ถึงตายข้าก็ไม่ยอมใคร
/เจ้ามาร์คัสพลังเนกิสมันสูงขึ้นอีกแล้ว สักวันข้าจะล้มเจ้าให้ได้/
คีดินยะนึกเจ็บแค้นมาร์คัส เพราะตอนนี้เขาคิดว่าพลังฝีมือของเขากล้าแข็งมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมากแล้ว
ไม่สิไม่ใช่เพียงแค่มาร์คัส รวมถึงแอนนาด้วย พี่น้องสองคนนี้พลังฝีมือกล้าแข็งขึ้นทั้งคู่
ถ้าเป็นแบบนี้คงมีคนมาโค่นล้มตำแหน่งราชันย์ของมาร์คัสลงได้ยากแน่นอน
คีดินยะขึ้นนกมรกตสัตว์เลี้ยงของเขาเพื่อกลับยังสำนักงานใหญ่ของตัวเอง
คีดินยะเป็นผู้นำกลุ่มที่อยู่ทางเหนือของแผ่นดินใหม่ เมืองที่เขาปกครองอยู่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเกือบทั้งปี
ทำให้เขาฝึกพลังไอเย็นได้รวดเร็วกว่าคนอื่นๆ แล้วเขายังมีทวนหยกขาวที่เป็นศาสตราวิเศษ
ทวนหยกขาวสามารถที่จะเพิ่มพลังไอเย็นให้กับผู้ใช้ได้อย่างมาก
ถ้าไม่ใช่คนที่ฝึกพลังสายนี้มาแตะต้องมัน คนนั้นจะกลายเป็นน้ำแข็งทันที
คีดินยะเป็นคนแรกในรอบหลายร้อยปีที่สามารถใช้มันได้
เขากลับไปครั้งนี้เขาคิดจะเก็บตัวฝึกพลังให้กล้าแข็งขึ้นยิ่งกว่านี้
ที่แพ้ครั้งนี้คีดินยะคิดว่าเพราะเขายังไม่สามารถฝึกพลังไอเย็นขั้นที่12สำเร็จ
ถ้าเขาฝึกสำเร็จพลังไอเย็นของเขาต้องทำให้เขาเทียบเคียงมาร์คัสได้อย่างแน่นอน
ฟุบ ฟุบ ฟุบ
เสียงอาวุธบินจำนวนมากพุงผ่านยอดไม้เข้ามาที่เขากับนกมรกตที่กำลังบินอยู่
คีดินยะจับสัมผัสได้รีบใช้เพลงทวนทะลวงใจท่าที่ชื่อว่า ม่านบังใจ
ม่านบังใจเป็นท่าที่4ของเพลงทวนทะลวงใจ เป็นท่าที่ใช้สำหรับป้องกันการโจมตีจากอาวุธซัดชนิดต่างๆ
หลังจากที่ร่ายท่าม่านบังใจออกมา เกิดโล่น้ำแข็งขนาดใหญ่ขึ้นข้างล่างนกมรกต
ฉึก ฉึก ฉึก
เสียงอาวุธลับจำนวนมากปักลงบนโล่น้ำแข็ง แต่เมื่อโล่น้ำแข็งต้องอาวุธลับ
โล่น้ำแข็งจากสีฟ้าอ่านตอนนี้เปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้มตามจุดที่โดนอาวุธลับปักอยู่
“บีซางซอน” คีดินยะเอ่ยออกมาเมื่อเห็นโล่น้ำแข็งเป็นแบบนั้น
บีซางซอน มีอีกฉายาหนึ่งว่า จ้าวแห่งพิษ เป็นหนึ่งในหกจอมทัพ และเป็นที่รังเกียจของผู้คนในยุคนี้
เพราะว่าวิชาที่เขาฝึกนั้นต้องใช้คนในการทดสอบพิษของเขา
มีผู้คนที่ต้องล้มตายลงไปมากมายระหว่างที่เขาฝึกวิชา เขาถือเป็นศัตรูอันดับต้นๆของผู้ผดุงความยุติธรรม
วิชาพิษของเขาเป็นเลิศจนยากที่จะหาคนแก้ได้ถ้าไม่ใช่หมอเทวดา คนที่โดนพิษของเขามีแต่ตายเท่านั้น
