( ต่อ )
Punnut's Talkผมไม่ได้อยากไล่ไอ้เด็กนั่นอย่างที่พูดหรอก แต่เวลาอยู่กับมันทีไร ผมก็ไม่เป็นตัวของตัวเองทุกที ปากผมเหมือนถูกสาปให้ต้องพูดอะไรที่ตรงข้ามกับใจเสมอ
ถ้าจะมีใครสักคนผิดก็มันนั่นแหละ จู่โจมผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ ผมว่าในน้ำลายมันต้องมีเชื้ออะไรแน่ๆ ไม่งั้นตอนที่ผมกับมัน เอ่อ อย่างว่าอ่ะ หัวใจผมคงไม่เต้นผิดจังหวะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
คร้านที่จะหาเหตุผล เพราะถึงหาพบก็ไม่อาจยอมรับ ผมเป็นผู้ชาย ผู้ชายที่มีหน้ามีตาในวงการเงินกู้ ผู้ชายที่ต้องสานต่อธุรกิจทวงหนี้ที่พ่อทิ้งไว้ตั้งแต่มอปลาย ผู้ชายที่ต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบมหาลัยด้วยเหตุผลบ้าๆ แล้วผู้ชายแบบนี้จะยอมรับว่ากำลังจะเสียท่าให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แถมได้ขึ้นชื่อว่ามีเพศเดียวกันได้ยังไง ไม่มีทาง!
เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดคงไม่เกิดขึ้น ถ้าเมื่อ 4 ปีก่อนนายยงยศไม่มาทำสัญญาเงินกู้กับผม โดยเริ่มต้นกู้เงินจากหลักหมื่น แล้วเพิ่มเป็นแสน เป็นล้าน และจบที่สิบล้านก่อนจะหนีไปและทิ้งลูกชายไว้ขัดดอก
คุณเชื่อไหม ว่าเขาเป็นลูกหนี้รายแรกที่ผมนับวันรอให้ไม่มีเงินจ่าย ผมคงดูบ้ามาก แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อผมเกิดหลงรักของขัดดอกเข้าตั้งแต่แรกเห็น ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเพียงรูปถ่ายก็ตาม
รูปเด็กสาวหน้าหวานที่ผมเจอตอนให้ลูกน้องไปยึดของที่บริษัทของนายยงยศครั้งแรกเมื่อต้นปี
ในภาพถูกแอบถ่ายจากด้านข้าง มุมกล้องเห็นเป็นหญิงสาวปล่อยผมดำยาวสยายถึงกลางหลังยืนถือไมค์อยู่บนเวที แต่งกายด้วยชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวสีน้ำตาลได้ลุคเจ้าหญิงหนีเข้าป่า ข้างตัวเธอมีเจ้าชายที่ยืนหันหลังให้กล้อง คงไม่แคล้วเล่นละครเวทีเป็นแน่
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
เมื่อองค์ประกอบอื่นเป็นเพียงอากาศธาตุสำหรับผม คนตัวเล็กในรูปต่างหากที่ผมสนใจ หุ่นอ้อนแอ้นอรชร ผิวขาวใสอมชมพู ใบหน้าหวานสวยกำลังแย้มยิ้มให้เด็กๆ ที่นั่งชมการแสดงอยู่ด้านล่างเวที ทุกคนในภาพดูมีความสุข จนผมอิจฉา อยากได้เธอมาครอบครอง อยากให้ความรักความอุ่นทั้งหมดที่เธอมี เผื่อแผ่มาถึงเราสองพี่น้องให้กลับมามีรอยยิ้มที่กลั่นมาจากใจได้อีกครั้ง
