ตอนที่29.4 “ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ”ไอ้ภูลองเสี่ยงถามหลังจากที่พวกมันตามมาทันจนได้ ผมไม่ตอบในทันที
“หายแล้ว”ผมตอบโดยไม่มองหน้าพวกมัน ช่วงเย็นๆผู้คนพลุกพล่านเป็นพิเศษ ความจริงก็ยังมีอีกหลายที่ที่ผมอยากไปปั่นจักรยานรับลม แต่ก็นั่นล่ะเสียเวลาไปกับพวกไอ้เบ๊นซ์ตั้งนาน นึกถึงพวกมันแล้วก็เริ่มหงุดหงิด
“ไอ้ภู”ผมหยุดเดินกะทันหัน มองหน้าพวกมันสองคนด้วยสายตาจริงจัง
“หืม”มันมีท่าทีระแวดระวัง เหมือนกลัวว่าไปทำอะไรให้ผมหงุดหงิดเข้าอีก
“มึงสองคนได้แลกเบอร์ติดต่อกับพวกไอ้เบ๊นซ์มันรึเปล่า”ผมถามด้วยเสียงจริงจังจนพวกมันไม่กล้ากวนประสาทใส่
“เปล่า ไม่ได้แลก จะดูไหมล่ะ”มันไม่ได้มีท่าทีประชด มันส่งโทรศัพท์มาให้ผมเหมือนกับจะบอกว่าบริสุทธิ์ใจ ผมรับมาเช็คดู ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจพวกมันนะ แต่อะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้ ผมไม่ชอบให้มันไปสนิทกับพวกไอ้เบ๊นซ์ เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ติดต่อกันอีก แอบรู้สึกว่าตัวเองใจแคบสำหรับเรื่องนี้ แต่ก็นั่นแหละ…แค่พวกมันบังเอิญเจอกันผมก็หงุดหงิดได้ขนาดนี้ ไม่อยากจะนึกภาพถ้าหากว่ามันยังติดต่อกันสม่ำเสมอ
“แล้วมึงล่ะ”ผมหันไปทางไอ้ติน มันยิ้มเหมือนตลกการกระทำบ้าๆของผม ไม่ได้ครับ ก็คนมันหวง จะให้ทำยังไงล่ะ หลังจากที่เช็คโทรศัพท์ของพวกมันทั้งคู่จนแน่ใจแล้ว ผมก็อารมณ์ดีขึ้นมาเป็นกอง
“ก็เหมือนกับพวกมึงไง พวกมึงไม่ชอบให้กูคุยกับคนอื่น กูก็ไม่ชอบเหมือนกัน มึงไม่ชอบให้กูทำตัวแบบไหน กูก็ไม่อยากให้มึงทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็คิดเยอะๆ ใจเขาใจเรา”ผมได้ทีสวด
“เออ ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย”ไอ้ภูจูงจักรยานตีคู่มาใกล้ๆ
“คือพรุ่งนี้กูว่าง”ผมรอฟังว่ามันจะพูดอะไรต่อ แต่มันก็เงียบไปนานจนไอ้ตินต้องเป็นฝ่ายพูดแทน
“กูกับพี่ภูอยากให้มึงไปด้วยกัน…”มันยังไม่บอกทันทีว่าไอ้ไปที่พวกมันว่าคือที่ไหน
“ไปไหน”
“ไม่บอก”ผมหันไปจ้องหน้าไอ้ตินอย่างหงุดหงิด ไอ้เรื่องป่วนประสาทผมเนี่ยถนัดกันนัก
“ก็กูกับพี่จองดินเนอร์ล่องแม่น้ำเทมส์ไว้...ไปด้วยกันนะ”ไอ้ตินเอ่ยชวนเสียงนุ่ม
“ไม่น่าถาม ยังไงกูก็ไปอยู่แล้ว”
“อยากให้มึงไปแบบอารมณ์ดีๆไง เพราะงั้น...หายโกรธได้แล้ว”ไอ้ตินยื่นมือมาจิ้มแก้มผมเบาๆ
“หายตั้งนานแล้ว”
ผมไหวไหล่ก่อนจะเหวี่ยงขาคร่อมจักรยาน ออกปั่นไปแบบไม่รอมันสองคน ทีใครทีมัน ขามาพวกมันยังไม่รอผมเลย เส้นทางสำหรับจักรยานในสวนไฮด์ปาร์กค่อนข้างโล่ง ผมจึงปั่นได้เต็มแรง แต่ถ้าล้มคงไม่น่าดูเท่าไหร่ ผมเหลือบมองด้านหลัง ไอ้ภูกับไอ้ตินปั่นตามมาไม่ไกลนัก สาสส ไอ้พวกนี้แรงดีกันจริงๆ ผมต้องเร่งสปี๊ดจนหอบแฮ่ก เลี้ยวไปเลี้ยวมา ปั่นไปเรื่อยๆจนเริ่มเห็นตึกสูง โผล่มาเจอทางออกพอดี ผมถึงได้ชะลอหยุดเพราะไปไม่ถูก รอจนไอ้ภูกับไอ้ตินสองคนปั่นมาสมทบ