บีซางซอนลอบโจมตีคีดินยะเพราะเขารู้มาว่าคีดินยะบาดเจ็บจากการท้าประลองกับมาร์คัส
เขากะฉวยโอกาสนี้โคนล้มคีดินยะที่เป็น1ใน3จักรพรรดิ เขาจะได้ขึ้นครองตำแหน่งนั้นแทน
เมื่อบีซางซองเห็นว่าการโจมตีครั้งแรกพลาด เขาจึงโจมตีใหม่อีกครั้ง
เขาเปิดเผยตัวเองเพราะเขารู้ว่าฝ่ายตรงข้ามย่อมต้องรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร
บีซางซอนกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ที่หลบซ่อนตัว พร้อมกับซัดอาวุธลับของเขาเข้าใส่คีดินยะ
ท่าซัดอาวุธลับดาวกระจ่างฟ้าได้ถูกใช้ออกมา อาวุธลับที่ซัดออกมาพุงกระจายเต็มท้องฟ้า
เงาประกายของอาวุธลับล้อมลอบตัวคีดินยะไว้ ถ้าครั้งนี้เขาเอาแต่ป้องกันคงหลบได้ไม่หมดแน่
คีดินยะใช้มือลูบที่คอนกมรกตเบาๆ มันเข้าใจกับเจ้านายมันทันที
มันเก็บปีกแล้วพุ่งตัวลงพื้นดินอย่างรวดเร็ว
บีซางซอนเห็นว่าคิดินยะเตรียมหลบหนีรีบบังคับให้อาวุธลับทั้งหมดพุ่งโจมตี
ฟ้าววว ฟ้าวว ฟ้าววว
คีดินยะเห็นประกายอาวุธลับนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาพร้อมกัน เขาลุกขึ้นยืน
ท่าม่านบังใจได้ถูกใช้ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่อาวุธลับมีจำนวนมากยากที่จะรับได้ทั้งหมด
“เจ้ามรกตข้าจะแก้แค้นให้เจ้าเอง” เจ้ามรกตเหมือนกับรู้ความหมายของเจ้านายมัน มันหลับตาลง
คีดินยะถ่ายทอดพลังน้ำแข็งเข้าไปในตัวมัน จนเกิดผลึกน้ำแข็งปกคลุมไปทั้งตัวของนกมรกต
เขาพลิกตัวลงไปอยู่ข้างใต้นกมรกตที่แข็งเป็นน้ำแข็ง
ฉึก ฉึก
เสียงอาวุธลับมากมายฝังลงในร่างเจ้ามรกต เสียงยังดังต่อเนื่องจนเขาลงถึงพื้น
เมื่อขาเขาสัมผัสพื้นได้เขาเหวี่ยงร่างนกมรกตเข้าใส่บีซางซอน
“ถึงกับยอมเสียสละนกมรกตเลยหรือ ดูท่าเจ้าจะบาดเจ็บไม่น้อยจริงๆ”
บีซางซอนพลิกตัวกลางอากาศหลบร่างไร้วิญญาณของนกมรกต
ฉับ
รังสีฟ้าอ่อนพุ่งกรีดแขนของบีซางซอนที่ลอยตัวอยู่บนอากาศ
“กร็อดดดด” บีซางซอนกัดฟันแน่น แล้วพลิกตัวหลบรังสีฟ้าอ่อนที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
บีซางซอนหลบเข้าไปในพุ่มไม้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เหมือนจะช้าไปครึ่งก้าว
เพราะคีดินยะได้เข้ามารอเขาอยู่แล้ว
คีดินยะแท่งทวนหยกหิมะเข้าใส่บีซางซอนทันทีที่เขาแตะกิ่งไม้
บีซางซอนยกแขนทั้งสองข้างขึ้นตั้งรับ
แกร็กกก
แขนทั้งสองข้างของบีซางซอนกลายเป็นน้ำแข็ง เพราะพลังของคีดินยะ
ถึงเขาจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับมาร์คัสแต่เขาก็ไม่ได้อ่อนลงแม้แต่น้อย
