- 19 -
เช้าวันต่อมา หลังจากที่ผมเดินพ้นจากซอยบ้านมาได้ซักเล็กน้อยก็พบกับรถยนต์สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ตรงทางเข้า ซึ่งผมมองแค่เห็นแวบแรกผมก็จำได้ทันทีว่ารถสีดำคันดังกล่าวมันเป็นของใคร ผมคิดว่าเมื่อคืนมันจะแค่พูดเล่นที่ว่ามันจะมารับผมที่บ้าน ไม่คิดเลยว่ามันจะมาจริงๆ
"มาแล้วหรอ”
มันถามผมพร้อมยิ้มบาง ก่อนจะก้าวขายาวๆพรวดเดียวมาหยุดตรงหน้าผม คว้ากระเป๋าที่ผมถืออยู่ไปถือให้เสียเอง
"รีบไปกันเถอะ กูหิวข้าวแล้ว”
มันพูดแล้วทำท่าลูบท้องประกอบ ตั้งแต่ที่เจอหน้ากันมันยังไม่เว้นช่วงให้ผมได้เป็นฝ่ายพูดบ้างเลย มาถึงก็พูดๆๆ แล้วก็ดันหลังให้ผมขึ้นรถ พอขึ้นรถมาได้ มันก็ชวนผมคุยโน่นคุยนี่ไม่หยุดปาก ไม่รู้ว่ามันไปเก็บกดมาจากไหน ผมเองก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง จนกระทั่งมันจอดรถเสร็จแล้วพาผมเดินเข้ามาที่ร้านอาหารเนี่ยแหละมันถึงได้หยุดพูด
"ภูอยากกินอะไร”
มันถามผมแล้วยื่นเมนูที่พี่พนักงานส่งมาให้ตอนเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ ก่อนจะชี้เมนูโน่นเมนูนี้ให้ผมดู
"มึงสั่งไปเถอะ”
ผมพูดแล้ววางเมนูลงกับโต๊ะ ไม่ได้รำคาญอะไรนะครับ แต่เห็นว่ามันน่าจะรู้จักเมนูอาหารที่นี่ดีกว่าผม ผมเลยให้มันเป็นคนสั่ง ผมเองกินอะไรก็ได้อยู่แล้ว และก็อยากรีบๆกินรีบๆไปด้วย บอกตรงๆเลยผมรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่ไอภีมมันใช้มองผมยังไงก็ไม่รู้ ยิ่งเวลามันจ้องผมนานๆ ผมยิ่งรู้สึกประหม่าแล้วก็ทำตัวไม่ค่อยถูก แค่มือตัวเองยังไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนเลย ไม่รู้มันจะมานั่งมองหน้าผมทำไม
"มองเหี้ยอะไรหนักหนาวะ”
ผมว่าแล้วถีบขาโต๊ะมันเบาๆ ส่วนมันดันเสือกหัวเราะชอบใจที่ถูกผมด่า ระหว่างทานอาหารผมก็ต้องคอยเลื่อนจานหลบสารพัดอาหารที่มันหยิบยื่นมาให้ ไม่รู้มันจะใจดีห่าอะไรหนักหนาตักมาให้ซะเต็มจาน จนตอนนี้ในจานของผมแทบจะมองไม่เห็นเม็ดเลยด้วยซ้ำมีแต่กับข้าวเต็มไปหมด
"มึงเอาไปแดกบ้างเหอะ ของกูเต็มจานแล้ว”
ผมว่าแล้วตักอาหารในจานตัวเองไปวางใส่จานมันบ้าง เอาคืนครับดูแล้วยังไงผมก็คงกินมันไม่หมดแน่ๆ ผมย้ายอาหารจากจานตัวเองคืนให้มันไปเกือบครึ่ง ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมมันไม่ร้องทัก และก็ไม่ยอมแดกซักที ผมเลยเงยหน้ามามองมัน ซึ่งมันเองก็กำลังมองมาที่ผมอยู่เช่นกัน ผมเลยใช้สายตาในเชิงถามมันว่าทำไมไม่รีบแดกๆซักที
"น่ารักหว่ะ ตักอาหารให้กูกินด้วย”
ได้ยินมันพูดแบบนั้นผมเลยรีบชักช้อนตัวเองกลับมาวางในจานทันที ผมก็นึกว่าทำไมมันถึงไม่ยอมแดก ที่แท้แม่งหาเรื่องกวนตีนผมอยู่นี่เอง
"รีบๆกินเถอะมึงมีเรียนเช้าไม่ใช่หรอ นี่จะแปดโมงแล้วนะ”
