ตอนที่ 10
“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่” เด็กหนุ่มเอ่ยถาม
“ไปไหนมา” คนนั้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ จึงหาเรื่องโกหก
“ไปสูดอากาศข้างนอกมา”
“อากาศในนี้มันเป็นพิษนักเหรอ” คำพูดประชดลอยมาให้ได้ยิน พร้อมเห็นร่างคนพูดลุกเดินมาประชิดตัว
“ก็แค่อึดอัดนิดหน่อย” เด็กหนุ่มตอบ
“อึดอัดเพราะนพมาค้างด้วยหรือเปล่า”
“มั้ง”
“กล้าพูดแบบนี้กับนพเหรอเต็น”
“นพบังคับให้เต็นกล้าเอง”
“นพหรือใครกันแน่”
“ใครกันแน่ของนพคือใครล่ะ”
“ไอ้คนที่มันมาหาเต็นวันนั้นใช่หรือเปล่า”
“วันไหน”
“เต็นก็รู้ว่าวันไหน อย่ามาทำเฉไฉหน่อยเลย”
“เต็นไม่ได้เฉไฉ เพียงแต่จำไม่ได้จริงๆ”
“อย่ามาโกหกนพให้ยากเต็น มันไม่เนียนหรอก”
“ก็แล้วยังไงล่ะ นพจะมาคาดคั้นหรือหึงหวงอะไรเต็นตอนนี้”
“ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าไอ้นั่นมันคือกิ๊กใหม่ที่ทำให้เต็นเป็นแบบนี้”
“ก่อนจะโทษคนอื่นช่วยมองให้กว้างก่อนนะนพว่าคนที่เปลี่ยนไปคือใครกันแน่”
“ยอมรับก็ได้ว่านพเปลี่ยนไป แต่เพราะเรื่องานนพถึงต้องเป็นแบบนั้น”
“จะให้เต็นเชื่อเหรอ”
“นั่นก็สุดแล้วแต่เต็น”
“ถ้างั้นเราก็เลิกคุยเรื่องนี้กันเถอะ ขอตัวนะเต็นง่วงนอน”
เต็นเบี่ยงตัวหลบเอาโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอน เด็กหนุ่มเลือกที่จะหลับตาทันทีเมื่อเห็นอีกคนหันมามอง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งลืมตาเมื่อเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าที่โทรศัพท์ดังขึ้น ลางสังหรณ์ใจบางอย่างฉุดให้ต้องดีดตัวลุกขึ้นคิดจะคว้าโทรศัพท์มาดู แต่แล้วก็คว้าได้แค่เพียงอากาศเมื่อมีมือหนึ่งฉวยหยิบเอาไปก่อน
“จะทำอะไรน่ะนพ นั่นมันโทรศัพท์เต็นนะ” เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นยืนเอ่ยถามคนที่ฉวยหยิบโทรศัพท์ตน
“ทำไมเหรอ กลัวว่านพจะรู้จะเห็นอะไรหรือไง” ฝ่ายนั้นตอบกลับมาพร้อมกับก้มลงจัดการกดที่เครื่องโทรศัพท์
เต็นใจเต้นผิดจังหวะเมื่อตอนเห็นคนเพิ่งจัดการกดปุ่มที่เครื่องโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมามองตน เด็กหนุ่มคิดว่าเจ้าตัวคงกดอ่านข้อความที่ใครก็ไม่รู้ส่งมาแล้วแน่ๆ
“ฝันดีนะครับที่รัก อย่าคิดมาก มีอะไรอะไรโทรมา…แชมป์” ประโยคนั่นลอยมากระทบหูในตอนที่ได้มองสบตา เต็นตกใจตัวชาเมื่อได้ยินชื่อคุ้นหูพ่วงท้ายตามประโยคมา
“เต็นขอโทรศัพท์คืนเถอะนพ” เด็กหนุ่มทำใจดีเอ่ยขอของของตนคืน
“ใครคือแชมป์” คำถามที่ได้ยินทำเอายืนแทบไม่ติด กระอึกกระอักอยู่ชั่วครู่จึงตอบ
“เพื่อน”
“คนนั้นใช่มั้ย”
“คนนั้นคนไหนล่ะ”
“มีหลายคนหรือไง”
“นพ !”