ผมไม่รู้หรอกว่าแท้จริงเธอเป็นคนยังไง รู้เพียงแค่ดวงตาเรียวสวยคู่นั้นจริงใจไร้เล่ห์เหลี่ยมต่างจากผู้หญิงมากมายที่เข้าหาผมเพียงเพื่อผลประโยชน์ ภาพของเธอคนนั้นมาปรากฏอยู่ในความฝันของผมแทบทุกคืน ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว จนต้องให้คุณพิทไปตามสืบประวัติของเธอ
บรีส ยวิษฐา เศรษฐพงศ์ ลูกสาวคนเล็กของนายยงยศ อายุ 14 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.2 โรงเรียนสหแห่งหนึ่ง มีพี่ชาย 1 คน คือ ยศภัทร เศรษฐพงศ์ อายุ 18 ปี เรียนอยู่ชั้นม.6 โรงเรียนชายล้วนฝั่งตรงข้าม มารดาของทั้งคู่เสียชีวิตด้วยโรคธาลัสซีเมียเมื่อ 4 ปีก่อน นายยงยศจึงต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาเงินกู้ฉบับนี้
ผมแอบเฝ้ามองเธอที่โรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง น่าแปลกที่รอยยิ้มนั้นไม่สดใสเหมือนในรูป แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในเมื่อเธอเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตอยู่นอกจากปัณณ์ณิช
เวลาล่วงเลยมา 9 เดือนกว่า ในที่สุดวันที่ผมเฝ้ารอก็มาถึง วันที่นายยงยศค้างชำระหนี้เกินสามเดือน และตามสัญญาผมสามารถยึดทรัพย์สินทุกอย่างของเขาได้รวมทั้งคนขัดดอก
แต่เหมือนคนบนฟ้าเล่นตลก ในวันที่ผมบุกไปที่บ้านเศรษฐพงศ์ ผมกลับต้องผิดหวัง เมื่อนายยงยศไหวตัวทันและพาคนที่ผมต้องการหลบหนีไป เหลือทิ้งไว้เพียงลูกชายคนโตซึ่งกำลังควบตำแหน่งเลขาคนสนิทแทนคุณพิทในปัจจุบัน
" เย้ กลับมาแล้ว "
ทันทีที่เมอร์เซเดรสจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เด็กสาวตัวเล็กก็ตะโกนลั่นด้วยความตื่นเต้น และถลาวิ่งมาให้การต้อนรับถึงที่รถ
แต่คนที่เธอเลือกกลับไม่ใช่ผม
" พี่บอสสสสสสสสส " ยัยปันโผเข้ากอดคนที่ลงจากรถฝั่งคนขับ รอยยิ้มสดใสถูกส่งมาพร้อมคำพูดมากมายที่อัดแน่นมาตลอดหลายวัน ทั้งดีใจและตัดพ้อ
" บ๊อก บ๊อก " ผมละสายตาจากภาพตรงหน้า ก้มลงมองที่พื้น เห็นไอ้ปีศาจสั่นหางดิกๆ พลางตะกายขากางเกง
" อย่างน้อยกูก็ยังมีมึงวะ " พูดพลางถอนหายใจ
หลังมื้ออาหารเย็นผมเรียกไอ้เด็กนั่นเข้ามาคุยถึงเรื่องค่าตอบแทนสำหรับงานแรกที่มันสมควรได้รับ ตอนที่ผมยื่นเช็คเงินสดที่เซ็นสดๆ ต่อหน้ามันให้ไป ใบหน้าหวานของมันนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะเปื้อนรอยยิ้ม
