พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก
ตอนที่ 3 เรียนรู้ที่จะเป็นพ่อที่ดี
“อาจารย์คร้าบบบบบบบบ!” ผมวิ่งหน้าสลอนลากไอ้ป๊อกสหายสุดแสนจะเหี้ยมมมมมม! เข้ามาในห้องพักครูอาจารย์พิมพ์ที่รักสาวสวย แกเป็นครูประจำชั้นผมที่สำคัญน่ารักสุดๆ แต่ชอบตีผม แกบอกผมดื้อ ผมไม่ดื้อสักหน่อยยยยยยย ยยยย!
“มีอะไร อย่าโวยวายสิไอ้ดื้อ” ผมปากยื่นก่อนจะยิ้มอย่างเอาใจ
“คือลูกผมจะเข้าโรงเรียนอ่ะครับ ตอนนี้ 13 ขวบแล้ว อาจารย์ว่าจะให้ลูกผมเรียนชั้นไหนดีครับ”
……….. เงียบกริบ …. ทั้งห้อง =_=’ ผมพูดอะไรผิดงั้นหรอ ก็ไอ้ไม้นั้นลูกผมนี้หน่า
“ใจเย็นครับอาจารย์ ที่ไอ้เด็กหน้าหอยนี้พูด คือมันไปรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกครับและตอนนี้พ่อมันก็ดูแลเด็ก ส่วนเด็กที่ว่าก็ดูแลมันอีกทีครับผม” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้บ้าป๊อกที่ยืนทำหน้าตายบอกอาจารย์ผมที่นั่งกุมขมับอยู่ทำไมอะ มันน่าหนักใจขนาดนั้นเลยหรอไง เชอะ ผมเลี้ยงของผมได้น่า!!!!
“ผมมาปรึกษาจริง ๆ นะอาจารย์” ผมลงไปนั่งคุกเข่าทำหน้าอ้อนวอนลูกแมวน้อยใส่อาจารย์ อาจารย์แกมองผมอย่าเหนื่อยใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และพูดขึ้น
“ต้องดูพื้นฐานของเด็กคนนั้นก่อน ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ”
“ไม้ครับ”
“ชื่อจริง”
“… ผะ ผมไม่ได้ถามเพิ่งไปรับมาเลี้ยงเมื่อวานเอง”
“นี้เธอ! เด็กทั้งคนนะจ๊ะ ไม่ใช่หมาแมว ที่จะพูดอะไรง่ายๆแบบนั้น เฮ้อ … พรุ่งนี้พาเด็กคนนั้นมาหาฉัน แค่นี้แหละพวกเธอกลับไปเรียนได้แล้ว” ผมขานรับและเดินคอตกออกมา เชอะๆ ทำไมต้องทำท่าเหนื่อยใจกันทุกคนด้วยนะ ถึงผมอายุแค่นี้ ไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่เคยชอบเด็ก ผมก็จะเลี้ยงให้มันเป็นคนดีด้วยมือของผมนี้แหละ ตั้งใจๆ นะไอ้โทน ฮูเร่!
“มึงนี้นะ มันดื้อด้านจริงๆ” ไอ้ป๊อกหัวมือมาตบหัวผมดังเพี๊ยะและวิ่งหนีผมไป หน่อยยยยยยย ด่ายังไม่พอยังทำร้ายร่างกายกันอีกจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ด๊ายยยยยยยยยยยยยย!!!! รู้จักโทนความไวแสงน้อยไปซะแล้ว อย่าหนีนะว้อยยยยยยยย!!!!!!
.
.
.
ผลั๊ก เฮ!!! ผลั๊ก เฮ!!!! ผลั๊ก!!!!
เสียงหน้าแข้งเตะคู่ต่อสู้ของลุกจันทร์บนเวทีมวยดังแข่งกับเสียงเชียร์ที่โห่ร้องด้วยความสะใจเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ที่กำลังโชว์แม่ไม้มวยไทยกันอย่างถึงรสถึงชาติ กำลังถึงจุดตัดสิน ไม้ เด็กน้อยที่ยืนมองอยู่ข้างสนามตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้า เขาเหมือนได้เปิดโลกใหม่ ได้เจอสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ … และรู้สึกอยากที่จะขึ้นไปยืนบนนั้น
วันนี้พ่อทายพาลูกชายคนใหม่ของลูกตัวเองมาเปิดหูเปิดตาที่เวทีมวยใหญ่กลางเมืองเพราะต้องการหยั่งเชิงว่าเด็กคนที่มีหน่วยก้านดีเช่นนี้จะสนใจในกีฬามวยนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับเด็กคนนี้ เขาปลงอานิจังแล้วเรียบร้อยและไม่คิดจะโทษลูกชายของตนที่ไปเอาเด็กมีปัญหาบ้านไฟไหม้ตายทั้งครอบครัวนี้มาอีกแล้ว ถือว่านี้คือบาปบุญเก่าลูกชายเขาได้ทำเอาไว้และถ้ามองไม่ผิด ไม้คือคนที่จะดูแลลูกชายเขาได้อย่างดีเยี่ยม และเขาตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้เด็กคนนี้ได้ยืนบนจุดกลางเวทีมวยในฐานะนักมวยยอดเยี่ยมอีกด้วย …
กริ๊ง.