“ทำไม พูดแทงใจดำหรือไงถึงมาขึ้นเสียง”
“แทงใจดำอะไร บอกเพื่อนก็เพื่อนสิ เต็นขอโทรศัพท์คืนเถอะ”
“คืนแน่ ไม่ต้องทวงหรอก เอาไป”
เต็นสะดุ้งหน่อยๆ เมื่อเห็นคนตรงหน้าโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง ก่อนที่เจ้าตัวจะจัดการรื้อตู้เสื้อผ้า หยิบชุดง่ายๆ ขึ้นมาสวม เก็บของใช้ส่วนตัวก้าวฉับๆ ไปเปิดประตูแล้วก็พาร่างหายไปพร้อมเสียงปิดประตูดังปัง
“นพ” เด็กหนุ่มได้สติเอ่ยเรียกชื่อคนที่เพิ่งหายออกไปจากห้อง สองขาว่าจะก้าวตามไปแต่เกิดไร้แรงขยับขึ้นมาเสียดื้อๆ จึงทรุดนั่งลงบนเตียงนอนแทน พร้อมเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านข้อความ
เต็นใช้เวลาอ่านทวนข้อความนั้นหลายรอบพลางเกิดสับสนในความคิดตัวเอง อาการเมื่อครู่ของคนที่จากไปดูยังไงก็รู้ว่าเจ้าตัวคงรู้สึกไม่ดีกับเหตุการณ์ที่เจอวันนี้ ใจหนึ่งก็อยากตามไปไปปรับความเข้าใจ แต่อีกใจหนึ่งก็กลับคิดแคร์เจ้าของข้อความซะมากมาย สุดท้ายพอคิดหาคำตอบให้กับหัวใจไม่ได้จึงปล่อยให้น้ำตาไหลอาบสองแก้ม
เช้าวันใหม่ที่บรรยากาศไม่สดชื่นเอาซะเลยสำหรับคนที่นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะมัวแต่คิดว่าจะเอายังไงกับเส้นทางที่จะต้องเลือกเดินต่อไป ความคิดสับสนภายในใจถูกระบายออกมาเป็นหยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า กับคนรักอย่างนพหัวใจก็ผูกพันเหลือเกิน เมื่อนึกถึงวันเวลาดีๆ ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน แต่พอนึกถึงช่วงเวลาหลังๆ ที่เจ้าตัวแปรเปลี่ยนไป หัวใจก็กลับถวิลหาอีกคนที่เข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ แวบหนึ่งนึกอยากจะให้ความคิดสุดท้ายจบลงที่คนรักที่คบกันมา 4 ปี แม้จะต้องแลกกับการยอมรับสภาพว่าความรักมันได้จืดลงแล้วตามวันเวลา แต่อีกแวบหนึ่งก็อยากลองเริ่มต้นใหม่กับคนที่ทำให้หัวใจยิ้มได้ยามอยู่ใกล้ๆ แต่ก็กลัวว่าจะเสี่ยงไปกับการเอาชีวิตทั้งชีวิต หัวใจทั้งหัวใจไปฝากไว้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่นาน
ไอร้อนจากแดดตอนเที่ยงระอุเข้ามาถึงตัวแม้จะนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ภายในมหาวิทยาลัย เต็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองพินิจ เหตุการณ์ที่ทำให้ภายในใจเกิดสับสนทำให้ต้องทำตัวเหลวใหลไม่เข้าเรียนคาบเช้าในทุกรายวิชา เด็กหนุ่มนั่งหลบมุมอยู่เพียงลำพังภายใต้ต้นไม้ใหญ่นี้ตั้งแต่พาตัวเองก้าวเข้ามาในรั้วสถานศึกษาแล้ว ในสมองยังคิดไม่ตกว่าจะติดต่อกลับไปหาใครดีระหว่างคนรักที่ความสัมพันธ์เริ่มจืดจางกับคนเพิ่งรู้จักที่ความผูกพันเริ่มก่อตัว
