เพลิงพ่าย
บทที่ 39
เรื่องที่อินไฟไนท์อินดัสเตรียลถูกโขมยผลงานได้เรื่องคืบหน้าไปมากเมื่อทางฝ่ายสืบสวนทำงานกันอย่าง
รวดเร็วในทางลับ ปราบจึงได้รู้ว่าทั้งหมดมันข้องเกี่ยวกับอดีตพนักงานคนหนึ่งชื่อกานต์ซึ่งกำลังสร้างปัญหาให้กับชีวิตรัก
ของเพื่อนสนิทของเขาอยู่ที่ไร่บนดอยสูง แต่สิ่งที่รู้เพิ่มเติมและทำให้เขาต้องกัดฟันกรอดก็คือคนที่นำข้อมูลใส่พานไปให้
บริษัทคู่แข่งกลับกลายเป็นฝรั่งที่ชื่อแดน ปราบรู้ดีว่ามีคนชื่อนี้ไม่กี่คนหรอกที่จ้องทำลายเขาในทุกทาง
ความเข้าใจผิดจนต้องสูญเสียคนที่รักมากที่สุดทำให้แดเนียลเกลียดปราบจนเข้าไส้ และปราบก็รู้ดีว่าแดเนีย
ลเจ้าคิดเจ้าแค้นพอที่จะคิดร้ายกับทุกคนที่แวดล้อมเขาโดยเฉพาะปมุต ปราบรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร
ปมุตกลายเป็นตัวแทนของราฟาเอลในสายตาของแดเนียล เช่นกันกับที่เขาเคยเห็นราฟาเอลเป็นเงาของ
ปมุตในอดีต ดวงตาสีน้ำข้าวที่มองปมุตอย่างต้องการที่จะครอบครองสร้างความกังวลให้ปราบอยู่ไม่น้อย เขาเกรงว่าจะ
คุ้มครองคนที่เขารักได้ไม่เต็มที่ในขณะที่เกิดเรื่องบาดหมางกับปมุตเเพราะความสะเพร่าของตัวปราบเองรวมทั้งความบ้า
ของแดเนียลที่ถึงกับหลอกปมุตไปได้ครั้งหนึ่งแล้ว ปราบสัญญาว่าเขาจะไม่ปล่อยปมุตไว้ห่างกายเด็ดขาด
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่แววดาวเลขานุการสาวใหญ่หน้าห้องจะก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เจ้า
หล่อนรีบละล่ำละลักบอกเขา
“คุณปราบดูข่าวด่วนทางทวิตเตอร์หรือยังคะ”
“ข่าวอะไรครับคุณแวว ผมยังไม่ได้ดูข่าวอะไรเลยวันนี้”
แววดาวยื่นโทรศัพท์มือถือของหล่อนให้ปราบ
“คุณโมกข์ค่ะ คุณโมกข์ถูกลักพาตัวไป ตอนนี้ทุกสำนักข่าวยืนยันตรงกันแล้วนะคะคุณปราบ”
ปราบตรงดิ่งไปที่ค่ายเพลงของปมุตทันทีที่รู้ข่าวว่าโมกข์ถูกลักพาตัว เขาโทรศัพท์ไปหาพัทธ์เพื่อปลอบใจ
แล้ว ไม่นานหลังจากนั้นคนที่ลักพาตัวโมกข์ไปจึงได้บอกจำนวนเงินที่ต้องการซึ่งมันมากโข แต่สำหรับเพื่อนตายอย่าง
โมกข์เงินไม่ใช่ปัญหา เขาให้แววดาวรีบหาตั๋วเครื่องบินให้เขาโดยด่วนก่อนที่จะมาหาปมุต
“ไปกับพี่”
