ก้าวที่สิบสี่
ก้าวถอยหลัง
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน...
หมับ!
“เดี๋ยว เดินหนีทำไม”
นึกว่าจะพ้นมันแล้ว แต่ไหงกลับวิ่งตามเขามาซะงั้น สรุปแล้วพวกเราก็ทิ้งพี่ทีมสัมภาษณ์ XX ทูเดย์ไว้กับกระดาษ หมึกปากกา และความว่างเปล่า ซึ่งถ้ามีโอกาสเขาจะบอกขอโทษพี่แก สัญญาเลย
แต่ตอนนี้ เขาต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน เบี่ยงหน้าแดงๆ หนีไปอีกทางไม่ให้ไอ้สายป่านที่วิ่งตามมาได้เห็น
“กูมีงาน ปล่อยเลย”
“เดี๋ยวนะคุณมดครับ เราพึ่งออกมาจากห้องนักแสดงด้วยกัน”
รู้ทันอีก…
“ก็… งานแถวๆนั้นแหละ”
เป็นประโยคที่สิ้นคิดที่สุด ตั้งแต่พยายามหาทางหนีไอ้สายป่านมา ก็คนมันตันคิดอะไรออกมาก็พูดออกไปก่อน
“แล้วอากาศร้อนเหรอคุณ หน้าแดงเชียว”
โอ๊ยยยยย
เขาอุตส่าห์เบี่ยงหลบไปอีกทางแล้วนะ ยังจะตามมายืนจังก้าแล้วจ้องหน้าคนอื่นแบบเสียมารยาทไปอีก
อะไร มีคนเถียงว่าเวลาพูดกันไม่ให้จ้องหน้าได้ไงเหรอ
ก็ใช่ แต่อย่ามาจ้องเวลาเขินได้มั้ย โดยเฉพาะคนที่จ้องอยู่ตอนนี้แม่งเป็นคนที่ทำให้เขินด้วยอ่ะ
ฮือออออ
ขอเป็นลมตอนนี้ทันมั้ย
“มาคุยกันให้รู้เรื่อง”
“คุยอะไร ไม่มีอะไรจะคุย”
เขาดิ้นไปมา เพราะมันกำลังคว้าไม้คว้ามือเขามาพันธนาการไว้ด้วยมือของมัน คนที่ผ่านไปมาแถวนี้บ้างก็หันมามองอย่างให้ความสนใจ
จะไม่ให้สนใจได้ไงล่ะ
ผู้ชายสองคน เล่นจับมือกัน แม้ว่าโลกนี้จะเปิดกว้างแต่มันก็ยังเป็นสิ่งแปลกใหม่อยู่ดี
อีกอย่าง ลืมไปแล้วเหรอว่าไอ้สายป่านมันเป็นคนดัง
“ก็ที่พูดเมื่อกี้ไง”
“อะไร ไม่ได้พูดอะไร”
“แล้วหน้าแดงทำไม”
“…”
“ไม่ใช่เขินที่พูดออกมาเหรอ”
!!!
ให้มดว่าไง๊!!!
