ริมฝีปากของตรีแตะอยู่ที่ใบหูของคทา ถ้าเขาไม่ได้รู้สึกไปเอง เขาคิดว่าคทาตัวร้อนขึ้น หูแดงขึ้นทันทีอย่างน่าตกใจ “เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ซี้ด... เปล่า... ตรงนั้น อย่า...” แปลว่าอะไร ‘อย่า’ ตรีนึกฉงน
“ตรงนี้น่ะหรือ” ตรีกดลงไปตรงจุดเดิม คทาพยายามบิดร่างหนีมือคู่นั้นทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้ และห้ามใจอย่างมากที่จะไม่ส่งเสียงวาบหวามอะไรออกมาอีก
“อย่า... มัน รู้สึก... แปลก” แปลกจริงๆด้วยเมื่อเขาก้มลงมองใบหน้าที่ก้มงุดอยู่ตรงซอกคอของเขา คทาหน้าแดงพลางกัดริมฝีปากตัวเอง ราวกับพยายามจะหักห้ามความรู้สึกอันยากจะอธิบายนั้นอย่างเต็มที่ ตรีสาบาญได้ว่า ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นสีหน้าและอาการจากคนหน้าเดียวอย่างเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดของเขาในตอนนี้เลยจริงๆ
ตรีกดมือลงไปอีกครั้ง และอีกครั้ง ครั้งนั้นเองที่ริมฝีปากของเขาสัมผัสเบาๆที่ซอกคอของคทา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นซุกไซ้คลอเคลียชนิดไม่ยอมห่าง
“บ้าแล้ว ตรี... ทำอะไร... “ เขาคงจะหยุดมือไปแล้ว ถ้าเสียงร้องห้ามมันจะมีพลังมากกว่านี้สักหน่อย แต่นี่ฟังอย่างไรมันก็ดูเชิญชวนเหลือเกิน สองมือของเขาจึงฉวยโอกาสเลื่อนมือขึ้นมาสอดเข้าไปในเสื้อยืดตัวเก่งที่อีกฝ่ายใส่นอนอยู่เป็นประจำ
“อือ”
“ถ้าไม่ชอบ ขอแค่คทาบอก คำเดียว” ตรีกระซิบเสียงแผ่วที่ข้างหูอีกฝ่าย คทาส่ายหน้าเบาๆ ยากจะตีความได้ว่าให้หยุดหรืออย่าหยุดกันแน่ รู้แค่ร่างกายมันช่างยากจะควบคุม ยิ่งเมื่อปลายนิ้วนั้นลากไล้อยู่บนตุ่มไตบนแผ่นอกอยู่อย่างนี้ เลือดในร่างกายมันพลุ่งพล่านสูบฉีดรุนแรงเหลือเกิน ตรีเองก็เถอะ อยากจะหยุดตัวเองเพื่อที่อะไรมันจะไม่เกินเลยมากไปกว่านี้ แต่พอได้เห็นอาการของเจ้าตัวเล็ก ก็ไม่อาจจะหยุดได้เสียแล้ว ยิ่งอยู่ใกล้ ยิ่งได้เห็น ยิ่งได้สัมผัส ก็ยิ่งยากจะหักห้ามหัวใจตัวเองได้จริงๆ
มือขาวๆคู่นั้นลูบไล้ลงต่ำ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่กึ่งกลางลำตัวของคทา ความตื่นตัวของอีกฝ่ายทำให้หัวใจของเขายิ่งเต้นแรง คทารู้สึกมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ เขาให้รู้สึกประหลาดใจแต่ก็สมใจอยู่ในที ตรีกดน้ำหนักมือลงไปเบาๆแต่หนักแน่น เรียกเสียงครางจากร่างที่ศิโรราปให้กับเขาออกมาอีกครั้งอย่างสุดจะหักห้าม
“ตรี...” คทาจับแขนตรีเอาไว้ แต่เสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูนั้น ทำให้เรี่ยวแรงของเขาละลายหายไปจนหมด
“ให้ตรีช่วยนะคทา” ไม่รอคำตอบ มือทั้งสองข้างสอดหายเข้าไปในบ๊อกเซอร์ของอีกฝ่ายทันที คทาสะดุ้งในขณะเดียวกันความรู้สึกร้อนรุ่มซาบซ่านก็ก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง ทั้งๆที่จะสะบัดให้หลุดออกจากอ้อมแขนนี้ก็ได้ง่ายๆแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่ทำก็ไม่รู้เหมือนกัน
