13
“น้า อู้น้า ถือว่าช่วยกิจกรรมภาคน่า” ไอ้พี่แป๊ะกอดแข้งขาผมทำหน้าอ้อนวอนยิ่งกว่าคุกเข่าค๊อกเทล อ้อนวอนยังไงให้ดูอ้อนตีนได้ขนาดนี้
“ไม่เอาแล้วพี่ กิจกรรมนี่เยอะกว่าเวลาเรียนผมอีก นี่หลีดก็ต้องเป็น”
“งู้ยๆ เดี๋ยวเก๊าคุยกับภูมิให้น้า ว่าน้องอู้จะตามมาซ้อมทีหลังงง”
“มันเหนื่อย ไข้ผมยังไม่หายดีเลยเนี่ย”
“งู้ยๆ ไข้เตงไม่ขึ้นมาสองวันแล้วน้า”
“แบ่งเวลาเรียนก็ย๊ากยาก ผมนี่แทบจะแตกหน่อหัวเป็นไฮดร้าเข้าเรียนอยู่แล้ว”
“แต่อู้ ไออีรวมใจนี่มึงจะได้เจอสาวๆดาวภาคของมหาลัยอื่นด้วยน้า น้าตัวเอง งุงิงุงิ เป็นให้เค้าหน่อยน้า” โอ๊ยยยย ขนลุกว้อยยยยย เอาตีนยันดีมั้ยเนี่ย!
อ่ะ เดี๋ยวจะขอเล่าก่อนเผื่อใครงงนะครับว่า ว๊อท อิส ไออี ไออีมาจาก.. อินดันเทรียล เอ็นจิเนียร์ริ่ง พูดง่ายๆก็รวมมิตรวิศวกรรมอุตสาหการของทุกมหาลัยนั่นแหล่ะครับ ซึ่งมหาลัยผมภาคอุตกับภาคโลจะอยู่ด้วยกันและปีนี้มหาลัยผมก็ดันเป็นเจ้าภาพงานด้วย กิจกรรมก็มีฐานเล็กน้อย มีคอนเสิร์ตเล็กๆ แต่จุดเด่นของงานคือการเอาดาวเดือนภาคมาฟาดฟันกันครับ
ซึ่งมึงจะส่งเดือนที่สูงแค่ร้อยหกสิบไปเป็นหลุมอากาศบนเวทีไม่ได้!!!!!
“ไม่เอา พี่จะบ้าหรอ ผมสูงแค่ร้อยหกสิบ ไปเอาไอ้เติ้ล ไอ้ปันนู่น”
“มึงจะบ้าหรออู้ เราส่งเดือนตัวเท่าฮอบบิทได้ แต่เราจะส่งเดือนที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องไม่ได้ ยูโน้วยุนโฮ้?” ไม่โนวอะไรทั้งนั้นแหล่ะโว้ย! ผมอยู่ในสถานการณ์กดดันสุดๆ เพราะตอนแรกผมปฏิเสธพี่ปีสองไปแล้ว เห็นพี่เค้ายอมถอยทัพก็นึกว่ารอดแล้ว ที่ไหนได้! ไปตามไอ้พี่แป๊ะมา!
“น้องมันไม่อยากเป็นก็ไม่ต้องไปตื๊อมันหรอก” พี่หญิงที่นั่งเขียนงานอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตะโกนมา
“ผมรักพี่หญิงจังงงงงง”
“แค่มันใจมันไม่รักภาคแค่นั้นเอง”
อ่ะโห... เชือดนิ่ม คนสวยมักใจร้ายมันเป็นแบบนี้นี่เอง หน้ากูนี่หดเหลือเท่านิ้วก้อยมดเลย
“เออ ในฐานะเดือนไออีปีที่แล้วมึงพูดอะไรหน่อยดิน้องหญิง” อ้าว ความรู้ใหม่ครับ ไม่ยักกะรู้ว่าพี่หญิงเคยเป็นเดือนภาคกับเค้าด้วย
“ปีที่แล้วกูก็โดนบังคับเหมือนมึงแหล่ะอู้”
“อ้าว”
“แต่หลังที่กูประกวดความคิดกูก็เปลี่ยนไป”
“อะโห น้องหญิงรักภาคมากขึ้นดั่งรักชาติแน่ๆ!!”