ตายอย่างสงบสิ คนเรา…
“ที่พูด…”
“…”
“จริงๆเหรอ”
เขาจะแกล้งไม่ได้ยิน
เขาจะแกล้งไม่ได้ยิน
เขาจะแกล้ง…
“มึงจะตั้งใจทำมันให้กู จริงๆเหรอ”
เขาได้ยิน
ได้ยินทุกอย่าง
“อืม”
แล้วจะให้ตอบว่ายังไงล่ะ
ในเมื่อหัวใจ…
มันพ่ายแพ้ต่อมึงคนเดียว
สายป่าน 291…
“งื้ออออ วันนี้ขอบคุณทุกคนมากเลยนะคะ กลับกันดีๆน้า”
โฟร์โค้งคำนับพร้อมพูดขอบคุณไม่หยุด ลาทุกคนด้วยรอยยิ้มสดใส แม้ว่าวันนี้งานจะไม่ค่อยเดินเท่าไหร่ แถมประกอบกับพวกเรายังใหม่กันทุกคน ถึงจะติดขัด เก้ๆกังๆในหลายๆเรื่องจนทำให้หงุดหงิดใจไปบ้าง แต่ทุกคนก็อยู่ซ้อมอย่างตั้งใจ และไม่มีใครบ่นจะกลับก่อนเลย นั่นคงเป็นเหตุผลที่แม่งานอย่างโฟร์ปลื้มปริ่มสุดๆไปเลย
ยอมรับว่าตอนแรกเขามองทุกคนเหมือนพวกถอดใจง่าย แต่พอร่วมงานกันจริงๆพวกนี้น่ะ โคตรอึด ถึก และทนทาน คำด่าโฟร์ฆ่าทุกคนไม่ตายเลยทีเดียว
“เจ๊ๆไปแล้วน้า มดกลับยังไง”
แก๊งนางฟ้าเดินเข้ามาถามเขาที่ยืนเช็คไฟ เช็คจอคอมอยู่
“อ่อ มดเอารถมาเจ๊”
“โอเค เจอกันคาบแม่ศรีสมรค่ะ” มามี่บอก พร้อมโบกมือลา เขายิ้มล้อ
“ตื่นให้ได้ก่อนมั้ย”
“ปากคอเราะร้าย ติดใครมาวะลูกทรพี มาให้แม่หอมแก้มลวนลามเดี๋ยวนี้”
มามี่ที่ตั้งท่าจะทำจริงๆ ถ้าไม่ถูกลลิตายื้อไว้ก่อน
“สงสารมด อิดอก” เธอว่าพร้อมหิ้วเพื่อนสนิทไปที่รถ ตามไปด้วยเหล่านางฟ้าคนอื่นๆที่มาลาเขาแล้วจากไป
“มด กลับไง กูจะกลับแล้วนะ”
โฟร์ที่ส่งทุกๆคนกลับเดินมาหาเขา แล้วเก็บของใช้ของมันบนโต๊ะใส่กระเป๋าผ้าของตัวเอง
“รถจอดที่คณะสถาปัตย์ เดี๋ยวเดินไปเอา”
“ไกลไปมั้ย”
ความจริงมันก็ไกลมากกกกกกก
แต่ที่เขาบอกปฏิเสธทุกคนก่อนหน้าคือเขาไม่อยากรบกวนจริงๆ สีหน้าทุกคนมันบอกว่าอิดโรยขั้นสุดแล้วจริงๆ
“มึงกลับไปพักเถอะ”
และเขารู้ว่าโฟร์อยู่หอในซึ่งใกล้ๆนี้เอง มันไม่มีรถไปส่งเขาที่คณะสถาปัตย์หรอก
“โทรมาละกันถ้าถึงหอแล้ว”
“จ้า”
เพื่อนเขาก็เป็นแบบนี้ ปีหนึ่งเป็นยังไง ปีสองก็เป็นแบบนั้น
ห่วงใยกันที่หนึ่ง
ทุกคนออกจากห้องไปหมดแล้ว เขาเช็กไฟ เช็กอะไรอีกรอบให้มั่นใจว่าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ทำการปิดห้อง ล็อคไว้ด้วยกุญแจ ที่ต้องเดินไปส่งคืนให้ยามตรงป้อมหน้าประตูคณะศึกษาศาสตร์
“อ้าว”
ไอ้สายป่านครับ มันยังอยู่ นั่งเล่นไอโฟนอยู่ที่ขั้นบันได
“รอใครอ่ะ”
“มีใครให้รออีก ถ้าไม่ใช่มึง”
เออ นั่นสิ เขาก็ถามโง่ๆ
แต่พอกลับมาทบทวนประโยคอีกรอบ สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นแทบจะทันทีที่ประมวลผลเสร็จสิ้น
ดีนะที่มันมืด ไอ้สายป่านเลยไม่เห็น เพราะงั้นเขาคงต้องโดนแกล้งเหมือนเมื่อเย็นอีกรอบ
“รอกูทำไม”
“รถมึงจอดอยู่คณะไม่ใช่เหรอ”
ก็ใช่ แต่มันรู้ได้ไง
“รถเราจอดข้างกัน”
!!!
