แตกพิเศษ
…Be my Valentine...
สิ่งแรกที่ผมเห็นในเช้าวันวาเลนไทน์ปีนี้
คือหน้าหวานๆ...ของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง
“ขึ้นมาบนนี้ได้ไงเนี่ย”
คณิตบ่นเบาๆด้วยน้ำเสียงที่แสดงความอึดอัดเพราะร่างของคนที่ถึงแม้จะตัวเล็กแต่น้ำหนักไม่ได้เล็กไปด้วยเลย ชายหนุ่มถอนหายใจพยายามยกท่อนแขนที่พาดผ่านคอของเขาออกไปแต่มันก็ไม่ได้ผล คนที่ไม่รู้ว่าไปง่วงนอนมาจากไหนกลับเกี่ยวรัดคอคณิตแน่นขึ้นอีกไม่สนใจแม้แต่เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังลอยมา เมื่อคืนปูนมีงานดึกคณิตเลยไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มกลับมานอนตอนไหน เขาเองก็อยากจะปล่อยให้อีกฝ่ายนอนสบายๆอยู่หรอกนะ...แต่ถ้าไม่ปลุกแผนของเขาก็ล่มหมดน่ะสิ
“ปูนตื่นได้แล้ว”
“...”
“ปูน”
“อื้อ”
คนตัวเล็กส่ายหัวไปมาหลบนิ้วเย็นๆที่เกลี่ยอยู่บนผิวแก้มของตน คณิตมองการกระทำไร้สติของปูนอย่างนึกเอ็นดู แต่ก็ต้องสวมบทคนใจร้ายต่อด้วยการบีบจมูกรั้นนั้นเบาๆ จนคนที่ตกอยู่ในนิทราแสนหวานเริ่มหายใจติดขัด
“อื้อ ปล่อย...”
“ตื่นสิ แล้วพี่จะปล่อย”
“พี่นิด ปูนหายใจไม่ออก”
เท่านั้นแหละหยุดเลย ปูนค่อยๆปรือตามองเมื่อมือที่รบกวนการนอนหายไปเหลือแค่เพียงดวงตาตี่ๆที่มองถอดมายังเขาด้วยความเอ็นดูเท่านั้น ปูนทำหน้ายู่แล้วถูหัวของตนไปบนอกของคณิตไปมาแทนการบอกว่าไม่พอใจแค่ไหนที่ถูกบังคับให้ตื่น ใช่...มันก็แค่นิดเดียวเท่านั้น
“ยังง่วงอยู่เลย”
“เมื่อคืนกลับมาดึกหรอ”
“อือ ตีสามได้มั้ง มีอาฟเตอร์ปาร์ตี้ต่ออ่ะ”
“ดื่มเยอะเลยสิ”
“ไม่ได้ดื่ม...ก็สัญญาไว้แล้วไง”
ปูนเงยหน้ามาส่งยิ้มและดวงตาแวววับให้เหมือนกับเด็กๆที่ชอบมาอวดว่าตัวเองทำการบ้านเก่งแค่ไหน แต่แทนที่จะรำคาญคณิตกลับชอบมัน โดยเฉพาะความจริงที่ว่าปูนยอมทำตามที่สัญญากันไว้ว่าหากต้องไปทำงานโดยที่ไม่มีเขาไปด้วยคนตัวเล็กจะไม่ดื่มเหล้าและปูนก็ทำมันได้
“เก่งมาก งั้นวันนี้จะพาไปเที่ยว”
“จริงอ่ะ จะพาไปที่ไหนหรอ”
“โรงแรม”
รอยยิ้มบานๆของปูนหุบลงทันที ถ้าเป็นคู่อื่นหากบอกว่าจะพาไปฉลองกันที่โรงแรมมันคงฟังดูน่าตื่นเต้น แต่สำหรับคู่ที่อยู่โรงแรมเยอะกว่าอยู่บ้านการไม่ออกไปไหนเลยอาจจะฟังดูตื่นเต้นมากกว่า ร่างสูงหัวเราะขำเพราะกะไว้อยู่แล้วว่าคนตัวเล็กต้องมีปฏิกิริยาแบบนี้
“วันนี้แขกเยอะจะตาย ต่อให้อยากหยุดก็หยุดไม่ได้หรอก”
“แต่ไหนบอกว่าจะฉลองด้วยกันไง”
“ก็ฉลองไง แต่ไปฉลองที่นั่น”
“...แบบนั้นมันเรียกว่าฉลองตรงไหน”
ถึงจะเป็นเพียงเสียงบ่นๆเบาๆแต่คณิตก็ได้ยินมันอยู่ดี เขาผงกหัวขึ้นมาหอยแก้มฝาดของปูนแทนการเอาใจจนคนที่นอยไปแล้วยอมพยักหน้าให้อย่างเสียไม่ได้ ร่างเล็กกลิ้งลงจากตัวของคณิตแล้วพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำหวังให้ความเย็นสงบจิตใจที่ผิดหวังลงได้บ้าง ส่วนคณิตก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆแล้วลงไปทำบางสิ่งบางอย่างที่ชั้นล่างของบ้าน
ปูนเลือกใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อน เข้าชุดกันกับเสื้อแขนยาวสีกรมท่าอีกตัวที่เขาหยิบมันออกมาแขวนเผื่อให้คณิตใส่เหมือนกันในวันนี้ มันอาจจะเป็นความพิเศษเล็กๆเพียงไม่กี่อย่างที่พวกเขาสามารถทำในวันนี้ได้ เพราะถ้าคณิตต้องไปทำงานในวันนี้จริงก็เดาได้เลยว่าต่อให้นาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนงานของร่างสูงก็คงยังไม่หมดเลยไปซึ่งนั่นก็หมายความว่า...วันวาเลนไทน์ปีนี้ก็คงจะเหงียบเหงาอีกครั้ง
“เอาน่า มันก็แค่วันวันหนึ่ง”
“...”
