7.ผมไม่ได้เจอหน้ามีนอีกเลยนับตั้งแต่คืนนั้น เหมือนเขาจะไม่ได้กลับมานอนที่ห้อง เหมือน ๆ กับที่ผมก็ใช้เวลาทั้งวันไปกับการอ่านหนังสือ และท่องตัวบทกฎหมาย บิ๊กเองก็อ้อนขอมาอ่านหนังสือกับผมบ้าง แต่ผมก็บอกปฏิเสธไป ด้วยเหตุผลที่ว่าผมอยากตั้งสมาธิกับการอ่านหนังสือ
ผมไม่อยากเจอใคร..พูดคุยกับใคร อย่างน้อยก็จนกว่าจะสอบเสร็จ
BiG-B : สอบเสร็จยังพี่ผมกดอ่านข้อความ ก่อนจะกดตอบกลับไป
BeLL : เหลือพรุ่งนี้อีกตัว มึงอะ
BiG-B : บ่ายนี้ตัวสุดท้าย
BiG-B : สอบเสร็จไปไหนปะผมวางโทรศัพท์มือถือลงบนตัก ก่อนจะเอนตัวไปพิงโซฟาแล้วหลับตาลง
“ปิดเทอมก็ต้องกลับบ้าน” กลับพร้อม ๆ กันกับเขาเหมือนทุกที “หรือต่อไปนี้ต้องกลับเอง”
ผมถอนหายใจออกมาแรง ๆ สลัดหัวตัวเองไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านบ้าบอในหัวออกไป
BeLL : กลับบ้าน
BiG-B : ไปกี่วันพี่ หรือตลอดปิดเทอม ?
BeLL : ปกติก็เป็นอย่างนั้นน้องมันส่งสติ๊กเกอร์แสดงอารมณ์โวยวายมาให้ผมหลายตัว ก่อนจะบ่นงอแงใส่ผม
BiG-B : พี่ไปแล้วผมจะอยู่กับใคร
BiG-B : ผมเหงา
BiG-B : พี่เบลล์
BeLL : มึงก็กลับบ้านสิ
BiG-B : พ่อผมเสียไปนานแล้ว
BiG-B : แม่ก็แต่งงานใหม่ แล้วย้ายไปอยู่สวิต
ผมนั่งอ่านสิ่งที่น้องมันเล่าไป ก็นึกสงสัยไปว่าทำไมมันถึงไม่ย้ายตามไปอยู่กับแม่ที่นู้น
BiG-B : เขามีครอบครัว มีน้องคนใหม่แล้วอะ
BeLL : บิ๊ก..
BiG-B : ไม่ดราม่าดิ ผมโอเค
BiG-B : เขาก็ส่งเงินให้ผมอยู่ทุกเดือน ไม่ได้ลืมผมนี่
BeLL : ไปเล่นบ้านกูไหม ?ข้อความขึ้นมาว่าอ่านแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับเงียบไปไม่ตอบกลับมา
BeLL : ทำไมเงียบ
BeLL : หรือไม่อยากไป
BiG-B : ไปพี่ไป ผมแค่ตกใจผมหัวเราะออกมา ก่อนจะพิมพ์นัดวันเวลากับน้องมัน เราตกลงกันว่าจะขับรถน้องมันไป โดยผมรับปากยอมให้มันไปทำตัวเป็นกาฝากอยู่ที่บ้านผมได้ตลอดปิดเทอม พอคุยกันจบผมก็รีบโทรไปบอกแม่ว่าจะมีคนไปขออาศัยกินข้าวกินน้ำด้วย แม่เองก็มีท่าทีแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นผมจะพาเพื่อนไปด้วย แต่ท่านก็บอกกับผมว่า ดีใจที่เห็นผมมีเพื่อนคนอื่นบ้างนอกจากมีน เพราะที่ผ่านมาก็กังวลใจมาตลอดว่ามนุษย์สัมพันธ์ของผมคงเข้าขั้นแย่ ถึงทำให้ไม่เคยมีใครยอมคบค้าสมาคมด้วยเลย
นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมได้รู้ ว่าที่ผ่านมาพวกผู้ใหญ่ไม่ได้ตั้งใจที่จะผูกมัดผมกับเขาเอาไว้ด้วยกันอย่างนั้นเลย และมันก็เป็นแค่สิ่งที่ผมและเขาต่างก็คิดและเข้าใจกันไปเอง..