“ คุณปูนให้ผมจริงๆ หรอครับ ”
“ ก็เออซิวะ ทำไมหรือไม่อยากได้ กูจะได้เอาคืน ”
“ ไม่ๆ ผมอยากได้ อยากได้ที่สุด ขอบคุณนะครับ ”
เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันกระโดดโลดเต้นขนาดนี้ จะดีใจอะไรนักหนากับแค่เช็คเงินสด 50,000 นี่ถ้าได้เงินอีก 330,000 ตอนสิ้นเดือนไม่ช็อกตายเลยรึไง ผมส่ายหน้าเอือมระอาก่อนจะไล่มันไป เด็กหนอเด็ก
แต่ก็ต้องขอบคุณความเป็นเด็กของมันที่ทำให้ผมหลอกได้อย่างแนบเนียน ถ้าเป็นคุณพิทละก็ผมไม่มีทางทำอะไรแบบนี้ได้แน่ๆ รายนั้นเคี้ยวเข้าไส้ เงินออกทีไรถึงกับต้องพกเครื่องคิดเลขติดมือมาเพราะกลัวผมโกง ถึงผมจะเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ แต่ผมไม่ได้หน้าเลือดนะพูดเลย ผมซื่อตรงกับเงินทุกบาททุกสตางค์ จะยกเว้นก็แต่ลูกหนี้ที่เพิ่งโดนผมไล่กลับห้องไปเมื่อกี้ น่าอายนะที่จะบอกว่า ผมโกงเด็ก จริงๆ เงินที่มันต้องได้ไม่ใช่แค่ 50,000 หรอก มันมากกว่านั้นเป็นเท่าตัว แต่ถ้าผมให้มันเยอะ หนี้สินของมันก็จะหมดเร็ว แล้ววันนั้นมันก็ต้องจากไป นี่เลยเป็นเหตุผลที่ผมชอบขู่เพิ่มหนี้ เพื่อหวังให้มันอยู่ข้างๆ ต่อ แค่ซักวันก็ยังดี
ใช่ ผมเห็นแก่ตัว แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ 4 เดือนก่อน ผมไม่มีทางรั้งมันไว้แบบนี้หรอก แค่หน้ามันผมยังไม่อยากจะมองเลย แต่ที่มันยังอยู่สุขสบายก็เพราะเหตุผลเดียว คือ ปัณณ์ณิช
น้องสาวแท้ๆ ของผมชอบมัน และมันเองก็ทำให้เธอมีความสุขตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา
“ พี่ปูนพาใครมาบ้านอ่ะ น่ารักยังกับตุ๊กตา ปันขอได้ป่ะ ” นานแค่ไหนแล้วที่ยัยปันไม่เคยวิ่งเข้ามาในนี้ ครั้งล่าสุดน่าจะเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนที่เข้ามาซ่อนน้าอุ่นใต้โต๊ะทำงานผม วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมรับช่วงต่อจากพ่ออย่างเต็มตัว งานทวงหนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ยิ่งลูกหนี้เห็นผมเป็นเด็กใหม่อ่อนหัดไร้ประสบการณ์ ยิ่งแข็งข้อต่อรองสารพัด จนหัวแทบระเบิด โชคดีที่มีคุณพิทคอยช่วยเหลือ เลยผ่านมาได้อย่างทุลักทุเล พอกลับมาถึงห้องผมแทบสลบ แต่ดันมาเจอน้องสาวตัวเองกำลังวิ่งเล่น ด้วยความฉุนขาดเลยเผลอตวาดใส่คนตัวเล็กไปอย่างลืมตัว หลังจากวันนั้นปัณณ์ณิชที่เคยสดใสก็ไม่เคยมีรอยยิ้มให้ผมอีกเลย