“มึงคิดว่า...”ไอ้ภูหอบลิ้นห้อย ผมหัวเราะเยาะระหว่างที่รอมันปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ไอ้ตินเองก็หอบน้อยๆหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อตามไรผม
“แหม สำอางจริงๆนะพ่อคุณ”
“หาเรื่องแขวะกูจนได้นะ”
“แล้วมีปัญหาหรือไง”ผมเลิกคิ้วใส่
“เปล่า ใครจะกล้ามีกับเมียสุดที่รักล่ะ”ไอ้ตินมันพูดออกมาได้ยังไงวะเนี่ย แทบอ้วก ผมเตะจักรยานของมันเบาๆ
“โห่ ไอ้ฟิก มึงพามาตรงไหนเนี่ย”ไอ้ภูเท้าเอวมองไปรอบๆ เป็นทางแยกถนนใหญ่ รถวิ่งสวนไปมาดูอันตราย
“ไม่รู้ กูก็ปั่นตามทางมาเรื่อยๆ”ผมว่าคืนนี้ปวดขาแน่ๆ ไอ้ภูหยิบโทรศัพท์ออกมาเช็คแผนที่ ผมได้แต่รอว่ามันจะเอาไง
“ตามกูมา รับรองไม่หลง”ไอ้ภูเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเตรียมตัวข้ามถนน
“แน่นะ”ผมไม่มั่นใจเอาซะเลย ถนนหนทางที่ลอนดอนก็ไม่เหมือนบ้านเราด้วย
“เออสิ ระดับพี่ภูซะอย่าง”มันยักคิ้วอย่างมั่นใจ ผมกับไอ้ตินเลยได้แต่ปั่นตามมันไป โชคดีที่เป็นถนนเส้นแคบๆ การจราจรจึงไม่หนาแน่นมาก เจอแต่รถเมล์สีแดง มีไอ้ตินคอยระวังหลังให้กับไอ้ภูปั่นนำหน้าแบบนี้ผมค่อยอุ่นใจหน่อย แต่สุดท้ายพวกมันก็ตัดสินใจใช้วิธีจูงจักรยานบนฟุตบาตรแทนเพราะกลัวผมโดนสอย หลังจากที่ไปทำยึกๆยักๆตอนข้ามไฟแดง
“มึงนี่มันเซ่อซ่าจริงๆ”ไอ้ภูบ่นระหว่างที่เก็บรถจักรยานที่จุดคืน
“คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด”ถึงมันจะบ่นผมไปอีกนาน ผมก็ไม่สะเทือนหรอก ปล่อยให้เข้าหูซ้ายทะลุหูไอ้ตินไปก็แล้วกัน กลับมาที่เรื่องทริปดินเนอร์ของวันพรุ่งนี้ คือพวกมันสองคนแอบจองไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่กะเอาใจผมแน่ๆ ดั่งคำที่ไอ้ชายเคยพูดไว้ มีสามี
ดีเหมือนถูกหวย ผมชักเริ่มจะเห็นด้วยแล้วสิ
******************************************************
“ไปเที่ยวที่ไหนกันมาเนี่ย”พี่ภักทักทันทีเมื่อพวกผมกลับเข้ามาในห้องด้วยสภาพไม่สู้ดีนักโดยเฉพาะไอ้ภู มาถึงปุ๊บมันก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาทันที พร้อมกับส่งเสียงโอดครวญเบาๆ
“ไปสวนไฮด์ปาร์กมาครับ เหนื่อยใช้ได้เลย”ไอ้ตินตอบก่อนทิ้งตัวที่โซฟาบ้าง
“ดีแล้ว ออกไปผ่อนคลายบ้างก็ดีเหมือนกัน พี่เห็นภูออกไปเที่ยวที่ไหนเลย”
“ผมเหนื่อยๆเรื่องงานน่ะครับ ยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ ฝึกงานรอบนี้ต่างจากที่ไทยลิบลับ”
“แล้วมันดีหรือแย่ล่ะ”
“ก็…ทั้งสองอย่าง”ไอ้ภูถอนหายใจ ยังคงนอนหมดสภาพอยู่ ผมจึงแกล้งเทน้ำเย็นใส่หน้ามันจังๆ
“ขอน้ำอย่างอื่นได้ไหม”ผมถึงกับตาโตเมื่อได้ยินมันพูด ก็มันพูดเบาเสียที่ไหน ความเงียบแทรกเข้ามาเป็นครั้งแรก เดี๋ยวเถอะมึง....
