01
ซ่า
เสียงน้ำทะเลกระทบเรือท่องเที่ยวสีขาวที่ลอยลำอยู่บนน่านน้ำของประเทศใดประเทศหนึ่ง ผมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มองไปยังน้ำเค็มมันส่งเสียงครวญครางราวกับว่ากำลังดีใจก็ไม่ปาน ในมือถือน้ำเปล่า ยกขึ้นกินระหว่างที่จ้องทะเลลึกมองไม่เห็นพึ้นเพราะมันลึกเกินไป วันนี้เป็นวันที่เขาขึ้นเรือโลดเเล่นไปตามทะเลที่กว้างใหญ่ จุดหมายปลายทางคือ เกาะสวรรค์ ในแดนใต้ ล่องไปตามลุ่มน้ำทางไปสิงคโปร์ ก็ไม่แน่ใจนักว่ามันมีชื่อว่าเกาะอะไร... แต่ ทริปนี้ผมก็แค่มาเที่ยว การทำงานหนักในรอบหลายปี ก็ย่อมมีรางวัลเป็นผลตอบแทน กระเป๋าเป้ใบเดียวใบใหญ่ ของใช้จำเป็น เงิน และ พาสปอร์ต แค่นี้ก็ทำให้คนเราสามารถไปไหนต่อไหนได้ อ้อ... อย่าลืมที่จะมีวิชาป้องกันตัวด้วย ผมเรียนคาราเต้ชึ่งก็พึ่งจะได้สายน้ำตาล แต่ก็พอสามารถป้องกันชีวิตในบางครั้งได้นะแหละ แต่การมาเที่ยวทริปนี้ น่าจะพาแฟนหรือครอบครัวมาด้วยเหมือนคนอื่นๆ แต่ผมชอบโสด อยากจะขึ้นคาน หาตังค์เที่ยว ใช้ชีวิตเป็นเข็มนาฬิกาทวนไปแบบวันต่อวัน แค่นั้นก็พอใจแล้ว
"Hi~ You alone, right? I sat with a friend who has it?"
เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัว ผมหันไปมองอย่างงๆเมื่อเขาเดินเข้ามาทัก ชายหนุ่มท่าทางมีเสน่ห์ตามแบบฉบับของคนต่างชาติ ใบหน้าเรียวคม ดั้งโด่ง ตาสีน้ำทะเล และ รอยยิ้มที่น่ารัก ทำเอาผมนิ่งค้าง ความสูงของเขาอยู่ประมานเมตรเก้าสิบ อยู่ในชุดลำลองกางเกงขาสั้น และ เสื้อท่องเที่ยวที่ไกด์มอบให้ก่อนจะขึ้นเรือ ผมหันกลับมามองหนังสือภาษาอังกฤษ-ไทย ที่อยู่บนโต๊ะ อะไร... เฟนๆนะ?
"นายเป็นคนไทยเหรอ?"
น้ำเสียงแปร่งๆดังขึ้นอีกรอบ เขายกยิ้มขนาดผมเป็นผู้ชายยังรู้สึกใจเต้นเลย โอ๊ย... หล่ออะไรปานนั้นพ่อคุณ
"ครับ"
"ผมเคยไปอยู่ประเทศไทยสองสามปี มันสุดยอดมาก!"
พูดไปพลางถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามกับผมชายหนุ่มต่างชาติที่พูดภาษาไทยได้คล่องแคล่วจนน่ายกย่อง แต่กับผม... ที่มาต่างประเทศแต่พองูๆปลาๆได้ น่าขายหน้าจริงๆ ท่าทางโอเวอร์ตอนพูดทำให้ผมยิ้ม คนต่างชาติก็เป็นแบบนี้ ยกไม้ยกมือทำท่าประกอบไปด้วยท่าทางมั่นใจ ชึ่งต่างจากผมที่เอาแต่เงียบตั้งแต่ขึ้นเรือมา
"ผมชื่อ เอ็ด... เอ็ดเวิร์ด โจเช"
"ผมชื่อ น้ำ ครับ"
มือใหญ่หยาบกร้านนั้นยื่นออกมาผมยื่นไปจับตามมารยาท เจ้าตัวยกยิ้มดึงมือผมไปจูบที่หลังมือทำเอาผมสะดุ้งดึงกลับแทบไม่ทัน ก่อนจะลุกขึ้นยืนจ้องหน้าอีกฝ่าย
"ฮ่าๆ อย่าตกใจสิ ผมแค่ทำตามวัฒนธรรมของพวกผม"
เจ้าตัวฉีกยิ้มกว้างให้ผมมองแบบฉุนๆแต่ก็ยอมนั่งลงตามเดิม เรือสำราญที่ค่อนข้างใหญ่ มีแค่ตรงนี้ที่ผมชอบนั่ง และ ไม่ค่อยมีคนมาเสียเท่าไหร่มันเลยสงบทำให้ผมได้คิดอะไรมากมาย แต่ตอนนี้... ดูเหมือนจะไม่ใช่
"ผมไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว"
"อ่า ขอโทษทีละกัน"
เอ็ดยกมือขอโทษขอโพยหน้าตาเลิ่กลั่ก ผมมองเขาชักพักก่อนจะหลุดยิ้มออกมา เขาทำตัวน่ารักจนผมอดใจไม่ได้เลย ความจริงแล้ว... ผมชอบผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายแบบอยากได้เป็นแฟนเหมือนเกย์ แต่แค่ชอบที่พวกเขาน่ารัก เหมือนกับผู้หญิงที่ชอบผู้ชายหล่อๆแล้วบอกว่าคนนี้คือ ผัว
แบบนั้นแหละ ไม่ได้ต่างกัน แต่ก็คงจะต่างอยู่ตรงที่ผมเป็นผู้ชายนั่นแหละ
"รู้มั๊ยว่าเกาะที่เราจะไปมันสุดยอดมาก มีปลาสวยๆเยอะแยะ หมู่บ้านชนเผ่าแปลกๆ"
หือ?
