say-hi ในทวิตเตอร์ ฝากติด #เมื่อหินผาจรดสายน้ำ ด้วยนะคะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเมนต์ให้กำลังใจกันหน่อยก็ดีจ้า
อย่าเป็นนักอ่านเงาเลย คนแต่งหมดกำลังใจเนอะ ครั้งที่ | “13”❖ ❖ ❖ ต่อค่ะ 70% ❖ ❖ ❖
“เครื่องออกตอนห้าโมงครึ่งใช่ไหมครับ” สายน้ำส่งเสียงถามออกไปในระหว่างที่เขา หินผา แบงก์และตั้มอยู่บนรถแท็กซี่ที่กำลังมุ่งหน้าไปที่สนามบิน
“ใช่แล้วล่ะ ถึงเชียงใหม่ก็หกโมงกว่า ๆ คืนนี้เราจะค้างแถวนิมมานกันก่อนสองคืน แล้วค่อยไปบ้านพี่ที่แม่ริมกันอีกที” หินผาที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่คนขับหันมาบอก “ที่พักคืนนี้จะเป็นแบบบ้านหลังมีอยู่ประมาณห้าหกห้อง”
“แล้วที่แม่ริมล่ะครับ”
“ที่แม่ริมก็ค้างบ้านพี่นั่นแหละ”
“ค้างที่บ้านพี่กันหมดเลยเหรอครับ” แบงก์ถามด้วยความสงสัยตรงนี้ก็สี่คนแล้ว และจากที่ฟัง ๆ สายน้ำเล่า รวม ๆ แล้วทริปนี้ก็น่าจะร่วมสิบเอ็ดคน จำนวนคนไม่ใช่น้อย ๆ เลย
“ใช่แล้วล่ะ ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ พวกพี่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
ได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่พยักหน้ารับ ไม่มีความคิดเห็นอะไรอีกอย่างพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้ยุ่งอะไรกับทริปนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วเครื่องบินไปกลับ เรื่องที่พักหรือโปรแกรมในการท่องเที่ยว ทุกอย่างเป็นหินผากับป่าไม้ที่จัดการให้ แม้กระทั่งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ พวกเขาก็ไม่ได้ออกเลย
“แล้วนี่พวกพี่ ๆ เขาถึงสนามบินกันหมดแล้วเหรอครับ” สายน้ำถามไปถึงคนอื่น ๆ ที่หินผาบอกว่าจะไปเจอกันที่สนามบินเลย
“ใช่แล้วล่ะ”
เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมารถแท็กซี่เหลืองเขียวที่พวกเขาโดยสารมาก็จอดเทียบประตูทางเข้าสนามบิน พวกเขาช่วยกันยกกระเป๋าลงจากหลังรถหลังจากที่จ่ายค่าโดยสารเรียบร้อยแล้ว กระเป๋าเป้ใบโตคนละใบแล้วก็กระเป๋าใบเล็กอีกคนละใบคือสัมภาระของทุกคน
ภายในสนามบินเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ละคนก็อยู่ในอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ส่วนพวกเขาทั้งหมดสิบเอ็ดคนเรียกว่าอยู่ในอารมณ์ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยว แบงก์กับตั้มสามารถเข้ากับกลุ่มของรุ่นพี่ที่จบไปแล้วได้เป็นอย่างดี ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อยเพราะเอาจริง ๆ แล้วคนที่เขาสองคนสนิทก็มีแค่สายน้ำ กับรุ่นพี่ปีสี่ทั้งสามคน พวกเขาสองคนเลยค่อนข้างกังวลที่จะต้องเจอกับกลุ่มรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว แต่เพราะพวกกันต์ ป่าไม้เป็นกันเองเลยทำให้แบงก์กับตั้มหายเกร็งได้ไม่ยาก