โทรศัพท์ในมือเกิดอาการสั่นพร้อมเสียงเรียกเข้าดังขึ้นให้ได้ยิน เป็นเหตุให้ความคิดทั้งหมดสะดุดลงในวินาทีนั้น ชื่อของคนที่โทรเข้ามาคือคนที่เพิ่งรู้จักกันนั่นเอง สายตาจ้องมองชื่อนั้นครู่หนึ่งก่อนจะกดปุ่มรับสาย แล้วกรอกเสียงทักทายตอนถือโทรศัพท์มาแนบหู
“ฮัลโหล”
“ฮัลโหล อยู่ไหนน่ะ คุยได้มั้ย” เสียงคนโทรเข้ามาทักกลับ
“อยู่มหา’ ลัยน่ะ” เด็กหนุ่มตอบออกไปสั้นด้วยน้ำเสียงซึมๆ
“เสียงไม่ค่อยดีเลย มีไรหรือเปล่า” อีกฝ่ายคงจะจับน้ำเสียงได้จึงย้อนถาม คนโดนถามจึงเอ่ยปากบอก
“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย”
“ไม่หน่อยแล้วมั้งเสียงเป็นแบบนี้ มีอะไรบอกแชมป์ได้มั้ย”
“เต็นก็อยากบอกนะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง”
“ทำไมล่ะ แชมป์ไม่ใช่คนอื่นคนไกลนะ”
“ก็รู้ เพียงแต่เต็นไม่รู้จะเริ่มยังไงจริงๆ”
“ถ้าไม่สะดวกจะเล่าก็ไม่เป็นไรแล้วนี่ทำอะไรอยู่ กินข้าวเที่ยงไปยัง”
“ยัง”
“อ้าวทำไมยังอ่ะ ไปหาอะไรกินซะนะ เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก”
“เป็นห่วงเหรอ”
“ก็น่าจะรู้อยู่”
“อืมไว้เดี๋ยวจะไปกิน ว่าแต่โทรมามีไร ไหนบอกจะรอให้เต็นโทรไปหาเองไง”
“รอมาครึ่งวันแล้วไม่เห็นโทรมานี่ เลยโทรเองซะเลย คิดถึง”
“ทำปากหวาน ไม่กลัวว่าเต็นจะอยู่กับนพเหรอ”
“คิดว่าตอนนี้เขาน่าจะไปทำงานมั้ง ใช่ป่ะล่ะ”
“ใช่มั้ง”
“อ้าวทำไมตอบอย่างนั้นล่ะ เมื่อเช้าไม่ได้ออกจากห้องพร้อมกันเหรอ”
“เปล่า ก็เรื่องนี้แหละที่เต็นกำลังไม่สบายใจตอนนี้”
“อ่ะแน่ะ ไหนบอกไม่รู้เริ่มต้นเล่ายังไงไง”
“อย่าเพิ่งมาล้อกันได้มั้ย เครียดอยู่นะ”
“ขอโทษคร้าบ อ่ะ ไหนๆ ก็เริ่มต้นเล่าแล้ว เล่าต่อมาเถอะว่าเครียดอะไรอยู่เผื่อแชมป์พอจะช่วยได้”
“แชมป์”
“ครับ”
“ถามอะไรหน่อยสิ”
“ว่ามา”
“แชมป์จริงจังกับความสัมพันธ์ของเราขนาดไหน”
“ทำไมเหรอ”
“เมื่อคืนนพเขาได้อ่านข้อความที่แชมป์ส่งให้เต็น”
“เชี่ยแล้วมั้ยล่ะ”
“อืม”
“แล้วเขาเป็นไงบ้าง”
“ก็ค่อนข้างไม่พอใจ”
“เหรอ งั้นแสดงว่าเขายังแคร์เต็นอยู่น่ะสิ”
“เหมือนจะนะ”
“แล้วถ้ามันเป็นอย่างนั้น เต็นจะเอายังไงต่อไป”
“ก็นี่ไงที่เต็นหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกเต็น แชมป์มาทีหลังแชมป์เข้าใจ”
“ยิ่งแชมป์พูดแบบนี้เต็นยิ่งไม่สบายใจ”
“ทำไมล่ะ”
“แชมป์ทำให้เต็นรู้สึกดีและมีความสุขทุกครั้งที่อยู่ใกล้”
“แล้วไง”
“เต็นยังไม่อยากเลิกคบกับแชมป์ตอนนี้”
“แชมป์ไม่เข้าใจ”
“ก็ถ้านพเขายังแคร์เต็นจริงๆ แล้วเราสองคนกลับมาคบกันอย่างเดิม เต็นก็คงต้องห่างจากแชมป์”
“ทำไมล่ะ เราสองคนไม่สามารถคบกันเป็นเพื่อนต่อไปได้เหรอ”
“แชมป์ทำให้เต็นคิดกับแชมป์มากกว่าคำว่าเพื่อนแล้วน่ะสิ”
“ตะเต็นว่าไงนะ”
“เต็นคิดว่าเต็นระรักแชมป์แล้ว”
“..............”
