ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาคต่อของความรัก - ภาคพิเศษ ภาคแห่งความวุ่นวาย END หน้า 13 UP!! 09/02/2019  (อ่าน 71033 ครั้ง)

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 17 How Different



ฉันทัชขับรถกลับบ้านด้วยใจที่ค่อนข้างเบิกบาน การได้อยู่กับหลี่หยางเซิงสั้นๆ ทำให้เขาลืมเรื่องว้าวุ่นใจจนหมดสิ้น ถ้าอยู่กับอีกฝ่ายแล้วรู้สึกสบายใจขนาดนี้ ก็ไม่ยากเกินไปที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับหลี่หยางเซิงใช่หรือเปล่า


ในจังหวะที่ชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน โทรศัพท์พลันส่งเสียงดังบอกให้รู้ว่ามีใครสักคนกำลังโทรเข้ามา เขาหยิบมันขึ้นมาดูแล้วต้องแปลกใจ เท่าที่นึกออก น้อยครั้งนักที่คนนี้จะโทรหา ถ้าหากว่าไม่มีธุระอะไร


เขารับสายและกรอกเสียงลงไป “สวัสดีครับ พี่ปอนด์”


“เทมส์ ยุ่งอยู่หรือเปล่า สะดวกคุยไหม” ศรารัณเป็นอย่างนี้เสมอทุกครั้งเวลาที่โทรมาจะถามถึงความสะดวกของเขาเป็นอันดับแรก แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ทำไมอีกฝ่ายจึงพูดเหมือนคนร้อนรน

“ไม่ยุ่งครับ เทมส์เพิ่งถึงบ้านพอดี ยังไม่ได้ทำอะไร”

“ถ้างั้นมาที่บ้านตอนนี้เลยได้ไหม ถ้าไทน์อยู่ก็พามาพร้อมกันเลยนะ” คำตอบของศรารัณทำให้ฉันทัชต้องขมวดคิ้ว


‘เกิดอะไรขึ้น’


“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ฉันทัชถามออกไปด้วยเสียงไม่ไว้ใจในสถานการณ์

“พี่ยังไม่อยากพูดอะไร ตอนนี้เจ้าปาลมันไม่อยู่ พี่เลยอยากให้รีบมา”

“โอเคครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”


ฉันทัชกระวีกระวาดลงจากรถแล้ววิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปบอกให้อินทัชรู้ตัว หญิงสาวลุกขึ้นยืนจากท่าที่นอนเอื่อยเฉื่อยกดรีโมทโทรทัศน์ไปเรื่อย อินทัชวิ่งขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที แล้วรีบก้าวขึ้นรถอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการแต่งหน้า ผมก็ทำเพียงมัดผมลวกๆ ไว้ง่ายๆ

“เทมส์ว่าจะมีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นหรือเปล่า” อินทัชถามขึ้นเมื่อรถกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่ถนนใหญ่

“ไม่รู้สิ แต่น้ำเสียงพี่ปอนด์ดูรีบร้อนมาก” ฉันทัชตอบโดยไม่ละสายตาจากถนน

“น่าแปลก”

“อืม เทมส์ก็ว่าแปลก แต่ช่างเถอะ ไปถึงก็รู้เองแหละ”


เมื่อรถยนต์ของอินทัชมาจอดเทียบท่าหน้าประตู สองฝาแฝดก็เห็นศรารัณยืนรออยู่ตรงทางเข้าบ้านเรียบร้อยแล้ว สองพี่น้องสบตากันเล็กน้อยก่อนจะลงจากรถยนต์อย่างรวดเร็ว

“เกิดอะไรขึ้นครับ” ฉันทัชถามเมื่อเดินมาถึงตัวศรารัณ

“รีบขึ้นไปหาแม่ก่อนเถอะ”

“แม่!?” อินทัชอุทานออกมา ยกมือทาบอกเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี

“แม่เป็นอะไรครับ” ฉันทัชตาม

“แม่ไม่ค่อยสบาย อย่าเพิ่งถามรายละเอียดกับพี่ตอนนี้เลย เสร็จแล้วค่อยลงมาคุย ตอนนี้ขึ้นไปก่อน”

“ครับ/ค่ะ” สองฝาแฝดเดินขึ้นบันไดไปห้องของคุณหญิงกิ่งกานต์อย่างคนคุ้นทาง สองพี่น้องเดินจับมือกันไปตลอดทาง ความรู้สึกที่ไม่สบายใจแบบนี้ มันหายใจไม่ทั่วท้องเอาเสียเลย มือของทั้งคู่เย็นเยียบหวังจะให้อีกฝ่ายช่วยเยียวยาความอบอุ่นมาให้ แต่ ณ เวลานี้ คงไม่มีใครช่วยใครได้


ฉันทัชเคาะประตูห้องพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอเสียงภายในตอบรับ “เทมส์เข้าไปนะครับ” เขาพูดแบบนั้นก่อนจะผลักประตูให้กว้างขึ้นแล้วเข้าไปทั้งตัว อินทัชที่เดินตามหลังมาปิดประตูลงให้อย่างเบามือด้วยเช่นกัน

“แม่” ฉันทัชเอ่ยเรียกมารดาคนที่สองที่ตนรักไม่น้อยกว่าแม่ของตัวเองด้วยความไม่สบายใจ


ชายหนุ่มเห็นคุณหญิงกิ่งกานต์นอนหลับอยู่บนกลางเตียงใหญ่ด้วยใบหน้าซีดเซียวอันเนื่องมาจากความไม่สบาย เขาเริ่มรู้สึกหายใจติดขัดที่มาเห็นคนที่เคารพรักต้องมาป่วยแบบนี้ เขาก้าวเข้าไปนั่งบนเตียงข้างที่ยังว่าง อินทัชก็นั่งลงข้างตัวพี่ชายพร้อมกัน


ฉันทัชจับมือของคุณหญิงกิ่งกานต์ขึ้นมาด้วยความทะนุถนอม มืออีกข้างถูกเจาะด้วยสายน้ำเกลือ พร้อมกันนั้นมีพยาบาลยืนอยู่ข้างๆ ที่แขวนขวดน้ำเกลือ


อดีตมารดาของคนรักผอมลงใช่ไหม


ฉันทัชสังเกตดูร่างกายที่ผ่ายผอมลงกว่าเดิมจากที่เขาเห็นครั้งล่าสุดเมื่อสามเดือนที่แล้ว เขาทำงานยุ่งมากจนไม่ได้มาหาท่านบ่อยอย่างที่เคยตั้งใจไว้


จังหวะนั้นคุณหญิงกิ่งกานต์เหมือนจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา “เทมส์? ไทน์? มาได้ยังไง” นางทักสองฝาแฝดด้วยเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ พยาบาลรีบหยิบแก้วน้ำพร้อมหลอดดูดมาให้นางดูดเสียอึกใหญ่ก่อนจะนำกลับไปวางที่เดิม คุณหญิงโบกมือเล็กน้อยให้พยาบาลออกไปรอข้างนอก


ฉันทัชรอจนนางพยาบาลออกไปแล้ว จึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “แม่ไม่สบาย เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ลุกขึ้นนั่งหน่อยไหมคะ เดี๋ยวไทน์กับเทมส์ช่วย”

“ก็ดีจ้ะ ช่วยพยุงแม่หน่อย” สองพี่น้องรีบลุกขึ้นกุลีกุจอค่อยๆ พยุงคุณหญิงกิ่งกานต์ขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอย่างเบามือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“แม่ยังไม่ตอบเทมส์เลย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

คุณหญิงยิ้ม พลางส่ายหน้า “มากันได้ยังไง ใครบอก”

“พี่ปอนด์ค่ะ ทำไมแม่ไม่บอกพวกเราว่าไม่สบาย” อินทัชนวดเบาๆ ที่ขาของคุณหญิง

“แม่ไม่อยากให้เป็นห่วงนี่นา”

“แต่มารู้ทีหลัง ก็ยิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิมนะครับ” ฉันทัชพูดขึ้นบ้าง

“โรคคนแก่ก็อย่างนี้แหละจ้ะ สามวันดี สี่วันไข้ เดี๋ยวแม่ก็หาย” คุณหญิงบอกให้ทั้งคู่ได้คลายความกังวล ตบหลังมือของฉันทัชเบาๆ

“หมอว่ายังไงบ้างครับ”

“ไม่ว่ายังไงจ้ะ ให้แม่พักผ่อนเยอะๆ”

“จริงหรือเปล่า แม่แกล้งพูดให้เราสบายใจเฉยๆ ใช่ไหม” อินทัชพูดด้วยความรู้ทัน

“ไม่เชื่อแม่หรือ ถ้าอาการแม่ไม่ดีคิดว่าเจ้าปอนด์กับปาลจะยอมให้แม่มานอนพักที่บ้านหรือจ๊ะ” คุณหญิงย้อนถามกลับ

จะว่าไปก็ถูกอย่างที่คุณหญิงกิ่งกานต์พูด ลูกชายของคุณหญิงคงไม่ปล่อยให้แม่มานอนห่างมือหมอ ถ้าอาการของมารดานั้นยังน่าเป็นห่วง

“หมอบอกไหมครับว่าเมื่อไหร่แม่จะหาย”

“อีกสองสามวันก็ดีขึ้นจ้ะ”

“แม่อยากให้เทมส์หรือไทน์มาเฝ้า คอยดูแลแม่ไหมคะ” อินทัชถามด้วยความคาดหวัง


ปกติแล้วคุณหญิงกิ่งกานต์ไม่ใช่คนที่จะเจ็บไข้ได้ป่วยง่ายนัก นางค่อนข้างแข็งแรงเพราะทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายกับกลุ่มคุณหญิงด้วยกัน ไม่ค่อยเครียด แต่คนที่ไม่ค่อยป่วยนี่แหละที่น่าเป็นห่วง เพราะพอป่วยครั้งหนึ่งมักจะเป็นหนักมากกว่าคนอื่น

“ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวแม่ก็หายแล้ว” คุณหญิงย้ำคำเดิมให้เด็กๆ สบายใจ

“แม่กังวลอะไรหรือเปล่า เทมส์มาได้นะครับ ต่อให้ปาลอยู่ เทมส์ก็มาได้” ฉันทัชพูดอย่างไม่หวั่นเกรง

“เด็กโง่ แม่ไม่ได้กังวลเรื่องนั้นหรอก” คุณหญิงยกมือลูบใบหน้าของอดีตคนรักลูกชายเบาๆ ด้วยความรักใคร่


นางไม่อยากให้ทั้งสองคนมาคอยเฝ้าหรอก สิ่งสุดท้ายที่สองพี่น้องนี้ไม่อยากทำมากที่สุดคือเรื่องนี้ คุณหญิงกิ่งกานต์รู้ดีว่า สองคนนี้ไม่ปรารถนาจะเฝ้าไข้เลยแม้แต่น้อย เพราะฝาแฝดคู่นี้ผลัดกันเฝ้าไข้แม่บังเกิดเกล้าของตัวเองจนกระทั่งมารดาของทั้งคู่จากไปต่อหน้าต่อตา


ความทรงจำที่คุณหญิงไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องเจออีก


“แม่..แต่ไทน์อยากดูแลแม่นะ” หญิงสาวว่าแล้วก็ก้มลงไปกอดเอวของคุณหญิงเอาไว้ด้วยความออดอ้อน

“เด็กดื้อ” คุณหญิงลูบเส้นผมของอินทัชพลางหัวเราะออกมาด้วยความสุข

“แล้วได้ไหมอะคะ”

“ไปทำงานเถอะลูก แม่ไม่เป็นไร” คุณหญิงตัดบท

ฉันทัชมองอย่างมารดาของปาณัสม์ด้วยใจที่ยังหนักอึ้ง เขาทำท่าจะพูดอะไร แต่ก็ถูกคุณหญิงแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ช่วยพาแม่นอนหน่อยสิจ๊ะ แม่เพลียแล้ว”

“ครับ/ค่ะ” สองพี่น้องรีบลุกขึ้นทำตามคำขอของคนสูงวัยทันที

“สบายหรือยังครับ” ฉันทัชถามด้วยความเป็นห่วง

“สบายแล้วจ้ะ ตอนออกไปเรียกคุณพยาบาลให้เข้ามาหาแม่ด้วยนะ” เป็นอันว่าคุณหญิงไม่อยากจะให้สองแฝดอยู่ต่ออีก