“จากแค่เกลียด กูนี่อยากกระทืบมึงเลยไอ้พี่แป๊ะ!! ไอ้สัส ให้กูใส่เสื้อซีทรูขึ้นเวที สันดาน ตอนแรกวัดตัวก็ว่าเป็นสูทมึงมาเปลี่ยนหน้างานได้ไงวะ ไอ้เวร”
อื้อหือ รีวิวงี้อินยิ่งกว่ารีวิววงใน พี่แป๊ะหน้าหดเหลือเท่าหัวนมแมลงวัน ได้แต่นั่งจิ้มนิ้วกระซิบเก๊าขอโทษด้วยสำเนียงน่ารักขัดกับหน้าตา แล้วซักพักไอ้พี่ตาขีดก็เบนเข็มมาทางผมแทน
“แต่ไม่ต้องห่วงนะเตง ถ้าเตงอู้เป็นเดือนให้ เค้าจะไม่ให้เตงต้องใส่ซีทรูโชว์หัวนมแน่นอน” เตงพ่อเตงแม่พี่เถอะ มาเตงเรี่ยราด ทำไมห๊ะ ชาติที่แล้วเกิดเป็นระนาดหรอ
“แต่โชว์อย่างอื่น?”
“โชว์ระบำตูดแบบชินจัง พ่าม!”
ไป๊!!!!
ไปเตงเตงที่อื่นไป๊!!
ผมปฏิเสธให้ตายแต่สุดท้ายก็ยอมเป็นให้ครับ แพ้แรงตื๊อไอ้พี่แป๊ะมัน เล่นเกาะติดเหมือนเป็นกาฝากอีกอย่างก็ยอมเพราะพี่มันบอกว่าแค่แต่งหล่อไปเดินคูลๆบนเวทีกับตอบคำถามเล็กๆน้อย ไม่ได้กินเวลาเรียนหรือซ้อมลีดมาก แถมได้เปิดโลกเจอดาวเดือนมหาลัยอื่นด้วย ผมคุยกับพี่แป๊ะเสร็จก็ได้แต่ถอนหายใจเซ็งๆ ตอนนี้ไข้หายไปสองสามวันแล้วครับ คุณพี่หมอเค้าดันทำตัวดีตามชื่อเล่น สงสัยแม่ตั้งแก้เคล็ด แต่ก็ช่างเป็นหมอที่ผสมวิศวะได้อย่างลงตัว
ในส่วนของความเป็นหมอการดูแลพี่แกก็ดูเป็นหมอครับแต่ทำด้วยแรงเยี่ยงตะไบเหล็กแบบวิศวะ การเช็ดตัวพี่แม่งเช็ดย้อนขนแบบขนติดผ้าไปด้วย มือหรือตีนทำไมหนักขนาดนั้น เช็ดไปร้องไปเหมือนพี่มันซาดิสม์อ่ะยิ่งเห็นผมร้องยิ่งถู เป็นบ้า แถมเวลากินยามันจะมานั่งจ้องรอให้ผมกินแล้วฮ่าให้ดูก่อนว่ากลืนจริงหลังกลืนหลอกไปรอบนึงแล้วโดนจับได้ ยิ่งกว่าแม่ครับ พูดเลย
“เชี่ย รูปนี้กูนี่หล่ออย่างกะนายนภัทร”
“โวะ” ไอ้ปันส่ายหัวกับความมั่นหน้าของไอ้เติ้ลรัวๆ
“มึงดูเพื่อนมึงดู โอโห้ เพิ่มแสงอีกนิดกูอ่ะเติ้ลฐาได้แล้ว แปะหน้าม้าอีกนิดกูลีเติ้ล ละมุนตุ้นแบบเติ้ลโกะ” มันหันรูปมันมาให้ดู
