(ต่อจากด้านบน)แสงไฟสีฟ้าจากตู้ปลาของหนูด้วงส่องกระทบร่างเปลือยเปล่าของคนสองคนที่นอนกอดก่ายกันอยู่บนเตียง เจ้าแห่งท้องทะเลกำลังรุกไล่เหยื่อตัวน้อยๆ ด้วยความหื่นกระหาย ช่วงเวลาที่จะได้ลิ้มรสความโอชะไม่ได้มีมาบ่อยนักในช่วงที่ต้องดูแลเด็กถึงสองคน เมื่อโอกาสมาถึงตรงหน้านักล่าที่อดยากปากแห้งมีหรือจะยอมให้เวลาสูญเปล่าไป
เมื่อร่างที่เล็กกว่าถูกจับพลิกให้นอนคว่ำหน้ากับที่นอนนุ่ม แผ่นหลังขาวเนียนก็ถูกสัมผัสด้วยปลายลิ้นอุ่น เมื่อร่างหนามาทาบทับเจ้ากระต่ายก็สัมผัสได้ถึงความตื่นตัวของฉลามร้าย สัมผัสที่บดเบียดเนิบนาบแนบชิดทำให้ทั้งสองฝ่ายรู้สึกปั่นป่วนไปหมด เมื่อลิ้นอุ่นไล้มาถึงติ่งหูก็งับและขบเบาๆ จนคนใต้ร่างเผลอส่งเสียงครางด้วยความพึงพอใจ มือหนาสอดไปที่อกของเจ้ากระต่ายเพื่อใช้ปลายนิ้วหนีบคลึงยอดอกเม็ดเล็กสีหวานเป็นการกระตุ้นเตือนให้รู้ว่าฉลามตัวนี้จะบุกรังเจ้ากระต่ายในไม่ช้า พญาขยับโยกตัวด้วยจังหวะที่ร้อนแรงจนคนใต้ร่างสั่นสะท้านจนแทบเปล่งเสียงร้องออกมาให้หายทรมาน ความซาบซ่านในร่างกายค่อยๆ ไต่ระดับจนสมองมันมืดเคว้งคว้าง ยิ่งแรงบดเบียดถี่รัวและเน้นย้ำเทียมฟ้าก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะล่องลอยไร้ทิศทางและควบคุมความรู้สึกวาบหวามนี้ไม่ได้อีกแล้ว พญากระตุกกายตามกลไกของร่างกายเมื่อความสุขนั้นมาถึงจุดหมายก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนทาบทับร่างเล็กกว่าอีกครั้งแล้วพรมจูบไปทั่วแผ่นหลังเนียนขาวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เมื่อพญาถอนตัวเองออกมาจากเทียมฟ้า ฝ่ายนั้นก็ส่งเสียงครางเบาๆ อีกครั้งก่อนจะพลิกตัวมาซุกในอ้อมอกที่แข็งแรง
“ร้อนแรงสุดๆ เลย” เทียมฟ้ายังคงนอนหายใจระทวยเพราะว่าครั้งนี้พญาดูจะร้อนแรงกว่าครั้งไหนๆ
“ก็บรรยากาศมันได้ เพิ่งจะรู้ว่าทำอวดบรรดาลูกๆ ของหนูด้วงแบบนี้มันก็เด็ดเด็ดไม่เบา” พญาหัวเราะชอบใจ
