-5-
-แม็กม่า-
“นี่อะไรครับ?” ผมเอ่ยถาม เมื่อคุณอิฐยื่นเอกสารหลายใบมาตรงหน้าและผมหยิบขึ้นมาอ่านด้วยความงุนงง
“สัญญาจ้าง” คำตอบเรียบๆ นั้นทำให้ผมตาโต นึกสงสัยว่าแค่จะ “เป็นชู้” กันนี่ต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรเลยเหรอ เว่อร์ไปไหมลุง!
“วันนี้ฉันลางานให้เธอแล้ว ทันทีที่เธอเซ็นชื่อลงไปฉันจะพาเธอไปเลือกรถ ชอบคันไหนฉันจะซื้อให้เอากุญแจไปขับได้ทันที จากนั้นเราก็ไปเดินดูบ้านหรือคอนโดสวยๆ ถ้าเธอตัดสินใจเร็วพรุ่งนี้จะส่งรถไปช่วยย้ายของ พร้อมเซ็นเช็คเงินสดให้ห้าแสนเป็นมัดจำล่วงหน้า หลังเสร็จงานแล้วฉันจะโอนบ้าน โอนรถให้ เธอไม่ต้องกลัวฉันจะโกงหรอกนะ เรามีสัญญาจ้างอยู่” ข้อเสนอสุดคุ้มทำให้ผมไม่มีเสียงคัดค้าน แต่กวาดตาอ่านสัญญาจ้างนั่นอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อความเป็นธรรม
หนังสือสัญญาจ้างแรงงาน
หนังสือสัญญานี้ทำขึ้นระหว่างนาย อิทธิพล อิทธิฤทธิ์ (ต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “นายจ้าง”) กับ
นาย ธมล ใจหวังมีสุข (ต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า"ลูกจ้าง")
1.นายจ้างตกลงจ้างและลูกจ้างตกลงรับจ้างเพื่อทำงานในตำแหน่งหน้าที่ต่อไปนี้คือ
ตำแหน่ง แม่บ้าน หน้าที่หลัก ทำงานบ้าน หรือตามที่นายจ้างจะเห็นสมควร อัตราเงินเดือน 200,000 บาท (สองแสนบาทถ้วน) มีกำหนดเวลา 1 ปี 6 เดือน เริ่มต้นวันที่............... ถึง...................
2. ในระหว่างการจ้างตามสัญญานี้ ลูกจ้างมีสิทธิที่จะได้รับ ที่พักอาศัยโดยนายจ้างเป็นผู้จัดหาให้ รถยนต์ประจำตำแหน่ง ประกันชีวิต การรักษาพยาบาลโดยแพทย์ของนายจ้าง เมื่อสิ้นสุดการจ้างงานจะยกทรัพย์สินนั้นให้แก่ลูกจ้างทันที พร้อมเช็คเงินสดสามล้านบาทถ้วน
3. ลูกจ้างจะต้องปฏิบัติตามกฎข้อบังคับของนายจ้างโดยเคร่งครัด และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความซื่อสัตย์ และขยันหมั่นเพียร โดยปฏิบัติตามคำสั่งหรือข้อบังคับใด ๆ ของนายจ้าง ณ สถานที่ทำงานของตน
4. ในกรณีที่ลูกจ้างมีความจำเป็นที่จะออกจากงานนี้เนื่องมาจากความจำเป็นส่วนตัวก่อนครบสัญญาจะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้รับอนุมัติจากนายจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากการทำงานให้แก่นายจ้างแล้ว ลูกจ้างไม่มีสิทธิไปทำงานให้กับผู้อื่นอีกไม่ว่าจะเป็นการทำงานในวันหยุดหรือนอกเวลาการทำงานปกติก็ตาม
หากไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ลูกจ้างยินดีคืนทรัพย์สินทั้งหมดของนายจ้าง และชดใช้ค่าเสียหายให้นายจ้างเป็นค่าปรับสามล้านบาท
ลงชื่อ………………………………………….นายจ้าง ลงชื่อ…………………………………………ลูกจ้าง