ผมเอียงคอมอง ก็รู้ว่าที่ๆจะไปคือหมู่บ้านของชนเผ่าหนึ่ง เคยเห็นออกในรายการทีวีที่เคยดูนานมาแล้ว เป็นหมู่บ้านที่ไม่มีอุปกรณ์สื่อสารที่จำเป็นต้องใช้ในโลกปัจจุบันแต่ใช้ชีวิตแบบหาเช้ากินเช้า หาค่ำกินค่ำ อยากจะลองมาชัดครั้ง ผมคิดว่ามันเป็นการเปิดโลกใหม่
"เคยไปเหรอครับ?"
"ไปอยู่สองสามเดือน เมื่อหลายปีก่อนเป็นทหารหนีทัพ"
ผมอ้าปากเหวอกับท่าทางสบายๆของเขาที่พูดคำนั้นออกมา
"เดี๋ยวนี้ไม่มีสงคราม..."
"มี... มีสิต้องเฝ้าชายเเดนน่านน้ำ"
ผมร้องอ้อออกมา แต่การเฝ้าชายเเดนนี่ ถ้าไม่อยากเฝ้าจะหนีมันยังไง? ในเมื่อลอยลำอยู่กลางทะเลแบบนั้น พอคิดๆไป เขาอาจจะมีวิธีของเขาก็ได้
"แล้วตอนนี้ละครับ?"
"อ้อ ทำงานรับจ้างทั่วไป"
"งั้นเหรอครับ"
ผมตอบกลับเบาๆ เมื่อไม่รู้ว่ามีอะไรที่จะต้องถามผมจึงเบือนหน้าหนีแล้วมองลงไปตามน่านน้ำอีกครั้ง เมื่อไหร่จะเดินหนีไปซะที... ไปซะสิ ผมสั่นขากึกๆแม้ใบหน้าจะพยายามปรับให้ดูนิ่งแต่ภายในใจผมกลับอยากจะให้เขาไป ไม่อยากมีเพื่อนร่วมทางเสียเท่าไหร่
"น้ำเนี่ย สวยดีนะ"
เอ็ดพูดขึ้นเมื่อผ่านไปไม่กี่นาที ผมพยักหน้า รอยยิ้มของเขามองมาที่ผมดวงตาสุกใสจ้องมาทำเอาผมทำตัวไม่ถูก
"ฉันว่าจะไปหาอะไรกินหน่อย... ไปด้วยกันมั๊ย?"
ผมก้มมองนาฬิกาบนหน้าจอมือถือก่อนส่ายหน้าเบาๆ เลยเที่ยงแล้วแต่ยังไม่หิวขอนั่งอยู่ที่นี่ชักพักแล้วจะเข้าไปนอนที่ห้อง
"ตามใจนะ"
ไม่ได้ตอบกลับ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน พรูลมหายใจออกมาเบาๆโล่งอกเมื่อไม่มีใครมารบกวน
กึง!
"เหวอ!"
หน้าแทบจะขมำลงกับพึ้นเมื่อจู่เรือกับเอียงไปมาเหมือนมีอะไรชักอย่างมาชนเข้าที่ท้องเรือ จากตรงนี้มองเห็นห้องกัปตันชายสูงอายุท่าทางใจดีคนนั้นตะโกนโหวกเหวกเป็นภาษาบ้านของตัวเองด้วยท่าทีสุขุมไม่เหมือนคนที่อยู่ในห้อง กลางทะเลแบบนี้อาจจะมีปลาฉลาม ไม่ก็ปลาวาฬมาชนเอาก็ได้ แต่ถึงกับทำให้เรือเอียงไปมาแบบนี้ทำเอาผวาอยู่นิดหน่อย
ผมเกาะราวข้างตัวแน่นลอบมองไปที่แผ่นผิวน้ำที่กระเพื่อมตามแรงขับเคลื่อนของเรือ มองอยู่ชักพักก่อนจะเห็นตัวอะไรแปลกๆที่ว่ายไปมาในนั้น ลมหายใจสะดุด
ซ่า
มันโผล่หัวออกมาจากใต้น้ำสีน้ำเงินนั่น คน... ไม่ใช่ นั่นไมาใช่คน! หน้าตาเป็นผู้ชายแต่ผิวร่างกายกับเรียบรื่นเหมือนผิวเนื้อของปลาโลมา ดวงตากลมดำมีรอยนูนตามแนวสันตั้งแต่ตามาถึงจมูก แต่ไม่มีจมูก ปากยื่นเล็กๆ หลังหัวเป็นเนื้อยาวลงไปปลายแหลมมีคลีบปลากระพืออยู่น้อยๆ มีหางเป็นโลมา ร่างกายเป็นท่อนกล่ามเนื้อจ้องมองผมอยู่ขณะที่ว่ายตามเรือ
"น้ำ!"