“ทำอวดปลาแล้วมีอารมณ์เนี่ยนะ” เทียมฟ้ากึ่งขำกึ่งหมั่นเขี้ยวพญาจึงแอบขบกัดที่ยอดอกของพญาเบาๆ เล่นเอาพญาต้องสูดปากเพราะความเสียว
“อย่าซนครับน้อง”
“ชอบเหรอ” เทียมฟ้าเพิ่งรู้จุดอ่อนของพญา พอพูดจบจึงขบกัดอีกรอบ
“น้องอย่าแกล้งพี่”
“น้องไม่ได้แกล้ง น้องแค่ทำอวดเข้าฮี้ก็อบๆ กับเจ้ามะแยงวัน” เทียมฟ้าอ้างชื่อน้องปลาลูกของหนูด้วง
“พี่ว่าตัวอื่นมันจะน้อยใจเอานะ อย่างนั้นต้องทำอวดให้ครบ”
“ตั้งยี่สิบกว่าตัวนะครับ”
“งั้นเราผลัดกันอวดเนอะ มาๆ หลานปลาของปู่มาดูปู่กับย่าดื่มนมกันเร็ว”
“พี่ตลกจัง ไม่เอาแล้ว น้องเหนื่อย”
“พี่ไม่เหนื่อย”
“แต่น้องเหนื่อย”
“น้องนอนเฉยๆ นะครับ จะได้ไม่เหนื่อย”
“ถึงจะนอนเฉยๆ แต่พี่ก็ทำให้น้องเหนื่อยด้วย ใจจะขาดด้วย”
“ขอเวลาแป๊ปหนึ่งนะน้อง”
“พี่ทำอะไรครับ” เทียมฟ้าเห็นพญาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตู้ปลา จากนั้นจะกดพิมพ์ข้อความอะไรบางอย่าง
“บอกข่าวให้ลูกน้องมันดีใจว่าคุณชายน้องสมนาคุณให้พวกมันแล้ว” พญาวางโทรศัพท์ลงแล้วหันมาโรมรันพันตูเทียมฟ้าอีกรอบ
“พี่ พี่..อย่า...แกล้ง...น้อง...ก็ได้..ก็ได้..ยอมแล้ว”
พญาแอบลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้ากระต่ายเลิกขัดขืน ก็นึกสงสารเทียมฟ้าที่อาจจะต้องรู้สึกวาบหวามจวนเจียนใจจะขาดอีกรอบ แต่ให้ทำยังไงได้ เจ้ากระต่ายอยากมายั่วเขาเอง เขาไม่ได้หื่นนะก็แค่อยากให้ลูกน้องได้โบนัสงามๆ เหมือนอย่างที่เทียมฟ้าก็ตบรางวัลเขาอย่างงามแค่นั้นเอง
“พี่ก้าน นายลงรูปตู้ปลาแล้วก็พิมพ์ข้อความนี้ เราจะได้โบนัสคนละสองปีจริงเหรอพี่ก้าน นายไปอารมณ์ดีอะไรมาวะพี่ หรือนายชอบเลี้ยงปลาเหมือนนายน้อย” ถนอมถามก้านหลังจากเห็นภาพตู้ปลาที่พญาเพิ่งจะอัพลงเฟสบุ๊คแบบสดๆ ร้อนๆ ก้านหยิบโทรศัพท์ของถนอมมาดูก่อนจะยิ้มเพราะรู้ว่าในห้องใต้ชาหมุดนั้นคงมีเรื่องให้นายได้อิ่มเอมใจอยู่แน่ๆ
พญา ผู้ยิ่งใหญ่ ‘กูจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ฮ่าๆ พวกมึงเอาโบนัสคนละสองปีไปเลย!!’
...