“แชมป์อย่าเงียบสิ เต็นใจไม่ดีนะ”
“เปล่าแชมป์กำลังคิดอยู่”
“คิดว่า”
“เราสองคนใจตรงกัน”
“เต็นถือว่านี่คือคำตอบจากแชมป์นะ”
“อืม”
“มันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกแชมป์ไม่ใช่เกย์ไง”
“ข้อนั่นมันก็ตอบลำบาก เอาเป็นว่าแชมป์รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เต็นละกัน”
“แล้วเราสองคนจะคบกันได้ยังไง”
“ข้อจำกัดข้อไหนล่ะที่เต็นกลัว ครอบครัว สังคม เพศ หรือแฟนของเต็น”
“จริงๆ มันก็ทุกข้อ แต่ตอนนี้เต็นหนักใจข้อหลัง”
“เคลียร์กับเขาให้เข้าใจละกัน ถ้าเขาจะกลับมารักเต็นอย่างเดิมแชมป์ก็พร้อมจะถอย”
“แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ”
“เราสองคนก็คบกันอย่างเปิดเผยไง”
“สรุปคือทุกอย่างขึ้นอยู่กับนพงั้นเหรอ”
“เต็นหมายถึงอะไร”
“ที่ผ่านมาเต็นให้นพเป็นฝ่ายตัดสินใจมาตลอด มาครั้งนี้เต็นอยากเป็นฝ่ายตัดสินเองบ้าง”
“เต็นจะบอกเลิกเขาเหรอ”
“แชมป์คิดว่าไง เต็นจะดูเลวไปมั้ย”
“อย่าถามความเห็นคนอื่นเลยเต็น ถามใจตัวเองดีกว่า”
“ก็เต็นอยากรู้ใจแชมป์”
“ทำไมเหรอ จะหาเพื่อนร่วมเลวหรือไง”
“ทำไมพูดงี้ล่ะ”
“แชมป์ล้อเล่น เอาเหอะน่า เต็นจะตัดสินใจแบบไหนแชมป์รับได้ทั้งนั้นแหละ ทำในสิ่งที่คิดว่าตัวเองสบายใจและมีความสุขที่สุดแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะพอดีมีสายซ้อน”
“อืมๆ “
“แล้วจะโทรหาใหม่นะ ไปหาข้าวกินด้วย แค่นี้ก่อนนะ”
เสียงสัญญาณขาดหายไปในตอนที่ยังไม่ได้เอ่ยลา เต็นลดโทรศัพท์ลงจากหูจ้องมอง สักพักจึงตัดสินใจกดเบอร์โทรหาใครบางคน
“ฮัลโหลนพ เย็นนี้ว่างมั้ยเต็นมีเรื่องอยากคุยด้วย” เด็กหนุ่มเอ่ยบอกไปยังปลายสาย ก่อนจะหยุดฟังฝ่ายนั้นเอ่ย
“ว่าง มีเรื่องอะไรเหรอ”
“เรื่องของเรา”
“เลิกเรียนกี่โมงล่ะ เดี๋ยวนพแวะไปรับที่มหา’ ลัย”
“ไม่ต้องลำบากหรอก นพสะดวกเจอเต็นได้ที่ไหนก็นัดมาแล้วกันเดี๋ยวเต็นไปเอง”
“งั้นสัก 5 โมงมารอที่หน้าออฟฟิศแล้วกัน แล้วจะไปไหนค่อยว่ากันอีกที แค่นี้นะ จะบ่ายแล้วนพขึ้นตึกก่อน เออแล้วนี่กินข้าวหรือยัง”
“ยังอ่ะ”
“ยังก็ไปหาอะไรกินซะ เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหาหรอก”
“ก็ว่าเดี๋ยวจะไป”
“อืม กินอะไรง่ายๆ ไปก่อนก็ได้เดี๋ยวตอนเย็นค่อยไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน แค่นี้นะ เจอกันตอนเย็น”
“ครับ”
เสียงสัญญาณขาดหายไปตอนเอ่ยจบ จู่ๆ อาการรื้นก็เกิดขึ้นในอกเมื่อถ้อยคำที่เคยห่างจากปากคนรักช่วงหนึ่งได้หวนกลับมาให้ได้ยิน
“นพ ทำไมนพไม่เฉยชากับเต็นดังเดิม นพกลับมาพูดดีกับเต็นอีกทำไม” เด็กหนุ่มเอ่ยรำพันกับตัวเอง เมื่อการกระทำของคนที่เพิ่งวางสายไปทำให้หัวใจเกิดสับสนขึ้นมาอีกครั้ง