“ก็แค่วันเดียวเอง...ทำไมถึงหยุดให้ไม่ได้นะ”
ปูนคงไม่รู้ตัวว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นอ่อนแรงแค่ไหนแต่คนที่กำลังยืนฟังมันจากด้านหลังนั้นรู้ดี อ้อมแขนที่แข็งแกร่งไม่แพ้หัวใจค่อยๆโอบรัดร่างของปูนไว้ก่อนจะโยกตัวไปมาจนคนที่ถูกจู่โจมตกใจ
“ยืนบ่นอะไรอยู่”
“ก็ได้ยินแล้วนี่...”
“อืม ได้ยินแล้ว”
“แล้ว?”
“...ไปรอพี่ข้างล่ะนะ ขออาบน้ำก่อนเดี๋ยวจะตามไปกินข้าวด้วย”
คณิตจูบบนขมับของปูนเบาๆก่อนจะคลายอ้อมแขนออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทิ้งไว้เพียงความหวังที่เหือดแห้งของคนตัวเล็กเท่านั้น ปูนมองตามแผ่นหลังนั้นแต่ก็รู้ตัวว่าทำอะไรไม่ได้ เด็กหนุ่มจึงได้แต่ทำใจและเดินออกไปจากห้องนอนเพื่อลงไปรอข้างล่างตามที่คณิตสั่ง แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูออกมา รอยยิ้มที่หายไปของปูนก็ค่อยๆผลิบานออกมาอีกครั้ง
“นี่มัน...”
ดอกกุหลาบสีแดงถูกวางอยู่บนบันไดทุกๆขั้นโดยที่ข้างๆกันนั้นก็มีช็อคโกแลตราคาแพงที่ปูนชอบกินวางอยู่ด้วย ร่างเล็กรีบปรี่ไปที่บันไดขั้นแรกหยิบทั้งขนมรสหวานขึ้นมาพร้อมกับเจ้าดอกกุหลาบที่ยังคงความสดไว้เหมือนกับเพิ่งถูกเด็ดออกจากต้น
“แอบไปเตรียมไว้ตอนไหนเนี่ย”
ปูนว่ายิ้มๆแล้วแกะช็อคโกแลตชิ้นแรกเข้าปากไปปล่อยให้ความหอมหวานของมันอบอวลและท่วมท้นอยู่ในตัวเขาอย่างไม่อาจหาคำใดมาเทียบได้ ร่างเล็กค่อยๆหยิบเอาดอกกุหลาบทีละดอกขึ้นมาพร้อมกับนึกถึงความรู้สึกมากมายของคณิตที่ถูกบอกผ่านสิ่งนั้น จากหนึ่งเป็นสอง...จากสองเป็นสาม จนกระทั่งปูนเดินมาถึงโต๊ะกลมตัวหนึ่งกลางห้องนั่งเล่น อ้อมแขนเล็กๆของเขาก็แทบจะกักเก็บความรักที่คณิตมอบให้ไว้ได้ไม่หมด
ปูนเคยถามตัวเองนะ ว่าเขากำลังคาดหวังของขวัญแบบไหนจากผู้ชายอย่างคณิตอยู่ แต่เชื่อเถอะไม่ว่าเขาจะคิดถึงมันมากแค่ไหนสิ่งที่เขาคาดเดามันก็ไม่ใกล้กับความเป็นจริงเลยสักนิดเดียว
ไข่ดาวเกรียมๆสองใบถูกวางอยู่บนขนมปังปิ้งที่มีสภาพไม่ต่างกันจนปูนนึกสงสัยว่าทั้งๆที่ใช้เครื่องปิ้งขนมปังอัตโนมัติคณิตยังทำมันไหม้ได้ยังไง แต่ยังโชคดีที่ไส้กรอกและแฮมไม่ได้ไหมไปด้วย...เพราะว่ามันไม่สุก
“ห้ามขำนะ ถ้าขำพี่จะให้เรากินขนมปังไหม้ๆไปตลอดชีวิตเลย”
ปูนไม่ขำหรอกเพราะกำลังน้ำตาคลออยู่ต่างหาก ร่างเล็กหันหน้าไปหาคณิตที่เพิ่งลงมาจากบันไดพร้อมกับสวมเสื้อผ้าชุดที่เขาจัดไว้ให้ เด็กหนุ่มมองมือที่เต็มไปด้วยรอยแผลของคนที่พยายามเกินตัวแล้วก็ยิ้มอ่อน อาจจะฟังดูแปลกๆไปบ้างแต่พอเห็นแบบนี้แล้วปูนกลับรู้สึกดีใจชะมัด
“พยายามสุดๆเลยนะครับ”
