ตอนพิเศษ Vega-3
ภารกิจของแม่ทัพเชมัลและเหล่าองครักษ์คือการกำจัดและปราบปรามการค้าผงฝุ่นลืมตน ซึ่งมีชนเผ่าทาคาเป็นผู้ค้าหลัก และย่อมแน่นอนว่ายังชนเผ่าอีกหลายชนเผ่าที่ให้การสนับสนุน ซึ่งต่างก็รู้ดีเป็นการภายในว่าชนเผ่าใดทำหน้าที่ใดในกระบวนการต่าง ๆ
แต่เป้าหมายหลักของแม่ทัพเชมัล และเหล่าองครักษ์ คือชนเผ่าทาคา
ตอนที่วางแผนการทำงาน พระราชาฟารัคมั่นพระทัย ว่าพระราชาไอโอตาทราบเรื่องผงฝุ่นลืมตนเป็นอย่างดี และเมื่อวิเคราะห์ในแบบผู้ปกครอง ด้วยระบบการปกครองแบบชนเผ่าของเมืองเวกา จะทำให้ทรงเลี่ยงการเผชิญหน้าและจะไม่ปราบปรามผู้ที่เอื้อประโยชน์ให้กับผู้อื่น ต่อให้เป็นผู้ที่มิได้ลงแรงแต่ได้รับผลประโยชน์แบบกินเปล่า ด้วยหากเกิดปัญหาขึ้น บรรดาชนเผ่ากินเปล่าเหล่านี้จะกลายมาเป็นโล่ปกป้องผู้ที่ลงแรง
ต้องจัดสรรปันส่วนผลประโยชน์อย่างไร ให้ทุกคนรู้สึกว่า นั่นคือรางวัลที่เหมาะสมแล้ว
แม่ทัพเชมัลเตรียมพร้อมสำหรับกับดักที่จะรุมล้อม แต่หลังจากที่เผชิญกับการต้านทานจากพายุหิมะ และบรรดาภูติมากมายที่ถูกส่งเข้ามารบกวนอย่างต่อเนื่อง แม่ทัพเชมัลก็ใช้การปราบปรามกลับไปอย่างรุนแรงเพิ่มขึ้นเช่นกัน
แต่การตอบโต้อย่างรุนแรง กลับทำให้แม่ทัพเชมัลยิ่งเคร่งเครียดมากกว่าเดิม
เช้าวันถัดมา หลังจากที่พ้นออกมาจากถ้ำน้ำแข็ง แม่ทัพเชมัลประกาศแผนการใหม่
"เกิดอันใดขึ้น" องครักษ์แซนถาม
"อาเม่ยข้ามมาเวกาแล้ว" แม่ทัพตอบ "ดูท่าจะไปที่เมืองหลวง"
"มีอันใดที่เมืองหลวง" องครักษ์ซันถามขึ้น
"ดาริมอยู่ที่นั่น" แม่ทัพเชมัลสั่งการ แล้วหันไปสั่งองครักษ์มาจิดเตรียมพร้อม
จากนั้นผู้ใช้เวทย์ของเวกา ก็ไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของแม่ทัพเชมัลได้อีก
หิมะตกเบาบางลงเรื่อย ๆ อากาศยังหนาวเย็น 2 พี่น้องเดินทางเข้าสู่เขตป่าทึบ ต้นไม้สูงใหญ่ สัตว์หลายชนิดใช้เป็นที่หลบซ่อนจากสภาพอากาศที่ผิดปกติ
นี่คือเส้นทางที่จะนำไปสู่เมืองหลวง
ด้วยพลังเวทย์ที่มีอยู่ ประกอบกับเจตนาจากอีกฝ่าย ทำให้อาเม่ยรับรู้ได้จากระยะไกล ว่าในที่ข้างหน้ามีผู้ที่มีพลังเวทย์สายน้ำ ซึ่งจากการคาดเดา ก็คิดว่าผู้ที่รออยู่อาจเป็นองครักษ์แซนที่รออยู่ตามคำสั่งของแม่ทัพเชมัล
แต่เมื่อมาถึง จึงพบว่าคนที่รออยู่เบื้องหน้ามิได้มีเพียงคนเดียว และมิใช่องครักษ์แซน
แต่คือองครักษ์มาจิดและอีกคนหนึ่งที่ทำให้อาเม่ยพุ่งตัวเข้าหาแล้วกระโดดกอดไว้แน่น!