อาหารจานโปรดถูกนำมาวางเต็มโต๊ะจากพนักงานบริการ เต็นไล่มองแต่ละอย่างเสร็จจึงเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“มองอะไรกินข้าวสิ เนี่ยของชอบเต็นทั้งนั้น” คนนั้นบอกตอนได้สบตากัน พ่วงท้ายด้วยรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นมานาน
“นพเอาใจเต็นเพื่ออะไรเหรอ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับการเอาใจ
“ชดเชยเวลาที่นพเคยละเลยกับเต็นไง” คำตอบที่ได้ยินทำเอาอึ้ง ก่อนตัดสินใจถามขึ้น
“ทำไมต้องเป็นตอนนี้”
“ก็งานนพเริ่มซาๆ แล้ว”
“นพห่างหายจากเต็นไปเพราะเรื่องงานจริงๆ เหรอ”
“ก็จริงสิ ทำไมเหรอ”
“เต็นเคยคิดว่านพเปลี่ยนไปเพราะเรื่องอื่น”
“คิดว่านพแอบไปมีใครใหม่ใช่มั้ย”
“เหตุการณ์มันพาไป”
“ช่วงนั้นนพงานเยอะจริงๆ นพขอโทษ” เต็นก้มหน้านิ่งเมื่อได้ยินคำขอโทษจากปากคนรัก เด็กหนุ่มรู้สึกรื้นในใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมสถานการณ์มันต้องเป็นเช่นนี้ นาทีนี้เด็กหนุ่มต้องการให้คนอีกฝั่งด้านชาและใจร้ายกับตนให้มากที่สุด เพื่อช่วยให้กล้าๆ เอ่ยในสิ่งที่เตรียมมา
“เต็นเป็นอะไรไปน่ะ” น้ำเสียงอ่อนโยนดังมาให้ได้ยิน อาการรื้นในใจเมื่อครู่ถูกขับออกมาให้นัยน์ตาร้อนผ่าว จำใจเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกคล้ายมีหยดน้ำกำลังซึมอยู่ด้วย
“เต็นร้องไห้ทำไมอ่ะ” คนที่ถามมีสีหน้าตกใจ เด็กหนุ่มรีบหยิบทิชชู่บนโต๊ะขึ้นมาซับนัยน์ตา บอกออกไปด้วยน้ำเสียงเครือๆ
“ไม่มีอะไร เรากินข้าวกันเถอะนะ” บอกเสร็จก็รีบจัดการตักอาหารคำแรกเข้าปาก แต่การกระทำของคนตรงข้ามที่ตักอาหารจานอื่นให้เพิ่มก็สะกิดใจให้เกิดอาการรื้นขึ้นมาอีก จึงมองหน้าเจ้าตัวเอ่ยถาม
“เรื่องเมื่อคืนไม่โกรธเต็นแล้วเหรอ”
“เต็นบอกเขาเป็นเพื่อนไม่ใช่เหรอ” ในใจอึ้งได้อีกกับคำพูดนี้ แต่พยามแข็งใจเอ่ย
“แล้วถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนล่ะ”
“แล้วเขาเป็นอะไร” ในใจเกิดสะท้านจนกายเย็นเยียบเมื่อคนถามจ้องมองหน้าคล้ายรอคำตอบ
“นพเข้าใจว่าเขาเป็นอะไรล่ะ”
“เต็นจะบอกอะไรนพ”
“คนนั้นเขาไม่ใช่แค่เพื่อนเต็นหรอก” บอกออกไปก็ได้แค่ลุ้นว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไงกลับมา แต่เปล่า ไม่มีคำพูดๆ ตอบกลับมา มีแค่เสียงสายตาของเจ้าตัวเท่านั้นที่จ้องหน้านิ่ง
“อย่ามองเต็นแบบนั้นสินพ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตอนที่นพหายไป” เด็กหนุ่มรีบเอ่ยอธิบาย ใจหายเมื่อเห็นคนที่ตรงหน้าหยิบเงินในกระเป๋าวางลงบนโต๊ะอาหารแล้วลุกเดินลิ่วๆ ออกจากร้านไป
