#ซอโซ่ล่ามธีร์
ด่านที่ 8
รองเท้าเบอร์ 45
ไม่รู้ว่าเหนื่อยสะสมหรือเป็นเพราะเตียงของพี่ธีร์นุ่มมากโซ่ถึงได้หลับยาวมาจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นนั่งกระพริบตาปริบ ๆ พยายามเรียบเรียงสติว่าตนเองมาอยู่บนเตียงได้อย่างไร ภาพสีซีเปียถึงได้พาย้อนกลับไปให้รู้ว่าเมื่อคืนดื่มเบียร์กับพี่ธีร์จนเมาหลับ ซึ่งเขาก็เรื้อนถึงขั้นคลานไปกับพื้นพร้อมพูดอะไรบางอย่างที่สมองคงไม่อยากจดจำ
แย่แล้ว...
พอระลึกชาติได้โซ่ก็รีบคลานลงจากเตียงพร้อมสาวฝีเท้าวิ่งออกไปข้างนอก และสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างแรกคือเสียงรัวคีย์บอร์ดแทนที่จะเป็นเสียงแม่บ้านทำความสะอาดอย่างที่พี่ธีร์ได้บอกเอาไว้ เด็กหนุ่มยืนห่อไหล่พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นปิดปาก ชะโงกหน้ามองแผ่นหลังกว้างจนนึกสงสัยในใจว่าเขาต้องตื่นสายแค่ไหนพี่ธีร์ถึงได้นั่งอยู่หน้าคอม
อย่างที่รู้มาตลอดว่าอีกฝ่ายเป็นคนนอนเช้าตื่นเย็น หรือว่าเมื่อคืนพี่ธีร์หลับไปพร้อมกันก็เลยตื่นเช้าได้ ต้องใช่แน่เลย ทาสีร้านพี่ตั้บมาเหนื่อย ๆ ขนาดนั้นถ้าอยู่ไหวก็คงเป็นคนเหล็กแล้วล่ะ
โซ่ก้าวออกไปตรงส่วนห้องนั่งเล่น ซากกระป๋องเบียร์กับจอยเกมยังคงอยู่จุดเดิมล่อตาล่อใจชวนให้ออกไปทำความสะอาด แต่เอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้เสียงรัวคีย์บอร์ดของพี่ธีร์น่าสนใจกว่าสิ่งไหนในเช้านี้แล้ว
เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างหลังคนที่กำลังตั้งใจเล่น Starcraft ซึ่งเป็นเกมวางแผนรุ่นบุกเบิกตั้งแต่สมัยสิบกว่าปีที่ก่อน และทุกวันนี้ยังมีคนเล่นอยู่ โซ่ไม่รู้ว่าคู่ต่อสู้เป็นชาวต่างชาติหรือคนไทยด้วยกัน เขายืนจ้องนิ้วเรียวยาวทั้งห้ากับเมาส์ซ้ายที่ถูกคลิ๊กอยู่ตลอดเวลาจนอดแอบนับในใจไม่ได้ว่าค่า APM* ของพี่ธีร์จะอยู่ที่เท่าไหร่
และโซ่ก็ได้คำตอบคร่าว ๆ ว่าน่าจะเกือบสี่ร้อย ซึ่งไม่ใช่เรื่องธรรมดาสำหรับเกมเมอร์ทั่วไปเลย
APM (Active per minute) คือ การการควบคุมทุกอย่างภายในหนึ่งนาที โดยนับจากการกดคีย์บอร์ดและเมาส์รวมกันทุกครั้ง ยิ่งคอนโทรลได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้เปรียบคู่ต่อสู้มากขึ้นเท่านั้นเกมจบแล้ว ธีร์บิดขี้เกียจพลางยกกาแฟร้อนแก้วที่สองดื่มพร้อมมองชัยชนะบนหน้าจอ ก่อนจะรู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากด้านหลัง แปลก ๆ ...เหมือนว่ามีใครกำลังจ้องมองอยู่ ถ้านี่เป็นเกม Horror ที่ชอบแจก Jump scare* ชวนให้หลอน แน่นอนว่าธีร์ไม่ใช่คนตั้งหลักเก่ง
Jump Scare ถ้าเป็นหนังกับเกม คือฉากที่อยู่ ๆ ก็มีอะไรโผล่ออกมาให้ตกใจ ผีผ่าง เสียงหวีดโดยที่คนดู/ผู้เล่นไม่ทันตั้งตัวแต่พอหันกลับไปก็พบว่ามีเด็กเด๋อยืนชะโงกหน้ามองอยู่เหมือนผีในหนังสักเรื่อง
“แหก!!!” “...!!!”