เหล่ารุ่นพี่ที่จบกันไปหลายปีแล้วต่างเล่าย้อนความสมัยที่ยังเรียนอยู่ให้น้อง ๆ ได้ฟัง พอมาเล่าย้อนหลังแบบนี้ก็เล่าไปหัวเราะไป ตลกไป ทั้ง ๆ ที่ตอนที่เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ พวกเขาขำไม่ออกเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นตอนโดนสั่งให้รื้อแปลนใหม่ หรือตอนโดนอาจารย์คอมเพลนเรื่องงานมา
จวบจนได้เวลาพวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนจึงได้เดินไปเตรียมขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปเชียงใหม่ สายน้ำเดินเข้าไปนั่งที่เบาะริมหน้าต่างก่อนที่หินผาจะทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ กัน ส่วนคนอื่น ๆ ก็กระจายไปรอบ ๆ
“ตื่นเต้นหรือยังไงเรา” หินผาถามเมื่อเห็นน้องน้ำเอาแต่ขยับตัวไปมาอยู่ไม่สุกเลย
คนโดนถามหันมายิ้มให้พร้อมกับพยักหน้ารับ “ครับ ตื่นเต้นจะได้ไปเชียงใหม่แล้ว ผมไม่ได้กลับไปนานมาก ๆ เลย”
“เปลี่ยนไปหลายอย่างเลยล่ะที่นู้นน่ะ”
“นึกถึงตอนเด็ก ๆ เลยนะครับ ผมรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้นั่งเครื่องบินไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่เหมือนกำลังนั่งเครื่องย้อนเวลากลับไปสมัยนั้นเลย” สายน้ำหัวเราะกับความคิดของตัวเอง แต่เขาก็รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
“ก็เหมือนอยู่นะ” หินผาเองก็เริ่มจะเห็นด้วยกับความคิดของสายน้ำ “อย่างนั้น... เราย้อนเวลากลับไปกันไหมน้องน้ำ”
“ได้เลยครับพี่หินผา” สายน้ำยิ้มกว้างออกมา “น้องน้ำตกลงครับ”
ช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ ๆ บนเครื่องบินผ่านไปค่อนข้างเร็วในความรู้สึกของผู้โดยสารทั้งหมด ไม่นานเสียงของพนักงานบนเครื่องบินก็เอ่ยเตือนให้ผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัยเพราะอีกไม่นานเครื่องบินจะเตรียมแลนดิ่งแล้ว
นกเหล็กยักษ์สะเทือนเล็กน้อยตอนที่ล้ออันโตกระทบกับพื้นของรันเวย์ มันวิ่งไปตามเส้นทางก่อนความเร็วจะลดลงจนจอดนิ่งสนิท ผู้โดยสารบนเครื่องบินค่อย ๆ ทยอยเดินออกจากเครื่อง พวกเขาทั้งหมดถึงเชียงใหม่โดยสวัสดิภาพ
ทั้งสิบเอ็ดคนเดินไปรอกระเป๋าของตัวเองตรงจุดรับกระเป๋าจนกระทั่งได้ของครบทุกคนถึงได้พากันเดินออกจากสนามบินโดยมีเจ้าถิ่นทั้งสองคนเดินนำหน้าไป หินผากับป่าไม้เดินไปพูดคุยกับคนรับแดงซึ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด
เหมามาสองคันสำหรับพวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนเพื่อให้ไปส่งที่บ้านพักที่หินผากับป่าไม้หาเอาไว้ให้ ในตัวเมืองแบบนี้เวลาเย็น ๆ ยังคงคึกคักร้านอาหารต่าง ๆ ยังคงเปิดบริการให้นักเที่ยวเข้าไปชิม ไปชมเต็มไปหมด รถแดงทั้งสองคนขับไปตามเส้นทางเรื่อย ๆ ใช้เวลาไม่นานรถทั้งสองคันก็จอดอยู่หน้าบ้านขนาดกลางหลังหนึ่ง พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนทยอยลงจากรถมายืนอยู่หน้าบ้านพัก
“ค้างที่นี่เหรอพี่” แบงก์ถามขึ้นพลางมองสำรวจบ้านตรงหน้าไปด้วย บ้านขนาดกลางที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ด้านนอกจัดสวนเอาไว้อย่างลงตัว
“ใช่แล้วล่ะ” ป่าไม้เป็นตอบคำถามของรุ่นน้อง
“แล้วเราจะเข้าไปยังไง เจ้าของบ้านพักอยู่ไหนเหรอ” เดียร์หันซ้ายหันขวามองดูว่ามีใครที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของบ้านพักมาเปิดประตูให้หรือเปล่า “เราไม่มีกุญแจไม่ใช่เหรอ”
“มีดิ นั่นไง” ป่าไม้พยักหน้าไปทางน้องชายของตัวเองให้คนอื่น ๆ หันมามองตาม
หินผาหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเดินไปไขกุญแจรั้วแล้วเปิดเข้าไปให้คนอื่น ๆ เดินตาม จัดการปิดประตูรั้วจนเรียบร้อยแล้วเดินไปไขกุญแจเปิดประตูบ้านต่อ
“เขาส่งกุญแจมาให้ด้วยเหรอ” เดียร์ทำหน้างง คนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าไม่ต่างกันเท่าไหร่
“เปล่า มีอยู่แล้ว” หินผาส่ายหน้า แต่คำตอบนั้นก็ไม่ได้ไขข้อข้องใจให้กับทุกคนได้
“มีอยู่แล้ว คือยังไง” ทัชเองก็ทำหน้างงไม่ต่างจากเพื่อนสนิทสมัยเด็ก
“ก็มันเป็นเจ้าของบ้านไง มันเลยมีกุญแจ” เป็นป่าไม้ที่ตอบข้อสงสัยของทุกคน พอได้ยินคำตอบแบบนั้นแต่ละคนก็ร้องออกมาด้วยความตกใจปนสงสัยทันที “บ้านหลังนี้ หลังตรงข้ามแล้วก็ถัดไปเป็นของมัน ออกแบบก่อสร้างแล้วก็ปล่อยให้คนเช่า”
“ถามจริง!” ทัชหันไปมองเพื่อนตัวเอง “ครั้งก่อนมาไม่เห็นพามาพักเลยวะ”
“ครั้งก่อนที่มายังไม่เสร็จ” หินผาตอบ เขาปลดกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ออกวางบนพื้น เดินไปเปิดแอร์ เปิดไฟให้เรียบร้อย “เพิ่งเสร็จเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง อีกอย่างจะบอกว่าของผมก็ไม่ใช่ ก็ช่วยกันออกแบบกับพี่ป่านั่นแหละ”
“อ่อ... ที่มึงบอกว่ามีโปรเจคพิเศษที่เชียงใหม่ต้องบินมาดูบ่อย ๆ เมื่อช่วงปีที่แล้วคืออันนี้เหรอวะ” ไข่เจียวที่นึกขึ้นมาได้ก็หันไปถามป่าไม้
“เออ ก็เรื่องนี้แหละ ไหน ๆ ที่บ้านกูก็ทำพวกที่พัก รีสอร์ทอะไรอยู่แล้วแต่ส่วนใหญ่อยู่นอกเมืองหมดพอดีกูเห็นตรงนี้มีที่ว่างขายก็เลยคุยกับที่บ้านว่าจะลองสร้างบ้านพักปล่อยเช่าดีไหม เลยช่วยกันกับไอ้หินออกแบบนี่แหละ”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ เรามาแบ่งห้องนอนกันดีกว่าว่าใครจะนอนกับใคร” หินผาเปลี่ยนเรื่อง