หลังจากทำบุญเสร็จแล้วนายหัวพยนต์พาหนูด้วงกับโอบอุ้มมาที่โรงแรม เขาอยากให้หนูด้วงผูกพันกับที่นี่บ้างเพราะพญาก็เปิดเผยให้นายหัวรับรู้แล้วว่าคงไม่มีทายาทสืบทอดตระกูลภูมิเทพให้แน่ๆ ส่วนพเยียก็รักอิสระจนนายหัวคิดว่ารายนี้ก็คงไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใครง่ายๆ เหมือนกัน ทายาทอีกคนที่เหลือก็คือหนูด้วง ที่นายหัวพยนต์ทำงานหนักมากมายจนมั่นคงมาถึงทุกวันนี้ก็เพื่อลูกเพื่อหลาน เขาจึงรู้สึกคาดหวังว่าหนูด้วงจะเป็นคนที่สามารถต่อวงศ์สกุลภูมิเทพที่เขาภูมิใจให้ยังคงมีอยู่ต่อไปในอนาคต
“คุณตา ตะไมคุณตาชอบทำแบบนี้ เฮ้อ เฮ้อ” หนูด้วงถอนหายใจให้นายหัวพยนต์ดูหลังจากที่เห็นนายหัวถอนหายใจบ่อยๆ
“ฮ่าๆ ตาแก่แล้วก็เลยมีเรื่องให้คิดมากหน่อย” นายหัวพยนต์ขำหลานตัวน้อยที่พยายามจะเลียนแบบท่าท่าของเขาให้ดู
“คิดอะได” หนูด้วงเอียงคอถามด้วยความสงสัย
“ตาอยากให้หนูด้วงมาเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ดีไหม ยกให้หนูด้วงหมดเลย” สิ้นคำถามเจ้าตัวเล็กก็ทำตาโต
“ให้โรนแรนนี้กะหนู ให้ห้อนกินข้าวใหญ่ๆ กะหนูด้วยมั้ย” หนูด้วงหมายถึงห้องอาหารของโรงแรมที่มีอาหารแบบบุฟเฟ่ต์เรียงรายมากมายจนหนูด้วงเลือกกินไม่ถูก
“ให้หมดเลย” นายหัวพยนต์ลูบผมหลานตัวน้อยด้วยความเอ็นดู
“ให้ปี้โอดอุ้นด้วยได้มั้ย” หนูด้วงถามเผื่อพี่ขาย
“พี่โอบอุ้มต้องช่วยหนูด้วงดูแล ก็ต้องให้พี่โอบอุ้มด้วย” นายหัวพยนต์มองไปยังเด็กหนุ่มที่กำลังช่วยพนักงานสื่อสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างอยู่
“หนูจากินได้ทั้งหมดห้อนเลย กินทุดอย่านทุดอย่าน หนูจะเป็นเจ้าขอนโรนแรนขอนคุณตา เย้ เด็ดเด็ดที่ฉุด หนูชอบ”
“กินจนพุงกลมแล้วตัวแสบ” พเยียได้ยินหลานรักดีอกดีใจที่จะได้เป็นเจ้าของห้องอาหารก็นึกขำ
“เด็กกำลังโตก็แบบนี้แหละ” นายหัวพยนต์เข้าข้างหลาน
“พ่อ เยียรู้ว่าพ่อคิดเรื่องอะไรอยู่นะคะ แต่เยียไม่อยากให้พ่อเอาความคาดหวังของพ่อมาเลือกเส้นทางชีวิตให้หนูด้วง”
“พ่อก็ไม่ได้บังคับอะไร สมบัติของพ่อมีเยอะแยะ พ่อก็แค่อยากให้หลานรู้ว่าเขาจะได้อะไรบ้าง”
“มันก็ต้องเป็นของหลานทั้งหมดอยู่แล้ว พี่รองกับเยียก็คงไม่มีลูกแน่ๆ แต่เยียหมายถึงว่าพ่ออย่าคาดหวังว่าหนูด้วงจะแต่งงานมีครอบครัว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะคะพ่อ” พเยียรู้ดีว่านายหัวพยนต์กำลังคิดอะไรจึงพูดดักทางเอาไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้หนูด้วงถูกกดดัน
“แกคิดว่าหนูด้วงจะเป็นอย่างพญาอย่างนั้นเหรอ” นายหัวพยนต์ดูจะตกใจกับความคิดของพเยีย
“จะเหมือนหรือไม่เหมือนเยียก็อยากให้พ่อรับให้ได้”
“ถ้าหนูด้วงจะไม่มีครอบครัวจริงพ่อก็ไม่คิดบังคับ ว่าแต่พญามันจดทะเบียนรับเจ้าโอบเป็นบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วใช่ไหม” นายหัวพยนต์มองไปที่โอบอุ้มเด็กหนุ่มที่มีกิริยามารยาทอ่อนน้อมถ่อมตนและดูจะมีความสามารถรอบด้านฉายชัดทั้งที่อายุยังน้อย
“ค่ะ”
“เจ้าโอบมีชื่อจริงว่าอะไรนะ” นายหัวพยนต์ถามลูกสาว
”ราชสีห์ค่ะ ราชสีห์ ภูมิเทพ”
“ราชสีห์เหรอ เป็นชื่อที่ดี ราชสีห์ ภูมิเทพ” นายหัวพยนต์ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“พ่ออย่าบอกนะว่า...” พเยียเห็นสายตาของนายหัวพยนต์ก็รู้แล้วว่าความหวังที่จะให้มีคนสานต่อเรื่องการคงอยู่ของตระกูลภูมิเทพได้เปลี่ยนทิศไปที่โอบอุ้มแล้ว
...