(อิทธิพล อิทธิฤทธิ์ ) (ธมล ใจหวังมีสุข)
(ชื่อและนามสกุลสมมุตินะจ๊ะ ไม่มีตัวตนอยู่จริง)
“นี่คุณ!! สัญญาโคตรจะไม่เป็นธรรมเลย” ผมโวยวายเมื่ออ่านเนื้อหาจนครบ
“ตรงไหนล่ะ?” เขาถาม ทำทองไม่รู้ร้อน
“ย่อหน้าสุดท้ายน่ะ”
“ก็อย่ายกเลิกสัญญาสิ แค่ปีครึ่งเอง” เขาตอบทันทีโดยไม่ต้องหยิบสัญญามาอ่านเสียด้วยซ้ำพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนผมมุ่นคิ้วคิดหนักพยายามอ่านสัญญานั่นซ้ำๆ ไปมา มันเหมือนสัญญาที่เอาเปรียบมากๆ แต่ใจหนึ่งก็คิดนะว่าเขาก็น่าจะรู้ว่าผมไม่มีเงินจ่ายค่าปรับมากมายขนาดนั้นอยู่แล้ว ตัวเขาเองก็รวยด้วย เขาคงไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง แล้วถ้าหากค่าจ้างจะได้ตั้งเดือนละสองแสนน่ะ ผมคงอยากทำงานมากกว่าปีครึ่งซะด้วยซ้ำนะเนี่ย เรื่องอะไรจะอยากยกเลิกสัญญา! เอ๊ะ! แต่ถ้าอีตาลุงนี่เป็นพวก sm ซาดิสม์วิตถารทำร้ายคู่นอนขึ้นมาล่ะ! รู้หน้าไม่รู้ใจนะ! ผมเหลือบตาขึ้นพินิจพิจารณาอย่างหวาดหวั่น
“ตัดสินใจเร็วๆ นะ เดี๋ยวโชว์รูมรถจะปิดซะก่อน” เขาเอ่ยแซวเสียงกลั้วหัวเราะจนผมชะงักความคิดที่ลังเลนั้น คงไม่หรอกน่า เขาคงไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น... คิดแล้วยกปากกาเซ็นแกร็กลงไปที่สัญญาที่มีเนื้อหาเหมือนกันทั้งสองชุดนั่นปลงๆ แต่เอกสารไม่หมดแค่นั้นมันยังมีอีกหลายใบด้านล่าง
“หนังสือยินยอมให้ผ่าตัด หือ?” ผมอ่านแล้วเงยหน้าเลิกคิ้วสูง
“เราสองคนไม่ได้เป็นญาติกัน ถ้าเผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่อันตรายมากแล้วเธอไม่มีสติจะเซ็นยินยอม เธอจะได้รับการผ่าตัดทันทีโดยไม่ต้องรอใครไง” ผมพยักหน้าเออออ อดทึ่งในความรอบคอบของเขาไม่ได้ ผมเซ็นชื่อลงในใบยินยอมนั่นถึงสามใบทีเดียว หลังจากนั้นก็เป็นเอกสารประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันเกือบห้าล้านบาท ผมเลือกใส่ชื่อน้องชายเป็นผู้รับเงินในกรณีที่ผมเสียชีวิตแทนที่จะเป็นชื่อพ่อ!
หลังจากผมเซ็นชื่อตัวเองลงในกระดาษแผ่นล่างสุดของสัญญาทาสของเรา คุณอิฐรีบกระชากเอกสารเหล่านั้นออกจากมือผมอย่างรวดเร็วว่องไวราวกับกลัวผมจะเปลี่ยนใจ ผมถอนใจเฮือก สีหน้ามีแววกังวลกับการตัดสินใจที่โคตรระห่ำของตัวเอง แต่แล้วมันก็หายไปในทันทีที่เขายื่นเช็คเงินสดงวดแรกมาให้...
ตอนเย็นหลังจากเลิกงาน ผมกลับมาตอกบัตรที่บริษัททั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานเลยทั้งวัน ผมบรรจงเก็บของส่วนตัวที่โต๊ะทำงานใส่กล่องให้ครบทุกชิ้น แม้คุณอิฐจะบอกว่าค่อยมาเก็บวันหลังก็ได้แต่ผมก็ไม่อยากทำอย่างนั้น ผมไม่อยากตอบคำถามคนอื่นๆ ว่าทำไมผมถึงลาออก คงรู้สึกไม่ดีหมดนั่นแหละไม่ว่าจะบอกความจริงหรือโกหก ผมว่าจากไปเฉยๆ ให้คนคาดเดาเอาเองน่าจะดีกว่า...
