Special Part : Late Valentine's Day.
Valentine’s Day
เอกสารที่วางกองเต็มโต๊ะทำให้ณัฐวีร์มองอย่างไม่รู้จะหยิบเอางานไหนขึ้นมาก่อนดี การทำงานอยู่คนเดียวเป็นเวลาเกือบสองอาทิตย์ ทำให้งานของอีกคนเทมาที่เขาแบบหมดหน้าตัก นี่ยังเหลือเวลาที่ต้องทำงานของฝ่ายนั้นอีกตั้ง 4 วัน ณัฐวีร์ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะน็อคไปก่อนหรือเปล่า
พี่แมนเดินทางไปสิงคโปร์ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม ที่นั่นโรงแรมในเครือกำลังจะเปิดดำเนินการ ทำให้ผู้บริหารระดับสูงทั้งคุณมนธิชาที่เป็นประธานบริษัท และรองประธานบริษัทต้องบินไปเปิดงานในวันนี้ ส่วนผู้จัดการทั่วไปอย่างคุณมกร ต้องเดินทางไปประสานงานที่นั่นตั้งแต่ก่อนเปิดงาน และตรวจสอบความเรียบร้อยหลังเปิดงาน
ดังนั้น ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปอย่างณัฐวีร์ จึงต้องมานั่งรับงานของผู้จัดการทั่วไปทำเองทั้งหมด แต่ด้วยความที่ยังมือใหม่ จึงอาจจะตัดสินใจช้า หรือยังไม่รู้เทคนิคในการทำงานดีพอ งานที่ได้รับต่อมาจึงดำเนินไปอย่างล่าช้า ขนาดว่าเพิ่มเวลาทำงาน แบกกลับไปทำบ้าน งานเหล่านั้นก็ยังไม่ลดน้อยลง มีเข้ามาให้ปวดหัวได้ทุกวัน
ณัฐวีร์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มรวดเดียวก่อนจะหยิบงานชิ้นบนสุดที่ปะหน้าว่าด่วนมาทำก่อน
เวลาเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงพลิกหน้ากระดาษไปมา เสียงกดเครื่องคอมพิวเตอร์ และเสียงเครื่องคิดเลขฟีดกระดาษ กลายเป็นเสียงที่ทำลายความเงียบของห้องทำงานที่มีโต๊ะสองตัวแต่นั่งทำงานอยู่คนเดียว
แม้จะเปิดประตูห้องทำงานไว้ และอีกห้องก็เปิดประตูไว้เพื่อจะได้มองเห็นกัน แต่ชั้นนี้ทั้งชั้น..เหลือเขานั่งทำงานอยู่คนเดียว.. อ้อ มีแม่บ้านอีกคน กับบางทีก็มีเลขาเดินเอางานมาให้บ้าง มาเอางานไปบ้าง ถือว่าเงียบและทำให้เขามีสมาธิดี เพราะถ้าเขาอยากได้อะไรแค่ยกหูโทรศัพท์กริ้งเดียวก็ได้แล้ว
“เฮ้อ....”
เสียงถอนหายใจยืดยาวที่ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่เพียงลำพังถึงกับสะดุ้ง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู แต่กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้น
“ใครน่ะ?..” ความเงียบคือคำตอบทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่นขึ้นทันที “ถามว่าใคร?!”
“เสียงแข็งจังครับท่านรอง”
คำพูดนั้นดังขึ้นพร้อมกับช่อดอกไม้ใหญ่ช่อโตโผล่พรวดเข้ามาในกรอบประตู แล้วชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวออกมาเอาช่อดอกไม้นั่นบังตั้งแต่ส่วนใบหน้าไปจนถึงไหล่กว้างและช่วงอก
“ก็เล่นมาเงียบๆ นี่ครับ..” ณัฐวีร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ “นี่จะซื้อมาให้สาวที่ไหนครับพี่แชร์”
“เปล่าเลย..” คนพูดลดดอกไม้ลงโดยระวังไม่ให้ยอดของมันไปเกี่ยวกรอบประตูหัก “อันนี้ของนัทแหละ..”
“เอ๋..ของนัทเหรอ?” เจ้าของช่อดอกไม้รีบกุลีกุจอลุกมารับดอกไม้ไปทันที “ช่อใหญ่มากเลยพี่ไม่น่าต้องเสียตังค์...”
