❤️ (✘) ไร้รัก ✢ Lovelessly
ตอนที่ 11 ✢ แสงดาว ลมหนาว ความรัก แม้จะพยายามข่มตาหลับ แต่สุดท้ายผมก็หลับไม่ลง ไม่ใช่เพราะเรื่องคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ อย่างเดียว แต่ผมขอสารภาพตามตรงว่าคิดถึงนัทมากเหลือเกิน นัทกำลังจะกลับบ้านแล้ว แต่ช่วงหลังๆ มานี้ผมกับนัทกลับดูห่างเหินกัน ทั้งที่จริงเราควรจะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกันบ้าง จะได้จดจำเป็นความทรงจำที่ดีก่อนจากกัน อย่างน้อยในฐานะพี่น้องก็ยังดี ที่สำคัญ ผมกับนัทยังมีเรื่องค้างคาใจที่ต้องพูดคุยกันให้เข้าใจก่อนไปอีกด้วย
คนที่เคยมีความรักคงรู้ดีว่าความคิดถึงมีพลังมากแค่ไหน ยิ่งอยู่ใกล้แล้วยังไปหาไม่ได้ก็ยิ่งทรมานหนัก เหมือนกับผมตอนนี้ที่นอนคิดถึงใครบางคนจนข่มตาไม่ลง สุดท้ายผมก็ต้านทานพลังที่รุนแรงนั้นไม่ไหว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็ส่งไลน์ไปหาคนที่แสนคิดถึง
"นอนยัง พี่อยากคุยด้วย ออกมาหาพี่หน่อยได้มั้ย พี่จะไปรอแถวหน้าบ้านพักนะ"พอส่งไปแล้วผมก็ปิดเครื่องโทรศัพท์ เที่ยงคืนแล้ว ไม่รู้ว่านัทนอนหรือยัง ถ้ายังไม่นอนนัทคงจะได้อ่านข้อความนั้น ส่วนจะตัดสินใจยังไงก็คงแล้วแต่ เอาเป็นว่าผมจะไปรอนัทตามที่ผมบอกไว้ ไม่เอาโทรศัพท์ไปด้วย ไม่อยากรู้ว่านัทอ่านหรือไม่อ่าน ถ้ารอแล้วไม่มา ผมก็จะกลับมานอนที่ห้องเหมือนเดิม
ผมลุกขึ้นนั่งแล้วเดินออกไปข้างนอกห้องอย่างเงียบๆ แม้ไม่เปิดไฟก็ยังพอมีแสงสว่างจากข้างนอกพอให้มองเห็นทาง หยิบรองเท้ามาใส่แล้วผมก็เดินลงจากบ้านพัก ก่อนจะค่อยๆ เดินขึ้นเนินเลียบไปตามถนนที่เป็นทางเข้า ก่อนเลี้ยวไปทางปีกขวาของรีสอร์ท ตรงไปยังที่พักของนัท
พอเดินมาถึงหน้าบ้านพักที่นัทพักกับปอนด์ก็หยุดยืนมอง ไฟดับไปแล้ว นัทน่าจะนอนแล้วล่ะ หน้าบ้านพักมีโต๊ะรูปท่อนไม้ตัดอยู่จัดเรียงรายไว้สองตัว ผมเลือกหนึ่งในนั้นแล้วก็นั่งคอยนัท มองดูท้องฟ้าบ้าง ชะเง้อมองไปที่ประตูห้องนัทบ้าง ผ่านไปเกือบๆ ยี่สิบนาทีก็ยังไม่เห็นวี่แววว่านัทจะออกมา
ผมเลิกมองไปที่ประตูห้องของนัท เหม่อมองไปไกลแสนไกลอย่างคนหมดหวัง ถึงตอนนี้แล้วผมก็ไม่รู้จะสงสารตัวเองหรือสงสารใครดี ต่างคนก็ต่างบาดเจ็บกันไปหมด ต่างคนก็ต่างดิ้นรนทุรนทุรายหาทางออกที่ตัวเองต้องการ พอถึงจุดๆ หนึ่งเราก็คงต้องเลือกอะไรสักอย่าง แต่จะเป็นอะไรนั้นก็สุดจะคาดเดาได้
"แฟรงค์"
เสียงที่แสนคุ้นเคยคล้ายกับเสียงของคนที่ผมเฝ้ารอคอยดังมาจากทางด้านหลัง ผมตื่นจากภวังค์แล้วก็รีบหันไปมองด้วยความหวัง
"นัท"
ผมเรียกชื่อที่ผมอยากเรียกหาทั้งวันทั้งคืนพร้อมเผยอยิ้มดีใจ ลนลานลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปหาใกล้ๆ พอมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็เห็นนัทยิ้มให้ผมเหมือนกัน แม้ยิ้มไม่มากแต่ก็รู้ว่านัทดีใจที่ได้เจอผม อยากกอดนัทเหลือเกินแต่ก็ไม่กล้า เอื้อมมือไปแล้วก็รีบหดกลับแทบจะทันที
"ขอโทษที่ให้รอนาน"