ไอภีมพูดจบก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานตัวเองทันที มีเงยหน้ามาส่งยิ้มให้ผมบ้างเป็นบางครั้ง ในขณะที่ผม แดกไม่ลงตั้งแต่ตอนที่มันชมว่าน่ารักนั่นแหละครับ จู่ๆผมก็รู้สึกกินไม่ลง แล้วก็รู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ ยิ่งเวลาที่ไอภีมมันเงยหน้ามายิ้มให้ผม ผมยิ่งประหม่าเข้าไปใหญ่ ไม่ไหวผมว่าไอภีมคนนี้ดูหน้ากลัวยิ่งกว่าไอภีมคนก่อนหลายร้อยเท่าเลยและผมก็หนักใจกับไอภีมเวอร์ชั่นนี้มาก
"ตอนเย็นกูมารับนะ”
"ไม่ต้อง!!กูมีงานอย่างอื่นต้องทำหลังเลิกเรียน กูไปนะ”
ผมรีบค้านมันไว้ทันทีตอนที่มันบอกจะมารับผมในช่วงเย็นอีก ไม่เอาครับผมไม่ไหวจริงๆ พักหลังเวลาผมเจอไอภีมผมรู้สึกไม่โอเคเลย ผมบอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไง บางครั้งผมก็ดีใจที่เจอมัน แต่พอคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาทีไรผมก็โกรธมัน ไม่อยากมองหน้ามัน แต่พอมันทำดีกับผมด้วยหน่อยผมกลับรู้สึกเหมือนจะลืมความโกรธของตัวเองไปเฉยๆ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ผมยอมไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้ความรู้สึกดีเพียงชั่วครั้งชั่วคราวของตัวเองมาหักล้างกับสิ่งที่มันทำ ผมจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้
"งานอะไร บอกกูได้ไหม”
มันรั้งแขนผมไว้ ผมเลยต้องหันหน้าไปเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง
"เรื่องของกู มึงกลับไปเถอะ”
"มึงไม่บอกกูก็ไม่กลับและจะตามขึ้นไปเรียนกับมึงที่ห้องด้วย หรือมึงคิดว่ากูไม่กล้า หื้ม”
ผมเบี่ยงตัวหลบทันที หลังจากที่มันพูดจบก็ทำท่าจะเข้ามากอดผม ไอเหี้ยนี่ใครเอายาส้นตีนอะไรให้มันแดกหรือเปล่าวะ ทำไมพูดไม่ฟังแถมยังตีมึนใส่ผมอีก พอผมทำท่าจะเดินขึ้นไปเรียนมันก็เดินตาม
"ไอเหี้ยภีม!!!”
ผมหันไปเอ็ดมัน แต่มันกลับเดินเบียดผมแล้วเดินนำขึ้นห้องเรียนไปก่อนใครเพื่อน ไอเหี้ยนี่บทจะดีก็ดีจนน่าแปลกใจ บทจะมึนก็ทำให้กูปวดหัวได้สุดๆเลยซินะแม่ง โดนเด็กวิศวะกระทืบตายอย่าคลานมาขอให้กูช่วยนะมึง!!
ผมคาดโทษไอคนที่เดินหายเข้าไปในห้องเรียนขนาดใหญ่ก่อนจะเดินตามเข้าไปบ้าง
"ที่นั่งมึงอยู่ตรงไหน”
ผมไม่ได้หันไปตอบสิ่งที่ผมทำคือเดินไปนั่งยังเกาอี้ว่างที่อยู่ประมาณแถวๆกลางของห้องบรรยาย พอผมได้ที่นั่งมันก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผม พร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ผมต้องเสมองไปทางอื่น
"อยากให้กูมานั่งเรียนด้วยก็ไม่บอก”
"มึงคิดของมึงเองเหอะไม่เกี่ยวกับกู”
"เอาไง กูให้โอกาสอีกครั้งนะว่าจะบอกดีๆหรือเปล่าว่าจะไปไหนหลังเลิกเรียน ไม่งั้นกูจะตามติดมึงไปทุกที่จริงๆนะ”
ไม่พูดเปล่าครับมันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมซะจนปลายจมูกเฉียดแก้มผมไปนิด ผมเลยรีบผลักมันออก ใจจริงนี่อยากลุกขึ้นกระทืบให้มิดตีนด้วยซ้ำ แต่เกรงใจเพื่อนๆและอาจารย์ที่พึ่งเดินเข้ามา ผมเลยทำได้แค่ผลักมันออกห่างตัว
"กูไปทำงานจริงๆ มึงจะไปได้ยัง”
"เลิกกี่โมง”
"ไม่รู้กูไปทำวันแรก”
“โทรหากูก่อนตอนเลิกเรียน เดี๋ยวกูไปส่งเอง”
“ไม่เอากู….”