ทั้งคู่สะดุ้งพร้อมกันจนกาแฟเกือบกระฉอกออกจากรูฝาแก้วเก็บความร้อน ธีร์ยกมือขึ้นทาบอกพลางถอนหายใจ มองคาดโทษน้องเด๋อที่ยังมีหน้ามาตกใจทั้งที่เป็นฝ่ายโผล่มาเงียบ ๆ
“ตกใจหมดเลยครับ”
“คนที่ต้องตกใจคือพี่ปะ?” เขาหรี่มองพลางบ่นอุบอิบ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก่อนพี่ธีร์บุกฐานฝั่งตรงข้ามแป๊บนึงครับ”
“ไง พี่เทพใช่ไหมล่ะ?” ชายหนุ่มแค่นหัวเราะกับความสามารถที่ไม่ได้มาเพราะจับสลากได้จากงานกาชาด
“เพิ่งรู้ว่าพี่ธีร์เป็นโปรสตาร์คราฟต์ด้วย”
“ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราไม่รู้ แล้วก็คงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตถ้าจะศึกษาชีวประวัติของพี่ ก็นะ... คนมันสตอรี่เยอะ”
“นั่นสิครับ ว่าแต่พี่ธีร์ตื่นตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?” พอได้ยินคำถาม คนพี่ก็ชะงักไปจนลืมว่าเคยขี้ซุยแค่ไหน ธีร์ค้างอยู่ในท่าเตรียมยกกาแฟซด สายตาจดจ้องอยู่กับผนังโง่ ๆ เหมือนว่ามันจะช่วยอะไรได้ และแน่นอนว่าแม่งไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด
“แป๊บเดียวเอง พอดีว่าร่างกายต้องการคาเฟอีนไง Morning Coffee ไรงี้” เขาจีบมือเป็นท่าประกอบ น้องเด๋อจึงพยักหน้าช้า ๆ เหมือนว่าจะเข้าใจ
จะให้พูดว่าเมื่อคืนแทบไม่ได้นอนน่ะเหรอ... ไม่มีทางโว้ย! เดี๋ยวโดนซักอีกว่า ‘ทำไมพี่ธีร์นอนไม่หลับล่ะครับ มีเรื่องให้คิดมากหรือเปล่า เพราะทะเลาะกับแฟนใช่ไหม? บลา ๆๆๆๆๆๆๆ’
“แต่ดื่มสองแก้วเลยเหรอครับ ระวังใจเต้นแรงนะ” ไม่เท่าตอนถูกนอนกอดทั้งคืนหรอกเชื่อพี่...
“มีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จะใจเต้นแรงกับกาแฟ” น้องเด๋อไม่ได้เถียงตอบโต้ แต่อีกฝ่ายเพียงยืนเกาแก้ม ทำหน้าอึน ๆ เหมือนว่าประโยคเมื่อครู่ไม่ได้ดูกวนส้นตีนสักนิด “ไปแปรงฟันไป พี่เอาแปรงวางไว้ให้บนซิงค์แล้ว”
“ขอบคุณมากครับ เอ๊ะ... นั่นใช่ตุ๊กตาที่พี่ธีร์คีบได้วันนั้นหรือเปล่าครับ?” น้องเด๋อชี้ไปทางหมูสีเหลืองหน้าโง่ที่ผงาดแก้มแดงอยู่บนโต๊ะคอมของเขา
ฟัค!!! กูลืมเอาไปซ่อน!!!“พอวางไว้ตรงนั้นแล้วน่ารักมากเลยครับ เห็นไหมว่าโซ่คิดถูก” คนถูกจับได้นั่งตาเหลือก กระดกกาแฟลงคออึก ๆ กลบอาการขายขี้หน้าจนไม่สนความร้อน
“อ้าว พี่วางไว้ตรงนี้เหรอ โหจำไม่ได้เลย ก็งี้แหละของไม่สำคัญ” ร่างกายต้องการเบตาดีน เพราะแถจนสีข้างถลอกลากยาวไปจนถึงจั๊กแร้แล้ว
“ฮึ... ไปแปรงฟันแล้วนะครับ”
“ไปเหอะ ไม่มีน้ำหูน้ำตาให้หรอก” คนขี้เก๊กเอนหลังพิงกับเก้าอี้เกมเมอร์ ยกแก้วเปล่าขึ้นดื่มแก้เขินทั้งที่กาแฟหมดไปแล้ว
“เอื้ออืนโอ้เอื๊อนไอ๊อั๊บ?”