วันถัดมาหลังจากที่ยศภัทรย้ายมาอยู่ในบ้าน ผมเงยหน้ามองนาฬิกา น่าแปลกที่เวลานี้น้องปันต้องกลับจากโรงเรียนมาวิ่งเล่นที่สวนแล้วแท้ๆ แต่ทุกอย่างกลับเงียบผิดปกติ ผมเลยมองลอดหน้าต่างลงไปด้านล่าง ภาพที่ผมเห็นทำให้ต้องตะลึง คนที่ตามหานั่งเล่นอยู่บนเสื่อใต้ต้นปาล์มโดยข้างๆ มีคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้านั่งอยู่ ทั้งสองยิ้มให้กันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มนั่นที่ผมเฝ้าตามหามาตลอดหลายปี แต่คนมาใหม่กลับหาเจอแบบไม่ต้องพยายามโดยใช้เวลาแค่วันเดียว
ตั้งแต่วันนั้นผมก็เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของสองคนนั้นตลอด จะว่าผมเด็กก็ได้ ผมยอมรับว่าอิจฉาที่มันสนิทกับปันมากกว่าผมที่เป็นพี่ชายแท้ๆ ยิ่งเวลาปันเรียกมันว่า พี่สาว ผมละอยากจะไล่มันไปให้พ้น แต่ผมก็ทำไม่ได้ ถ้ามันหายไปรอยยิ้มของปันก็ต้องหายตาม ผมเลยใช้วิธีแกล้งมันสารพัดเพื่อความสะใจ ทั้งให้มันไปจับไส้เดือนไปเลี้ยงปลา จนถึงขั้นให้มันปีนไปเก็บลูกมะพร้าวด้วยตัวเอง แต่ความสุขก็อยู่กับผมไม่นานในเมื่อเวรกรรมมีจริงและเร็วติดจรวด เพราะในวันเดียวกันมันก็ปีนเกลียวเข้าไปนอนในห้องน้องสาวผม แถมที่ข้างแก้มยังมีรอยลิปสติกสดๆ ร้อนๆ ด้วย ผมโมโหจัดเกือบจะซัดหน้ามันไป แต่ยัยตัวดีก็เข้ามาห้าม ทำให้ผมต้องยอมถอยทัพ คืนนั้นผมเลยคิดแผนเอาคืน โดยการส่งมันไปเรียนห้องเดียวกับปัน ทั้งๆ ที่มันแก่กว่าปันถึง 4 ปี
วันต่อมาผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองคิดผิด ด้วยความที่ทั้งสองสนิทกันอยู่แล้ว พอไปเรียนด้วยกันเลยตัวติดกันมากขึ้น ยัยปันมีความฝันอยากเปิดร้านอาหาร แต่ของกินแต่ละอย่างที่ทำเรียกว่าแมลงวันยังไม่ตอมน่าจะสุภาพที่สุด ผมเข็ดจนวันตายกับบะหมี่เย็น พอวันนี้เจอเค้กผลไม้เข้าไปผมเลยไม่กล้าเสี่ยง สุดท้ายต้องเรียกไอ้ตัวการมารับผิดชอบ ผมขอย้ำอีกรอบว่าเวรกรรมมันมีจริง เพราะผมกลัวท้องเสียเลยให้มันกินแทน แต่สุดท้ายคราวซวยก็หนีไม่พ้นผมซักที เมื่อโดนมันแก้แค้นกลับด้วยการคว้าคอเสื้อผมไปจูบ!
ช่วงนี้ปัณณ์ณิชหัวเราะมากขึ้นและสร้างเรื่องปวดหัวให้ผมมากขึ้นเช่นกัน อย่างวันนี้ก็จะให้มันไปเป็นติวเตอร์แถมเอาไอ้หน้าฝรั่งมาด้วย ผมดีใจนะที่น้องมีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา แต่กลับไอ้ห่านั่นผมรู้สึกแปลกๆ ก็มันเล่นมองลูกหนี้จนแทบจะกลืนไปทั้งตัวซะขนาดนั้น แล้วยังมีการปากดีจะเอาลูกหนี้ผมไปอยู่ด้วย ใครจะไปยอมว่ะ ถึงสุดท้ายต้องแพ้ทางปัน แต่อย่างน้อยก็ได้ความสะใจ ในเมื่ออวดเก่งอยากเป็นติวเตอร์นักก็ทำให้น้องสาวผมได้ 4.00 ดูซิ ไม่รู้อะไรซะแล้วว่ายัยปันได้เกรดล่าสุดแค่ 1.99 เท่านั้นแหละ