คีดินยะรุกเข้าไปอย่างต่อเนื่อง เขาไม่ยอมพลาดโอกาสนี่เช่นเดียวกัน
ถ้าเขากำจัดบีซางซอนลงได้ชื่อเสียงเขาจะต้องดังขึ้นกว่านี้อีก
คีดินยะคิดเช่นนั้นเขาจึงลงเมือเต็มที่ ด้วยฝีมือระดับเขาการสู้กับบีซางซอนไม่ใช่เรื่องยาก
บีซางซอนได้แต่ตั้งรับอย่างเดียว ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขาคิดผิดที่คิดว่าคีดินยะจะอ่อนแอลง
แต่คนอย่างบีซางซอนมีหรือที่จะทำอะไรโดนไม่คิด
เขาเตรียมแผนสำหรับการหนีไว้เหมือนกัน ตอนนี้ทั่วตัวเขาเกิดบาดแผลจากทวนของคีดินยะ
“วันนี้ข้าจะกำจัดเจ้า เพื่อคนทั้งแผ่นดิน” คีดินยะบอกพร้อมกับใช้ท่าสังหารท่าแรกของเพลงทวนทะลวงใจออกมา
ท่าตัดใจทำลายรัก เป็นท่าแรกจาก3ท่าสังหารของเพลงทวนทะลวงใจ
ถ้าฝึกพลังไอเย็นไม่ถึงขั้น10ไม่สามารถใช้ท่านี้ออกมาได้
บีซางซอนเห็นเพียงรังสีฟ้าอ่อนพุ่งเข้ามาหาเขาจากทั้งสี่ทิศ
เขาพยายามใช้อาวุธลับเข้าต้านแต่ไม่เป็นผล รังสีฟ้าอ่อนยังคงพุ่งเข้ามาที่เขาอย่างรวดเร็ว
บีซางซอนรีบดีดตัวขึ้นด้านบนแทน คีดินยะยิ้มออกมาที่มุมปาก
“เจ้าเสร็จข้าแล้ว” คีดินยะพุ่งทะยานขึ้นไปหาบีซางซอน
เมื่อเข้าไปในระยะทวนเขาแทงทวนหยกขาวออกไปด้วยความเร็ว จนมองเห็นเพียงเงาของทวนมัวๆเท่านั้น
ตำแหน่งที่ทวนหยกขาวแทงไปนั้นเป็นตำแหน่งหัวใจของบีซางซอน
ฉึกก!!
ทวนหยกขาวแทงโดนบีซางซอน แต่ตำแหน่งกลับพลาดโดนทะลุไหล่ข้างซ้ายออกไป
อึก
คีดินยะกระอักเลือดออกมา เป็นเพราะเขาฝืนใช้พลังมากเกินไปทั้งๆที่ยังบาดเจ็บจากการประลองกับมาร์คัส
บีซางซอนเห็นโอกาสที่จะเอาตัวรอด เขาซัดผงสีเขียวเข้มเข้าใส่คีดินยะ
อ๊ากกกกกกกกก
คีดินยะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อผงนั้นสัมผัสโดนใบหน้า
แต่เขาก็ยังพอมีสติพอ เขาดึงทวนหยกขาวออกจากไหล่ของบีซางซอน แล้วแทงกลับไปอีกครั้ง
บีซางซอนยกมือขึ้นรับอีกครั้งแล้วอาศัยแรงดีดจากการปะทะกันถอยหลังหนีออกไป
คีดินยะทรุดตัวลงกับพื้นเร่งพลังไอเย็นในตัวต้านพิษไว้
ถ้าเป็นคนทั่วไปอาจตายไปแล้วก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ต้องพิษไม่น้อย
ตอนนี้ตาเขามองไม่เห็น เขาได้แต่เดินคลำทางไปเรื่อย เพราะเขาต้องการหาที่หลบซ่อนเพื่อพักรักษาตัวเอง
แล้วที่ป่าแห่งนี้เขาก็ไม่คุ้นเคยเสียด้วย เขาค่อยเพ่งสมาธิจับความเคลื่อนไหวรอบๆก่อนเดินออก
เขาค่อยๆเดินไปในทิศทางที่เขาคิดว่าปลอดภัยที่สุด
ฟุบ!!