ระฆังสิ้นสุดการชกดังขึ้นเสียงเฮกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณจนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ไม้มองภาพบนเวทีก็รู้ได้ทันทีว่าลุงจันทร์เป็นฝ่ายชนะ เพราะนาทีนี้ คู่ดวลดุของลุงจันทร์น็อกลงไปกับพื้นแล้ว เมฆทำหน้าที่โดยการให้น้ำลุงจันทร์ส่วนแสงนั้นวิ่งขึ้นไปบนเวทียกตัวลุงจันทร์ขึ้นแบกไปทั่วทั่วเวทีอย่างดีอกดีใจยิ่งกว่าตัวของลุงแกเองเสียเอง แววตาของเด็กน้อยส่องประกายวิบวับ อย่าน่าเอ็นดู ทันใดนั้นเองมือใหญ่ของพ่อทายก็วางลงบนกลุ่มไรผมนุ่มของเด็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นที่พอจะได้ยินกันสองคนท่ามกลางเสียงโฮ่ร้องดีใจของคนทั่วทั้งสนาม
“เอ็งจะไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก แต่ข้าจะสร้างเอ็งให้เหนือกว่านั้น ว่าไงสนใจไหม”
คำพูดนั้นดูแข็งกระด่างแต่มือใหญ่นั้นกลับอบอุ่น … ไม้ไม่แปลกใจเลยที่พ่อเขากับปู่เขา จะนิสัยเหมือนกันอย่างกับแกะเช่นนี้
.
.
.
“ฮัลโหลวววววววววววว! ไม้อยู่หน่ายยยยยยยยย”
ผมหันไปตามเสียงพ่อตัวเล็กที่วิ่งถลาเข้ามาในบ้านในชุดนักเรียน เขาหยุดอยู่ในท่าแปลงร่างของอุนตร้าแมนทำท่ายิ่งลำแสงใส่ผมที่กำลังถูพื้นสังเวียนมวยอยู่เรียกเสียงหัวเราะจากลุงจันทร์นั่งกินมะยมดองจิ้มพริกตาเกลืออยู่ข้าง ๆ ลุงทิมที่นั่งส่องพระ พี่แสงเห็นเขาแกก็นึกเอ็นดูวิ่งเข้าไปจะเตะ แต่พ่อโทนเอามือปัดขาและสับเข่าเข้ากลางกล่องดวงใจจนอีกฝ่ายจุกลงไปนั่งกองกับพื้น เจ้าตัวพอเล่นคนตัวใหญ่กว่าได้ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่ เอ๊า ! เล่นกันให้พอใจครับพ่อ พอเล่นจนพอใจเขาก็ยิ้มร่าและกระโดดขึ้นมาบนสังเวียนมวยทำท่าตั้งกาดขึ้นปล่อยหมัดแย็บใส่ผม
“พรุ่งนี้เช้าไปโรงเรียนกับกูนะ”
“มึงจะเอาไอ้เด็กนั้นไปไหน” ลุงทายที่เดินผ่านมาพอดีได้ยินก็ถามขึ้น
“เรียนน่ะสิพ่อ แหมถามได้” พ่อตัวเล็กของผมหันไปมุ่ยปากใส่
“ใครจ่ายค่าเทอม ?”
“ก็พ่อไง”
“ตลกแดกไอ้ห่า มึงก็จ่ายเองสิ”
“ได้ไง! กระปุกหนูมีแค่ 50 บาทเอง เก็บมาทั้งชีวิตนะนั้น!”
“ทีงี้มาแทนตัวเองว่าหนู ไอ้ห่าหนูผีน่ะสิ ไม่ต้องเลย เอาไงไอ้ไม้จะเรียนไม่เรียน” ผมไม่ตอบ แต่หันไปมองหน้าพ่อโทนที่ตอนนี้หน้าเหลือสองนิ้ว กัดปากตัวเองผมล่ะกลัวเขาจะเป็นห่อเลือดจริง ๆ คงอยากให้ผมเรียนมากจริงๆ… ผมไม่คิดว่าจะได้เรียนต่อ ไปเคยคิดตั้งแต่วันที่เห็นแม่ตัวเองนอนตัวไหม้เกรียมอยู่ในกระสอบของกู้ภัย …
“ไอ้ไม้” ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกรวบเข้ามากอดด้วยวงแขนเล็ก ๆ ของพ่อโทนเขาโอบรัดหัวผมไว้แน่นจนผมแทบหายใจไม่ออก แต่หน้าแปลกที่ตอนนี้หน้าผมร้อนและเปียกแฉะไปหมด
“ร้องไห้ทำไมว่ะ!” นี้ผมร้องไห้หรอ …
“อ้าว...ดราม่าและไอ้ห่า ไอ้เด็กนี้อยู่ ๆ ก็ร้อง ไอ้เด็กโข่งสมองลิงนี้ก็ร้องตาม โว๊ะ !” เสียงลุงทายบ่นงุบงิบพ่อโทนไม่เถียงอะไรเหมือนเคยและยังกอดผมไว้แน่น
“กูไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นยังไง แต่กูก็รู้ว่าถ้ามึงไม่เรียนอนาคตมึงจะแย่ถึงมึงจะเป็นนักมวย แต่ถ้าเกิดชีวิตมึงพลิกขึ้นมาชกมวยไม่ได้และมึงอ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ จะเอาอะไรกินวะ” พ่อโทนพูดไปก็สะอื้นไปแก้มใสถูไถกับหัวผมเหมือนผมเป็นลูกหมาลูกแมว
“ผม … จะเรียน”
“มึงว่าอะไรนะ ”เขาผลักผมออกเบา ๆ ก่อนจะถามย้ำขึ้น
“ผมอยากเรียน ถ้าพ่อโทนให้ผมเรียนผมก็จะเรียน”
“ฮึก จริงๆนะ”
ผมพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดขอบตาแดงๆให้พ่อโทน กลายเป็นว่าตอนนี้พ่อโทนร้องไห้แทนผมไปแล้วเรียบร้อย ผมไม่รู้ว่ามันจะดีไหมถ้าผมกลับไปอยู่ในสังคมแบบนั้นอีก … แต่ผมอยากทำให้พ่อโทนสบายใจ…นั้นคือวินาทีที่ผมคิดอย่างงั้นจริง ๆ แต่วินาทีต่อมายังไงผมก็ต้องเรียน เรียนเพื่อกลับไปยืนที่ๆผมควรจะอยู่!