"คิดถึงท่านพี่ยิ่งนัก"
"พี่ก็คิดถึงน้อง"
อ้อมแขนใหญ่กอดรัดมอบไออุ่นตั้งแต่ผิวกายจนถึงหัวใจ ปลายจมูกที่กดลงแก้มใส ริมฝีปากที่กดลงที่ต้นคอกำลังกล่าวคำนับพันที่บอกถึงความรัก ความคิดถึงและความเป็นห่วง
ด้วยลมหายใจที่ยังคงอยู่ ก็เพียงเพื่อรักคนผู้นี้ มีชีวิตเพื่อคนนี้เท่านั้น
"พระราชามีองครักษ์และนักเวทย์อยู่ในมือหลายสิบคน กลับให้น้องลำบากเดินทางไกล"
"ไม่เลย" อาเม่ยตอบทั้งกอดอีกคนไว้แน่น "น้องยินดี อยากพบท่านเหลือเกิน"
ต้าซันที่เดินยิ้มตามหลังมา กวักมือชักชวนองครักษ์มาจิดไปหาที่นั่งพัก ก่อกองไฟ ต้มน้ำชาเสร็จแล้วจึงค่อยหันมาเรียกอีก 2 คนให้มาดื่มน้ำชาแล้วค่อยพูดคุยกันต่อไป
"ท่านพี่ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือ"
"แบบใด"
"แบบที่แฝงตนเองไว้ที่มาจิดน่ะ"
"ทำได้สิ"
"แล้วแฝงไว้กับคนอื่นได้หรือไม่"
"ได้สิ"
"เหตุใดน้องเพิ่งรู้"
"ก็ค่อย ๆ รู้ไป เราต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน หากรู้หมดในคราวเดียวกันจะก็ปราศจากคำถาม ปราศจากคำถามก็ไม่สนุกแล้ว"
"ท่านคิดว่าน้องจะหมดคำถามได้ง่าย ๆ เช่นนั้นหรือ"
"อ่า.....นั่นสินะ"
แม่ทัพเชมัลตอบแล้วหัวเราะเสียงดัง มีความสุขเสียจนองครักษ์มาจิดหันไปกล่าวกับต้าซันว่าตั้งแต่ออกเดินทางมาจากเมืองวัน เพิ่งได้ยินแม่ทัพหัวเราะเสียงดังและมีท่าทีผ่อนคลายถึงเพียงนี้
กว่าที่จะถามไถ่ธุระการงานว่าเดินทางมาด้วยเหตุใด เวลาก็ล่วงเลยไปนานนับชั่วยาม
เรื่องราวจริงจังตึงเครียดเกี่ยวพันถึงชีวิตขององค์ชายน้อย และความสงบสุขของประชาชนตั้งแต่เมืองเหนือไปจนถึงเมืองวัน แต่เพราะอาเม่ยคือลูกไฟ และมีองครักษ์มาจิดเป็นสายน้ำ แม่ทัพเชมัลจึงต้องเล่าเรื่องราวด้วยท่าทีผ่อนคลายสลับกล่าวคำหยอกล้อกับอาเม่ยไปเรื่อย
ต้าซันยังสงสัย....หากเรื่องราวมิได้ตึงเครียด อย่างที่แม่ทัพบอก ทั้งหมดคงมิต้องเดินทางมาถึงเมืองเวกา
แต่เมื่อแม่ทัพเชมัลมิได้กังวล ทั้งอาเม่ยก็มีความสุขอย่างยิ่ง
หรือที่เราเคร่งเครียดจริงจังจะเป็นการคิดเกินเลยไปเอง...
แม้ชนเผ่าทาคา จะตกเป็น 1 ในผู้ต้องสงสัยว่าจะลักพาตัวองค์ชายน้อย เพื่อหวังข่มขู่ หากแต่เมื่อพิจารณาในมุมของฝ่ายปกครอง จะพบว่า องค์ชายน้อยคือรัชทายาทลำดับที่ 4 ของเมืองวันในทางนิตินัย
ข้อนี้มีแต่เพียงผู้ที่รู้จักพระทัยของพระราชาฟารัคเป็นอย่างดีจึงจะเข้าใจ
หากบัลลังก์เมืองวันไม่ตกอยู่กับเจ้าชายฮัมซา ก็ย่อมตกอยู่กับองค์ชายน้อยผู้นี้
ไม่มีทางผิดไปจากนี้!
ไม่มีทางตกไปถึงองค์ชายผู้ถือกำหนดจากสนมใหม่ 2 พระองค์อย่างเด็ดขาด
ดังนั้น ผู้ที่กล้าลักพาตัวองค์ชายน้อยจึงย่อมยิ่งใหญ่กว่าชนเผ่าทาคา ทั้งมีจิตใจที่กล้าหาญอย่างยิ่ง เพราะหากสามารถต่อรองได้คืออำนาจที่เพิ่มพูน แต่หากพ่ายแพ้คงไม่แคล้วต้องเหมือนกับเมืองเหนือ!