“ก็นะ อย่าเพิ่งเข้าไปในครัวตอนนี้แล้วกัน”
คณิตเดินมารับดอกไม้ที่ปูนอุ้มไว้อยู่มาถือให้แทนเพื่อให้คนที่เขาตั้งใจทำอาหารให้นั่งลงแล้วตั้งใจทานมันพร้อมๆกับเขาที่อยากจะทำของกินดีๆให้แต่ฝีมือก็มีเท่านี้ คนตัวเล็กหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเก็บภาพของขวัญของคณิตไว้โดยไม่ลืมที่จะเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ร่างสูงมากขึ้นจนใบหน้าเปื้อนยิ้มของทั้งคู่ถูกบันทึกไว้ด้วยฝีมือของคณิตที่ช่วงแขนยาวกว่า
“วางโทรศัพท์ก่อน กินเสร็จแล้วค่อยเล่น”
“ครับๆ ขอลงรูปนี้ก่อนนะ”
ปูนทำเป็นรับคำของคณิตแต่มือก็ยังคงจิ้มโทรศัพท์เพื่ออัพโหลดรูปคู่ของพวกเขาทั้งสองคนแถมด้วยอาหารเช้าและกุหลาบช่อใหญ่ขึ้นไปในไอจีที่แทบจะไม่อนุญาตให้ใครติดตาม เพราะจริงๆปูนแค่มีมันไว้เหมือนเป็นไดอารี่ส่วนตัวเท่านั้น พอทำเสร็จร่างเล็กจึงหันกลับมาให้ความสนใจกับอาหารรสชาติแปลกๆตรงหน้า แต่เชื่อเถอะว่าถึงมันจะไม่อร่อยแต่เขากับคณิตก็กินกันไปหัวเราะไป เหมือนกับว่าสิ่งที่พวกเขากำลังลิ้มรสอยู่นั้นเลิศรสนักหนา
หน้าที่เก็บล้างตกเป็นของปูนที่อาสาทำเองเพราะอยากเห็นว่าผลจากความพยายามของคณิตมันรุนแรงขนาดไหน แล้วเขาก็ต้องยอมแพ้ เมื่อคราบน้ำมันที่กระเด็นไปทั่วไม่ใช่อะไรที่จะสามารถจัดการให้เสร็จได้โดยไม่กระทบต่อเวลาไปทำงานของร่างสูง ปูนจึงจัดการแช่ทุกอย่างเอาไว้ก่อนแล้วพาร่างของตัวเองไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของคณิตโดยไม่ลืมที่จะหยิบกุหลาบที่คนข้างๆมอบให้ติดตัวมาด้วยจำนวนหนึ่ง
“แล้วนี่ต้องทำถึงกี่โมง ปูนจะได้กะเวลารอ”
“ก็น่าจะนานอยู่ ทำไม? อย่าบอกนะว่ายังไม่ถอดใจเรื่องไปฉลองด้วยกัน”
“แน่ล่ะ ดอกกุหลาบของพี่ไม่ได้ทำให้ผมพอใจหรอกนะ รู้ใช่ไหม”
เด็กหนุ่มแกล้งพูดยั่วพร้อมกับส่งสายตาที่สื่อความตั้งใจของตัวเองออกไปได้อย่างดี คณิตได้เห็นดังนั้นก็หลุดยิ้ม เขาลูบหัวของปูนเบาๆทั้งๆที่มืออีกข้างยังต้องประคองพวกมาลัย
“ไม่รับปากแต่จะรีบเคลียร์งานแล้วกัน”
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่...ของขวัญที่ปูนเตรียมมาให้พี่นิดก็อด”
“ฮ่าๆขนาดนั้นเลยหรอ บอกได้ไหมว่าเตรียมอะไรมา”
“ไม่บอกหรอก ถ้าบอกก่อนก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
“พี่ไม่ชอบเซอร์ไพรส์”
“แต่ปูนชอบ”
ปูนลอยหน้าลอยตาเถียงจนกระทั่งพวกเขาเดินทางมาถึงโรงแรมที่ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศที่อบอวนไปด้วยความรัก ทันทีที่มาถึงคณิตก็ขอตัวไปประชุมงานด้านใน ในขณะที่ปูนก็หลบมาทักทายและช่วยงานพนักงานบางส่วนที่คุ้นหน้ากันดี จนกระทั่งสายๆอิงอรที่เข้ามาทำงานวันนี้เหมือนกันก็ตรงปรี่ข้ามาหาปูนพร้อมกับบราว์นี่ก้อนเล็กๆ