“กูหมายถึงน้ำส้ม”มันรีบแก้ แต่ผมว่าไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“เออ พี่ภักครับ...”ไอ้ตินมาช่วยชีวิต มันชวนพี่ภักคุยเรื่องพันธ์ต้นไม้ได้อย่างไหลลื่น จนผมโล่งอก เมื่อพี่ภักไม่ได้มอง ผมก็บิดหูมันเต็มแรง ข้อหาพูดจาไม่ระวัง ผมรีบย้ายตัวเองมานั่งที่โซฟาว่างๆเพราะไอ้ภูเด้งขึ้นมาพร้อมกับหน้าแดงๆ สงสัยผมบิดเต็มแรงมากไปหน่อย
“พรุ่งนี้ภูหยุดนี่นา...ใช่ไหม”พี่ภักหันไปสนใจมันอีกครั้ง
“ใช่ครับ ผมนี่รอเวลานี้มานาน”มันอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา ยกมือลูบใบหูที่ยังแดงๆอยู่
“ลองออกรอบตีกล์อฟกับพี่ดูไหม”ไอ้ภูออกอาการชัดเจนว่าไม่อยากไป
“พอดีว่าพรุ่งนี้ผมมีที่ที่อยากไปอยู่แล้วน่ะครับ ไว้ครั้งหน้า...”
“โอเค...”พี่ภักเหลือบมองผมกับไอ้ตินอีกครั้ง ผมชักจะตงิดใจแล้วสิ พี่ภักเขาระแคะระคายอะไรหรือเปล่า ผมกับพวกมันส่งซิกกันทางสายตาเนียนๆ
“เอ่อ พี่รู้ว่าภูเหนื่อย แต่วันนี้พี่รบกวนเราหน่อยได้ไหม คือวันนี้พี่ต้องดูลูกค้า....พวกเราจำเดรกได้รึเปล่า”พี่ภักเกริ่นท่าทางดูลำบากใจ เดรกคือคนที่ชอบมองพี่ภักนั่นเอง ผมยังจำหน้าได้แม่นอยู่เลย
“ได้ครับ ทำไมอ่ะ”ไอ้ภูถามอย่างสนใจ
“ก็...พี่อยากชวนภูไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยน่ะ ต้องเลี้ยงต้อนรับลูกค้า แต่ไม่ใช่กลุ่มเดิมหรอกนะ เดรกเขาแนะนำให้ พี่ก็เลยจำเป็นต้องไป แต่ถ้าภูไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”พี่ภักรีบพูด ท่าทางดูไม่สบายใจนัก ผมไม่เคยเห็นพี่เขามีท่าทีกังวลแบบนี้มาก่อนเลย หรือจะมีอะไรมากกว่านั้น
“อ้อครับ แล้วไปที่ไหนเหรอ ใช่คลับเดิมรึเปล่า”
“ก็...เดรกเขาขอมา...”พี่ภักเลียริมฝีปากอย่างลังเล ไอ้ผมก็รอฟังอย่างลุ้นๆ
“บาร์เกย์น่ะ”เกิดความเงียบขึ้นระลอกใหญ่ พี่ภักดูจะเซ็งๆ ว่าแต่บาร์เกย์เนี่ยนะ หรือว่าไอ้เดรกอะไรนั่นจะเปิดตัวเต็มที่ หรือคิดจะเข้าหาพี่ภัก
“เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนเองครับ”ดูจากสีหน้าของไอ้ภูแล้ว มันก็ไม่อยากไปเท่าไหร่
“ผมไปด้วย”ไอ้ภูกับไอ้ตินเหลียวมองผมทันที คือผมเองก็ไม่อยากให้ไอ้ภูไปคนเดียวอ่ะ ถึงจะไม่มีอะไร แต่ผมก็อยากไปเพื่อนมันมากกว่า พี่ภักหันมามองผมมึนๆ