ซึ่งรูปแม่งห่างไกลจากคำว่าเพิ่มแสงอีกนิดจะเป็นเติ้ลฐามาก เพราะขาวสุดในรูปก็ตาดำมึงแล้วหล่ะ ย้อนแสงสุดชีวิต ใส่ชอปทำหน้าเข้มท่ามกลางดอกไม้แล้วชูมือสองนิ้ว ย้อนแสงไม่พอมึงยังจะย้อนแย้งในตัวเองด้วยหรอเพื่อน ตกลงจะเอาเท่เอาคูลหรือจะแบ๊ว
“กูไม่เห็นไรเลยอ่ะเติ้ล”
“เรติน่ามึงมีปัญหาแล้วหล่ะปัน หรือความหล่อกูเข้าตา ฉันไม่ได้ร้องไห้”
“มืดจะตายห่า เอารูปอื่น” ไอ้พีจิ้มแคนเซิลก่อนที่ไอ้เติ้ลจะโวยวายใหญ่
“เห้ยๆๆ ไอ้สัส พวกมึงนี่เข้าไม่ถึงความฮิปสเตอร์เลยอ่ะ ภาพย้อนแสงอ่ะ เค้าเปรียบเสมือนเราจะไม่จำเป็นต้องเป็นวัตถุที่แสงสาดส่อง เราเป็นเงา แต่อยู่ในหลุมแห่งความมืดมนแต่ตัวเราก็มีมิติให้โดดเด่นท่ามกลางความมืดมนนั้นได้ เชี่ยยย โคตรมีสตอรี่” กูหล่ะยอมใจ รูปเดียวมึงมโนซะเป็นหนึ่งในเนื้อหาแฮรี่พอตเตอร์
“ฮิปสเตอร์ห่าอะไร แถวบ้านกูเรียกถ่ายไม่เป็น ถ่ายย้อนแสงใครถ่ายให้มึงเนี่ย”
“มึงไงไอ้พี”
“อ้าว แสดงว่ารูปก็สวยนี่ เออๆ ลงเลยๆ” ไอ้นี่ก็ไร้ความจริงใจ ไอ้เติ้ลมันหมกมุ่นปรับนู่นปรับนี่ซักพักก็เงยหน้าขึ้นมาอีก
“แคปชั่นอะไรดีวะไอ้พี”
“วัดท่าไม้ตาย”
“ไอ้สัส แคปชั่นไม่ใช่สติ๊กเกอร์หลังรถ”
“ทุกครั้งที่สุข พรุ่งนี้จะเสาร์เสมอ”
“ไม่ตลก”
“พี่ไม่ได้หล่อเหมือนคนอื่น แต่พี่ไม่ได้มีคนอื่นเหมือนคนหล่อ”
“เสล่อไปอ่ะ”
“ตอนแรกคิดว่าหัวใจอยู่ข้างซ้าย ที่ไหนได้อยู่ข้างเธอ”
“อุ้ยเสี่ยวป้อมาเลยนะเรา”
“เบื่อความร้อนต้องการความรัก”
“โอ๊ยยยย ไอ้เหี้ยพี มึงเป็นแอตมินแคปชั่นเสี่ยวท้ายรถสิบล้อหรอไอ้สัส ไม่ไหว กูอยากได้อะไรแมนๆอ่ะมึง คูลๆแบบเด็กวิศวะอัพอ่ะ ไหนปันปันเพื่อนรัก กูขอซักแคปชั่น ขอแบบหล่อเลยอ่ะ หล่อแบบแมนๆ หล่อแบบผู้พิทักษ์ หล่อแบบอะเวียงเจอร์”
“ท้อได้แต่อย่าโลกิ้”
“...”
“...”
“...”