“ผมจะทำงานครับปู่ ผมจะผ่อนค่าเรียนส่งให้ลุงโดยแรงกาย ลุงใช้ผมได้ทุกอย่าง ผมจะทำ ผมจะเรียน ผมจะฝึกมวย ผมจะทำทุกอย่าง” ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าลุงทายก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่มีอะไรต้องคิดอีกแล้ว โอกาสของผม ไม่ปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด ไม่มีทาง!
.
.
.
ด.ช. ชนาธิป ญาณวรุตม์ ผมยืนมองชื่อที่ปักลงอกเสื้อนักเรียนชายของลูกผมอย่างประณีตโดยฝีมือผมเอง อิอิ เรื่องแค่นี้เองผมทำได้สบายมาก คึคึ พรุ่งนี้ลูกผมจะไปเรียน ม.1 ที่โรงเรียนเดียวกับผมแหละนั้นแหละ หลังจากที่ไปทำประวัติใหม่และจัดการเรื่องอื่น ๆ เรียบร้อย ก็พาแวะไปตัดผมพร้อมเข้าเรียน ผมไม่เคยเห็นเด็กคนไหนหล่อเท่าลูกผมเลย ลูกผมหล่อที่สุดในโลกแล้ววววววว
“มึงนี้ก็เห่อจัง” ผมหันไปค้อนพี่แสงที่นั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่หน้าลานบ้าน ไอ้บ้าไม่ต้องมาพูดเลย ผมเห่อก็เห่อของผมคนเดียวป่ะ ผมอุตส่าห์นั่งตาแข็งปักเสื้อให้ตั้งสามตัวนะ ตั้งสามตัว ไม่รู้หรอว่าต้องแลกกับแผลที่นิ้วกี่แผลกันจนมันออกมาสวยได้ขนาดนี้!!! ดีใจอ่ะ!!!!
“สวยอะ มีไรไหม พี่ทำได้ปะละ!”
“สวยห่าอะไร ตัวอักษรเบี้ยว ๆ บูด ๆ กูว่าไอ้ไม้อายเพื่อนแน่”
“ผมไม่อายหรอกครับ”
“ฮ่าๆๆๆๆ ลูกผมไม่อายเห็นม่ะ กินข้าวไปเลยเงียบๆ ก่อนที่ผมจะเทให้ไอ้มีมี่กิน”พี่แสงรีบคุ้ยข้าวเข้าปากเมื่อผมบอกจะเทให้มีมี่ลูกหมาพันธุ์ทางขนเกรียนตัวเมียอายุ 4 เดือนกว่าที่ถูกคนเอามาทิ้งหน้าบ้านผมเมื่อไม่นานมานี้ ผมแอบดูให้ข้าวให้น้ำ จนรู้แน่ว่าไม่มีเจ้าของเลยพาเข้าบ้าน และแน่นอน ...พ่อผมก็แทบกินหัวไอ้โทนเช่นเคย
“พรุ่งนี้เปิดเรียนแล้ว นี้ไม้ลุงให้ พระดีไว้คุ้มครองตัวเอง” ลุงทิมยื่นสร้อยพระสมเด็จให้ไอ้ลูกชายผม เชอะ ทีผมได้แต่องค์เล็ก ๆ ไอ้เด็กนี้ได้องค์ใหญ่จัง ลำเอียง!!!!
“เออ กูก็มี นี้เอาเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ตั้งแต่มึงมากูยังไม่ได้ให้อะไรรับขวัญมึงเลย”ลุงจันทร์หยิบแบงค์พันส่งให้ไอ้ไม้ผมมองตาโตเป็นไข่ห่าน!!! ชีวิตนี้ผมยังไม่เคยจับแบงค์พันเย้ยย ยยยย ยยย!
ควับ!