เขาทำท่าจะคว้าแขนปมุตเมื่อเจอหน้าโดยไม่สนใจแววตาหมางเมินนั่น ปมุตฝืนตัวไว้ไม่ยอมเดินตามปราบที่
กำลังหงุดหงิดเพราะห่วงเพื่อน
“ไปไหนครับพี่ปราบ นี่ป้องกำลังจะอัดเสียงซิงเกิ้ลใหม่ไปไม่ได้หรอก”
“ไอ้โมกข์มันถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่ พี่ต้องรีบไปที่ไร่ของมันและป้องต้องไปกับพี่”
ปมุตเองก็ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยิน แต่เขาก็ยังเม้มปากและทำท่าจะเถียงปราบจนปราบต้องดึงต้นแขนทั้งสอง
แล้วเขย่าเบาๆ
“พี่รู้ว่าป้องยังโกรธเรื่องชนัยแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาตั้งแง่กับพี่ ยังไม่เข็ดหรือไงที่ไอ้แดนมันพาเข้า
โรงแรมน่ะ พี่ยังไม่ไว้ใจอะไรทั้งสิ้น ไม่ว่ายังไงป้องก็ต้องไปกับพี่”
ปราบลากแขนปมุตเข้าไปบอกกล่าวกับโปรดิวเซอร์ที่ควบคุมงานอยู่ และใช้สิทธิ์ความเป็นพี่ชายลากแขน
ปมุตออกมาจากห้องบันทึกเสียงทั้งที่ทุกคนยังงงอยู่ ปมุตต้องเดินตามแรงกระชากของปราบจนถึงสนามบินที่แววดาวมา
รอส่งตั๋วเครื่องบินให้เจ้านายพร้อมทั้งอวยพรให้ปลอดภัยและช่วยโมกข์ให้ได้ ตลอดทางจนถึงไร่มนัญชัยปมุตยังไม่ได้
พูดกับปราบแม้แต่คำเดียวเพราะปราบกำลังเครียดอยู่กับการหาทางช่วยโมกข์
แม้จะยังใม่กระจ่างถึงความสัมพันธ์ระหว่างโมกข์กับโนเอลและปราบว่าทั้งหมดรู้จักกันหรือไม่ แต่ปมุตเองก็
เป็นห่วงโมกข์เช่นกัน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอยู่นิ่งๆในบ้านพัก ปมุตต้องนอนเพียงคนเดียวในห้องรับรองแขก
เมื่อปราบและพัทธ์กำลังปรึกษากันเรื่องไปช่วยโมกข์ในยามเช้าวันรุ่งขึ้น จนกระทั่งฟ้าใกล้สางปมุตจึงย่องลงไปด้านล่าง
เขาเห็นปราบแต่งกายรัดกุมพร้อมกระเป๋าใส่เงิน ปมุตถอนหายใจแล้วก้าวเข้าไปยืนประจันหน้า
“ระวังตัวด้วยนะครับพี่เดี่ยว อย่าบ้าบิ่นมากนะ”
สีหน้าเคร่งขรึมคลายลงจนอมยิ้มได้ ปราบยกมือลูบแก้มเนียนอย่างทะนุถนอม
“แค่ป้องหายโกรธพี่เดี่ยวกำลังใจก็ท่วมท้นแล้ว”
หนุ่มน้อยเบ้ปาก แต่ดวงตาปิดบังความขัดเขินไม่มิด
“ยังโกรธอยู่ครับแต่เก็บไว้ก่อน ความปลอดภัยสำคัญกว่า ถ้าพี่เดี่ยวกลับมาป้องจะคิดบัญชีกับพี่เดี่ยวทบ
ต้นทบดอก”
“งั้นพี่ไม่กล้ากลับมาละ กลัวถูกป้องทำโทษ”
“พี่เดี่ยว!”