ท้อพ่องงงงงงงงงงงง โลกิ้พ่องงงงงงงงงงงง
ไอ้เติ้ลได้แต่ทำหน้าไว้อาลัยแล้วก็นั่งจิ้มแคปชั่นตัวเองเงียบๆไปหลังจากเจอโลกี้จากไอ้ปันเล่นงานไปจนตลกไม่ออก ผมส่ายหัวระอากับความไร้สาระของเพื่อน งี้แหล่ะครับ เด็กวิศวะภาพลักษณ์อาจจะเถื่อนไปบ้างแต่แท้จริงคือคนสติไม่ดีมารวมตัวกันแต่ทำเป็นคูล
แล้วสุดท้ายไอ้เติ้ลก็อัพรูปย้อนแสงที่มันคิดว่ามินิมอล ฮิปสเตอร์ ฮิปสตูดอะไรของมันลงแอปอินสตาแกรมพร้อมกับแคปชั่น
‘ติดบุหรี่เป็นมะเร็ง ติดมะเส็งเป็นมะโรง’
อืมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
คูลมากมั้งไอ้สัดดดดดด!!
“อู้” หือ? ผมเงยหน้าขึ้นเมื่อถูกเรียกพร้อมกับไอร้อนๆมาแนบตรงหลังด้วย พอเงยหน้าไปหัวก็ชนกับพุงแข็งๆ หน้าคุ้นๆกระตุกยิ้มมุมปากอยู่บนหน้าผม
“อ้าว พี่หมอ” มือพี่หมอเอื้อมมาวัดไข้ผมพอเห็นว่าไม่มีไข้แล้วก็เอามือออก พร้อมกับย้ายก้นมานั่งข้างๆผมและพี่ภูมิที่เดินไปขยี้หัวไอ้ปันไอ้พีเล่น ดูจากชุดพี่ภูมิและพี่หมอแล้วคงจะเตรียมไปซ้อมบอล ถกแขนโชว์กล้ามแน่นๆกันใหญ่ จ้า พ่อคุณ สาวในโรงอาหารปากสั่นมือสั่นกันหมดแล้ว
“ใส่ชอปแล้วมึงดูเหมือนเด็กเลย”
“หาเรื่องว่ะ” ผมสะบัดหัวหนีมือที่ทาบมาขยี้หัวผม
“กูบอกให้กินอาหารอ่อนๆก่อนไง” ผมมองตามตาดุๆก็ไปหยุดที่ถ้วยก๋วยเตี๋ยวต้มยำ อ้าวๆ อะไรครับคุณ ผมกินวุ้นเส้นต้มยำ ปัญญาพี่แป๊ะว่าอ่อนแล้ว วุ้นเส้นอ่อนกว่าอีกนะเว่ย!
“ผมหายแล้ว แล้วเดี๋ยวพี่ไปซ้อมบอลอ่อ สนามไหนอ่ะ” รีบเปลี่ยนเรื่องครับ เดี๋ยวโดนด่า
“สนามวิศวะ ใกล้แข่งแล้วเลยเร่งซ้อมหน่อย ...แล้วมึงซ้อมลีดที่ไหน”
“สนามหลักอ่ะ วันนี้ปล่อยสามทุ่ม แต่ต้องไปซ้อมตอบคำถามกับพี่แป๊ะก่อน ผมลงเดือนไออีไป”
“มึงคุยเรื่องชุดกับพวกมันดีๆ ปีไอ้หญิงใส่ซีทรูเดิน เดี๋ยวแม่งเล่นแง่อะไรอีก ภาคมึงนี่สมกับเป็นกึ่งบริหารนะ เรื่องพวกนี้ดูถนัด” ด่าว่าภาคผมแกมโกง แล้วไอ้ความคิดวิธีเอาชนะเสดสาดของพี่มึงนี่ไม่ร้ายเลยเนาะ