"เอ๊ะ อ๊ะ...ครับ?"
มือใหญ่จับลงมาที่ต้นแขน เอ็ดเวิร์ดนั่นเองที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหาผมหน้าตาตื่นๆ
"เป็นอะไรจู่ๆก็จะกระโดดลงไป"
"อ่า... ผมเหรอ?"
อีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่นมองผมแปลกๆ ผมเนี่ยนะจะโดดลงไป? ไม่ได้บ้าถึงขั้นนั้น ไม่มีเหตุผลซะหน่อย
"จ้อง... อะไรอยู่?"
"เปล่า... เปล่าครับ แค่ปลา... ปลาโลมา"
ผมตอบกลับเบาๆ ขนลุกไปทั่วทั้งร่างกายทั้งๆที่ร้อนขนาดนี้ เมื่อกี้... มันตัวอะไรนะ?
"อยู่ห้องเบอร์ไหน?"
"เอ๊ะ? ห้อง307 ครับ"
ร่างกายถูกพยุงเข้าไปข้างใน ที่ค่อนข้างเย็นข้าวของตกเกลื่อนเพราะแรงสะเทือนเมื่อกี้ทุกคนต่างพากันช่วยกันเก็บของให้อยู่กับที่
"เมื่อกี้ชนกับอะไรเข้าก็ไม่รู้ ได้ยินกัปตันประกาศว่าชนเข้ากับปลาวาฬ แต่ไม่เห็นตัวมันมีแต่รอยเลือดนิดหน่อย"
เอ็ดพูดขณะที่พาผมขึ้นบันไดมาที่ชั้นสาม ห้องโถงข้างใต้บันไดระเนระนาดไม่ต่างกันเลย ผมน่าจะตกใจมากก่วานี้... แต่ ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้วละ
"นายป่วยรึเปล่า? หน้าตาซีดๆ"
พอมาถึงในห้องเขาก็จับผมนอนลงทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมมองเขาเงียบๆ
"ผมคงเมาแดด"
เพราะแดดข้างนอกมันร้อนเกินไปทำให้เวียนหัว และ อาจจะทำให้ความดันกำเริบก็ได้
"นายพักกับใครเหรอ?"
เอ็ดมองไปรอบๆห้อง คงจะเห็นเสื้อผ้าเกลื่อนอยู่อีกเตียงหนึงตรงข้ามนั่นละมั้ง
"เด็กวัยรุ่นครึ่งไทยญี่ปุ่นแอบพ่อแม่มาเที่ยว ป่านนี้คงจะไปเหล่สาวๆที่ไหนชักแห่งบนเรือ"
เด็กคนนั้นเองก็น่ารัก ร่าเริงแถมยังห้าวสุดๆเมื่อคืนยังชวนเขาช่วยตัวเองด้วยเลยทำเอาแทบลมจับ แต่ก็เป็นคนนิสัยดีพอสมควร
"เด็กสมัยนี้ก็แบบนี้แหละ"
"ครับ แล้วคุณละ ไม่ไปหาอะไรกินเหรอครับ?"
เจ้าตัวยิ้มให้ผมเหมือนพึ่งจะนึกออก
"กินเสร็จแล้ว"
ทั้งๆที่... เพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นานเนี่ยนะ?
แกร่ก
"มิสุจางงงงง อ๊ะ? มีแขกเหรอ?"