ตรีเองก็หัวใจเต้นแรงไม่แพ้กัน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า แค่สัมผัสเพียงเท่านี้จะทำให้อีกฝ่ายร้อนรนได้ขนาดนี้ ตัวเขาเองก็เถอะ เป็นฝ่ายทำเขาแท้ๆ แต่กลับรู้สึกเหมือนหัวใจแทบจะทะลุออกมานอกอกเลยทีเดียว ยิ่งคทาหายใจหอบแรง โดยขยับร่างกายเป็นจังหวะพร้อมกับมือที่หายไปในบ๊อกเซอร์ของเขาด้วยแล้ว เรียกว่าเขาถึงกับแทบจะระเบิดออกมาเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำ
“คทา... เป็นยังไงบ้าง” ไม่มีคำตอบใดจะชัดเจนมากไปกว่าสีหน้าของคทาในยามนี้ ใบหน้าที่ปกติจะนิ่งสนิท บัดนี้เป็นสีชมพูเรื่อ คิ้วที่ขมวดบ้างคลายบ้างบ่งบอกอารมณ์แทนดวงตาที่ปิดสนิท รับกับจมูกโด่ง ริมฝีปากที่เจ้าตัวกัดเอาไว้เบาๆ บางครั้งก็เผยอออกหลุดเสียงลมหายใจหนักๆออกมา หนักมือเข้าก็เผลอส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ
ตรีขยับมือถี่เร็วขึ้น พอๆกับร่างที่หยัดตัวเองขึ้นพร้อมกับบิดเกร็งไปมาอย่างเหลืออด ตอนนั้นเองที่ร่างของคทากระตุกเบาๆ เสียงหอบหายใจถี่ชัด ก่อนจะร้องครางออกมาอีกครั้ง เป็นการบอกว่าเจ้าตัวถึงกาลทะลักทลายเกินจะห้ามอะไรได้อีกต่อไป มือทั้งสองข้างที่ยึดแขนของตรีเอาไว้แน่นค่อยๆคลายความแข็งเกร็งลงจนแทบจะเรียกได้ว่าอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงแต่เสียงลมหายใจที่คลายความร้อนรุ่มลงไปได้บ้างแล้ว
ตรีก้มลงประทับริมฝีปากบนหน้าผากเนียนของอีกฝ่าย แล้วจึงแนบแก้มของตัวเองเข้ากับของคทาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เหมือนจะตาย” เสียงอันแหบโหยเอ่ยขึ้นในที่สุด แม้ว่าใบหน้าจะยังซุกอยู่กับซอกคอขาวๆของตรี
“เหมือนกัน” ตรีหมายความตามนั้นจริงๆ
“จะเหมือนได้ยังไง...” ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบ ตรีก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ก็... เรียบร้อยไปแล้วเหมือนกัน” ใบหน้าของอีกฝ่ายผละออกมาก่อนจะเงยขึ้นมองอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“เป็นไปได้ยังไง”
“ก็เป็นไปแล้ว เห็นอาการคทาแล้วมันเป็นไปเอง”
“ตรี หื่นว่ะ” คทาว่าเอาตรงๆ ทำเอาคนฟังฮาแตกออกมาตรงนั้น “มีอย่างที่ไหน ทำกับเพื่อนตัวเองหน้าตาเฉย แล้วทีนี้จะยังไงล่ะเนี่ย”
“ก็ไม่ยังไง ทำไปแล้วนี่”
คทาได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาโดนเพื่อนผู้ชายทำอะไรแบบนี้ให้”
“ไม่ชอบเหรอ”
“ถ้าเป็นคนอื่นคงต่อยไปแล้ว”
“ก็แสดงว่า ถ้าเป็นตรีไม่ว่าอะไรงั้นสิ” คทานิ่วหน้า ด้วยไม่แน่ใจว่าไอ้คนพูดมันหมายความไปไกลถึงไหน แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนจะนอนหนุนไหล่ตรีเหมือนเดิม
ตรีขยับตัวนอนตะแคง ปล่อยให้ร่างที่เอนทับตัวเขาอยู่เลื่อนลงนอนบนเตียงแทน เพื่อที่เขาจะได้นอนกอดอีกฝ่ายได้อย่างถนัดมือมากขึ้น มือข้างเดียวกันนั้นเลื่อนลงตรงบั้นเอวของคทาอีกครั้ง หนนี้แค่สัมผัสเบาๆ ไม่ได้กดเค้นน้ำหนักอันใดลงไปอีก
“นวดให้แทบจะทุกวัน ไม่เคยรู้เลยว่ามีจุดอ่อนอยู่ตรงนี้”
“ตอนแรกก็ไม่รู้ มารู้ตอนหลังๆนี่แหละ”
“แล้วทำไมไม่บอก”
“นี่ขนาดไม่บอก แล้วเป็นไงล่ะ?” คทากระชากเสียงฉุน ก็ไม่ใช่เพราะรู้หรอกรึ ถึงได้เลยเถิดกันไปถึงขนาดนี้