“ขอบคุณลุงสิ” ผมบอกในขณะที่ตาจ้องแบงค์พันในมือตัวเอง
“ไอ้ห่าโทนกูให้ไอ้ไม้”
“ไม่เอาเดี๋ยวใช้เงินเกินตัว”
“มึงนั้นหละจะใช้ของลูกมึงหมด! เอามานี้กูเก็บเอง”ผมพยายามยื้อเอามาจากพ่อทาย เชอะ ไม่ต้องทำหน้าดุหรอกให้ก็ได้ ไม่ง้อหรอก จำไว้นะลำเอียง
“กินกันไปเลยนะ ไม่กินแล้ว งอน!!!!”
ผมกระแทกเสียงก่อนจะเดินออกมากระทืบเท้าเสียงดังปึงปังลงพื้น เสียงพี่เมฆเรียกตามมาแต่ผมไม่สนใจ คนอื่น ๆ ก็เอาแต่หัวเราะ เชอะ! จะงอนสามวันไม่คุยด้วยเลย ข้าวก็หากินกันเอาเอง แต่ถ้าเอาแบงค์พันมาเก็บไว้ที่ผม ผมจะยอมคืนดีด้วยก็ได้ ผมจะเอาไว้ในกระปุกหมีที่เปิดไม่ได้นอกจากทุบ จะเก็บไว้ให้ตอนที่ไอ้เด็กนั้นโตขึ้นและไม่มีเงินกินอ่ะ !!! ทำไมไม่เข้าใจผมบ้าง!!! ผมเป็นพ่อนะ!!!
ผมเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเดินปึงปังไปนั่งลงหน้า TV เปิดเครื่องเกมและเอาแผ่นเกมต่อสู้ใส่ลงไป นี้! เตะก้านคอเลย อะโช๊ะ ศอก เป็นไงล่ะหนุมานก็มา รู้จักไอ้โทนน้อยไปซะแล้ว!!!
อ๊ะ … ว๊ากกกกกกกกก เสื้อยับหมดเลยยยยยยยยยยย! ฮืออออออ ผมเผลอขยำมันอ่ะ รีดใหม่เลยสินะ เซ็งจริง =_=’
แอ๊ดดดดดดดดดด …
ผมชะงักท่าลิงจ๋อเมื่อประตูห้องเปิดออกในขณะที่ผมกำลังลุกไปเสียบปั๊กรีดผ้า ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าไม้เดินเข้ามาหน้านิ่ง … ไอ้เด็กหัวลูกชิ้นนี้จะมาไม้ไหน ผมงอนอยู่นะ =_=’
ผมต้องเอียงคอเมื่อมันมาหยุดตรงหน้าและยื่นแบงค์พันให้ผมหน้าตามันนิ่งมาก นี้มึงเป็นกระไรเส้นยึดหรอ!!!!
“ผมฝากนะครับ… ช่วยเก็บไว้ให้ผมหน่อย … ผมอยากให้พ่อโทนเก็บ”เสียงเบาหวิวเต็มไปด้วยความออดอ้อนจากหางเสียง … ฟินกระจายยยยยยย!!!!!!! คร่อก ตายสนิท!!!!!
“อะ อะ อะ … อ๊ากกกก! ปะ ไปอาบน้ำมานอนได้แล้วมึงต้องไปเรียนนะ!!!”
ผมพูดเสียงดังก่อนจะหันหลังให้ก้าวฉับ ๆ มาริมห้องเอาที่รีดผ้าขาสั้นแบบพับออกมากางและนั่งลงเอาเครื่องเสียบปั๊ก คว้าเอาเสื้อผ้านักเรียนลูกผมขึ้นมาสะบัดและจัดการรีด … ทุกอย่างผมทำไปด้วยจิตใจฟินกระจายเหมือนหุ่นยนต์สนิมเกาะ!!!!
“ผมจะตั้งใจเรียนนะครับพ่อโทน” เสียงประตูค่อยๆปิดลงในขณะที่ผมกลั้นยิ้มแทบไม่ไหวต้องหน้าบานเป็นจานดาวเทียม!!!
พะ พอได้แล้วไอ้เด็กบ้า … จะน่ารักเกินไปแล้ว!!!!