“คุยแล้ว พี่บอกว่าปีนี้เค้าบอกธีมดิสนี่ย์เลยกะจะให้ผมเป็นเจ้าชาย” ถึงจะรู้สึกไม่ปลอดภัยเล็กน้อยตอนถามว่าเจ้าชายอะไรแล้วมันพี่มันไม่ตอบ แต่ก็โล่งใจไปหน่อยที่อย่างน้อยก็ยังได้เป็นตั้งเจ้าชายวะ ยังไงก็คงไม่มีอะไรอนาจารออกไปเดินหรอก
“คุยที่ไหน เสร็จกี่โมง”
“ที่ชอปภาคแหล่ะ คงดึกๆ พวกพี่มันหาคนประกวดจวนตัวไปหน่อยเวลาเตรียมตัวเลยน้อย”
“กูซ้อมดนตรีอยู่ชอปเครื่องกล เดี๋ยวกูเอารถไปรับ” หื้อ? ผมมองหน้าพี่มันอย่างงงๆ
“รับผมทำไมอ่ะ”
“ก็.. น้ำค้างมันเยอะ เดินกลับเดี๋ยวมึงก็ป่วยอีก อย่าเถียงมากได้มั้ยวะ ไข้มึงหายแล้วรึไงกูจะได้ให้ไอ้ภูมิสั่งการ์ดมึงเยอะๆ” อ้าวไอ้พี่หมอมึง ประจำเดือนไม่มาหรอ พูดดังเดี๋ยวพี่ภูมิได้ยิน ผมเลยปิดปากพี่มันไว้
“เอ้าๆ จีบอะไรกันอีกหล่ะพวกมึง” พี่ภูมิเดินเอาตีนมาเขี่ยๆเข่าผม แจกยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ไอ้พี่หมอ ไอ้พี่หมอมันเตะกลับไปหนึ่งที ไม่รู้หงุดหงิดอะไรของเค้า หรือนี่คืออาการของคนแก่ครับ
“ไอ้ลูกหมามันดื้อกับกู”
“อะไรวะ ผมยังไม่ได้ทำไรเลย”
“หน่ะ เถียงกูอีกแล้ว”
เดี๋ยวววววววววววว กูเถียงอะไรเนี่ยยยยยยยยยยยย
“ไม่ต้องห่วงหมอ เดี๋ยวกูลงโทษให้แม่งวิ่งรอบสนามสิบรอบค้างการ์ดอีกซักสามร้อยคนเดียว” โหหห ไรวะ ผมเบะปากทำหน้าตางอแงใส่ไอ้พี่ภูมิทันที อย่าใจร้ายกับน้องนุ่งแบบนี้เลยครับ ไข้กูเพิ่งหาย กูไหว้หล่ะพี่ นี่ไหว้พี่มันบ่อยจนชักสงสัยว่าชื่อเล่นเต็มๆมึงชื่อศาลพระภูมิรึเปล่า
“อย่าแกล้งมันไข้มันเพิ่งหาย เดี๋ยวเป็นลม” พี่หมอขัดพี่ภูมิก่อนจะหันขวับมาหาผม “มึงกินยารึยังไอ้ลูกหมา”
“กินแล้วๆ”
“มันแดกยาไปจริงรึเปล่า” เอ้า เมื่อกี้กูพูดนะไม่ได้ตด ไอ้พี่หมอเมินผมไปถามพวกเพื่อนๆแทน ผมสบตาไอ้เติ้ลแล้วขยิบตาปิ๊งๆ เอาหน่อยเพื่อนเติ้ล กูรู้ว่ามึงกับกูเชื่อมกันด้วยสายสัมพันธ์รัก ขยิบตาก็รู้ใจ ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆเราก็สื่อถึงกันได้
“มึงขยิบตาให้กูทำไมเนี่ยอู้ ฝุ่นเข้าตาฉันไม่ได้ร้องไห้หรอ”
ใช่เติ้ล ฝุ่นไม่เข้าตากู..
แต่ตีนกูเนี่ยจะเข้าตามึง!! ไอ้โง่!!