“มันมีทั้งหมดห้าห้องนอน สองสาวก็นอนด้วยกันไป กันต์นอนกับเดียร์ เด็ก ๆ ก็นอนด้วยกันสามคน ทัชกับหินผา ส่วนกูกับพวกมึงก็นอนด้วยกัน โอเคไหม” ป่าไม้เป็นคนแจกแจงห้องพักให้แต่ละคน ซึ่งก็ไม่มีใครขัดอะไร
“มื้อเย็นวันนี้สั่งเข้ามากินแล้วกันนะ คงไม่มีใครอยากออกไปข้างนอกแล้วมั้ง เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยออกไปเที่ยวไปหาอะไรกินกันอีกที วันนี้จะได้รีบพักผ่อนด้วย”
“ได้ ตามนั้นเลย” กันต์พยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเพื่อน
“โอเค เดี๋ยวกูกับหินผาจัดการให้”
เมื่อตกลงห้องนอนกันได้เรียบร้อยแล้วเจ้าของบ้านทั้งสองคนก็เดินนำขึ้นไปชั้นบนซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนทั้งหมด พวกเขาให้สองสาวนอนห้องตรงกลาง ห้องแรกเป็นของปีหนึ่งทั้งสามคน ส่วนที่เหลือก็ไล่ไปตามห้องอื่น ๆ อีกสามห้อง
สายน้ำเดินเข้ามาในห้องนอนพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน พวกเขาวางกระเป๋าเอาไว้ที่มุมห้องพร้อมกับมองสำรวจห้องนอนไปด้วย ขนาดห้องค่อนข้างใหญ่เพราะสามารถวางเตียงนอนขนาดคิงไซซ์ได้หนึ่งเตียง แล้วก็เตียงเดี่ยวอีกหนึ่งเตียง ผนังฝั่งปลายเตียงมีตู้เตี้ยวางชิดผนังมีโทรทัศน์วางอยู่บนตู้อีกที ตู้เสื้อผ้าตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้อง มีชุดโซฟาเล็ก ๆ อีกฝั่งหนึ่ง แล้วก็ห้องน้ำในตัว มีระเบียงที่สามารถมองออกไปเห็นสวนหน้าบ้านแล้วก็วิวยามค่ำคืนได้
“สวยว่ะ” แบงก์เอ่ยชมออกมาเมื่อมองสำรวจห้องจนทั่วแล้ว การตกแต่งก็ดูดี เรียบง่ายแต่ก็ลงตัว แถมยังมีจัดมุมกระถางต้นไม้เพิ่มความร่มรื่นให้กับห้องนอนอีกด้วย
“พี่หินผากับพี่ป่าไม้โคตรเก่งอ่ะ” ตั้มพูดชมสองรุ่นพี่ “พี่ป่าไม้จบแล้วทำงานแล้วคือก็เก่งอยู่แล้วอ่ะ ส่วนพี่หินผานี่ยังเรียนอยู่เลย แต่ออกแบบบ้านออกมาได้ขนาดนี้ก็โคตรเก่งเลยอ่ะ”
“ภูมิใจ ยิ้มแป้นอย่างกับเขาชมตัวเองอย่างนั้น” แบงก์หันมาแซวเพื่อนร่วมห้องอีกคนที่ยืนยิ้ม มองไปรอบ ๆ ห้อง
“อ อะไรของมึง”
“แฟนเขาออกแบบทั้งทีก็ต้องภูมิใจดิวะ มึงก็พูดแปลก ๆ อ่ะแบงก์”
“ไม่ใช่แฟน! พวกมึงนี่” สายน้ำหันมาโวยวายใส่เพื่อนทั้ง ๆ ที่ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อด้วยความเขินอาย ส่วนแบงก์กับตั้มก็พากันหัวเราะชอบใจที่เห็นท่าทางโวยวายของสายน้ำ “ชอบแกล้งกูอยู่เรื่อย”
“น่า... พวกกูเอ็นดูมึงหรอกเลยชอบแกล้ง” ตั้มลุกขึ้นมากอดคอเพื่อน “อีกอย่างเวลามึงโดนแกล้งมึงชอบโวยวายบ้างล่ะ หน้าแดงบ้างล่ะ ท่าทางมึงน่าแกล้งจะตายไป”