“ให้ผมนอนที่ไหนอะ” ผมเหลือบตามองคนที่เดินอมยิ้มแบกกระเป๋าตามผมขึ้นมาหลังจากไหว้พ่อแม่ผมเรียบร้อยแล้ว “นอนกับพี่เบลล์ได้ปะ”
ผมหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือไปผลักหัวมัน “เออ”
“...”
“บ้านกูหลังแค่นี้ มึงคิดว่าจะมีห้องนอนเยอะแยะขนาดไหน”
บ้านผมเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังไม่ได้ใหญ่มาก ดีที่มีบริเวณให้จัดสวนกว้างพอสมควรทำให้มันดูน่าอยู่มากขึ้น มันเป็นสมบัติตกทอดจากคุณยาย ขณะที่บ้านของมันเป็นบ้านปูนทรงสมัยใหม่ สร้างบนที่ดินส่วนหนึ่งของคุณยายที่แม่แบ่งขายให้ เพื่อที่พวกท่านจะได้อยู่ใกล้ ๆ กันสมความตั้งใจ
“เตียงเดียวกันด้วยปะ” คำถามของน้องมันฉุดผมจากความคิด “หมอนใบเดียวกันงี้”
“ทะลึ่งละ” ผมว่าไปแบบไม่จริงจัง “แม่กูจัดฟูกไว้ให้มึงแล้ว”
“โหย..”
“นอนได้ก็นอน นอนไม่ได้ก็ไปกลับไป”
“หูย..นอนได้สิครับ”
“งั้นก็อย่าโอดครวญ” ผมมองมันวางกระเป๋าลงบนเตียงผมทั้งที่ยังบ่นงุบงิบในลำคอ “เก็บเสร็จก็ตามลงไปในครัว”
“...”
“เดี๋ยวหาข้าวให้กิน”
เท่านั้นแหละ มันก็ยิ้มกว้างออกมาเลย..
“เป็นรุ่นน้องเหรอกเหรอ” แม่ถามขึ้นมาหลังจากได้ซักประวัติน้องมันแล้ว “แล้วทำไมมาสนิทกันได้”
ผมละสายตาจากจานข้าวตรงหน้า นึก ๆ ดูว่าทำไมเราถึงมาสนิทกัน “เดี๋ยวดิ นี่เราสนิทกันแล้วเหรอ”
“โหย..แม่ดูพี่เบลล์สิ” ผมส่ายหัวไปกับท่าทางและน้ำเสียงออดอ้อนที่มันใช้กับแม่ผม “ชอบแกล้งผมตลอดเลย”
“ขี้ประจบ” // “อย่าว่าน้อง”
ผมหันขวับไปมองแม่ทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น “แม่ !”
“ตกกระป๋อง” ผมหันไปมองพ่อที่จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมาทั้งที่เงียบไปนาน
“ผมว่าพรุ่งนี้ให้มันกลับไปเลยดีกว่า” แค่แทนที่พ่อกับแม่จะหยุด กลับพากันหัวเราะขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ขำไรกันอะ”
“แม่ดีใจที่เห็นเบลล์ในมุมแบบนี้”
“...”
“ที่ผ่านมาเราทำตัวเป็นผู้ใหญ่เสียจนไม่เหลือเค้าเด็กน้อยน่ารัก ๆ ของแม่เลย”
“อะไรของแม่”
ผมเลิกสนใจบทสนทนาบนโต๊ะอาหารอีกหลังจากนั้น แล้วเปลี่ยนเป็นมาตั้งหน้าตั้งตากินอาหารบนโต๊ะแทน คิดถึงกับข้าวฝีมือแม่จริง ๆ รสชาติคุ้นเคยที่ผมชอบแบบนี้ ผมยังหากินที่ไหนไม่ได้เลย
Ma-NuD_LaW
เบา ๆ ให้พักหายใจกันก่อน
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