“สุขสันต์วันแห่งความรักนะจ๊ะน้องชาย”
“ขอบคุณนะครับ แต่ของพี่อิงปูนไม่มีให้นะ ไว้จะหาเบอร์หนุ่มหล่อๆมาเส้นให้ที่หลังแล้วกัน”
ร่างเล็กแสร้งพูดทีเล่นทีจริง แต่เขารู้หรอกว่าหญิงแกร่งคนนี้แทบจะไม่สนเรื่องคู่ครองของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องเลยนะเรา ว่าแต่วันนี้พี่นึกว่าปูนกับคุณคณิตจะไปเดทกันซะอีก”
“บ้างานตามเคยน่ะพี่ ปูนกะจะงอนแล้วแต่ดีนะที่เมื่อเช้าทำเซอร์ไพรส์ให้ก่อนจะมาทำงาน ไม่งั้นจะให้ง้อซะให้เข็ด”
“เห็นแล้วล่ะจ้า มดขึ้นไอจีพี่ตั้งแต่เช้า ว่าแต่ปูนจะเซอร์ไพรส์อะไรเจ้านายพี่ล่ะ แอบบอกหน่อยได้ไหมพี่อยากรู้”
อิงอรแกล้งพูดหยอกแต่ปูนกลับพยักหน้ากลับมาให้จนเธอแปลกใจในการตัดสินใจนั้น ใบหน้าที่ดูน่ารักใสซื่อเปลี่ยนมาเป็นเจ้าเล่ห์จนสาวเจ้าปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
“บอกได้ครับ เพราะว่าพี่อิงต้องช่วยผมเหมือนกัน”
.
.
.
.
.
.
นาฬิกาเดินมาจนเกือบสามทุ่ม คณิตที่วุ่นวายเรื่องการรับรองลูกค้ามาตลอดทั้งวันจึงพอมีเวลาพักหายใจหายคอได้บ้าง ชายหนุ่มปลดเสื้อสูทตัวนอกของตัวเองออกปล่อยให้ลมเย็นๆที่พัดผ่านเข้ามาทางสระว่ายน้ำของโรงแรมปลอบประโลมความร้อนในตัวเขา ร่างสูงหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาหวังจะใช้มันโทรหาคนตัวเล็กที่ป่านนี้คงไลน์มาบ่นเขาไม่หยุดแต่ก็ต้องแปลกใจที่การแจ้งเตือนต่างๆกลับว่างเปล่า
“แปลกแฮะ นึกว่าจะโดนถล่มแล้วซะอีก”
ชายหนุ่มกดโทรออกแทนที่จะส่งข้อความหากันแต่ไม่น่าเชื่อว่าปูนนั้นกลับไม่รับโทรศัพท์เขาเลยสักครั้งจนคณิตเริ่มใจกระตุกกับสิ่งผิดปกตินี้ ไม่ใช่ว่างอนเขาเรื่องวันนี้จะแอบหนีไปเที่ยวที่อื่นคนเดียแล้วหรอกนะ...
“อ้าวคุณคณิต มาทำอะไรอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะคะ”
“อิง เธอเห็นปูนไหม”
แทนที่จะตอบคำถามคณิตกลับถามหญิงสาวกลับไปแทบจะทันทีที่ได้ยินเสียงทักนั้น อิงอรอึ้งไปนิดก่อนจะยิ้มเขาแล้วบอกร่างสูงตามที่ถูกบอกมา
“น้องบอกว่าง่วงเลยแอบหนีกลับไปนอนก่อนน่ะคะ ฝากอิงมาบอกด้วยว่าถ้าคุณทำงานเสร็จแล้ววให้ตามกลับไปที่บ้าน”
ร่างสูงหน้าเสีย แต่ลึกๆก็รู้สึกแปลกๆกับการตัดสินใจของปูนครั้งนี้ ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วมองดูรูปคู่ของเขากับปูนที่ถูกถ่ายเมื่อเช้าอีกครั้ง
“ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ...”