คุณอิฐจอดรถรออยู่ข้างล่าง เมื่อผมยัดของเข้าไปที่เบาะหลังรถและตัวเองขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับนั่น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร รอจนผมปิดประตูก็ออกรถ พอไม่มีธุระอะไรเขาก็เป็นคนเงียบไม่ค่อยชวนคุย จนกระทั่งเราถึงถึงหอพักของผม
“ฉันลืมถามเลยว่าเธอมีคนรักอยู่แล้วหรือเปล่า...” ผมเหล่ตามองเขา เขาเพิ่งนึกถึงเรื่องสำคัญออกเอาตอนนี้เหรอ?
“ก็เกือบจะมีมั้งครับ ถ้าหากท่านประธานไม่แสดงทีท่าว่าสนใจผมจนคนอื่นหัวหดไปซะก่อน” ผมประชด
“หึหึ แสดงว่าเป็นโชคดีของฉันสินะที่ออกตัวเร็ว” เขาบอกด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ซึ่งผมไม่ค่อยขำ
“เอาล่ะ ที่ผ่านมาเธอจะมีแฟนหรือไม่ฉันไม่สน แต่ตอนนี้เธอมีคนรักใหม่แล้ว ถ้ามีคนถาม ฉันแนะนำว่าเธอควรจะบอกว่าฉันมาจีบเธอ แล้วก็เป็นพ่อบุญทุ่มให้นั่นให้นี่ แล้วเธอก็ชอบฉันมาก โดยที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงสัญญาจ้างระหว่างเรา ห้ามบอกเรื่องสัญญานั่นกับคนทุกๆ คนบนโลกใบนี้ไม่งั้นฉันจะถือว่าเธอผิดสัญญาตามข้อที่สามและจะต้องชดใช้ให้ฉันตามสัญญา” เขาบอกผมด้วยใบหน้ายิ้มๆ ทั้งๆ ที่เนื้อหาของมันคือคำขู่ชัดๆ ผมชักสีหน้าเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองคิดผิดยังไงก็ไม่รู้
สองสามวันต่อมาผมก็ย้ายที่พักไปยังบ้านเดี่ยวในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง มันไม่ได้หรูหราอะไรนักหรอก เป็นแค่บ้านเล็กๆ ที่ดูอบอุ่น รถเก๋งใหม่เอี่ยมจอดรอผมอยู่แล้วในรั้วบ้าน ตั้งแต่ไปเลือกรถตอนนั้นผมก็ได้มาแค่กุญแจเพราะผมขับรถไม่เป็น แต่ไม่ต้องห่วงผมกำลังจะไปเรียนอาทิตย์หน้านี่แหละ
ในระหว่างที่ผมว่างงานจัดผมก็แวะเวียนไปหาซูกัส ถึงคุณอิฐจะไม่กำชับเรื่องที่ห้ามบอกใคร ผมก็คงไม่เล่าเรื่องโง่เง่าที่สุดในชีวิตให้มันฟังหรอก ผมไม่อยากให้มันคิดมาก ยิ่งตอนนี้มันกำลังท้องแก่อยู่ด้วย ผมบอกแค่ว่าผมสบายดี รับสมอ้างไปว่าความรักกับแฟนคนล่าสุดไปได้สวย ถึงยังไงมันก็ไม่รู้หรอกว่าคนที่แล้วกับคนล่าสุดน่ะคนละคนกัน
ช่วงนี้มันกินแก่งมาก ดูแลอ้วนท้วนขึ้น และก็ดูมีความสุขดี
ใช่สิ! มันมีคนรักที่แสนดี แถมกำลังจะมีลูกอีก แล้วผมล่ะ? ผมกำลังแลกหนึ่งปีครึ่งกับเรื่องไม่ดีเพื่อเศษเสี้ยวในสิ่งที่มันมี ซึ่งไม่รู้เลยว่าจะให้ความสุขกับตัวเองได้อย่างที่คิดไว้หรือเปล่า ในความสุขของผม และผมกำลังทำลายความสุขของคนอื่นอยู่หรือเปล่านะ?