การที่ให้ไอ้ยาทาเท้าเน่าเข้าบ้านก็เป็นการอ่อนข้อพอแล้ว แต่มันดันได้คืบจะเอาศอก เสือกขอร่วมโต๊ะด้วย ผมไม่ได้นิสัยดีเหมือนหน้าตาหรอกนะ คงเห็นผมยอมให้ลูกหนี้ร่วมโต๊ะเลยคิดว่ามันจะได้สิทธิ์เหมือนกันหรอ ฝันไปเถอะ อันนั้นมันเป็นข้อยกเว้น ถ้าปันไม่ขอก็คงต้องรอชาติหน้า ที่น่าหมั้นไส้ที่สุดคือการที่ไอ้ลูกหนี้ตักอาหารให้ทุกคนยกเว้นผม แม่ง เห็นผมเป็นหัวหลักหัวตอรึไง นั่งหัวโต๊ะ เป็นเจ้าของบ้าน ใครไม่หงุดหงิดก็ให้รู้ไปดิ
คืนวันคริสมาสต์ผมที่กำลังนั่งดริ๊งซ์ตามประสาชายโสดพลางนั่งมองรูปถ่ายในมือ พร้อมคิดว่าถ้าเธอคนนั้นมาอยู่ตรงนี้ก็คงจะดีไม่น้อย แล้วเหมือนฟ้าเป็นใจ จู่ๆ โทรศัพท์บนโต๊ะทำงานก็สั่น เป็นข้อความเข้าจากคุณพิท ผมเปิดอ่านเห็นภาพของผู้หญิงสวมชุดเดรสสีฟ้า ใบหน้าสวยหวานในรูปแม้จะเห็นเพียงเสี้ยวเดียวแต่ผมก็รู้ดีว่าเธอคือใคร ไม่พูดพร่ำทำเพลงผมกระดกน้ำสีอำพันในมือรวดเดียวหมดก่อนจะรีบไปสตาร์ทรถให้เคลื่อนที่ไปยังสถานที่ในรูป สติมาเพียงวูบๆ รู้ตัวอีกทีผมก็พาคนที่อยากเจอเข้าห้องแล้วเตรียมการจะทำอย่างที่ใจปรารถนา โดยไม่สนใจผิดชอบชั่วดีอะไรอีก
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมฟื้นขึ้นมาบนพื้นเพราะรู้สึกเจ็บที่หัว หลังจากตั้งสติได้ก็กวาดตามองดูรอบห้อง เห็นเพียงบนเตียงยับยู่ยี่ ด้านข้างเตียงมีรองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งถูกทิ้งไว้ ผมหยิบมันขึ้นมาภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าผลุบเข้ามาในความทรงจำเหมือนในละคร ความรู้สึกผิดระคนเป็นห่วงสั่งให้ผมหยิบโทรศัพท์ตัวเองโทรหานังซินผู้เคราะห์ร้าย แต่กลับไม่มีใครรับสาย ผมห่วงมันจนแทบคลั่ง แต่ก่อนที่จะได้โทรไปหามันอีกครั้ง คนที่รอคอยดันโทรกลับมาเพื่อขอความช่วยเหลือซะก่อน ด้วยข้อความที่ประธานในประโยคไม่ใช่ผม บอกเลยว่าโคตรน้อยใจแต่ความห่วงใยมันมีมากกว่า สุดท้ายผมก็รีบบึ่งเมอร์เซเดรสตามรอยจีพีเอสที่แกะได้จากโทรศัพท์