“พ่อครับ” ผมที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่บันไดหน้าบ้านหันไปมองตามเสียง และแทบหัวใจหยุดเต้น น่าย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก! ผมบอกแล้วว่าเสื้อที่ผมปักเองมันต้องเปล่งประกายเป็นยองใย
“เรียกทำไม?” ผมดึงหน้าและหันมาผูกเชือกต่อ ไม่เอาผมจะไม่ยิ้มเดี๋ยวลูกมันได้ใจและไม่กลัวผม ผมต้องครึม หุหุ แต่ฝีมือผมดีจริงๆนะ ใส่แล้วหล่อขึ้นเป็นกองเลย รับรองว่าสาวติดกันตรึมแน่ ลูกโผ้มมมมม
“ไปกินข้าวก่อนก่อนนะ เดี๋ยวกูตามไป”
“ไปไหนครับ”
“เออน๊า ถามมากจริง” ผมว่าและผละตัวเองวิ่งออกมาห้องครัวด้านล่าง
ดูเหมือนภารกิจการเป็นพ่อมันจะซับซ้อนกว่านั้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องทำต้มซุปหัวปลาสูตรบำรุงสมองและร่างกายไอ้ไม้ไว้เป็นมื้อกลางวันด้วย ผมเลยจัดแจงเอาปิ่นโตลาย อุนตร้าแมนใบเก่าของผมสมัยผมเด็กๆ คดข้าวใส่ก่อนจะเอาผสมโรงลงไปด้วยไส้กรอกทอดกับไก่ทอดไม่ลืมต้มซุปที่ใส่ถุงให้เป็นอย่างดี อย่างงี้แหละไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองซื้อข้าวกินฝึกไว้จะได้ประหยัด ยืนมองปิ่นโตด้วยความภาคภูมิใจพักนึงก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัว อ่ะ!ผมลืมกล้วยตอนเช้าแบบนี้ต้องให้ลูกกินกล้วย ลูกผมไม่ใช้ช้างแต่จะต้องท้องไม่ผุ พ่อทายเคยบอกว่ากินกล้วยบ่อยๆจะไม่เป็นริดซี่ ! และยังเสริมกล้ามเนื้อได้อีกด้วย ยิ่งหลังออกกำลังกายนะ กล้ามจะโตๆๆๆ เลยแหละ คิกๆ แค่กล้วยไม่พอผมเตรียมนมไว้ให้ลูกกินอีกแก้วนึงด้วย
คิดได้แบบนั้นผมก็เปิดตู้เย็นที่ใหญ่ท้วมหัว เฮ้อ ผมละเบื่อที่จะต้องปีนขึ้นไปหยิบของที่อยู่ช่องบนสุดทุกที ทำไมนะ ทำไมตัวผมมีแค่นี้ ทั้ง ๆ ที่ผมก็กินนมกินกล้วยแถมต้มหัวปลาแทบทุกวัน มีแค่ผักที่ไม่ชอบกินแค่นั้นเอง ไม่ยุติธรรมเลยถ้าลูกผมตัวโตแถมลูกกว่าผมจะทำยังไง
ผมชักลังเลแล้วสิว่าจะให้ลูกกินกล้วยกับนมดีไหม …
“พ่อครับ”
“ตะ ตกใจหมด”ผมสะดุ้งเอามือกำอก เมื่ออยู่ ๆ ไอ้บ้าเด็กไม้แม่งย่องมาด้านหลังเงียบๆ นึกว่ากุมารทอง!!! ฟู่ … ดีนะไม่หัวทิ่มตกลงไปไม่งั้น ได้กล่าวสวัสดีพื้นเป็นไงบ้างสบายดีไหม เนื้อแกแข็งดีเนอะดูสิหัวกูแตกเลย
“ทำอะไรน่ะ ถ้าตกลงไปจะว่ายังไง” ว่าแล้วก็ค่อย ๆ ปีนลงมาจากเก้าอี้และมายืนแยกเขี้ยวใส่ไอ้เด็กผี
“เข้ามาทำไม ทำไมไม่กินข้าว”
“ลุงทาย…”
“กูบอกให้มึงเรียกเขาว่าปู่ไง”
“… ปู่ทายให้ผมมาตามครับเขาบอกถ้าไม่รีบไปกิน จะเทส่วนของพ่อให้มีมี่กิน” ผมมุ่ยปากก่อนจะยื่นกล้วยกับนมให้ไอ้เด็กบ้าถือไว้ก่อนจะคว้าปิ่นโตของตัวเองและของลูกผม เดินนำออกไปกินข้าวเช้าก่อนจะโดนเทให้หมาแดกซะก่อน
.
.
.
“อ่อ คนนี้หรอ แหม โตเกือบเท่ามึงเลย แน่ใจหรือวะอายุแค่13 น่ะ”
“ไอ้ห่าป๊อก เดี๋ยวกูกระโดดเตะก้านคอหลับเลย แม่ง!!!” ผมยืนมองพ่อโทนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ... เมื่อกี้ยังคุยโวกับผมอยู่เลยว่าตัวเองเป็นคนที่สูงที่สุดในห้องนี้แค่เพื่อนคนแรกที่ผมเห็นเขาก็สูงกว่าพ่อโทนเกือบศอกแหนะ ขี้โม้จังพ่อใครเนี้ย
ผมมองไปรอบ ๆ โรงเรียนของพ่อโทนไม่ได้เป็นโรงเรียนที่ใหญ่มากนัก แต่เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลยัน ม.6 ความจริงแล้วผมเคยมาแล้วรอบนึงตอนมาปรึกษาเรื่องเรียนต่อกับพ่อโทน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจที่จะจดจำมากนัก ถึงวันนี้ผมต้องไปสำรวจตึกของพวกพี่โตบ้างแล้ว เผื่อจะได้แอบไปหาพ่อโทนบ้าง
“ไงไอ้หนู โชคร้ายเนอะมีพ่อแบบนี้” ผมหน้านิ่งไม่ขยับเขยื้อนเมื่อเพื่อนพ่อผมที่ชื่อป๊อกเอามือมาวางบนหัวผม …ไม่ชอบเลยแฮะ … แต่ต้องอดทน ผมจะไม่แสดงออกก้าวร้าวต่อหน้าพ่อโทน … ลับหลังค่อยว่ากัน
“ว๊ะ!ไอ้นี้พูดด้วยไม่พูดด้วยหยิ่งหรอวะ! โอ๊ย!!!”