“ถ้ามึงไป กูก็ไปด้วย”ไอ้ตินผสมโรงด้วยอีกคน
“ไม่ กูบอกแล้วไงว่าจะไปเอง พวกมึงอยู่นี่แหละ”ไอ้ภูทำหน้าตึงใส่ เป็นสัญญาณว่ามันเริ่มหงุดหงิดแล้ว
“กูไปด้วย”ผมยอมแพ้เสียที่ไหน ใจจริงคืออยากรู้เหมือนกันว่าเป็นยังไงเพราะผมไม่เคยไปบาร์เกย์เลยสักครั้ง
“เอ่อ...ตกลงไปกันทั้งสามคนนี่แหละเนอะ”พี่ภักเอ่ยแทรกเมื่อเห็นว่าไอ้ตินกำลังจะอ้าปากพูดอีกรอบ ไอ้ภูหน้าหงิกกว่าเดิม มันจ้องหน้าผมด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะส่งซิกบอกให้ไปคุยในห้อง
“คิดอะไรอยู่วะฟิก”มันเปิดฉากบ่นทันทีเมื่อผมกับไอ้ตินเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ แค่อยากไปเพื่อนมึงเฉยๆ”
“กูดูแลตัวเองได้น่า มันไม่มีอะไรหรอก”
“ไม่มีอะไร ก็ไม่เห็นต้องห่วงอะไรนี่ไอ้ภู กูแค่อยากไปเปิดหูเปิดตาเฉยๆ”มันทำหน้าไม่สบอารมณ์ มองแว๊บเดียวก็รู้ว่ามันอยากด่าผม
“เอาน่า...อย่าเครียด”ไอ้ตินต้องทำลายบรรยากาศหนักๆอีกครั้ง ไอ้ตินมองหน้าผมกับไอ้ภูก่อนจะค้นหาเสื้อในตู้ ไอ้ภูถอนหายใจเสียงดัง ทำหน้าเหมือนท้องผูกมาเป็นอาทิตย์
“มึงเครียดมากไปรึเปล่า ก็แค่บาร์เกย์”แถมก็ไปกับพวกมัน ยังจะต้องห่วงอะไรอีก
“กูเกลียดอาการลั้นลาของมึงจริงๆ แล้วก็อย่าเป็นเหมือนวันนั้นล่ะ กูไม่ใจดีปล่อยมึงไปเต้นบ้าบอแบบคราวนั้นแล้วนะ”
“เออ กูรู้”
“เฮ้อ อย่าเถียงกันได้ไหม”ไอ้ตินมองผมกับไอ้ภูด้วยสายตาอ่อนใจ
“รู้งี้ไม่น่าตกลงเลย”ไอ้ภูยังคงบ่นเหมือนตาแก่ขี้เมาไม่หยุด
“มึงจะปล่อยให้พี่มึงโดนงาบเหรอ”ก็เห็นๆอยู่ว่าไอ้เดรกนั่นหวังผลอะไรแน่ๆ
“...มันไม่โง่หรอก”มันพึมพำ แต่ก็ดูเป็นกังวล
“ไม่เชื่อใจกูเหรอไงถึงไม่ให้กูไปด้วย”บางทีไอ้ภูมันก็ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
“ไอ้เชื่อมันก็เชื่อ หึๆ แต่เดี๋ยวนี้มึง...อย่าให้พูด เดี๋ยวก็ด่ากูอีก”มันมองหน้าไอ้ตินแบบรู้กัน จนผมหงุดหงิดกับสายตาของมันสองคน
“ทำไม”ผมเดินไปยืนคั่นระหว่างไอ้ตัวกวนสองตัว
“เอาจริงๆนะ เดี๋ยวนี้มึงแรดๆไงไม่รู้”จบคำพูดของไอ้ภูผมก็ยกเท้าหมายจะยันมันสักโครม แต่มันก็หลบได้
“อ๋อ...พวกมึงคิดกันแบบนี้ใช่ไหม”เกิดมาก็เพิ่งมีคนใช้คำนี้กับผมเนี่ยแหละยิ่งมาจากปากไอ้ภูด้วยแล้ว....