โกหกใครก็โกหกได้ แต่โกหกหัวใจตัวเองนี่สิ ที่ยากเกินจะทำ ผมนอนคิดเรื่องตัวเองมาตลอดช่วงวันหยุดปีใหม่ ผมสับสนและขี้ขลาดเกินจะรับความจริง ทำไมต้องหงุดหงิดที่ตัวเองจับสลากไม่ได้เบอร์ 99 ทำไมต้องลากมันไปจูบเพียงเพื่อไม่อยากเสียมันไปให้ใคร ทำไมต้องหวงในเมื่อคนที่ทำให้หัวใจผมสั่นไหวคือผู้หญิงในรูปไม่ใช่มัน
และคำตอบทุกอย่างก็มาชัดเจนในคืนวันเกิดปีที่ 27 ผมไม่ชอบใจมากๆ ที่เห็นลูกหนี้ตัวเองกำลังจับมือกับผู้ชายคนอื่น ถึงมันจะเป็นญาติผมก็เถอะ ผมเคยสนิทกับไอ้อิฐมากนะ มากถึงขนาดคิดว่ามันเป็นลูกพ่อกับแม่เลย แต่เพราะสายตาของไอ้อิฐเวลามองลูกหนี้ผม ผมถึงกับยอมตัดญาติได้ถ้าจำเป็น ยิ่งตอนเห็นมันกำลังกอดไอ้หน้าหวานอยู่ใต้ต้นไม้ ความรู้สึกหึงจัดก็เข้าครอบงำจนต้องปั้นเรื่องขึ้นมาและบังคับให้เลขาลางานไปอยู่บ้าน 3 เดือน
ยศภัทร ผู้ชายที่ทำให้ผมต้องโกหกครั้งแล้วครั้งเล่า จริงๆ วันนี้ผมไม่ได้มีนัดกับคุณกิตติ แต่เพราะอยากจะใช้เวลาอยู่กับมันเลยต้องพูดไป ต่อให้ดวงตาคู่นั้นไม่คล้ำเป็นหมีแพนด้าผมก็ไม่ยอมให้มันขับรถหรอก แต่ถ้าพูดดีๆ ก็กลัวจะเสียฟอร์ม ที่สั่งให้ไปนอนก็ไม่ได้กลัวว่ามันจะหลับในแล้วตัวเองจะเป็นอันตราย แต่เพราะห่วงว่ามันจะเป็นอะไรไประหว่างทางมากกว่า สิ่งที่ทำให้พวกตีนผีหันมาเหยียบคันเร่งที่ความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะเป็นอะไรได้อีก นอกเสียจากอยากจะยืดเวลาเฝ้ามองและจับมือคนข้างๆ ที่กำลังหลับใหลให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน ผมกะว่าจะเซอร์ไพร์สโดยการเอาโทรศัพท์ไปให้ จริงๆ ตั้งใจจะให้ตั้งแต่มันฟื้นที่โรงพยาบาลตอนนั้นแล้ว แต่ดันมีเรื่องซะก่อน กลับมาอีกทีแม่งก็หนีไปกับฝรั่งดอง นี่เลยเป็นโอกาสดีแถมมีข้ออ้างที่เพิ่งคิดออกเมื่อวันก่อนด้วย
“ เป็นเลขาแต่ไม่มีโทรศัพท์ใช้ได้ไง ตอนมีก็เสือกโง่ไปให้แท็กซี่ปล้ำแล้วทำเครื่องพังอีก เดือดร้อนกูต้องซื้อให้ใหม่ ” ใครจะไปรู้ละครับว่าแม่งจะโดนไอ้หน้าฝรั่งชิงให้ตัดหน้า คราวเคราะห์เลยมาตกกับคนตัวเล็กที่ต้องมานอนครางใต้ร่างผมแบบนี้ จริงๆ มันก็ดีนะ ถ้าไม่ติดว่า มันเสือกเกร็งจนตะคริวแดก
คืนนั้นทั้งคืนผมนอนไม่หลับไม่ใช่เพราะเสียงเข้าห้องน้ำของคนที่ถูกไล่มานอนด้านนอกเพราะกลัวตัวเองจะทนไม่ไหวจนทำเรื่องที่ค้างไว้ต่อจนเสร็จ แต่เป็นเพราะอาการปวดท้องเริ่มทวีความรุนแรงต่างหาก กะว่าจะออกมาอ้อนมันให้หายาให้กิน แต่พอเห็นริมฝีปากที่แดงสดเริ่มซีดเซียวเนื่องจากอุณหภูมิห้องที่ผมปรับแล้วเอารีโมทไปซ่อนก็ต้องรู้สึกผิด จนต้องขนผ้าห่มกับหมอนออกมาให้มัน แล้วตัวเองเป็นฝ่ายขดตัวอยู่บนเตียงคิงไซส์แทน ทั้งๆ ที่คิดจะนอนกอดมันใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันแท้ๆ