“เดินไปคณะกันเถอะ เพื่อนร่วมชะตากรรม”
นี่สินะ
เหตุผลที่รอกู
โอ๊ยยยยยยยยยยย
ไอ้ฉากพระเอกรอนางเอกนี่สลายไปทันทีเลยครับ
แม่ง อย่าถามหาความโรแมนติกจากคนที่ชื่อสายป่าน
“จำได้มั้ยวะ ตอนที่รับน้องวันแรก รุ่นพี่แม่งพาเราเดินรอบมอ”
“อือฮึ แล้ว?”
เขาชอบเวลานี้จัง เพราะเขาสำนึกได้ว่า มันช่างดูแตกต่างกว่าตอนที่เราเจอกันที่คณะสถาปัตย์สัยอีก เขายังจำได้ว่าตอนนั้นทั้งเกร็ง ทั้งทำอะไรไม่ถูก ชวนพูดคุยก็ไม่ได้เรื่อง ในหัวเอาแต่คิดเรื่องจะวางตัวยังไงให้เหมือนเพื่อนกัน แต่ตอนนี้เขากลับผ่อนคลาย โล่งสบาย ทำตัวยังไงก็ได้
ไม่รู้สิ ความลับของเขาก็ยังเป็นความลับอยู่นะ
แต่อยู่ที่ว่า…
ตอนนั้นเขาตั้งใจจะปิดให้มิด เขาเลยค่อนข้างอึดอัด
แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่ามีความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาในหัว
ว่าถ้าโดนจับได้ ก็จะเปิด
ต่อให้ไม่เป็นเหมือนคาด เขาก็พร้อมจะเสียใจ
เขาคงต้องโทษท่าทีของไอ้สายป่านที่เขาคิดเข้าข้างไปเองว่าเหมือนให้ความหวังนี้ ว่าเป็นความมั่นใจเล็กๆว่าเขาจะไม่มีวันต้องเสียใจ
บางทีเขาคงอ่อนเรื่องประสบการณ์ความรัก เพราะได้แต่แอบรักมาตลอด
บางทีมันอาจไม่ได้ให้ความหวัง แต่ถูกติ๊ต่างโดยเขาเองผสมกับความหวังเล็กๆของตัวเอง เลยกลายเป็นว่าถ้าเสียใจเขาคงจะต้องโทษมันแน่ๆ
“ก็ตรงนี้ไง ที่มึงทักว่ากูชื่ออะไรอ่ะ”
“…”
“แล้วแม่งก็บิดหน้าหนีเฉยเลย ตอนนั้นกูคิดแบบ ไอ้เหี้ยนี่เป็นเหี้ยไรวะ”
คำก็เหี้ย สองคำก็เหี้ย
ใช่แล้วเขาจำได้…
วันนั้นเป็นวันรับน้องวันแรก เขารู้อยู่แล้วแหละว่ามีไอ้สายป่านอยาในขบวนด้วย และตอนนั้นความรู้สึกแม่งก็โคตรชัดเจนว่าชอบมัน เลยหาทางเลี่ยงๆมันไว้
แต่โชคร้ายดันเข้าข้างเขามากกว่า เมื่อตัวเองหลงผิดนึกว่าไอ้ที่หันหลังให้นั่นไม่ใช่สายป่าน แต่เป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งร่วมขบวน
นาทีนั้นเขาที่เป็นเด็กตัวคนเดียวรีบพุ่งไปสะกิดไหล่ อยากทำความรู้จัก แต่พอหันมาแทบผงะ
ไอ้สายป่าน 291…
ยิ้มโชว์ฟันให้กูแล้วบอกกูชื่อสายป่านครับเฉยเลย
ไม่ต้องแนะนำตัวคนก็รู้จักมึงตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอมแล้ว รวมทั้งตัวเขาด้วย
กลายเป็นว่ามิชชั่นทำความรู้จักเพื่อนใหม่ล้มเหลว แล้วได้ความเขินอายจนต้องบิดหน้าหนีตามที่ไอ้สายป่านเล่าอย่างปัจจุบัน