ผลั๊ว!!!
ผมแอบอมยิ้มสะใจเมื่อพ่อโทนกระโดดตบหัวเพื่อนตัวเองจนเสียงดังผลั๊วขึ้นสนั่นจน พี่สาว ม ปลายที่เดินผ่านไปมาสะดุ้งและรีบวิ่งหนีพ่อโทนมือหนักอันนี้ผมรู้อยู่แก่ใจดีและไม่คิดจะทดลองเหมือนนายป๊อกคนนี้
“บังอาจแกล้งลูกกูไง ไปไอ้ไม้ไปเข้า ม. 1/1 นะ อ่อ และใครแกล้งจดชื่อมันว่า เดี๋ยวกูไปจัดการให้ ”
ผมพยักหน้าและยกมือไม้พ่อโทนที่ทำหน้าปลื้มปริ่มอยู่ พ่อชอบให้ผมเคารพและชอบให้อ้อน เพราะทุกครั้งที่ทำเขาจะทำหน้าฟิน จมูกบาน แก้มแดง ปากยิ้มกว้าง จนแก้มพอง ๆ ของเขาแทบปริ มันเป็นภาพที่น่ารักมาก และผมก็ชอบเห็นมันบ่อย ๆ ด้วย
พ่อโทนผละออกจากผมไปพร้อมกับทิ้งปิ่นโตอุนตร้าแมนไว้ที่ผม … สงสัยพ่อโทนจะชอบอุนตร้าแทนจริงๆแฮะ เอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ดีแล้วที่พ่อโทนเค้าทำกับข้าวมาให้ผมทานที่โรงเรียนผมจะได้เก็บเงินที่ปู่ทายให้มา 30 บาทไว้ เก็บเล็กผสมน้อยเผื่อวันนึงจะกลายเป็นเงินก้อนโตได้
“เฮ้ย … มึงเด็กใหม่หรอ ไม่เคยเห็นหน้ามาจากไหนวะ!”
ผมเหลือบตามองตามเสียงก่อนจะเห็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนใหญ่แต่เตี้ยกว่าผมยืนกร่างพร้อมกับลูกสมุนอีกสองคน … แค่วันแรก ผมก็โดนหาเรื่องซะแล้วหรือเนี้ย … เหมือนเมื่อก่อนจริง ๆ ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็จ้องแต่จะหาเรื่องผม คงเป็นเพราะร่างกายของผมที่มันใหญ่โตเกินหน้าพวกเขา จนทำให้พวกเขาอิจฉาละมั่ง
“เฮ้ย!!! พูดด้วยไม่พูดด้วยเดี๋ยวปั๊ด!”
“นายอ้วน!!!!”
“ตายห่าล่ะเจ้ศรีมา … ฝากไว้ก่อนนะมึง” ผมไม่สนใจกับพวกกระจอกที่วิ่งหนีไม้เรียวของครูที่เดินมา ผมหันไปยกมือไหว้แกก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ
“เด็กใหม่ใช่ไหมเธอ เดี๋ยวครูจะพาไปเข้าแถว อยู่ชั้นไหนล่ะ”
“ม.1/1ครับ”
“เข้าแถวเสร็จและไปหาครูที่ห้องพักครูด้วยนะ”
ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามครูไปยังไม่ทันที่จะเดินถึงแถวเสียงเพลงมาร์ช โรงเรียนก็ดังขึ้นซะก่อน อาจารย์จึงรีบให้ผมเดินตามแกไปที่สนามหญ้ากลางลานโรงเรียนที่ตอนนี้นักเรียนเริ่มพากันเดินไปเข้าแถว และในที่สุดผมก็มาอยู่ในแถวของตัวเอง…โดยที่อยู่หลังสุดเพราะตัวสูงที่สุดและผมไม่ได้แปลกใจที่ใครต่อใครต่างมองมาที่ผมเหมือนตัวประหลาด
.
.
.
“เด็กใหม่!” ผมชะงักเท้าที่กำลังเดินไปหาครูที่ห้องพักหลังจากเลิกแถวแล้ว และดูเหมือนคนนักเรียนคนอื่นจะเข้าห้องกันหมดแล้วทำให้ชั้นทางเดินไม่มีคนอยู่เลย …จะว่าไปเสียงนั้นมันคุ้น ๆ เหมือนจะเป็นเสียงของแมงหวี่ที่บินมาตอมตามหลอดไฟ ผมหันไปมองไอ้หัวโจกอ้วนกับลูกน้องสองคนเดิมที่เดินก้าวเข้ามาหาผมอย่างกร่าง ๆ สรุปมันจะหาเรื่องผมให้ได้เลยใช่ไหม
“มึงเด็กใหม่รู้จักกูรึยังวะ กูอ้วนคุม ม.1 ทั้งสายชั้น”
“…” ผมแสร้งทำหน้างงใส่ ใครจะคิดว่าโรงเรียนเก่าหรือใหม่สถานการณ์ไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย
“หน่อย ลูกพี่มันทำเงียบ” หมายเลข1 กล่าว
“กวนตีนชัดๆเลยลูกพี่” โฮ่ะ หมายเลข 2 ตาม … นี้มันสเตปหลังตลกนี้หว่า
“นี้มึงกวนตีนกูหรอ!!!!” ปิดท้ายด้วยหัวโจก
“…” ผมไม่พูดอะไรเพียงแต่เหยียดยิ้มมุมปากให้มัน หึหึ ตลกชะมัดไอ้อ้วนกับแก๊งหมาขี้ก้างนี้
เพี๊ยะ!