ผมส่ายหน้า มองนัทอยู่ในชุดคล้ายๆ กับผมเลยแต่คนละสี ผมใส่สีเทา นัทใส่สีขาว
"ไม่เป็นไร"
"แล้วไปคุยตรงไหนดี"
"ตรงนั้นดีมั้ย"
ผมชี้ลงไปที่เนินหญ้าหน้าห้องพักของนัท
"บนพื้นหญ้าเนี่ยนะ" แววตาฉงนของนัทพอเห็นได้รางๆ ในความมืดสลัว
"อืม...ไม่เห็นแปลกเลย ตอนเด็กๆ เราก็นั่งคุยกันแบบนี้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ"
นัทขำเบาๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังดูมีระยะห่างอยู่
"ก็ได้"
ผมกับนัทเดินลงไปพร้อมกัน พอลงทางชันผมก็เอื้อมมือไปจับมือนัทไว้ นัทชะงักและมองเป็นเวลาสั้นๆ แล้วก็ปล่อยเลยตามเลย แต่ก็พอสัมผัสได้ถึงความประหม่าอยู่ในที
พอหาที่เหมาะๆ ได้แล้วเราก็นั่งลงข้างๆ กัน
"หนาวมั้ย" ผมหันไปถาม
"ถามงี้ได้ไง นัทเป็นคนที่ไหนก็รู้อยู่"
"นั่นสิ แล้วทำไมตอนไปเข้าค่ายลูกเสือถึงนอนกอดแฟรงค์ทั้งคืนล่ะ"
"ก็ผ้าห่มมันบาง" นัทแก้ตัวพลางขำเบาๆ
"เอาที่นัทสบายใจละกัน" ผมหยอกเล่นบ้าง ก่อนจะเงียบกันไปสักพัก
"แฟรงค์...คิดถึงนัทนะ"
ผมเอ่ยประโยคนั้นออกมาอย่างยากลำบาก แต่ใจมันอยากบอกจนทนไม่ไหว เราหันมาสบตากัน แม้มองไม่ชัดแต่ก็สัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วนใจ
"แฟรงค์ขอโทษ ถ้านัทไม่สบายใจที่จะคุยกับแฟรงค์...แฟรงค์กลับห้องก็ได้"
ผมทำน้ำเสียงและสีหน้าน้อยใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน พอจะเดินออกไปนัทก็รีบคว้ามือผมไว้
"พี่แฟรงค์ง่ะ"
น้ำเสียงอ้อนหน่อยๆ นั้นทำให้ผมต้องแอบอมยิ้มชอบใจ
"ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกพี่ จำไม่ได้เหรอ"
ผมหยอกเล่นอย่างที่ทำบ่อยๆ ตอนเด็กๆ จากนั้นก็นั่งลง เหยียดขาออกอย่างสบายใจ ก่อนจะหันไปบอกเหตุผล
"แฟรงค์กลัวไง ไม่อยากให้นัทลำบากใจ แฟรงค์ยังเคลียร์กับเพียวไม่ได้เลย ก็ไม่ควรจะมาหานัท แต่แฟรงค์...คิดถึงนัทมาก คิดถึงมากจนทนไม่ไหว ก็เลยต้องมาหา แต่ถ้านัทไม่สบายใจที่จะคุยด้วย นัทก็บอกแฟรงค์ได้นะ"
"เราก็คุยกันอย่างพี่น้องได้ไม่ใช่เหรอ ใจคอแฟรงค์จะไม่คุยกับนัทเลยหรือไง" นัทตัดพ้อหน่อยๆ
ผมยิ้มเศร้าๆ แม้ว่าจะมาไกลจากจุดนั้นไปแล้ว แต่ถ้าไปต่อไม่ได้ การกลับคืนไปสู่ที่เดิมก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด แม้ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงแค่ไหน
นัทเปลี่ยนจากนั่งชันเข่าเป็นเหยียดขายาวเหมือนผมบ้าง
"ไปตัดผมมาใหม่เหรอ"
ผมพยักหน้า "อืม...ชอบมั้ย"
นัทพยักหน้ายอมรับอย่างเขินๆ "ก็ดูหล่อดี"
"ก็ว่างั้น" ผมยิ้มมีเลศนัย "หล่อจนบางคน...แอบมองทั้งวันเลย"
"แฟรงค์รู้เหรอ"
นัทหันมามองอย่างตกใจ แล้วก็ทำหน้าแหยระคนอาย นัทนะนัท พี่รู้นะว่านัทคิดถึงพี่จนต้องคอยมองหาบ่อยๆ
"ทำไมจะไม่รู้ล่ะ"
ทีนี้คนปากแข็งก็เลยไม่กล้าสบตาผม ผมเลยต้องชวนเปลี่ยนเรื่อง เกรงว่าจะอายม้วนจนตกเขาไปก่อน
"เรื่องต้องตา นัทโอเคแล้วใช่มั้ย"
นัทมีท่าทีสะดุดใจเล็กน้อย คงไม่คิดว่าผมจะถามเรื่องนี้อีก
