วันที่ ๗ – เมื่อวันวาน ไม่เคยมีอยู่จริง
การแต่งงานจัดอย่างเรียบง่ายในโรงแรมขนาดกลาง มีแขกเหรื่อของฝั่งเจ้าสาวประมาณนึง
ส่วนเพื่อนพ้องของผมกับเชอรี่ ก็มักเป็นกลุ่มเดียวกันอยู่แล้ว ทุกคนดูสุขสันต์ มีภาพถ่ายที่งดงามสมใจเจ้าสาว
มีรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าแม่ผมในแบบที่ผมอยากให้เป็น
“เจ้าบ่าวยิ้มหน่อยสิครับ” ช่างกล้องเพียรเอ่ยเตือนบ่อยครั้งจนเชอรี่ต้องหันมาถามอยู่ตลอดว่าผมเป็นอะไร
เราวางแผนจะมีลูกในวันอันใกล้นี้ ผมตั้งใจจะสอนเทนนิสเป็นรายได้พิเศษ เผื่อช่วงที่เชอรี่ทำงานไม่ไหวจากครรภ์แรก
ชีวิตก็ดำเนินต่อไปในแบบที่มันควรจะเป็น
ดลมางานของเราด้วย เขามาในเสื้อแจ็คเก็ตสีขาวทับเสื้อเชิ้ตสีเทา กางเกงดำ ดูน่ารักสมวัย จนเพื่อนในกลุ่มกีฬาของผมแอบแซวเมื่อเห็นหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้
“น้องๆ มานั่งตรงนี้ก็ได้นะ ว่าง... เอิ่ม พวกพี่ก็ ว่าง” เจตน์ ไอ้เพื่อนเลว
“ขอบคุณครับ” ดลพยักหัวตอบ พร้อมจะเดินไป
“ไม่ต้อง อยู่ช่วยพี่ตรงนี้” ผมคว้าข้อมือดลไว้ ให้นั่งใกล้
ไอ้พวกนักกีฬานี่เอาเข้าจริง มันเห็นใครที่ดูขาวใสก็ดันจีบได้หมด
ส่วนผมถึงกับออกอาการหวง และบอกไปว่าเป็นน้องชายที่ผมเอ็นดูเพื่อปรามพวกมันไว้
ถ้าผมคิดเข้าข้างตัวเอง ดลสีหน้าเหมือนวิญญาณหลุดลอยตอนที่ผมสวมแหวนให้เจ้าสาว
“เหนื่อยไหมดล ขอบคุณนะที่มาช่วย พี่ตื่นมาแต่งหน้าแต่เช้า เบลอไปหมดเลย”
“ไม่หรอกครับพี่เชอรี่ แหม เหนื่อยแต่คุ้มนะครับ พี่เชอรี่สวยมากเลยครับวันนี้”
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาก็แวะเวียนมาช่วยเตรียมงานแต่งของผมอยู่บ้างเมื่อมีโอกาส เชอรี่กับดล เข้ากันได้ดีและก็พูดถึงกันในทางบวกเสมอ เชอรี่เอ็นดูดล เพราะเธอก็ไม่มีน้องชาย เธอกำชับให้ดลแวะเวียนมาทานข้าวที่บ้านให้บ่อย
ผมรักเชอรี่ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะให้หัวใจกับผู้หญิงคนหนึ่งได้ ดังนั้นถ้าไม่มีอุปสรรคอันใด ชีวิตคู่ของผมก็คงสมบูรณ์ในตามครรลองขององค์ประกอบที่ดีแน่น ผมเชื่ออย่างนั้น
ผมเลือกที่จะไม่กลับไปยังย่านร้านนวดแถวนั้นอีกเลย ผมพยายามขลุกกับครอบครัวให้ยาวนานที่สุด แล้ววันคืนน่าจะชะล้างหัวใจอันโสมมของผมลงได้
เวลาที่หายไปกับการเล่นกีฬา ผมใช้มันกับดล เขาทำให้ผมเอ็นดูเขาขึ้นทุกวัน และเขาก็ยืนยันว่าแม้เขาจะกลับไปอยู่กับพ่อที่ภาคเหนือเมื่อเรียนจบ เขาจะจดจำเสมอว่าเขามีพี่ชายที่แสนดีอยู่ในเมืองหลวง
ผมตั้งใจจะหาเวลาไปเยี่ยมเขาหากทำได้
แต่ก็ต้องคอยกันพวกไอ้เจตน์ ที่ขยันแทะโลมน้องดลอยู่บ่อยครั้ง
ในวันหนึ่งดลก็คงจะมีครอบครัวไป ส่วนผมคงใจหาย มันเหมือนอะไรที่หล่นวูบในหน้าอกทุกครั้งที่คิดไปถึงวันนั้น ไม่อยากให้มาถึงเลย ให้ตายสิ..
ผมจองจำความหลังช่วงสั้นไว้ที่หลังม่านนั่น ในร้านนวดที่แสนท้าทาย มันรุกเร้า มันร้อนรุ่ม แต่มันก็ต้องยับยั้ง
บนเส้นแบ่งสุดบางเฉียบเจียนขาดสะบั้นอยู่รอมร่อ ระหว่างภูมิปัญญาไทยอันเลอค่า กับตัณหาที่พร้อมจะผุดขึ้นมาให้ใจอยู่ทุกขณะจิต
แล้ววินาทีที่ผ้าม่านถูกรูดปิด ก็จะเป็นเพียงแค่ความลับของผม และใครอีกคน ที่ได้เลือกแล้วว่าจะคงอยู่บนครรลองตามที่สัญญากับครูบาแพทย์ผู้ประสาทวิชาและคนที่เราคบหา แม้บางคนเลือกที่จะใช้มันไปสู่หนทางสีดำแสนอันตราย
ผมคนหนึ่งที่เคยพ่ายแพ้มันมาแล้วและเรียนรู้ที่จะไม่อยู่กับมัน ช่วงเวลานั้นคงเป็นความทรงจำที่ผมจะฝังมันไว้ให้ลึกที่สุด ไว้หลังม่านนั้น วันเวลาของผมกับหมอนวดชายคงแค่มีตัวตนสีจางในความทรงจำ...