“อะไรนะ?” เสียงแปรงฟันลอดออกมา คนที่ได้ยินไม่ชัดจึงลุกขึ้นเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำพร้อมเท้าแขนลงกับวงกบประตู มองเด็กเด๋อกับแปรงสีฟันและฟองสีขาวที่เลอะเต็มปาก “ทำไม อดใจแปรงให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกมาคุยไม่ได้ใช่ไหม?”
“ไอ้อู้ดแอ้วอั๊บ”
“ขอให้ฟองยาสีฟันไหลลงคอ”
คนถูกแช่งทำตาปริบ ๆ รีบแปรงฟันเร็ว ๆ เพราะอยากได้คำตอบที่ต้องการตั้งแต่ตื่นนอน แต่พอหันหน้าเข้าหากระจก พี่ธีร์ก็เอื้อมมือมาปาดฟองยาสีฟันจากขอบปากก่อนจะป้ายลงบนแก้มเขา
“พูดมาก”
โซ่บ้วนฟองลงบนซิงค์แล้วเงยหน้าขึ้น สบตากับอีกคนที่กำลังยิ้มอย่างกวนประสาท แล้วชี้ไปยังนิ้วหัวแม่มือ “มือพี่ธีร์มีน้ำลายโซ่อยู่ ถ้าเป็นซอมบี้คงติดเชื้อแน่ ๆ”
“แล้วเราเป็นซอมบี้ปะ หือ หือ หือ?” เขามองหาเรื่องพร้อมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ก่อนจะถูนิ้วหัวแม่มือลงบนเสื้อของอีกฝ่ายราวกับรังเกียจนักหนา
“โซ่เป็นซอมบี้”
“กลัวตายแหละ รีบแปรงรีบออกมา เดี๋ยวพาไปกินข้าวแล้วจะได้ไปส่งขึ้นรถ”
“ครับ” น้องขานตอบอย่างว่าง่าย เขาจึงดึงประตูเข้าหาตัว
ธีร์หันหลังให้เสียงแปรงฟัน ทาบมือกับหน้าผากตนเองเช็กดูว่าป่วยหรือไม่ ทำไมถึงรู้สึกดีแปลก ๆ ทั้งที่นอนไม่พอ ชายหนุ่มเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้เกมเมอร์ เอนหลังพิงพร้อมหลับตาทบทวนหาเหตุผลให้ตัวเอง ตั้งแต่กอดเมื่อคืนจนมาถึงตอนนี้ และสุดท้ายเขาก็บอกตัวเองว่า
‘เป็นเพราะชอบอะไรเหมือนกัน และคุยเรื่องเดียวกันได้เขาจึงรู้สึกดี’ใช่ นี่แหละคือคำตอบที่ถูกต้อง
*
“กินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ”
“ขอบคุณครับ” ในหนึ่งวันน้องเด๋อจะพูดคำว่าขอบคุณได้สักกี่ครั้งกัน ธีร์มองอีกคนที่เปลี่ยนเป็นชุดเดิมแล้วหลังจากอาบน้ำเสร็จ เขาจึงพาน้องลงมากินข้าวร้านใต้คอนโด
“พี่ธีร์ชอบกินปลาหมึกเหรอครับ?”