พอพูดถึงเด็กหนุ่มร่าเริงก็เปิดประตูพร่วดเข้ามายกมือทักทายก่อนจะหุบยิ้มฉับ เดินดุ่มๆเข้ามาในห้องนั่งตุบลงข้างๆผมก่อนจะดึงผมไปกอด
"อ้า วันนี้จีบสาวไม่ได้เลย มีแต่ป้าแก่ๆ"
ท่าทางเหนื่อยล้าจนน่าสงสารผมตบบ่ากว้างปุๆเป็นการปลอบใจเห็นตั้งแต่วันแรกก็โม้แล้วว่าจะจีบหญิงให้ติดเอาไปอวดพ่อแม่จอมบ้างาน เขาหัวเราะออกมาจนสุดเสียงเมื่อคืนนี้
"ไว้ไปจีบสาวชนเผ่า"
"ผมชอบคนขาวอะ ไม่ชอบคำดำ แล้วนี่ใครอะ? ผมชื่อ ยูกินะ ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
เด็กหนุ่มวัยใส หน้าตาตี๋ๆเอ่ยออกมา ราวกับว่าลืมไปชักพักเอ็ดยิ้มให้อีกฝ่ายนิ่งๆ
"เอ็ดเวิร์ด ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน"
ทั้งสองจับมือกันพอเป็นพิธี... โอ๊ย คนหล่อสองคน น่ารักด้วยมาอยู่ใกล้ๆ ฟินอะไรขนาดนี้
ผ่านไแไม่กี่ชั่วโมงนัก ท้องฟ้าข้างนอกก็มืดอึมครึม เหมือนมีเมฆมาบดบังเอาไว้ นอกหน้าต่างที่เมื่อกี้ยังเห็นแสงแดดส่องลงมากลับมืดครึ้มจนมองไม่เห็น
"ควันเหรอ?"
พวกผมสามคนที่นั่งคุยกันอย่างสนุกสนานภายในห้องหยุดการเล่นไพ่นกกระจอกไปชักพัก ผมเอื้อมมือไปเปิดหน้าต่างห้องออกกว้างระเบียงตรงหน้าแทบจะถูกกลืนกินเข้าไปในนั้น สัมผัสเย็นซึ้นจนน่ากลัว ปกติฤดูนี้ไม่น่าจะมีหมอก แต่ต่อให้มี แล้วทำไมมันถึงเป็นสีดำ?
"หมอก? สีดำ?"
ยูกินะพูดขึ้น พวกผมสามคนมองหน้ากันงงๆ
"ออกไปข้างบนดูมั๊ย? บางทีอาจจะเป็นควันของอะไรชักอย่าง"
"ดูสิ มองไม่เห็นอะไรเลย น่ากลัวดีแท้"
เอ็ดพูดแบบติดตลก ดาดฟ้าบนเรือที่มีเฮลิคอปเตอร์อยู่ลำหนึ่ง ผู้คนส่วนมากต่างก็ออกมาข้างนอกเพื่อที่จะดูว่ามันคืออะไร ความหนาวเหมือนกับว่ามีน้ำแข็งทิ่มเข้ากับร่างกาย ไอหมอกสีดำวังเวงจนน่ากลัว มันแผ่ไปทั่วทั้งลำเรือ ราวกับว่ากลืนกินเรือลำนี้อยู่
เสียงผู้คนดังเซ็งแซ่ หวาดกลัวไม่ต่างจากพวกเรานักท่าทางมันแปลกๆจนน่ากลัว
"No no! impossible we are lost! We are lost in the mists of black. We're going to the island, Dolly! Hahahaha! "
จู่ๆชายแก่คนหนึ่งก็ตะโกนขึ้น โวยวายท่ามกลางความเงียบที่น่ากลัวเขาทึ้งผมตัวเอง พูดภาษาอังกฤษใบหน้ามีน้ำตานอง หัวเราะบ้าคลั่งผู้คนต่างแตกตื่น บางคนก็ถึงกับร้องไห้ออกมา พวกคนแก่ต่างหวาดกลัว แต่ไม่ใช่กับวัยรุ่นเหมือนพวกเขา และ วัยคุณลุงคุณป้าที่มองหน้ากันเลิ่กลั่กไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น
"เขาพูดว่าอะไร?"
ผมถามขึ้น
"ตำนานเกาะตุ๊กตา..."
"เอ๊ะ...? หมายถึงเกาะที่มีคนเอาตุ๊กตาไปไว้นั่นนะเหรอครับ?"
"ไม่ใช่... ไม่ใช่แบบนั้น"
ท่าทางซีเรียสของเขาทำให้ผมสับสน ก็หมายถึงเกาะตุ๊กตานั่น... ไม่ใช่รึไง?
คลืนนน
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเหนือหัวผมถูกดึงให้เข้าไปข้างในอีกครั้ง ไม่นานนักเสียงฟนก็ดังกระทบหลังคาดังเปาะแปะ ท่ามกลางหมอกที่มองไม่เห็นทางข้างหน้าทำได้เพียงปล่อยให้เรือถูกชัดไปตามกระแสลมเท่านั้น
เปรี้ยงงงง!
"อึก..."
ร่างกายแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างจนรู้สึกได้สายฟ้าฟาดลงมาเป็นทางทำให้พวกผมต่างก็ตกใจ บางคนวิ่งวุ่นอลหม่าน ความวุ่นวายเกิดขึ้นหวาดกลัวว่าเรืออาจจะจมลงได้ทุกเมื่อ แต่... ระหว่างที่ได้แต่กลัวอยู่นั้นสิ่งที่ไม่คาดฝันก็ดันปรากฏอยู่ตรงหน้า
หน้าผาสูงจนมองไม่เห็นยอดรูปร่างเป็นสัตว์หน้าตาแปลกๆผ่านไป ท่ามกลางกระแสลมและฝนที่ตกลงมาหนักๆ เรือสำราญที่ต่างจากเรือรบของทหารนั้นเปราะบางยิ่งก่วาอะไรดี
โครมม!