ไม่นึกว่ามันยังจำเด็กมดเฟรชชี่ปีหนึ่งในวันวานได้
เหมือนกับที่เขายังจำมันได้ดีเลยล่ะ
“ตอนนั้นกูก็คิดแหละว่า คนเหี้ยอะไรโคตรไม่หล่อ เลยหันหน้าหนีแม่ง”
เราเดินมาถึงรั้วเหล็กที่กันพวกเราออกห่างจากพื้นหญ้าสีเขียวขจี ณ สนามกีฬากลาง เขามองไปไกลจนเห็นสแตนอีกฟากฝั่ง แต่ที่สำคัญกว่านั้นเพราะลมเย็นเลยทำให้ต้องยื่นหน้าไปรับลม
จนเมื่อคนข้างๆที่เงียบไป พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า…
“แล้วตอนนี้ กูหล่อพอหรือยัง”
เป็นเสียงทุ้มนุ่ม ที่ทำให้เขาต้องหันไปมอง
!!!
เขาเบิกตากว้าง ในขณะที่อีกคนเผยรอยยิ้มน้อยๆ
มันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกิน แต่ก็ยังรู้สึก…
เพราะเขาหันหน้าเร็วเกินไป และองศาที่ใบหน้าเราหันมาพบกัน ทำให้ช่องว่างระหว่างริมฝีปากของเราทั้งคู่ลดลงจนเป็นศูนย์
ก่อนที่เขาจะกระเด้งตัวออกมา แล้วเบิกตากว้างตกใจอยู่ตอนนี้…
“ปากมึงนิ่มเหมือนที่กูคิดไว้จริงๆด้วย”
ถ้อยคำที่ทำให้ใบหน้าเขาร้อนผ่าวถูกพ่นออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้ม
ปากเขานิ่ม… เหมือนที่มันคิดไว้ จริงๆเหรอ
แล้วมันไปคิดไว้ตอนไหนกัน
❤
“วางไว้ตรงนี้เลย โอเค แล้วก็ อะไรอีกวะ”
มามี่ที่คุมคนทำงานเท้าสะเอวชี้สั่งนั่นสั่งนี่ แต่ไม่เคยมีใครจะกังขาในข้อหาที่ว่า เธอทำได้แค่สั่งคนเลย ใช่ ถึงคนนอกไม่เห็นแต่พวกเราน่ะ เห็นมาเยอะแล้ว การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของเหล่านางฟ้า ทั้งงานรุ่นงานมหา’ลัย บอกเลยว่าไร้ที่ติ บางครั้ง การทำงานต้องมีทั้งผู้นำ และคนตาม แต่คนๆเดียวจะเป็นทั้งสองอย่างไม่ได้ มีรุ่นพี่คนหนึ่งเคยพูดไว้ว่า คนที่ผู้นำ ไม่ได้ทำงานเป็นทุกคน แต่เขาใช้คนเป็น ในขณะที่บางครั้งหากเราเลือกผู้นำจากคนที่ทำงานเป็น เราก็อาจจะไม่ได้ผู้นำอย่างที่เราคาดหวังไว้ เพราะเขาเพียงแต่ทำงานเป็น ใช้ตัวเองเป็น แต่เขาใช้คนอื่นไม่เป็น
แต่มามี่เป็นเพียงคนเดียวที่เขารู้จักว่าเธอเป็นได้ทั้งสองอย่างในร่างเดียวกัน
“ลลิตาไปเอาช่อดอกไม้ที่เราจัดมาตกแต่งเพิ่มนะคะ” มามี่บอก ลลิตาพยักหน้าก่อนจะเอ่ยท้วงว่า
“แต่มันจะดูรกไปหรือเปล่าวะ”
มามี่ไม่ใช่คนเผด็จการ เธอรับฟังความคิดเห็นเพื่อนๆเสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เธอมักได้รับมอบหมายตำแหน่งสำคัญ
“เออว่ะ แป๊บ ใช้สมอง ว่าไงดีทุกคน”