คุณอิฐเงียบมาก เขาปล่อยผมนั่งๆ นอนๆ กินๆ ชอบปิ้งอย่างสนุกจนเงินในธนาคารร่อยหรอลงไปจำนวนหนึ่ง แล้วก็ยังไม่โผล่หน้ามา ผมไม่ได้คิดถึงเขาหรอกนะก็แค่สงสัย ก็ถ้าหากเขาอยากให้เงินผมใช้ฟรีๆ โดยไม่รับอะไรตอบแทนน่ะผมก็ไม่ว่าอะไรเขาหรอก แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาพร้อมกับข่าวดีที่สุดในโลก!
“วันนี้ฉันจะพาเธอไปหาหมอ” เขาโพล่งขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน
“ไปทำไม ผมไม่ได้ป่วยอะไรสักหน่อย”
“เราจะไปขอร้องให้หมอช่วยทำให้เรามีลูกกัน”
“ฮะ? เราเหรอ?” ผมร้องเสียงดัง นึกเหวอกับมุกตลกร้ายของเขาเอามากๆ
“ใช่ ฉันบอกเธอไปตั้งแต่แรกแล้วนี่ ว่าอยากให้เธอมาเป็นแม่ของลูก แล้วเธอก็ตกลง” ผมรู้สึกมึนเบลอเอามากๆ กับคำชี้แจงของเขา ผมจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยบอก และยิ่งจำไม่ได้ว่าตัวเองตกลง!
“ตอนไหน!!! ผมจำไม่เห็นได้ แล้วอีกอย่าง ผมก็เป็นผู้ชายด้วย จะอุ้มท้องได้ยังไง” ผมโวยวายเสียงดัง
“เธอก็มีเพื่อนผู้ชายที่กำลังท้องอยู่คนนึงไม่ใช่เหรอ? ลืมไปแล้วหรือไง” ผมชะงัก อ้าปากค้าง ตกใจที่เขารู้
“คุณ...รู้จักซูกัส?”
“อืม...”
“แล้วคุณก็รู้ว่าผมเป็นเพื่อนของซูกัสด้วยเหรอ?”
“รู้สิ ไม่อย่างงั้นฉันจะขอร้องเธอทำไม”
“ผมไม่เข้าใจ”
“หมอเป็นเพื่อนฉัน แล้วแฟนหมอก็เป็นเพื่อนเธอ ฉันอยากให้เธอขอร้องซูกัสให้ช่วยเรา” เริ่มซับซ้อนขึ้นจนผมกุมขมับ
“ก็แล้วทำไมไม่ให้แฟนคุณท้องให้ล่ะ หน้าที่ท้องมันเป็นของผู้หญิงนะ!” ผมตวาดลั่น
“เขาก็พูดแบบนี้เหมือนกัน” เขาตอบกลับมาเศร้าๆ
“เขาเหรอ? ผมนึกว่าแฟนคุณเป็นผู้หญิงซะอีก” ผมคิดว่าเขาคบอยู่กับผู้หญิง บางทีเขาอาจจะไม่ได้รักเธอ แต่ต้องทำเพราะความจำเป็นทางสังคม แต่ถ้าแฟนของเขาเป็นผู้ชายอยู่แล้วทำไมต้องมาหาแฟนเก็บเพิ่มอีกล่ะ?
“เป็นผู้ชายเหมือนเธอนี่แหละ แล้วก็ใจแข็งมากซะด้วย”
“ผมก็ใจแข็งเหมือนกัน!! ผมไม่ยอม... แล้วคุณก็ทำอะไรผมไม่ได้ด้วย!!”