"เรือกำลังกระแทกโขดหิน! หาที่ยึดเอาไว้"
ท่าทางของเอ็ดนั้นร้อนรนอย่างเห็นได้ชัดผมถูกพลักโดยผู้คนที่วิ่งเข้ามาข้างใน กระจกสั่นส่งเสียงกึกจนกลัวว่ามันอาจจะแตกก็ได้ เอ็ดวิ่งไปข้างในทิ้งให้ผมและยูกินะอยู่ด้วยกันพร้อมกับกำซับว่าห้ามไปไหน ให้รออยู่ที่นี่
ถ้าเรือล่ม... เราจะทำยังไง?
"น้ำกำลังทะลักเข้ามาในชั้นห้องเครื่อง! เรือกำลังจะจม ทุกคนใส่เสื้อชูชีพเอาไว้!!"
ไกด์คนไทยที่คุยกับผมอยู่บ่อยๆคนนั้นพูดหลายภาษาพร้อมกับภาษาไทย แจกจ่ายเสื้อสีส้มภายในมือให้กับคนข้างใน เรือเอียงไปมาจนน่าปวดหัว ผมถูกดึงมากอดเอาไว้ ยูกินะสั่นอย่างเห็นได้ชัด
"ขอโทษครับ! คุณกันย์ผมขอเสื้อด้วย"
ผมตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าร้องเขาหันมาทางผมก่อนจะวิ่งมาหาในอ้อมแขนมีเสื้ออยู่หลายตัว
เพล้ง!!
กรี๊ดดด
เสียงกรีดร้องดังระงมผสมเข้ากับเสียงอื้ออึงภายในหัวเหมือนกับว่าตาลายแล้วจะเป็นลม คนตรงหน้ามองมาที่ผมตื่นๆ กระจกแตกเป็นเสี่ยงๆจากตัวอะไรชักอย่างที่ดำทะมึนสูงราวๆเมตรก่วาๆพุ่งตรงมาทางนี้ ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้นเหมือนกับว่ามีรีโมตควบคุมเสียงเอาไว้เห็นเพียงแค่ภาพ.... ก้มลงมองมาด้านล่าง เลือดสีแดงข้นกำลังทะลักออกมาจากคอของคุณกันย์... เลือดฉีดพุ่งสาดกระจายบนใบหน้าของผมก่อนจะ
ตุบ
ศีรษะหลุดออกมา กลิ้งหลุนๆไปตามพึ้นที่เอียงของเรือกระจกที่พุ่งเข้ามาตัดคอนั้นยังคงคาอยู่ข้างใน มือใหญ่ปล่อยเสื้อชูชิพไว้หน้าตักใช้มือลูบไปตามคอที่ถูกหั่นออกราวกับว่ากำลังตรวจดู เลือด กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายเป็นกลิ่นสนิมของเหล็กที่ติดปลายจมูก
"อ๊ะ... อ๊าาา!!"
เสียงกรีดร้องของผมดังขึ้นเมื่อรู้ตัว ไม่รู้ว่าผมกำลังลอยตัวขึ้นจากพึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังจะถูกลากไปไหน ผู้คนถูกตัวประหลาดที่สูงเท่าคนปกตินั้นใช้แขนที่เป็นเหมือนแขนของตั๊กแตนฟันร่างกาย ปากที่เป็นปลากหมึกกำลังดูดกลืนหัวของหญิงชราคนหนึ่ง รูปร่างคล้ายหนอนใหญ่ส่วนบนแล้วเล็กส่วนล่าง มีขาของปูหกหาล้อมรอบ กำลังฆ่า... มันกำลังฆ่าพวกเขาแล้วกิน
"ตาย... จะตายหมด"
พวกเราจะตายกันหมด
"เฮ้... เฮ้ตั้งสติไว้ น้ำ!"
เพี๊ยะ!
แก้มหันไปตามแรงตบ เอ็ดกำลังพาเขาเข้ามาที่ห้องอะไรชักอย่างที่มีแต่อุปกรณ์แปลกๆ พอมองไปรอบๆผู้คนต่างก็อยู่ที่นี่ส่วนหนึ่ง คนสองร้อย... บนเรือ กำลังจะตาย
"มิสุจัง ทำใจดีๆไว้นะ"
ยูกินะที่ไม่เหลือท่าทางร่าเริงคนนั้นพูดขึ้นเบาๆกอดผมเอาไว้แน่น เลือดของไกด์คนนั้นยังคงเปรอะไปตามเสื้อของผม
"ใส่นี่ไว้"
เสื้อชูชีพถูกสวมลงมาผมได้แต่ยินนิ่ง มองตอบกับหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่ไม่ได้สติเหมือนๆกันเธอเองก็มีเลือด... เลือดของใครสักคนที่สาดกระจายอยู่บนตัวใบหน้าเหยเกร้องไห้ออกมาจนไม่เหลือคราบของแป้งที่แต่งแต้มเอาไว้
" What the hell is this?"