ผมหันไปสบตาไอ้พี่หมอก็แทบจะสะดุ้งหางจุกตูด ดุอะไรขนาดนั้นอ่ะ ไม่ต้องขยับปากพูดนี่รู้เลยว่าจะแดกหัวกูแล้วถ้าแดกได้ ตกลงกูหรือใครที่เป็นคนป่วย
“แหะๆ”
“แหะอะไร หยิบยามาแดกต่อหน้ากูเดี๋ยวนี้”
ฮืออออออออออออออ นี่กูอายุเท่าไหร่เนี่ยต้องมากลืนยาให้คุณแม่ดูแถมต้องแล่บลิ้นทำเสียงแฮ่ให้รู้ว่ากลืนจริงๆอีกต่างหากไม่งั้นพี่มันจะมาส่อง ชื่อหมอเฉยๆไม่ใช่หรอ ไม่ใช่หมอฟัน ไม่ใช่โพชิ ไม่ต้องมาทำเป็นส่องหินปูนชาวบ้าน ผมกลืนยาเม็ดขาวๆพร้อมแฮ่ให้พี่มันดูท่ามกลางสายตาของเพื่อนทั้งโต๊ะ
“เก่งมาก” มือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดขยี้ลงมาบนหัวผม ลูบไปลูบหมาเหมือนลูบหัวหมา จนต้องสะบัดหัวหลบ
“เห้ยหมอ พวกไอ้เก่งไลน์มาตามละ ไปเถอะ” พี่ภูมิหันมาเร่งพี่หมอ สงสัยเพื่อนที่ซ้อมบอลเรียกแล้ว พี่หมอพยักหน้า หันมาลูบหัวผมอีกรอบแล้วก็เดินไป ผีเข้าผีออก ผมถอนหายใจแล้วหันกลับมาเขี่ยก๋วยเตี๋ยวต่อ
“มึงกับพี่เค้าเลิกตีกันแล้วหรอวะ” ผมมองหน้าไอ้พี
“ก็ไม่เชิงว่ะ อยู่ด้วยกันมาซักพักแล้ว พี่มันดีกว่าที่คิดนะเว่ยถึงจะกวนตีนไปหน่อย”
“แล้วมึงไม่รำคาญหรอวะ”
“ไม่นี่ พี่มันก็ชอบดุแบบนี้ตลอดแต่มันใจดีนะ กูชินด้วยแหล่ะ ยังไงก็ตื่นมาหน้ามันเจอทุกวัน”
“อ้อ เหมือนที่คนโบราณเค้าว่าไว้เลยเนาะ”
“เออ ว่าน้ำลดต่อผุดใช่มั้ยวะ แถวบ้านกูก็น้ำท่วมบ่อยปลาเลยกินมด”
ไหนความเชื่อมโยงอ่ะเพื่อนเติ้ล ผมหัวเราะกับมุกโง่ๆของมัน ก๋วยเตี๋ยวแม่งก็เผ็ดเกิ๊นจนต้องลุกไปซื้อน้ำเปล่าเพิ่มอีกขวด เลยอดฟังเฉลยคำตอบจากไอ้พีเลย
พีมองเพื่อนตัวเล็กที่เดินไปซื้อน้ำแล้วได้แต่ส่ายหัวในใจ เหมือนที่ยายเค้าเคยพูดเอาไว้ตอนสมัยพี่สาวออกเรือน ไม่คิดเลยว่ามันจะเอามาใช้กับกรณีนี้กับเพื่อนผู้ชายได้ด้วย
คำโบราณที่ว่า
‘อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเอง’.
.
.
“มึงเดินให้สง่าหน่อยได้ป่ะอู้ สัส เดินห่อเหี่ยวเหมือนคนไข่ฝ่อ” พูดดีๆเพ่ ฝ่อเฝ่ออะไร ไม่เคยใช้มันจะฝ่อได้ไงปัดโถ่ ผมได้แต่มองค้อนไอ้พี่แป๊ะ ขณะนี้เป็นเวลาห้าทุ่มครึ่ง ผมยังต้องมาหัดเดินแบบสำหรับประกวดเดือน งานไฟรนก้นสุดๆ