“ใครช่วยใครไม่ได้หรอ”
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก แล้วอิงมีอะไรรึเปล่า”
คณิตบอกปัดก่อนจะถามถึงวัตถุประสงค์ที่อิงอรเดินมาหาเขาถึงที่นี่
“จะชวนไปนั่งดื่มด้วยกันน่ะ พอดีได้แชมเปญมาขวดหนึ่ง”
“ไม่เป็นไรอิงไปสนุกเถอะ ฉันว่าจะกลับบ้าน”
“จะรีบกลับทำไมล่ะ เมื่อเช้าก็ฉลองกับน้องไปแล้วไม่ใช่หรอ ก็พอแล้วนี่”
“...”
พอโดนคนนอกมาพูดใส่แบบนี้คณิตก็ชักจะคิดมุมกลับบ้างเหมือนกันว่าสิ่งที่เขามองว่ามันเพียงพอแล้วอาจจะน้อยเกินไปสำหรับปูนรึเปล่า มันคงเป็นความผิดของเขาที่พูดให้ความหวังกับร่างเล็กไปก่อนว่าวันนี้พวกเขาจะได้ฉลองกันแต่พอต้องมาทำงานในวันนี้นั้นอะไรหลายอย่างที่คณิตคิดว่าจะทำก็ถูกตัดไปเหลือแค่การมอบความรักเล็กๆน้อยๆแบบเมื่อเช้าเท่านั้น
“เอาน่า ดื่มสักแก้วก็ได้ หัวหน้าแผนกคนอื่นก็อยู่”
“แต่...”
“นะๆ แก้วเดียวแล้วจะยอมให้กลับเลย ตกลงไหม”
พอถูกเสนอมาอย่างนั้นมันก็ยากที่คณิตจะปฏิเสธเขายอมเดินตามอิงอรไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนร่วมงานหลายคนทั้งที่ยังโสดแล้วมากันเป็นคู่ ทันทีที่คณิตมาถึงทั้งเบียร์ แชมเปญ และแม้แต่วิสกี้รสร้อนแรงก็ถูกยื่นมาให้จนเขารับแทบไม่ทัน ชายหนุ่มหันไปหาอิงอรเพื่อจะขอคำอธิบายแต่สาวเจ้าก็กลับหันไปคุยกับคนอื่นไม่ได้ให้ความสนใจกับคณิตอีก
“กินเลยนิด หมดแก้วๆ”
“เออ ผมจะกลับแล้วน่ะครับ ขับรถมาด้วย”
“จะรีบกลับไปไหนล่ะ นอนที่นี่แหละ จะได้เมาไม่ขับ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ ยกเลยๆ”
ชายหนุ่มไม่อาจปฏิเสธเพื่อนร่วมงานที่มีอายุมากกว่าคนนี้ได้เลยต้องรับเอาวิสกี้แก้วใหญ่มาดื่มไปอย่างไม่เต็มใจนัก คณิตรู้สึกพะวงถึงคนที่น่าจะกำลังรอเขาอยู่ที่บ้านแต่เครื่องดื่มและอาหารมากมายก็ถูกยื่นมาให้ยาวๆจนคณิตเสียเวลาไปในวงเหล้าเล็กๆนี่ร่วมชั่วโมงได้แล้ว
ผิวกายขาวตามเชื้อสายขึ้นสีแดงก่ำเล็กๆ ลำพังเครื่องดื่มแค่นี้เขาไม่เมาหรอก แต่เป็นเพราะกินกันมั่วไปหมดแบบนี้นี่แหละเขาจึงรู้สึกมึนหัวแบบช่วยไม่ได้ ร่างสูงพยายามกดโทรศัพท์หาปูนแต่ร่างเล็กก็ยังไม่รับสาย จนความเมามายเริ่มปะปนกับความหงุดหงิดคณิตจึงเป็นฝ่ายเรียกหาเครื่องดื่มแก้วใหม่เสียเองโดยไม่ต้องให้คนคอยคะยั้นคะยอ
“เมาแล้วหรอวะ”
“เปล่าครับ แค่หน้าแดงเฉยๆ”
“หรอ งั้นลองนี่หน่อยไหม รับรองว่าเด็ด”
ชายคนข้างๆคณิตยิ้มมุมปากอย่างน่าสงสัยก่อนจะส่งเครื่องดื่มสีแดงสดที่ลุกเป็นไฟมาให้ คณิตมองมันอย่างแปลกใจแต่กลับได้รอยยิ้มมีเล่ห์นัยของคนรอบข้างมาแทนโดยเฉพาะอิงอรที่เป็นคนจุดไฟบนเครื่องดื่มแก้วนี้ให้กับเขา
“ถ้าดื่มหมด คราวนี้ยอมปล่อยให้กลับแน่ๆค่ะ”
“จะเชื่อได้หรอ”
“ไม่เกี่ยวว่าเชื่อไม่เชื่อ แค่คนที่ทำเครื่องดื่มแก้วนี้เขาแถมรางวัลมาด้วย”
กุญแจดอกหนึ่งถูกยื่นมาตรงหน้าคณิตพร้อมกับชูไปมาเหมือนเวลาที่ต้องการหยอกล้อกับแมว เพียงแต่คณิตไม่ใช่แมวและต่อให้ใช่อิงอรก็ไม่ใช่เจ้าของ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเดาให้ยาก...โดนปูนเล่นเข้าให้แล้ว