“ครับ งั้นเทมส์ออกไปนะ”

“จ้ะ ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก”

“ไทน์รักแม่นะ” อินทัชหอมแก้มมารดาคนที่สองของตัวเอง

“เทมส์ก็รักแม่ครับ” ฉันทัชทำเหมือนที่น้องสาวทำก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปข้างนอกและปิดประตูลงดังเดิม


พอออกมานอกห้อง สองพี่น้องพากันถอนหายใจ ทำไมพวกเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับคำพูดของคุณหญิงกิ่งกานต์เลย ฉันทัชเดินไปหาพยาบาลตามที่คุณหญิงสั่งไว้ เสร็จแล้วจึงลงไปข้างล่าง

“เรียบร้อยไหม นั่งก่อนสิ” ศรารัณนั่งรอทั้งคู่อยู่ข้างล่าง

“แม่เป็นอะไรหรือพี่ปอนด์” ฉันทัชถาม

“เมื่อสองวันก่อนแม่หน้ามืด แล้วก็ล้มในห้อง” ศรารัณตอบเสียงเรียบ

“แม่” อินทัชครวญ นัยน์ตาของหญิงสาวเริ่มมีน้ำตาคลอเบาๆ

“แล้วตอนนี้?” ฉันทัชพยายามดึงสติออกมาไว้กับตนเองให้มากที่สุด กระนั้นมือก็ยังประสานแน่นบนตัก

“ไม่เป็นไรแล้ว โชคดีที่ล้มบนที่นอน เลยไม่เป็นอะไรมาก แต่หมออยากให้พักเยอะๆ”

“แล้วทำไมพี่ปอนด์ไม่บอกพวกเราก่อนหน้านี้ล่ะครับ” ฉันทัชถาม เรื่องผ่านมาตั้งสองวันแล้วทำไมถึงเพิ่งมาบอกกัน

“พี่อยากบอกเราสองคนตั้งแต่วันเกิดเรื่องแล้ว รู้ว่าต้องเป็นห่วงแน่ๆ แต่แม่กับปาล ขอพี่ไว้เสียก่อน”

“ทำไมคะ” อินทัชไม่เข้าใจ

“ไม่รู้จริงๆ เหรอว่าสองคนนั้นห่วงความรู้สึกพวกเธอมากแค่ไหน” ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่แต่ ศรารัณก็เลือกที่จะยิ้ม

“ไทน์คงไม่ใช่เหตุผลนั้นหรอก” อินทัชเลยหัวเราะตาม เพราะพอเริ่มเข้าใจเค้าลางความหมายของศรารัณบ้างแล้ว

“ไทน์มีส่วนอยู่แล้ว แม่ไม่อยากให้เทมส์กับไทน์รู้เรื่องที่แม่ป่วย เพราะกลัวเราสองคนจะไม่สบายใจ ส่วนเจ้าปาล มันห่วงเทมส์เสมอนั่นแหละ มันรู้ว่าเทมส์ไม่ค่อยอยากจดจำภาพและความรู้สึกตอนที่เฝ้าไข้แม่ที่ป่วยก่อนที่เขาจะเสีย”


ฉันทัชเงียบ อินทัชก็เงียบ คำพูดของศรารัณที่บอกความคิดของปาณัสม์นั้นถูกต้องทุกอย่าง


“แต่สุดท้ายเป็นพี่เองที่ผิดคำพูดกับแม่และปาล เพราะพี่รู้ว่าแม่คิดถึง อยากเจอเราทั้งคู่ รู้สึกเหมือนตกกระป๋องยังไงก็ไม่รู้ เริ่มเข้าใจความรู้สึกของเจ้าปาลละเวลาที่มันบ่นว่าแม่ไม่รัก” ศรารัณยังพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศนั้นดูเครียดจนเกินไป

“ไม่หรอกครับ แม่รักพี่ปอนด์และปาลมาก” ฉันทัชพูด

“พี่รู้ แต่แม่ห่วงเราสองคนมากนะ”

“เทมส์มาเยี่ยมแม่ได้ไหมพี่ปอนด์”

“มาสิ มาเถอะ ไม่เป็นไรใช่ไหมล่ะ ถ้าจะเจอปาล เพราะคงเลี่ยงที่จะไม่เจอกันยากไปสักหน่อย”

“ไม่เป็นไรครับ เทมส์โอเค”

“เดี๋ยวไทน์มาด้วย”

“พี่ไม่ได้เจอทั้งสองคนมาสักพักใหญ่เลย สบายดีกันนะ”

“ครับ ผมกับไทน์สบายดี ได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้น้องปุณณ์ไม่สบายหรือครับ เป็นไงบ้าง”

“อืม หายดีแล้ว ตอนนั้นพี่ใจหายใจคว่ำไปหมด ดีว่าได้เจ้าปาลมันคอยจัดการธุระอื่นๆ แทนให้ทุกอย่าง แถมยังเฝ้าไข้หลานให้อีกสองคืน อ้อ..พี่ขอโทษด้วยที่ต้องให้น้องปัณณ์ไปค้างกับเทมส์ตอนนั้น ต้องรบกวนอยู่บ่อยๆ เลย”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ปอนด์ก็รู้ว่าเทมส์ยินดีดูแลน้องปัณณ์เสมอ”

“ไทน์ก็โอเคค่ะ มาค้างได้ตลอดเวลา” หญิงสาวบอก

“น้องปัณณ์ติดเทมส์มาก พี่เองก็ไม่แปลกใจ เลี้ยงกันมาตั้งแต่เด็กนี่นะ”

“แล้วน้องปัณณ์ไปไหนครับ” พอพูดถึงหลาน ฉันทัชก็อยากเจอ

“อยู่บนห้อง ให้ช่วยเลี้ยงน้องจะได้รักกันไว้ อยากเจอหลานหรือ”

“ครับ” ฉันทัชบอก แต่อินทัชก็ขัดขึ้น

“ไว้วันหลังดีกว่าเทมส์ เริ่มดึกแล้ว”

“จริงด้วยสินะ” พออินทัชพูดขึ้น ฉันทัชจึงเห็นตามที่น้องสาวว่า

“รีบกลับก่อนก็ดี อีกสักพักปาลคงกลับมาพร้อมกับชัด” ศรารัณพูดขึ้นบ้าง “พี่ให้สองคนนั้นไปทำธุระแทนพี่เองล่ะ จะได้เปิดทางให้เทมส์กับไทน์มาบ้าน”

“เหมือนหลบซ่อนเลย” อินทัชแซว

“พี่ไม่อยากให้เทมส์ลำบากใจ และไทน์จะได้ไม่ต้องทะเลาะกับปาลไง”

“ขอบคุณค่ะ พี่ปอนด์นี่รู้ใจน้องที่สุดเลย”

“ไม่ได้สิ เรื่องผู้หญิงพี่ควรต้องเดาใจเขาให้ได้ ยิ่งมีลูกสาว พี่ยิ่งต้องหัดสังเกตมากขึ้น หนุ่มหน้าไหนจะได้ไม่กล้าแหย็มเข้ามา” ศรารัณพูดอย่างมาดมั่นตามประสาคุณพ่อที่หวงลูกสาว

“น้องปัณณ์เพิ่งแปดขวดเองพี่ปอนด์” ฉันทัชท้วง

“ไม่ได้ๆ พี่ต้องเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”

“เตรียมไว้หนวดได้แล้วนะคะ” อินทัชแนะนำ

“ไทน์รู้ได้ไง ว่าพี่คิดจะไว้หนวด แต่เกดไม่ชอบ พี่ลำบากใจมากเลย”

“ไทน์พูดเล่นค่ะ นี่พี่ปอนด์เอาจริงเหรอ”

“จริงสิ พี่หวงน้องปัณณ์มากนะ”

“สงสัยน้องปัณณ์จะไม่มีแฟนแน่ๆ” อินทัชพึมพำ เริ่มสงสารชะตาอนาคตของหลานสาว

“น้องปัณณ์อ้อนคุณพ่อไม่ยากหรอก แต่ปาลน่ะสิ น่าจะอาการหนักกว่าพี่ปอนด์” ฉันทัชพูดขึ้นมาบ้าง

“เทมส์รู้ได้ไงอะ” หญิงสาวถาม

“คนขี้หวงอย่างปาล เดาไม่ยากหรอก” แฝดพี่บอกอย่างมั่นใจ

“เทมส์พูดถูก นี่เวลาน้องปัณณ์จะไปเล่นบ้านเพื่อน เจ้าปาลมันเช็กแล้วเช็กอีกว่าเพื่อนที่ไหน ผู้หญิงผู้ชาย ไปกี่คน หนักกว่าพี่กับเกดอีก”

“นั่นไง เห็นไหม” ฉันทัชบอกน้องสาว

“ปะ เทมส์ งั้นกลับกันเถอะ” อินทัชบอกพี่ชาย

“อืม”

“ขอบใจนะที่มาหาแม่ จริงๆ พี่ก็ไม่อยากให้ปาลมันไปทำธุระให้วันนี้หรอก เมื่อวันศุกร์มันก็ต้องไปรับหน้าที่ดูแลลูกสาวนักธุรกิจ มันบ่นพี่จนหูชา แล้ววันนี้พี่ก็นัดเขาเองแต่ดันให้มันไปอีก คงสวดพี่อยู่ในใจน่าดู”

“ร้านนั้นหรือเปล่าครับ” จู่ๆ ฉันทัชพูดถึงชื่อร้านที่เขาเจอชัดเจนเมื่อวันศุกร์

“ใช่ เทมส์รู้ได้ไง”

“ผมเจอชัดที่หน้าร้าน ยังถามชัดอยู่เลยว่าทำไมไม่เข้าไปนั่งข้างใน”

“ทีแรกพี่จะให้เกศสิรี เอ่อ เลขาปาลน่ะ จำได้ไหม”


ฉันทัชพยักหน้าว่าจำได้ “พี่ไม่อยากให้เขาไป เลี่ยงการปะทะเพราะอีกฝั่งน่ะ อารมณ์ร้ายไม่เบา และพอให้ชัดเจนไปแทนเขาก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากให้ชัดเข้าไปนั่งด้วย ปาลมันก็ลำบากใจ เลยต้องรีบคุย ถ้าเซ็นสัญญาเสร็จเมื่อไหร่มันคงดีใจ พี่ก็ด้วย”


คำตอบของศรารัณนั้น ถ้าจะบอกว่ามันเหมือนที่ชัดเจนบอกเขา ฟังเผินๆ ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่พอได้ยินแบบนี้ เขาเริ่มรู้สึกตงิดๆ เล็กน้อย

“เหรอครับ”

“เทมส์ก็รู้ใช่ไหมปกติถ้าไปทำธุระข้างนอกปาลจะไปกับชัด แต่ช่วงหลังพี่ดึงชัดมาทำงานให้พี่เยอะ เกศสิรีเลยต้องไปข้างนอกกับปาลบ่อยขึ้น มันก็บ่นนะ ขอไปคนเดียวจะสะดวกกว่า แต่พี่ก็ท้วงไว้ ยังไงมีเลขาก็ควรเอาไปช่วยงาน”

และอีกหนึ่งคำพูดของศรารัณทำให้ฉันทัชคิดไปถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของชัดเจนอีกระลอก


“คุณปาลสั่งให้ผมไม่ต้องไปครับ ผมเองก็ไม่กล้าถาม”


“ไม่ใช่ปาลสั่งให้ชัดไม่ต้องไปหรือครับ” ฉันทัชจึงถามเพื่อให้คลายความสงสัย

“เปล่า พี่สั่งเอง ปาลมันฮึดฮัดแต่ก็ยอมทำตาม ทำไมเหรอ”

“ไม่มีอะไรครับ ผมถามดูเฉยๆ”

“หึงหรือไง” อินทัชเย้าพี่ชาย

“บ้า เลิกกันแล้วจะหึงทำไม”

“ถ้ายังหึงกันอยู่ พี่ก็ดีใจนะ” ศรารัณพูดขึ้น “อย่างน้อยพี่ยังได้รู้ว่าเจ้าปาลมันอาจจะพอมีหวังบ้าง พี่ไม่ได้เข้าข้างมันเพราะว่าเป็นน้องชายพี่หรอกนะ อย่างน้อยเท่าที่พี่รู้ มันก็ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมแล้ว ถ้ามีโอกาสพี่ก็อยากให้ลองพิจารณาเรื่องของมันอีกครั้ง”

“พี่ปอนด์ออกตัวแทน พูดให้เลย” อินทัชบอก

“พี่ก็ทำได้แค่พูด ส่วนการตัดสินใจน่ะ เป็นของเทมส์”

“ครับ พี่ปอนด์” ฉันทัชรับคำ แต่เลือกไม่พูดอะไรต่อ

“เอาเถอะ ขับรถกลับกันดีๆ นะ”

“ไปนะคะ พี่ปอนด์”

“ครับ”




....