"ได้คนช่วยปลอบใจดีขนาดนี้...ไม่หายก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว สงสัยจะหายเพราะกินไอติมเยอะ"
เราหันมาขำเบาๆ ด้วยกัน
"แฟรงค์มีอะไรบางอย่างจะบอกนัทน่ะ"
ผมเกริ่นนำเรียกความสนใจก่อน นัททำท่ารอฟังอย่างสนใจ
"เรื่องวันนั้น แฟรงค์ขอโทษนัทด้วยนะที่แฟรงค์...ฉวยโอกาส"
ไม่รู้ว่าเรื่องที่คุยจะทำให้นัทเครียดหรือเปล่า แต่ผมก็จำเป็นต้องเคลียร์เรื่องคาใจของผมกับนัทให้เร็วที่สุด ไม่อยากปล่อยไว้จนถึงวันที่นัทลากลับบ้าน
"แฟรงค์ไม่ต้องขอโทษนัทหรอก คนที่ต้องขอโทษควรจะเป็นนัทมากกว่า นัทขอโทษนะที่นัทว่าแฟรงค์อย่างงั้น บางที...นัทก็งี่เง่า ชอบเอาแต่ใจ พูดไม่คิด ตอนเด็กๆ ก็เคยพูดไม่ดีกับแฟรงค์ด้วย แต่แฟรงค์ก็ไม่เคยว่านัทซักคำ"
"ใครจะกล้าว่าล่ะ นัทรู้มั้ย...นัทเป็นน้องที่แฟรงค์รักแล้วก็หวงมากนะ เฟิร์นยังน้อยใจเลย แม่เคยเล่าให้ฟังว่า...ก่อนที่แฟรงค์จะรู้จักกับนัท แฟรงค์ชอบขอให้แม่มีน้องอีกซักคน แฟรงค์อยากมีน้องชายอีกคน แล้วแม่ก็บอกว่าแม่ทำหมันแล้ว มีน้องอีกไม่ได้ แล้วแฟรงค์ก็งอแงถามแม่ว่าทำไมมีน้องอีกไม่ได้ แฟรงค์อยากมีน้องชาย"
ผมแกล้งทำเสียงงอแงเหมือนเด็ก นัทหัวเราะชอบใจเลยทีเดียว
"แฟรงค์ตลกง่ะ อยากเห็นแฟรงค์ตอนงอแงจัง คงตลกน่าดูเลย ไม่ค่อยเห็นแฟรงค์งอแงเท่าไหร่"
"ก็ทำให้ดูเมื่อกี้แล้วไง"
"ไม่เห็นจะเหมือนเด็กเลย" นัทท้วง
"ก็เด็กโข่งไง"
แล้วเราก็หัวเราะ คุยกันอย่างนี้แล้วก็ทำให้บรรยากาศหายตึงเครียดและลดช่องว่างไปได้
"อืม...จะว่าไป พอนัทมาคิดๆ ดูแล้ว นัทว่า...นัทมองข้ามอะไรดีๆ หลายอย่างของแฟรงค์ไปเยอะเลย นัทจำได้ บางวันนะ...แฟรงค์ซื้อไอติมให้นัทกิน แต่แฟรงค์ไม่มีเงินเหลือซื้อขนมของตัวเองเลย นัทรู้นะว่าบางทีแฟรงค์ก็นั่งมอง อยากกินแต่ก็ไม่กล้าขอแบ่งกินด้วย แต่นัทก็ไม่แบ่งด้วยแหละ แย่จัง แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง นัทจำไม่ได้ว่าทำอะไรที่โรงเรียนพัง แล้วแฟรงค์ก็รับผิดแทน โดนครูตีเจ็บเลย นัทนี่แย่จัง ปล่อยให้แฟรงค์ถูกตีคนเดียว วันนั้นที่ไปกินข้าวบ้านแฟรงค์ พ่อแฟรงค์เล่าให้ฟังว่า แฟรงค์เคยร้องไห้ไปขอให้พ่อกับแม่มาช่วยพูดกับแม่ของนัท ตอนที่นัทเป็นไข้เลือดออก ถ้าไม่ได้แฟรงค์นัทก็คงตายไปแล้ว พี่ชายแท้ๆ ก็ไม่ใช่"
นัทหยุดเว้นจังหวะแล้วก็พูดต่อ
"นัทเคยตั้งใจเอาไว้ว่าอยากจะขอบคุณแฟรงค์ ถ้าเกิดเราได้เจอกันอีกครั้ง นัทอยากจะบอกแฟรงค์ว่า...ขอบคุณมากที่แฟรงค์คอยเป็นพี่ชายที่แสนดีให้นัทมาตลอด ถึงนัทไม่มีพ่อ แต่นัทก็มีพี่ชายอย่างแฟรงค์"
เสียงนัทเครือๆ เหมือนจะร้องไห้ แต่ผมก็ยังแข็งใจเอาไว้ไม่ยอมกอดปลอบ ก็เพราะอย่างนี้แหละ เราสองคนจึงมีกันและกันอยู่ในใจมาตลอด ผมต้องการคนอย่างนัท และผมก็รู้ว่านัทต้องการคนอย่างผม พอกลับมาเจอกันอีกครั้งตอนที่โตแล้ว ความรู้สึกเก่าๆ ก็เลยฟื้นคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว แถมยังช่วยให้เราสองคนค้นพบคำตอบว่าใครคือคนที่เราตามหามาทั้งชีวิตอีกด้วย