“เขาไม่ได้บอกว่าจะยกเครื่องดื่มแก้วนี้ให้กับใคร ขอแค่ใครก็ได้ที่ดื่มมันหมดในคราวเดียวก็รับกุญแจนี้ไปได้เลย”
ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำคณิตรีบหยิบรัมดีกรีแรงที่มีไฟลุกท่วมมาดื่มจนลำคอตลอดจนช่องท้องของเขาอุ่นวาบ ไม่รู้ว่าเพราะฤทธิ์ของมันหรือเครื่องดื่มอื่นๆที่คณิตกินไปก่อนหน้านี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสนุกขึ้น แม้ว่าความจริงที่ว่าเขาถูกคนตัวเล็กหลอกมอมจะน่าเจ็บใจไม่น้อยก็ตาม
คณิตรับรางวัลของตัวเองมาแล้วบอกลาทุกคนบนโต๊ะซึ่งดูเหมือนว่าจะรู้ล่วงรู้แผนการของปูนหมดและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ชายหนุ่มมองหมายเลขห้องที่ถูกสลักอยู่บนกุญแจนั้น ด้วยรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้ปูนกำลังรอคอยเขาอยู่ในโรงแรมของคณิตเองไม่ได้กลับไปไหน หนำซ้ำคนตัวดีคงจะเตรียมเรื่องเซอร์ไพรส์ไว้หวังทำให้เขาแปลกใจ
แค่นี้ก็ตื่นเต้นจะแย่แล้ว...
ตื่นเต้นจนคณิตอยากให้ปูนเห็นมันด้วยตัวเอง...
ชายหนุ่มที่มีฤทธิ์แอลกอฮอลล์และความรักเป็นตัวขับเคลื่อนเดินไปตามทางเดินที่ทอดยาวจนกระทั่งเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องสวีทที่ไร้ซึ่งสิ่งรบกวน คณิตใช้ของรางวัลที่ได้มาไขพาเขาเข้าไปข้างในห้องที่ไฟทั้งหมดถูกปิดแต่กลับมีแสงสว่างจากดวงจันทร์เข้ามาแทนที่
คณิตรู้สึกว่าตัวเองกำลังตาพร่า...
ผิวเนื้ออ่อนที่โผล่พ้นเสื้อคลุมสีแดงสดของปูนทำให้เขาใจสั่น คณิตไม่รู้ว่าคนที่นอนหลับตาอยู่บนเตียงรับรู้การมาถึงของเขาไหมแต่ท่าทางยั่วยวนที่ถูกจัดไว้อย่างจงใจทำให้คณิตกล้าพนันกับทุกคนว่าปูนจงใจทำมันให้เป็นอย่างนั้น ทั้งกลิ่นน้ำหอมที่เขาชอบ เส้นผมที่เปียกน้อยๆแบบที่เขาหลงใหล…
ให้ตายสิ...ไม่ว่าเมื่อไหร่ปูนก็รู้ใจเขาเสมอ
“จะมองอีกนานไหม ปูนรอพี่ตั้งนานแล้วนะ”
เสียงเล็กๆหวานหูของปูนดังขึ้นก่อนดวงตากลมจะจ้องมองมาทางคณิตอย่างสื่อความหมาย คนที่โดนเซอร์ไพรส์ยิ้มอย่างอ่อนใจ เขาทรุดตัวนั่งลงข้างกายปูนที่เปลี่ยนจากนอนหงายเป็นตะแคงเข้าหาแล้ววางหัวกลมลงบนตักแกร่งของคณิตแทบจะทันที
“ไหนว่ากลับไปแล้ว”
“จะกลับได้ไง พี่ก็รู้ว่าปูนมักมาก”
ร่างสูงส่ายหัวแล้วลูบไหปลาร้าขาวที่ไร้อาภรณ์ปกคลุมไปมา
“รู้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาทำที่นี่ ไหนบอกว่าอยากอยู่บ้าน”
“นี่วาเลนไทน์นะ จะธรรมดาได้ไง มันต้องพิเศษหน่อยสิ”
“เลยเลือกห้องที่พี่กอดปูนครั้งแรกน่ะหรอ”
มันเป็นคำถามที่คณิตตั้งใจเซ้าให้ปูนอายแต่กลับกัน ร่างเล็กยิ้มกว้างแล้วยันตัวขึ้นนั่งพิงอกของคณิตไว้เพื่อที่ดวงตาออดอ้อนของเขาจะจังจ้องไปยังคณิตได้ถนัดกว่าเดิม
“จำได้ด้วยหรอ”
“จำได้สิ ก็พี่เป็นคนพาปูนขึ้นมา”
“วันนั้นปูนเมา”
“พูดให้ถูกคือแกล้งเมา ไม่งั้นปูนคงปล้ำพี่ไม่ได้”
“ไม่ปฏิเสธนะว่าปล้ำ...แต่พี่นิดจะปฏิเสธไหมว่าไม่ชอบ”
“...”