เธอถามความเห็นจากทุกคนเสมอ และบางครั้ง
“เอางี้ ไปเอามาใส่ๆไปก่อน แล้วเดี๋ยวดูภาพรวมอีกที”
เธอก็จำเป็นต้องเด็ดขาดให้สมกับเป็นผู้นำ เพื่อให้งานเดินต่อไปได้ ในขณะที่พวกเราได้แต่อ้ำอึ้ง ว่าจะทำยังไงดี
มามี่เป็นคนเก่งคนหนึ่งที่เขายอมรับ ไม่สิ ที่เพื่อนทั้งรุ่นยอมรับต่างหาก
แม้ภายนอกจะดูบ้าบอ และบ้าผู้ชายก็ตาม
“มด ตามสายป่านให้หน่อยนะเย็นนี้”
เหมือนเธอจะรู้ว่าเขากำลังนินทาเธอในใจ เธอเลยส่งมอบคำสั่งร้ายกาจมาให้เขาเสียเลย
ไม่นะ…
เขายังไม่กล้าคุยกับมัน
ใช่สิ ตั้งแต่เรื่องวันนั้น จนถึงตอนนี้ ตั้งแต่ที่เขาบอกลามันที่หน้าห้อง ตั้งแต่ที่เราปิดประตูห้องพร้อมกัน และมันก็ไปกรุงเทพฯ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าคุยอะไรกับมันเลย
แม้ว่ามันจะคอยกดไลค์สเตตัสของเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์เต็มที่มันบอกว่า ไปออกงานที่กรุงเทพฯ
ไม่รู้สิ เขาทราบคร่าวๆว่าเป็นการแลกเปลี่ยนดาวเดือนกันมั้ง ไม่ได้ติดตามเท่าไหร่
แต่ติดตามมันคนเดียว
เห็นนะว่าอัพรูปกับดาวสวยๆมหา’ลัยอื่นมากมาย
แต่มันไม่ได้เป็นคนลง ส่วนใหญ่ดาวๆพวกนั้นจะแท็กมันเอง
ร่ายมาตั้งยาวเหยียด
สำหรับไอ้สายป่านแล้วมันก็คงเป็นอุบัติเหตุ แต่สำหรับเขา มันไม่ใช่แบบนั้น
สำหรับมด ปากชนปาก เขาเรียกมันว่าจูบ เขานี่ช่างไร้เดียงสากับเรื่องความรักจนคิดถึงทีไรก็เขินทุกที
แล้วแบบนี้ จะให้เขาไปตามมันได้อย่างไร
“นั่นสิ สายป่านกลับมาแล้วนี่ ใช่มั้ยมด” วินดี้ถามเขา
แล้วทำไมทุกคนต้องถามเรื่องสายป่านจากเขา เขาไม่ใช่… แฟนมันนะ
“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้คุยกันมาสักพักแล้ว”
นี่เขาเรียกว่าเป็นการตอบทำร้ายตัวเองหรือเปล่าเนี่ย เท่ากับว่าก่อนหน้านั้นเขาคุยกับมันบ่อยงั้นเหรอ โอ๊ย สับสนคำพูดตัวเอง
“ยังไม่ลงเครื่องมั้ง พอลงเดี๋ยวก็ทักมา…”
ตึ๊ง
ยังไม่ทันจบคำพูดอุมาพร เฟซบุ๊กเขาก็แจ้งเตือนเข้ามา
อะไร นึกว่าเป็นสายป่านเหรอ ใช่เขาก็หวังอยู่ แต่ขอโทษที เป็นข้อความจากฟ้าเรื่องงานกลุ่มต่างหาก
เฮ้อ
อย่าคาดหวังลมๆแล้งๆเลยเรา เราเป็นอะไรกับมัน
เป็นบ้าเหรอมด
ครืด ครืด
“โทรศัพท์ใครดังอ่ะ”
มามี่ถาม
ไอโฟนเขาเองที่สั่นครืดคราด ไม่กี่วินาทีตอนที่เขาเอามันกลับไปใส่ในกระเป๋ากางเกง
ให้เดาก็คงเป็นฟ้าที่โทรมาย้ำ เพราะเขาไม่ตอบแชทมัน
!!!