ปมุตยกมือนุ่มขึ้นปิดปากปราบพร้อมด้วยสีหน้าตกใจที่ปราบพูดประโยคนั้นออกมา
“พี่เดี่ยวต้องกลับเพราะว่าป้องอยู่ที่นี่ ถ้าไม่กลัวป้องจะหนีไปอีกก็ตามใจ”
แม้จะหวาดหวั่นในเหตุการณ์รุนแรงนี้แต่ปมุตก็ต้องทำใจให้เข้มแข็ง เขาโน้มคอปราบลงมาจนริมฝีปากทั้งคู่
จรดกัน ปราบถือโอกาสรวบเอวบางเข้ามากอดและฝากจุมพิตเอาไว้กับเรียวปากนุ่มของปมุต
“ไม่ต้องกลัวนะป้อง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่เดี่ยวจะไม่ทิ้งป้องไปเด็ดขาด”
แล้วปราบก็ต้องออกไปกับพัทธ์ ปมุตได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความหวั่นใจ กระวนกระวายอยู่แต่ใน
บ้านหลังใหญ่เพียงลำพังเมื่อทุกคนมุ่งไปช่วยเหลือเจ้าของไร่ในป่า ปมุตกอดเข่าตนเองอย่างหวาดกลัวทุกครั้งที่เสียง
ปืนดังแว่วมาจากเชิงเขาที่ไกลออกไป
กว่าจะมีเสียงรถยนต์ดังมาจากที่ลาดด้านล่างของบ้านไม้สักทองของโมกข์เวลาก็ผ่านไปจนเย็นย่ำ ปมุตผวา
ไปที่ประตูพลางมองอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นร่างสูงสง่าของปราบเดินขึ้นเนินตรงมา เขาก็ฉีกยิ้มอย่างยินดีพลางวิ่ง
เข้าไปสวมกอดจนปราบรับเกือบไม่ทัน
“พี่เดี่ยว”
ปราบลูบผมนุ่มของปมุตอย่างเอ็นดูจนปมุตคลายอ้อมกอดและมองร่างกายของเขาอย่างสำรวจ พลัน
สายตาเห็นวงเลือดที่เปื้อนเสื้ออยู่ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างอย่างตกใจ
“เลือด พี่เดี่ยวบาดเจ็บหรือครับ”
“ใจเย็นป้อง พี่เดี่ยวไม่ได้เจ็บ”
ปราบคล้องแขนไปรอบคอปมุตและพาเดินเข้าไปในตัวบ้านพลางเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“พ่อเลี้ยงสุชัยที่มีปัญหากับโมกข์เรื่องแรงงานต่างด้าวเป็นคนลักตัวไอ้โมกข์ไป พอได้เงินมันทำท่าจะ
ตุกติกก็เลยต่อสู้กันจนสุชัยถูกยิงตายด้วยฝีมืออาจารย์พัทธ์ แต่อาจารย์ก็ได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล
มีไอ้โมกข์เฝ้าเมียแสนดุของมันอยู่”
ปมุตถอนหายใจโล่งอก
“ดีนะที่จบลงได้ด้วยดี”
“พี่กลัวว่าจะยิ่งเลวร้ายน่ะสิ”
ปราบขบกรามกรอด
“ตำรวจที่ทำคดีนี้อยู่บอกพี่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นเจ้าของเงินให้พ่อเลี้ยงสุชัยคือไอ้แดน เขาเพิ่งได้หลัก
ฐานมาจนสามารถออกหมายจับมันได้ แต่ตอนนี้ยังหาตัวมันไม่เจอ”
“โอ พี่เดี่ยว เรื่องนี้รุนแรงมาก ป้องไม่นึกว่าผู้ชายคนนั้นจะอันตรายขนาดนี้”
ปราบดันไหล่ให้ปมุตนั่งลงบนเก้าอี้โซฟารับแขก เขาพาดแขนไปบนไหล่ของปมุตและกระชับเบาๆ
“มันร้ายกว่านั้นเยอะ ขนาดกล้าที่จะหักหลังพ่อบุญธรรมของพี่ได้”
ปราบยอมเล่าเรื่องราวแต่หนหลังให้ปมุตฟังว่าเขาเคยมีความสัมพันธ์กับราฟาเอลโดยที่ไม่รู้ว่าราฟาเอล
คือคนที่แดเนียลแสดงความเป็นเจ้าของจนกระทั่งขัดเคืองกัน แดเนียลหันไปร่วมมือกับมาเฟียฝ่ายตรงข้ามและหลอก