สำเนียงภาษาของเอ็ดพูดขึ้น ถามรองกัปตันที่ยืนถือปืนสั้นกระบอกหนึ่งอยู่ เขาชะงัก เงอะงะจนน่าสงสัย
""เรากำลัง... อยู่ในน่านน้ำของเกาะตุ๊กตา""
("" ช้อนกันหมายถึงการใช้ภาษา)
""เรากำลังจะตายกันหมด ตายกันหมด!""
ชายวัยกลางคนตะโกนออกมา แกว่งปืนไปทั่วจนผู้คนกรีดร้องก้มลงกับพึ้นไม่เข้าใจที่พูด แล้วไอ้เกาะตุ๊กตา มันคืออะไร!? ที่อยู่ของเจ้าตัวประหลาดนั่นเหรอ!?
""อย่าเสียงดัง! ตัวพวกนั้นจะได้ยินเข้า!""
ชายแก่เอ่ยออกมาเสียงสั่นเครือ พุ่งตรงกระซากปืนจากผู้ช่วยกัปตันคนนั้นจนได้มันมาไว้ในมือ คนที่อยู่ในนี้มีเพียงสิบเอ็ดคนเท่านั้นรวมทั้งเขา แล้ว... ผู้คนที่เหลือข้างนอกนั่นละ?
""ฮือออ... ฉันไม่อยากตาย ไม่อยากตาย""
ชายคนนั้นทรุดลงกับพึ้น ร่ำไห้เรียกหาพ่อและแม่ราวกับว่าเป็นเด็กๆ เขาเองก็อยากจะร้องไห้ อยากจะสติแตก อยากจะเป็นบ้าไม่ให้รับรู้อะไรอีกต่อไปเหมือนกัน
"เราคงต้องหาทางลงจากเรือ ลงไปที่เกาะ"
"จะบ้าเหรอ! ตัวพวกนั้นอาจจะอยู่บนเกาะก็ได้ ทำไมเราจะต้องลงไป รออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวตำรวจก็มา..."
ยูกินะเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้แต่ก็ถูกเอ็ดพลักจนหลังกระแทกเข้ากับท่อเหล็กด้านหลัง
"อย่าได้คิดเชียวว่าพวกนั้นจะมาช่วย ไม่รู้ตำนานรึไง ถึงเกาะนี่จะเป็นตำนาน แต่มันก็เหมือนเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้เหมือนสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา คนที่เข้ามาในเกาะนี้ไม่มีใครรอดออกไปได้ หมอกสีดำนั่นจะกลืนกินเฉพาะแค่คนที่ไม่รู้ตัว มันจะเอาคนที่ไม่อยากเข้ามา แต่จะไม่เอาคนที่อยากเข้า เข้าใจใช่มั๊ย? พวกตำรวจ ทหารเรือจะหาเราไม่เจอ"
ชายหนุ่มผมทองพูดออกมาเป็นชุดท่าทางโมโห ปล่อยแขนออกจากตัวของยูกินะก่อนจะหันมามองเขา
"แล้ว... ใครที่รอดออกไปเล่าเรื่องเกาะตุ๊กตาต่อละ?"
ผมถามขึ้น ทั้งสองคนมองหน้ากันเหมือนกับว่าเพิ่งจะนึกได้
"นั่นสิ ยังไงมันก็ต้องมีทางออก ต้องมีแน่ๆ"
เด็กหนุ่มหน้าตี๋เอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง
"ผมไม่น่ามาเลย คิดถึงพ่อกับแม่"
น้ำตาใสคลอเบ้า ผมรั้งร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่นเสียงสะอื้นดังขึ้นบนบ่าของผม
"ไม่เป็นไรหรอก... มันจะต้องไม่เป็นไร"
กึง! กึงๆๆๆๆ
""มันมาแล้ว! มันกำลังมาแล้ว!!""
เสียงที่ประตูเหล็กดังขึ้น เสียงทุบกึงกังกังวาลอย่างน่ากลัว ฝุ่นที่จับอยู่ขอบประตูร่วงลงมา
""ช่วยด้วย ช่วยฉันที!""
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังเข้ามา ผมมองไปที่นั่นอย่างหวาดๆ
""ช่วยเธอสิ! จะปล่อยให้เธอตายงั้นเหรอ ไปเปิดประตูสิ!""
ป้าที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตวาดออกมาชี้มาที่เอ็ดคนที่อยู่ใกล้ประตูที่สุด
"ไม่... ไม่ต้องเปิด"
ผมบอกเขา รู้สึกแปลกๆ ข้างนอกนั่นมันรู้สึกแปลกๆ เธอเป็นเพียงผู้หญิง เสียงเคาะประตูไม่น่าจะแรงขนาดนั้นได้
"ฉันเข้าใจที่แกพูดนะ! แกมันฆาตกร!"