“สรุปแกล้งกูเพราะความสนุกส่วนตัวสินะ” สายน้ำกรอกตาใส่เพื่อน พูดออกไปอย่างไม่จริงจังนักเพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนก็แค่แซวเขาเล่น อีกอย่างแบงก์กับตั้มก็มักจะแซวเขาเวลาอยู่ด้วยกันสามคนเท่านั้น ไม่เคยแกล้งเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นหรือต่อหน้าหินผา
“มึงนอนเตียงเดี่ยวไหม” แบงก์หันมาถามสายน้ำพลางชี้ไปยังเตียงที่ว่างอยู่ เขานั่งอยู่บนเตียงคิงไซซ์ ส่วนสายน้ำกับตั้มนั่งอยู่ที่โซฟา
“นอนไหนก็ได้ทั้งนั้นแหละ”
“ให้มันนอนเตียงเดี่ยวนั่นแหละ เวลาพี่หินผาถามมัน มันจะได้ตอบเต็มปากเต็มคำว่านอนคนเดียว อีกอย่างกูกับมึงจะได้ไม่โดนพี่หินผาจ้องตาขวางเพราะหวงไอ้น้ำ” ตั้มไม่วายเอ่ยแซวสายน้ำ
“เกี่ยวกันไหมเนี่ย” สายน้ำโวยวายพลางใช้ขายันขาของตั้ม เรียกเสียงหัวเราะจากทั้งสองคนได้เป็นอย่างดี
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นหยุดบทสนทนาของพวกเขา สายน้ำหันไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองที่กำลังส่งเสียงอยู่ขึ้นมา เจ้าตัวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้าก่อนจะกดรับ “ไอซ์... ว่าไง”
แบงก์กับตั้มหันมองหน้ากันทันทีที่ได้ยินสายน้ำพูดโทรศัพท์กับคนปลายสาย ตั้มลุกจากโซฟาที่กำลังนั่งอยู่เดินไปหาแบงก์พร้อมส่งสายตาคุยกันไม่หยุด
“อือ สอบเสร็จแล้ว เมื่อเช้านี่เองแหละ” สายน้ำหัวเราะเมื่อได้ยินปลายสายพูดกลับมา “งอแงเหรอไอซ์ ไม่อิจฉานะครับที่เราสอบเสร็จก่อนอ่ะ ฮ่า ๆ ... น่าสงสารจังเลย”
“มันโทรคุยกันบ่อยเหรอวะ” แบงก์กระซิบพูดกับตั้มโดยระวังไม่ให้สายน้ำได้ยิน
“ไม่รู้ว่ะ แต่ฟังจากมันคุยก็น่าจะบ่อยอยู่ป่ะ แต่เวลาอยู่กับพวกเราก็ไม่เห็นมันคุยโทรศัพท์เลยนะ มีแต่โทรคุยกับพี่หินผาอ่ะ”
“นั่นดิวะ แล้วมันไปคุยกันตอนไหน” ได้แต่ส่ายหน้าให้กันแล้วหันกลับไปมองสายน้ำต่อ
“ไม่ทันแล้วไอซ์ เราหนีมาเที่ยวแล้ว กลับอีกทีก็วันอาทิตย์เลย ... เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะ ไว้ว่าง ๆ ตรงกันก็ได้ค่อยไปเที่ยว ... อาหะ คนยังสอบไม่เสร็จก็ตั้งใจอ่านหนังสือสอบไปนะครับ ฮ่า ๆ โอเค เราไม่แกล้งแล้วก็ได้ เอาไว้เจอกัน อือ ... บาย”
“ใครวะมึง ไอซ์ไหน ไอซ์วิทยาลัยดนตรีเหรอ” ตั้มถามเมื่อเห็นสายน้ำกดวางสายไปแล้ว
“ใช่ ๆ ไอซ์นั้นนั่นแหละ”
“มึงสนิทกับมันเหรอวะ”
“จริง ๆ ตอนแรกก็ไม่สนิทหรอก แต่ตอนที่ไปร้องเพลงด้วยกันตอนนั้นอ่ะก็เริ่มสนิทขึ้น คุยกันเรื่อย ๆ นั่นแหละ” สายน้ำตอบตามความจริง
“แล้วมันโทรมามีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
สายน้ำส่ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่โทรมาถามว่าสอบเสร็จหรือยัง บอกว่าหลังสอบเสร็จจะชวนไปเที่ยวไรงี้แหละ แต่ไอซ์ยังสอบไม่เสร็จแล้วเราก็มาเที่ยวนี่แล้วไง ก็เลยบอกเอาไว้คราวหลังแทน”
“เหรอ...”