ปราบไปฆ่าทิ้งแต่บังเอิญราฟาเอลต้องมารับเคราะห์ไป แดเนียลเข้าใจว่าราฟาเอลยอมตายเพื่อปราบจนกลายเป็น
ประเด็นผิดใจกัน
“นึกแล้วก็สงสารราฟ พี่ยอมรับว่าพี่เองก็ผิดที่มีเซ็กส์กับราฟเพราะเห็นเขาเป็นเงาของป้อง”
“โธ่ พี่เดี่ยว”
หัวใจที่เปราะบางของปมุตอ่อนยวบ ชีวิตของปราบช่างผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามากมายในขณะที่เขาใช้ชีวิต
อย่างไม่ทุกข์ร้อนท่ามกลางการเอาใจของบิดา บัดนี้ปมุตเข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าทำไมปราบถึงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้
“ป้องสงสารพี่เดี่ยว จะมีทางไหนที่จะทำให้พี่เดี่ยวมีความสุขได้บ้าง”
ปราบคว้ามือนุ่มมากุมไว้และยกมาลูบใบหน้าของตนก่อนจะกดจูบลงกลางฝ่ามือ
“แค่เป็นป้องอย่างนี้ และอยู่กับพี่เดี่ยวทุกวันแค่นี้พี่เดี่ยวก็มีความสุขแล้วครับ”
ประสานสายตากันด้วยความเข้าใจ ปราบอดใจไม่ไหวกับใบหน้างดงามจนต้องก้มหน้าลงไปบดปากลงกับ
กลีบปากนุ่มที่เผยอรับอย่างเต็มใจ เอนกายทับร่างนุ่มของปมุตให้หงายหลังลงกับเบาะยาวของโซฟาก่อนที่ปราบจะหา
เศษหาเลยอยู่แถวติ่งหูและซอกคอเนียนนุ่มจนปมุตเริ่มหายใจสะท้าน
“ดะ เดี๋ยว พี่เดี่ยว นี่ไม่ใช่บ้านเรานะ”
พยายามห้ามปรามและยกมือผลักไหล่หนาแต่กลับถูกปราบดึงออกแล้วเปลี่ยนให้คล้องไปรอบลำคอของเขา
แทน
“บ้านเพื่อนก็เหมือนบ้านพี่นั่นแหละ”
“ตะ แต่ นี่มันห้องรับแขก ละ แล้วพี่เดี่ยวก็มีแต่เหงื่อ เอ่อ ไปอาบน้ำล้างตัวก่อนไหม อ๊ะ!”
ปมุตสะดุ้งเมื่อเสื้อยืดตัวบางแนบเนื้อถูกเลิกขึ้นจนมองเห็นแผ่นอกขาวเนียนและลิ้นร้อนก็ครอบงำอยู่ตรง
ยอดอกสีสวย
“ไม่ไหวแล้วครับป้อง พี่ไม่ได้จัดการกับป้องมานานแล้ว พี่ขอแบบเหม็นๆอย่างนี้สักรอบนึงก่อนนะ วันนี้ขอ
สวมวิญญาณดิบเถื่อนเลียนแบบไอ้โมกข์มันหน่อยเถอะ”
“ฮื้อพี่เดี่ยว จะดีเหรอ อะ อื้อ!”
ปมุตต้านทานไม่สำเร็จ กางเกงของเขาถูกดึงจนพ้นปลายเท้าแล้วกองทิ้งไว้กับพื้น ปราบยกขาเรียวข้างหนึ่ง
ยกสูงพาดไปกับพนักพิงของโซฟาและอีกข้างหย่อนลงพื้นเพื่อเปิดทางให้กว้าง มือร้อนกอบกุมแก่นกายงดงามเหมาะมือ
ของปมุตพลางปลุกปั่นจนร้อนรุ่ม ปราบปลดเข็มขัดรูดซิปแล้วคว้าเอ็นร้อนที่ตื่นตัวอยู่แล้วให้ออกมาชมโลกก่อนที่เขาจะ
จ่อทักทายอยู่กับช่องทางที่เริ่มฉ่ำชื้นจากการปลุกเร้า
“ฮึก อึก พี่เดี่ยวช้าๆครับ ป้องจุก”
ประท้วงอย่างทรมานเพราะแรงพลุ่งพล่านจากอารมณ์ของปราบเมื่อสอดแทรกให้ท่อนเนื้อดึงดันเข้ามาจน
ลุกสุดตัว ปราบช้อนสะโพกนุ่มมือให้ยกสูงอยู่บนหน้าขา ช่องทางของปมุตตอดรัดมากกว่าเคยเพราะทั้งคู่ห่างกันไปพัก
ใหญ่และตอนนี้มันกำลังสร้างความอึดอัดให้ปราบจนต้องถอนเอวออกมารับอากาศภายนอกแล้วจึงสวนกายเข้าไปใหม่อีก