“เทมส์ถามอะไรไทน์หน่อยสิ” คราวนี้หน้าที่คนขับตกเป็นของอินทัช

“เรื่องปาลเหรอ” อินทัชถาม

“เปล่า เรื่องชัดเจนน่ะ”

“หืม มีอะไร เคลียร์กันไปแล้วนี่”

“เคลียร์ก็เหมือนไม่เคลียร์” ฉันทัชตอบ “แต่เอาเรื่องนั้นไว้ก่อน เทมส์อยากถามว่า ไทน์คิดว่าชัดเป็น
คนยังไง”

“มาถามอะไรไทน์เล่า ไทน์ไม่ได้สนิทกับชัดเสียหน่อย” อินทัชว่า

“เหรอ งั้นแค่..ถ้ามองจากภายนอกล่ะ”

“ชัดเจนหน้าตาดีนะ” อินทัชหัวเราะ​ “อันนี้พูดจริง หน้าตาก็น่าเชื่อถือ เวลาคุยก็สุภาพ เทมส์ถามทำไมอะ”

“ไทน์ก็เห็นว่าชัดมาจีบเทมส์ แต่คนบ้านเขาเหมือนไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลย ว่าไหม”

อินทัชเงียบเหมือนใช้ความคิด “ไม่มีใครรู้ตัวจริงด้วย ยิ่งพี่ปอนด์พูดอีก แบบนี้ยิ่งย้ำให้เห็นว่า ไม่มีคนรู้เรื่องนี้เลย”

“ใช่ไหมล่ะ”

“แต่เทมส์ลองคิดอีกแง่สิ ชัดอยากจะจีบเทมส์ให้ติดก่อนหรือเปล่า ขืนบอกไปตอนนี้ทุกคนอาจจะลำบากใจก็ได้จริงไหม”

“ก็จริง”

“ถ้าอยากรู้คงต้องถามชัดให้ชัดเจน แต่เทมส์ไม่ได้คิดจะคบกับชัดอยู่แล้วนี่ ถามไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ปล่อยให้เรื่องเงียบไปดีกว่าไหม”

“อืม”

“อย่าคิดมาก เรื่องชัดน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”


อินทัชกล่าวทิ้งท้ายให้พี่ชายไม่ต้องคิดเรื่องของชัดเจนอีก




========================================
มันจะเอื่อยๆ หน่อยนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนต์นะคะ อ่านไปยิ้มไป

เจอกันวันศุกร์ค่ะ


HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao4: เทมส์เริ่มรู้ความจริงเเล้ว

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หรือมีพลิกล็อค ชัดแอบรักปาล

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ชัดเจนร้ายเงียบจริงๆ

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
สุดท้ายชัดรักปาล 5555555 คดีพลิกแรงมากนะคะถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ  o22

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
 เขาจะมูฟออนละนะปาล ;-;
ตงิดใจกับคำพูดของชัดเจนเยอะๆนะเทมส์

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1


ชัดเจนน่าจะร้ายลึก รอจังหวะเสียบเข้าหาเทมส์

เทมส์ฉลาดพอเริ่มมองออกละ ช่างสังเกตและเอาใจใส่

ส่วนปาลน่ะตรงไปตรงมา  ไม่ละเอียด อาจยังสับสนกับตัวเอง แต่ซื่อสัตย์นะ

เพราะเท่าที่อ่านมา ตกลงยังไม่สามารถฟีเจอริ่งกับใครเลยนอกจากน้องจันทร์คนเดียว

 :katai5: :katai5:   :katai5:  :katai5:  :katai5:   :katai5:






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ชัดเจนคงอยากทำให้มั่นใจว่า
เมื่อปาลติดลบเทมคงไม่มีทางกลับไปแน่

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชัดเจนพูดอะไรไม่เคยชัดเจนเล๊ยย ปาลยังอยู่ที่เดิมในขณะที่เทมส์คิดจะเดินไปข้างหน้าแล้ว คุณชายหลี่ก็น่ารักนะเทมส์ :ruready

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ปาลคือพระเอกที่มีบทน้อย (แต่ค่าตัวแพง)  :mc4:

...แต่ยังไงก็ได้เป็นพระเอกแหละเนาะ  :a5: :a5:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชัดอาจจะแค่อยากตัดศัตรูหัวใจเลยเล่นไม่ซื่อนิด ๆ มั้ง

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 18 What does it mean?




“อ้าว คุณปาล มาได้ยังไง หรือว่ามาหาไอ้ชัดมันครับ” ลุงชม พ่อของชัดเจนเอ่ยถามเจ้านาย เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาในเขตบริเวณที่พักของเขา


บ้านของลุงชมอยู่ในเขตรั้วเดียวกับบ้านคุณหญิงกิ่งกานต์ เนื่องจากลุงชมเป็นคนเก่าคนแก่ตั้งแต่คุณหญิงแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลนี้ใหม่ๆ พอวันหนึ่งลุงชมมีบุตรชายขึ้นมา คุณหญิงจึงให้คนมาสร้างบ้านสำหรับสามคนพ่อแม่ลูกให้มีที่อยู่เป็นสัดส่วนไม่ปะปนกับใคร


บ้านสองชั้น มีสองห้องนอน สามห้องน้ำ ตั้งอยู่ทางด้านหลังของบ้านใหญ่ โดยปกติชัดเจนจะเข้าบ้านโดยการเดินผ่านเข้าไปในตัวบ้านของคุณหญิงกิ่งกานต์แล้วทะลุออกทางครัว สาเหตุที่เขาต้องเดินเข้ามาในบ้านใหญ่ ไม่อ้อมข้างบ้านไปก็เพราะลูกชายเจ้านายสองคน ทั้งศรารัณและปาณัสม์ชอบลากชัดเจนเข้ามาในบ้านด้วย ทำให้ชัดเจนเคยชินกับการเดินกลับบ้านด้วยเส้นทางนี้


“ใช่ครับ” ปาณัสม์ชะโงกมองเข้าไปในบ้าน

“จะให้มันไปขับรถให้ใช่ไหมครับ แต่เอ วันนี้ไอ้ชัดไปกับคุณปอนด์ ไอ้ชัดมันไม่ได้บอกคุณปาลหรือครับ ถ้ายังไงให้ลุงขับให้ไหม” ลุงชมบอกพลางล้างมือ ปิดน้ำและเก็บสายยางให้เรียบร้อย

“ชัดบอกผมแล้วลุงชม แต่ผมนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานลืมเอกสารไว้ในรถ หาในรถแล้วไม่เจอ คิดว่าชัดอาจจะหยิบติดมือมาด้วย”

“งั้นหรือครับ คุณปาลเข้าไปดูในห้องมันก่อนไหม เผื่อว่ามันจะหยิบมาด้วยจริงๆ”

“เข้าไปได้ใช่ไหมครับ” ถ้ามองด้วยความเป็นจริง บ้านที่ลุงชมอยู่ก็เป็นบ้านของเขาเช่นกัน แต่ชายหนุ่มไม่อยากถือวิสาสะ เสียมารยาท เพราะอย่างไรลุงชมก็อยู่บ้านนี้

“ตามสบายเลยครับ ห้องไอ้ชัดไม่ได้ล็อกหรอก จำห้องมันได้ใช่ไหมครับ”

“จำได้ครับ” ปาณัสม์ตอบ เพราะตอนเด็กๆ ก็ชอบมาเล่นที่ห้องชัดเจนเหมือนกัน เวลาหนีมารดาที่เอาแต่บ่นเขาเรื่องนั้นเรื่องนี้

“ครับ ห้องเดิมเลย”

“ผมเข้าไปนะ ลุงชม” ปาณัสม์บอกให้อีกฝ่ายรับทราบ แล้วจึงหายลับเข้าไปในตัวบ้าน



ตั้งแต่เติบโตขึ้น มีสังคมที่แตกต่างออกไปจนเข้าสู่วัยทำงาน ปาณัสม์ก็ไม่ได้มาที่บ้านหลังนี้อีกเลย เขากวาดตามองไปรอบๆ ทุกอย่างยังคล้ายกับวันวานวัยเด็ก อาจจะมีเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องเรือนบางอย่างที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามเวลา ขายาวสาวเท้าไปห้องของชัดเจน



ปาณัสม์เปิดประตูออก เขาก้าวเข้าไปด้านใน ห้องของชัดเจนยังเหมือนเดิมนอกจากเตียงที่ถูกเปลี่ยนจากขนาดเล็กให้เป็นขนาดใหญ่กว่าเดิมตามร่างกายของเจ้าของห้อง เขาเดินไปที่โต๊ะตัวหนึ่งคล้ายกับโต๊ะทำงาน บนโต๊ะมีแฟ้ม กระดาษ ปากกา และยังมีของจุกจิกเล็กน้อยวางอยู่ เรียกได้ว่าโต๊ะตัวนี้คงเป็นโต๊ะอเนกประสงค์กระมัง



ชายหนุ่มเห็นแฟ้มสีดำคุ้นตา ปาณัสม์หยิบแฟ้มนั้นขึ้น พลางยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความดีใจ ชัดเจนหยิบมาด้วยจริงๆ ถ้าหายไปนี่ ยุ่งเลย เนื้อหาข้างในเป็นข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้าในล็อตแรกที่จะส่งไปฮ่องกง งานนี้ค่อนข้างสำคัญมากสำหรับเขาในการเปิดตลาดที่นั่น ก้องภพมีความเป็นมืออาชีพสูงมาก เขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวังเหมือนเด็กกำลังเล่นขายของ ดังนั้นเขาจึงคาดหวังกับงานนี้พอสมควร



ผู้มาเยือนเปิดแฟ้มออกมาดู ปาณัสม์แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา มันไม่ใช่เอกสารที่เขาต้องการ กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากแฟ้มตกไปที่พื้น ปาณัสม์ก้มลงไปหยิบ จังหวะที่เขาเงยหน้า ชายหนุ่มเห็นลายกระดาษโพสต์อิทคุ้นตาเหมือนที่ฉันทัชชอบใช้เป็นประจำถูกหมุดปักอยู่ตรงกระดานบอร์ดเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประมาณจากสายตาแล้วน่าจะมีขนาดความยาวหนึ่งไม้บรรทัดตั้งอยู่บนโต๊ะ บนกระดานบอร์ดมีกระดาษโน้ตอะไรหลายอย่างที่ถูกปักหมุดอยู่ แต่ที่สะดุดตาที่สุดสำหรับปาณัสม์คงเป็นกระดาษแผ่นนั้น




            ‘วันนี้ไปนอนบ้านไทน์
                                    CHAN’






            ‘ลายมือนี้?’



ใช่ เป็นลายมือของฉันทัช เขาไม่มีวันลืมลายมือนี้ไปได้ สมองของปาณัสม์กำลังทำงานอย่างหนัก โพสต์อิทใบนี้มาอยู่กับชัดเจนได้อย่างไร ปาณัสม์ละสายตาจากโพสต์อิทใบนั้น เขามองกระดาษในมือของตัวเอง มันเป็นรายละเอียดที่เขาเซ็นอนุมัติให้มีการผลิตสินค้าล็อตแรกกับโรงงานที่เป็นผู้ผลิตสินค้า



ปาณัสม์เปิดแฟ้ม หมายจะเก็บกระดาษลงในแฟ้มให้เรียบร้อย จังหวะที่เขาเปิดมันออก เขาก็เห็นกระดาษอีกใบที่มีข้อความเหมือนกับแผ่นนี้ไม่ผิดเพี้ยน ปาณัสม์นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงนั้น สายตาเพ่งพิศดูด้วยความไม่สบายใจ ทำไมถึงมีการก๊อบปี้กระดาษอีกใบ


ชายหนุ่มนำกระดาษสองใบนั้นมาเทียบกัน ทุกอย่างเหมือนกันหมดจนเขาเกือบจะกดโทรศัพท์ไปถามชัดเจนเสียแล้วว่าทำไมถึงมีกระดาษสองใบ ปริ้นต์มาเกินอย่างนั้นหรือ ทว่าอ่านจนเกือบใกล้จะหมดข้อความในกระดาษแล้วเขาจึงเห็นว่า มันมีความแตกต่างกันอยู่ตรงนี้อย่างชัดเจนว่า



อนุมัติ  กับ ไม่อนุมัติ



ใบที่อนุมัติให้มีการผลิตนั้นถูกต้องแล้ว เขาจำได้ว่าจรดปากกาเซ็นเองกับมือ แต่อีกใบ ปาณัสม์มั่นใจว่าไม่ได้เซ็นแน่นอน ถึงงานจะรีบแค่ไหน แต่เขาอ่านเอกสารทุกใบด้วยตัวเอง


หรืออาจจะเป็นศรารัณ?