“อ่านการ์ดด้วยนะ..” แชร์พยักพเยิดไปยังการ์ดที่ถูกผูกติดอยู่กับช่อทำให้ณัฐวีร์ต้องวางช่อดอกไม้ลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่ ..ก็โต๊ะของมกรนั่นแหละ
ณัฐวีร์คลี่การ์ดมาอ่านแล้วถึงได้ยิ้มออกอีกรอบ..
“เอาล่ะ อ่านการ์ดแล้วคราวนี้ก็ไปทานข้าวกลางวันกับพี่ได้แล้ว อย่าอ่านนาน พี่หิว..”
ณัฐวีร์หันกลับมาย่นจมูกให้พร้อมกับเสียงหัวเราะ มือขาวปลดเอาการ์ดออกจากตัวช่อแล้วบอกขอตัวเรียกแม่บ้านมาเอาดอกไม้ไปจัดใส่แจกัน เขาเปิดลิ้นชักพร้อมกับหยิบสมุดเล่มหนึ่งออกมาแล้วสอดการ์ดเข้าไว้ในนั้น
มื้ออาหารกลางวันเป็นร้านอาหารใกล้ตึกที่ทำงาน มีเมนูคู่รักซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับวันแห่งความรักนี้ด้วย แต่เพราะมากันสองคน ผู้ชายทั้งคู่ สองหนุ่มจึงเลือกเอาอาหารง่ายๆไม่ใช่เมนูพิเศษนั้น
“เสียดาย อยากกินข้าวห่อไข่วาดหัวใจสองดวง” แชร์เอ่ยบอกขณะเก็บเงินทอนเข้ากระเป๋า
“พี่ก็สั่งกลับไปทานที่บ้านสิครับ” ณัฐวีร์หัวเราะเบาๆ “ขอบคุณนะครับพี่แชร์ วันนี้อร่อยมากเลย ดอกไม้ก็หอมมาก ขึ้นไปกลิ่นคงอวลเต็มห้อง”
“หวังว่าดอกไม้จะยังอยู่ถึงวันที่ไอ้แมนมันกลับมานะ มันจะได้เห็นว่าพี่น่ะทำคะแนนไปมากขนาดไหน”
คนฟังถึงกับหน้าแดงไปเลยทีเดียว “คะนงคะแนนอะไรกันครับ..พี่ก็พูดไปเรื่อย ไปทำงานกันดีกว่าครับ เจ้าของบริษัทมานั่งเล่นอยู่แบบนี้เดี๋ยวงานก็ไม่เดินหรอกครับ”
“บริษัทเล็กๆไหนเลยจะเทียบเท่ากลุ่มบริษัทของไอ้แมนมัน”
“โธ่ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ...บริษัทตัวเองสร้างมากับมือ รายได้หลักร้อยล้าน ไม่ใช่ง่ายๆนะครับพี่แชร์”
ทั้งคู่เดินคุยเรื่องงานและเรื่องสัพเพเหระกันไปขณะกลับมายังออฟฟิศ และณัฐวีร์ยังเดินไปส่งแชร์ที่รถด้วย
“วันนี้ขอบคุณที่ไปทานข้าวกับพี่นะ”
“พี่แชร์นั่นแหละครับ อุตส่าห์ฝ่ารถติดมาถึงนี่..ขอบคุณนะครับ”
และโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว แชร์ก็ดึงเอาร่างเล็กกว่าเข้ามากอดไว้พร้อมกับลูบแผ่นหลังนั้นเบาๆ
“ผอมจังเรา อย่าลืมทานข้าวให้ตรงเวลาด้วย ไอ้แมนกลับมาเมื่อไหร่พี่จะด่ามันหนักๆโทษฐานให้น้องทำงานคนเดียว”
คนถูกกอดยิ้มแล้วค่อยๆถอยตัวออกมา “งานนี่ครับ ยังไงก็ต้องทำ รับรองน่านัทไม่ลืมทานข้าวแน่ๆ”
