ตอนที่4
ติ๊ดๆๆๆ เสียงเตือนข้อความดังขึ้นเป็นเวลาเดิมทุกวัน
‘กันทานข้าวยังครับ อย่าทำงานเพลินจนลืมทานข้าวนะ เซ้นส์เป็นห่วง’ ข้อความจากใครบางคนที่ถูกส่งมาเป็นประจำทุกวันวันละไม่ต่ำกว่า10ข้อความ ก็ตั้งแต่วันที่ผมให้โอกาสเขาวันนั้น เซ้นส์ก็ปฏิบัติการ จีบ ผมทันที หึหึ เกิดมา28ปีเพิ่งโดนผู้ชายจีบก็ครั้งนี้ล่ะครับ แรกๆก็ยอมรับนะครับว่ามันรู้สึกแปลกๆ แต่พอนานๆเข้ามันเหมือนเริ่มชิน ซิกเซ้นส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมโดยไม่รู้
“ยิ้มอะไรคนเดียวครับผู้กอง” จ่าเวชเดินมาทักผม
“อะไรกันจ่า”
“เปล่านิครับ” แกตอบหน้าตายก่อนจะหันไปคุยกับหมวดโอ๋แทน
“หมวดครับผมว่า ผู้กองของเราสงสัยจะติดสาวซะล่ะมั้ง”
“ผมก็ว่างั้นล่ะจ่า เห็นมองโทรศัพท์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งวัน”
“นี่ๆพอเลย สองคนนั้นน่ะไปทำงานกันได้แล้วครับ” ผมพูดก่อนจะได้สายตาจับผิดจากทั้งสองคน
หลังเลิกงานผมลากหมวดโอ๋มาเที่ยว ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่ามาตรวจราชการนอกเวลาดีกว่า ผมเดินเข้ามาในผับที่ไม่ได้มาเกือบเดือน ครับไอ้ผับเดิมที่ผมเจอซิกเซ้นส์นั่นแระ
“นั่งๆกินไรเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“มันจะดีเหรอพี่กัน ผมเกรงใจ”
“เกรงใจอะไร มาดื่มๆๆ” ผมยกแก้วที่บรรจุแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มทันที
“โอ๋ พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“อะไรเหรอพี่”
“โอ๋เคยมีความรักไหม”
“ความรักเหรอ ไม่รู้สิครับผมไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรแต่ถ้า ความรักคือการที่เราเอาใจใส่ใครสักคน ห่วงใย ดูแลและร้อนรนทุกครั้งที่เขามีอันตราย ยิ้มทุกครั้งที่เห็นเขายิ้ม ผมว่าผมก็คงกำลังมีความรักเหมือนกัน”
“แล้วถ้าคนที่โอ๋รักไม่ใช่ผู้หญิงล่ะ”
“เฮ้ย นี่พี่เป็นเกย์เหรอ”
“ไม่รู้สิพี่ก็ไม่แน่ใจ” ไม่รู้ว่าเพราะเหล้าหรือเปล่าที่ทำให้ผมกล้าพูดออกไปแบบนั้น
“เฮ้อ ผมว่าเรื่องแบบนี้มันอยู่ที่พี่แล้วล่ะ คิดดีๆนะพี่ พี่รักที่เขาเป็นเขาหรือรักที่เพศเขาล่ะ” โอ๋ตอบก่อนจะค่อยจิบเหล้าไปเรื่อยๆ นั่นสินะผมกลัวอะไรกันแน่ ถ้าถามว่าผมรู้สึกดีไหมที่เซ้นส์มาทำดีด้วย ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีมาก ถ้าถามว่ารังเกียจไหมกับสัมผัสแบบนั้น ผมก็ตอบว่าไม่ แต่ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีแค่รักนิครับ ผมยังแคร์สังคม ยังแคร์พ่อกับแม่ ผมไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไงผมได้แต่กระดกเหล้าเข้าปากอย่างบ้าคลั่งเผื่อว่าความกังวลมันจะหายไปบ้าง ผมไม่รู้ต้องหาทางออกให้ตัวเองยังไงเหลือเวลาอีกแค่3วันที่ผมต้องให้คำตอบกับเซ้นส์