ปาณัสม์คิดเผื่อไว้ แต่ไม่ทันไร ลายเซ็นข้างล่างสุดก็ยืนยันว่ามันเป็นลายเซ็นของเขา ไม่ใช่ของศรารัณ


เดี๋ยวนะ?



มันเป็นลายเซ็นของเขาแน่หรือ เขาดูไม่ออกเลย เหมือนกันจนคิดว่าเขาอาจจะเผลอเซ็นไปแน่ๆ ถ้าหากเขาไม่ได้ใส่ใจกับโปรเจ็กนี้


เสียงเคาะประตู ทำให้ปาณัสม์ตกใจ เขารีบเก็บทุกอย่างให้คืนดังเดิม ลุงชมโผล่หน้าเข้ามาด้วยความเกรงใจ


“เจอไหมครับ”

ปาณัสม์ส่ายหน้า “ไม่เจอครับลุงชม สงสัยผมคงจำผิด อาจจะลืมทิ้งไว้ที่ทำงาน”

“พักผ่อนหน่อยดีไหมครับ โหมงานเกินไปแบบนี้ ลุงเป็นห่วง”

“ขอบคุณครับลุง เร็วๆ นี้คงเบาขึ้นแล้วล่ะ”

“ดีแล้วครับ”

“ถ้างั้นผมไปทำงานก่อนนะลุงชม”

“ให้ลุงไปส่งไหม”

“ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมคงไปหลายที่” ปาณัสม์ปฏิเสธ

“ถ้างั้น ขับรถดีๆ นะครับ” ลุงชมอวยพรให้ลูกชายเจ้านาย

“ครับ”



พอออกมาจากบ้านของลุงชมและชัดเจนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก้าวเข้าไปนั่งในรถในตำแหน่งที่นั่งคนขับรถ ปกติแล้วปาณัสม์ไม่ค่อยขับรถเพราะมีชัดเจนคอยทำหน้าที่นี้ให้ นานๆ ได้ขับทีก็ดูเหมือนจะช่วยเบี่ยงเบนความคิดที่เขากำลังสงสัยไว้ได้มากพอสมควร


ปาณัสม์มาถึงที่ทำงานก็เจอเกศสิรีนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธออยู่ก่อนแล้ว “คุณสิ”

“สวัสดีค่ะ บอส” เกศสิรีลุกขึ้นไหว้เจ้านาย

“เอกสารสัญญาสินค้าล็อตแรกที่จะส่งไปฮ่องกง ไฟล์ยังอยู่ไหม”

“อยู่ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” เกศสิรีถามด้วยความสงสัย

“ปริ้นต์มาให้ผมใหม่ที แล้วเอาไปให้ผมเซ็นด้วย ด่วนเลยนะครับ”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำ ปาณัสม์เข้าห้องไปทันทีที่สั่งงานเสร็จ


ไม่เกินอึดใจรอ กระดาษที่ถูกปริ้นต์มาใหม่เหมือนกับที่อยู่ในห้องนอนของชัดเจนก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา เขารับมันมาเปิดอ่านอีกครั้งว่าถูกต้องก่อนจะเซ็นอนุมัติใหม่อีกครั้ง

“มีอะไรหรือเปล่าคะ บอส” เกศสิรีถามใหม่อีกครั้งเพราะเจ้านายเธอเพิ่งจะเซ็นเอกสารไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง หรือมันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ใช่เพราะปาณัสม์ให้เธอปริ้นต์มาโดยไม่มีการแก้ไขใดๆ

“ใบเก่าผมทำหายน่ะ”

“อ้อค่ะ ให้สิเอาลงไปส่งให้ฝ่ายจัดซื้อเลยไหมคะ” เกศสิรีรู้สึกถึงคำตอบแปลกๆ ของปาณัสม์แต่ก็ไม่ท้วงอะไร

“โทรลงไปบอกเขาก็พอว่าเคสนี้ เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง” คำตอบของปาณัสม์ทำให้เกศสิรีนิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความสงสัยอีกครั้ง แต่เธอฉลาดพอที่จะไม่ถาม

“ได้ค่ะ”

“กำชับไปด้วยว่า ถ้ามีใครเอาเอกสารเรื่องนี้ไปให้โดยที่ไม่มีคำสั่งจากผม ให้มาถามผมก่อนทุกกรณี ห้ามทำอะไรเองโดยพลการเด็ดขาด” ปาณัสม์บอกเสียงขรึม ไร้วี่แววการพูดเล่นใดๆ

“ค่ะ สิจะบอกหัวหน้าฝ่ายให้เรียบร้อยค่ะ”

“แล้ววันนี้ผมมีประชุมไหม”

“บอสมีประชุมช่วงบ่ายกับฝ่ายขาย”

“แจ้งยกเลิกให้หมด ผมจะออกไปข้างนอกและไม่กลับเข้ามาอีก มีอะไรให้ฝากคุณไว้ก่อน ถ้าเป็นเรื่องด่วนค่อยโทรมาหาผม เข้าใจหรือเปล่า” ปาณัสม์ถามทั้งที่ไม่เงยหน้าจากเอกสารตรงหน้าอีกสองสามแผ่น

“เข้าใจค่ะ”

“ดี ผมไปล่ะ ถ้าพี่ปอนด์กับชัดถามหา ให้บอกว่าผมออกไปคุยงานกับลูกค้าข้างนอกแล้วกัน”

“รับทราบค่ะ”

“พรุ่งนี้ให้คุณพิธานเข้ามาพบผมที่ห้องตอนสิบโมงเช้าด้วยนะครับ” ปาณัสม์หมายถึงทนายของบริษัท “เท่านี้ล่ะครับ”

“ค่ะ” เกศสิรีไม่กล้าถามอะไรอีก เธอรู้สึกว่าเช้านี้ปาณัสม์เครียดกว่าทุกที ทั้งที่เป็นเช้าวันจันทร์ ทำไมชายหนุ่มถึงดูมีอะไรต้องคิดมากขนาดนั้น
         


ปาณัสม์กำลังขับรถมุ่งหน้าไปออกไปนอกตัวกรุงเทพ ตรงไปยังภาคตะวันออก หลังจากที่โทรศัพท์ถามกับทางเลขาของฝ่ายนั้นแล้วว่าเจ้าของโรงงานอยู่ที่โรงงาน เขาก็รีบบึ่งรถออกไปทันที ช่วงบ่ายเขามาถึงที่หมายอย่างปลอดภัยและเลขาก็แจ้งว่าให้เขารอสักครู่ ไม่นานเจ้านายของเธอก็ออกมา

 “สวัสดีครับลุงบวร ผมปาณัสม์ ที่โทรมาช่วงเช้า ขออภัยที่มากะทันหันครับ” ปาณัสม์ยกมือไหว้คนที่มีอายุประมาณรุ่นพ่อ เขาไม่ได้ไหว้เพราะอีกฝ่ายมีอายุมากกว่า แต่เขาไหว้ด้วยความเคารพและใช้ความนอบน้อมเพื่อพึ่งพาทางธุรกิจ

“อืม สวัสดีๆ ไม่เป็นไร คนกันเอง แนะนำตัวเสียเป็นทางการเชียว เอานั่งลงก่อน” คุณบวรหัวเราะพลางผายมือบอกให้ผู้มาเยือนลงนั่งที่ฝั่งตรงข้าม

“มีอะไรล่ะ ถึงรีบร้อนมาที่นี่ด้วยตนเอง เรื่องการผลิตก็แจ้งยกเลิกมาตั้งแต่วันศุกร์แล้วไม่ใช่รึ” ทางคู่เจรจาบอกมาประโยคเดียวจบเป้าหมายของปาณัสม์ทุกอย่าง

“มีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยครับ” ปาณัสม์เอ่ยอย่างเกรงใจ

“หืม เรื่องอะไรล่ะ”

“การผลิตไม่ได้ถูกยกเลิกครับ มีการสื่อสารผิดพลาดกันระหว่างผมกับพนักงานนิดหน่อย”

“เอ้า ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ ปาล”

“นี่ครับรายละเอียด” ปาณัสม์ยื่นเอกสารการติดต่อขอผลิตไปให้

คุณบวรรับไปอ่านอยู่ครู่เดียวก็วางลง “ใบนี้ลุงเห็นแล้วก่อนหน้าที่จะโทรมาขอยกเลิก ตกลงยังไงรึ”

“ครับ คือเป็นเรื่องเข้าใจผิด ยังไงก็อยากให้ผลิตต่อครับ”

“เล่นอะไรกันแบบนี้ล่ะปาล โตแล้วนะ เราจะมาเดี๋ยวยกเลิก เดี๋ยวให้ผลิตแบบนี้ไม่ได้” คุณบวรตำหนิ

“ขอโทษครับ ผมจะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องผิดพลาดอีก”

“เอาเถอะๆ” คุณบวรโบกมือ “เห็นแก่พ่อเราที่ทำธุรกิจด้วยกันมาตลอด ครั้งนี้ลุงจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีนะว่า ลุงยังไม่ได้สั่งการอะไร เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้เขาผลิตเลยแล้วกัน” คุณบวรว่าจริงๆ แล้วบริษัทของปาณัสม์ทำธุรกิจคู่ค้ากับทางคุณบวรตั้งแต่รุ่นพ่อแล้ว

“ขอบคุณครับ คุณลุง” ปาณัสม์ยกมือไหว้คนสูงกว่าด้วยความขอบคุณ

“ยังไม่ได้กินข้าวล่ะสิ มาๆ ไปกินกับลุง” คุณบวรเปลี่ยนสภาพจากนักธุรกิจมาเป็นคุณลุงเพื่อนของพ่อชายหนุ่มดังเดิม

“ครับ” ปาณัสม์ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก



ขอบคุณที่ทุกอย่างยังไม่สายจนไร้การแก้ไข



....



“ขอโทษนะเทมส์ พอดีไทน์มีงานด่วนอะ ไปคนเดียวได้ไหม ขอโทษจริงๆ” ช่วงเย็นอินทัชโทรบอกพี่ชายด้วยความร้อนรนว่าอีกฝ่ายจะรอเก้อ เพราะเธอบอกจะมารับกลับไปหาคุณหญิงกิ่งกานต์ด้วยกัน

“ยกเลิกไม่ได้เหรอ” ปกติฉันทัชไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องงานของน้องสาว แต่เขาแค่ไม่อยากไปบ้านของปาณัสม์คนเดียว

“ไม่ได้ งานนี้สำคัญมาก เอาอย่างนี้ไหม ไว้รอไปพร้อมไทน์พรุ่งนี้ได้หรือเปล่า” อินทัชยื่นข้อเสนอ

“เป็นห่วงแม่”

“ถ้าอย่างนั้นก็นั่งแท็กซี่ไปหาแม่ ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น สนใจแค่เรื่องแม่เท่านั้น ตกลงไหม”

“อืม ก็ได้”

“ไม่งอแงนะเทมส์ แล้วคืนนี้น้องไทน์จะให้นอนซุกนม”

“ตลกละ ไม่เอาหรอก” ฉันทัชหัวเราะออกมา

“หัวเราะได้แล้วนี่ นั่งรถดีๆ นะ”

“อืม ไทน์ก็ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ”

“จ้ะ ฮันนี่ วางก่อนนะ”

“บาย” กดวางสายจากน้องสาว ฉันทัชก็หน้าม่อยลงด้วยความผิดหวังดังเดิม


เขากลัวว่าจะเจอใครบางคน


ครั้งสุดท้ายก็แยกกันที่สนามบิน ฉันทัชไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับอีกฝ่าย หลีกเลี่ยงการสนทนาทุกกรณี เขาคุยกับชัดเจนเท่านั้น จังหวะที่อีกฝ่ายอาสาจะไปส่ง ฉันทัชก็ยังเลือกปฏิเสธและบอกว่าอินทัชจะมารับ ทั้งที่แท้จริงแล้ว อินทัชยังติดงานอยู่ต่างจังหวัดเช่นกัน


มาถึงตอนนี้คำพูดของปาณัสม์ยังก้องอยู่ในหัวที่บอกเขาเรื่องแหวน ชายหนุ่มต้องการอะไร ให้เขามาเอาแหวนคืนไปให้พ้นๆ หน้าปาณัสม์เหรอ ฉันทัชยืนไหล่ตก คอตกหมดสภาพ ยอมรับก็ได้ว่าฉันทัชเข้าใจความหมายของคำพูดนั้น ปาณัสม์กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่


ง้อ?