“...”
“ไม่มีทางอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”
สาบานเลยว่ารอยยิ้มที่ปูนเห็นมันช่างทรงเสน่ห์และร้ายกาจแบบที่คนอื่นคงไม่คิดว่าคนแบบคณิตจะมีทำสีหน้าแบบนี้ได้ เสื้อคลุมสีแดงสดของปูนถูกร่างสูงสัมผัสเบาๆจนผิวใต้ร่มผ้าของเด็กหนุ่มร้อนไปหมด คณิตบรรจงปลดมันออกจนร่างกายของปูนถูกเขาสัมผัสและเห็นมันได้ถนัดตา
ปูนบิดเร้าน้อยๆเมื่อริมฝีปากของคณิตไล่สำรวจตัวเขาแทบจะทุกที่ ทั้งเส้นผม ผิวแก้ม ซอกคอ เนินอก หน้าท้อง ไล่ไปจนถึงข้อเท้า...ไม่มีส่วนใดของปูนที่คณิตไม่รู้จักมันเช่นเดียวกับร่างกายกำยำของคณิตนั้นซึ่งปูนจดจำมันได้อย่างดีว่าจุดใดที่คณิตชอบ...และส่วนใดที่จะทำให้คณิตมีความสุขมากที่สุด
“อ่า อย่างนั้นแหละ...”
กลุ่มผมชื้นของปูนขยับขึ้นลงตามจังหวะที่ร่างสูงคอยกำกับให้ผ่านการส่งสะโพกสวนไปทุกครั้งที่ตัวตนแข็งขืนของคณิตถูกปูนครอบครองไปจนหมด ร่างเล็กที่อีกมือหนึ่งกำลังเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองใช้ดวงตากลมมนมองไปยังคณิตที่ไม่ปกปิดสัญชาตญาณและความต้องการต่อหน้าเขาเลยสักครั้ง ร่างกายที่เล็กกว่ามากของปูนถูกฉุดให้ยืนขึ้นในขณะที่คณิตขยับไปนั่งพิงหัวเตียงทั้งๆที่เบื้องล่างมันต้องการจนปวดร้าว แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็บรรจงสอดนิ้วของตัวเองเข้าไปผ่านก้อนเนื้อนุ่มก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียวลิ้นจนปูนแทบจะล้มทั้งยืน
“อ๊ะ พอแล้ว ฮึก พอแล้วพี่นิด”
ปูนแทบจะทรุดเพราะขาที่สั่นมันทนไม่ไหวแล้วคณิตก็คอยประคองเข้าไว้ทำให้การหนีสัมผัสที่วาบหวิวเกินไปนั้นทำได้ยาก กว่าร่างสูงจะยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มเป็นอิสระดวงตาของปูนก็ปรือปรอยอย่างคนที่ตกอยู่ในห้วงความฝัน คณิตยิ้มร้ายแล้วสอดตัวตนของตัวเองเข้าไปข้างในในจังหวะที่ร่างเล็กยังเหนื่อยอ่อน
“อ๊าาาาาา”
คณิตรู้สึกถึงความอบอุ่นที่โอบรัดกลางกายของเขาไว้จนหมด เขาปลอบโยนปูนผ่านจุมพิตบนหน้าผากแต่เบื้องล่างนั้นก็ยังคงขยับรัวไม่หยุดยั้งจนปูนสับสนเหลือเกินว่าชายคนนี้แท้จริงแล้วเป็นคนอบอุ่นหรือร้ายกาจกันแน่
ปูนร้องหาความต้องการของคณิตไม่หยุดแม้ว่าอารมณ์ด้านล่างของเขาจะเข้าใกล้ฝั่งฝันมากขึ้นทุกที ร่างเล็กฝังหน้าของตนลงกับหมอนแล้วรับรู้เพียงแค่การขบกันเบาๆบนแผ่นหลังและแรงที่ถาโถมเข้าใส่เท่านั้นจนกระทั่งหยาดน้ำสีขาวขุ่นจะไหลทะลักเปรอะเปื้อนไปทุกพื้นที่
“พี่นิด อึก...พี่นิด”
“เก่งมาก เหนื่อยไหมครับ”