“ทำไมจะไม่ได้... เธอเซ็นสัญญาแล้วนะ” เขาดึงแผ่นกระดาษจากแฟ้มที่ถือมาด้ยวแล้วยื่นหนังสือสัญญามาให้ดูเป็นหลักฐาน ผมโกรธจนหน้าแดงเมื่อนึกถึง สิ่งที่ระบุไว้ในสัญญาข้อสุดท้ายรีบกระชากมันจากมือเขาเพื่อฉีกทิ้ง
“ฉีกก็เท่านั้นแหละ ฉันมีอีกฉบับ!” เขาบอกด้วยน้ำเสียงเป็นต่อจนกระดาษในมือผมสั่นระริก ลำคอผมตีบตันจนน้ำตาปริ่ม เริ่มสะอื้นเบาๆ
“ขอร้อง... ฉันไม่ได้อยากจะหลอกลวง หรือว่าทำร้ายเธอหรอกนะ แต่ฉันมีความจำเป็นจริงๆ เธอจะท้องด้วยวิธีผสมเทียม เพราะฉะนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องมีอะไรกัน ฉันแค่ขอฝาก... ฝากลูกของฉันไว้ในท้องของเธอแค่เก้าเดือนเท่านั้นเอง” น้ำเสียงนั้นวิงวอนขอร้องจนผมลังเล...
“แล้วทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะครับ ทำไมคุณไม่ให้ผู้หญิงอุ้มบุญให้? มันคงจะง่ายกว่าเยอะ ไอ้ที่คุณให้ผมมา มันคงจะจ้างผู้หญิงมาอุ้มท้องให้สัก10คนได้...”
“เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหรอก แต่ฉันไม่อยากให้มันยืดเยื้อ ฉันกลัวคดีความในภายหลัง มันเสียทั้งเวลาและชื่อเสียง ฉันอยากให้มันจบลงแค่นี้ แค่เด็กคลอด” ผมนิ่งฟังเหตุผลนั่นอย่างเลื่อนลอย จากตอนแรกตกลงจะมาเป็น “แฟนน้อย” กลายเป็นว่าต้องมา “แม่รับจ้าง” แทนซะงั้น
เอาจริงๆ ผมควรจะดีใจหรือเปล่า เพราะอย่างน้อยมันก็ดูสุจริตมากกว่าไปเป็นชู้กับแฟนชาวบ้านนะจริงไหม? เหมือนกับกำลังทำบุญให้คนที่อยากมีลูกแต่มีเองไม่ได้ โดยได้ผลตอบแทนอย่างเดียวกัน
“นะ แค่ปีครึ่งเอง ในระหว่างนี้... ฉันจะดูแลเธออย่างดีที่สุดเลย” คุณอิฐขยับมาใกล้ดึงมือผมไปกุมไว้แล้วบีบเบาๆ ผมกระพริบตาลงอย่างอัดอั้นจนน้ำตาก้อนโตไหลอาบเป็นสายเมื่อเอ่ยคำตอบนั้น...
“ตกลงครับ”
เขาสั่งให้ผมอาบน้ำเตรียมตัว ผมทำตามอย่างไม่มีทางเลือก แล้วเราสองคนก็ไปโผล่ที่บ้านหมอกับซูกัส ผมนั่งเครียดอยู่นานจนเขาเดินอ้อมมาเปิดประตูออกให้ พอลงจากรถ เขาก็ดึงแขนผมไปกดออด
“งานแรกของเธอก็คือเป็นคนรักของฉัน ทำให้ซูกัสเชื่อว่าเรารักกัน นอกเหนือจากนั้นไม่ต้องพูดอะไร ฉันจะตอบคำถามทุกอย่างแทน โอเคนะ” ถึงผมไม่โอเคแล้วจะทำอะไรได้... มีแต่ต้องเลยตามเลยเท่านั้นแหละ!