“มีอะไรหรือเปล่า” สายน้ำถามเมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ ของเพื่อนทั้งสองคน
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก” แบงก์เป็นฝ่ายตอบ “กูว่าเราลงไปข้างล่างกันดีไหม จะได้ไปเดินสำรวจรอบ ๆ บ้านด้วย”
“เออ เอาดิ ลงไปข้างล่างกัน” ตั้มเองก็พยักหน้าเห็นด้วย ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงพากันเดินลงไปชั้นล่าง
ข้างล่างนั้นเงียบสนิทคงเพราะยังไม่มีใครลงมา พวกเขาทั้งสามคนเลยเดินสำรวจกันเสียรอบบ้าน มุมห้องนั่งเล่นเป็นกระจกบานใหญ่ทำให้มองออกไปเห็นสวนที่ตกแต่งอยู่ภายนอกได้อย่างชัดเจน เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านส่วนใหญ่ตกแต่งด้วยไม้ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นแล้วก็น่าอยู่มากยิ่งขึ้น ตามมุมผนังห้องก็จะมีกระถางต้นไม้วางตกแต่งเอาไว้
“อ้าว... ลงมากันเร็วจังพี่คิดว่าพวกเราจะนอนเล่นกันอยู่บนห้องเสียอีก” หินผาที่เดินลงมาชั้นหนึ่งพอดีเอ่ยทักเมื่อเห็นทั้งสามคนเดินสำรวจบ้านอยู่
“พวกผมอยากลงมาเดินดูรอบ ๆ บ้านน่ะครับ” ตั้มตอบ “บ้านสวยมาก ๆ เลยครับพี่”
หินผาหัวเราะ “ขอบใจนะ”
“แล้วปกติช่วงไม่มีคนพักนี่ใครมาดูแลบ้านเหรอพี่ ต้นไม้เต็มไปหมดเลยถ้าไม่มีคนดูแลคงไม่ได้สินะครับ”
“ปกติจะมีคนมาคอยดูแลให้เกือบทุกวันอยู่แล้วล่ะ พี่อยากให้บ้านนี้มันดูสะอาดอยู่ตลอดก็เลยต้องคอยให้คนมาทำความสะอาด มารดน้ำต้นไม้ให้จะได้ร่มรื่น ๆ” หินผาว่า “นี่สำรวจกันทั่วแล้วเหรอ”
“ครับ”
“เดี๋ยวพี่จะออกไปซื้อพวกน้ำ ขนมใครจะเอาอะไรไหมจะได้ซื้อเข้ามาให้ทีเดียว”
“พวกผมอะไรก็ได้ครับ” แบงก์ตอบ “ให้สายน้ำไปช่วยไหมพี่”
คนโดนพาดพิงถึงหันไปมองหน้าเพื่อนทันที ก่อนจะหันกลับมามองหินผาที่ก็มองตรงมาที่เขาอยู่พอดี “ผม... ไปช่วยถือไหมครับ”
“ไปสิ” หินผาพยักหน้ารับ เดินนำน้องออกจากบ้านไปโดยมีสายน้ำเดิมตามหลัง ซึ่งก่อนจะเดินออกไปเจ้าตัวก็หันไปส่งสายตาคาดโทษใส่เพื่อนทั้งสองคนที่ยืนยิ้มแล้วโบกมือให้
“เดินไปนะไหวหรือเปล่า หน้าปากซอยมีเซเว่นอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก” หินผาหันมาถามสายน้ำหลังจากที่เขาปิดประตูรั้วเรียบร้อยแล้ว
“ไหวครับ อากาศก็ดีเดินไปเรื่อย ๆ ก็ได้ครับ ผมไม่มีปัญหาอะไร”
“อย่างนั้นไปกันเถอะ” พูดไปก็ออกเดินไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ในใจหินผาอยากจะคว้าข้อมือของน้องมาจับแต่เพราะทำแบบนั้นไม่ได้ก็เลยต้องเอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงเอาไว้แทน
“ตอนนี้... ที่บ้านพี่หันมาทำพวกรีสอร์ทแล้วเหรอครับ” สายน้ำชวนคุย “ถ้าจำไม่ผิดตอนผมยังอยู่ที่นี่ที่บ้านพี่ไม่ได้ทำรีสอร์ทใช่ไหมครับ”
“ใช่” หินผาพยักหน้า ก่อนจะเล่าให้ฟังโดยไม่ปิดบังอะไร “เพิ่งมาเริ่มได้ไม่กี่ปีเอง หลังจากเราย้ายไปนั่นแหละ พอดีคนรู้จักของพ่อเขาเอาที่ดินมาเสนอขายแล้วพ่อพี่ก็เห็นว่าทำเลมันดีก็เลยลองทำพวกโฮมสเตย์ดูก่อน แล้วมันก็ดีเลยเริ่มขยับขยายกิจการมาเรื่อย ๆ น่ะ”
“แล้วก็พอดีกับพี่ป่าเลือกเรียนสถา’ปัตย์ด้วย ก็เลยมาออกแบบที่พักอะไรดู”
“แล้วที่พี่เลือกเรียนคณะนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือเปล่าครับ”
“ก็มีส่วนนะ เห็นรีสอร์ทที่บ้านแล้วก็นึกว่าถ้าพี่ได้ออกแบบรีอสร์ทเอง หรือทำบ้าน บ้านพักที่พี่ได้ออกแบบเองก็คงดี ก็เลยเลือกเรียนคณะนี้ตามพี่ป่า ทดลองฝีมือไปแล้วก็บ้านที่เราพักนั่นแหละ”
“มันสวยมากเลยครับ” สายน้ำพูดชม เขาชอบบ้านพักหลังนี้มากจริง ๆ ทุกอย่างดูสวยแล้วก็ลงตัวไปหมด “ผมชอบมาก ๆ เลย”
“หึหึ ขอบใจ ได้ยินคนชมแบบนี้แล้วก็ภูมิใจ แล้วก็เขิน ๆ เหมือนกันนะ” หินผาหัวเราะ รู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นมาหนึ่งจังหวะตอนได้ยินคำชมจากสายน้ำ ทั้ง ๆ ที่คนอื่นชมเขาไม่เห็นมีอาการข้างเคียงอะไรแบบนี้เลย
เดินคุยกันมาเรื่อย ๆ ไม่นานก็ถึงร้านสะดวกซื้อ หินผากับสายน้ำหยิบตะกร้ามาคนละใบเดินตรงไปยังตู้ขายเครื่องดื่มแล้วหยิบสารพัดเครื่องดื่มออกมา ทั้งที่มีแอลกอฮอล์ แล้วก็ไม่มีแอลกอฮอล์ ขนมขบเคี้ยวอีกหลายถุง
“พี่ว่าคืนนี้คงยาว” หินผาหันมาพูดตอนที่หยิบกระป๋องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ออกมาจากตู้แช่
“ผมก็ว่าแบบนั้นเหมือนกันครับ” สายน้ำหัวเราะ เห็นด้วยกับคนพี่พูด “ดีไม่ดีพรุ่งนี้ผมว่าก็ได้นอนพักอยู่ที่บ้านนั่นแหละครับ ตื่นออกไปเที่ยวกันไม่ไหว”
หินผาหัวเราะชอบใจ “ถือว่าวิเคราะห์ขาดมาก จุดประสงค์หลักของทริปนี้คือมาพักผ่อนอยู่แล้วล่ะ ไม่ได้มาเที่ยวอะไรหรอก”
พวกเขาหอบหิ้วถุงหลายใบออกจากร้านแล้วเดินกลับไปที่บ้านพัก แม้บทสนทนาระหว่างพวกเขาจะมีไม่มากเท่ากับตอนเดินไปแต่สายน้ำก็รู้สึกว่าทุก ๆ อย่างมันดีมาก ทั้งบรรยากาศ ทั้งสถานที่ แค่ได้เดินข้าง ๆ หินผาแบบนี้ และถ้าเป็นไปได้สายน้ำก็อยากที่จะเดินไปเรื่อย ๆ ข้าง ๆ กัน
“มาพอดี ของกินมาถึงแล้ว มากินกันเร็ว” เสียงของใบบัวเรียกพวกเขาทั้งสองคนเมื่อหินผากับสายน้ำเดินเข้าไปในบ้านพัก ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่หน้าโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่น