คีดินยะที่ตามองไม่เห็นเดินพลัดหล่นลงไปในหลุมขนาดใหญ่ หรือว่านี่จะเป็นจุดจบของจักรพรรดิคีดินยะเสียแล้ว
มาร์คัสหลังจากบอกพวกแอนนาว่าจะออกมาท่องโลกเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของกลุ่มต่างๆ
เขาเลือกเดินทางมาที่ไชน่าทาวน์ เพราะว่าที่แห่งนี้เป็นแหล่งการค้าที่ใหญ่ที่สุด
เขาออกเดินทางมาได้สักระยะเขาก็ซื้อรถมอเตอร์ไซด์ในการเดินทาง เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกตจากคนทั่วไป
“ไหนๆก็ออกมาแล้ว ลองเที่ยวที่นี่ให้ทั่วด้วยเลยดีกว่า” มาร์คัสบอกกับตัวเอง
เขาเข้าไปกินอาหารในร้านชื่อดัง เที่ยวชมสถานที่ต่างๆโดยรอบเมือง
แต่ระหว่างที่เที่ยวชมเขาก็สืบข่าวคราวความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆไปด้วย
“เร็วๆพวกเราคนตีกัน ไปดูกันเร็ว” เสียงวัยรุ่นแถวนั้นตะโกนเรียกกันแล้ววิ่งไปที่สวนสาธารณะ
มาร์คัสก็รู้สึกสนใจไปกับเขาด้วย เพราะที่ไชน่าทาวน์แห่งนี้มีกฎหมายที่เข้มงวดมาก
โดยเฉพาะเรื่องการทะเลาะวิวาท ถ้าโดนจับได้มีสิทธิติดคุกไปนานทีเดียว
มาร์คัสมาที่สวนสาธารณะเห็นกลุ่มคนยืนมุงดูเต็มไปหมด เขาลอบกระโดดขึ้นไปยืนบนยอดไม้
เขาเห็นชายตัวโตสามคนใส่เสื้อหนังสีแดงเข้ม มีเกราะหุ้มหัวไหล่ไว้
เขาจำสัญลักษณ์ที่เกราะได้ว่าเป็นพวกมารโลหิตแน่นอน
กลุ่มมารโลหิตเป็นกลุ่มที่มีชื่อเสียงทางด้านอาชญากรมากที่สุด
เป็นกลุ่มที่ทำการค้าทางด้านมืด ไม่ว่าจะเป็นค้ายาเสพติด อาวุธสงคราม หรือแม้แต่มนุษย์ด้วยกัน
มีดาบมารโลหิตโบรอนเนะเป็นผู้นำกลุ่ม โบรอนเนะเป็น1ใน6จอมทัพ จึงไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะยุ่งกับกลุ่มนี้
พวกมารโลหิตยืนล้อมเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้มไว้
เด็กผู้หญิงคนนั้นได้แต่ร้องไห้ออกมาอย่างเดียว คนที่มุงดูก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย
ท่าทางทั้งสามคนนี้คงต้องการจับเด็กผู้หญิงคนนั้นไปขาย
มาร์คัสคงยอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นต่อหน้าเขา
ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปห้ามพวกมารโลหิต
มีเด็กหนุ่มคนนึงวิ่งเข้าไปขวางสามคนนั้นไว้
เด็กหนุ่มคนนั้นรูปร่างเล็กถักเปียยาว ผมสีบรอนด์สวย
“พวกเจ้าจะรังแกคนอื่นมากเกินไปแล้วนะ” หนุ่มน้อยคนนั้นตะโกนด่าพวกมารโลหิต
ถึงจะอยู่ไกลแต่มาร์คัสสามารถได้ยินเสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นได้อย่างชัดเจน
มาร์คัสคิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่กล้าหาญมากที่เดียว ที่กล้าเข้ามาขวางพวกมารโลหิตแบบนี้