สำเนียงภาษาไทยนั่นฟังดูโมโห เธอพลักเอ็ดแต่ตัวเองกับถอยร่นเสียเองเพราะตัวเล็กท่าทางฉุนขาดขเธอทำเอาทุกคนผวา
กึง...
แอ๊ดดด
กึงง!
กรี๊ดดดดดด!
ผสมกับเสียงกรีดร้องของคนในห้องเมื่อประตูถูกผลักมาอย่างแรง ตัวประหลาดเดินสองขาเข้ามาข้างใน
ตัวประหลาดที่มีฟันคมกริบนั้นพลักประตูจนเอ็ดถูกมันทับไว้ มือที่มีผังผืดนั้นใช้หนวดยุบยับเฉาะที่หัวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ขาดไป เลือดไหลแหมะมาตามทางเดิน ร่างกายของมันเป็นเมือกลื่น ดวงตาแดงก่ำ ฉีกฟันหัวเราะดังก้อง
"ช่วยฉัน... ด้วยย กี้ กั่กๆๆๆ ช่วย....ฉัน! กี้!"
มันพูดได้!? เจ้าตัวเมือกมีเกล็ดที่คล้ายปลาตัวนั้นหัวเราะ
ทะ ทำไม ทำไม
"ออกไปทางหน้าต่าง! ออกไป!"
ผมตะโกนลั่นมันหันมาทางนี้ด้วยร้อยยิ้มแสยะฟันคมมีเลือดติดอยู่ ท่าทางของมันกำลังสนุก
"มิสุจัง!"
ผลั๊วะ!
เหล็กในมือของยูกินะฟาดเข้าไปด้านหลังของมัน ทว่าเหล็กกลับงออย่างกับเป็นพลาสติกของเล่น มันหันกลับไปมองเด็กหนุ่ม
"มิสุ...จาง จาง... มิ๊...สุ"
"มิสุจังหนีสิ วิ่ง! ไป!"
ทะ ทำไม่ได้ ไม่ได้... ขาผมสั่นกึก มันไม่ขยับ มันเลียนเสียงของยูกินะ มันกำลังจะ...กิน กินยูกินะ ผมหันไปแย่งปืนจากชายแก่คนนั้นมาไว้ในมือ ปืนหนักก่วาที่คิดสัมผัสเหล็กสีดำหนักอึ้งชี้ปลายกระบอกไปที่หัวของมัน
มะ... มันไม่ใช่คน ไม่ใช่คน มันกินผู้หญิงคนนั้น มันจะกินเรา
ปัง!!
ผมใช้นิ้วชี้สอดเข้าไปในไกก่อาจะลั่นปืน มันกระตุกร่างก่อนจะฟุ่บลงกับพึ้น
"กี้...! ปัง... ปัง!"
ปังๆๆ
นิ้วที่เหนี่ยวไก ไม่สามารถถอนนิ้วออกมาได้ เสียงของมันยังคงเลียนแบบเสียง ทั้งๆที่กำลังจะตาย... ก็ยังเลียนแบบเสียงอยู่
"มิ...สุจัง?"
ลมหายใจหอบแรงขึ้นผมทิ้งปืนลงกับพึ้น เช็ดมือที่ไม่มีอะไรติดอยู่กับเสื้อตัวเอง มือมันสั่นจน สั่นไปทั่วทั้งร่างกาย สั่นไปหมด
"ไปกันเถอะ มันตายแล้ว รีบไปกัน"
เอ็ดที่จุกกับการโดนกระแทกกุมหน้าผากที่แตกเอาไว้พยุงยูกินะขึ้นก่อนจะคว้าตัวผมอีกคน ผมสะบัดมือออก วิ่งไปปิดประตูเอาไว้
"ทำอะไร?"
"ละ ล็อคเอาไว้ เผื่อตอนลงเรือมันจะเข้ามาไม่ได้"
เอ็ดยิ้มให้บางๆ ก่อนดันหลังให้เด็กหนุ่มหน้าตี๋คนนั้นปีนลงไปชั้นล่าง
"ลงไปก่อนเลย"
เขายกผมขึ้นสูง ผ่านกระจกที่แตกร้าว
ฟิ้วว
ลมแรงพัดกระทบใบหน้าเมื่อสอดหัวออกไป ผมมองไปรอบๆก่อนจะกระโดดลงมาจากความสูงเกือบจะสองเมตรยูกินะรออยู่ตรงนั้น
ตุบ
"เป็นอะไร?"