"อีกเรื่องนะ ที่นัทเคยบอกแฟรงค์ว่านัทรอแฟรงค์อยู่หลายปี นัทไม่ได้ว่าแฟรงค์นะ ไม่อยากให้แฟรงค์เสียใจกับเรื่องนี้หรอก มันผ่านไปแล้ว นัทเข้าใจ พอโตแล้วนัทก็ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่เจอกันก็คงลืมไปแล้ว"
"แต่มันก็ทำให้นัทฝังใจไง" ผมแทรกเมื่อได้จังหวะ
"ช่างมันเหอะ เพราะยังไงๆ แฟรงค์ก็เป็นคนที่นัท...เอ่อ..." นัทหยุดคิดเหมือนไม่แน่ใจ ก่อนจะพูดสืบไป "รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณมากที่สุด อยากขอบคุณมากที่สุด นัทได้ทำอย่างที่ตั้งใจแล้ว ขอบคุณนะครับพี่ชาย"
นัทหันมามองผมด้วยสายตาซึ้งๆ ผมนี่แทบจะโอบน้องที่แสนรักมากอดไว้เลย แต่ก็ต้องหักห้ามใจจนใจแทบจะหักเป็นสองซีกแล้ว ถึงไม่เคยคิดอยากทวงบุญคุณ แต่ได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ชื่นใจ ที่รักมากอยู่แล้วก็ยิ่งรักมากขึ้นไปอีก
"นัทเล่นพูดซะพี่เขินเลย จับตัวพี่ไว้ด้วยนะ เดี๋ยวจะลอยขึ้นไปบนฟ้า" ผมแก้เขินด้วยการพูดเล่นสนุก
"ไม่ได้แกล้งยอ พูดจริงๆ นะ"
"คร้าบบบ น้องชายที่แสนดีของพี่"
ไม่รู้ว่าผมตาฝาดไปหรือเปล่า นัททำท่าเหมือนอยากจะกอดผม แล้วก็หยุดชะงักไป แล้วเราสองคนก็นั่งเงียบ แหงนหน้ามองดูดาวบนท้องฟ้าด้วยกัน เสียงลมหนาวที่คุ้นเคยสมัยเด็กๆ พัดโชยมาตลอดเวลา ผมเอนตัวไปข้างหลังแล้วนอนบนฝ่ามือที่สอดประสานกันไว้ นัททำตามผมอย่างไว นอนแบบนี้แล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากขึ้นทีเดียว
"นัทรู้มั้ย ความผูกพันของเราในอดีต...มีผลกับชีวิตของเราสองคนจนถึงวันนี้เลย ขนาดตอนที่ไม่เจอกัน ความรู้สึกเก่าๆ ก็ยังตามไป แฟรงค์นะ...เคยพยายามจีบผู้หญิง แต่ก็จีบเล่นๆ ไม่เคยจีบใครจนเป็นแฟน แฟรงค์ก็ไม่รู้ว่าทำไม ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า แต่ก็คิดว่าไม่ใช่หรอก จนกระทั่งได้เจอเพียวแล้วรู้ว่าเพียวชอบกินไอติมทุกชนิดเหมือนนัท พี่ก็เลยคลิกกับเค้า นัทรู้มั้ย...แฟรงค์ประทับใจความผูกพันของเราสองคนมาก ประทับใจนัทในทุกๆ อย่างที่นัทเป็น แฟรงค์มองหาคนแบบนัทมาตลอด แต่ไม่เคยเจอ ถึงจะคบเพียวเป็นแฟนแล้ว แต่ลึกๆ แฟรงค์ก็รู้ว่าเพียวยังไม่ใช่ ที่แฟรงค์ยังคบกับเค้าต่อเพราะว่าแฟรงค์ก็ไม่รู้จะไปหาใคร ถ้ารู้มาก่อนว่าเราสองคนจะได้กลับมาเจอกันอีก แฟรงค์ก็คง...อยู่เป็นโสดรอแล้วล่ะ นัท...แฟรงค์รู้นะว่านัทก็เป็นเหมือนแฟรงค์ นัทชอบต้องตาเพราะเค้าอายุมากกว่านัทไม่กี่เดือน เค้าทำให้นัทนึกถึงแฟรงค์ แฟรงค์ไม่ได้เข้าใจผิดไปเองใช่มั้ย บอกมาตรงๆ ได้มั้ย อย่าปล่อยให้แฟรงค์สงสัยอยู่คนเดียวเลย"
ผมพลิกหน้าหันไปถามนัท สายตาคู่นั้นมีแววประหม่าจนรู้สึกได้แม้ในความมืดสลัว นัทดีดตัวลุกขึ้นนั่งตามเดิม คิดอยู่นานทีเดียวจึงยอมปริปากพูด
"ที่นัทชอบเค้า เพราะนัทเคยเรียกเค้าว่าพี่บ่อยๆ พอเค้าตอบมาว่าไม่ให้เรียกพี่ นัทก็เลย...รู้สึกชอบเค้าขึ้นมา"
"นัท!"
ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งบ้าง รู้สึกได้ถึงตุ่มขนที่ลุกซู่ไปทั้งร่างกาย แม้จะรู้มาก่อนแล้วแต่ก็อดตื้นตันใจไม่ได้ที่นัทยอมรับว่าเป็นเหมือนผม แม้ไม่ต้องถามก็คงรู้แล้วว่าคนที่อยู่ในใจนัทตลอดมาก็คือผมแน่ๆ
ผมเอื้อมมือไปจับมือนัทไว้ รู้สึกได้ถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นแรงขึ้น เพราะสิ่งที่ผมจะถามนัทต่อไปนี้สำคัญมาก
"นัท...ที่นัทเคยบอกแฟรงค์ว่าจะไม่รักใครอีกแล้ว นัท...ยกเว้นให้แฟรงค์ซักคนนึงได้มั้ย"
ผมจ้องตากับนัทไม่วางตา รอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แล้วนัทก็หันหน้าหนีไป คงต้องการเวลาจัดการความรู้สึกภายในสักพัก ผมไม่มีปัญหาที่จะรอหรอก ผมรอนัทได้เสมอ
นัทหันกลับมาหาผมอีกครั้ง คราวนี้น้ำตาร่วงเผาะๆ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องโผเข้ากอดผมจนได้
"พี่แฟรงค์...นัทรักพี่ นัทรักพี่ได้หรือเปล่า นัทพยายามห้ามใจแล้วแต่นัทก็ทำไม่ได้ นัทขอโทษ"
เห็นนัทร้องไห้สะเทือนใจแล้วผมก็รู้สึกผิดเหลือเกิน นึกโทษตัวเองว่ามัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงปล่อยให้น้องเข้าตาจนและสิ้นหวังถึงเพียงนี้
"นัทไม่ต้องขอโทษพี่ นัทรักพี่ได้ ไม่ต้องขออนุญาตหรอก" ผมกอดน้องรักแน่น ฝังจมูกลงตรงไหล่แล้วคอยลูบหลังปลอบใจ
"พอนัทอยู่ใกล้พี่แฟรงค์ นัทก็คิดถึงความรู้สึกเก่าๆ ที่นัทเคยมีความสุขกับพี่ตอนเด็กๆ ไม่มีใครทำให้นัทมีความสุขได้เหมือนพี่เลย นัทรอคนอย่างพี่แฟรงค์มานานแล้ว รอความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว พี่แฟรงค์อยู่ในใจของนัทตลอด ไม่เคยไปไหนเลย"
"พี่ก็คิดเหมือนนัท พี่รักนัทนะ เราสองคนรักกัน ความรักไม่ผิดหรอก นัทไม่ต้องกลัว อย่าร้องไห้นะคนดีของพี่"
"แล้วนัทเป็นคนเลวหรือเปล่า นัทไม่อยากเป็นคนเลวเลย แต่นัทก็รักพี่ไปแล้ว นัทขอโทษ นัทไม่อยากทำร้ายเพียวเลย"
ผมกอดนัดที่ซบอยู่กับอกไว้แน่น สะท้อนใจจนอดร้องไห้ไม่ได้เมื่อได้ยินนัทถามว่าตัวเองเป็นคนเลวหรือเปล่า นัทคงกลัวเรื่องนี้ถึงไม่กล้ายอมรับว่ารักผม ผมก็ช่างใจร้ายกับน้องเหลือเกิน ปล่อยให้น้องทุกข์ใจเรื่องนี้อยู่ได้ตั้งนาน
"นัทไม่ใช่คนเลวนะ อย่าว่าตัวเองแบบนี้สิ น้องของพี่เป็นคนดี พี่ไม่เคยเห็นนัทเป็นคนไม่ดีเลย"
ผมสะอื้นไห้บ้าง เราสองคนกอดกันแน่น รู้สึกอดสูใจกับชะตาชีวิตของเราเหลือเกิน ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลับไปแล้วจะเจออุปสรรคอะไรอีก
"ไม่ต้องห้ามใจตัวเองแล้วนะ ถ้าคนอื่นรักพี่ได้ แล้วทำไมนัทจะรักพี่ไม่ได้ล่ะ พี่สัญญาว่าพี่จะจัดการให้เร็วที่สุด พี่เองก็ไม่อยากเห็นนัทอยู่ในสภาพอย่างงี้"
"พี่แฟรงค์...นัทรักพี่ นัทอยากอยู่กับพี่ ไม่อยากจากพี่ไปไหนเลย นัทกลัว ไม่อยากเป็นเหมือนตอนมอหนึ่งอีกแล้ว มันทรมาน พี่แฟรงค์ช่วยนัทด้วย"
เราสองคนกอดกันแน่นจนไม่รู้ว่าจะแน่นได้มากกว่านี้อีกได้หรือเปล่า ใจผมจะขาดเสียให้ได้ สะท้อนใจเหลือเกินที่ปล่อยให้น้องรอจนทนไม่ไหวจนต้องมาร้องขอให้ช่วย นี่ผมเป็นพี่ประสาอะไร ได้รู้อย่างนี้แล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้นัทต้องกลับไปรอคอยเหมือนตอนมอหนึ่งเป็นอันขาด จะไม่ให้นัทต้องทรมานซ้ำสอง ถ้าทำไม่ได้ก็ตายไปเลยเสียดีกว่า แต่ก็คงตายไม่ได้เพราะนัทก็จะรอผมอีก ก็เหลือแค่ทางเลือกเดียว ทำยังไงก็ได้ให้ผมกับนัทได้อยู่ด้วยกัน