“ปฏิเสธกูจับมึงจูบโชว์เพื่อนตรงนี้เลยดีไหม”
มันไม่ทำแค่ขู่ นี่คือความรู้สึกแรกที่ผมสัมผัสได้หลังจากที่ฟังมันพูดจบ แล้วผมจะทำไงได้ล่ะ ของถนัดมันอยู่แล้วหนิเรื่องข่มขู่ชาวบ้านเขาเนี่ย ด้วยความที่ผมไม่รู้จะหาทางไล่ให้มันออกจากห้องยังไง ไอภีมก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าผมเรื่อยๆจนช่องว่างระหว่างใบหน้าผมกับมันเหลือไม่ถึงนิ้ว ผมเลยจำต้องตกปากรับคำมันไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
"เออ”
"ดีมาก แล้วกูจะรอนะ อย่าคิดหนีด้วยล่ะ ตั้งใจเรียนนะครับ”
มันไปแล้วครับมันลุกไปจากที่นั่งข้างๆผมแล้ว มันจากไปแล้วพร้อมกับสัมผัสบางเบาที่ข้างแก้มของผม
กว่าสามชั่วโมงเต็มที่ผมนั่งฟังบรรยายในคลาส ผมกล้าพูดได้เลยว่าเนื้อหาเข้าหัวผมได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ ผมเอาแต่คิดถึงสัมผัสบางเบานั้นของมัน ความจริงผมไม่ควรจะติดใจอะไรกับสิ่งที่มันทำมากนัก มันก็แค่หอมแก้ม มากกว่านั้นมันก็เคยทำมาแล้ว แต่ทำไมผมถึงรู้สึกตราตรึงกับสัมผัสนี้เหลือเกิน ผมเป็นอะไรไป หรือผมจะชอบมัน
"ภูๆๆทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวล่ะ เกดกับเอสเดินหาตั้งนาน”
ผมหลุดจากภวังค์อีกครั้งก็ตอนที่เกดเดินมาเคาะโต๊ะที่ผมนั่งเบาๆ พอหันมองรอบห้องก็เห็นว่าเพื่อนๆกำลังเก็บของทยอยออกจากห้องไปเกือบหมดแล้ว
"อ่อ โทษทีพอดีภูไม่เห็นน่ะ”
"ไม่เป็นไรเราแค่ถามเฉยๆ ไปกันเถอะห้องจะปิดแล้ว”
ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะก้มเก็บของแล้วเดินตามเพื่อนออกไปบ้าง
"แล้วนี่จะไปไหนต่อหรือเปล่า ไปเดินตลาดนัดรถไฟกับพวกเราไหม”
เกดถามผมระหว่างเดินลงมายังด้านล่างของตึกเรียน ผมเลยส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ วันนี้ผมต้องไปทำงานพิเศษ ผมต้องหาเงินจ่ายค่าฝึกงานด้วย เงินจำนวนไม่กี่พันบาทสำหรับคนอื่นคงเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับผมมันไม่ใช่
"ทำไมไม่ไปวะ”
"กูไปทำงาน พวกมึงไปกันเถอะ”
"อ้าว หรองั้นมึงอยากได้อะไรไหมเดี๋ยวกูซื้อมาฝาก”
"นั่นดิภูเอาไรไหม เสียดายภูไปกับพวกเราไม่ได้”
"ไม่เอาหรอกไปเหอะ ภูจะไปทำงานแล้ว”
ผมบอกแล้วเดินแยกจากพวกมันมา ผมไม่รู้ว่าควรโทรหาไอภีมมันดีหรือเปล่า ผมยืนชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็เก็บโทรศัพท์ล กระเป๋ากางเกงไปตามเดิม ผมไม่อยากให้มันรู้ว่าผมทำงานที่ไหน ผมกลัวมันจะไปสร้างความวุ่นวายให้ผมอีก นี่คือเหตุผลที่ผมตัดสินใจไม่โทรหามันตามที่ผมรับปากเอาไว้ ผมเดินออกไปยืนรอรถเมลที่หน้า มอ นี่ก็เกือบจะยี่สิบนาทีแล้วไม่เห็นมีรถผ่านมาซักคันเลย นี่ก็ใกล้เวลาเข้างานแล้วด้วยซิ
"ภูๆ”
"ภูทางนี้เห็นพี่ไหม”
เสียงตะโกนเรียกชื่อผม ทำให้ผมต้องหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงดังกล่าว ผมกวาดสายตามองไปรอบๆแต่ก็ไม่เห็นมีใครจนกระทั่งสายตาไปหยุดอยู่ที่รถสีขาวคันหนึ่งที่กระพริบไฟใส่ผมอยู่ พอได้มองชัดๆแล้วผมถึงเห็นว่าคนที่ผมเรียกเป็นใคร
"พี่เขต”