เรียกร้องความสนใจ?

หยอกล้อฆ่าเวลา?

ขาดของ?

หลอกให้เขาตายใจ?

หรือยังรักเขาอยู่?


จะอะไรก็ช่าง ฉันทัชไม่อยากคิดต่อไปแล้ว อย่างที่เคยบอกไว้ ถ้าไม่เดินเข้าไปหากับดักเอง ก็จะไม่มีวันติดกับดักนั้น ใจของเขาก็เช่นกัน ถ้าไม่เอาใจไปวางกับอีกฝ่าย เขาก็จะไม่มีวันต้องทุรนทุรายกับการกระทำของอีกคน

“แม่ครับ วันนี้เป็นไงบ้าง” นั่นคือคำพูดแรกที่ฉันทัชเข้าไปนั่งใกล้มารดาของปาณัสม์ พลางจับมือของอีกฝ่ายเอาไว้

“ดีจ้ะ แม่ดีขึ้นมาก แล้วไทน์ล่ะ”

“ไทน์ติดงานด่วนครับ”

“เหรอจ๊ะ แล้วนี่มายังไงล่ะลูก มาเสียมืดเลย”

“แท็กซี่ครับ”

“ลำบากแย่ เอารถที่บ้านไปใช้สักคันไหม หรือซื้อใหม่ดี”

ฉันทัชส่ายหน้า “อย่าเพิ่งเลยครับ ตอนนี้เทมส์ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร”

“เรื่องดื้อเรานี่นะ ที่หนึ่งเลย” คุณหญิงกิ่งกานต์พูดอย่างอ่อนใจเพราะรู้จักนิสัยลูกเลี้ยงเป็นอย่างดี

“คราวหน้า ถ้าแม่ไม่สบายต้องบอกเทมส์นะ หรือบอกไทน์ก็ได้ อย่าปิดบังเราแบบนี้อีกนะครับ” ฉันทัชยังติดใจเรื่องอาการป่วย เขาจับมือนั้นมาแนบที่ใบหน้าตนเอง

เขาไม่ค่อยชอบภาวะเจ็บป่วยหรืออะไรก็ตามที่อาจจะนำพาไปสู่การสูญเสีย

“แม่ไม่อยากให้เทมส์กังวล”

“รู้ทีหลังก็กังวลครับ อยากจะโกรธแม่เหลือเกิน แต่จะไม่มาหาแม่ก็ไม่สบายใจอีก”

“แม่ขอโทษนะ”

“สัญญากับเทมส์นะครับ ว่าจะบอกเทมส์”

“จ้ะ แม่สัญญา”

“ขอบคุณครับ เทมส์รักแม่นะ” ฉันทัชรู้ว่าคำสัญญาไม่ได้แปลว่าทุกคนจะทำตามสัญญา แต่เขายึดคำนี้เพื่อเป็นการยึดเหนี่ยวจิตใจของเขา

“แม่ก็รักเทมส์”

“ได้เวลาทานยาและเข้านอนแล้วค่ะ” เสียงคุณพยาบาลทักขึ้นมาด้วยความเกรงใจ

“ผู้คุมแม่มาแล้ว” ฉันทัชยิ้มพลางแหย่หญิงสาวที่รัก

“นั่นน่ะสิ อยากหายป่วยไวๆ”

“เดี๋ยวก็หายครับ ทานยา พักเยอะๆ ห้ามดื้อ” ฉันทัชบอกเหมือนพูดกับเด็กคนหนึ่ง

“ว่าแม่เป็นเด็กหรือ”

“ไม่ใช่ครับ คนน่ารักก็ต้องถูกแกล้งบ่อยเป็นธรรมดา”

“ปากหวานเสียจริง”

เสียงเปิดประตูโดยไม่มีการเคาะทำให้ฉันทัชหันไปมองตามเสียง เขาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจนิดหน่อยด้วยความไม่คาดคิด

“เทมส์มาเหรอ” ปาณัสม์บอกพลางเดินมาหยุดยืนข้างเตียง

“อืม มาเยี่ยมแม่”

“วันนี้แม่เป็นไงบ้างครับ” คำถามแทบไม่ผิดเพี้ยนของฉันทัชตอนที่เข้ามาในห้องนี้ทีแรก

“ดีขึ้นแล้ว เราล่ะเป็นไงบ้างเจ้าปาล เห็นตาปอนด์บอกว่าวิ่งรอกหลายที่หรือ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ”

“มีปัญหาอะไรก็บอกพี่เขาให้ช่วยบ้างนะ อย่าเก็บไว้ทำเองคนเดียว” คุณหญิงบอกด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าตอนนี้ปาณัสม์แทบจะทำทุกอย่างทั้งหมดเพราะอยากให้ศรารัณได้มีเวลาดูแลครอบครัว

“ครับ”

“กินข้าวมาหรือยัง”

“ยังครับ ผมเพิ่งกลับมาถึง เลยขึ้นมาดูแม่ก่อน”

“แม่ไม่เป็นไร นอนทั้งวัน”

“ครับ พักเยอะๆ จะได้หายไวๆ”

“จ้ะ พูดเหมือนกันเลยนะ”

“เอ่อ..เทมส์ไม่กวนแม่แล้วนะครับ พรุ่งนี้เทมส์จะมาหาใหม่” ฉันทัชหาจังหวะแทรกขึ้นระหว่างสองแม่ลูก

“จ้ะ” คุณหญิงรับคำแล้วหันไปทางบุตรชาย “ปาลไปส่งน้องที่บ้านให้แม่หน่อย”


ทั้งที่ปาณัสม์และฉันทัชอายุเท่ากัน เกิดปีเดียวกัน แค่ฉันทัชอ่อนเดือนกว่าเท่านั้น แต่คุณหญิงกิ่งกานต์มักเรียกฉันทัชว่าน้องเวลาใช้พูดกับปาณัสม์

“ไม่เป็นไร เทมส์กลับเองได้ครับแม่”

“มันดึกแล้ว แม่เป็นห่วง อ้อ.. ไหนๆ จะออกไปแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันเลยแล้วกัน ยังไม่ได้กินข้าวมากันทั้งคู่ใช่ไหม”

“เทมส์ไม่เป็นไรครับ” ฉันทัชยังยืนยันปฏิเสธ

“อย่าขัดใจคนป่วยสิจ๊ะ ตามใจแม่หน่อยไม่ได้หรือ” คุณหญิงเอาไม้ตายคนป่วยขึ้นมาอ้าง

“เอ่อ..”

“ไปเถอะ ปาลมีเรื่องจะคุยกับเทมส์นิดหน่อย”

“เรื่อง?” ฉันทัชเลิกคิ้วสงสัย ปาณัสม์มีเรื่องอะไรต้องคุยกับเขาอีก

“ปาลไปส่งจันทร์นะแม่”

“จ้ะ ขับรถดีๆ ล่ะ”

“ครับ แม่พักเยอะๆ นะ”


ปาณัสม์บอกแล้วจึงก้มลงไปหอมแก้มมารดา ก่อนจะผละออกมา ฉันทัชเขยิบถอยออกมาเตรียมจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกสายตาของคุณหญิงบอกให้กระทำการบางอย่าง เขาจึงต้องก้มลงไปที่แก้มของคนป่วย บริเวณเดียวกับที่ปาณัสม์เพิ่งทำไปเมื่อสักครู่นี้




....




อดีตคนเคยใช้ชีวิตร่วมกันกำลังนั่งอยู่ในร้านอาหาร ไม่มีใครปริปากพูดนอกจากพลิกเมนูเพื่อสั่งอาหารมาทาน ฉันทัชเปิดดูจนครบทุกหน้าแต่เขาก็ยังเลือกเมนูไม่ได้สักที

“เลือกไม่ได้หรือ” ปาณัสม์เงยหน้าขึ้นถาม

“อืม ไม่รู้จะกินอะไร”

“เดี๋ยวสั่งให้แล้วกัน” ปาณัสม์ว่าดังนั้น เขาปิดเมนูลงพร้อมกับสั่งอาหารไปสองสามอย่าง ฉันทัชได้ยินถึงกับหลบสายตาชายหนุ่ม เขาเสมองออกไปนอกร้าน เมนูเหล่านั้น ทำไมปาณัสม์ต้องจงใจสั่งเมนูโปรดเขาด้วย

“เรื่องที่จะคุย เรื่องอะไร” ฉันทัชเอ่ยถามขึ้น

“กับคุณชายหลี่น่ะ คบกันอยู่เหรอ” ปาณัสม์ก็ถามขึ้นเช่นกัน

ฉันทัชกระแอมเล็กน้อย “ก็คุยๆ กันอยู่ ทำไมหึงเหรอไง”  ฉันทัชไม่ได้คิดจะยั่วโมโหหรือคิดอะไรเกินเลย เขาแค่พูดแหย่อีกฝ่ายไปเท่านั้น

“ไอ้หึง มันต้องหึงอยู่แล้วล่ะ”

“แล้วจะถามไปทำไมว่าคบหรือไม่คบ” ฉันทัชขมวดคิ้ว ปาณัสม์กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า

“จะได้รู้ว่าต้องทำไง ใช้วิธีไหน”

“วิธีอะไร”

“วิธีที่จะทำให้จันทร์กลับมาคบกับปาลไง”

“เพื่ออะไร” ฉันทัชแค่นเสียงถาม “ไม่มีประโยชน์หรอกปาล ถ้าคิดอยากจะให้เทมส์กลับไปอยู่ด้วย ปาลควรทำก่อนหน้านี้แล้วปะ ไม่ใช่รอเวลาผ่านมาเป็นปี”

“ก่อนหน้านี้ จันทร์รอปาลไปง้ออยู่เหรอ”

“ไม่! เอ้อ.. ใช่ มันก็ต้องมีบ้าง เลิกกันไม่คิดจะไปง้อเลยหรือไง” ฉันทัชยอมรับ ลึกๆ เขาก็เคยคิดว่าทำไมปาณัสม์ไม่ยอมมาง้อเลย ถึงเขาจะรู้เหตุผลว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มาง้อเขาเพราะอะไรก็ตาม

“จะให้ปาลไปง้อได้ยังไง ในเมื่อจันทร์อยากเลิกกับปาลจะตายไป”

“แล้วตอนนี้จะมาง้อทำไม”

“ปาลแค่คิดว่า มันถึงเวลาแล้วหรือเปล่า เวลาที่ปาลให้มันบอกเราว่า เราควรจะทำยังไงต่อไป”

“พูดอะไรของปาล” ฉันทัชไม่เข้าใจ

“ปีหนึ่ง จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า แต่สำหรับปาล มันผ่านไปช้ามากเลยนะ เวลาที่ไม่มีจันทร์แล้วทุกอย่างมันเดินช้าไปหมดเลย”

“มุกเก่าๆ เทมส์ไม่หลงเชื่อหรอก” ฉันทัชรู้ทัน

“แล้วจันทร์ล่ะ เวลาหนึ่งปีมันผ่านไปเร็วหรือช้า”

“ก็ไม่ช้านะ แป๊บๆ หมดปี” ฉันทัชเลือกตอบความจริงเพียงครึ่งเดียว ใครเล่าจะรู้ว่า ครึ่งปีแรกของเขาถ้าไม่ได้วิ่งวุ่นเพราะงานที่ทำอยู่ เขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้

“เหรอ ไม่เป็นไร ถ้าจันทร์ไม่เป็นเหมือนปาล ก็ไม่เป็นไร” ปาณัสม์เว้นวรรคเล็กน้อย “เพราะปาลจะสร้างเวลาของเราขึ้นมาใหม่ด้วยกัน”

“คนคนเดิม บทสรุปมักเหมือนเดิม” ฉันทัชพูดขึ้นบ้าง

“ถ้าเราทำทุกอย่างเหมือนเดิม บทสรุปก็คงเหมือนอย่างที่จันทร์ว่า แล้วทำไมเราต้องเลือกทางเดิมด้วยล่ะ” ปาณัสม์แย้ง

“ขอโทษนะ เทมส์ไม่ได้อยากหยาบคายอะไร แต่สันดานคนมันเปลี่ยนกันยากนะรู้หรือเปล่า ขนาดเทมส์เอง ยังทำไม่ได้เลย สุดท้ายนิสัยที่แท้จริงก็เผยออกมาให้ปาลเห็นอยู่ดีว่าจริงๆ แล้วเทมส์ไม่ได้เป็นเหมือนตอนที่เราคบกันแรกๆ”

“ขออภัยที่ให้รอนานค่ะ” พนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งโผล่เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ทำให้บทสนทนาของทั้งคู่ต้องหยุดชะงักลง

“อ้าว พวกคุณสองคนนี่เอง ปีนี้มาฉลองวันครบรอบเร็วจังเลยนะคะ ยังไม่ถึงวันครบรอบเลยไม่ใช่หรือคะ” ได้ยินเสียงพนักงานพูดขึ้น ฉันทัชก็ยิ่งเงียบ เขาลืมไปเลยว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่เขาจะมาร้านนี้เพื่อมาฉลองเวลาที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปีแรกๆ

“อ่า..ครับ พอดีช่วงนั้นเราไม่ว่าง” ปาณัสม์ตอบแทน

“ปีที่แล้วพวกคุณไม่มา ดิฉันเป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าพวกคุณ...”