ระหว่างทางไปบ้านคุณกิตติอาการปวดท้องด้านขวาผมก็ยังไม่ดีขึ้น ถึงจะทำเป็นชวนคนขับคุยก็ไม่อาจปิดบัง แต่เพียงประโยคที่มันบอกว่าแฟนเก่าเป็นหมอเข้ามาในโสตประสาท อาการเหล่านั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งมีเพียงบันดาลโทสะเข้ามาแทนที่ แต่ที่น่าโมโหที่สุดคือคนข้างๆ นี่และ คิดได้ยังไงว่าผมจะทิ้งมันไว้ เหอะ ต่อให้มันใช้หนี้ผมหมด คิดหรอว่าผมจะปล่อยมันไปง่ายๆ
ผมเบื่ออาหารมาตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้พอมาเจอสารพัดสิงสาราสัตว์ยิ่งชวนคลื่นไส้ ผมรู้ว่าเขาใช้ตำแหน่งนักการเมืองบังหน้าเพื่อที่จะได้หาของป่าเหล่านี้ แต่ไม่คิดว่าจะต่ำขนาดนำมารับประทาน ถ้าผมซื้อหวยคงถูกรางวัลแจ๊คพอต คิดไว้ไม่ผิดว่าคุณกิตติจงใจไม่ใช้หนี้แล้วล่อให้ผมมาตามทวงถึงที่บ้าน เพื่อจุดประสงค์จะขายลูกสาวกิน ครั้งแรกที่เห็นตัวคนขัดดอกยอมรับเลยว่าน่าพอใจ ผมก็เป็นผู้ชายนะ ยังมีอารมณ์ไม่ใช่พระปูนพระปูน (ไม่อยากพูดถึงอีกชื่อ เดี๋ยวอารมณ์เสีย) แต่ก็แค่วูบเดียวเท่านั้นแหละ ก่อนจะปฏิเสธไป ในเมื่อผมแคร์คนข้างๆ มากกว่า
ที่ยังกลับมาถามว่าจะเอายังไงเพียงเพราะอยากให้มันแสดงอาการหึงผมบ้าง แต่ผมคงคิดผิด ยศภัทรไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ แถมยังเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย ทำเอาผมอารมณ์เสียจนต้องหนีไปสงบสติอารมณ์ที่ห้อง
เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่รับเพราะอาการปวดท้องกำเริบ ไม่รู้ว่าเพราะน้ำย่อยกำลังทำงานหรือเพราะไส้ติ่งกำลังจะระเบิด ถึงตอนเย็นจะกินโจ๊กฝีมือมันไปเกือบหมดหม้อ แต่พอเข้าห้องมาก็อาเจียนออกจนหมด ผมรู้ตั้งนานแล้วว่าเป็นไส้ติ่ง แต่แค่อยากจะเรียกร้องความสนใจ อยากรู้ว่ามันจะสังเกตเห็นรึเปล่าเลยทนไว้ หลายครั้งที่กดเบอร์มันโทรออกแล้วตัดสายทิ้งเพราะไม่อยากถูกมองเป็นคนอ่อนแอ จนสายสุดท้ายที่ผมกดโทรไป ด้วยอาการที่ทรุดหนักจนร่างกายหมดแรงต้านทาน ผมเลยต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ยศภัทรอยากให้เป็น ต่อให้มันปล่อยให้ผมนอนตายแล้วหนีหนี้ผมก็ยินดี