“นพรอเต็นด้วย” เด็กหนุ่มลุกเดินตาม ไปทันในตอนที่ฝ่ายนั้นออกจากร้านอาหารไปไม่ไกลนัก จึงรีบคว้ามือเจ้าตัวเอาไว้แล้วเอ่ยบอก
“ฟังเต็นก่อนนพ”
“จะให้ฟังอะไร ทุกอย่างมันชัดแล้วว่าเต็นเป็นอย่างที่นพคิดจริงๆ” ฝ่ายนั้นหยุดหันมาบอก จึงรีบเอ่ยถาม
“นพคิดอะไร”
“คิดว่าเต็นนอกใจไง”
“เต็นบอกแล้วไงว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นตอนนพหายไป”
“แล้วไง นพก็บอกแล้วไงว่านพหายไปเพราะเรื่องงาน”
“พอได้แล้ว เลิกเอาเรื่องงานมาอ้างซะทีเถอะ” เต็นเผลอขึ้นเสียงเมื่อรู้สึกไม่ชอบใจนักกับคำกล่าวอ้างของคนรัก ทุกคำพูด ทุกการกระทำ ทุกการพบเห็นที่ได้เจอมาตอนที่เจ้าตัวทำตัวห่างเหินมันก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าเจ้าตัวต้องการจะตีห่างออกจากตนชัดๆ
“ไอ้นั่นมันสอนให้นพมาขึ้นเสียงกับนพเหรอเต็น” คนตรงหน้าบอกเสียงเย็น แสดงออกถึงอาการข่มอารมณ์บางอย่าง
“ถ้าจะมีคนสอนก็คงจะเป็นนพน่ะแหละที่บีบบังคับให้เต็นแบบนี้ ทำไมนพจะต้องเอาเรื่องงานขึ้นมาอ้างด้วย ทั้งๆ ที่นพก็น่าจะรู้ตัวเองดีว่านพห่างเหินจากเต็นไปเพราะสาเหตุใด เต็นติดต่อไปหลายครั้งน้อยมากที่นพจะรับสาย หรือพอฝากเบอร์ไว้นพก็ไม่ติดต่อกลับ ถ้าคนมันยังมีใจให้กันจะทำกันได้ขนาดนี้เหรอ”
“นพก็เคยบอกเต็นแล้วไม่ใช่เหรอว่าถ้าเต็นเข้าไปในสังคมการทำงานเมื่อไหร่ เต็นจะเข้าใจว่าทำไมนพต้องเป็นแบบนั้น”
“ข้ออ้างอีกน่ะสิ คนมันจะเปลี่ยนก็อย่าเหตุผลใดๆ ยกมาเอ่ยให้ตัวเองดูดีหน่อยเลย”
“สรุปคือเต็นไม่เชื่อนพ”
“จะให้เชื่อได้ยังไงในเมื่อเต็นเคยเจอถุงยางอนามัยในกางเกงนพ” พูดถึงตอนนี้เด็กหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจขึ้นมา ยิ่งเห็นคนตรงหน้าเงียบอึ้งเถียงไม่ออกก็ยิ่งรู้สึกเจ็บเป็นเท่าทวี ไม่ได้เจ็บเพราะเรื่องที่เจ้าตัวจะไปเริงรักกับใคร แต่เจ็บที่เจ้าตัวไม่ยอมรับความจริงถึงสาเหตุที่เปลี่ยนไป คล้ายๆ ว่าจะโยนความผิดฐานนอกใจให้กับตนในเหตุการณ์ที่เกิดตอนนี้
“ถ้านพจะอธิบายเต็นจะฟังมั้ย” คนตรงหน้ายอมเอ่ยปากบอก แต่ในใจมันเริ่มไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วจึงตัดสินใจบอกออกไป
“ไม่ต้องหรอก เต็นไม่อยากรู้สึกไม่ดีกับคำโกหกนพอีกต่อไป เพราะต่อแต่นี้เราคงต่างคนเดินแล้ว ให้เราสองคนจากกันด้วยความรู้สึกดีๆ เถอะนะ”
“เต็นจะเลิกกับนพจริงๆ เหรอ”
“ถึงขั้นนี้แล้วเต็นคิดว่าเราสองคนคงต่อกันไม่ติดแล้วล่ะ ขอบคุณนะสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้เต็นตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา แม้มันจะมาสะดุดเอาตอนท้ายก็ตาม” คนตรงหน้านิ่งเงียบอีกเช่นเดิม พลางก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตา เต็นถอนหายใจเฮือกใหญ่ยกมือขึ้นมาจัดการถอดแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้ายเดินไปยื่นให้กับคนยืนก้มหน้า