“ขอบคุณที่นึกถึงเรานะครับ ปีที่แล้ว แฟนผมเขางอนผมนิดหน่อย” ปาณัสม์เป็นฝ่ายตอบแทนอีกครั้ง ชายหนุ่มพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เหรอคะ ขอให้รักกันนานๆ นะคะ คุณเป็นคู่ที่น่ารักมาก” พนักงานสาวคนดังกล่าวว่าเสร็จแล้วจึงขอตัว

“ทำไมบอกเขาไปแบบนั้น ปล่อยให้เขาเข้าใจผิดๆ ไปได้ยังไง” คล้อยหลังพนักงานลับหายไปแล้ว ฉันทัชจึงพูดติงอีกฝ่าย

“จะให้บอกว่าเลิกกันแล้วแต่ยังมาร้านนี้ด้วยกัน ในเดือนนี้เพราะบังเอิญงั้นเหรอ”

“ก็ไม่เห็นต้องพูดอะไรให้เขาเข้าใจผิดเลยนี่นา” ถึงแม้จะเข้าใจปาณัสม์ แต่ฉันทัชยังไม่พอใจ

“ปาลตั้งใจบอกเขาแบบนั้น”

“ทำไม” ฉันทัชถามเสียงขุ่น

“เพราะปาลอยากมีปีหน้าและปีต่อๆ ไปกับจันทร์” ปาณัสม์มองฉันทัช แววตาไร้การสั่นไหว

“ตกลงที่บอกว่ามีเรื่องที่จะคุยคือเรื่องนี้?” ฉันทัชอดทนได้เพียงครู่จึงเลือกเปลี่ยนเรื่องทิ้งเสีย

“ก็ไม่เชิง กินก่อนแล้วกัน”

“อืม”

คนทั้งคู่ทานอาหารด้วยกันเงียบๆ เขาสองคนไร้การนั่งร่วมโต๊ะแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว

หลังเลิกกัน?

ไม่สิ ก่อนหน้านั้นเสียอีก ตั้งแต่ที่ฉันทัชทำกับข้าว เททิ้งทุกวัน นานจนเกือบจำความรู้สึกนี้ไม่ได้

“เข้าเรื่องเลยได้ไหม” ฉันทัชว่าหลังจากอิ่มท้องเรียบร้อย

“ดูนี่สิ”

“อะไร” ฉันทัชย้อนถามกลับในจังหวะที่อีกฝ่ายยื่นโทรศัพท์มือถือส่วนตัวมาให้เขาดูอะไรบางอย่างในโทรศัพท์นั้น

“ลายมือเทมส์นี่ เอ๊ะ โน้ตนี่มัน?” ฉันทัชพึมพำ

“โน้ตของจันทร์ใช่ไหม ตอนนั้นที่จันทร์บอกว่าเขียนโน้ตบอกไว้แล้ว”

“ใช่ แล้วมันก็หายไป ทำไมปาลถึงมีรูปนี้ได้” ฉันทัชส่งโทรศัพท์คืนให้แล้วขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย

“ปาลเจอโน้ตแผ่นนี้โดยบังเอิญน่ะ”

“ที่ไหน ที่คอนโดใช่ไหม มันปลิวไปตกอยู่ตรงซอกไหนของห้องล่ะ”

ปาณัสม์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ “ไม่ใช่ แต่ก่อนที่ปาลจะพูดอะไรต่อ ปาลอยากขอโทษจันทร์ ที่กล่าวหาจันทร์ในตอนนั้น”

“ขอโทษนะครับ” ชายหนุ่มบอกด้วยความรู้สึกที่รู้สึกผิดจริงๆ

วันนั้นพวกเขาต่างพากันทะเลาะกันอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่ฉันทัชถึงกับทนไม่ไหว

“ไม่เป็นไร มันผ่านมาแล้ว อีกอย่างตอนนี้เทมส์ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร” เขาไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วจริงๆ กับเรื่องในตอนนั้น

“ก็รู้ แต่ก็ยังอยากขอโทษอยู่ดี”

“ขอโทษบ่อยๆ มันไม่น่าเชื่อถือนะรู้ไหม” ฉันทัชพูดอย่างเอือมระอา

“ก็รู้อีก แต่ไม่ให้ขอโทษแล้วทำไงอะ ปล่อยเบลอแกล้งลืมหรือไง”

“แล้วแต่”

“ขนาดขอโทษยังโกรธเลย ขืนไม่ขอโทษ จะไม่ทิ้งปาลตั้งแต่ปีแรกแล้วเหรอ” ปาณัสม์บอกอย่างหงอยๆ

“จะบ้าหรือไง ให้ทิ้งไปตั้งแต่ปีแรกไม่คุ้มหรอก” ฉันทัชถึงกับหัวเราะเมื่อได้ฟัง

“ไม่คุ้มอะไร”

“ยังได้ปาลไม่คุ้มเลย”

“โอ้ นี่เราเสียตัวมาโดยตลอดเหรอ” ปาณัสม์พูดเหมือนเพิ่งรู้ตัว

“คงงั้น”

“ถ้าได้ปาลแล้วจะมาทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้”

“ทิ้งได้สิ ในเมื่อตอนนี้เบื่อแล้วอะ” ฉันทัชยิ้มแต่ตาไม่ยิ้มด้วย ปาณัสม์มองออกว่าอีกฝ่ายพูดจริง นัยน์ตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะรีบดึงมันกลับมาให้เป็นปกติ

“ไม่เป็นไร ต่อจากนี้ปาลจะทำให้จันทร์รู้ว่า...” ปาณัสม์หยุดไว้แค่นั้นไม่พูดต่อ

“รู้อะไร” ฉันทัชถาม

“ไม่บอก ถ้าบอกตอนนี้จันทร์ก็รู้สิ”

“ไม่อยากรู้ก็ได้ แล้วโพสต์อิทแผ่นนั้น ตกลงยังไง”

“ปาลเจอที่ห้องของชัดเจน” ปาณัสม์บอกเสียงเรียบ ไม่มีคำว่าล้อเล่นอยู่ในแววตาและสีหน้าของเขา

“ห๊ะ!?ห้องของชัด” ฉันทัชทวนคำเพราะคิดว่าตัวเองฟังผิด

“อืม ที่ห้องของชัดเมื่อเช้านี้”

“ทำไมโน้ตถึงไปอยู่ที่นั่นได้” ฉันทัชมุ่นคิ้ว

“ปาลก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงไปอยู่ที่นั่น”








========================================

ความยากของสองคนนี้คือ เทมส์และจันทร์ คือคนเดียวกัน

ถ้ามีตรงไหนเรียกผิด บอกนะคะ

HASHTAG #ภาคต่อของความรัก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
โหหห ชัดเจนร้ายกว่าที่คิดเยอะเลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
บอกตรงๆว่าคาดไม่ถึงว่าชัดเจนจะทำแบบนี้ อะไรเป็นแรงจูงใจ
คาดไม่ถึงสองก็คือปาลทำแบบนี้ กี๊ดดดดดดดดดดด TT
มันคงยังไม่ถึงเวลาแต่ก็หวังว่ามันจะดีขึ้น  :katai2-1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ชัดเจนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เสียดาย  :ling3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1


แล้วก้อเจอละ มือที่สามทั้งแทงทั้งเสียบ

แต่ยังไง ความรู้สึกของทั้งสองคน ระหว่างเรานั่น สำคัญที่สุด

โอ้ยยยยย. อย่าเบื่อกันเลยยยย


 :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:  :z3:


……

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ชัดเจนร้าย แต่ทำไปทำไม เรื่องสั่งยกเลิกการผลิตอีกคืออะไรกัน

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
กะทำลายฮุรกิจแล้วฮุบแทนเหรอชัด อยู่บ้านเขานา ไหงเป็นคนแบบนี้  :ruready

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ชัดเจนทำไมนายร้ายถึงขนาดนี้ :pig4:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ไม่ใช่ชอบปาลล่ะ น่าจะอยากเอาชนะซะล่ะมั้ง

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :a5: ชัดนายจะร้ายให้สุดๆไปเลยหรอ
น่าจะเป็นเพราะโดนเปรียบเทียบ จากคนที่แอบชอบ แต่เราว่าไม่ใช่จันทร์หรอก

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ชัดเจน เริ่มจะชัดเจนละ 555555

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ความรักทำได้ทุกอย่าง

ออฟไลน์ เขมกันต์

  • nothing’s else I can say
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 452
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +164/-9
    • Twitter

ภาค 19 ความจริงเพียงครึ่งเดียว



“ขอบคุณที่มาส่ง” ฉันทัชบอกเมื่อรถแล่นเข้าจอดหน้าบ้านเดี่ยวของอินทัช

“ไม่เป็นไร จริงๆ ก็อยากมาส่งให้ได้ทุกครั้ง”

“หมายความว่าไง”

“ก็จันทร์ไม่มีรถใช้ แล้วถ้าซื้อรถให้ จันทร์ไม่ยอมใช้แน่ๆ” ปาณัสม์อธิบาย

“รู้ได้ไงว่าไม่อยากมีรถ จะว่าไป...น่าดีใจไหมเนี่ย ตอนคบกันไม่เคยซื้อให้ พอเลิกกันจะซื้อรถให้ซะงั้น” ฉันทัชเองก็แซวอีกฝ่ายกลับ เขาไม่ได้คิดจริงจังเรื่องราวในอดีต

“ตอนนั้นจันทร์ไม่อยากได้รถใช้ไม่ใช่หรือ เอ หรือปาลจำผิด” ปาณัสม์ทำท่าคิดพลางเคาะมือกับพวงมาลัย “จันทร์เป็นคนบอกว่าไม่อยากได้เองนะ” ปาณัสม์เท้าความเรื่องในวันเก่า

“ตอนไหน?” ฉันทัชงง

“ที่ปาลเอาแค็ตตาล็อกรถมาให้จันทร์เลือก พอถึงวันที่รับรถ ปาลบอกให้ชัดไปรับจันทร์ที่คอนโด แล้วมาเจอกันที่โชว์รูมรถเลยเพราะปาลติดธุระ แต่จันทร์กลับฝากชัดมาบอกว่าไม่อยากได้แล้ว บอกว่าซื้อมาก็ไม่ได้ขับไปไหน จอดทิ้งไว้เฉยๆ เสื่อมราคาลงทุกวัน ปาลยังแปลกใจ ทีแรกก็ดูเหมือนจะไม่ปฏิเสธ” ปาณัสม์เล่าเหตุการณ์ในตอนนั้น

“เทมส์พูดออกไปแบบนั้นเหรอ” ฉันทัชชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง

“ไม่รู้สิ” ปาณัสม์หัวเราะ “ไม่ใช่หรือ แต่ตอนนั้นปาลก็ลืมถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจ โทษทีงานมันยุ่งมากจริงๆ ลืมไปเสียสนิทเลย”

“อ่า..ไม่เป็นไร เทมส์คงลืมเหมือนกัน” ฉันทัชเองในเวลานั้นเพราะไม่พอใจอีกฝ่ายจึงไม่คิดจะถามปาณัสม์เช่นกัน นิสัยเสียที่เขายังแก้ไม่ค่อยได้

“ปาลเลยให้ชัดมารับส่งจันทร์บ้างเท่าที่โอกาสอำนวย” ปาณัสม์พูดต่อ

“เท่าที่โอกาสอำนวย?”