ครั้ง
“ซี้ดดดด พี่เดี่ยว เสียวมากครับ”
ส่งเสียงครางดังลั่นด้วยความตื่นเต้นกับสถานที่แปลกใหม่และความรุนแรงของปราบ แต่มันกลับเร่งเร้าจน
เนื้อตัวสั่นสะท้าน รอยแยกของซิปถูไถอยู่ใต้ถุงเนื้อแฝดยิ่งพาให้เสียวซ่านจนต้องเด้งเอวสวนให้ปราบยิ่งผสานกายลึกล้ำ
ปราบคำรามต่ำเมื่อความร้อนบีบรัดอยู่รอบแก่นกาย เขาโน้มลงต่ำลงไปขบเม้มยอดอกที่แข็งเป็นไตพลางบีบเค้นสลับข้าง
อย่างดุดัน
“ป้องกำลังทำให้พี่เดี่ยวเกือบจะขาดใจอยู่แล้ว”
ปราบลูบไล้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อชื้นทั้งที่เอวยังไม่ยอมหยุดเคลื่อนไหว
“มีความสุขด้วยกันนะป้อง”
มือแกร่งโอบใต้แผ่นหลังดึงเข้าหาลำตัว ปมุตยกแขนกอดรัดรอบลำตัวหนา ปราบจูบหนักหน่วงพร้อม
กระชากเอวถี่ยิบ ช่องทางคับแคบเกร็งแน่นจนปมุตสะดุ้งวาบเมื่อปลดปล่อยออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ปราบดูดลิ้นเล็กใน
ช่องปากด้วยความเสียวซ่านเขาเกร็งหน้าท้องกระตุกอีกไม่กี่ครั้งก็พุ่งไปแตะของหฤหรรษ์ติดตามปมุตไปอย่างรวดเร็ว
เสียงหอบดังแข่งกับเสียงจักจั่นยามค่ำคืน ดวงตาที่เต็มไปด้วยความสุขสมสบประสานกันก่อนที่ปราบจะอุ้มน้อง
ชายของเขาทั้งที่ร่างกายก็ยังติดหนึบกันอยู่ ปมุตผวากอดคอปราบอย่างตกใจ
“พี่เดี่ยว ทำอะไรแบบนี้”
“จะพาป้องไปอาบน้ำ พอตัวหอมๆจะได้ดมใหม่อีกรอบให้ชื่นใจไงล่ะ”
“บ้าที่สุด”
“แต่ก็ชอบใช่ไหม รู้หรือเปล่าว่าตาเยิ้มไปหมดแล้ว”
“พี่เดี่ยว!”
เสียงหัวเราะดังอย่างชอบใจเมื่อปราบอุ้มปมุตเข้าเอวเดินไปยังห้องรับรองแขกของบ้านหลังนี้
ปราบอยู่ช่วยโมกข์ได้อีกแค่สองวันเขาก็ต้องกลับไปกรุงเทพ โมกข์บอกให้ปราบระวังตัวเพราะตอนนี้ตำรวจ
สืบสวนกลางได้ออกหมายจับแดเนียลแล้ว รวมทั้งกักกันการเดินทางออกนอกประเทศด้วยแต๋ก็ยังไม่รู้ว่าแดเนียลหลบไป
กบดานอยู่ที่ไหน การที่แดเนียลกลายเป็นเสือบาดเจ็บจะส่งผลร้ายต่อปราบ
“อย่าห่วงเรื่องนั้น กูระวังอยู่แล้ว”
“กูดีใจนะเหี้ยปราบ ในที่สุดมึงก็โยนความแค้นของมึงทิ้งลงได้ ชีวิตมึงจะได้มีความสุขเสียที”
โมกข์ตบบ่าเพื่อนสนิท ปราบคลี่ยิ้มพลางหันไปมองปมุตที่ยังร่ำลาพัทธ์อยู่
“มีชีวิตอยู่กับความแค้นมันก็ทั้งร้อนทั้งทุกข์ มันไม่มีความสุขเหมือนอยู่กับความรักจริงๆว่ะ”
ปราบเดินไปหาปมุตพลางกุมมือให้เดินตามไปที่รถยนต์ที่ปราบให้ไปส่งที่สนามบิน ปมุตยิ้มตอบเมื่อก้าว
เดินตามพี่ชายไปติดๆ
จบสิ้นลงแล้วสำหรับไฟร้อน ปราบจะโยนทิ้งให้หมด ต่อไปนี้เขาจะกลายเป็นคนใหม่ที่ปราศจากความ
แค้นทั้งปวงเพียงเพื่อให้ปมุตมีความสุข อาจจะมีก็แค่ไฟรักที่มันไม่มอดไหม้เพราะเขาจะรักปมุตตลอดไป
ส่งยิ้มให้กันแทนคำสัญญา ปมุตเอียงศีรษะซบไหล่ปราบ ปริวัตรไปตลอดทาง
มีต่ออีกนิด...