"นัทไม่ต้องกลัวนะ พี่จะทำทุกอย่างให้เราสองคนได้อยู่ด้วยกัน พี่จะไม่ทิ้งให้นัทรอพี่อีกแล้ว อดทนอีกหน่อยนะนัท น้องพี่...พี่ขอโทษด้วย พี่ขอโทษนะที่ทำให้นัทกลัว"
เรากอดกันร้องไห้เนิ่นนานภายใต้แสงดาว ลมหนาวและความรัก ที่นี่คือบ้านเกิดของเรา ที่ๆ เราเคยใช้ชีวิตด้วยกันจนเกิดเป็นความผูกพันที่ไม่มีวันลืมเลือน และวันนี้ ที่แห่งนี้ก็เป็นที่ที่น้องของพี่สารภาพว่ารักพี่สุดหัวใจ พี่เองก็รักน้องสุดหัวใจไม่แพ้กัน
เสียงสะอื้นไห้ของเราเงียบหายไปแล้ว เวลาผ่านล่วงเลยมาจนถึงตีหนึ่งกว่าๆ แต่เราก็ไม่รู้สึกง่วงนอน ไม่อยากหลับแม้เพียงวินาทีเดียว อยากกอดกันไว้อย่างนี้ให้นานเท่านาน จนถึงวันที่เราหมดลมหายใจ
ผมลูบผมนัทที่ยังซบอยู่บนอ้อมอกอย่างแผ่วเบา น้ำตาหายไปแล้วก็ถึงคราวที่รอยยิ้มจะมาเยือนบ้าง เมื่อหัวใจชัดเจนและคลี่คลาย ช่องว่างและกำแพงที่สร้างไว้ก็มลายสิ้น
"อุ่นมั้ย ได้กอดพี่ อยากกอดมาหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ" ผมกระเซ้าเล่นหลังจากเราเงียบกันไปนาน
"รู้ได้ไงว่านัทอยากกอด"
"รู้สิ ช่วงหลังๆ ที่ไม่ค่อยได้คุยกัน พี่รู้นะว่านัทคอยมองหาพี่อยู่ ชอบแอบมองพี่ด้วย ไม่รู้ว่ามองอะไรหรือมองตรงไหน ชอบมองตรงไหนของพี่เป็นพิเศษหรือเปล่า"
"ทายสิ"
"ตรงนั้นแน่ๆ เลย" ผมเย้าเล่น
"บ้า"
"รู้เหรอว่าพี่หมายถึงตรงไหน"
"ขาไง"
"น่า...บอกหน่อยสิ พี่อยากรู้"
"จะอยากรู้ไปทำไม"
"ก็อยากรู้ พี่เสียหายนะ"
"แค่มองเนี่ยนะ"
"ใช่" ผมหัวเราะอย่างมีความสุข "บอกหน่อยน่า พี่อยากรู้จริงๆ"
"ทรงผมไง นัทชอบมองพี่แฟรงค์ข้างๆ เวลามองข้างๆ แล้วหล่อมากเลย"
"แสดงว่ารักพี่ข้างเดียว"
"ก็คงงั้น"
"แต่ตอนนี้ต้องรักสองข้างแล้วนะ"
"รักสามร้อยหกสิบองศาไม่ดีกว่าเหรอ จะได้เห็นทุกมุม"
นัทสัพยอกแล้วก็ขำ บรรยากาศและความรู้สึกอบอุ่นอย่างนี้ ผมหาจากใครที่ไหนในโลกไม่ได้อีกแล้ว นี่คือความผูกพันที่แสนพิเศษของผมกับนัทที่ยากจะหาใครมาแทน เพราะฉะนั้น อย่าแปลกใจเลยที่ผมอดทนต่อแรงดึงดูดที่แสนพิเศษนี้ไม่ได้
"เป็นกำลังใจให้พี่หน่อยนะนัท เราสู้ไปด้วยกันนะ" ผมทำเสียงจริงจังขึ้นมาหน่อย แต่ก็ไม่มากหรอก
นัทพยักหน้าหงึกๆ จนอกผมสั่นตามไปด้วย กอดผมไม่ยอมปล่อยเลย คงคิดถึงพี่คนนี้มากสินะน้องพี่ ก่อนหน้านี้ผมไม่กล้าเด็ดขาดหรือใจร้ายกับพียว แต่พอได้กำลังใจดีๆ อย่างนี้แล้วผมก็คงสู้ตาย จบเร็วจะได้ไม่ต้องเจ็บยืดเยื้อยาวนาน
"นัทเป็นกำลังใจให้พี่อย่างนี้ พี่สู้ตายแน่นอน"
"ไม่เอา พี่แฟรงค์อย่าตายนะ สู้เฉยๆ ก็พอ ไม่ต้องตายหรอก แล้วนัทจะอยู่กับใครล่ะ"
"โอเคๆ พี่จะสู้แต่ไม่ตาย สู้เสร็จแล้วจะได้มาอยู่กับนัทไง นัทจะได้มีไอติมกินทุกวัน"
"ไปซื้อเองก็ได้ มีตังค์แล้ว"
"แต่เห็นชอบบ่นว่าฮาเกนดาสแพง"
"แพงดิ กระปุกเดียวก็ตั้งเจ็ดร้อยกว่าบาทแน่ะ"
"งั้นให้พี่ซื้อให้กินน่ะดีแล้ว นัทคนเดียว...พี่เลี้ยงได้"
นัทกอดผมแน่นขึ้นอีกหน่อยแล้วก็หัวเราะ
"ทำไมกอดพี่ไม่ยอมปล่อยเลย" ผมแกล้งแหย่เล่น
"อ้าว กอดไม่ได้เหรอ ก็นัทคิดถึงพี่แฟรงค์ง่ะ"
"กอดได้สิ ทั้งตัวของพี่ พี่ให้นัทหมดเลย เอามั้ย"