ผมหน้าสะบัดเมื่อหมัดกระจอกปะทะเข้ากับหน้าผมข้อหาหมั่นไส้เป็นการส่วนตัว เบาจัง ยังไม่ได้ครึ่งของ พ่อโทนเลย ผมเหยียดยิ้มให้มันอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ วางปิ่นโตและกระเป๋าหนังสือลงกับพื้นอย่างเบามือ ไอ้หัวโจกอ้วนทำท่าจะถลาเข้ามาหาผมอีก แต่ช้าไปปู่ทายสอนมาว่าถ้าคู่ต่อสู้มาไว ให้จงไวกว่า …..และจบเกมให้ไวที่สุด...
ผลั๊วะ!
ร่างอ้วนล้มหน้าฟาดกับพื้นโดยที่เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้ ทันทีที่ขาผมสะบัดเกี่ยวข้อเท้าจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวสะดุดล้ม ร้องโอดโอยเลือดกำดาวพุ่งอยู่กับพื้น … ผมมองมันอย่างสมเพช จังหวะนั้นดูเหมือนไอ้ขี้ก้างสองคนก็ใจกล้าเหมือนกันเข้ามาจับผมล็อก ...แต่แรงเท่ามด ผมเลยสะบัดออกได้และจัดให้อีกคนละหมัด ลงไปนอนนับดาวกันเลย พอเห็นว่าหมดน้ำยาแล้ว ผมก็จะก้มเก็บของเพื่อไปหาครูที่นัดหมายไว้
“ทำอะไรกันน่ะ!!!!”เสียงร้องไห้ระงมของไอ้3หัวโจก ขึ้นดังจนครูที่อยู่ในห้องพักครูที่ไม่ไกลมากนักเดินออกมาดู
ให้ตายสิทำไมตอนผมโดนรังแกถึงออกมาดูกันไม่ทัน เฮ้อ … เป็นเรื่องจนได้ ปวดหัวชะมัด
ผมนั่งกอดอกกระดิกเท้ามองไอ้ลูกชายตัวแสบที่มาโรงเรียนวันแรกก็ทำเรื่องซะแล้วภายในห้องปกครองที่แอร์ช่างหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจวัยรุ่นโดยมีสายตาของครูฝ่ายปกครองนั่งจ้องไม่ละสายตา และอย่าคิดนะครับว่าพ่อทายผมจะรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไง แค่โทรไปบอกว่าไอ้ไม้มีเรื่อง ก็หัวเราะล่าแถมยังเอ่ยชมมันไม่ขาดปากบอกว่ามันนิสัยเหมือนแกตอนสมัยห้าวเป้ง ลูกผู้ชายมันต้องอย่างงี้อย่างงั้น และบอกว่านี้มันเป็นหน้าที่ของผมให้ผมจัดการเองแกไม่เกี่ยว ให้ตายเหอะ นั้นพ่อนะ แต่นี้ลูกผม!!! ใครจะอยากให้ลูกตัวเองมีเรื่องตอนกำลังเรียนอยู่วะ และนี้ก็วันแรกนะ นี้แค่วันแรก!!!!
“มีอะไรจะแก้ตัวไหมไอ้ไม้”ผมถามมันขึ้นในขณะที่พ่อแม่ของไอ้เด็กสามคนนั่งหน้ายักษ์มองมาที่ผมอย่างหยาบคาย เดี๋ยวกูก็หนุมานถวายแหวนให้หลับซะนี้ ไอ้ห่ามองจัง
“ไม่ครับ”
“ฮึก แม่จ้า มันทำอ้วน อ้วนเจ็บ” อ้าว ไอ้นี้ก็สำออย แค่หน้าฟาดพื้นเลือดกำกาวไหลทำเป็นคุย หน้าลูกกูก็บวมเหมือนกัน ชักหมั่นไส้ละ อีกอย่างผมเชื่อว่าลูกผมไม่ได้เริ่มก่อน … วัน ๆ มันคุยกับใครที่ไหน
“นี้ไอ้หนู เล่นเป็นพ่อลูกกันหรือไง ทำไมไม่ตามพ่อมา ฉันจะเรียกร้องค่าเสียหาย” ผมหันไปค้อนพ่อไอ้เด็กลูกขี้ก้างที่นั่งเอาน้ำแข็งประคบหน้าอยู่ก่อนจะกัดฟันกรอด
“ขอโทษนะลุง นี้ลูกผม และถ้ามีอะไรก็คุยตรงนี้เลย” ผมว่า ไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายกับผู้ใหญ่ แต่ในเมื่อผู้ใหญ่หน้าเงินไม่ถามเหตุการณ์ว่าอะไรเป็นอะไรก่อน ผมก็ไม่ควรจะนับถือ ถ้าอยากได้เงินมากนัก เดี๋ยวพ่อจ่ายด้วยลำแข้งสักป๊าบสองป๊าบ