“น้องมันเหนื่อยแล้วแหล่ะพี่แป๊ะ ซ้อมลีดมาด้วย พอเถอะ” พี่หญิงเดินมาจับไหล่พี่แป๊ะ ที่เมื่อกี้ผมได้แต่ค้อนไม่ใช่อะไรนะครับ พี่แป๊ะลุคนี้มันจริงจังผมไม่ค่อยชิน ถึงจะเป็นปกติของพวกพี่มันอยู่แล้วเพราะพี่แป๊ะก็เป็นอดีตพี่ว้าก พอเป็นเรื่องงานก็เลยจะจริงจังขึ้นมาหน่อย พี่หญิงเองก็เหนื่อยครับ เพราะต้องมาเดินให้ผมดูไปกลับอยู่หลายรอบ พี่พี่ที่มานั่งเฝ้าก็นั่งคอพับหลับรอคาชุดบอลเสดสาดไปแล้วเรียบร้อย
“เออเคๆ งั้นมึงลงมาติวถามตอบซักสามสี่คำถามแล้วเดี๋ยวปล่อยกลับเลย” โฮกกกกกกกกก ผมกระโดดลงจากโต๊ะสูงที่พวกพี่มันขนมาต่อกันแทนสเตจให้เดินด้วยความเหนื่อยล้าขั้นสูงสุด แต่ก็ยังกลับไม่ได้ผมยังต้องมานั่งตาปรือประกบพี่โยเพื่อด่านถามตอบต่อ
“ฮ่าๆ เหนื่อยหน่อยนะไอ้ตัวเล็ก” พี่โยยกมือขึ้นโยกหัวผม งืออออออ ไม่ไหวแล้ว อยากนอนโคตรๆ ผมเอนหัวซบมือพี่โยที่รองอยู่ตรงแก้ม
“ไม่หน่อยแล้วอ่ะ ไม่น่าตกลงเป็นเดือนให้เลยเนี่ย โคตรเหนื่อยยยยยยย”
“เอ้าๆ มาติวคำถามก่อน ซักสามสี่คำถามเดี๋ยวพากลับหอ”
“ติวพอพี่ วันนี้พ่อผมมารับ”
“พ่อ?”
“พี่หมออ่ะ”
“...” ผมชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่าพี่มันไม่ค่อยถูกกัน เงยหน้ามาก็เจอพี่โยขมวดคิ้วอยู่ตามที่คาดไว้
“มาๆ ติวคำถามกันดีกว่า พี่โยลองถามมาซิ”
ครืด...
คำถามยังไม่ทันได้หลุดออกมาก็ถูกขัดด้วยเสียงลากเก้าอี้หนักๆตามมาด้วยเสียงทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามผมและติดกับพี่โย
“ในฐานะอดีตเดือนวิศวะกูก็ช่วยติวให้ได้เหมือนกัน”
พี่หมอยกมือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดยกขึ้นปาดผมก่อนจะย้ายมาประสานมือไว้ที่ขาแล้วยิ้มให้พี่โย เหมือนเป็นมิตรรักแต่แท้จริงนี่โคตรสงครามเย็น พวกรุ่นพี่คนอื่นนี่แทบจะหนีกลับกันหมด เห็นพี่ผู้หญิงที่มีแฟนเป็นหมอถึงกับโทรตามแฟนรอไว้ด้วย
“เห้ย ในฐานะเดือนเสดสาดกูก็ช่วยได้นะ”
“เสือก” ออหอ ประสานเสียงด่า ไอ้พี่พี่มันก็ไม่ได้โกรธอะไรครับ หัวเราะเสียงดังด้วยซ้ำ
“หมาวิศวะนี่ดุจริงว่ะ งั้นติวไปละกัน กูพาหญิงกลับละ บาย” ว่าแล้วพี่พี่ก็ลากคอพี่หญิงออกไป ทิ้งผมให้นั่งอยู่ท่ามกลางสงครามเย็นอย่างอึดอัด ฮึกๆ ดวงอะไรของกู ง่วงก็ง่วง เหนื่อยก็เหนื่อย ยังต้องมานั่งจ๋อง เกร็งโดยไม่รู้สาเหตุว่าเกร็งทำไมอีกต่างหาก
“อ่า... เรามาเริ่มติวกันเลยมั้ยครับ” ฮึกกกกกก ไม่งั้นพวกพี่ก็ไปต่อยกันข้างนอกก่อนก็ได้ครับ กูจะกลับหอนอนนน
“อืม ได้สิ คำถามแรกเอาเป็น ลักษณะใดในตัวคุณที่จะทำให้คุณได้รับตำแหน่งเดือนไออีในปีนี้ครับ”
“ผมน่ารัก”
ผัวะ!
แงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆ เมื่อโดยพี่โยเอาม้วนกระดาษฟาดเข้ากลางหัว
“ตอบให้นางงามกว่านี้”
“โห่ย ก็ อะไรดีวะ เอาเป็นว่าผมเป็นเฟรนด์ลี่ ผมน่าจะทำให้เพื่อนๆทุกๆมหาลัยได้มาเชื่อมใจกันเหมือนชื่อกิจกรรมครับ”
“ยังห่วยอยู่แต่ก็ดีกว่าคำตอบแรก”
”คุณคิดยังไงกับค่านิยมเรียนหมอ” ห๊ะ…
ผมมองไอ้พี่หมอด้วยความงงขั้นสุด คำถามหมอมาเกี่ยวอะไรกับวิศวะวะ กำลังจะค้านแต่เจอสายตาดุดันจ้องมาเลยจำต้องกลืนคำค้านลงคอ แล้วกูควรตอบอะไรเนี่ย ไม่รู้ กูไม่ได้แดกเป๊ปทีน แล้วไหงกรรมการแม่งดุเป็นหมาเลยวะ งงใจ
“ก็.. ก็ ก็ดีครับ ผมว่าคณะแต่ละคณะก็มีความหลากหลายแตกต่างกันไป อย่างเราคณะวิศวะก็มีภาคชีวะการแพทย์ที่ช่วยสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์ให้คณะแพทย์ได้ไปช่วยประชาชนต่อ” พูดไปพูดมารู้สึกว่าไม่เกี่ยว แต่ไม่รู้ครับ พูดงงๆไว้เดี๋ยวก็คมเองผมเชื่อแบบนั้น
“สรุปชอบหมอ?”
“ห๊ะ”
“หมายถึงเลือกเห็นด้วยความค่านิยมเรียนหมอ”
“อ่อ ครับๆ ก็เลือกหมอครับ”
”ขอสาเหตุที่คุณเลือกเรียนโลจิสต์ติกมากกว่าภาคเครื่องกลด้วยครับ”ชิ้ง..
ไม่มีเสียงครับ แต่เดาเอาว่าถ้ามีซักเสียงแม่งต้องเป็นเสียงนี้แน่ๆ เสียงฟาดฟันประหนึ่งดาบเลเซอร์ ผมแอบรู้สึกได้ว่าคำถามมันแปลกไปหน่อยนะ ตกลงมึงมาสร้างสัมพันธ์หรือความแตกแยกให้คณะวะ
“เอ่อ ... ผมว่าแต่ละภาคก็มีด้านถนัดเพราะตัวแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ความถนัดของบุคคล ซะ ซึ่งผมชอบทางด้านโลจิสติกส์มากกว่าเลยเลือกเรียนภาคนี้ครับ”
“สรุปชอบภาคโล”
“ห๊ะ”
“หมายถึงเลือกภาคโลเพราะถนัดด้านโลจิสติกส์มากกว่าเครื่องกลใช่มั้ย?”
“อ่อ ใช่ครับๆเลือกภาคโลครับ”
“ไอ้สัดเอ๊ย”
ผมมองหน้าพี่หมอที่กัดฟันกรอดแต่ก็เปลี่ยนเป็นยิ้มออกมาทั้งๆที่เมื่อกี้เพิ่งสบถด่าพี่โยแบบชัดเจน ทำเป็นยิ้มการค้าแต่มือยังกำแน่นพร้อมจะมีเรื่อง
“ระหว่างหมากับหมอคุณว่าอะไรมีประโยชน์มากกว่ากัน”
“อ่า หมะ..หมอครับ”
“โยเกิร์ตกับนมเปรี้ยวชอบอะไรมากกว่ากัน”
“ยะ .. โยเกิร์ตครับ”
”หากคุณติดเกาะแล้วต้องเลือกคนอาชีพหนึ่งไปอยู่ด้วยคุณจะเลือกอาชีพอะไร ระหว่างหมอกับวิศวะ”
ฮึกกกกกกกก มีช้อยส์ฆ่าตัวตายมั้ยอ่ะพี่ครับ กูไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วอ้ะ ใครก็ได้ช่วยกูด๊วยยยยยยยยยยย