สายป่าน 291…
เขามีเบอร์เพื่อนร่วมรุ่นทุกเบอร์ เพราะรุ่นพี่บังคับให้เมมไว้ เป็นชื่อเล่นตามด้วยรหัสนักศึกษาสามตัวท้าย
แต่ก็เมมไว้บังหน้า เพื่อไม่ให้โดนว้าก เพื่อไม่ให้มีข้ออ้างโดนด่าว่าไม่สนใจเพื่อนเหรอคุณ
บางเบอร์ไม่เคยโทรเข้ามาหาด้วยซ้ำ นั่นสิ จะโทรมาเพื่ออะไร
และเบอร์ที่โชว์อยู่นี่ ก็เป็นครั้งแรกที่เจ้าของมันโทรเข้ามา…
“ใครโทรมามด เอาแต่จ้องเดี๋ยวเขาก็วางสาย”
มามี่ว่าแล้วทำท่าจะชะโงกหน้าเข้ามาดู เขารีบก้าวถอยหนีเธอแล้วเอามือปิดหน้าจอไอโฟนทันทีจนมีพิรุธ และมีหรือเหล่านางฟ้าจะไม่รู้และจับได้ว่าใครโทรมา
“ไปๆ พวกมึง ทำงานๆ แฟนเขาจะคุยกัน” วินดี้โบกไม้โบกมือให้เพื่อนๆออกไป รวมถึงตัวเธอด้วย
โอ๊ยยยย
แฟนอะไรล่ะ เพื่อนกันมั้ย
“สะ…สวัสดี”
เขาไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่เอ่ยประโยคทักทายตามมารยาทออกไป หลังจากกดรับสายด้วยมือสั่นเทา
{พูดอีกทีได้มั้ย}
เขาขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของคนในสาย แต่เสียงมัน… เสียงที่เขาไม่ได้ยินมาเกือบอาทิตย์
ทำไมโคตรรู้สึกคิดถึงเลยนะ
“พะ…พูดอะไร”
จบแล้ว สรุปกูติดอ่างใช่มั้ย จะพูดตะกุกตะกักทำไมเนี่ย
{เสียงมึงน่ะ}
“…”
{กูโคตรคิดถึงเลย}
ตู้มมมมมมมมมม
ตึกตัก ตึกตัก
มันพูดอะไรออกมา
มันบอกว่าคิดถึง
ไม่ มันบอกว่าโคตรคิดถึงเลย
ฮืออออออ ใจเราบางไปหมดแล้ว ใจมันอ่อนแอแพ้สายป่าน
{ที่เงียบไปนี่ เพราะกำลังเขินอยู่ใช่ป่ะ}
“บ้าสิ ใครจะเขินมึง”
{ก็มึงไง ตอนนี้กำลังหน้าแดงอยู่}
“รู้ได้ไง”
แล้วเขาก็เผลอปล่อยไต๋จนได้ คนปลายสายหัวเราะเสียงนุ่ม
{ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้ไม่มีรถกลับมอครับ}
“…”
{มารับหน่อยได้มั้ย}
!!!
มันให้เขาไปรับที่สนามบิน
“จริงจังมั้ยเนี่ย”
{ถ้าเป็นเรื่องของมึง กูก็จริงจังทั้งหมดนั่นแหละ}
เดี๋ยวๆ เขาหมายถึงเรื่องให้ไปรับที่สนามบินเนี่ย มันหมายถึงเรื่องไหนก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ กูเขินไว้ก่อนแล้วครับ
“ตกลงจะให้ไปรับมั้ย”
{มาดิ ไม่มีรถกลับจริงๆเนี่ย นั่งรอเหงือกแห้งแล้ว}
“ถึงนานแล้วเหรอ”
{สามสิบวิ}
แล้วรอเหงือกแห้งคือ?