“อย่าคิดมาก ก็แค่เรื่องจริง”ไอ้ตอนกวนประสาทผมด้วยอีกคน ผมเลยต้องระเห็จออกไปด้านนอกเพราะเกรงว่าจะทนหมั่นไส้พวกมันไม่ไหว ถวายบาทาเข้าให้ แต่ผมว่าพวกมันคงไม่กลัวผมแล้วล่ะ! ถือว่าพลาดจริงๆที่ดันแสดงท่าทีเรื่องไอ้เด็กเบ๊นซ์มากไปหน่อย ออกมาก็เจอสีหน้าเคร่งเครียดของคนพี่...พี่ภักนั่งกุมขมับอยู่ที่โซฟา
“อ้าว ฟิก..”ส่งยิ้มแบบไม่เป็นธรรมชาติมาให้
“พี่มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าครับ เล่าให้ผมฟังได้นะ ผมเก็บความลับเก่ง”ซะที่ไหน ผมหย่อนก้นลงที่โซฟาอีกตัว เดาได้ว่าคงมีส่วนเกี่ยวข้องกับบาร์เกย์แน่ๆ
“คือ...พี่ก็ไม่ได้อคติอะไรกับเรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่พี่ไม่ค่อยโอเคกับ...เอ่อ กับเดรกเท่าไหร่”ผมแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่พี่ภักยอมพูดถึงเรื่องนี้กับผม
“จะเอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้อีก”พี่ภักดูหนักใจมากจริงๆ
“ผมเข้าใจครับ บางที...ผมว่าพี่ควรจะพูดออกไปตรงๆเลย เขาจะได้ไม่ทำให้พี่ลำบากใจ”ถึงจะไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องเดียวกันไหม แต่ผมก็พูดอย่างมั่นใจ พี่ภักมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกๆ
“พี่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงน่ะ เขาชอบมองว่าพี่เป็นพวกต่อต้าน”
“พี่ต้องชัดเจนนะครับ ถ้าหากว่าพี่ยังกล้าๆกลัวๆเขาจะคิดว่ายังพอมีหวัง แล้วจะเริ่มรุกมากขึ้น”พี่ภักถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก
“เอ่อ แล้ว...พี่ชอบเขารึเปล่า”
“....”
“แค่ถามเฉยๆน่ะครับ”ผมขยายเมื่อเห็นสายตาน่ากลัวของอีกคน
“เปล่าหรอก พี่ชอบผู้หญิง ถึงจะห่างหายไปหลายเดือนแล้วก็เถอะ”ได้ยินแบบนี้ก็แอบโล่งใจเหมือนกันครับ เพราะนามสกุลของไอ้ภูจะได้ไม่สั้นกุดไร้คนสืบต่อ
“อย่างที่ผมบอก พูดไปตรงๆเลย แต่ต้องดูจังหวะเวลาก่อน เดี๋ยวจะเสียเรื่อง”ผมแนะนำเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญ พี่ภักได้แต่ยิ้ม
“ฟิกนี่...ดูเป็นคนแปลกๆดีนะ”
“แปลกนี่ถือเป็นคำชมรึเปล่าครับ”ผมหัวเราะแห้งๆ
“แล้วมาคบกับตินได้ยังไง”ผมสตั๊นไปกับคำถามของพี่ภัก ไม่รู้ว่าทราบแค่นี้หรือไม่อยากพูดถึงกันแน่
“เป็นเรื่องบ้าๆบอๆน่ะครับ ถ้าพี่ได้ฟังนะ พี่ต้องร้องอู้หูแน่ๆ”
“จริงเหรอ”พี่ภักหัวเราะเบาๆ “ตอนแรกพี่คิดว่าฟิกจะเป็นพวกรักสนุกซะอีก แบบว่าหน้าให้”...อืม...ความจริงอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ ถึงได้กล้าคบกับพวกมันสองคน
“โลกเรานี่ก็แปลกเนอะ”
“ผมว่าคนต่างหากที่แปลก..”ตงิดๆว่าหมายถึงโลกสีม่วงของผมกับพวกมันรึเปล่า