“อืม ไม่บ่อยหรอก กลัวจันทร์สงสัย” ปาณัสม์หัวเราะแก้เขิน ใช้นิ้วดันแว่นให้สูงขึ้นอีกนิด

“งั้นเหรอ ไปนะ ขับรถดีๆ ด้วย” ฉันทัชงึมงำรับคำ

“ขอบคุณครับ” ฉันทัชรอจนรถยนต์คันหรูแล่นหายไปจึงเดินเข้าไปในบ้าน


ฉันทัชหน้าเครียดขมวดคิ้ว เขาสงสัยว่าเท่าที่โอกาสอำนวยของปาณัสม์เห็นทีจะไม่เท่ากับโอกาสอำนวยของชัดเจนเสียแล้ว







...



“รถคันเดิม แต่คนขับไม่ใช่” คำพูดลอยๆ จากคนที่กำลังกดรีโมทโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อยบนโซฟาดังขึ้น เมื่อเท้าของฉันทัชเหยียบย่างก้าวแรกเข้ามาในบ้าน

“แอบดู?” คนเป็นพี่เหล่มองถาม ขายาวเดินเลี่ยงไปหยิบน้ำออกมาเทใส่แก้วจากตู้เย็นเพื่อดื่มแก้กระหาย

“เปล่า เห็นรถจอดหน้าบ้านนานแล้ว ก็เลยออกไปดูเสียหน่อย ไม่คิดว่าคนขับจะเป็นคนหน้าใหม่แต่อดีตเก่า”

“ช่างค่อนแคะนะเราน่ะ”

“พูดความจริงเฉยๆ ไปทำอีท่าไหนถึงมาด้วยกันได้ล่ะ ดูสิ กลับเสียดึกเชียว”

“ยังไม่ได้ทำกันอีท่าไหนเลย แค่ไปกินข้าวแล้วปาลก็มาส่งบ้าน”

“มาแปลกแฮะ ไปกินข้าวด้วยกันแล้วมาส่งบ้าน จะรีเทิร์นหรือไง” อินทัชถามด้วยเสียงสบายๆ ไม่ได้จริงจังหรือต้องการขู่เข็ญเอาคำตอบ

“แม่ให้ปาลมาส่ง”

“ก็มาส่งสิ แล้วไปแวะกินข้าวได้ไง” ในที่สุดอินทัชก็กดปิดโทรทัศน์เพราะไม่มีอะไรดู

“ปาลมีเรื่องจะคุยกับเทมส์นิดหน่อย”

“ขอคืนดี?”

“ไม่เชิง”

“เอาจริงดิ ตงิดตั้งแต่ที่พี่ปอนด์พูดถึงปาลละ ดูเชียร์น้องเต็มที่”

“มันมีเรื่องอื่นด้วย ว่างจะฟังเทมส์ไหม”

“เอาสิ พรุ่งนี้ไม่มีงานตามสัญญาจะพาเทมส์ไปหาแม่” อินทัชพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม

“น่ารักมาก พรุ่งนี้เทมส์ลางานไว้แล้ว” ฉันทัชใช้หลังมือเขี่ยแก้มน้องสาวเล่นทีหนึ่ง

“คุณก้องบอกแล้ว” อินทัชอุบอิบบอกพี่ชาย “ไทน์พร้อมจะฟังแล้วนะ”

“แต่เทมส์ยัง” ฉันทัชหัวเราะแล้วพูดแหย่อินทัชเล่นว่า “ไปนอนรอพี่ที่ห้องนะจ๊ะ น้องสาว เดี๋ยวพี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะเข้าไปหาในห้อง”

“ต้องแก้ผ้ารอไหมอะคะ” อินทัชรับมุกพี่ชาย พร้อมกับยืนขึ้นตามความสูง

“ไม่ดีๆ พี่ขอเป็นชุดนอนบางๆ ก็พอ พี่ชอบแบบนั้น”

“ได้เลยค่ะพี่เทมส์ เดี๋ยวน้องอินอินจัดให้ค่ะ” อินทัชพูดเสร็จก็เดินขึ้นบันไดนำไปก่อน ท่าทางการเดินนั้นช่างยั่วมือให้ฉันทัชตีลงบนก้นกลมแน่นนั้นทีหนึ่ง

“เจ็บนะ เทมส์”

“ตั้งใจแกล้งเทมส์ไม่ใช่หรือไง ก็ต้องโดนตีสิ”

“ตีไม่ออมแรงเลย ไม่อ่อนโยนกับน้องเลย เฮ้อ...”

“ไว้คราวหน้าพี่จะทำเบาๆ นะ” ฉันทัชยิ้มทะเล้น เรื่องสองแง่สองง่ามขอให้บอกเขา

“ไม่เล่นแล้ว อาบน้ำเร็วๆ ด้วย”

“ได้ รอแป๊บเดียว”


ฉันทัชหายไปอาบน้ำไม่นานตามที่ให้สัญญา เขาเดินเข้ามาทรุดตัวนอนลงข้างกายน้องสาวด้วยความเคยชิน พลางขยับตัวตะแคงเข้าหาอินทัชเพื่อมองหน้าอีกฝ่าย

“มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น” อินทัชเริ่มถาม

“เรื่องชัดเจน”

“ชัดเจน ทำไม?ยังไม่จบอีกเหรอ” หญิงสาวเลิกคิ้วมองหน้าพี่ชาย

“ไทน์จำเรื่องโน้ตที่เทมส์เคยบอกว่ามันหายไปจนทะเลาะกับปาลได้ไหม ตั้งแต่ก่อนเลิกกัน” ฉันทัชเกริ่นเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อน

“เอ ขอระลึกก่อน” อินทัชเงียบไปครู่เดียว ก็พยักหน้าทีท่าว่าจำได้

“โน้ตใบนั้น ปาลหาเจอแล้วนะ”

“หาเจอแล้วยังไง ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วหรือเปล่า จะเอามาพูดอีกทำไม ไทน์ว่านะปาลมันตั้งใจหาเรื่องมารั้งเทมส์เพื่อคุยน่ะสิ” อินทัชพูดเวลาผ่านมาเป็นปี จะมารื้อฝอยหาตะเข็บทำไม เนี่ยน่ะเหรอ เรื่องที่ปาลจะคุยกับพี่ชายของเขา เสียเวลา ไร้สาระชะมัด

“อย่าเพิ่งด่วนสรุป ฟังให้จบก่อน” ฉันทัชปราม ไม่ให้น้องสาวตัดสินอีกฝ่ายเพียงคำพูดประโยคเดียว

“อืม เล่าต่อ”

“เดาสิว่า ปาลไปเจอมันที่ไหน”

“ต้องเป็นคอนโดแน่อยู่แล้ว” อินทัชพูดแสดงให้เห็นชัดว่าฉันทัชถามอะไรแปลกๆ “นี่..ฝากไปบอกปาลด้วยนะว่าให้ไล่แม่บ้านออกเถอะ ทำความสะอาดยังไงเป็นปีแล้วเพิ่งหาโน้ตเจอ”

“โหดจริง” คนเป็นพี่แสร้งทำเสียงว่าหวาดกลัว “แต่ผิดนะ ไม่ใช่ที่คอนโด”

“ที่ไหน”

“ไทน์ต้องงงและแปลกใจเหมือนเทมส์แน่ๆ ปาลเจอโน้ตนี้ที่ห้องของชัดเจน” ฉันทัชตอบน้องสาวด้วยตาเป็นประกาย

“ตลกละ อำไทน์เล่นใช่ไหม” อินทัชไม่เชื่อ “มันจะไปอยู่ที่นั่นได้ไง บ้านกับคอนโดห่างกันคนละโยดเลย”

“เรื่องจริง” ฉันทัชค่อนข้างมั่นใจเพราะตอนที่ดูรูปนั้น สถานที่ที่ถ่ายรูปมันคือแถวบ้านของปาณัสม์ซึ่งก็คือบ้านของชัดเจนด้วย อาจจะบอกว่าปาณัสม์ตั้งใจใส่ร้ายชัดเจนแล้ววางแผนเหมือนอย่างที่ไทน์ว่าก็ได้


แต่น่าคิดไหม? ปาณัสม์จะทำไปเพียงแค่หาโอกาสคุยกับเขาน่ะเหรอ ไม่ใช่หรอก อย่างน้อยฉันทัชก็มั่นใจว่าปาณัสม์ไม่มีนิสัยอย่างนั้น


“ถ้าจริงอย่างที่เทมส์พูดแล้วชัดเจนจะเอาโน้ตใบนั้นไปด้วยทำไม”

“อาจจะ...ทำให้ทะเลาะกันล่ะมั้ง” ฉันทัชจำได้ว่าเป็นการทะเลาะกันครั้งใหญ่ของเขากับปาณัสม์เลยทีเดียว ถึงแม้ตอนท้ายมันจะจบที่บทพิศวาสบนโซฟาก็เถอะ แต่ก็ถือเป็นการทะเลาะกันที่รุนแรงที่สุดในชีวิตคู่ของเขาเลยล่ะมั้ง

“เพื่ออะไร”

“ลองคิดดูเล่นๆ กันหน่อยไหม”

“ว่ามา”

“เอาล่าสุดนี่เลย ตอนที่เราเจอพี่ปอนด์เมื่อวาน ที่ถามพี่ปอนด์ขนาดนั้นไม่ใช่เพราะหึงปาล แต่เพราะคำตอบที่เทมส์ได้จากชัดกับที่พี่ปอนด์พูดมันไม่ตรงกัน”

“ยังไง พูดต่อ” อินทัชชักสนใจ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสืบคดีอะไรบางอย่าง

“พี่ปอนด์บอกให้ปาลกับชัดไปเจอลูกค้าใช่ไหม แต่ชัดเจนไม่พูดแบบนี้ตั้งใจทำให้เทมส์เข้าใจว่าปาลพาสาวออกเดต”

“เทมส์ใส่ร้ายชัดหรือเปล่า” อินทัชพยายามไม่คล้อยตาม

“พูดถึงผู้หญิง เรื่องเกศสิรี ก็เช่นกัน” ฉันทัชไม่สนใจ เขาพูดต่อ “ชัดบอกเทมส์ว่าเดี๋ยวนี้ปาลไปข้างนอกกับคุณสิเสมอ ไม่ให้ชัดเจนไปด้วย แต่พี่ปอนด์บอกว่าเขาเป็นคนที่ให้ชัดไปด้วยกันกับตัวเอง”

“แล้วยังไง ก็ไม่เห็นแปลกนี่นา”

“ถ้าไม่มีอะไรแปลกแล้วทำไมถึงพูดไม่ตรงกัน ชัดจะมาบอกทำไมว่าปาลไม่ให้ชัดไปด้วย ก็ตอบเทมส์มาตรงๆ เลยไม่ได้หรือว่าไปกับพี่ปอนด์ ตั้งใจพูดแบบนั้นเพื่ออะไร”

“อ่า..ประเด็นนี้น่าคิดแฮะ” อินทัชเริ่มเข้าใจคำพูดพี่ชายบ้างแล้ว

“และประเด็นล่าสุดที่เทมส์เพิ่งรู้เมื่อตะกี้นี้จากปาล”

“เดี๋ยวนะ อันนี้อาจจะมีการใส่ร้ายหรือเข้าข้างกันหรือเปล่า” อินทัชรีบท้วงเพราะกลัวว่าพี่ชายจะเข้าข้างคนรักเก่า

“ฟังก่อนได้ไหม ปาลพูดออกมาเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรด้วยซ้ำ”

“ก็ได้ เรื่องอะไร” อินทัชนิ่งฟัง

“เรื่องรถ” ฉันทัชเว้นวรรคก่อนจะพูดต่อ “จำที่เทมส์เคยให้ไทน์มาช่วยเลือกรถได้ไหม ที่ปาลบอกว่าจะซื้อรถให้เทมส์อะ”