“เดี๋ยวไป รออยู่ตรงนั้นนะ”
{คร้าบบบบบ แม่ทูนหัว}
ไอ้สัด กูเป็นผู้ชายครับ
“มดใจเย็นๆ เจ๊ซิ่งสุดๆแล้วเนี่ย”
หลังจากวางสายไอ้สายป่าน เขาก็ลืมไปว่าวันนี้เขาไม่ได้เอารถมา มันถูกจอดสนิทเพราะน้ำมันหมดอยู่ใต้หอพัก ตอนแรกก็เกรงใจที่จะไปขอความช่วยเหลือจากพวกเจ๊ๆ แต่สุดท้ายก็บากหน้าไปขอจนได้
มด สายป่านน่ะตัวเอกของงานพรุ่งนี้ วันนี้ต้องเอามาบรีฟ ทำไมไม่รีบบอกเจ๊เนี่ย
จากนั้นพวกเราทั้งหมด อัประกอบด้วย เขา มามี่ วินดี้ ลลิตา อุมาพร และลิลลี่ ก็ได้ร่วมลงเรือลำเดียวกันหลังจากขโมยกุญแจรถของไอ้พี่ปืนมา โดยมามี่ให้เหตุผลว่าช่วยไม่ได้นี่ ก็เจ้าตัวอยากวางเรี่ยราดไว้แถวนี้เอง
แต่แถวนี้ที่ว่ามันคือในกระเป๋าพี่แกเลยนะ คิดเอาเถอะ ใครถูกใครผิด
“ถึงแล้ว”
มามี่จอดรถ
“มดล่วงหน้าไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวพวกเจ๊ๆจะไปหาที่จอดรถ”
เขาพยักหน้า ไม่ลืมเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะตรงไปยังสถานที่นัดหมายที่นัดกับไอ้สายป่านเอาไว้
ไกลออกไปเขาเห็นใครบางคนที่คุ้นตา นั่งเล่นโทรศัพท์ในมือ
หัวใจของเขาเต้นแรงมาก เขารับรู้ได้เลย
น่าแปลกที่เราห่างกันแค่เพียงหนึ่งอาทิตย์ แต่กลับทำให้เขาโหยหามันมากขนาดนี้ นั่นแสดงถึงอิทธิพลของมันต่อตัวเขาที่มากขึ้นเรื่อยๆ
และเขายินยอมอยู่ภายใต้อิทธิพลของหัวใจตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข
ปากของเขายิ้มกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
ขาก็ค่อยๆก้าวเดินไปหามัน
“สายป่าน”
สายป่าน…
แต่เสียงของเขาไม่มีวันไปถึงมัน
ขาที่ก้าวไปหยุดชะงัก
ตัวของเขาแข็งทื่อ
“นิว”
“ไม่เจอกันนานเลย”
เขาค่อยๆก้าวถอยหลัง ค่อยๆก้าวห่างออกไป เรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ
เขาเคยคิดว่าเรากำลังก้าวเข้าหากันเรื่อยๆ
ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขากับมันกำลังเริ่มพัฒนา
แต่เขาคงลืมไปว่า นั่นเป็นความคิดของตัวเองฝ่ายเดียว ความคิดที่โคตรจะเข้าข้างตัวเองของคนที่แอบชอบมันโคตรๆแบบเขา
เขาลืมไปได้ไงว่า
คนแอบรัก กับคนถูกรัก มันต่างกันยังไง
แต่วันนี้…
ความทรงจำที่เลือนหายไปมันกลับค่อยๆคืนมา
“นิวตามไอจีสายป่านตลอดเลย นึกว่าจะไม่ทันแลนดิ้งพร้อมกันซะแล้ว”
“คือยังไง”
“นิวจะกลับมาเรียนที่นี่เหมือนเดิมไง”
เมื่อคนที่ถูกมันรัก กำลังจะกลับมา
กึก!