หมอมาเปิดประตูบ้าน เขาค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นผมมากับคุณอิฐได้
“อ้าวมาได้ไง”
“พอดี แฟนใหม่ผมเขาอยากมาเยี่ยมเพื่อนแถวนี้น่ะ ผมก็เลยมาส่ง”
“แฟนใหม่? แม็กเนี่ยนะ” หน้าหมอดูงงๆ แล้วหันมาจ้องหน้าผม ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไงดีได้แต่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ
“ก็แม็กน่ะสิ ถามมากน่าหมอ เปิดประตูบ้านสิคร้าบ จะได้เข้าไปคุยกันข้างใน” คุณอิฐเอ่ยเสียงขี้เล่น หมอจึงเปิดประตูให้เราเข้าไป
หมอเดินนำไปก่อน ส่วนคุณอิฐจูงมือผมให้ตามเข้าไปในบ้านหมอ ผมค่อนข้างกังวลใจกลัวจะเล่นละครไม่ดีมากพอ จึงได้แต่ก้มหน้ามองมือเขาที่กุมมือผมไว้จนเราเข้ามาในบ้าน คุณอิฐเริ่มต้นเปิดฉากเรื่องว่าตอนนี้กำลังคบกับผมอยู่แล้วพวกเราก็ตกลงใจจะมีลูกด้วยกัน และมาขอร้องให้หมอช่วย ผมได้แต่นิ่งฟังปั้นหน้าไม่ถูก พลางชำเลืองมองซูกัสที่มันก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน
“แล้วบีทล่ะ? เลิกกันแล้ว?” หมอเอ่ยถามขึ้นมากลางปล้อง ทำเอาผมสะดุ้งนิดหนึ่ง จนป่านนี้ผมยังไม่เคยเห็นหน้าแฟนคุณอิฐ แม่แต่ชื่อก็เพิ่งรู้ตอนนี้แหละ
“เลิกแล้วสิ ทำไม? หมอคิดว่าผมคบซ้อนเหรอครับ” คุณอิฐตอบหน้าตาย ทำให้ผมเผลอเหยียดริมฝีปาก เขาไม่ได้คบซ้อนหรอก เพราะเขากับผมไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ สักหน่อย
“ดีใจด้วยนะแม็ก... พี่อิฐเป็นเพื่อนสนิทหมอ ต้องเป็นคนดีแน่เลย” น้ำเสียงที่ร่าเริงของซูกัสทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้า แม้ในใจจะนึกค้านความคิดมัน แต่เห็นรอยยิ้มนั้นแล้วก็ใจชื้น อย่างน้อยๆ ผมรู้ว่าถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น มันจะเป็นคนแรกที่ยื่นมือมาช่วย
“แล้วนี่คบกันกี่เดือนแล้ว?” หมอถามด้วยน้ำเสียงแปลกๆ เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง ผมแน่ใจเลยว่าหมอคงรู้ว่าคุณอิฐโกหก
“สองเดือน” ผมถอนใจเพลียๆ จะว่าไปแล้วผมรู้จักคุณอิฐได้แค่สามอาทิตย์กว่าเอง
“ไม่เร็วไปหน่อยเหรอวะ คบกันแค่สองเดือนก็อยากมีลูกแล้วเหรอ?” น้ำเสียงหมอเหมือนจะหาเรื่อง
“หมอนี่ก็... เวลามันไม่สำคัญหรอก ผมยังจำได้เลยว่าตอนที่หมอถามผมว่ามีลูกกันไหม เราก็เพิ่งคบกันแค่สองเดือนกว่าเองนะ” คำพูดซูกัสทำให้หมออายจนหน้าแดง
จากนั้นเขาก็ค่อยยันหลังลุกขึ้นอย่างยากลำบากจนหมอต้องหันไปช่วยประคองอย่างทะนุถนอม แล้วซูกัสก็เดินมาจับมือผมไว้ มองหน้าคุณอิฐสลับกับผม
“ไม่ต้องห่วงนะครับ หมอเค้าก็ขี้บ่นไปอย่างนั้นเอง แต่ถ้าเพื่อนหมอกับเพื่อนกัสรักกัน อยากมีลูกด้วยกันจริงๆ ทำไมหมอจะไม่ช่วย ใช่ไหมครับหมอ?” ซูกัสหันไปถาม หมอหุบปากฉับได้แต่ยิ้มเกรงๆ ผมมองดูภาพพวกเขาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แทรกเข้ามา...
ผมเคยรู้สึกอยากได้ อยากมีหลายๆ อย่างให้เหมือนซูกัส...
แต่ท้ายที่สุดถึงเราจะมีอะไรที่เหมือนกัน แต่ก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง
ซูกัสมีหมอที่รักเขาอย่างจริงใจ แต่ข้างกายผมกลับมีได้แค่แฟนคนอื่น
ในท้องซูกัสมีลูกที่เกิดจากความรัก แต่ลูกที่กำลังจะอยู่ในท้องผมเกิดได้จาก “น้ำเงิน” ก็แค่นั้น!
++++++++++