ใจของแม่ทัพเชมัลที่จดจ่ออยู่กับการจัดการเรื่องผงฝุ่นลืมตนที่หมู่บ้านทั้ง 4 ก็เป็นอีกแรงกดดันหนึ่งที่ทำให้ศัตรูพาองค์ชายน้อยไปไว้ที่เมืองหลวง เพื่อหวังให้แม่ทัพเปลี่ยนเส้นทาง
มิคาดพระราชาฟารัคกลับส่งอาเม่ยไปเมืองหลวง
แม่ทัพเชมัลสั่งการทั้งที่ยังไม่คลายกอดอาเม่ย "ทั้ง 3 คนเดินทางไปด้วยกัน อีก 7 วันข้างหน้าพี่จะตามไปสมทบ"
อาเม่ยมองหน้าแม่ทัพเชมัล แล้วหันไปมองรอบตัว จากนั้นก็มองท้องฟ้า
ด้วยสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศเช่นนี้ แม่ทัพเชมัลจะใช้เวลาเพียง 7 วันในการเดินทางไปจัดการกับหมู่บ้านที่เป็นที่มาของผงฝุ่นลืมตน จากนั้นก็จะเดินทางต่อไปเมืองหลวง
อย่าลืมว่าที่นี่มิใช่เมืองวัน หรือเมืองเหนือ นอกจากจะเป็นเส้นทางที่ไม่มีความคุ้นเคย ยังเป็นการเดินทางอยู่ท่ามกลางศัตรูที่ต้องการปกป้องการค้าที่ผิดกฎหมาย ทั้งพายุหิมะที่เกิดขึ้นอย่างมิรู้หยุดพักนี่อีก!
แม่ทัพเชมัลทราบว่าอาเม่ยมีคำถาม ทั้งต้าซันและองครักษ์มาจิดก็มีคำถาม แต่ทั้ง 3 คนกลับไม่มีผู้ใดถามออกมา
"หากไม่มีคำถาม พวกเจ้าพักผ่อนที่นี่ รอพรุ่งนี้เช้าก็เดินทางต่อ"
"ท่านพี่จะออกเดินทางเลยหรือ" อาเม่ยมีสีหน้าผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดเจน
"พวกรอมรออยู่" มือใหญ่ลูบผมสวยที่ถูกมัดเปียไว้ "อีก 7 วันก็ได้พบกันแล้ว"
อาเม่ยพยักหน้า แล้วลุกขึ้นยืน ยื่นมือให้อีกคนจับไว้แล้วลุกขึ้นตาม
"น้องเดินไปส่ง"
เดินเคียงข้างกันจนกระทั่งพ้นจากสายตาของต้าซันและองครักษ์มาจิด แม่ทัพเชมัลก็ดึงมือน้องให้ตามไปที่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ แล้วกอดรัดด้วยความคิดถึง..
เวลาผ่านไปนับชั่วยามอาเม่ยจึงเดินกลับมา แม้ดวงตาแดงดั่งเพิ่งร้องไห้มา แต่แก้มสีแดงจัด ริมฝีปากเจ่อ โดยเฉพาะการที่พยายามปรับสีหน้าดั่งว่าเดินไปส่งแม่ทัพเชมัลในช่วงเวลาเพียงอึดใจ ทำให้ต้าซันยิ้มกว้างเมื่อส่งชามไม้ที่มีน้ำแกงข้นให้ดื่ม
"ทางที่พวกเราจะไปมีหิมะหนักอยู่เพียงช่วงเดียว ผ่านจากนั้นไปถึงเมืองหลวงก็เหลือเพียงระวังพวกภูติเพียงอย่างเดียวแล้ว" องครักษ์มาจิด กล่าวขึ้นขณะที่อยู่กับอาเม่ยตามลำพัง และให้ต้าซันนอนไปก่อน
"พี่ใหญ่เข้ากันได้ดีกับพวกภูติ ดีอย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว" คนตาสีแปลกกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วย้อนถาม "ห่วงดาริมไหม"
องครักษ์มาจิดยอมรับ "แต่เพราะเขาเป็นบุคคลที่จะถูกนำมาใช้ต่อรองก็คิดว่า ไม่น่าจะเป็นอันตรายใด ๆ"
อาเม่ยเดาะลิ้น "เจ้ามันเย็นจัดเช่นนี้นี่เอง ท่านพี่ถึงได้ส่งให้มาอยู่กับข้า"
องครักษ์มาจิดเลิกคิ้วสูงจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังจนต้าซันพลิกตัวหันมามอง องครักษ์คนใหม่ ที่ยังพ่วงด้วยตำแหน่งพระญาติ ก็พริ้วพอตัว รีบเปลี่ยนเรื่องมาถามต้าซันเรื่องที่ต้าซันมีความเป็นมิตรกับภูติเมืองเวกา
"คงเพราะเราเจอแต่ภูติฝ่ายดีกระมัง" ต้าซันนอนกระดิกเท้าพูดคุย "ไม่เคยเจอที่แบบจะเข้ามาถล่มถ้ำอย่างที่เจ้าเล่าให้ฟังเลยสักครั้ง"
คุณชายมาจิดทำหน้าพิกล "พวกเราเจอตลอดทาง ผ่านไปหลายเดือนถึงได้ไม่ไปถึงไหน" องครักษ์น้ำเย็นส่ายหน้าเหนื่อยใจ "บางครายังอดสงสัยมิได้ว่า พวกเราจะเสียท่าฆ่ากันเองเพราะภูติพวกนี้ หรือเพราะแม่ทัพโมโหจนระงับอารมณ์ไม่อยู่"
...จบตอบที่ 3...