“มด เป็นอะไร ทำไมไม่เข้า…”
เขาถอยหลังมาชนกับมามี่
“ฉิบหายล่ะอิวินดี้” มามี่เปรยขึ้นเบาๆ วินดี้ที่เดินตามมางงงัน
“อะไรของมึง”
“มึงดู”
มามี่ชี้ให้วินดี้ดูสายป่านกับนิว
“อินินิวเหรอ ว้าย จะกลับมารีเทิร์น อุ๊บ”
มามี่ตะครุบปิดปากวินดี้ แล้วพยักเพยิดให้มองมาที่เขา มันยากอยู่นะ แต่เขาก็แกล้งฝืนยิ้มให้
“ขอโทษน้ามด”
วินดี้ขอโทษขอโพย
เขาไม่รู้จะพูดอะไร เลยได้แต่ส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร ทั้งที่ในใจเจ็บหน่วงๆ
“กลับกันเถอะเจ๊ๆ”
มันคงหาทางกลับมอได้แล้ว…
ตั้งแต่วินาทีนี้ไป เท้าของเขาค่อยๆก้าวถอยหลัง และในไม่ช้า มันจะกลับไปยืนอยู่ยังจุดเริ่มต้นดังเดิม
“มด แป๊บนะ มีคนโทรหาเจ๊”
มามี่รับโทรศัพท์
“สวัสดีครับพ่อ”
เขาจำได้ว่ามามี่เคยบอกว่าทางบ้านยังไม่ค่อยยอมรับเรื่องเพศที่สามเท่าไหร่ ทุกครั้งที่ทางบ้านโทรมาทุกคนก็จะได้เห็นโหมดความแมนของมามี่ที่มันไม่เคยหายไป
“อะไรนะ พ่อพูดอีกทีซิ”
“เป็นอะไรมึง มามี่”
วินดี้เดินเข้าไปถาม
“แมนบอกว่าให้พ่อพูดอีกทีซิ”
“มึงใจเย็นๆ”
วินดี้ลูบหลังมามี่ เพื่อนๆรู้ดีว่ามามี่ไม่ค่อยถูกกับคุณพ่อ ทุกครั้งที่โทรมาก็จะมีปากเสียงกันบ่อยๆ
“อิวินดี้”
“มามี่ มึงเป็นอะไร”
“ฮือออออออ”
“มามี่ อิมามี่ มึงร้องไห้ทำไม”
ลลิตาเดินเข้ามากอดมามี่
“มึง ฮือออออออ”
“…”
“แม่ … พ่อ แม่กู ฮือ”
“มึงตั้งสติก่อน พูดดีๆ”
ทุกคนเข้าไปรุมมามี่ด้วยความตกใจเพราะจู่ๆเธอก็ร้องไห้ออกมาเป็นวรรคเป็นเวร ซึ่งน้อยครั้งนักที่เราจะได้เห็น รวมทั้งเพื่อนสนิทอย่างแก๊งนางฟ้าที่อกสั่นขวัญหายไปตามๆกัน
“แม่ พ่อบอกว่า แม่ ฮึก แม่กู”
“…”
“ตายแล้ว”
“…”
“พ่อเล่าว่า ฮึก แม่ กู ขับรถเข้าไปในเมือง ตอน ฮึก ตอนเช้า แล้วก็ เกิด อุบัติเหตุ”
“…”
“มึง ฮือออออออออออ แม่กู ไม่จริงใช่มั้ย มึง”
ไม่มีเสียงตอบรับจากพวกเรา
เพราะน้ำตาของมามี่ ตอกย้ำว่ามันคือเรื่องจริง
*TBC...............................................
โอ๊ยยยย มันยังไงกันคะคุณผู้อ่านนนนนนนนน
แล้วเจอกันค่า