“พี่ยังยืนยันคำเดิมว่าฟิกเป็นคนแปลกจริงๆ...”ผมได้แต่ยิ้มรับเพราะไม่รู้จะตอบยังไง
“ขอโทษด้วยที่ทำให้ลำบาก”พี่ภักบุ้ยใบ้ไปทางห้องนอนที่มีมนุษย์น่ารำคาญสองคนอยู่ด้านในก่อนที่เจ้าของห้องจะตบบ่าผมเบาๆสองสามที
บาร์เกย์ที่เดรกเลือกอยู่ในย่านโซโห ดึกๆแบบนี้คนยิ่งแน่น พี่ภักพาพวกผมมารอที่หน้าร้านตกแต่งด้วยธงสีรุ้งบ่งบอกรสนิยมชัดเจน เจ้าตัวดูจะไม่ค่อยอยากมายืนแถวนี้นัก คอยจะมองไปรอบๆตลอดเวลา หน้าบาร์มีพนักงานต้อนรับหน้าตาดีเป็นผู้ชายสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์สีซีดสองคน
“ไอ้ฟิก กูนับหนึ่งถึงสาม ถ้ายังไม่หันมา…”ไอ้ตินพึมพำอยู่ข้างๆ ผมย้ายสายตากลับมามองพวกมันสองคนอย่างรวดเร็ว ไอ้ภูดูอารมณ์เสียกว่าทุกที
“เข้าไปรอด้านในก่อนไหม”ไอ้ภูเสนอเพราะไม่รู้ว่าเดรกกับผองเพื่อนจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมาถึง
“ห๊ะ เอางั้นเหรอ…คือพี่ไม่เคยมา…”พี่ภักดูซีดๆเซียวๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ตามผมมา”ไอ้ภูมองหน้าพี่มันครู่หนึ่งก่อนจะเป็นคนนำทัพ หนุ่มหล่อสองคนเอ่ยทักลูกค้าตามปกติ ไอ้ตินดันให้ผมเดินเข้าไปด้านในเร็วๆ มันเองก็เริ่มหน้าบูดแล้วเหมือนกัน ด้านในตกแต่งด้วยโทนสีชมพูและม่วงแดง เสียงเพลงหนักๆดังกระหึ่ม
ฟลอร์สำหรับเต้นเนืองแน่นไปด้วยผู้คน มีหนุ่มหล่อหุ่นแน่นออกสเต็ปอยู่บนบาร์กลางฟลอร์ สวมแค่ชั้นในตัวเดียว โชว์ซิกแพคแน่นๆ ผมรีบย้ายสายตาไปที่อื่นทันที ไอ้ภูนำไปที่โซฟาชุดใกล้กับเคาน์เตอร์บาร์ จุดนี้เป็นโซนสำหรับนั่งดริ๊ง มีบาร์เทนเดอร์คอยบริการตลอด และทุกคนสวมแค่กางเกงยีสน์หรือไม่ก็กางเกงชั้นในเท่านั้น บนหน้าอกเปลือยเปล่าเพ้นท์ชื่อร้านไว้ชัดเจน …จะเป็นลมครับ บอกไม่ถูกว่าบาร์นี่ดีหรือแย่ ผมชอบโซนนี้มากกว่าฟลอร์เต้นอีก ไอ้ตินพยักเพยิดให้ผมไปนั่งที่โซฟาด้านใน
“เอ่อ เอาเครื่องดื่มอะไรไหม”พี่ภักหน้าซีดกว่าปกติ เหลือบมองไปที่บาร์มีคนรอต่อแถวสั่งเครื่องดื่มยาวเหยียด
“ผมขอแค่เบียร์ดีกว่า ไม่อยากเมา”ไอ้ภูถอนหายใจ มันหันมามองหน้าผมสีหน้าดุจนผมไม่กล้าหือ
“ให้แค่ขวดเดียว”
“อือๆ”ผมอือออตอบ สายตากวาดไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่เสาเหล็กตรงทางเดินว่างๆ…และก็เป็นแบบที่ผมคิด มีเกย์สาวมาเต้นโชว์จริงๆ ผมแอบมองสีหน้าของพวกมันสองคน ไอ้ภูเอาแต่สนใจโทรศัพท์ส่วนไอ้ตินนั่งจ้องหน้าผม พี่ภักกลับมาพร้อมกับเบียร์และเหล้ายี่ห้อแพงสามขวด
“ของลูกค้าน่ะ”อีกฝ่ายรีบตอบเมื่อไอ้ภูมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ไอ้ตินส่งแก้วเบียร์มาให้ สังเกตว่าน้ำแข็งในแก้วผมเยอะมากๆ ส่วนเบียร์แค่ค่อนแก้ว รอไม่นานผมก็เห็นร่างคุ้นๆของเดรก ที่ตามมาด้วยคือเพื่อนเกย์อีกสามคน เมื่อมาถึงโต๊ะ ผมเห็นแววตาหงุดหงิดของเดรกฉายชัด คงคิดว่าพี่ภักจะมาแค่คนเดียว หลังจากที่แนะนำตัวพอเป็นพิธี เพื่อนสองคนของไอ้เดรกก็หายไปในหมู่ขาแด๊นที่ฟลอร์เต้น