“อ้อ..เกือบลืม พี่ยังมีอีกอย่างให้นัท” แชร์ปล่อยมือออกจากร่างนั้นแล้วตรงไปเปิดประตูรถด้านข้างคนขับหยิบเอากล่องของขวัญกล่องหนึ่งออกมา “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ”
ชายหนุ่มยื่นมือไปรับไว้ “ขอบคุณครับ ไม่น่าต้องลำบากเลย”
“ไม่หรอกน่านิดหน่อยเอง บริษัทพี่หลักร้อยล้านเลยนะ..” คนพูดหัวเราะอย่างอารมณ์ดีทำให้ณัฐวีร์พาลหัวเราะตามไปด้วย
คำลาถูกเอ่ยออกมา ณัฐวีร์ยืนส่งรถคันนั้นจนลับตาแล้วถือกล่องของขวัญขึ้นมายังห้องทำงาน ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก กลิ่นหอมจางๆของดอกไม้ก็อวลเข้าจมูก.. ดอกกุหลาบสีขาวช่อโตถูกจัดเข้าใส่แจกันแล้วแน่ๆ
ณัฐวีร์เดินฮัมเพลงกลับมาที่โต๊ะทำงาน เขาวางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะที่กองเอกสารไว้เต็มไปหมดแล้วจึงปรายตามองกุหลาบขาวในแจกันสวยที่ถูกนำไปวางประดับไว้ที่มุมหนึ่งของห้อง ชายหนุ่มย่นจมูกใส่มัน แต่ยังคงฮัมเพลงในคอขณะที่มือขาวปลดเอาโบว์ของกล่องออก
เมื่อเปิดฝากล่องที่ได้มาจากพี่แชร์ ก็จะพบดอกกุหลาบสีชมพูอยู่ในนั้น หนึ่งดอกถ้วน ..เป็นอย่างนี้ทุกปี
การ์ดง่ายๆที่พี่แชร์เขียนด้วยลายมือตัวเองก็มักจะบอกว่า “จะรักและดูแลกันตลอดไป”
ณัฐวีร์ยิ้มให้กับมุกเดิมๆ ของผู้ชายคนนี้ เขาปิดฝากล่องแล้วบรรจงผูกโบว์ไว้แบบเดิม เอากล่องนั้นวางแอบไว้ข้างๆโต๊ะทำงานไม่ให้เอกสารหรืออะไรไปโดน เดี๋ยวตอนเย็นก็ค่อยเอากลับไปที่คอนโด
แล้วชายหนุ่มก็เปิดลิ้นชักเอาสมุดที่เสียบการ์ดไว้ออกมา ดึงการ์ดใบล่าสุดที่ได้รับมาเปิดอ่าน
การ์ดนั้นข้างในเป็นรูปถ่ายที่อัดมาแล้วนำมาแปะใส่การ์ด เพราะคนเขียนตัวจริงคงส่งลายมือจริงๆ มาไม่ได้..
“ทานข้าวทานยาพักผ่อนเยอะๆ แล้วเดี๋ยวกลับไปจะเอาช็อคโกแลตไปฝาก..แมน”
ลายมือประหลาดๆ ตวัดไปมาอ่านยากเพราะคนเขียนรีบร้อนและเอาแต่ใจ ทำให้ณัฐวีร์อมยิ้มและอ่านมันอยู่สองรอบก่อนจะพับเก็บใส่สมุดไว้
สมุดเล่มนั้นมักอยู่ในลิ้นชักนี้เสมอ.. เป็นสมุดที่ใครคนหนึ่งมอบให้พร้อมกับคำบอกที่ว่า “ช่วยรับมันไว้ด้วย.. เอาไว้เก็บทุกอย่างของพี่..แล้ววันหนึ่งพี่จะกลับมาถามนัทอีกที.. ว่านัทจะสามารถรับความรู้สึกทั้งหมดของพี่ไว้ได้หรือไม่”
และตั้งแต่นั้น ทุกอย่างก็ถูกรวบรวมไว้ในสมุดเล่มนี้..
ณัฐวีร์เก็บสมุดลงลิ้นชัก สูดลมหายใจเอากลิ่นกุหลาบเข้าไปลึกๆแล้วก็ลากเอางานมานั่งทำด้วยรอยยิ้ม..
ไว้นัทจะรอช็อคโกแลตหลังวาเลนไทน์นะครับ...พี่แมน
เลทวาเลนไทน์ไปนิดนึงเอง...
End.