ผมเรียกชื่อคนตรงหน้า แล้วใช้สายตาถามพี่เขาแทนคำพูดว่า เรียกผมทำไม
"ขึ้นมาก่อนซิ จะไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ผมทำท่าลังเลว่าจะขึ้นดีหรือเปล่า อย่างที่ผมบอก ผมไม่อยากให้ไอภีมมันรู้จักที่ทำงานของผม แล้วถ้าพี่เขตไปส่งผมพี่เขาจะบอกไอภีมหรือเปล่าว่าผมทำงานที่ไหน
"ขึ้นมาเร็วๆภู รถคันหลังบีบแตรไล่แล้ว”
พี่เขตว่าติดเล่น ผมเลยจำใจต้องขึ้นรถพี่เขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
"จะไปไหนกลับบ้านหรอ”
"เปล่าครับ เดี๋ยวจอดให้ภูลงข้างหน้าก็ได้”
"ทำไมล่ะ จะไปไหนเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
"ไม่เป็นไรครับ”
"ทำไมล่ะกลัวอะไร”
"เปล่าครับ”
"งั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยบอกมาเร็ว ไม่บอกพี่พาไปที่อื่นนะ”
ผมไม่รู้จะทำไงดีมองนาฬิกามันก็ใกล้เวลาเข้างานมากขึ้นทุกทีๆ ถ้าผมไปเองตอนนี้มีหวังสายแน่ๆ
"ไปส่งผมที่อู่ซ่อมรถณรงค์ชัยได้ไหมครับ”
"หื้ม ว่าไงนะไปทำไมอู่ซ้อมรถครับ”
"ทำงานครับแล้วนี่ผมก็กำลังสาย”
"อ่อ โอเคๆได้เดี๋ยวพี่รีบให้”
พี่เขตรับปากอย่างร้อนรนก่อนจะขับรถมาส่งผมยังจุดหมายได้อย่างทันเวลา พอถึงผมก็เปิดประตูลงจากรถแล้วหันไปหาพี่เขตถ้าผมจะบอกให้พี่เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับพี่เขาจะทำให้ผมไหมผมคิดก่อนที่จะออกปากขอร้องไปในที่สุด
"พี่ครับเรื่องวันนี้ อย่าบอกเพื่อนพี่ได้ไหม ผมไม่อยากให้มันรู้ว่าผมทำงานที่ไหน”
"ได้ซิ ถึงเราไม่บอกพี่ก็จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว รีบไปเข้างานเถอะตั้งใจทำงานนะ”
ผมพยักหน้ารับแล้วยกมือไหว้ขอบคุณพี่เขตก่อนจะวิ่งเข้าไป ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าข้างหลังร้านแล้วเดินออกมาให้พี่ๆในที่ทำงานช่วยเทรนด์งานให้ผม พี่ๆที่นี่ก็ใจดีมากครับช่วยสอนผมอย่างละเอียดโดยไม่บ่นไม่ดุผมเลย ไม่ว่าผมจะถามเยอะแค่ไหนก็ตาม
"มึงพักแถวไหนวะไอเด็กใหม่”
หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของผมร้องถามระหว่างที่เรานอนอยู่ใต้ท้องรถข้างๆกัน ผมย้ายสายตาจากงานที่ทำไปมองหน้าคนถาม
"ไม่ไกลจากที่นี่มากครับแล้วพี่เก่งล่ะ”
"กูหรอ กูพักอยู่ที่อู่นี่แหละ กินนอนที่นี่ตั้งแต่กูเกิดแล้ว”
พี่เขาพูดแล้วยิ้มเศร้ามาให้ผม นัยน์ตาคู่นั้นดูเศร้าเสียจนผมไม่กล้าจะถามอะไรต่อ ผมเลยทำได้แค่รับคำสั้นๆในแบบฉบับของคนพูดน้อยของผม
"ครับ”
"เดี๋ยวเสร็จตรงนี้มึงกลับบ้านไปเลยก็ได้ กูปิดอู่เอง”
"ให้ผมช่วยก็ได้”
"ไม่เป็นไรที่นี่ก็เหมือนบ้านกูแหละ มึงไม่รีบกลับไปอ่านหนังสงหนังสือหรือไง “
"ครับงั้นผมกลับเลยนะครับ งานเสร็จพอดีเลย”
ผมบอกแล้วก็เนียนช่วยพี่เขายกโน่นยกนี้เข้าไปเก็บในบ้าน บอกว่าเป็นทางผ่านเพราะผมต้องเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังร้านอยู่แล้ว สรุปกว่าผมจะได้กลับบ้านจริงๆก็โน่นสี่ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว ผมเดินเข้าซอยบ้านมาได้เพียงไม่กี่ก้าว แขนผมก็ถูกมือของใครบางคนคว้าเอาไว้
"ทำไมไม่รับโทรศัพท์และไม่ยอมโทรหากู!!”