“เจ้าเด็กน้อยอย่าแส่หาเรื่องกับพวกข้าดีกว่า เจ้าก็รู้นี่นาว่าข้าเป็นลูกน้องของใคร”
พวกมารโลหิตทั้งสามไม่ได้ใส่ใจกับเด็กหนุ่มคนนั้นแม้แต่น้อย เดินผ่านเขาไปเฉยๆ
เมื่อทั้งสามเดินผ่านเด็กหนุ่มคนนั้นไป เด็กคนนั้นก็หันกลับมาแล้วเตะเข้าไปที่ขาของพวกมัน
เพียงแค่นี้มาร์คัสก็รู้แล้วว่าเด็กคนนี้ไม่เป็นวิชาป้องกันตัว
พวกมารโลหิตหันกลับมาจับตัวเด็กหนุ่มคนนั้นไว้
“จริงๆแล้วเจ้าก็หน้าตาดีเหมือนกันนี่นา เอาไปขายให้พวกคนแก่ๆที่ชอบเด็กๆคงขายได้ราคาดีเหมือนกัน”
ฮ่า ฮ่า ฮ่า
“ไอ้พวกบ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ” เด็กผมบรอนด์คนนั้นดิ้นรนให้หลุดจากมือของคนที่จับเขาไว้
มาร์คัสไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเขาแน่นอน แต่ถ้าให้เอาออกหน้าไปช่วย
อาจมีคนที่รู้ฐานะเขาก็เป็นได้ เขาคงต้องช่วยจากระยะไกลเสียแล้ว
มาร์คัสกลับลงไปที่พื้นไปเก็บหินก้อนเล็กๆมาเต็มกำมือ ก่อนที่จะขึ้นไปบนยอดไม้อีก
เขาขึ้นมาเห็นภาพเด็กผมบรอนด์กำลังกัดแขนคนที่จับเขาไว้อยู่
จนมันปล่อยตัวเขาร่วงลงกับพื้น
“ไอ้เด็กบ้าอยากตายนักใช่ไหม” คนที่โดนกัดเดินตรงเข้าไปจะทำร้ายเด็กหนุ่มคนนั้น
เด็กหนุ่มคนนั้นเหวี่ยงหมัดมั่วๆออกไป มาร์คัสอาศัยจังหวะนี้ดีดหินในมือใส่ที่ท้ายทอยคนของมารโลหิต
คนของมารโลหิตคนนั้นทรุดลงไปนอนสลบอยู่ที่พื้น
เพื่อนอีกสองคนตกใจวิ่งเข้ามาดูทันที
“เจ้าบังอาจทำร้ายพวกเรา หวังว่าเจ้าคงเตรียมใจไว้แล้วใช่ไหม”
ทั้งสองคนชักดาบที่เอวออกมา ทั้งสองคนวิ่งเข้าไปหมายที่จะสังหารเด็กคนนั้น
ฟิ้วว ฟิ้ววว
มาร์คัสดีดลูกหินออกไปอีกสองก้อน
คนทั้งสองทรุดลงไปนอนกองที่พื้นหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นที่กำลังหลับตาออกหมัดมั่วอยู่
เด็กคนนั้นลืมตาขึ้นมาเห็นอีกสองคนนอนสลบอยู่ที่พื้นเขาก็เปลี่ยนท่าทางทันที
“เป็นไงข้าเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าให้ข้าเอาจริงแล้วเป็นไงละทีนี้ คราวหน้าอย่ามาก่อความเดือดร้อนแถวนี้อีก”
เขายืดอกแล้วพูดกับพวกมารโลหิตที่นอนสลบอยู่ที่พื้น
“เจ้ารีบไปได้แล้วหรือจะรอให้พวกมันฟื้นขึ้นมาจับตัวเจ้าอีก” เขายังคงวางมาดว่าเป็นคนล้มพวกมารโลหิตลงได้
มาร์คัสได้แต่อมยิ้มให้กับท่าทางของเด็กหนุ่มคนนั้น ก่อนที่เขาจะใช้วิชาตัวเบาแอบออกมาจากที่นั่น
เขาตัดสินใจจะไปเยือนกลุ่มมารโลหิตดูสักครั้ง ว่าเพราะเหตุใดช่วงนี้ถึงได้วางอำนาจมากขนาดนี้
แต่ก่อนไปเขาขอแวะกินอาหารร้านอร่อยๆที่นี่ก่อน การออกเดินทางมันสนุกแบบนี้นี่เอง
TBC.