“หวังว่าคงจะไม่มีเรื่องนะ”ไอ้ตินกระซิบกับผมเบาๆ พยักเพยิดไปทางมุมโซฟา ไอ้ภูนั่งกั้นกลางระหว่างญาติมันและเดรก ส่วนเพื่อนเดรกอีกคนนั่งมองผมกับไอ้ติน มองอะไรก็ไม่ทราบได้ แต่เมื่อไอ้ตินทำท่าหงุดหงิด อีกฝ่ายก็เสมองทางอื่น ถ้าผมไม่หลอกตัวเองล่ะก็...ผมคิดว่าไอ้เดรกนั่นคงคิดว่าไอ้ภูเป็นแฟนกับพี่ภักแน่ๆ เพราะมันคอยกันท่าตลอด เดี๋ยวก็ส่งแก้วเหล้าให้บ้าง ไอ้ภูมันก็คงกลัวญาติมันโดนสอยล่ะมั้ง ถ้าพี่ภักมาคนเดียว ผมมองไม่เห็นทางรอดเลย น่ากลัวจริงๆ
“สายตาสยองชิบ”เวลาที่เดรกมองพี่ภัก...ผมเข้าใจพี่เขาเลยว่ากระอักกระอ่วนมันเป็นยังไง ไอ้ภูยักคิ้วกวนๆมาให้ พี่ภักเองก็พยายามชวนเพื่อนไอ้เดรกคุย เพราะดูเป็นมิตรมากสุด คุยเรื่องงานการได้ไม่เท่าไหร่ก็ชนแก้วกันอีกแล้ว
“Hay”เพื่อนเดรกที่ผมลืมชื่อไปแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาเหมือนจะขอชน ผมยกแก้วชนตามมารยาท
“dlfpa898V[.OQAmmo07;[t”แล้วก็พยายามชวนผมคุย ไอ้ตินหันหน้าไปทางอื่นปล่อยให้ผมมึนงงกับเพื่อนไอ้เดรกอยู่สองคน
“อยากสูบบุหรี่ว่ะ”ผมหันไปกระซิบบอกไอ้ตินที่นั่งมองแก้วเบียร์เหมือนไม่รู้จะวางสายตาตรงไหน โชว์อะโกโก้ผมกับพวกมันไม่ค่อยนิยมเท่าไหร่
“จะสูบก็ไปที่ห้องน้ำ”ผมเหมือนเด็กน้อยที่ต้องพกผู้ปกครองไปทุกๆที่แต่ก็ไม่ว่ามันหรอก เพราะผมยิ่งโง่ๆอยู่ด้วย
“ไปสูบบุหรี่แป๊บนะ”ผมบอกไอ้ภูกับพี่ภัก เดรกพูดอะไรสักอย่างพร้อมกับส่งบุหรี่นอกราคาแพงมาให้ผมหนึ่งมวน ผมรับมาเพราะเกรงใจ เห็นไอ้ภูทำหน้าหงิก
“ภูจะไปด้วยกันก็ได้นะ พี่อยู่ได้”พี่ภักรีบบอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมงดบุหรี่”มันจงใจเน้นให้ผมได้ยิน ผมก็อยากงดอยู่หรอก แต่ไม่ได้แตะแอลกลอฮอร์แล้วมันอยากบุหรี่ขึ้นมา
“นิดเดียว”ผมยิ้มแห้งให้มันก่อนจะเดินตามไอ้ตินไปที่ห้องน้ำ ก่อนถึงมีจุดให้สูบบุหรี่อยู่ใกล้ๆกับกระถางต้นไม้ลวดลายสวยงาม ผมจุดบุหรี่ อยากลองของแพงบ้าง ไอ้ตินได้แต่ยืนพิงผนังมอง
“เอาไหม”ผมส่งบุหรี่ที่สูบแล้วไปให้ แต่มันโบกมือปฎิเสธ ผมสูบอยู่คนเดียวรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ รีบๆพ่นควันสีขาวออก กลิ่นลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ผมบี้บุหรี่ทิ้งสงสารไอ้ตินที่มายืนรอ
“กูไม่ค่อยสนุกเลยว่ะ”มันบ่นจนผมหัวเราะ
“แล้วมึงสนุกรึเปล่า อยากมาเปิดหูเปิดตาไม่ใช่เหรอ”
“ก็…ไม่ว่ะ สงสัยไม่ใช่แนว แต่บาร์เทนเดอร์หล่อดี”ผมเสริม คือหล่อเข้ม ไม่ใช่ออกสาวแบบนักเต้นอะโกโก้