"ยัยป้านั่น ทิ้งพวกเรา"
เด็กหนุ่มชี้ไปที่เรือลำเล็กที่ถูกพายไปบนฝั่งผู้หญิงคนนั้นตะโกนสั่งผู้ชายที่เหลือนั้นพายเรือออกไป โขดหินที่เรือกระแทกนั่นอยู่มีทุกที่ เกาะที่อยู่ตรงหน้ากว้างจนน่ากลัววังเวงไปหมด แถมยัง... เงียบจนเกินไป ทั้งๆที่เมื่อกี้ฝนก็ตก แถมยัง...ฟ้าผ่าฟ้าร้อง แต่เดี๋ยวนี้ กลับเงียบสนิท
"ปีนหินไปก็ได้"
"แต่... มันเสี่ยงนะ เจ้าตัวพวกนั้นอาจจะออกมา"
ยูกินะประท้วงเอ็ดที่ตามมาข้างหลัง เขาสะพายกระเป๋าใบหนึ่งไว้ นี่เหรอที่ไปเอามา? เขาเพิ่งจะเห็นมันก็ตอนนี้
"ทำไงได้ละ"
กึง!
เสียงประตูข้างบนดังขึ้นอีกครั้ง พวกผมมองหน้ากันสลับไปมา
"โดด!"
ตูมม!
น้ำเย็นเฉียบทะลักเข้าเสื้อผ้าจนเปียกปอน โขดหินข้างหน้านั่นผมหมายจะคว้ามันเอาไว้... ทว่าจู่ๆ ร่างกายกลับดิ่งสู่ใต้น้ำ
บุ๋งๆๆ
"มิสุจัง!?"
แสงสว่างตอนกลางคืนที่มาจากไหนก็ไม่รู้สาดส่องลงมา มองเห็นดวงจันทร์ที่ถูกน้ำกระเพื่อมนั่นทำให้บิดเบือนไร้รูปร่างทรงกลม พอมองลงไปตรงขา กลับพบว่ามีมือหนึ่งกำลังลากเขาอยู่
ฮว๊ากกก
เสียงคำรามของมันดังขึ้น เจ้าปลาโลมาที่เหมือนมนุษย์ที่เห็นเมื่อตอนกลางวัน! ตอนนี้มันกำลังลากเขาลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ไม่นะ!
ความมืดตรงหน้าทำให้หวาดกลัว ตามองเห็นแค่ฟองอากาศของตัวเองที่ใกล้จะหมดลงเรื่อยๆนั้นลอยผ่านหน้า รู้สึกอุ่นที่หางตา น้ำตากำลังไหลผสมกับน้ำทะเลที่เย็นเฉียบ เจ็บเหมือนมีเข็มทิ่มทั่วร่างกาย เจ็บ... หายใจไม่... ออก พยายามที่ถีบกลับแต่ขากลับถูกยึดไว้แน่นจนขยับไม่ได้ น้ำเค็มทะลักเข้ามาในปาก ความเค็มลื่นทำให้อยากจะอ้วกออกมา มือของผมก็พยายามปัดป่ายจะจับโขดหินเอาไว้แต่เพราะมันเร็วเกินไปมือของผมถึงได้บาดกับหินจนเลือดไหลออกมา แสบจนสมองอื้อ ในรูหูเองก็มีน้ำเข้าไปใกล้จะหมดกำลังต่อต้านเพราะถ้าลึกก่วานี้หูจะต้องดับแน่ๆ เพราะเจ็บจนลามไปถึงหัวแล้วตอนนี้
ฟุ่บ!
จู่ๆเหมือนกับว่ามีอะไรชักอย่างลอยผ่านหน้าไป พอมองขึ้นไปด้านบนเอ็ดกำลังว่ายตามลงมา ใช้ปืนยิงสวนเจ้าตัวนั้น
ฟุ่บ
ฮว๊ากก
โดนเข้าที่แขนมัน ขาผมที่ถูกปล่อยนั้นกระแทกเข้าไปที่หน้าของมันเต็มๆ ขณะที่มันกำลังสนใจแขนที่มีเลือดไหลออกมา ผมก็ลอยตัวขึ้นเพราะชูชิพที่พยุงผมเอาไว้
"อึก... ฮะ..."
อากาศกำลังจะหมดไป รู้สึกอุ่น...ทั้งร่างกายนั้นอุ่นจนผมจะหลับไป
ซ่าา!
"อย่าหลับนะ อย่าได้หลับไปเชียว"
ลมอุ่นปะทะหน้า ภาพข้างหน้าเลือนลางเต็มที เห็นเพียงเงาสลัวที่อยู่ด้านบนร่างกาย ในอกกำลังกระเพื่อมมันกำลังขยับขึ้นลงอย่างแรงจนปวด เจ็วไปหมด เจ็บหู... ปวด ปวดหัว
"แค่ก แค่ก... อั่ก"
"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเเล้ว รอดแล้ว"
ผมกระอั่กน้ำเค็มออกมา รับรู้ถึงมืออุ่นๆนั้นลูบไปมาตามใบหน้า ลมหายใจแผ่วลงเรื่อยๆ ได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นระทึกเหมือนถูกรัวกลอง รู้เพียงเท่านี้... รู้เพียงว่าตัวเองกำลังจะรอด ไม่นานจากนั้น ก็เลือนลางไปหมดทุกสิ่ง
………………………………………………………………………………..
โอเค อัพมันให้หมดเลยละกัน ถถถถถถถถ