อาหารเหนือที่หินผากับป่าไม้สั่งวางอยู่บนโต๊ะกลางจนเต็มไปหมด หินผาเดินเอาเครื่องดื่มที่ซื้อมาไปแช่ตู้เย็นก่อนจะเดินไปสมทบกับคนอื่น ๆ อาหารมื้อเย็นที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะสนุกสนาน แบงก์กับตั้มเองก็เข้ากับพวกรุ่นพี่ได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่อาหารมื้อหนักจบลง ก็ถึงเวลาของเครื่องดื่มแทน กระติกน้ำแข็งถูกยกมาวางไว้ข้างโต๊ะกลาง บนโต๊ะมีทั้งเหล้า เบียร์ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม แล้วแต่จะเลือกดื่ม พอดีกับที่โทรทัศน์มีถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยให้พวกเขานั่งดูนั่งเชียร์กันสนุกสนาน
“วันนี้นั่งกินกันหน้าโทรทัศน์ไปก่อน เอาไว้วันที่ออกจากตัวเมืองละเราไปนั่งกินใต้ดาวกัน” ป่าไม้หันมาพูดกับทุกคน “ที่พักหน้าเรารับรองเห็นดาวชัดเจน”
“สรุปคือไปพักบ้านมึงใช่ไหมวะ” ดิวถามขึ้นเพราะจนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าที่พักที่ต่อไปของพวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนคือที่ไหน
“เออ ไปพักที่บ้านนั่นแหละ เลือกมุมเอาไว้ให้แล้วรับรองไม่มีใครมากวนใจ และเราไม่ไปกวนใครแน่นอน”
“เด็ก ๆ รู้ไหมบ้านพี่ป่าไม้น่ะเขาทำรีสอร์ทด้วยนะ” ใยไหมหันมาพูดกับรุ่นน้องปีหนึ่งทั้งสามคน “ไม่ใช่แค่รีสอร์ทธรรมดา ๆ นะ สี่ห้าดาวเลยนะรู้ไหม”
“โห... จริงเหรอครับเนี่ย” แบงก์ทำตาโตเมื่อได้ฟัง และไม่ใช่แค่แบงก์คนเดียว ตั้มกับสายน้ำเองก็มีท่าทางไม่ต่างกัน “ผมล่ะอยากเห็นแล้วสิครับเนี่ย”
ป่าไม้หัวเราะกับท่าทางของน้อง ๆ ทั้งสามคน “เดี๋ยวก็ได้เห็นแล้ว ทั้งวิวดี บรรยากาศดี โรแมนติกสุด ๆ ไปเลย”
พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนคุยเล่นกันไป เชียร์บอลกันไป จนเครื่องดื่มที่วางอยู่บนโต๊ะเริ่มหมด สายน้ำเห็นแบบนั้นเลยลุกไปหยิบเครื่องดื่มมาเติมให้ เขาชะงักไปเมื่อเปิดตู้เย็นแล้วพบกับขวดเครื่องดื่มจำนวนมาก มันเยอะกว่าที่เขากับหินผาหิ้วมาจากร้านสะดวกซื้อเสียอีก
แต่เพราะคนอื่น ๆ กำลังรออยู่เขาเลยปัดความสงสัยนั้นทิ้งแล้วหอบเอาขวดเบียร์อีกหลายคนเดินกลับไปหาทุกคน สายน้ำลอบมองหินผาที่นั่งดูโทรทัศน์ไม่วางตา ในมือมีกระป๋องเบียร์ที่ไปซื้อด้วยกันมา นึกอยากจะถามว่าเพราะอะไร... ทำไมอีกฝ่ายถึงได้เดินออกไปซื้อมาเพิ่ม ทั้ง ๆ ที่ที่บ้านพักก็มีทั้งขนมขบเคี้ยวแล้วก็เครื่องดื่มอยู่เต็มไปหมดแล้ว
❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖ ❖
มาถึงเชียงใหม่กันแล้วววว
เขาจะมาย้อนเวลากันหล่ะ งุ้ย ๆ
พี่หินผาจะเดินหน้าจีบน้องยังไงน้า
แถมน้องก็ยังมีคนอื่นมาชอบอีก ฮู้ยยยย
พี่หินผามีคู่แข่งแล้วจ้า เอาใจช่วยพี่หินผากันเนอะ
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้าค่า
ปล. เค้ามี Line@ แล้วน้า แอดมาคุยเล่น ติดตามข่าวได้เลยนะ
Line@ : @f.gc (มี @ มี . (จุด) ด้วยน้า)
#เมื่อหินผาจรดสายน้ำ