ก่อนการผ่าตัดผมสั่งหมอให้ดึงสายเครื่องวัดการเต้นของหัวใจทิ้ง เพื่อให้คนที่รอใจเสีย เผื่อมันจะวิ่งทะเลอทะล่าเข้ามาบอกรักเหมือนนางเอกในละคร แต่ทุกอย่างก็เงียบฉี่เมื่อยาสลบออกฤทธิ์
การผ่าตัดสำเร็จลงอย่างงดงาม ยาสลบหมดฤทธิ์เร็วกว่าที่หมอคิด ผมตื่นขึ้นมาตอนที่หมอกำลังจะออกไปบอกคนที่เฝ้ารออยู่หน้าห้องผ่าตัด ผมได้ยินเสียงคนด้านนอกร้องตะโกนด้วยความดีใจทันทีที่รู้ว่าผมปลอดภัย
สองวันที่แกล้งนอนนิ่งอยู่บนเตียง ถึงจะเมื่อยแต่ก็มีความสุขนะ ยศภัทรเฝ้าผมไม่เคยห่าง มีบางครั้งมันมาเล่านิทานให้ผมฟังด้วย รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็กเลย ยิ่งเวลามันดัดเสียงเป็นเจ้าหญิงผมละอยากดึงมันมาจูบให้รู้แล้วรู้รอด เสียงที่มันคุยโทรศัพท์กับน้องปันฟังแล้วก็อดขำไม่ได้ เพราะคำพวกนั้นที่มันโดนผมโดนมาก่อนนะสิ
( พี่ปูน ทำไมปันติดต่อพี่บอสไม่ได้ )
“ โทรศัพท์มันพัง ”
( โทนี่เพิ่งให้ไปจะพังได้ไง อีกอย่างปันเห็นนะว่าพี่ปูนก็ซื้อให้พี่บอสอ่ะ )
“ แล้วไงโทรหาพี่แต่ถามถึงมัน ไม่คิดถึงพี่ชายคนนี้เลยว่างั้น ”
( คิดถึงซิ แต่คิดถึงพี่บอสมากกว่า ขอคุยด้วยหน่อย นะนะ )
“ ได้ แต่พี่จะลดหนี้มันนาทีละ 50,000 โอเคมั้ย ”
( พี่ปูน นน น น นน น !!! )
“ แล้วถ้าบอกมันว่าพี่ขู่ละก็พี่จะลดหนี้มัน 100,000 ไม่เชื่อก็ลองดู ”
( ใจร้าย ชิ )
“ มีอีกเรื่องที่พี่อยากฝากไว้ ช่วงวันสองวันนี้อาจมีผู้หญิงที่ชื่อกณิกนันท์ไปบ้าน ฝากจัดการด้วย ถ้าอยากให้พี่สาวอยู่ด้วยนานๆ ก็ทำให้สำเร็จ ”
( ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ปันถนัด ใช่ว่ายัยนี่เป็นคนแรกซะเมื่อไหร่ ฝากบอกรักพี่บอสให้ก็พอ )ไม่ต้องฝากพี่ก็อยากพูด ติดอยู่แค่อย่างเดียว พี่อยากได้ยินคำนั้นกลับมาเหมือนกัน
ถ้ามันแสดงออกซักนิดว่ามีใจให้พี่ พี่จะเลิกสนใจคำครหาของคนรอบข้าง แม้แต่ยวิษฐาที่พี่เคยสนใจพี่ก็จะลืมไปให้หมด แล้วหาทางให้มันอยู่กับพี่ไปตลอดกาล
--------------------------------------
TBC มาแล้วคร่า ~~~~~~~ ขอโทษที่ช้านะ เรามานั่งทำไทม์ไลน์ของเรื่องเพราะไม่อยากให้พลาด
ตอนนี้เราอ่านทวนเกือบ 10 รอบ เพราะอยากให้มันออกมาดีที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจกันมั้ย ><
ยังไงก็เอาใจช่วยพระเอกเราต่อไปเน้อ ไม่แน่ตอนหน้าอาจมีลุ้น ^///^
ปล หวังว่าจะเข้าใจเจ้าหนี้เรามากขึ้นนะ ยกโทษให้เจ้าหนี้เราที่เคยทำผิดไปเถอะ กระซิกๆ