“คทา” เจ้าของเสียงทุ้มนั้นหยุดคิดอยู่เป็นครู่ “เป็นตรีได้จริงๆหรือ”
คนถูกถามเป็นฝ่ายเงียบไปบ้าง ก่อนจะพลิกตัวนอนคว่ำหนุนแขนตัวเองหันหน้าไปทางตรี ดวงตากลมโตจ้องเขม็งไปยังอีกฝ่ายชนิดไม่วางตา
“ถ้าเป็นตรี และต้องเป็นตรีเท่านั้น” คทาว่า “คทาไม่ได้ชอบผู้ชาย... แบบนั้น”
ตรียิ้มกว้างขวางกับคำตอบอันหนักแน่นของอีกฝ่าย
“ตรีเองก็เถอะ ทำไมถึงต้องเป็นคทา” ดวงตาคู่นั้นยังจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา “นอกจากจะเป็นผู้ชายแล้ว คทาไม่ใช่คนน่าคบหา ตรีก็รู้ หน้าตานิ่งสนิทตลอด ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร คุยไม่เก่งเลยด้วย ทำไมถึงเลือกจะอยู่กับคทา”
“นั่นสินะ” ตรีรำพึงราวกับว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เขาเขยิบเข้าไปใกล้ๆคทาก่อนจะใช้แขนข้างหนึ่ง ดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับลูบเส้นผมที่อ่อนนุ่มนั้นอย่างเพลิดเพลิน “คทาเป็นคนน่ามอง ทั้งที่ดูไร้อารมณ์แบบนั้นแหละ แต่กลับดึงดูดใจบอกไม่ถูก”
“ว่าต่อไปสิ” เสียงงึมงำนั้นเตือนให้อีกฝ่ายพูดต่อ
“แล้วเมื่อเทียบกับคนอื่น ตรีก็ไม่ใช่คนคุยเก่งอะไรมากมาย ก็เลยยิ่งสังเกตเห็นคทาได้ง่าย ตอนที่ไปชวนคุย ก็ไม่คิดว่าคทาจะคุยกลับมาแถมยังยิ้มให้ด้วย ทุกวันนี้ยังจำรอยยิ้มของคทาได้อยู่เลย ก็เลยบอกตัวเองว่า อยากทำทุกอย่างให้คทายิ้มให้ได้เยอะที่สุด”
“อะไร คทาก็ยิ้มนะ” เสียงนั้นประท้วงขึ้น
“ไม่เยอะเท่าเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้คทามีชีวิตชีวามากกว่า หรือเป็นเพราะเราสนิทกันแล้ว อันนี้ไม่รู้”
“ก็คงอย่างนั้น”
“ถ้าคทาไปสนิทกับคนอื่น จะเป็นแบบนี้ไหม”
“ก็คงเป็น คทาคุยเก่งกว่าถ้าได้อยู่กับเพื่อนๆที่สนิทกัน”
“ห้ามสนิทมากกว่าตรีนะ” น้ำเสียงนั้นติดจะเหมือนเด็กขี้อิจฉายังไงพิกล
“ได้ยังไงล่ะ ก็พวกนั้นสนิทกับคทาก่อนเราเจอกัน”
“ไม่รู้ล่ะ สนิทได้ แต่ห้ามเกินกว่าตรี”
“เอ๊า... เอาแต่ใจจริง” คทาพ่นลมหายใจออกอย่างติดจะอ่อนใจ
“ไม่ได้สิ ไม่ยอมนะ” เสียงตรีเอาแต่ใจไม่ยอมลดรา
“เด็กน้อยเอ๊ย” คทาว่าติดตลก
แววตาตรีเป็นประกายก่อนจะกระซิบข้างหูเจ้าตัวเล็กว่า
“เด็กน้อยน่ะ เขาไม่ทำกันแบบเมื่อกี้หรอก”
“ไอ้บ้า!” ไวเท่าคำพูด คทาซัดผัวะลงบนต้นแขนขาวๆดังลั่นห้อง แม้จะไม่ได้เจ็บปวดอะไรมากมาย แต่ก็ทำเอาตรีร้องโอยออกมาได้เหมือนกัน
“เอาน่า... นอนเหอะ เวิ่นเว้อมากๆ เดี๋ยวมีพลาดพลั้งเสียทีกันอีก ทีนี้จะยาว” พูดเสร็จเหมือนจะรู้ ก่อนจะรีบเอาแขนแข็งแรงทั้งสองข้างรัดเจ้าตัวเล็กไม่ให้ออกฤทธิ์ออกเดชได้อีก คทาดิ้นขลุกขลักได้ไม่นานก็ยอมแพ้ ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแรงๆทีหนึ่ง แล้วก็นิ่งไป
“ตรี”
“หือ”
“อย่าเนียน”
“อะไรเล่า”
“...........”
“ง่วงแล้วนะคทา”
จนกระทั่งเหลืออด คทาจึงโพล่งออกมา
“ลุกไปเปลี่ยนกางเกง เลอะเทอะหมดแล้ว จะนอนได้ยังไง!”
วงแตกในที่สุด
----------------------- END -----------------------
เด็กผู้ชายมันเกรียนกันเบาๆค่ะคุณ อย่าลืมบอกเล่าเก้าสิบกันนิดนึงนะคะว่าคิดเห็นเป็นอย่างไร คนเขียนอยากรู้ค่ะ