เสียงเนื้อกระทบกันดังสลับกับเสียงครวญครางจากคนคู่หนึ่งบ่งบอกถึงพายุอารมณ์จากกิจกรรมที่ทั้งคู่กำลังทำได้เป็นอย่างดี ผิวขาวของชายหนุ่มรูปร่างสันทัดมีร่องรอยสีแดงเกิดขึ้นทั่วบริเวณเนิ่นอกและตามลำตัว รอยแดงเหล่านั้นมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวด กลับกัน...มันสร้างความหฤหรรษ์ให้กับเจ้าของร่างได้อย่างถึงใจ ยิ่งอีกฝ่ายกระแทกกายเข้าหาก็เหมือนว่าจะพาให้ดำดิ่งสู่ความซาบซ่านในอารมณ์ การตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิงบอกได้อย่างดีว่าคนทั้งคู่ที่มีรสนิยมทางเพศที่คล้ายกัน ความร้อนแรงประทุขึ้นหนักกว่าเดิมจนกระทั่งทั้งคู่พากันไปถึงจุดหมายอย่างถึงอกถึงใจทั้งสองร่างจึงแยกออกจากการบดเบียดเสียดสีกันได้เสียที
“ไม่มีใครทำให้ผมถึงใจได้เท่าคุณเลย” ดนัยเอ่ยชมเพราะรู้สึกสุขสมในเพศรสที่ได้ร่วมเสพจากอีกฝ่าย
“คุณดนัยชอบผมก็ดีใจ ผมเองก็ใจแทบขาด”
“น่ารักแบบนี้ผมถึงไปไหนไม่รอด ถ้างานนี้สำเร็จเราสองคนคงสบายไปนานเลย”
“มันจะต้องสำเร็จครับ”
“เออ...ว่าแต่ของอยู่ที่คุณแล้วใช่ไหม”
“ครับ ผมเอามาจากไอ้ก้อนเรียบร้อยแล้ว มันไม่ได้สงสัยอะไร เป็นไปตามแผนที่เราวางเอาไว้ แล้วเราจะต้องไปส่งของให้ใคร เมื่อไหร่ ผมไม่อยากเก็บเอาไว้ที่ตัวนาน”
“พรุ่งนี้ลูกค้าจะมารับที่ท่าเรือยอร์ชของไอ้พญา ตำรวจเล็งมาที่ผมตามแผนที่เราคิดเอาไว้ ไอ้พญาหน้าโง่เอ้ย ให้ลูกน้องมาติดตามกู นึกว่ากูจะโง่ให้จับได้ง่ายๆ รึไง”
“อย่าชะล่าใจไปครับคุณดนัย นายพญาไม่ได้โง่อย่างที่คนอื่นคิด”
“ยังรักมันรึไง” ดนัยเริ่มไม่พอใจที่คู่ขาของตัวเองเอ่ยชมคนที่ตัวเองเกลียด จากประวัติของไอ้พญาตามที่มิสเตอร์คิมบอกมันเป็นคนไม่เอาไหน ทำตัวกร่างไปวันๆ มั่วไม่เลือกหน้า ดีแค่มีเงินแต่ไม่มีสมอง ยิ่งพอดนัยรู้ว่ามันคือคนที่เทียมฟ้าเลือกดนัยยิ่งเกลียดมัน ถ้าเทียบกันแล้วเขาดีกว่ามันมากนัก ไม่เข้าใจว่าเทียมฟ้าตาต่ำไปเลือกมันได้ยังไง
“ไม่ใช่แบบที่คุณคิด ผมแค่ไม่อยากให้คุณพลาด”
“ไม่รักมันก็ดี เพราะถ้ายังรักมันเราคงต้องอยู่คนละฝ่าย ว่าแต่เราจะใช้เจ้าเด็กนั่นจริงๆ เหรอ” ดนัยถามเมื่อได้ฟังแผนการที่คู่ขาของตนวางเอาไว้
“ครับ ทั้งนายพญาและตำรวจคาดไม่ถึงแน่ๆ คุณก็พยายามทำตัวให้มีพิรุธเพื่อให้ตำรวจกับลูกน้องของนายพญาตามคุณไป ที่เหลือผมจัดการเอง”
“อย่าให้พลาดนะ ไม่งั้นทั้งมิสเตอร์คิมกับคุณอรรณพไม่ไว้ชีวิตเราสองคนแน่”