“เปล่า ชอบคนสวย”
“อือ” เขาหลุดขำกับคำตอบที่มาพร้อมสีหน้าเนือย ๆ ของน้องเด๋อ
“จริง ๆ พี่กินได้หมด ขอแค่ทำให้อร่อยก็พอ” น้องพยักหน้ากับคำตอบ ทั้งคู่จึงเริ่มจัดการอาหารมื้อเช้า ท่ามกลางเสียงเพลงคลอเบา ๆ ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
“พี่ธีร์ว่าแฟนพี่ตั้บจะดีใจไหมครับ?”
“เรื่องร้านเกมน่ะเหรอ ดีใจอยู่แล้ว” เขาว่าพร้อมนึกถึงหญิงแกร่งคนหนึ่งที่อยู่กับพี่ตั้บมานาน และทั้งคู่แทบจะไม่ทะเลาะกันเลย “ขอแค่พี่ตั้บทำให้ ซ้อชอบหมดนั่นแหละ”
“ดีจังเลยครับ” ธีร์มองรอยยิ้มบนใบหน้าอีกคน “ได้เป็นส่วนหนึ่งของร้านด้วย คือปกติโซ่ไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้น่ะครับ พอได้ทำอะไรสักอย่างที่เป็นประโยชน์ก็เลยดีใจ” โซ่รีบอธิบายเพราะกลัวถูกเข้าใจผิด แม้ว่าความคิดอีกด้านหนึ่งมันกำลังแย้งว่าไม่มีอะไรต้องกังวล เขามีสิทธิ์ดีใจกับการเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคนอื่นได้
“ต่อไปนี้เดี๋ยวก็มีเรื่องให้ทำบ่อย ๆ มาอยู่ทีมพี่มีแต่เรื่องให้ตื่นเต้น” เขายังคงขายตรง พราวด์ทีมกาก ๆ ให้อีกคนฟัง “ว่าแต่เสาร์หน้าไปไหนไหม ไปเลือกซื้อของรับขวัญหลานกัน”
“ห... หลานเหรอครับ?” ทำไมเหรอ คีย์เวิร์ดนี้มันมีอะไรทำไมน้องเด๋อถึงตาเป็นประกายขนาดนั้น แถมยังหน้าแดงอีก “นับโซ่เป็นคุณอาด้วยเหรอครับ?”
ท่าทางขลาดอายตอนชี้หน้าตัวเองยังคงน่าเอ็นดูไม่ต่างจากทุกครั้ง ธีร์หัวเราะพลางเอื้อมมือไปยีผมเด็กน้อยที่ดูจะตื่นเต้นกับเด็กในท้องซ้อมากกว่าเขากับพวกไอ้แจ็คเสียอีก
“เออไง เป็นคุณอา”
“ว่างครับ ยังไงก็ต้องว่าง โซ่จะรีบเคลียร์ทุกอย่างเพื่อวันเสาร์หน้าให้ได้เลย ว่าแต่พี่ธีร์คิดไว้แล้วหรือยังครับว่าจะซื้ออะไร ของเล่น เสื้อผ้าเด็กทารก หรือว่าขวดนม... ไม่สิ ของเล่นยังไม่ได้ เพราะเรายังไม่รู้ว่าน้องเป็นเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย”
อาหารจานเด็ดกลายเป็นหมันไปแล้วเมื่อถูกแย่งซีนด้วยเรื่องหลาน และหัวข้อสนทนาที่น่าตื่นเต้นยังคงเป็นเรื่องนั้นแทนที่จะเป็นการนินทาเกมเมอร์ชาวต่างชาติฝีมือดี แต่ผ่านไปได้ไม่นานรอยยิ้มบนใบหน้าธีร์ก็จางหายไป
“...”