“พี่กันผมว่าพอเถอะพี่”
“เอ้าโชนนนนนนนนนน กินดิโอ๋ ของฟรีนะเว้ย”
“รักนะคะ คนดีของฉันจะวันไหนก็รักเพียงเธอ”เสียงริงโทนที่เซ้นส์บังคับผมใช้ดังขึ้นและมีแค่เขาเท่านั้นที่ผมใช้เพลงนี้
“พี่ไม่รับเหรอ”
“โอ๋รับให้พี่หน่อย แล้วอย่าบอกเขานะว่าพี่อยู่ที่ไหน”
ผมมองชื่อของคนที่โทรเข้ามา “ไอ้หื่น” เหรอ หึหึ น่าสนุกดีนะครับ
“สวัสดีครับ”
“แกเป็นใครว่ะทำไมมารับโทรศัพท์กัน” เสียงในสายตะโกนออกมา
“แล้วคุณเป็นใครล่ะครับ” ผมกวนกลับบ้างซักจะสนุกซะแล้วสิครับ
“มึงจะตอบกูดีๆหรือต้องเจ็บก่อน ” ผมว่ามันชักจะแปลกๆแล้วนะครับหรือคนในสายจะเป็นคนที่พี่กันพูดถึงกันนะ ถึงเวลาพิสูจน์ใจกันแล้วครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้ชายคนนี้คู่ควรจะมาเป็นพี่เขยผมรึเปล่าถ้ามันคิดจะเล่นๆกับพี่กัน มันเจ็บแน่ครับ
“อ้าวทำไมต้องกวนแบบนั้นล่ะครับ”
“มึงอย่ากวนกูนะสัด บอกกูมาว่าเมียกูอยู่ไหน” เสียงในสายตะโกนก้องท่าจะโกรธจัดนะนั่น
“แล้วคุณเป็นใครล่ะครับ ที่นี่มีแค่ผมแล้วก็คนของผมนะครับ”
“ไอ้เชี่ย มึงทำอะไรเมียกูมึงตายแน่ มึงฟังไว้นะกันเป็นเมียกูถ้ามึงยังไม่บอกว่ากันอยู่ไหนกูไม่เอามึงไว้แน่”
“ฮ่าๆๆๆ” ผมหัวเราะเสียงดังลั่นแหม ถูกใจครับ คนห่ามๆอย่างพี่กันต้องเจอคนห่ามกว่าแบบนี้
“มึงหัวเราะอะไรว่ะ”
“คุณเนี่ย เหมาะกับพี่ชายผมจังนะครับ คนนึงบู๊ คนนึงห่าม แหมอยู่ด้วยกันคงสนุกพิลึก”
“คุณหมายความว่าไง”
“ผมชื่อโอ๋ครับ เป็นลูกน้องพี่กัน ตอนนี้ผมกับพี่กันอยู่ที่ผับy รีบๆมาล่ะก่อนที่จะมีคนหิ้วพี่กันกลับ”
ผมวางสายทันทีจากนั้นไม่ถึง5นาที คนที่ผมคุยด้วยก็มาถึง
“หมวดโอภาสใช่ไหมครับ”
“ครับ เรียกผมว่าพี่ดีกว่านะคุณภาสวิช”
“เอ๊ะ ทำไมพี่ถึงรู้จักผม”
“พี่กัน เคยให้พี่หาประวัติเราน่ะ แต่เราเนี่ยใจถึงน่าดูนะ ถึงกดผู้กองขาบู๊ของกองสืบฯได้ ไม่ธรรมดานะไอ้น้อง”
“พี่ก็พูดเกินไป ผมต้องขอตัวพาคนขี้เมากลับก่อนนะพี่นี่ก็ดึกมากแล้ว”
“จะทำอะไรก็รีบทำซะนะ พี่ชายพี่น่ะเป็นประเภทชอบทำเข้มแข็งแต่จริงๆใจอ่อนจะตายแถมขี้กังวลสารพัดถ้ายังมัวจดๆจ้องๆระวังจะแห้วนะ”