“เต็นขอคืนอิสระให้กับนพ” เด็กหนุ่มเอ่ยบอก ใจหายวาบตอนคนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมอง ภาพที่เห็นเต็มสายตาคือนัยน์ตาคนนั้นแดงก่ำและเอ่อซึมด้วยหยดน้ำใสๆ
“นพ” เต็นเอ่ยครางออกมาอย่างรู้สึกไม่ดี ใจสะท้านตอนเห็นน้ำตาหยดแรกของคนตรงหน้าไหลลงอาบแก้มในจังหวะที่เจ้าตัวหยิบแหวนจากมือของตน
“โอเค ต่อแต่นี้ขอให้เต็นโชคดีละกัน” เจ้าตัวบอกด้วยเสียงสั่นเครือพลางฝืนยิ้มให้ ก่อนหันหลังเดินจากไป
เต็นยืนนิ่งไม่มีแรงขยับกับสิ่งที่เจอ เกิดสับสนขึ้นมาว่าสิ่งที่ตนเอ่ยออกไปมันจะทำร้ายจิตใจคนรักที่กำลังจะหมดใจจากตนได้ถึงขนาดทำเจ้าตัวร้องไห้ได้เลยเหรอ สองขากำลังจะก้าวตามคนนั้นไป จะตามไปพูดอะไรในใจก็ยังนึกไม่ออก รู้แค่เพียงว่าเหตุการณ์มันจะจบลงแบบนี้ไม่ได้
ขายังไม่ทันออกก้าว เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เด็กหนุ่มหยิบขึ้นมาดู กดรับสัญญาณเมื่อเห็นว่าเป็นใครติดต่อมา
“ที่รักอยู่ไหนแล้ว” น้ำเสียงร่าเริงทักทายมา จิตใจที่ห่อเหี่ยวเมื่อครู่จึงเริ่มชื้นขึ้นมาบ้าง จึงตอบกลับไป
“มากินข้าวที่ห้างน่ะ”
“ห้างไหน กินกับใคร” น้ำเสียงฝ่ายนั้นคล้ายดุ
“ห้างที่เราเคยมาดูหนังน่ะแหละ มากับนพ”
“อ๋อ เข้าใจกันแล้วเหรอ”
“คงไม่มีวันนั้นแล้วมั้ง”
“ทำไมอ่ะ”
“คือเต็นบอกเลิกเขาไปแล้ว”
“เฮ้ย จริงดิ”
“อืม”
“แล้วเขาว่าไง”
“ก็ไม่ว่าไงนี่”
“จริงเหรอ ไม่ใช่ร้องห่มร้องไห้ไม่ยอมเลิกนะ” เต็นอึ้ง คำพูดเมื่อครู่มันผิดไปแค่ประโยคหลังเท่านั้น
“แล้วถ้าเป็นแบบนั้นล่ะ” เด็กหนุ่มถามหยั่งเชิง
“ถ้าเป็นแบบนั้นแชมป์ก็รู้สึกแย่น่ะสิ ไม่อยากเป็นมือที่สามใครนะ”
“ไม่หรอก คิดมาก นพเขาเข้าใจ จริงๆ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าเต็นจะเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน เพราะเขาเองก็อยากจะเอ่ยมานานแล้ว” เด็กหนุ่มจำใจโกหกออกไป รู้สึกไหวหวั่นเหลือเกินกับคำพูดเมื่อครู่
“อืม อย่างนั้นค่อยสบายใจหน่อย อย่างนี้คืนนี้แชมป์ก็ไปหาเต็นได้แล้วสิ”
“เต็นโสดแล้วนี่ จะมากลัวอะไรล่ะ” เอ่ยออกไปอย่างทีเล่นทีจริง พอได้ยินเสียงหัวเราะและคำพูดหยอกเย้าเช่นเคยของคนอีกฝั่งจึงเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นมา การพูดคุยจึงยาวนานออกไปก่อนจะจบลงด้วยประโยคที่ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
“คืนนี้เตรียมตัวไว้นะ ไม่มีข้ออ้างที่จะเล่นตัวกับแชมป์แล้วนะที่รัก”
โปรดติดตามตอนต่อไป