“ครับคุณดนัย ผมว่าผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ไม่อยากให้ใครมาเห็นว่าผมมาป้วนเปี้ยนที่นี่บ่อยๆ”
“หยิบเงินในกระเป๋าไปบางส่วนก่อน เสร็จงานแล้วถึงจะได้ก้อนใหญ่ แล้วผมจะพาคุณไปเที่ยวรอบโลกด้วยกันดีไหม” ดนัยถามแต่ไม่ได้รอฟังคำตอบ โน้มใบหน้าไปกดจูบอีกฝ่ายด้วยความร้อนแรงอยู่พักใหญ่จึงยอมถอนริมฝีปากออก อยากจะต่อเรื่องบนเตียงอีกสักรอบแต่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องไปทำภารกิจสำคัญจึงจำต้องยอมปล่อยให้กลับไป
ร่างขาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกขบกัดลุกออกจากเตียงเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ใบหน้าที่ยั่วยิ้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นเฉยชา สายน้ำที่เย็นฉ่ำไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างรู้สึกถึงความเย็นสบาย ในใจมันร้อนเพราะนึกรังเกียจความชั่วของตัวเอง แต่จะให้ทำยังไงได้ในเมื่อตัวเองรักความสบาย อยากมีเงิน อยากทัดเทียมคนอื่น ในเมื่อพ่อแม่ไม่มีมรดกให้อย่างใครเขาตัวเองก็ต้องขวนขวายหาเอาเอง แม้จะต้องทำเรื่องชั่วช้าที่ใจรู้ว่าผิดแต่ความทะเยอทะยานมันมีมากกว่าการยับยั้งชั่งใจ ดังนั้นตนจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อการได้มาแม้จะรู้ว่าผิดก็ตาม
“ผมไปก่อนนะครับ” เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วจึงเดินมาลาดนัยอีกรอบ
“อืม” ดนัยตอบรับสั้นๆ เพราะกำลังจะเคลิ้มหลับ อีกฝ่ายเดินไปหยิบเงินในกระเป๋าของดนัยก้อนหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้อง
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอลิฟท์ ใบหน้าที่เฉยชามองดูรูปของเทียมฟ้าและพญาที่ปรากฏอยู่บนเฟสบุ๊คอีกครั้ง ยิ่งได้อ่านข้อความบอกรักกันก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ความน้อยใจในการกระทำที่ลำเอียงของผู้ชายคนที่ตนหลงรักตอกย้ำให้รู้ว่าไม่ตนเองเคยมีค่าในสายตาของเขาเลยสักนิด มันคงไม่มีประโยชน์อีกแล้วที่จะรอ โทรศัพท์ถูกเก็บใส่กระเป๋าอย่างเดิมเพราะเสียงเตือนว่าลิฟท์มาถึงชั้นที่ตัวเองยืนอยู่แล้ว เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกชายหนุ่มก็ต้องตกใจเมื่อเจอคนที่รู้จัก
“พี่เบล”
“น้องโอบ!” เบลตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอโอบอุ้มที่นี่
“ไปไหมครับ” โอบอุ้มถามเมื่อเห็นว่าเบลไม่เดินเข้ามาในลิฟท์เสียที