นัทเงยหน้ามามองแต่ไม่ตอบ แล้วก็ซุกหน้ากับอกผม
"รักพี่แฟรงค์จัง กอดแล้วก็อุ่น ไม่หนาวเลย"
ได้ยินอย่างนี้ ผมจะไม่ชื่นอกชื่นใจก็คงจะบ้าแล้ว
"ต่อไป...จะได้กอดบ่อยๆ จนเบื่อพี่เลยล่ะ"
"ไม่เบื่อหรอก เห็นมั้ย กอดเป็นชั่วโมงๆ แล้วยังไม่เบื่อเลย"
"ต่อไปต้องคิดค่ากอดแล้ว น่าจะได้ตังค์เยอะแน่ๆ เลย"
"อย่าแพงนะ ชั่วโมงละสามบาทพอมั้ย"
"หือ...กอดพี่ถูกขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ถูกแค่เงิน แต่แพงในใจของนัทนะ"
"นัทตลกง่ะ เล่นแบบนี้ก็เป็นด้วย"
ผมแกล้งขยี้ผมนัทอย่างเอ็นดู หัวเราะร่าด้วยกันทั้งสองคน แต่ไม่น่ามีใครได้ยินเพราะนอนกันหมดแล้ว
"คืนนั้น...พี่มีความสุขมากนะ"
นัทช้อนตาขึ้นมองอย่างสงสัย
"คืนไหนเหรอ"
"ก็...คืนที่นัทเมานั่นแหละ"
พอรู้ว่าเสียทีก็ก้มหน้างุดๆ ผมเลยจับนัทให้พลิกตัวลงไปนอนบนตักผม
"นัทเนี่ย...ไม่เบาเหมือนกันนะ"
คนบนตักคงเขินจนทำตัวไม่ถูกอีกแล้ว สุดท้ายก็หาที่ซุกหน้าหนีจนได้ หน้าท้องผมเอง
"น้องใครน้า...โคตรน่ารักเลย ยิ่งเขินก็ยิ่งน่ารัก พี่รักจนจะคลั่งอยู่แล้วรู้เปล่า"
"พอแล้ว" ในที่สุดก็ยอมพูดจนได้
"ทำไม"
"เขิน"
"เขินอย่างนี้แหละน่ารักดี พี่ชอบ"
ผมก้มลงไปพูดใกล้ๆ หูของนัท นัททำท่าจั๊กกะจี้แล้วก็จะดิ้นหนี ผมรีบคว้าไว้เสียก่อน กอดปล้ำกันอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ นัทก็หยุดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"พี่แฟรงค์ง่ะ ลามก"
ผมหัวเราะชอบใจเมื่อรู้ว่านัทหมายถึงอะไร คงสัมผัสบางอย่างเข้าโดยบังเอิญล่ะสิ
"ก็นัทกอดพี่อย่างงี้ มันก็ขึ้นเป็นธรรมดาสิ"
นัทลุกขึ้นนั่งแล้วก้มหน้างุด แต่มีแอบว่าผมเบาๆ ด้วย "คนลามก"
"พี่รู้ว่านัทชอบ" ผมส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยใส่ แต่นัทกลับขำซะงั้น
"พี่แฟรงค์ตลกง่ะ ดูทำหน้าทำตาดิ"
"นัท" ผมเรียกเสียงจริงจังขึ้นมาหน่อย
"อะไร"
"พี่ขอจูบนัทหน่อย"
เจ้าตัวอึ้งและเงียบไปสามวินาที ผมก็เลยคว้ามาจูบเสียเลย ตอนแรกนัทไม่ยอมเปิดปาก แต่พอผมสอดมือเข้าใต้ชายเสื้อแล้วลูบไล้ที่หน้าอก นัทก็เผลอลืมตัวเปิดปากจนได้ ผมจึงบดขยี้จูบลงไปแล้วดันตัวนัทให้นอนลงบนพื้นหญ้า นัทกอดรอบคอผมไว้ ผมชอบเวลานัทกอดอย่างนี้ ก็เลยให้รางวัลด้วยจูบที่อ่อนหวานละมุนละไมและอ้อยอิ่ง ดูนัทพอใจมากทีเดียว แขนขาเริ่มปล่อยสบาย ผมแลกจูบกับนัทอยู่พักใหญ่จึงหยุด ปล่อยนัทให้หายใจอย่างอิสระ แต่เจ้าตัวก็หอบนิดหน่อย
เราสบตากัน จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาแม้ว่าจะไม่เห็นชัดมาก แต่ดวงตาของมนุษย์มีความพิเศษ แม้เห็นแค่สลัวๆ ก็ยังสื่อความรู้สึกได้ชัดเจน
สัมผัสอย่างนี้ กลิ่นกายอย่างนี้ แววตาอย่างนี้ ความรู้สึกอย่างนี้ บรรยากาศอย่างนี้ เส้นผมแบบนี้ รูปหน้าอย่างนี้ และอะไรอีกหลายๆ อย่างที่เป็นอย่างนี้ของนัท ล้วนให้คำตอบว่า "ใช่" กับผมทุกอย่าง นี่แหละคือคนที่ผมจะรักและทะนุถนอมดูแลไปจนชั่วชีวิต
"นัทจำไว้นะ ไม่ว่าอะไรจะผิดถูก ไม่ว่าใครจะเจ็บ ไม่ว่าใครจะสูญเสีย แต่สุดท้าย เราก็ต้องเลือกอะไรซักอย่าง เหมือนพายุที่มันก็ต้องพัดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน ไม่ใช่เพราะว่าพายุใจร้าย แต่มันเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น คนที่รอดชีวิตก็ต้องจัดการชีวิตที่เหลือของตัวเองต่อไป วันหนึ่งพวกเค้าก็จะพบว่าเค้าอยู่ต่อไปได้ แม้ว่าจะสูญเสีย แต่ทุกคนเกิดมาก็ต้องเจอกับการสูญเสียอยู่แล้ว ไม่ช้าก็เร็ว"