“เดี๋ยวเถอะมึง…”มันยกกำปั้นชกเข้าที่ไหล่ผมเบาๆ ผมกับไอ้ตินกลับไปที่โต๊ะอีกครั้ง ไอ้ภูดูเหมือนกำลังกลายร่าง ผมหมายถึงมันกำลังโกรธจัด มันขึงตามองไอ้เดรกเขม็ง พี่ภักยืนอยู่ข้างๆเหมือนกำลังห้ามศึก ผมมองไปรอบๆเพราะกลัวโดนการ์ดลากออกไปด้านนอก พอมันเห็นผมกับไอ้ตินก็ก้าวมาหาทันที
“ผมจะกลับแล้ว พี่คงรู้นะว่าต้องจัดการเรื่องนี้ยังไง”ไอ้ภูพูดกับพี่ภักเสร็จก็คว้าข้อมือของผมเบียดเสียดผู้คนออกไปด้านนอก ออกมาจากบาร์เกย์ได้มันก็ก่นด่าไอ้เดรกยาว ผมกับไอ้ตินได้แต่เงียบ ไม่รู้ว่าช่วงที่ผมออกไปสูบบุหรี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง
“กูจะรอมันตรงนี้แหละ”
“พี่ใจเย็นน่า..”ไอ้ตินส่งเสียงเตือน ผมกลัวมันจะปรี๊ดแตกเหมือนกัน แล้วยิ่งไม่ใช่บ้านเราอีก คงมาซ่าไม่ได้ ผมกับไอ้ตินเลยลากมันออกมาให้ห่างจากบาร์เกย์
“มึงเป็นอะไร”ผมถามเมื่อเห็นว่ามันใจเย็นขึ้นแล้ว
“ไอ้เดรก...มันกวนประสาทกู”ไอ้ภูไม่ยอมเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ผมจึงไม่ซักต่อ นึกไปแล้ว...ผมได้จิบเบียร์แค่ค่อนแก้วเอง นึกแล้วก็เปรี้ยวปาก
“กูได้กินเบียร์นิดเดียวเอง”ไอ้ตินเหลียวมองด้วยสายตาแพรวพราวก่อนจะประกบจูบลงมา ลิ้นสอดเข้ามาทั่ว ผมขบเม้มกลับก่อนผละออกมา ไอ้ภูเอาแต่เดินไปเดินมาอย่างหงุดหงิดใจ
“ลูกค้าก็ลูกค้าเถอะ...ครั้งนี้กูไม่ไว้หน้าแน่”
“แล้วพ่อพี่จะไม่ว่าเหรอ”ไอ้ตินดูจะเป็นห่วงเรื่องพ่อมัน มากกว่าเรื่องต่อยตี
“เดี๋ยวกูคุยเอง จะให้ทำไงล่ะ ปล่อยให้ญาติโดนสอยตูดเหรอ..”ถ้ามันพูดกับพ่อมันแบบนี้ล่ะก็...ผมนึกสีหน้าพ่อมันไม่ออกเลยจริงๆ นึกแล้วก็ขำ ไอ้ภูหันมามองพร้อมสาวเท้าเข้ามาใกล้ ตอนแรกคิดว่ามันจะเข้ามาต่อย ผมจึงหลับตาแน่น จนเมื่อมันบดจูบแรงๆผมถึงได้ลืมตาเห็นใบหน้าของมันในระยะประชิด
ไอ้ภูดูดเม้มริมฝีปากจนพอใจถึงได้ถอยออกห่าง ไม่ต้องถามเรื่องยางอาย พวกผมไม่ค่อยมีหรอก ยิ่งย่านนี้ตอนดึกๆแถวๆบาร์เกย์ด้วยแล้ว ไม่มีใครที่ไหนสนใจด้วยซ้ำ ผมยืนจนเมื่อยจึงเปลี่ยนมานั่งที่ริมฟุตบาตแทน สภาพเหมือนพวกคนไร้บ้านเข้าไปทุกที
และเวลาที่ไอ้ภูรอคอยก็มาถึง กลุ่มของพี่ภักออกมาแล้ว สีหน้าดูไม่ดีอีกตามเคย ส่วนที่เดินตามมาด้วยสึหน้าหงุดหงิดคือไอ้เดรก มีเพื่อนอีกสามคนที่เมาเป๋ตามหลังมาไม่ห่าง
“พี่ภู...”ไอ้ตินเรียก ไม่ใช่เพราะว่าไอ้ภูผลุนผลันเข้าไปหา แต่ไอ้เดรกมันพุ่งเข้ามาหาเรื่องไอ้ภูถึงที่
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไอ้ตินเข้าไปร่วมวงมวยเพราะเพื่อนไอ้เดรกถลาเข้ามานัวเนียด้วย ...จากนั้นน่ะเหรอ...การ์ดเข้ามาห้ามเหตุการณ์ ดีที่เรื่องไม่ถึงตำรวจ ไม่งั้นคงซวยนัก พี่ภักช่วยเคลียร์กับการ์ดให้ เสียค่าปรับ เสียเครดิต โดนแบล็คลิสต์ซึ่งผมคิดว่าพี่ภักคงไม่แคร์อยู่แล้ว