“ว๊าย ตายแล้วจะบ้าหรอ เธออายุเท่าไหร่ถึงมีลูกโตขนาดนี้ ลูกแม่อย่าไปฟังลูก โอ๋ๆเจ็บไหมจ๊ะ ดูสิบวมใหญ่เลย ฉันจะแจ้งตำรวจ!!!” เจ้แม่ไอ้เด็กอ้วนนั้น มั่นหน้าแจ้งตำรวจหรอ ก็ได้ถ้าจะแจ้งผมขอจับหน้ากระแทกพื้นอีกสักทีจะได้คุ้ม ๆ กับค่าปรับและนอนคุก
“นี้คุณ ไม่คิดจะถามลูกคุณหน่อยหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไหนไอ้ไม้เล่าสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ห้ามตอแหลไม่งั้นกูนี้แหละจะชกมึงให้กลายเป็นกระสอบทราย”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่สนใจอาจารย์ปกครองที่นั่งหน้าเคร่งเครียด คนอย่างผมเล่นคือเล่นแต่ถ้าจริงจังขึ้นมาเมื่อไรผมไม่เล่นกับใครทั้งนั้น นี้คือลูกผมและถ้าใครมาใส่ร้ายลูกผมผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน และผมเชื่อว่าไอ้ไม้ไม่ทำใครก่อน เด็กอย่างมันนิ่งเกินไปจะทำร้ายใครก่อน
“ผม…”
“กูย้ำอีกทีนะ ถ้าโกหกมึงได้เห็นดีกับกูแน่”
“แง แม่จ๋า มะ มัน…”
“เงียบไอ้อ้วน!!!!!” ผมตวาดลั่นไอ้เด็กอ้วนซุกอกแม่มันทันที ภายในห้องเงียบสนิทลง บอกแล้วอย่าให้กูโมโห ถ้าโมโหอ่ะเรื่องใหญ่
“ผมจะไปห้องพักครูตามที่ครูศรีบอกไว้ แต่ระหว่างทางพวกเขามาหาเรื่องผม ผมแค่ป้องกันตัว”
“จริงรึเปล่า ?” ผมหันไปถามไอ้สายหนอจิ๊กโก๋เด็กที่กร่างทั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยที่ซุกอกพ่ออกแม่มันอยู่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“กูถามว่าจริงรึเปล่า”ผมถามย้ำขึ้นอีกครั้ง ไอ้เด็กอ้วนบ่อน้ำตาแตกร้องไห้ออกมายกใหญ่ทันที ผมเหยียดยิ้มก่อนจะหันไปหาครูปกครอง
“แค่นี้ลูกผมก็ไม่ผิดแล้วใช่ไหมครับครู”ครูปกครองเหยียดยิ้มให้ผมนิดนึงก่อนจะส่ายหน้า
“ยังไงก็ผิดที่ใช้กำลังกันเข้าใจรึเปล่านายโทน แต่คุณพ่อคุณแม่คะ ถือซะว่าเรื่องของเด็กทะเลาะกันยอมกันเถอะนะคะ เพราะอย่างไรหากสืบสาวเรื่องกันจริง ๆ จะผิดทั้งคู่กรณี ซึ่งดิฉันเกรงว่าจะไม่ดีนัก” ครูพูดอย่างใจเย็น ใช่ครับ เรื่องนี้ผิดทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับว่าใครผิดมากผิดน้อย ผมเลิกคิ้วมององค์ประชุมลอบห้องก่อนที่ต่างฝ่ายต่างอ่อนลงและยอมความกันในที่สุด เพียงแค่ว่าอย่าให้มีซ้ำสองเท่านั้น ผมลุกขึ้นและฉุดไอ้ไม้ให้เดินตามออกมาด้วย … เฮ้อ นี้สินะหน้าที่ของคนเป็นพ่อ
“พ่อโท…”
ผลั๊ว!!!
ยังไม่ทันพ้นห้องปกครองดี ผมหันไปตบซ้ำรอยแผลเดิมของไอ้ไม้ … เอาให้จำจะได้ไม่ทำอีก!!! มันหน้าสะบัดไปอีกทาง และนิ่งงันไป ดูเหมือนเสียงจะดังจนในห้องปกครองผวากันพอสมควร ครูฝ่ายปกครองถึงกับกุมขมับส่ายหน้าไปมาและชี้ไม้เรียวมาทางผมอย่างคาดโทษ
“นี้แค่สั่งสอน ถ้ามีอีก เจอหนักกว่านี้” ผมว่าก่อนจะเดินออกมาไม่สนใจมันอีก โมโห ยอมรับว่าโมโหมาก ถึงมันจะป้องกันตัว แต่มีหลายวิธีกว่านี้ในการหลบหลีก การยอมไม่ใช่ว่าไม่ขี้ขลาด และไอ้ไม้ไม่รู้จักข้อนี้ ผมยอมให้ลูกผมมีเรื่องได้แค่บนสังเวียนมวยเท่านั้น … ผมจะไม่สอน แต่จะให้มันซึมซับและสำนึกด้วยตัวเอง
.
.
.