ผมพูดมีสาระอีกแล้ว แต่นัทก็ตั้งใจฟังตาแป๋ว
"พายุไม่กลัวใครเจ็บ ไม่กลัวใครตาย ไม่กลัวใครจะหาว่ามันไม่ยุติธรรม เพราะมันเป็นเรื่องของธรรมชาติ พี่พร้อมที่จะเป็นพายุแล้วล่ะ ไม่ใช่เพราะอยากทำร้ายใคร แต่อะไรหลายๆ อย่างทำให้พายุมันเกิดขึ้น มันก็ต้องทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าจนกว่าจะสงบลง อดทนกับพี่อีกนิดนะนัท พี่ก็ไม่อยากยืดเยื้อให้เราเจ็บกันนาน การตัดสินใจสุดท้ายของพี่...อยู่ที่นัทคนเดียว ต่อให้พี่ต้องเสียอะไรไป ต่อให้ไม่เหลือใคร พี่จะเลือกคนที่เป็นที่หนึ่งในหัวใจของพี่ สู้ไปกับพี่นะ อดทนกับพี่นะ"
นัทพยักหน้าและยิ้มอย่างมีความหมาย
"ไหวนะ"
นัทพยักหน้า
"เข้มแข็งนะ"
นัทพยักหน้า
"อย่าทิ้งพี่นะ"
นัทพยักหน้า
"ดีมากน้องพี่"
ผมระบายยิ้มเต็มใบหน้า ก้มไปจุมพิตเบาๆ กับริมฝีปากของนัท จากนั้นจึงนอนหงายหน้ามองดูท้องฟ้าด้วยกันสองคน
"พรุ่งนี้เช้าเราจะไปขึ้นภูทับเบิกกันใช่มั้ย" ผมถามเพื่อความแน่ใจเพราะจำโปรแกรมไม่ได้ทั้งหมด
"ใช่"
"เดี๋ยวเราไปเดินดูไร่กะหล่ำด้วยกันนะ"
"ได้"
"แล้วตอนกลางวัน เราจะไปกินขนมจีนเส้นสดที่ร้านน้านวลใช่มั้ย"
"ใช่ แม่ของนัทอยากเจอพี่แฟรงค์มาก กำชับนัทใหญ่เลยว่าให้พาพี่แฟรงค์ไปให้ได้ พี่นิวก็อยากเจอด้วย"
"พี่ก็อยากเจอน้านวลกับนิว คิดถึงขนมจีนเส้นสดน้านวลมาก ขากลับจะแวะซื้อไปฝากพ่อกับแม่ที่บ้านด้วย"
"แม่นัทไม่ขายให้พี่แฟรงค์หรอก พี่แฟรงค์กินฟรีมาตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ"
"จริงด้วยสิ" ผมขำเบาๆ
"สงสัยตอนพี่ไปขอนัทเนี่ย น้านวลต้องเรียกทั้งค่าสินสอดแล้วก็ค่าขนมจีนที่เคยกินไปทั้งหมดด้วยแน่ๆ เลย ถ้าพี่มีเงินไม่พอ นัทจะหนีไปกับพี่มั้ย"
"บ้า แม่นัทไม่เรียกเยอะขนาดนั้นหรอก"
ผมหัวเราะชอบใจแล้วก็เอื้อมมือไปขยี้ผมนัทเล่นเบาๆ
"แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหนดี"
"ไม่รู้สิ"
"นอนตรงนี้ละกันนะ" ผมเสนอ
"เดี๋ยวน้ำค้างลง เป็นหวัดกันพอดี" นัทท้วง
"พี่ไม่อยากกลับไปนอนห้องเลย เปิดห้องใหม่ทันมั้ย"
"น่าจะทันมั้ง ที่ฟรอนท์น่าจะมีคนอยู่"
"งั้นเปิดห้องใหม่นะ" ผมถามย้ำ
"ก็ได้"
"ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่ทำอะไรนัทหรอก"
"ไม่ได้กลัวซะหน่อย" นัททำเสียงเง้างอด
"อ้าว แสดงว่าอยากให้พี่ทำงั้นสิ"
"ใครว่าล่ะ"
"ก็ไม่มีใครว่าหรอก แต่พี่...ไม่ทำอะไรจริงๆ นะ เอาไว้ให้ถึงเวลาของเรา แล้วค่อยว่ากันดีกว่า รอพี่นะ"
"อืม" นัทพยักหน้า
"พระจันทร์สวยนะ" ผมเปลี่ยนเรื่องคุย
"ดาวก็สวย" นัทเสริม
"ท้องฟ้าก็สวย" ผมเพิ่มให้อีกอย่าง
"อากาศก็หนาว" นัทไม่ยอมแพ้ เติมมาอีกอย่าง
"ลมก็โชย" มีหรือผมจะยอมง่ายๆ
"ต้นสนก็ไหวเอน" แน่ะ ยังหามาได้อีก
"นี่แหละบ้านเกิดของเรา" ผมว่าประโยคนี้เท่สุด
"นัทก็เลยรักพี่แฟรงค์"
ผมหันไปมองนัทแล้วกะพริบตาปริบๆ ที่ได้ยินเมื่อกี้หูฝาดไปหรือเปล่า ไม่รู้ล่ะ ผมก็จะบอกของผมบ้างเหมือนกัน
"พี่แฟรงค์ก็เลยรักน้องนัทด้วย"- TBC -[/center]