โซ่เลิกคิ้วมองรุ่นพี่พร้อมฉายแววตาสงสัย ก่อนจะหันหลังไปเพื่อพบว่ามีผู้หญิงสวย หุ่นดียืนมองอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้มากนัก สีหน้าของเธอเหมือนคนจะร้องไห้ แต่ก็แค่เสี้ยววินาทีเดียวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มฝืน
“เดี๋ยวพี่มา” ถึงจะงง ๆ อยู่แต่ก็พยักหน้า โซ่มองตามพี่ธีร์ที่กำลังลุกขึ้นเดินไปหาผู้หญิงคนนั้นก่อนทั้งคู่จะออกไปคุยกันที่หน้าร้าน ผ่านไปราว ๆ ห้านาทีเธอก็ร้องไห้ พี่ธีร์จึงกอดเธอพร้อมลูบศีรษะเบา ๆ
ใครนะ แฟนพี่ธีร์แน่ ๆ เลย
ทั้งคู่เดินจับมือกันกลับมาที่โต๊ะ ซึ่งโซ่คิดว่าพี่ธีร์คงร่ายเวทย์มนตร์ไล่น้ำตาออกไปได้สำเร็จแล้วบนใบหน้าของเธอจึงมีรอยยิ้มแต่งแต้มอีกครั้ง เด็กหนุ่มมองสองมือที่สอดประสานกัน และโซ่คิดว่าเขาควรจะหาจังหวะกลับบ้านเพื่อให้พี่ธีร์ได้อยู่กับเธอสองต่อสอง
“นี่เบลแฟนพี่ ส่วนนี่โซ่ สมาชิกใหม่ในทีมธีร์เอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“สวัสดีครับ โห พี่ธีร์มีแฟนสวยจัง”
“อะไร จีบแฟนคนอื่นต่อหน้าต่อตาเลยเหรอ จะเก่งกาจเกินไปละ” พี่ธีร์เลิกคิ้วมองหาเรื่อง โซ่จึงรีบตะปบปากตัวเองพร้อมส่ายศีรษะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้หมายความแบบนั้น
“โซ่แค่ชมเฉย ๆ นะครับ พี่เบลอย่าเข้าใจผิดนะ” เธอหลุดขำออกมา และโซ่ได้แต่ภาวนาว่าอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจผิดไปอีกคน
“น้องดูใสจริง ๆ ด้วย” เบลมองเด็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างเอ็นดู “ถ้าธีร์แกล้งแรงเกินไปก็อย่าถือสาเลยนะ สักวันเดี๋ยวก็คงชินเหมือนแหลม”
“ไม่ขายกันดิเบล”
โซ่มองทั้งคู่สลับกัน บรรยากาศเริ่มดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับสีหน้าตึงเครียดของพี่ธีร์เมื่อคืนนี้ เด็กหนุ่มแกล้งเอามือถือขึ้นมาดูเวลาเพื่อหาเรื่องหนีกลับบ้าน และตอนนี้เป็นจังหวะที่ดี
“โอ๊ะ! โซ่ต้องกลับแล้วล่ะครับ”
“อ้าว ไหงงั้น?”
“โซ่ลืมว่ายังไม่ได้ตัดต่อคลิปที่เล่นไปเมื่อวันก่อนอะครับ ก็เลยอยากกลับไปทำให้มันเสร็จ ๆ เพราะกว่าจะเรนเดอร์เรียบร้อยก็หลายชั่วโมงเลย”
“น้องโซ่บ้านอยู่ไหนคะเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรครับพี่เบล เดี๋ยวโซ่นั่งรถเมล์ไปต่อเอ็มอาร์ทีดีกว่าครับ” เขารีบโบกสองมือปฏิเสธกับความหวังดีที่ไม่ได้อยากรับไว้ตอนนี้ พี่ ๆ ควรอยู่สองคนแล้วคุยกันนาน ๆ ให้เข้าใจอะ
“ไปด้วยกันดิ เดี๋ยวพี่กับเบลจะไปพารากอนอยู่แล้ว”
“แต่ --”
“น้องครับเช็กบิลด้วย”
โซ่ได้แต่อ้าปากค้างเพราะปฏิเสธไม่ได้ เด็กหนุ่มนั่งเกาแก้มมองจานข้าวที่ยังกินไม่หมดพลางนึกไปว่านี่มันคือสถานการณ์แบบไหนกัน พี่ธีร์ไม่ให้ความร่วมมือเลย อ่านสายตาเขาไม่ออกหรือไงนะว่าอยากให้อยู่กับพี่เบลสองต่อสองอะ...
*
ต่อหน้าถัดไปนะฮับ <3