“ครับ ไปครับ” เบลรีบปรับสีหน้าเพราะไม่อยากให้โอบอุ้มสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังร้อนตัว นี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้าเท่านั้นเลยไม่คิดว่าจะเจอใคร ตอนนี้เป็นช่วงปิดเกาะแขกในโรงแรมจึงมีไม่มากนัก เบลเลยเลือกที่จะมาพบดนัยที่นี่เพราะเป็นที่ที่คนเข้าออกได้ตลอดเวลา
“หนูหิวแย้ว มะไหร่จาถึนซ้ากที” หนูด้วงกระตุกมือของโอบอุ้ม
“ใกล้แล้วครับ” โอบอุ้มตอบหนูด้วง เมื่อครู่โอบอุ้มพาแขกวีไอพีซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษมาส่งที่ห้องพักแทนพนักงานที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง หนูด้วงก็ร้องตามมาด้วยทั้งที่คุณตาจะพาไปทานข้าวก็ไม่ยอมไป ตอนนี้คงจะรู้สึกหิวเข้าแล้วเลยทนแทบไม่ไหว
“ไปไหนกันมาเหรอครับถึงมาที่นี่แต่เช้า พอดีพี่มาหาเพื่อนเหมือนกัน” เบลรีบชวนคุยเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธของตัวอง โอบอุ้มคือตัวแปรสำคัญที่เบลต้องการหลอกใช้งานจึงไม่อยากให้โอบอุ้มสงสัยในตัวเขา
“ไปทำบุญมาครับ” โอบอุ้มตอบสั้นๆ
“หนูเอาบุญมาฝาดปี้จ๋า ปี้จ๋าจะได้บุญมั้ย” หนูด้วงพูดกับเบลก่อนจะหันมาถามโอบอุ้ม
“ได้ครับ” โอบอุ้มยิ้มให้หนูด้วงก่อนจะลูบผมหนูด้วงเบาๆ
“ปี้จ๋าพูดว่าฉาธุ จาได้มีบุญ หลวนพ่อบอดว่าต้อนทำบุญ ไม่ทำบาป” หนูด้วงหันไปบอกเบล เบลรู้สึกร้อนตัวเหมือนถูกเด็กสั่งสอนแต่ก็ไม่แสดงอาการใดๆ นอกจากพนมมือแล้วพูดว่าสาธุ
“นายพญาอยู่ที่บ้านใช่ไหมครับ เห็นว่าจะให้พี่ไปช่วยแต่งตู้ปลาเพิ่ม พอดีพี่มีเพื่อนขายพวกอุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลา พี่สั่งของเอาไว้เยอะเลยว่าจะเอามาให้นายพญาเลือก ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้นายจะอยู่บ้านหรือเปล่า” เบลเริ่มแผนการที่วางเอาไว้
“ไม่แน่ใจครับพี่เบล แต่ถ้าป๊าไม่ว่างผมอยู่รับของแทนให้ได้ครับ”
“ดีเลย พี่จะได้ให้เพื่อนมาส่งของพรุ่งนี้เลย หนูด้วงจะได้ดีใจที่น้องปลาได้บ้านใหม่” เบลกระซิบโอบอุ้ม
“ครับ ผมขอตัวพาหนูด้วงไปทานข้าวก่อนนะครับ” โอบอุ้มตอบรับสั้นๆ ก่อนจะขอตัวเพราะว่าลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างเรียบร้อยแล้ว
“ครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” เบลพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากที่ทุกอย่างดูจะเข้าทางตัวเองไปหมด
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ รักๆๆๆ [ทางไปเพจ Loverouter จิ้มเลย][ทางไปทวิต Loverouter จิ้มเลย]