ร่างเล็กส่ายหน้าแล้วพลิกกายหันเข้าหาคนตัวโตที่กำลังมองเขาอยู่จากเบื้องบน ริมฝีปากของทั้งคู่โผ่เข้าหากัน ไม่ต้องใช้คำพูดใดๆอธิบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอก ทั้งความสุขสม ห่วงหาและต้องการ...ทั้งคู่ถ่ายทอดมันถึงกันและกันด้วยภาษาที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นเข้าใจ
คณิตลูบแผ่นหลังของปูนอย่างปลอบโยนจนคนที่ยินดีรับความต้องการของเขาไว้เริ่มหายใจเป็นจังหวะ ร่างสูงคอยถามคนในอ้อมแขนเรื่อยๆว่าไหวไหม อีกฝ่ายก็พยักหน้าให้ไปก่อนจะยันร่างกายที่บอบช้ำนั้นขึ้นนั่งจนคณิตต้องทำตาม
“พี่นิด...ปูนมีของขวัญจะให้”
“ของขวัญ? ตัวของปูนนี่ไม่ใช่ของขวัญสำหรับพี่หรอ”
ปูนเบ้หน้าทั้งๆที่ผิวแก้มขึ้นสีแดง เขาสะบัดหัวไปมาแรงๆจนคณิตกลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากบ่าเสียก่อน
“ตัวปูนน่ะให้พี่ไปนานแล้ว...แต่นี่เป็นสิ่งที่จะให้วันนี้”
“อะไรล่ะครับ”
รอยยิ้มเล็กๆของปูนถูกจุดขึ้นก่อนของบางอย่างจะถูกยื่นออกไปพร้อมกับความแปลกใจที่คณิตเผยออกมาทางสีหน้า
“หนังสือสอนทำอาหาร...”
“อื้อ!”
“ของขวัญวันวาเลนไทน์”
“อ่าฮะ!”
“ให้พี่?”
“ใช่เลย!!”
ถ้าจะมีอะไรที่มึนกว่าคณิตก็หน้าของปูนแล้วตอนนี้ที่ทำเป็นยิ้มซื่อตีเนียนอย่างน่ารัก ร่างเล็กยื่นมันไปจนชิดใบหน้าของคณิตที่ยังคงไม่รับมันไป คะยันคะยอจนคนที่อธิบายความคิดของตัวเองไม่ออกต้องรับของขวัญชิ้นนั้นมาอย่างเสียไม่ได้
“เอ่อคือ...พี่ก็ดีใจนะ แต่ช่วยอธิบายหน่อยได้ไหม”
“อธิบาย? อธิบายอะไร?”
“อธิบายว่าทำไมถึงซื้อหนังสือนี่ให้พี่”
ปูนร้องอ่อเมื่อเห็นคณิตโบกของขวัญของตนไปมาอย่างต้องการคำตอบ
“ก็ปูนอยากกินอาหารฝีมือพี่อีกไงเลยซื้อให้”
“...!!”
“เมื่อเช้าก็ใช่ว่าจะกินไม่ได้หรอกนะ แต่ปูนอยากกินอย่างอื่นบ้างนี่นา”
คำตอบที่พูดถึงก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ถูกส่งมาให้พร้อมกับรอยยิ้มที่อธิบายความเป็นปูนได้อย่างดี...เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าปูนเป็นคนแบบนี้
น่ารัก ขี้อ้อน...และเอาแต่ใจที่สุด
“ไม่ได้หรอ...”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”
คณิตถอนหายใจก่อนจะตอบไปพร้อมกับกางแขนเพื่อรับร่างของปูนที่กระโจนเข้าหาเขาพร้อมกับริมฝีปากนุ่มๆที่มอบจุมพิตมาให้
“ขอบคุณนะครับ ปูนรักพี่นิดที่สุดเลย”
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกับเช่!
ไม่มีอะไรมากคับสำหรับตอนนี้ ครึ่งแรกเป็นความป๋า ครึ่งหลังเป็นความปูน ยังไงปูนก็เป็นแบบนี้ล่ะน้าาาา
ป.ล. ไปทำการบ้านต่อล่ะคับ
ป.ล.ล. ขอบคุณทุกเม้นทุกโหวตเลย