“จำได้แม่นเลยล่ะ” อินทัชพูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ “นึกขึ้นได้แล้วยังโมโหอยู่เลย พูดเสียดิบดีว่าจะซื้อรถให้แฟน รุ่นไหนก็จะซื้อให้ พอเอาเข้าจริง แค่ซากรถยังไม่เห็นเลย” หญิงสาวฉุน

“ปาลบอกว่าเทมส์ไม่เอาเอง”

“ห๊ะ!?ตลกแล้ว จะเป็นไปได้ไง” หญิงสาวรู้สึกตกใจทำไมเรื่องถึงพลิกไปแบบนี้

“จริงๆ” ฉันทัชย้ำ “เพราะวันนั้นปาลติดธุระเลยให้ชัดไปรับเทมส์ กะว่าเดี๋ยวไปเจอที่โชว์รูมเลย แต่สุดท้ายปาลกลับยกเลิกพวกเรา”

“ไทน์ไปรอเก้ออยู่ที่โชว์รูมเลย”

“อย่าโมโหเยอะ เดี๋ยวหน้าจะเหี่ยวเอา” พี่ชายเตือนเพื่อคั่นอารมณ์น้องสาว

“โอเค จะพยายาม” อินทัชสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มือก็พยายามดึงหน้าให้ยกขึ้นกลัวริ้วรอยมาเยือน “เล่าต่อ”

“เรื่องปาลติดธุระแล้วชัดมารับเทมส์น่ะใช่ แล้วปาลเองกำลังจะออกไปโชว์รูม แต่ชัดบอกว่าเทมส์ไม่อยากได้รถแล้ว เพราะเอามาก็ไม่ได้ใช้ จอดทิ้งไว้เฉยๆ อะไรแบบนี้”

“จริงๆ มันก็ถูกอย่างที่ชัดพูดไม่ใช่หรือ ทีแรกเทมส์ก็พูดแบบนี้”

“มันจะจริงที่สุด ถ้าไม่มีทีหลังถูกไหม”

“อืม เพราะสุดท้ายไทน์ยุว่าให้ซื้อไว้ เวลามีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้ มันจะได้มีใช้ อีกอย่างปาลมันรวยจะตายแค่นี้ขนหน้าแข้งมันไม่ร่วงหรอก” อินทัชท่องคำพูดที่ตนเองบอกพี่ชายในตอนนั้นออกมา เธอยังจำได้ว่าฉันทัชเกรงใจ จนเธอหาเหตุผลหนึ่งมาที่ทำให้ฉันทัชยอมคล้อยตามคือเหตุผลที่ว่าถ้าหากปาณัสม์ป่วยไม่สบายกลางดึก ฉันทัชยังขับรถพาคนรักไปโรงพยาบาลได้เพราะปกติชัดเจนมาส่งปาณัสม์แล้วก็ขับรถกลับบ้านด้วย ที่คอนโดจึงไม่ค่อยมีรถของปาณัสม์มาจอดทิ้งไว้

“นั่นแหละ แต่เหตุการณ์พลิกกลายเป็นเทมส์ไม่อยากได้ ชัดบอกปาลแค่ครึ่งเดียว”

“ชัดเจนไม่ได้โกหกเลยนี่นา ความจริงล้วนๆ”

“เทมส์มาคิดดู ชัดไม่เคยโกหกเลย ถ้าไม่ทำให้เทมส์คิดไปเองก็พูดความจริงครึ่งเดียว”

“ฉลาดมาก”

“สมดีกรีนักเรียนทุนเหรียญทองนั่นแหละ” ฉันทัชเห็นด้วย “แล้วที่ชัดเจนมารับมาส่งเทมส์ ทั้งก่อนที่จะเลิกกับปาลเพราะเทมส์ไม่มีรถ หรือช่วงหลังเลิกกัน บางทีเป็นปาลนะให้ชัดเจนมา”

“แบบนี้ก็ดูไม่แปลกใจในพฤติกรรมชัดเจนปะ ถ้าปาลเห็นชัดมารับเทมส์”

“ใช่”

“แล้วปาลยังไม่รู้เรื่องเทมส์กับชัด?” อินทัชสงสัย

“น่าจะใช่ ดูเหมือนไม่ระแคะระคายอะไรเลย”

“ก็ไม่แปลกใจ ปาลไว้ใจชัดจะตายเหอะ”

“อืม รักเหมือนน้องชายคนหนึ่งเลยล่ะ ไหนจะอยู่ด้วยกันเอย ไหนจะเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ชัดเกิด” ฉันทัชสมทบ “กลับมาเรื่องโน้ตใบนั้นดีไหม”

“เทมส์คิดว่า” หญิงสาวเกริ่น “ชัดพยายามยุแยงใช่ไหม”

“ถ้าชัดไม่ได้แสดงออกมาว่าจีบเทมส์ ก็คงจะคิดไม่ถึงเลย” ฉันทัชยอมรับ

“แล้วเรื่องที่ชัดบอกเทมส์มีอะไรบ้างเนี่ย”

“นั่นสิ มีเรื่องไหนที่เทมส์เข้าใจถูกหรือเข้าใจผิดบ้างล่ะ” ฉันทัชถอนหายใจ



ครึ่งค่อนคืน อินทัชหลับไปแล้ว แต่ฉันทัชยังข่มตานอนไม่หลับ ความจริงที่เขาได้รู้วันนี้ทำให้เขาตกใจไม่น้อย แม้ว่าเขาจะเก็บอาการทางสีหน้าได้ดีเวลาอยู่หน้าปาณัสม์ เรื่องนี้คงต้องขอบคุณก้องภพที่คอยให้คำแนะนำเขามาโดยตลอด จนวันนี้มันเห็นผลแล้ว



ฉันทัชคบกับปาณัสม์มาสิบปีก็จริง แต่เริ่มต้นอยู่ด้วยกันในปีที่สามของการคบกัน







 
ปีที่หกที่คบกัน...
“คุณปาลฝากบอกว่าวันนี้กลับดึกนะครับ มีนัดคุยกับลูกค้า”
“ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“ผู้หญิงครับ เขาเป็นลูกค้า คุณเทมส์อย่าโกรธนะครับ”
“ผมไม่ได้โกรธสักหน่อย ฝากชัดดูปาลให้ผมด้วยนะ ถ้าเขามีทีท่าจะออกนอกลู่นอกทาง รีบบอกผมด่วนเลย”
“คุณเทมส์จะทำอะไรหรือครับ”
“ผมจะไปดึงหูแล้วลากปาลกลับบ้าน”
“เอาจริงหรือครับ”
“ผมล้อเล่น”




 
ปีที่เจ็ดที่คบกัน...
“อ้าว ปาลล่ะ?”
“คุณปาลให้ผมมารับคุณเทมส์แทนครับ”
“ติดงานหรือ”
“พอดีมีเลขาใหม่เข้ามา ชื่อคุณเกศสิรี คุณปาลเลยพาไปทานข้าว”
“อ้อ...”




 
ปีที่แปดที่คบกัน...
“ผมโทรหาปาลไม่ติด เขาติดงานหรือชัด”
“เอ่อ..”
“มีอะไรหรือชัด บอกมาเถอะ”
“คุณปาลอยู่กับคุณสิ...”
“โอเค ถ้าเขาคุยเสร็จแล้ว ฝากชัดบอกให้เขาโทรกลับหาผมทีนะ”
“ครับ แล้วผมจะบอกให้”
“ขอบคุณนะ”
ฉันทัชจำไม่ได้ว่าสุดท้ายเขาได้รับโทรศัพท์จากปาณัสม์หรือเปล่า





 
ปีที่เก้าที่คบกัน...
“ปาล ทำไมรับโทรศัพท์จันทร์ช้า?”
“ขอโทษครับคุณเทมส์ พอดีโทรศัพท์คุณปาลอยู่กับผม”
“อ้าว ปาลไปไหนล่ะชัด”
“คุณปาลติดประชุมอยู่ครับ”
“อย่างนั้นเหรอ อ่า..”
“คุณเทมส์มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะโทรมาเตือนเขาเฉยๆ น่ะ”
“เรื่องอะไรครับ ให้ผมบอกให้ไหมหรือคุณเทมส์จะโทรมาใหม่ก็ได้นะครับ หรือให้คุณปาลโทรกลับดี”
“ตัวเลือกเยอะจัง ไม่เป็นไร ฝากชัดบอกก็ได้ เหมือนกันแหละ”
“ว่าไงครับ”
“ปาลบอกจะมารับผมไปกินข้าวกับดูหนังเย็นนี้ ย้ำเขาให้ผมหน่อยว่า ห้ามลืมนัดด้วย”
“ได้ครับ”
“บอกเขาด้วยถ้าลืมนัดครั้งนี้จะโกรธแล้วจริงๆ เลื่อนนัดมาหลายครั้งแล้ว”
“ได้ครับ”
“ขอบคุณนะ”






 
ปีที่สิบที่คบกัน...
“คุณเทมส์.. ผมพยายามพาคุณปาลกลับบ้านแล้ว แต่เขาบอกว่า..”
“บอกว่าอะไรหรือชัด”
“บอกว่ายังไม่อยากกลับครับ”
“ทำไมล่ะ”
“คุณเทมส์อย่าโกรธนะครับ ช่วงนี้คุณปาลเครียดจริงๆ”
“ไม่โกรธหรอก บอกผมมาเถอะ เขาบอกว่าอะไรอีก”
“บอกว่า..เบื่อ เลยยังไม่อยากกลับบ้านครับ”
“ขอบคุณนะ”






 
และครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเลิกกับปาณัสม์
“ผมได้ยินว่าคุณเทมส์มาหาคุณปาลที่บริษัท”
“ใช่ เสียงดังเชียว อยู่ที่ไหนกัน”
“ผมอยู่ที่ร้านลูกค้า”
“อ่อ ใช่ร้านนี้หรือเปล่า” ฉันทัชหยิบที่อยู่ที่ได้มาจากเกศสิรีขึ้นมาอ่าน
“ใช่ครับ คุณเทมส์มีธุระด่วนเหรอ”
“ก็ไม่เชิง รอปาลกลับมาแล้วค่อยคุยก็ได้”
“คุณปาลกลับไปก็เมา ไม่ได้คุยหรอกครับ คุณเทมส์มาหาคุณปาลไหม เดี๋ยวผมไปรับ”
“ไม่เป็นไร แล้วตอนนี้ปาลเมาหรือยัง”
“ยังครับ แต่กรึ่มๆ แล้วล่ะ พูดอะไรตอนนี้จะอนุมัติง่ายเป็นพิเศษ”
“เหรอ โอกาสดี งั้นเดี๋ยวผมไปหาปาลดีกว่า”
“ตกลงครับ ผมจะบอกคุณปาลให้”



ฉันทัชนึกออกแค่เพียงส่วนหนึ่ง เรื่องไหนคือเรื่องจริงบ้าง แล้วที่เขายังนึกไม่ออกหรือจำไม่ได้มีอีกกี่เรื่อง ปาณัสม์คอยให้ชัดเจนมารับมาส่งเวลาที่เขามีธุระหรืออะไรก็ตาม ถึงแม้เขาจะปฏิเสธว่านั่งแท็กซี่ไปเองก็สะดวกดี แต่ชัดเจนก็มักจะมารับอยู่เสมอ



ตกลงแล้ว ตัวเขาหรือปาณัสม์ หรือแท้จริงแล้วเป็นเราทั้งคู่ต่างตกเป็นเหยื่อของชัดเจน





========================================



คุณคิดว่าเรื่องไหนจริงบ้างคะ

กดหนึ่ง ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง

กดสอง ถ้าคุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ



ปล ชัดเจนไม่ได้มีส่วนรู้เห็นทุกเรื่องน้าาา ปาลก็ยังเป็นปาลนะคะ เทมส์ก็ยังเป็นเทมส์เช่นเดียวกันน้า

ปล สอง ตอนนี้เขมมีเล่นเกมส์แจกหนังสือในเพจกับทวิตนะคะ ไปร่วมสนุกกันได้นะคะ



HASHTAG #ภาคต่อของความรัก


ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ก็อย่างว่ามีความจริงแค่ครึ่งเดียวหรือไม่ก็พูดไม่หมดอย่างที่เทมส์คิดนั่นแหล่ะ แต่ชัดจะทำไปทำไม ชัดรักเทมส์จริงหรือ แล้วทำไมชัดต้องปลอมเอกสารของปาลด้วย คิดไม่ออกเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด