♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥รักของเสือ ♥#อัพจ้า รักของเสือตอนที่(21) - 18/4/61 (หน้าที่5)  (อ่าน 22595 ครั้ง)

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่สิบสอง : กอด กอด กอด



     ช่วยด้วย! ช่วยผมด้วย! ฉิบหายแล้วกูโดนผีอำครับหัวหน้า!!

     ดิ้นก็ดิ้นไม่ได้ ร้องก็ร้องไม่ออก ฮืออออพุทโธ ธัมโม สังโฆ แม่จ๋าช่วยปิงด้วยปิงยังไม่อยากตายยยยยย

     เฮือกกกก!!!

     และแล้วความจริงตรงหน้าก็ปรากฏเมื่อผมสะดุ้งลืมตื่นขึ้นมาเพราะความอึดอัดที่กำลังก่อเกิด แต่แท้จริงแล้วนั้น…คือแบบว่าไม่ได้โดนผีอำครับแต่โดนควายทับ…

     ไอ้ห่าเสือครับสังคม ไอ้ห่าเสือ!!
     จะไม่ให้ผมคิดว่าโดนผีอำได้ยังไงดูสิดู เล่นกอดรัดฟัดเหวี่ยงแน่นอย่างกับกำลังโคฟเวอร์เป็นงูเหลือมยังไงอย่างนั้น แขนนี่ก็
     ล็อกคอกูแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ขาหนักๆของมันนี่ก็ก่ายกอดมาที่ตัวผมจนขยับตัวแทบไม่ได้ คิดว่าตัวเองตัวเบาหวิวมากเลยหรือไง

     อะๆเลิกบ่นก่อนก็แล้วกัน ลืมไปว่ามันเป็นไข้อยู่ว่าแล้วก็ขอดูอาการหน่อยสิว่าเป็นยังไงบ้าง

     เสี้ยววินาที ผมใช้หลังมืออังที่หน้าผากของคนป่วยเพื่อวัดอุณหภูมิว่ายังร้อนอยู่ไหม
     อืม…ตัวไม่ร้อนแล้วนี่หว่า แค่อุ่นๆ

     เพราะงั้น…

     “เสือ”  จัดการปลุกซะเลย ไม่ได้เป็นหนักแล้วอย่าสำออย

     “…”  ขอโทษค่ะ ไม่มีสัญญาตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียกค่ะ 
     ก็นั่นแหละไม่ตอบรับอะไรกูเลยครับหัวหน้า ไม่แม้แต่จะขยับตัวด้วย

     “ตื่นได้แล้วโว้ยยยยยย!!”  คราวนี้ไม่ว่าเปล่า ไม่ได้เรียกด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มไพเราะเสนาะจับใจแล้ว ตะโกนใส่ซะเลยไม่ตื่นให้มันรู้ไป
      เป็นไปตามคาด ว่าแล้วคนตรงหน้าก็ปรือขึ้นมาน้อยๆกะพริบตาปริบๆและมองหน้าผม จากนั้นก็…
เอาหน้ามามุดตรงซอกคอกูเฉยเลย

     โอยยยยยยยยยยยยยย กูละเหี่ยใจ…
     ลมหายใจอุ่นๆนั้นก็รินรดซอกคอผมจนขนลุกหมดแล้วเนี่ย!!

     จะทำอะไรก็เกรงใจกูบ้างนะครับ เห็นกูไม่พูดละเอาใหญ่เลยถึงจะเคยมีอะไรกับกูก็ใช่ว่ากูจะยอมนะโว้ยยยยยย

ไม่ใช่อะไรหรอก…พอเป็นแบบนี้ทีไรได้ใกล้ชิดมันแล้วหัวใจผมจะเต้นไม่เป็นส่ำไม่รู้เป็นเพราะอะไรสงสัยต้องไปหาหมอหน่อยแล้วกลัวเป็นโรคหัวใจ เห็นไหมๆๆๆ ตอนนี้หน้าผมร้อนและแดงไปถึงกกหูแล้วมั้งเนี่ย  เพราะงั้นการที่จะหยุดอาการแบบนี้ได้มันต้อง…


     “ไอ้เสือตื่นได้แล้วโว้ยยยยยยยยย!”   ครั้งนี้ไม่ได้มาแค่เสียง แต่มาพร้อมกับการตะลมต่อยอากาศ เนื่องจากว่ากำลังดิ้นๆๆแล้วก็ดิ้นเพื่อปลุกให้คนที่กำลังเอาหน้ามาซุกอยู่ตรงซอกคอผมนั้นตื่น จะได้หลุดจากการกอดรัดของมันสักที 

     ไม่นานเกินรอ เปลือกตาสีไข่ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
     เห็นไหม… มันตื่นแล้ว
     และเราสองคนก็…

     อายส์คอนแท็คเลยไอ้สาดดดดด

     หน้าของเราอยู่ใกล้กันแค่คืบ มันใกล้ชิดมาก…มากจนลมหายใจของผมกับคนตรงหน้านั้นประทะเข้าหากันจนตอนนี้มันร้อนไปหมดแล้ว…หน้ากูเนี่ยร้อน ฮืออออช่วยกูด้วยครับสังคม

     “ปล่อยกูได้แล้ว”   ผมพูดด้วยเสียงที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก เพื่อที่จะได้ทำลายบรรยากาศในตอนนี้ด้วย ดูเหมือนว่เจ้าตัวเองก็เพิ่งได้สติเหมือนกัน รีบปล่อยแขนขาออกจากตัวผมอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจเหมือนกับว่าผมเป็นของร้อนอะไรทำนองนั้น

     แหม…ทีเมื่อกี้ล่ะรัดกูซะแน่นเชียว
     เหยยยย…แต่เมื่อครู่นี้น่ะ… ผมเห็นนะ เห็น…มันหูแดงว่ะครับ กร๊ากกกกก!

     “ไข้ขึ้นเหรอทำไมหูแดงๆ”  ผมก็แซวสิครับหัวหน้า ฮ่าๆๆๆ
     ก็แค่แซวเฉยๆน่า คนอ่านอย่าคิดมาก…

     ไม่ไงนานๆทีจะเห็นมันมีปฏิกิริยาแบบนี้ นี่กูควรบันทึกลงกินเนสบุ๊คดีไหมเนี่ย

     “เปล่า…ไม่มีอะไร”  คนป่วยตอบอ้อมแอ้มแล้วก็พลิกตัวหันหลังให้ผมเลย แน่นอนว่าคนอย่างไอ้ปิงก็ไม่ยอมแพ้ตามไปแซวมันให้ถึงที่สุด แหมๆ…หูแดงขนาดนี้แต่หน้ายังนิ่งเหมือนเดิมเลยนะเอ็งเนี่ย ไม่เขินเล๊ยยยยยย

     “ไหนๆมาดูดิเผื่อไข้กลับทำไง”  ยังอีกผมยังไม่หยุดแกล้งมัน  จากนั้นก็เลยแกล้งยื่นมือหมายจะไปวัดไข้ไอ้ควายเผือกที่นอนหันหลังให้อยู่
     ก่อนที่มือจะได้แตะที่หน้าผาก คนโดนแกล้งก็พูดขึ้นมาซะก่อน “น้องกวางล่ะ?”  แหม…ทำเนียนเปลี่ยนเรื่อง

     เออออ!! เฮ้ยยยน้องกวาง 

     “อ๋ออ อยู่ในห้องกูเอง” 

     พรึบ!!
     ตอบไอ้เสือไปยังไม่ทันจบประโยคดีผมก็รีบหุนหันพลันแล่นลุกขึ้นจกที่นอนทันที ไม่ใช่อะไรเมื่อคืนก็เอาลูกเค้ามานอนด้วยกะว่าจะดูให้แล้วก็ดันไม่ได้ดูให้ซะนี่ ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาเดี๋ยวซวยอีก

     ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีก็มาถึงตรงหน้าห้องผม ไม่รอช้าผมรีบเปิดประตูเข้าไปด้วยความไวว่อง แต่…ภาพที่ปรากฏต่อหน้านั้น
     
     แม่ง…

     น้องกวางยังหลับอยู่ครับ…

     ฟู่ววววว!

     โล่งงงงง!

     ผมนี่ถึงกับถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างโล่งอกเลยครับสังคม

     คนตัวสูงเดินตามผมมาติดๆและยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง “ทำไมให้มานอนนี่ล่ะ?” เจ้าตัวเอ่ยถามและเดินเบียดผมซึ่งยืนอยู่หน้าประตูเข้าไปในห้อง

     “ก็ตอนแรกว่าจะเอามาดูให้เนี่ยแหละ เห็นมึงไม่สบายถ้าเอาไปนอนด้วยเดี๋ยวไข้จะกลับอีก…แล้วเมื่อคืนมีหมาที่ไหนไม่รู้มาดึงกูลงไปนอนด้วยเฉยเลย” 

     เออแม่งเป็นหมาขาดความอบอุ่นด้วย หมาชอบสกินชิพอีกต่างหาก
     เอ่อ…ที่พูดขึ้นมาไม่ได้อะไรนะคร้าบบบ แค่อยากบอกให้มันรู้เฉยๆว่าไม่ได้เป็นคนเสนอตัวไปนอนข้างๆมันแบบนั้น

     “อ่า…เหรอ” คู่สนทนาตอบเสียงเบาๆที่จริงมันพึมพำในลำคอต่างหากแต่ผมได้ยิน นั่นๆหูมันแดงอีกแล้ว ฮ่าๆๆ ขำว่ะ

     “แล้วนั่นจะทำอะไร” ถามสวนขึ้นมาเมื่อเห็นว่าไอ้เสือมันกำลังทำท่าจะเข้าไปอุ้มน้องกวางออกจากเปล

     “ก็อุ้มน้องกวางไง” หันหน้ามาตอบ

     “อุ้มทำไปทำไม? ไม่เห็นไงว่าน้องกวางยังนอนอยู่” 

     “ก็เห็น แต่เดี๋ยวจะรบกวนมึงไง” 

     “รบกวนอะไร ก็ให้นอนไปสิวะทำไมกลัวกูจะกัดหัวลูกมึงเหรอ?” 

     “ไม่ใช่”

     “ไม่ใช่งั้นก็ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้นแหละ!”  แหมผมล่ะอยากเกรี้ยวกราดจังครับหัวหน้า ทำไมเห็นกูใจร้ายขนาดนั้นเลยหรือไง!!

     “ก็ได้ ไว้ถ้าน้องกวางตื่นเดี๋ยวกูมาอุ้มออกไปนะ”  สุดท้ายมันก็ยอมจำนนท์และเคลื่อนย้ายตัวออกหากจากเปลน้องกวาง

     “มึงก็ต้องมาอุ้มออกไปอยู่แล้วสิวะ หรือมึงจะปล่อยให้ลูกมึงเดินออกไปเอง”

     “ห่า…กวนตีน”  มันพูดแล้วก็ผลักหัวผมแรงๆจนหน้าแทบคว่ำลงพื้นแล้วก็เดินออกไปเลย 
     ชะชะชะเดี๋ยวนี้ชักหาญกล้า ริอาจมาผลักหัวกู เดี๋ยวๆ เดี๋ยวปั๊ดตบให้กะโหลกแตกซะหรอก!

     ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบสามโมงเช้าแล้ว ตอนนี้ก็อาบน้ำแต่งตัวทานเข้าเช้ากันเสร็จ ผมเองก็กำลังนั่งเช็คโทรศัพท์อยู่ตรงหน้าโทรทัศน์ ส่วนน้องกวางนั้นก็ตื่นนานแล้วเธอกำลังโดนพ่อของเธอจับแปลงโฉมเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยๆ

     “รู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม? ไม่ได้ปวดหัวแล้วนะ?”    ผมถาม… ที่จริงก็ถามไปงั้นแหละกลัวว่าจะป่วยขึ้นมาอีก ลำบากใครถ้าไม่ใช่ผม

     “อืม…ก็ดีขึ้นแล้วแหละ ขอบใจนะ”

     “ไม่เป็นไร คราวหลังก็อย่าโหมงานหนักนักสิวะ ตายขึ้นมาแล้วใครจะดูแลน้องกวางมึงยังไม่ได้เห็นเขาเป็นฝั่งเป็นฝาเลยนะโว้ย”

     “ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า…กูไหว…” 

     “คร้าบบบบ ไหวคร้าบบบบบบ”    ประชดแค่ไหนถามใจดู ผมนี่ตอบเสียงลากยาวจนไปถึงดาวอังคารได้แล้วมั้งเนี่ย
     จ้าไอ้คนเก่ง ไอ้คนขยัน ไอ้มนุษย์เหล็ก อยากจะเบ้ปากแรงๆสักทีสองทีให้หน้าเบี้ยวกันไปข้าง

     “มันก็ต้องทำแบบนี้แหละไว้มึงมีภาระแล้วมึงจะเข้าใจ  คือถ้าเราไม่ทำเองแล้วใครจะมาทำให้วะชีวิตมึงก็ต้องรับผิดชอบดิ”

     “เออ…กูเข้าใจ แต่กูหมายถึงทำงานน่ะก็ต้องพักผ่อนบ้างไม่ใช่โหมงานหนักอยู่ท่าเดียว ตัวมึงเองถ้าไม่ดูแลแล้วใครจะมาดูแลล่ะ คร้าบบบบบบ”    ขอแซะหน่อยเถอะ ก็เข้าใจฟีลคนต้องเร่งหาเงินแหละ แต่มึงครับหาเงินกว่าจะได้เอามาใช้นี่คงต้องจ่ายค่ายารักษาตัวเองก่อนแหงๆ  เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย

     “ไม่เอาหรอกคนดูแล ไม่รู้ว่าถ้ามีแล้วใครจะได้ดูแลใครกันแน่”

     “ก็หาคนที่มันดูแลมึงได้สิวะ จะเอามาเป็นภาระทำไม!?”  เออกูไม่เข้าใจมึงเนี่ย!   

     “แต่บางครั้งก็อยากเป็นคนมีภาระเพิ่มว่ะ” มันละสายตาจากน้องกวางและหันมาตอบผม แอบเห็นมุมปากนั้นยกยิ้มน้อยๆ   
     บ้า!...เป็นไข้จนประสาทกลับเลยหรือไงมึง

     “โว้ะ! ผีบ้า!”  คนดีที่ไหนอยากจะหาภาระเพิ่ม อยากได้เพิ่มนี่มารับเลี้ยงกูเป็นลูกอีกคนนี่มา ฮ่าๆๆๆ   

     ตลกละ…? 
     แค่ประชะครับหัวหน้า อย่าคิดมาก
     “แล้วนี่ไอ้หมากมันไปไหน ไม่ค่อยเห็นเลยเดี๋ยวนี้” คู่สนทนาเปลี่ยนเรื่อง ถามขึ้นมาทั้งที่มือก็ยังง่วงอยู่กับการแต่งตัวให้ลูก

     “ไม่รู้นะ แต่เห็นไอ้ฟาร์มมันเคยบอกว่าพี่หมากทำงานกลางคืน”  จริงๆพี่มันก็กลับบ้านนะ แต่ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไร ผมตื่นพี่มันนอน ผมนอนพี่มันไม่อยู่ไรงี้มากกว่า หรืออาจจะเข้ามาเวลาที่ผมไม่อยู่บ้าน 

     “อ่อ…แล้วมึงล่ะไม่ทำงานบ้างเหรอ?”
     แหม…พอถามมาอย่างนี้แล้วอดหน้าสั่นไม่ได้เลย ทำไมผมดูเป็นคนไร้แก่นสารอย่างนี้วะ ไม่เป็นหลักเป็นแหล่งล่องลอยไม่มีอนาคต

     “ปิดเทอมว่าจะหาทำอยู่ อยากหาที่ที่ทำเป็นพาร์ทไทม์ตอนเปิดเทอมได้ด้วยน่ะ”
 
     “อืม…แล้วจะไปมหาลัยเลยไหม? ติดรถกูไปก็ได้”   

     “ไปด้วย…ไม่อยากเสียเงินค่ารถ แหะๆ”  คือก็งงนะกำลังคุยเรื่องทำงานแล้วเปลี่ยนมาเป็นเรื่องไปมหาลัย  ขอจูนสมองแป้บ!



     เมื่อเช้าผมซ้อนรถมากับไอ้เสือแบบที่เคยซ้อนในวันนั้นที่ติดรถมันมาครั้งแรก ใครมองก็คงว่าครอบครัวสุขสันต์แต่…ใจเย็นครับหัวหน้านี่แค่คนรู้จัก พี่น้องกัน

     “ไอ้ปิง”  อยู่ๆไอ้โก้มันก็กระซิบเรียกพร้อมกับสะกิดผมที่กำลังตั้งใจฟังอาจารย์สอนอยู่

     “อะไร?”  เลยตอบแบบกระซิบๆกลับไป

     “เย็นนี้ไปกินหมูกระทะบ้านมึงได้ไหม?”
 
     “ทำไมต้องบ้านกู?”  ผมเลิกคิ้วขึ้นในเชิงถาม นั่นสิอยากกินหมูกระทะก็ไปกินที่ร้านสิวะ มาบ้านกูทำไมขี้เกียจเก็บจานโว้ยยยย

     “ก็หอกูมันกินเนื้อย่างไม่ได้”

     “แล้วทำไมไม่ไปร้าน?”

     “อยากเปลี่ยนบรรยากาศ”

     “แล้วทำไมไม่ไปบ้านไอ้เจมส์?” บ้านไอ้นั่นยิ่งครบเรื่อง สบายกว่าบ้านผมเยอะ

     “ไม่เอา บ้านมันกว้างไป”   โอยยยย ไอ้บ้า! แบบนี้ก็ได้เหรอออ?

     “ไม่เอาขี้เกียจเก็บจาน!” 

     “โว้ะอะไรวะ แค่นี้ก็ไม่ได้” นั่นไงทั้งกระซิบแล้วก็ตัดพ้อกูอย่างกับว่ากูไม่ให้ข้าวมึงกินยังไงอย่างงั้นแหละ

     “เออๆแล้วแต่มึง อยากไปก็ไปแต่ช่วยล้างจานให้กูด้วย”   สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะไม่ให้มันไป หนึ่งเลยก็แบบเพื่อนน่ะนะเลยไม่อยากอะไรมาก ส่วนข้อสองนี่สำคัญสุด ได้กินของฟรี กร๊ากกกกก!! 

      และเย็นวันนั้นปาร์ตี้หมูกระทะที่บ้านผมก็ประกอบไปด้วยผม ฟาร์ม เจมส์แล้วก็ไอ้โก้ตัวตั้งตัวตีของเรื่องนี้  เพราะฉะนั้นงานนี้ไอ้โก้เลยเป็นคนออกหมดเลยเพราะมันอยากเสนอมาดีนักพวกผมเลยพร้อมใจกันสนองเทคะแนนเสียงออกมาว่าไอ้โก้ต้องเป็นคนเลี้ยงเพราะมันเป็นคนชวน เลยได้เนื้อย่างชุดใหญ่มาสี่ชุดครับ มันเป็นสองแถมหนึ่งทั้งหมดเลยเป็นหกชุด อะๆกำลังคิดล่ะสิว่ามันเยอะ กับคนอื่นอาจจะเยอะนะแต่กับพวกผมมันไม่ใช่ไง กินแต่ละทีนี่อย่างกับพายุลง  ฮ่าๆๆๆ พอดีว่าช่วงนี้ปอบลง 


     “ไอ้เหี้ยเจมส์มึงแย่งหมูกูไปอีกแล้วสันดาน!”   ขณะนี้สงครามขนาดย่อมๆกำลังเกิดขึ้นโดยผมกับไอ้เจมส์ไอ้จอมมารวายร้ายที่จะมาแย่งสามชั้นย่างแบบเกรียมๆไปจากผม

     เออเอาผมก็เลยทำตัวปัญญาอ่อนไปเลยนะครับหัวหน้า  ไม่ต้องแซะผมครับนี่แซะตัวเองได้

     “ของมึงอะไรอันนี้ของกู กูถ่มน้ำลายจองไว้แล้วกูจำกลิ่นได้”   โห…ต่ำตมแค่ไหนถามใจดู สารเฬววววว

     “ไอ้สัด มึงมันเลวชิ้นนี้กูจำได้ว่ากูเป็นคนย่าง อีกอย่างเนื้อชิ้นนี้กูเอามาอมก่อนไปย่างมึงจะมาโมเมว่าเป็นของมึงไม่ได้!”   แต่กูต่ำตมกว่าครับ กร๊ากกกก

     “มึงสิเลว” 

     พรึบ!

     “ไอ้เหี้ยฟาร์ม!!”  ยังไม่ทันที่ผมจะพุดจบประโยค หมูชิ้นนั้นก็ลอยวับผ่านหน้าไป ผมกับไอ้เจมส์ถึงกับตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะไอ้ห่าตัวแย่งหมูที่แท้จริงนั้นแม่งมาชุกมือเปิบไปเฉยเลย เถียงกันตั้งนานสุดท้ายมาโดนไอ้ฟาร์มมันแย่งไปซะได้ผีปอบ…

     “เถียงกันอยู่นั่นแหละรำคาญ!”  มันทำเสียงแข็งกลบเกลื่อน

     “เลว!!”  แล้วก็รวมหัวกันด่าไอ้ฟาร์มแบบประสานเสียงอีกครั้งพร้อมกันสามสี่!
     ขโมยหมูผมไปแบบหน้าด้านๆหนาเท่าถนนคอนกรีตยังไม่พอยังมาเบ้ปากมองบนใส่กูอีก ชะชะช่าเดี๋ยวตบให้หน้าเบี้ยวแบบไม่ต้องเบ้ปากเลยไอ้นี่


     บื้นนนนน!!
     พอกำลังจะอ้าปากด่ามันต่อแต่ก็ยังไม่ได้ด่าแขกคนใหม่ก็เข้ามาขัดคำพูดของผมซะแล้ว  คือตอนนี้เรากำลังปูเสื่อนั่งกินตรงหน้าบ้านผมกัน ส่วนไอ้คนที่มานั้นก็ไม่ต้องแปลกใจ  คนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละ…ก็เสือไงจะใครล่ะ แต่เอ๊ะ! นั่นมันเสือคนเดิม
เพิ่มเติมคือไอ้พี่หมากนี่หว่า… ทำไมซ้อนรถมาด้วยกันได้ล่ะนี่

     “เอ้าพี่มาพอดีเลย มาๆนั่งๆ”  เป็นเสียงไอ้ฟาร์มคนดีคนเดิมเองครับก็พี่ชายสุดที่รักของมันทั้งสองมาพร้อมกันเลยนี่

     “นี่ปาร์ตี้อะไรกันเนี่ยพวกมึง!?”   ไอ้พี่หมากผู้ที่ตามตัวหายากมากกว่าใคร ทำตัวราวกับว่าเป็นนักฆ่าไร้เงาตอนนี้เพิ่งลงมาจากการซ้อนท้ายไอ้เสือแล้วก็เดินตรงมาทางพวกผมที่กำลังนั่งสวาปามกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

     “ไอ้โก้มันเลี้ยงน่ะพี่” ผมพูด  “อ้อพี่หมาก พี่เสือนี่เพื่อนไอ้ปิงมัน เพื่อนผมด้วยก็ได้ ชื่อโก้กับเจมส์” จากนั้นก็หันไปแนะนำไอ้เพื่อนทั้งสอง

     “หวัดดีคร้าบบบบ”  ว่าแล้วมันสองคนก็ยกมือไหว้กันไปตามระเบียบ ส่วนไอ้เสือนี่ก็เดินหน้าไร้อารมณ์มาเหมือนเคย สองมือก็ถือตะกร้าผ้าอ้อมน้องกวางอย่างพะลุงพะลัง 

     “แอ๊!!”  นั่นไงเสียงยัยเด็กอ้วนเองแหละครับ พอไอ้เสือมันพาเดินเข้ามาในบ้านเท่านั้น อาจเป็นเพราะว่าเห็นผู้คนมากหน้าหลายตาเธอเลยส่งเสียงออกมาจนพ่อมันนี่มองหน้าลูกอย่าตกใจ
ไม่ใช่อะไรนะ ที่ร้องออกมานี่ไม่ได้ว่าร้องไห้นะสงสัยว่าเธอยากลงมาเล่นด้วยอะไรประมานนี้

     “กินอะไรกันมายัง?”  ผมหันไปถามไอ้พี่ทั้งสองคนที่เพิ่งมาใหม่

     “ยังเลยกำลังหิว”   อันนี้ไม่ต้องชวนหลายรอบเลยครับหัวหน้า ไอ้พี่หมากมันตอบแล้วก็นั่งข้างๆไอ้ฟาร์มทันที

     “มาๆพี่มานั่งกินด้วยกันก่อนครับ”  ไอ้โก้เจ้ามือประจำมื้อนี้ร้องเรียกไอ้เสือที่ยังจะอุ้มลูกเดินเข้าไปในบ้าน

     “อ่อ…เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บก่อนเดี๋ยวออกมานั่งด้วย”  พูดเสร็จแล้วร่างใหญ่ๆของมันก็หายเข้าไปในบ้านทันที นี่ก็ตกใจหมด
คิดว่าเป็นอะไรที่ทำหน้านิ่งๆไม่ค่อยพูด ตอนแรกก็คิดว่าโกรธที่ไหนได้ไอ้ห่านนน ก็ลืมไปครับว่าหน้ามันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

     “พี่ไปไหนมาวะทำไมช่วงนี้ไม่เห็นหน้าเลย?”  ผมอดที่จะถามไม่ได้ คนอยู่ด้วยกันไม่เห็นหน้ากันไม่ถามสิแปลก

     “กูไปทำงานมา  บางทีขี้เกียจกลับก็นอนห้องกิ๊ก”   พี่หมากตอบแล้วก็จัดการคีบเนื้อในกระทะออกมาเป่าและก็ยัดเข้าปากทันทีหลังจากที่ตอบคำถามผม

     “ว่าอยู่ทำไมหายไปไหน” 

     “ที่จริงก็กลับมานะ แต่พอกลับมาแล้วมึงไม่อยู่ เวลาไม่ตรงกันเลยไม่ได้เจอหน้าไง” 

     “เฮ้ยยยย!!”   

     “อะไรของมึงไอ้เจมส์!?” ไม่ใช่แค่ผมที่เป็นคนถามครับ ไอ้ฟาร์มกับไอ้โก้ก็ประสานเสียงถามออกมาด้วยความพร้อมเพียง  ก็อยู่ๆมันเล่นอุทานขึ้นมาจนเนื้อหมูที่กำลังคีบเข้าปากผมนี่หล่นลงพื้น ส่วนไอ้โก้ที่กำลังกินน้ำอยู่ก็สำลักออกมาแทบไม่ทัน

     “กูว่าแล้ว…” 

     “ว่าอะไรของมึง?”   ไอ้โก้ถามพร้อมกับสีหน้าที่โคตรสงสัย เออกูเชื่อแล้วว่ามึงสงสัยจริง คิ้วนี่ขมวดเป็นปมจนแก้ไม่ออกละ ส่วนผมสามคนก็กำลังอ้าปากตั้งใจรอฟังจนยุงจะบินเข้าไปไข่ในปากแล้ว เพราะไอ้เจมส์มันยังคงลีลาลวดลายท่ามากไม่ยอมพูด

     “ลืมซื้อเบียร์เข้ามาว่ะ…แหะๆ” มันตอบและยิ้มแห้งๆกลับมา

     “โอ้ยยยยไอ้สัดดด!!!” แล้วก็พร้อมใจกันด่ามันออกมาโดยพร้อมเพียง

     “แล้วไง?”   ฟาร์ม

     “ก็เดี๋ยวกูมาแป้บนึง ไปซื้อเบียร์ก่อนไอ้โก้ไปช่วยกูยกลังเบียร์ดิ”   แหม…คือแบบมึงแค่พูดว่าลืมซื้อเบียร์ก็พอแล้วไหม มาทำเป็นท่าทำทางรีแอ็คชันใหญ่โต เดี๋ยวปั๊ดดดดด!!

และค่าเบียร์ครั้งนี้ก็ฟรีไปอีกเพราะถูกสมนาคุณ โดยไอ้พี่หมากจากมันหนึ่งลัง แต่รู้อะไรไหมครับ? มันแม่งพากันยกมาสองลัง โอยยยยจะพากันอาบเบียร์หรือไงพวกมึง!!


     “แอ๊!!” และคนที่หายไปมันก็กลับมาพร้อมกับเสียงที่ผมโคตรจะคุ้นหู
     หายเข้าไปสักพักก็ออกมาพร้อมกับไอ้เด็กอ้วนที่ท่าทางนี่โคตรจะดี๊ด๊ากว่าทุกครั้งที่เคยเป็น

     “พี่เอาไรให้น้องกวางกินป้ะเนี่ยทำไมดูดีดๆอย่างนี้วะฮ่าๆๆๆ”  ฟาร์มพูด 

     “ไม่รู้ว่ะ สงสัยเห็นคนเยอะมั้งเลยดีด”   มันตอบแล้วก็นั่งลงข้างผม ส่วนน้องกวางนี่ก็จับนั่งลงรถโดนัทที่นั่งประจำตำแหน่งของเธอ

     “พี่เอาเบียร์ไหมครับ?”   ไอ้เจมส์คนที่นั่งกอดถังน้ำแข็งถังเบียร์ไว้ก็ชะโงกหน้ามาถามไอ้เสือที่เพิ่งได้นั่งกินหมูกระทะ

     “สักแก้วก็ได้” 
ส่วนผมนี้ก็ไม่ได้แตะอะไรมากมายสักเท่าไร เพราะเดี๋ยวมันจะเปลี่ยนนิสัยผมอีก ความไม่ปลอดภัยยิ่งอยู่ใกล้ๆตัวด้วย อยู่ในบ้านเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดผมเมามันเมาแล้ว…


     เออนั่นก็แหละครับก็…นั่นแหละ

     เพราะฉะนั้นเราต้องปลอดภัยกันไว้ก่อน

     และแล้วช่วงเวลาของความสุขก็หมดไป…แต่แทนที่ด้วยความทุกข์แทนไอ้สาดดดดดดดด


     เหยดดแม่มมมมมมมม!! คือแบบพี่หมากมันก็เมาแล้วเข้าห้องนอนเลยไง ส่วนไอ้สามตัวนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย ตอนนี้ไอ้ฟาร์ม ไอ้เจมส์ ไอ้โก้ก็กำลังนอนสลบกันอยู่ตรงพื้น ไม่ต้องสงสัยเลยครับ สองลังไม่ได้ทำให้พวกมันเป็นแบบนี้ แต่เป็นเพราะเสนอหน้าไงกระแดะอยากกินกันต่อเลยไปจัดมาอีกหนึ่งลัง แล้วเป็นไงคนลำบากนี่ใครถ้าไม่ใช่คนไม่เมาแบบกู… โอยยยยจิครายยยยย

     “เอายังไงล่ะทีนี้?”   ไอ้เสือเดินมาถามผมและพยักพเยิดหน้าไปทางหมาสามตัวที่กำลังนอนกองกันอยู่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เป็นไงล่ะติดลมแล้วลำบากใครไอ้พวกนี้นี่อย่าให้ตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้นะ นี่จะตบหัวเรียงตัวเลย ชิชะ!

อ้อลืมบอกไป คือก็ไม่ได้รับชะตากรรมไปคนเดียวนะครับ ยังมีไอ้เสือด้วยอีกคนที่ช่วยกันเก็บช่วยกันกวาดจนตอนนี้ก็ต้องมาช่วยกันลากพวกมันสามคนเข้าไปในบ้าน

ดีหน่อยที่น้องกวางนอนแล้วก็คุณเธอนั้นเล่นกับผมจนเหนื่อยนั่นแหละ เพราะระหว่างที่ไอ้เสือมันกินอยู่ผมเลยอาสาดูน้องกวางให้ จะได้เต็มที่ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง

     “ก็ต้องลากพวกมันเข้าไปนอนในบ้านแหละ”  ผมตอบอย่างหมดแรงพร้อมเกาหัวแกรกๆไปมา  เห้อ…เห็นสภาพแล้วผมล่ะเหนื่อยรอตั้งแต่เนิ่นๆเลย คือแบบ…แต่ละคนนี่ตัวไม่ได้เบาๆเลยนะ


     ฮึบบบบ!!

     ฟู่ววววว!! 

     ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง เพราะตอนนี้ผมกับไอ้เสือก็ได้ช่วยกันแบกไอ้สามตัวบาทเข้ามานอนในห้องผมได้แล้ว ถ้าจะให้นอนข้างนอกก็สงสารเพราะว่าไม่มีแอร์มีแต่พัดลมก็กลัวมันจะร้อนกันจนตายน้ำก็ยิ่งไม่ได้อาบกันอยู่

     “ขอบใจ…”  ผมพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจหอบๆออกมา ถ้าไม่ได้ไอ้เสือผมนี่ตายแน่ๆ

     “ไม่เป็นไร แล้วจะนอนกันได้เหรอ?” 

     “ก็ได้แหละ ไม่อยากปล่อยให้นอนข้างนอกไงเดี๋ยวยุงหามพวกมันไปกินอีก”

     “อ่อ…” มันตอบรับเสียงในลำคอ “เดี๋ยวกูไปนอนก่อนนะจะให้ช่วยไรก็บอก” พูดทิ้งท้ายไว้จากนั้นก็เดินออกไป

     “โอเค…”  หลังจากที่ไอ้เสือมันออกไปแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องชำระล้างร่างกายซักทีเหนื่อยมาทั้งวันละ เพราะถ้าไม่งั้นเดี๋ยวจะได้นอนแบบเน่าๆเนื่องจากตอนนี้ก็ง่วงเหมือนกัน เพราะเวลานี่ก็ล่วงเลยไปแล้วเกือบตีสอง  ง่วงแค่ไหนถามใจดู

     ฮ้าวววววววววววว

     อาบน้ำยังไม่ทันเสร็จดีแทนที่ตาจะเปิดแต่กลับง่วงมากกว่าเดิมอีก เลยไม่รอช้าที่จะล้มตัวลงนอน หมายถึงล้มตัวลงนอนพื้นข้างล่างนะครับ เพราะพวกมันเล่นนอนยึดเตียงกันซะหมดเลย อีกอย่างถึงนอนได้ก็ไม่นอนกับพวกมันหรอก น้ำไม่อาบอย่างนั้นใครจะไปนอนเบียดด้วย กลิ่นเหล้ากลิ่นเบียร์กลิ่นควันหมูย่างนี่ไม่ต้องพูด ถ้าพวกมันตื่นขึ้นมานะจะไล่ให้เอาผ้าปูที่นอนผมไปซักเลย เพราะกลิ่นนี่ต้องติดแล้วแน่ๆ 


     ฮ้าวววววววว
     หาวยาวขนาดนี้ที่จริงก็ควรจะนอนได้แล้วนะครับ…  เพราะฉะนั้นขอตัวไปเข้าเฝ้าพระอินทร์ก่อนนะครับหัวหน้า…


     คร่อก…


     แต่…ยังไม่ทันที่จะได้หลับตาลงเลยเสียงแปลกประหลาดก็เข้ามารบกวนบรรยากาศดีๆของผมเสียหมด อันเนื่องมากจากว่า…ไอ้สามตัวนั้นมันกำลังนอนแข่งกันกรนอยู่น่ะสิวะ!


     บัดซบที่สุด!! 

     คร่อกกกกก!!!

     เอาน่าเดี๋ยวก็หลับ ข่มตาไว้ข่มตาไว้… ผมปลอบใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่านับแกะตัวที่ร้อยถึงพันแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเข้าสู่ห้วงนิทราบ้างเลย

     โอยยย ยิ่งนานเข้ายิ่งทวีคูณจนตอนนี้ตามันปิดแทบไม่ลงแล้วครับ ช่วยด้วยยยยยย

     คร่อกกกกก!!

     ยังอีกยังไม่หยุดอีก…ได้พวกมึงจะเอาอย่างนี้ใช่ไหม!?


     ได้!!

     .
     .
     .


     กูไปนอนข้างนอกก็ได้โว้ยยยยยย

     หนทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเสียงกรนนรกได้ก็ต้องเป็นผมนี่แหละที่ต้องหนีออกมานอนข้างนอกคนเดียวตรงโซฟาหน้าทีวี… แล้วแม่งก็ร้อนฉิบหายเลย ยุงก็กัดด้วย

     คอยดูนะพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาจะเช็คบิลเก็บต้นทบดอกกันให้ครบทุกคนเลย!

     “ทำไมมานอนตรงนี้ล่ะ?” 

     ฉิบหาย! ตกใจหมดคิดว่าแต่ผีที่ไหนเล่นเข้ามาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเพราะอยู่ดีๆในขณะที่ผมกำลังพลิกซ้ายพลิกขวากลิ้งมากลิ้งไปอยู่บนโซฟาเสียงทุ้มแสนคุ้นหูก็พูดแทรกขึ้นมาซะได้   

     “พวกมันกรนเสียงโคตรดังนอนไม่หลับ”  ผมตอบ
     ตอนนี้คือง่วงมาก แต่ก็นอนไม่หลับ ร้อนก็ร้อนยุงก็กัดทรมานมาก

     “ไปนอนห้องกูดิ”

     หะ! อะไรนะ?   

     “…” 

     “ก็แค่ชวนเข้าไปนอน เห็นนอนร้อนๆให้ยุงกัดกูก็เวทนา” 

     อ๋อออออ… ถึงบางอ้อเลยครับ!!

     “แล้วน้องกวางล่ะ?”

     “น้องนอนในเปลไม่ได้นอนบนที่นอน”

     “อ่อ…งั้น…วันนี้กูนอนด้วยนะ”

     พรึบ!!

ว่าแล้วก็ไม่รีรอที่จะหอบผ้าห่มหอบหมอนเข้าไปนอนตากแอร์ให้เย็นฉ่ำสบายใจ เลือกที่จะนอนฝั่งที่ติดกำแพงตอนนี้ก็เลยหันหน้าเข้ากำแพงซะเลย

     ฮ้าววววแอร์เย็นๆแบบนี้ที่ปารถนา นอนแล้วครับ


     คร่อก…


    มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 13:36:43 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
พี่เสือรู้ตัวเเล้วว รอน้องรู้ตัวบ้างง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เอาแล้วพี่เสือรู้ตัวว่าชอบปิงแล้ว เหลือแต่ปิงว่าจะรู้ตัวเมื่อไหร่

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พี่เสือชัดเจนกับความรู้สึกมาแล้วอ่ะ
รอลุ้นปิงจะคิดเหมือนกันตอนไหน

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อจากตอนที่สิบสองค่ะ

 บันทึกของเสือ


     หลังจากออกไปกดน้ำร้อนมาไว้ในกระติกเสร็จแล้วผมค่อยๆเดินย่องเข้ามาในห้องเพราะกลัวว่ามันจะเกิดเสียงดังเป็นการรบกวนคนที่อยู่ในเปลและบนเตียง จากนั้นก็ค่อยหย่อนตัวลงบนที่นอนไม่มันเกิดแรงสั่นสะเทือนมาก  แต่ตอนนี้ปิงมันก็คงหลับเป็นตายไปแล้ว เมื่อครู่นี้ท่าทางของมันนั้นไม่ต้องพูด ตาก็จะปิดอยู่รอมร่อแต่ก็นอนไม่หลับเพราะร้อนแล้วไหนจะยุงที่จ้องจะมาดูดเลือดอีก ก็ด้วยความที่สงสารก็เลยอดไม่ได้ที่จะชวนให้เข้ามานอนด้วยกัน

แต่ว่าตอนนี้ผมไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่ชวนมันมานอนในห้องแบบนี้  เนื่องจากตอนนี้ก็ได้กลายเป็นผมซะเองที่นอนไม่หลับ เพราะไอ้กลิ่นหอมประจำตัวของปิงที่มันลอยเข้ามาแตะปลายจมูก จนตอนนี้ดันเกิดอาการแปลกๆยอมรับก็ได้ว่าปั่นป่วนพอสมควร
ก็คนมันไม่ได้รู้สึกแค่เพื่อนร่วมบ้านแล้วนี่หว่า…   


     ผมยอมรับแบบลูกผู้ชายเลยว่าตอนนี้ผมชอบปิง แต่ผมก็ต้องหักห้ามใจตัวเองเอาไว้ว่าไม่ให้พูดคำคำนั้นออกไป เพราะถ้าหากพูดออกไปแล้ว ผมคิดภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร  แต่ที่แน่ๆมันก็คงไม่ใช่อะไรที่ดีแน่ๆ อย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าลูกผมเขาจะรับได้ไหม?ถ้าโตขึ้นมาแล้วรู้ว่าพ่อของตัวเองชอบผู้ชาย และเรื่องนี้ที่ผมโคตรกลัว…

แต่สิ่งอื่นนอกจากนี้คือ…ปิงมันจะชอบผม รู้สึกเหมือนกันกับผมหรือเปล่า นี่คือสิ่งที่ผมกลัว เพราะถ้าหากผมพูดออกไปแล้วมันไม่ใช่ ความสัมพันธ์ทุกอย่างอาจจะเลวร้ายมากว่าเดิมซึ่งนั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ผมกลัว เพราะฉะนั้นผมควรที่จะรักษาความสัมพันธ์ไว้แบบนี้ซะยังจะดีกว่า

ก็เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกไป แล้วก็คอยห้ามใจตัวเองเอาไว้ว่าอย่าคิดไปมากกว่านี้ ปรกติแล้วผมเป็นคนซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองมากนะ พอต้องมาทำแบบนี้แล้วมันก็อึดอัดหัวใจตัวเองเหมือนกัน  เพราะฉะนั้นผมควรที่จะตัดใจไปแบบเงียบๆเสียยังจะดีกว่า


     หลายวันมานี้ที่ผมได้ใกล้ชิดปิงมากจนมันผมแทบคลั่ง อดใจไม่ให้รู้สึกมากกว่าเดิมแทบไม่ไหว หัวใจเจ้ากรรมมันดันแต่จะถลำลึกไปมากกว่าเดิมซะอีก

ผมกลับมารู้สึกแน่ชัดก็เมื่อสองวันก่อน  วันนั้นที่น้องกวางไม่สบายแล้วช่วยผมดูลูก ส่วนครั้งที่สองก็ตอนที่ผมไม่สบายแล้วมันมาดูแลผม…ผมรู้สึกดีอย่างช่วยไม่ได้  ผมบอกไม่ถูกว่าเป็นยังไงแต่มันรู้สึกดีมาก การที่มีใครสักคนคอยดูแลเราตอนที่เราป่วย หรือใครสักคนที่อยู่ข้างๆเราตอนที่ลำบากมันเป็นอะไรที่โคตรดี… เลยไม่แปลกที่ผมจะห้ามไม่ให้หัวใจตัวเองเต้นแรงในทุกๆครั้งที่อยู่ใกล้ๆปิง ยิ่งใกล้ผมก็ยิ่งรู้สึก…เหมือนอย่างกับตอนนี้

ผมกำลังค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ๆตัวปิง ถึงตอนนี้จะหลับไปแล้วแต่ผมก็กลัวอยู่ดี กลัวว่ามันจะตื่นขึ้นมา แต่เสียงของความต้องการของผมมันคอยสั่งให้ผมขยับเข้าไปใกล้ๆและใกล้ๆ จากนั้นก็รวบร่างโปร่งเข้ามากอดไว้อย่างเต็มรักจากทางด้านหลัง 

กลิ่นหอมอ่อนๆประจำตัวคนในอ้อมกอดลอยมาแตะปลายจมูกผมมากกว่าเดิม จนอดไม่ได้ที่จะสูดดมเข้าไปแรงๆ ผมซบหน้าลงที่หลังคอของปิงอย่างอดไม่ได้ 

นึกถึงเช้าสองวันนั้นที่ปิงมันตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของผม และนั่นก็เป็นอ้อมกอดที่ผมตั้งใจจะให้มันเกิด ผมเป็นคนคว้าตัวมันเข้ามากอดไว้เอง วันแรกแค่อยากที่จะพิสูจน์ว่ารู้สึกยังไง ส่วนวันที่สอง…ผมคิดว่าผมโหยหาการที่มีอีกคนอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้งเลยห้ามใจตัวเองไว้ไม่อยู่ ห้ามสองมือที่คอยแต่จะคว้าตัวมันเข้ามากอดไว้ไม่ได้

หลังจากวันนั้นผมก็คิดมาเสมอว่าอยากที่จะมีอีกคนอยู่ในอ้อมกอดผมในทุกๆเช้าเวลาที่ตื่นนอนขึ้นมา…แต่นั่นก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกจริงไหม…เรื่องนี้ผมรู้ดี


     เพราะว่าผมควรที่จะหยุดทำแบบนี้ได้แล้ว หยุดรู้สึกหยุดทุกอย่าง…

     แต่ก่อนที่จะหยุด…อย่างน้อยวันนี้ผมขอมีปิงอยู่ในอ้อมกอดอีกสักคืนก็ยังดี  ขอมีช่วงเวลาที่ปิงตื่นขึ้นมาแล้วอยู่ในอ้อมกอดผมอีกสักครั้ง…

     ผมแค่…อยากให้มันเห็นหน้าผมเป็นคนแรก…
     และนอกจากหน้าของลูกผมแล้ว ปิงก็คือคนที่ผมอยากเห็นหน้าในทุกๆเช้าด้วยเช่นกัน

 จบบันทึกของเสือ


     TBC...

     Rewrite 16/7/60




   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 13:40:24 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่สิบสาม : งานวันเเรก




     เช้านี้ที่โคตรไม่สดใส…
     ห่านจิก! จะให้มันสดใสได้ยังไงล่ะ!พอตื่นมาแล้วก็โดนไอ้ควายเผือกที่นอนอยู่ข้างๆก่ายกอดผมไว้อย่างเฉกเช่นทุกครั้ง แหม…แทบตายเมื่อเช้าหายใจเกือบไม่ออกเลยครับหัวหน้า อะๆ ไม่ต้องมาบอกให้หายใจเข้าก่อนนะ มุขห้าบาทสิบบาทปิงไม่นิยม

     “พวกมึงแดกเสร็จแล้วก็เอาผ้าปูที่นอนกูไปซักให้ด้วย เหม็นกลิ่นตัวพวกมึงฉิบหาย อ้อแล้วก็ไปล้างจานที่กินเสร็จเมื่อคืนด้วย โทษฐานที่เมาแล้วชิ่งหลับกันก่อน ลำบากกูเก็บจานไม่พอยังต้องแบกร่างควายๆของพวกมึงมานอนด้วยเนี่ย!” 

หลังจากที่พวกเราเพิ่งทานข้าวเช้ากันเสร็จแล้วผมก็ถือโอกาสสั่งงานพวกไอ้สามตัวบาทสักหน่อย โทษฐานที่เมื่อคืนเมาแล้วเป็นภาระคนอื่น 

     “ทำมาเป็นบ่นทีตอนนั้นมึงเคยอ้วกใส่ที่นอนกู ยังเห็นไม่เคยพูดเลย”  ไอ้ฟาร์มพูดพร้อมกับผลักหัวผมจนหน้าเกือบทิ่มลงพื้น ชิชะ!ไอ้ห่าฟาร์มมันทวงบุญคุณผมครับหัวหน้า

     “ตอนนั้นกับตอนนี้ไม่เหมือนกันโว้ย!” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้  “กูต้องรับผิดชอบพวกมึงตั้งสามคน แต่พวกมึงนี่ดูกูแค่คนเดียวนะ! แถมยังนอนกรนกันจนบ้านแทบแตกทำให้กูนอนไม่หลับทั้งที่ง่วงจะตายห่าเลยต้องหอบผ้าหอบผ่อนมานอนร้อนๆให้ยุงหามกูไปแดกอีก” 

     “ตอแหล!”  สิ้นประโยคพวกมันทั้งสามคนก็พร้อมใจกันด่าผมออกมาด้วยความพร้อมเพียง ชิชะทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปแท้เลย ไม่น่าช่วยพวกมันเลยเนี่ย 

     “กูได้ข่าวว่ามึงไปนอนห้องพี่เสือไม่ใช่ไง๊!?” ไอ้หัวโล้นมันพูดและเลิกคิ้วขึ้นถาม
 
     รู้ทันกูอีกนะไอ้ฟาร์ม!!

     “แล้วไง แต่กว่ากูจะได้เข้าไปนอนห้องมันนี่ก็เกือบโดนยุงหามตัวไปแล้วเหมือนกันนะเว้ย!”  และผมก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะเถียงกลับ
     เปล่าครับกูโกหก ที่จริงออกมานอนยังไม่ถึงยี่สิบนาทีไอ้เสือมันก็ชวนไปนอนในห้องแล้ว

     “น้ำหน้าอย่างมึงน่ะอมพระมาพูดกูก็ไม่เชื่อหรอกสัด!”   ไอ้โก้…มึงมัน!! ไม่พูดเปล่ามันแม่งยังตบหัวผมอีกจนหน้าเกือบคว่ำสมองเกือบแตก  สมองกูไหลทำไงเนี่ย วันนี้โดนตบหัวสองรอบแล้วนะว้อยยยยย

     “รู้งี้ปล่อยให้พวกมึงนอนอยู่ข้างนอกดีกว่า ทำคุณบูชาโทษแท้ๆเลยกู…”  เมื่อเถียงไม่ได้ก็ตัดพ้อมันซะเลย พวกมันมีสามผมมีแค่ตัวคนเดียว ไอ้พี่หมากไอ้เสือก็ออกไปแล้ว จะเอาอะไรไปสู้เขาล่ะครับ

     “แหม…อย่ามาดึงดราม่าเดี๋ยวกูตบคว่ำแล้วไหนผ้าอยู่ไหนจะเอาไปซักให้!” ไอ้เจมส์พูด เนื่องจากว่ามันเป็นผู้ที่กำลังแฮงค์เหล้าแฮงค์เบียร์(ขนาดหนัก)มันเลยเป็นหนึ่งในสามที่ยอมผมง่ายสุด

     เห็นไหม!! สุดท้ายก็ต้องยอม ลองไม่ยอมดูสิรู้เรื่องเลย!!


     เย็นวันนั้น…ช่างแสนวุ่นวาย ตอนนี้ผมกำลังเดินหางานอยู่จนแทบพลิกแผ่นดินหลังจากที่กลับมาจากมหาลัยแล้วก็แจ้นมาหางานเลยทันที

     เฮ้อออออกูท้อจังเลยครับ งานห่าอะไรทำไมมันหายากหาเย็นแบบนี้ครับหัวหน้า นี่ก็ไปสมัครเซเว่นไว้แล้วไม่รู้จะได้หรือเปล่า พอผู้จัดการร้านเขาบอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อกลับไป ใจกูนี่ก็ห่อเหี่ยวไปแล้วแปดสิบเปอร์เซ็นต์ คือเขาต้องไม่รับแน่เลย นอนรอโทรศัพท์ไปเถอะครับกู  ตอนนี้ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้วรายงานหรืองานก็ที่คั่งค้างอยู่ก็ต้องเร่งทำสุดพลังเกิด 

ตอนแรกก็คิดไว้ว่าปิดเทอมแล้วค่อยหางานทำ แต่ผมมานั่งคิดไปคิดมาแล้วรีบหาตอนนี้เลยจะดีกว่า  งานยิ่งหายากๆอยู่ด้วย เดี๋ยวเจอตัดหน้าไปแล้วจะทำยังไง

เดี๋ยวก็ถึงเวลาที่ต้องได้จ่ายค่าเทอม ถ้าไม่มีจ่ายเดี๋ยวจะโดนไล่ออกซวยฉิบหายกว่าเดิมแน่ครับ  นี่สิคือสิ่งสำคัญเพราะฉะนั้นไม่ต้องถามว่าทำไมถึงมาเร่งหางานแบบนี้ทั้งที่ควรจะตั้งใจอยู่กับการอ่านหนังสือเพื่อเอาไปไฟท์ในไฟนอล 

     ฮืออออ…ผมตายแน่เลย เงินมีปัญหาใส่ชุดนักศึกษาไปหาใครได้บ้างครับ


     ฟู่วววววว!!

     เหนื่อยชะมัด ตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่ยังสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังครึกครื้น แถวนี้เป็นย่านที่ค่อนข้างเจริญ ร้านอาหาร  และร้านต่างๆมากมายเซเว่นหรือร้านสะดวกซื้อก็เยอะ ก็เลยเลือกที่จะมาลองหางานแถวนี้ทำดู ซึ่งมันก็ไม่ได้อยู่ไกลบ้าน
ผมเท่าไรเดินทางไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงแล้ว ในกรณีรถไม่ติดน่ะนะ แต่ถ้ารถติดนี่ก็รอไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้

ตอนนี้กำลังตั้งใจหางานจำพวกพนักงานเซเว่น พนักงานโลตัสอยู่ ผมได้แต่ไปกรอกใบสมัครเอาไว้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ไหม เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้คือการหางานอื่นๆทำรอไปพลางๆ แต่…จะทำงานอะไรได้ล่ะครับหัวหน้า

     อืม…ถ้างานเสิร์ฟก็พอไหวนะ  แต่ก็นั่นแหละครับเกรงว่าจะสมัครไม่ได้เพราะกลัวว่าเขาจะรับแต่พนักงานผู้หญิง

     เฮ้ออออ…

     อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เดินเตะฝุ่นไปเรื่อยๆหวังว่าจะมีงานงอกมาบ้าง

    ตลกละ…

    ตะวันตกดินแล้ว ผมว่าผมควรกลับบ้านดีกว่าไว้พรุ่งนี้ค่อยไปหาใหม่เพราะวันนี้ก็เดินจนขาลากแล้วรองเท้าคงจะสึกหมดแล้วมั้งสัด

    -รับสมัครพนักงานเสิร์ฟไม่จำกัดเพศ

     เหยดแม่มมมมม!! คล้ายกับว่าฟ้าฝนจะเป็นใจยังไงรู้ ในขณะที่ผมกำลังเดินไปรอรถเมล์เพื่อที่จะกลับบ้าน แต่ดวงตาน้อยๆของผมก็ดันเหลือบไปเห็นป้ายรับสมัครพนักงานของร้านอาหารเวียดนามร้านหนึ่ง

     เชร้ดโด้วววว เจ๋งว่ะ! ไม่จำกัดเพศด้วย พุ่งเลยครับพุ่งเลย!

     ตัวกูเนี่ยพุ่งเข้าร้านเขาไปเลย…

    “สวัสดีครับเชิญครับ!”   พอเปิดประตูร้านเข้ามาพนักงานผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาชาร์ตตัวกูทันที   สัด!!ตกใจหมด

    “ลูกค้ามากี่ที่ครับ?”

    “อ เอ่อ…ผมมาสมัครงานน่ะครับ” 

    “อ๋อ..สมัครงานเชิญด้านนี้ครับ”  ว่าแล้วพนักงานเสิร์ฟก็เดินนำผมมานั่งตรงโต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่งที่มีของอะไรไม่รู้วางเกะกะ ซึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นโต๊ะที่เขาเอาไว้ใช้วางของมากกว่าให้ลูกค้านั่ง 

     “รอสักครู่นะครับ”  ว่าแล้วพนักงานเสิร์ฟที่รูปร่างโคตรอ้อนแอ้นบอบบางก็เดินหายลับเข้าไปข้างในซึ่งผมคิดว่ามันคือในครัว  ตอนนี้ก็เลยได้แต่นั่งทำตัวลีบๆมองพนักงานคนอื่นๆที่กำลังเดินกันให้วุ่นเพื่อเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าอยู่

     “น้องที่มาสมัครงานใช่ไหมคะ?”    นั่งรอไม่นานเกินสิบนาทีก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่อายุน่าจะประมาณสามสิบต้นๆเดินเข้ามาถาม ดูจากลักษณะการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นเจ้าของร้านแน่ๆผมว่า

     “สวัสดีครับ”   

     “มาสมัครตำแหน่งอะไรจ๊ะ?” 
 
     “เด็กเสิร์ฟน่ะครับ…” 

     “อ่อ…ตอนนี้เด็กเสิร์ฟที่ร้านพี่เต็มแล้วน่ะค่ะ ยังไงกรอกใบสมัครไว้ก่อนไหม?”  นั่นไง…กูว่าแล้ว หัวใจเลยห่อเหี่ยวไปตามระเบียบ ยิ้มแห้งตอบกลับเขาไปอย่างฝืนๆและตอบไปว่า…

     “ได้ครับ”   
     ก็ได้นั่นแหละครับไอ้สัด!! บอกจะโทรกลับร้อยทั้งร้อยแม่งไม่เคยโทร

     “นี่จ้ะ”  ว่าแล้วเขาก็ยื่นใบสมัครงานมาให้ผม ผมใช้เวลาในการเขียนประมาณสิบนาทีได้เสร็จแล้วก็ยื่นให้เขาและยิ้มแห้งๆตอบกลับไปตามประสาคนนก

     “ยังเรียนอยู่เหรอคะ?”  แหม…พี่ครับเห็นผมใส่ชุดนักศึกษาขนาดนี้ คงจะเพิ่งกลับมาจากเลี้ยงควายหรอกครับ

     “ครับ”  ถึงแม้ในใจจะเกรี้ยวกราดแต่ภายนอกนั้นกลับตอบออกมาด้วยเสียงสุภาพอ่อนหวานจนหัวใจแทบกระตุก

     “อืม…เเล้วใกล้ปิดเทอมยังคะ?”   

     “ก็ใกล้แล้วครับ”

     “อ่อ…แล้วถ้าเปิดเทอมนี่จะยังไง จะเอาเวลาไหนมาทำคะ พอดีที่ร้านพี่เปิดตั้งแต่เที่ยงจนถึงเที่ยงคืนเลยนะ?” 

     “เอ่อ…ผมก็ไม่ทราบเหมือกันครับ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะมาทำทุกวันหยุดนั่นแหละครับ”
จะตอบยังไงดีล่ะครับหัวหน้า ถ้าพี่จะรับจริงๆนั่นมันก็ต้องแล้วแต่พี่นะครับ

     “งั้นพี่ว่าพี่รับน้องเข้าทำงานดีกว่า”
     หะ! อะไรนะ!?
     อยู่ๆคำตอบของพี่เขาก็เปลี่ยนไป
     ทำไมมันเร็วอย่างนี้ล่ะ ไหนบอกพนักงานเต็มไง? 

     เอ๊ะ! หรือผมจะหูฝาดครับ!?

     “ที่ร้านเด็กเสิร์ฟยังเต็มก็จริงแต่เดี๋ยวเดือนหน้ามันจะมีคนออกพอดีน่ะจ้ะ ก็เลยหาคนมาแทนเหมือนกัน ส่วนเรื่องพาร์ทไทม์พี่ก็กำลังอยากได้อยู่พอดี เพราะว่าเสาร์อาทิตย์ต้องเอามาสลับกับเด็กเสิร์ฟที่ทำงานประจำ เนื่องจากพี่จะหาวันหยุดให้พนักงานที่ร้านบ้างน่ะ”

     “อ่อ…ครับ” ผมตอบรับ

     “งั้นระหว่างที่ปิดเทอมก็มาทำให้พี่ประจำ ถ้าเปิดเทอมแล้วก็มาทำตอนเย็นให้พี่นะ เสาอาทิตย์ถ้าว่างก็มาทำ”

     “ครับ”

    “สามารรถเริ่มงานได้วันไหนจ๊ะ?”

     “พรุ่งนี้ก็ได้ครับ”

     “โอเคงั้นพรุ่งนี้น้องมาเริ่มงานได้เลย” “ถ้าน้องมาทำตั้งแต่เลิกเรียนพี่ให้วันละสองร้อยนะ แต่ถ้าวันไหนมาทำเต็มวันพี่ให้สามร้อยห้าสิบโอทีต่างหากแล้วทิปนี่ก็จะเป็นทิปแยก  ตามนี้แหละจ้ะโอเคไหม?” 

     “อ โอเคครับ” 

     “ชื่อเล่นชื่ออะไรคะ?”

     “ปิงครับ…”

     “อ่ะ…โอเค น้องปิงเดี๋ยวพรุ่งนี้เข้ามาเริ่มงานได้เลยนะเดี๋ยวยังไงพี่โทรตามอีกที”

    “ครับ สวัสดีครับ” 

     เยสสสส!! ในที่สุดก็ได้งานแล้วโว้ยยยยยยย บทจะได้แม่งก็ได้มาง่ายๆ ตอนแรกนี่ถอดใจไปแล้วยังไงก็คิดว่าไม่ได้แน่ๆ แต่พอหลังจากนั้นแหละ หัวใจผมนี่ลิงโลดสุดๆ โอยยย ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผม
   



     ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วเกือบเที่ยงคืนโดยและทั้งบ้านก็มีผมอยู่แค่คนเดียวกำลังนั่งอยู่ตรงโซฟากลางบ้าน รอบๆก็เต็มไปด้วยกองหนังสือที่ต้องพยายามจิกหัวตัวเองให้ขึ้นมาอ่านให้ได้  ส่วนไอ้นี่เสือสงสัยกำลังไปรับน้องกวางกลับมาจากบ้านน้าเล็กแหงๆ และไอ้พี่หมากนี่ไม่ต้องพูดถึง หายเข้ากลีบเมฆไปแล้วครับเป็นเซเลบตามจับตัวยากอีกเหมือนเคย 


     บื้นนน!!
     แหม…พูดถึงยังไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงรถไอ้เสือมันขับเข้ามาแล้วครับไม่ตายง่ายหรอกผมว่า พูดปุ๊บมาปั๊บ

    ครืด…และไม่นานเสียงประตูมุ้งลวดในบ้านก็ถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของสองพ่อลูก


     ”กลับดึกจังวะ!?”  พอมันเดินเข้ามาในบ้านผมเลยถามขึ้นตามประสาคนอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอน เอ้ย! ใต้ชายคา

     “เพิ่งเลิกงานน่ะ แล้วก็ไปรับน้องกวางมาจากบ้านน้าเล็กด้วย”  คนตัวสูงตอบแล้วก็เดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางเหนื่อยๆ 
ก็คงจะเอาน้องกวางไปนอนนั่นแหละครับเพราะเธอกำลังนอนหลับอย่างอร่อยเลย จะมีก็แต่ผมนี่แหละที่ยังคงนั่งง่วงหงาว
หาวนอน เอาไม้จิ้มฟันถ่างตาไว้เพราะต้องอ่านหนังสือให้จบ เดี๋ยวพอไปสอบแล้วจะไม่มีอะไรติดสมองไปเลยน่ะนะ ต้องเตรียมตัวไว้เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว


     “กินอะไรหรือยัง?”   ไม่นานถึงยี่สิบนาทีไอ้เสือมันก็เดินออกมาจากห้องแล้วก็ถามผม สองขายาวๆก็ก้าวไปตรงตู้เย็นจากนั้นก็เอาน้ำออกมารินใส่แก้วเเล้วยกขึ้นดื่ม

     “กินแล้วแต่ก็หิวอีก…พอดีมันใช้สมองเยอะ” ผมตอบและยิ้มโชว์ฟันทั้งสามสิบสองซี่

     “ไม่ใช่ว่าตะกละหรอกเหรอ?”   แล้วสิ่งที่มันตอบมาก็ทำเอาผมแทบหุบยิ้มลงในบัดดล แหม…เห็นกูเป็นคนยังไงกัน!

     “แล้วถามทำไมจะทำอะไรให้กินเหรอ?” เลิกคิ้วขึ้นถาม 

     “จะต้มมาม่าเอาด้วยไหม?” 

     “เอา!! ขอต้มยำกุ้งนะ” 

    “ลุกมาช่วยกู!”   เสือมันพูดแล้วก็กระดิกนิ้วเรียกผมยิกๆ ก็คิดว่าแต่จะทำมาให้กินเลย คิดดีแล้วเหรอที่จะให้กูช่วย
     เนี่ยหืมมมมม…มึงคิดดีแล้วใช่ม้ายยยยยยย

     “เออๆ”  สุดท้ายก็ต้องพาสารร่างตัวเองลุกมายืนข้างๆมันตรงหน้าเตา

     “ไหนให้ทำไร?”   

    “ไปต้มน้ำร้อน”   
     ว่าแล้วก็เดินไปหาหม้อน้อยๆมาใส่น้ำร้อนเอาไปต้ม

     “แค่นี้พอไหม?”    แต่ก่อนจะต้มก็หันไปถามคนข้างๆสักหน่อยว่าพอแล้วหรือยัง แต่สิ่งที่ได้กลับมานั้น…

     “บ้านมึงต้มมาม่าแบบนี้เหรอ? น้ำเยอะขนาดนี้ก็กินมาม่าต้มน้ำเปล่าเถอะเพราะมันคงจะมีรสชาติให้อยู่หรอก”   

    สัด! กูจะรู้ไหมล่ะไอ้ฟายยยยยยยยยยยยย

    “เอ้า! แล้วกูจะรู้เรอะ!? ทำไมไม่บอกว่าจะเอาขนาดไหนก็คิดว่าแต่จะต้มของมึงกับกูรวมกัน”  บ่นมันไปมือก็จุดไฟต้มน้ำร้อน เดี๋ยวกูจุดไฟเผาหัวแม่งงงงพูดมากดีนัก!

     “ไม่รวม! กูกินหมูสับ มึงกินต้มยำ” 

     ชิชะ เถียงคำไม่ตกฟากเลย

     “แล้วไงก็ต้องเอาน้ำร้อนลวกเหมือนกันไหมล่ะ? ทำไมต้องต้มแยก?”

     “ก็กูจะใส่หมูใส่ผักให้มึงนี่ไง ยิ่งๆโง่ๆอยู่จะเอาให้บำรุงสมอง!” 

    โธ่…ไอ้ ไอ้ ไอ้ แม่งเอ้ยด่าไม่ออก เห็นแก่ความดีหรอกนะ

     เดี๋ยวเถอะมึงเดี๋ยวนี้ชักลามปาม
 
     “เออเอาแล้วแต่มึง  ทำเองแล้วกันกูไปละ”    เรื่องมากดีนักมึงทำเองเลย วันนี้มันปากดีกว่าปกตินะครับหัวหน้า เห็นหรือยังว่าใครร้ายกว่ากัน!!

     “ไปไหน มานี่เลยมึง ไม่งั้นไม่ต้องกิน”  แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไสหัวตัวเองออกมาจากครัวมันก็ลากคอเสื้อผมกลับมายังที่เดิม

     “โวะ!!” 
     แต่พอกำลังจะอ้าปากบ่นมันเท่านั้นเหละ…


     ฟู่ววววว!!

     “เฮ้ยยยยย!!” 

    “โอ้ยยยยยยย!!”   
 
     เชร้ดดดแม่มมมมมมมมม!!

     ฉิบหายเอ้ยยยย!!!

     ร้อนโว้ยยยยย!!

     “เฮ้ยยเป็นอะไรมากหรือเปล่า!?”   

    ไม่ต้องตกใจครับ คือเมื่อกี้น้ำมันเดือดจนล้นออกมาจากหม้อนผมก็เลยเผลอเอามือไปจับหูหม้อออกมาเฉยเลย ลืมไปว่ามันร้อนและน้ำร้อนที่กำลังเดือดๆมันก็กระเด็นออกมาโดนมือผม 


     เลววววววววว เลวที่สุด

     “ทำไมโง่อย่างนี้วะมึงเนี่ย!?”     มันจับมือผมไว้และพาเอาไปล้างน้ำที่เปิดออกมจากก๊อก แล้วก็ทั้งด่าแล้วก็บ่นกูไปพร้อมๆกันเลยครับหัวหน้า

     ห่านนนน!! ก็กูตกใจไหมล่ะ คิดอะไรไม่ทันเลยหน้าโง่เอามือไปยกหม้อน้ำร้อนออกจากเตาด้วยมือเปล่าไง… อะๆเขาไม่ได้เรียกโง่เขาเรียกแตกตื่นต่อสถานการณ์ตรงหน้าจนไม่มีสติ จำไว้!!

     “เอ้าก็คนมันตกใจนี่หว่า…” ผมตอบเสียงอ่อย ไม่กล้าสบตาคนข้างๆก็เลยเอาแต่มองฝ่ามือใหญ่ของไอ้เสือที่กำลังล้างมือข้างที่โดนน้ำร้อนให้ผม

    “แทนที่มึงจะปิดไฟก่อน เป็นไงล่ะคราวนี้”    บ่นผมต่อแต่สายตาก็ยังคงไม่ละออกจากการกระทำตรงหน้า 

    “ก็มึงแหละชวนกูคุย เป็นไงล่ะคราวนี้?”    ยอกย้อนมันซะเลย ก็เพราะมันจริงๆนั่นแหละ ถ้าไม่ชวนคุยก็จะได้รู้ว่าน้ำกำลังเดือดและต้องลดแก๊ซลง

    “ยอกย้อนเหรอมึง?” 


     โป๊ก!!

    โอ้ยยยย!!

     ไอ้ห่าเสือไม่พูดเปล่าครับมันดีดเข้าที่หน้าผากผมเต็มๆ  เดี๋ยวๆอย่าให้กูเกรี้ยวกราดนะครับไอ้สาดดดดด

    “อยู่ตรงนี้แหละเดี๋ยวเอาน้ำแข็งมาประคบให้”  จากนั้นมันก็เดินหายไปก้มๆเงยๆตรงตู้เย็นและบริเวณใกล้เคียง ไม่นานก็ได้น้ำแข็งแล้วผ้าขนหนูผืนเล็กติดไม้ติดมือมา

     จากนั้นก็จับเอามือผมทั้งสองข้างไปประคบน้ำแข็งให้อย่างเบามืออยู่นานสองนาน อืม…ก็รู้สึกประทับใจอยูหน่อยๆเพราะนอกจากแม่แล้วก็ไม่เคยมีใครทำอะไรแบบนี้ให้ไง…หัวใจกระตุกเลยไอ้สัด! แต่ตอนนี้เนี่ยเหนือสิ่งอื่นใดกว่าการเจ็บแผลและ
ความประทับใจก็คือความหิว…


ห่านนนนน!! ท้องกูร้องออกมาเป็นดนตรีเพลงหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวแล้วเนี่ย มึงควรที่จะไปต้มมาม่ามากกว่ามาประคบน้ำแข็งให้กูนะโว้ย นี่แค่โดนน้ำร้อนลวกไม่ได้เป็นง่อย!!


     “มึง…” ผมเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

     “อะไร?”  คนที่กำลังตั้งใจปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผมตอบกลับมาทั้งที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาแม้แต่น้อย มัวแต่ดูมือกูนี่แหละ ตัดเอาไปประคบต่อในห้องเลยไหมครับสังคม!?

     “กูว่ามึงไปต้มมาม่าต่อเถอะ…กูหิวแล้ว” ผมพูด  “ไม่เชื่อฟังเสียงท้องกูร้องดิ…”  ว่าแล้วก็เอามือลูบท้องเหี่ยวๆของตัวเอง


     จ๊อก…
     อย่างกับเสียงฟ้าผ่าแน่ะ

     “อ เอ่อโทษที” 

     ไอ้เสือันเงยหน้าขึ้นมามองผมพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตะกุกตะกัก… เอ๊ะ! มันเป็นไรของมันวะ?   

     “ขอบใจ” 

     “ไม่เป็นไร” แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมด้วยความรวดเร็ว ราบเรียบทั้งน้ำเสียงและสีหน้า
     เฮ้ยยย…สงสัยผมคิดมากไปเอง



     สิบห้านาทีต่อมา มาม่าทั้งสองถ้วยของผมกับไอ้เสือก็ถูกเอามาเสิร์ฟในที่สุด กลิ่นนี่หอมฉุยจนพยาธิในท้องมันดิ้นกันแบบไม่เกรงใจเลย

ขณะนี้เราสองคนกำลังนั่งกินมาม่าแล้วก็ดูหนังไปพร้อมๆกัน ต่างคนกำลังตั้งใจดูจนมีแค่เสียงจากโทรทัศน์เท่านั้นที่ดังอยู่ในตอนนี้ อ้อมีเสียงเอฟเฟ็คต์การดูดเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าปากด้วยที่ดังคลอๆกันไป

     “มึง…กูได้งานทำแล้วนะ”  แต่เงียบได้ไม่นานก็ถูกผมพูดทำลายมันซะ เพราะนึกได้ว่ามีเรื่องจะมาเล่าให้ไอ้เสือฟังพอดี  ก็ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมช่วงนี้เวลาที่มีอะไรเข้ามาในชีวิตนี่จะต้องเล่าให้มันฟังด้วยตลอดเลย

     “เหรอ…งานอะไรล่ะ?”  คู่สนทนาถาม สองตาก็ดูหนังตรงหน้าปากก็กำลังจัดการอาหารตรงหน้า

    “เด็กเสิร์ฟน่ะ ที่ทำงานก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไร” ผมตอบ…สายตาของไอ้เสือไม่ละจากโทรทัศน์ยังไง ผมเองก็ยังคงไม่เลิกมองมันอย่างนั้น 
     แล้วทำไมต้องมองมันด้วยฟระ!

     “อ่อ…” คู่สนทนาพึมพำในลำคอ “แล้วเริ่มงานวันไหนล่ะ?” และถามกลับ 

     “พรุ่งนี้” 

     “เลิกงานกี่โมง?”

     “ประมาณเที่ยงคืนมั้ง?”

     “แล้วจะกลับยังไง?” ครั้งนี้มันละสายตาจากหน้าจอโทรทัศน์และหันกลับมามองหน้าผมด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งอย่างเคย

     เออแฮะ…แม่งลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลยว่ะครับ

     “ไม่รู้…ลืมคิดไปเลยว่ะ  แหะๆ” เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆกลับไปตามระเบียบ   

     “มึงนี่น้า…เวลาทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังดีๆ” ว่าแล้วก็ส่ายหน้าน้อยๆ  สงสัยมันจะเอือมระอาผมมาก

     “ก็คนมันลืม ตอนนั้นมันแค่อยากจะได้งานทำอย่างเดียวนี่หว่า”
     เอาไงดีวะ…ถ้ากลับวินมอ’ไซค์มันต้องแพงมากแน่ๆไม่คุ้มค่าจ้างแน่เลย

     “…”

     “พรุ่งนี้ถ้าเลิกงานแล้วก็โทรมาเดี๋ยวไปรับ…”    และจากที่เงียบอยู่สักพักหนึ่ง  ไอ้เสือมันก็พูดขึ้นมา
     นี่แหละ…สิ่งที่กูอยากได้ยิน ฮ่า ฮ่า ฮ่า

     ทำดีมากไอ้พี่!!

     “ว่าแล้วมึงต้องใจดีมารับกูอิอิ”   หืม…เกลียดเสียงตัวเองจังเลยครับ ดูเป็นคนตอแหลยังไงก็ไม่รู้   

     “รู้ดี” 

     ไม่ว่าเปล่ามันตอบกลับมาแล้วก็เอาตะเกียบด้านที่ไม่เปื้อนมาเคาะหัวผมเบาๆ

     นี่เพื่อนเล่นเหรอ? กูอายุน้อยกว่ามึงตั้งเยอะนะโว้ย!! เดี๋ยวๆ  เดี๋ยวโดน!!

     “เอ้อ!!ปิดเทอมแล้วไปไหนป้ะ?”  ผมเปลี่ยนเรื่องกะทันหันเพราะอยู่ๆก็นึกถึงเรื่องที่จะพูดกับมันขึ้นมาได้ 

     “ไม่รู้สิ มีอะไร?”

     “คืองี้…ไอ้เจมส์เนี่ยมันชวนพวกกูไปเที่ยวทะเล พอดีบ้านมันมีที่พักก็เลยชวน นี่ก็เลยมาชวนมึงด้วยอยากพาน้องกวางไปเที่ยวน่ะ”

     “อ่อ…ไม่รับปากนะขอดูก่อน” 

     “โอเคได้ ว่าจะชวนพี่หมากมันเหมือนกัน”

     “แล้วไปกันกี่คน?”

     “ตอนนี้ทั้งหมดสี่ กู ไอ้ฟาร์ม ไอ้เจมส์ ไอ้โก้ ถ้ามึงกับพี่หมากไปก็เป็นหกรวมน้องกวางก็เจ็ด”

     “อืม…โอเค”

     เส้นมาม่าคำสุดท้ายถูกผมจัดการด้วยความรวดเร็ว  เพราะว่าต้องจัดการกองหนังสือตรงหน้าต่อ “เดี๋ยวกูว่าจะอ่านหนังสือต่อนะ มึงจะทำอะไรอีกไหม?”  เลยหันไปถามคนข้างๆเผื่อว่าจะทำอะไรอีก

     “ก็ว่าจะนั่งทำงานต่อสักหน่อย เดี๋ยวกูขอเอาคอมออกมาทำข้างนอกนะไม่อยากทำข้างในเดี๋ยวน้องกวางตื่น”   

     “เออๆ” พูดแล้วก็ลุกเอาถ้วยเอาแก้วน้ำไปเก็บตรงอ่างล้างจาน ก่อนจะมานั่งขัดสมาธิตั้งใจกับหนังสือตรงหน้าก่อน พลันสมองที่เพิ่งประมวลผลได้ มันก็คิดได้อย่างหนึ่ง นั่นก็คือ… 

     เดี๋ยวก่อนนะ…แต่ก่อนก็นั่งทำข้างในได้ไม่ใช่เหรอ  ทำไมวันนี้มาบอกกลัวน้องกวางตื่น งงในงง

     อะๆ แต่ก็ช่างมันเถอะตอนนี้ขอคนโดเนทไม้จิ้มฟันมาให้สักโหลได้ไหมครับจะเอามาง้างตาตัวเอง เพราะอยู่ๆนั่งไปนั่งมาก็รู้สึกถึงหนังตาที่มันหนักๆและเริ่มจะปิดลงเอาซะได้

     ก็หนังท้องมันตึงหนังตาก็เลยหย่อนน่ะสิ!




     






    มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 14:07:00 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พี่เสือระวังใจตัวเองหน่อย ไหนบอกว่าจะไม่ไง แล้วนี่แอบจุ๊บเหม่งน้องคืออะไรค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เสือ เผยความในใจออกมาแล้ว
จุ๊บ ที่หน้าผากหนึ่งที ปิง นอนไม่หลับเลย

ปิงไม่เหมาะกับอาชีพบริการเลย
ไม่เคยบริการใคร กับข้าวทำไม่เป็น
ขนาดต้มมาม่า ยังกะน้ำไม่ถูกทำตัวเองเจ็บตัวอีก
แล้วไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่ดูง่ายๆ ยังเดินขาพันหกล้มแก้วบาดมืออีก
รอดูการพัฒนาของปิง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2017 17:01:56 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :m20:


เสือนี่ร้ายน่ะคะ หัวหน้า !

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
:m20:


เสือนี่ร้ายน่ะคะ หัวหน้า !



ใช่ค่ะหัวหน้า พี่เสือมันร้ายนะคะ!!!

ออฟไลน์ TEEMOMO

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อรั้ย พึ่งได้อ่านชอบมากๆเลยค่า แมนๆฟัดกัน 5555 พี่เสือแอบกอดแอบหอมไปๆมาๆเผลอลักหลับทำไง

ออฟไลน์ ujen

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2455
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +183/-13

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อจากตอนที่สิบสามนะคะ


 “ปิงๆรับออเดอร์ลูกค้าโต๊ะ104หน่อย!”   ในขณะที่ผมกำลังรินน้ำใส่แก้วเพื่อที่จะได้เอาไปเสิร์ฟลูกค้าที่เพิ่งรับออเดอร์มาเมื่อครู่ ก็มีเสียงสั่งงานมาว่าให้ไปรับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ 

     ไอ้ฉิบหายน้ำที่เทอยู่ในแก้วก็ยังไม่เสร็จเลยครับ ให้กูไปรับลูกค้าอีกแล้ว แล้วนี่เด็กเสิร์ฟมันหายไปไหนกันโหม๊ดดดดด!! ถึงได้มาปล่อยให้ผมกับพี่ฟ้าเด็กเสิร์ฟอีกคนมารับลูกค้าชั้นล่างกันอยู่แบบนี้!!

     “สักครู่นะครับ”  ผมตอบรับพี่ฟ้าที่กำลังเดินเสิร์ฟจนขาแทบพันกัน ก่อนจะเร่งเทน้ำใส่แก้วตรงแล้วก็รีบเอาไปเสิร์ฟโต๊ะที่เพิ่งรับออเดอร์มา 

     แต่…

     เพล้ง!!

     “เฮ้ยยยยย!!”

เหยดแม่มมม!ผมเองครับ ผมเองที่มัวแต่รีบจนเดินจนขาแทบพันกันผลที่ได้เลยออกมาเป็นแบบนี้ สารเลวหน้าทิ่มล้มคะมำตรงพื้นไม่พอแก้วที่ยกมาจะเอาไปเสิร์ฟนั้นหล่นลงพื้นจนเศษแก้วมันกระจัดกระจายเต็มไปหมดเลย โอยยยยยยย กูอายจังครับสังคม…


     “เฮ้ยยย! เป็นอะไรมากไหม?!”  พี่ฟ้าถามขึ้นเสียงดังลั่น สงสัยพี่จะตกใจมากเพราะมันเล่นแสดงออกมาอย่างชัดเจนบน
ใบหน้า ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาดูผมที่กำลังพยายามลุกขึ้นมา

     แต่…

     เช้รดดดดแม่มมมม

     ด้วยความที่รับลุกขึ้นมาอย่างพรวดพราดแล้วไม่ทันได้ดูเศษแก้วที่แตกอยู่ตรงพื้นเลยบาดเข้าที่ฝ่ามือผมจังๆ

     “โอ้ยยยย…” เผลออุทานออกมาเบาๆ ฮือออออ แม่จ๋าปิงเจ็บบบบบบ!!

     “เฮ้ยแก้วบาดมือด้วยนี่! ไปๆ ไปทำแผลก่อน”  ว่าแล้วพี่ฟ้าก็ดันหลังให้ผมเดินเข้าไปในหลังครัว

     “พี่โบคะช่วยรับลูกค้าให้หน่อยได้ไหมคะ พอดีข้างหน้าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ”  พอเข้ามาในหลังครัวแล้วพี่ฟ้าก็บอกพี่โบซึ่งเป็นเจ้าของร้านนี้ทันทีว่าให้ไปช่วยรับลูกค้าข้างหน้าหน่อย 

     “เฮ้ยยย ปิงเป็นอะไรเนี่ย!?” เจ้าของร้านคนสวยของผมที่กำลังยืนทำออเดอร์อยู่หน้าเตาถามออกมาด้วยสีหน้าที่ตกใจพอๆกับพี่ฟ้าเมื่อครู่นี้เลย หลังจากที่เห็นว่าฝ่ามือผมมีเลือดไหลออกมา

     “อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ ผมขอโทษครับ”  ตอบและยิ้มเจื่อนๆกลับไปให้
      มาวันแรกก็ก่อเรื่องเลยครับหัวหน้า โอยยยยย จิครายยยยยย

     “ไปๆ ไปทำแผลก่อน ทำเองได้ใช่ไหม? เพราะตอนนี้พี่ติดทำออเดอร์เลยไปช่วยรับไม่ได้ เดี๋ยวฟ้าไปรับก่อนก็แล้วกัน”    เออนั่นแหละครับแม่งยุ่งจริงๆ สุดท้ายก็ต้องได้เสนอหน้ามานั่งทำแผลอยู่หลังร้าน 


     ฮืออออ มันเจ็บ…

     กะไอ้แค่เด็กเสิร์ฟมันจะยากอะไรขนาดนี้วะ…
 




     Rrrrrr Rrrrrr

     ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงคืน แน่นอนว่าเพิ่งเลิกงานครับ ทันทีที่ก้าวขาออกมาจากร้านโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาทันที  ไม่ต้องสงสัยกันครับหัวหน้า คนที่คุณก็รู้ว่าใครโทรมา แหม…เดินออกมาจากร้านยังไม่ทันไรก็โทรมาอย่างรู้งาน ไม่ต้องรอให้ผมโทรไปให้เปลืองเงินเลย 


     [เลิกงานยัง?] 

     ทันทีที่กดรับ ปลายสายก็ถามขึ้นเสียงเรียบ 

     “เลิกแล้ว”

     [ที่ทำงานมึง ใช่ร้านอาหารเวียดนามตรงXXXหรือเปล่า?]

     “อือ…”

     [นี่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านมึงแล้ว อยู่ตรงไหนเดินออกมาดิ]
     โหยยยย  อย่าบอกนะว่ามานั่งรอกูเนี่ย

     “แป้บนะ”

     ว่าแล้วผมก็เดินออกมาตรงริมฟุตบาทหน้าร้านแล้วก็สอดส่องสายตาหาไอ้เสือ

     [กูเห็นมึงแล้ว มึงเห็นกูยัง?]

     ไหนวะ…

     อ่อ…นั่นไง

     “เห็นแล้วๆ!”   


     ติ๊ด!   
     พอเจอแล้วก็กดตัดสายมันก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปหาไอ้เสือที่กำลังยืนรอยู่ตรงซูโม่เอ็กซ์ของมัน พร้อมกับน้องกวางที่อยู่ในกระเป๋าสะพายเป้ประจำตำแหน่ง  คงไม่ต้องให้บรรยายนะครับว่าสภาพตอนนี้ของเธอเป็นยังไง ก็หลับปุ๋ยคาอกพ่อเธอเลยน่ะสิ


     “มารอนานยังวะ?”   

     “ไม่นาน ห้านาทีได้…แล้วนั่นมือไปโดนอะไรมา?”  มันคงจะเห็นแผลที่มือผมซึ่งถูกพันด้วยผ้าก็อซอยู่เลยถามขึ้นมา

     “แก้วบาดว่ะ” ผมตอบพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ  ซึ่งวันนี้นับไม่ถ้วนแล้วว่าผมทำสีหน้าแบบนี้กี่ครั้ง

     “เฮ้ออ…กูว่าแล้วเชียว”   คนตรงหน้าถอนหายใจออกมาและพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

     “อะไรของมึง…ไปๆกลับบ้านเถอะกูอยากนอนแล้ว”   ด้วยความเหนื่อยและความง่วงที่เริ่มเข้าครอบงำเลยไม่อยากที่จะเถียงให้มาก คือแบบ มันเหนื่อยมากเลยครับ ร่างนี้แทบแหลก มาทำงานวันแรกก็จัดหนักจัดเต็มกูซะแล้ว เฮ้ออออออ 


     ไม่นานไอ้เสือก็พาเราทั้งสามคนมาถึงบ้านในที่สุด ตอนนี้แทบจะคลานเข้าบ้านแล้วครับหัวหน้า  น้ำท่าแม่งไม่ต้องอาบมันหรอกซักแห้งมันเลย เนื่องจากร่างกายนั้นโหยหาที่นอนเอาอย่างเดียวพอเดินเข้ามาในบ้านแล้วเลยตรงดิ่งเข้ามาในห้องแล้วล้มตัวลงนอนทันที


     ฮร่อวววววว

     ขอลาไปเข้าเฝ้าพระอินทร์แล้วนะครับสังคม…คร่อก

     “ปิง…”   แต่หลับตาไปได้ไม่ทันไร เสียงหนึ่งที่แสนคุ้นหูก็ดังขึ้นมาพร้อมกับสัมผัสบางอย่างที่กำลังวุ่นวายอยู่มือของผม

     “ฮืออออ”   ด้วยความที่รู้สึกว่าเปลือกตามันหนักเกินไปเลยไม่แม้แต่ที่จะลืมตาขึ้นมาดูว่าใครมาเรียกและกำลังทำอะไรอยู่ที่มือของผม แต่สัมผัสนี่มันคุ้นๆและผมคิดว่าผมจำได้

     ไอ้เสือ…

     “ทำไมไม่รู้จักระวังเลยมึงเนี่ย!” ได้ยินไอ้เสือบ่นด้วย
     เออ…ถึงกูจะตาจะหลับแต่หูกูได้ยินนะไอ้สาด นี่หูไม่ได้ดับไปด้วย

     “…” 
     แต่ก็นั่นแหละครับ ไม่ตอบหรอกเพราะผมไม่มีอารมณ์ ง่วง…


     ตอนนี้ผมไม่ได้ยินเสียงทุ้มๆนั่นแล้ว แต่กลับยังรู้สึกได้ถึงสัมผัสตรงฝ่ามือข้างที่เป็นแผลอยู่  รู้สึกเหมือนว่าเจ้าตัวกำลังทำแผลให้ผมและมันเบามือมาก ไม่นานถึงห้านาทีทุกอย่างก็เสร็จสิ้น  แอบได้ยินเสียงมันถอนหายใจออกมาหน่อยๆ จากนั้นก็…


     จุ๊บ…

     หืม…เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มัน?

     ไอ้สัด นี่มันอะไรวะ!?

     ตื่นเลย ตากูเนี่ยตื่นเลยหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง จากนั้นเสียงประตูห้องก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณได้ว่ามันออกไปแล้ว ผมเลยลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด

     เดี๋ยวนะ ขอจูนสมองตัวเองแป้บ เมื่อกี้นี่กูฝันไปเหรอครับหัวหน้าทำไมมัน…

     เฮ้ยยย!!... ไม่ฝันแน่ๆเพราะเมื่อกี้ผมรู้สึกได้ รู้สึกได้ว่ามันจุ๊บหน้าผากผม และรอยอุ่นๆจากริมฝีปากนั้นก็ยังคงอยู่จนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาคลำหน้าผากตรงรอยที่มันฝากความอบอุ่นไว้ให้เมื่อครู่ 

     แล้วไอ้เสือมันจุ๊บหน้าผากผมจริงๆเหรอครับ? ผมไม่ได้ฝันไปแน่ๆใช่ไหมวะ  คือ…แบบ

     บอกไม่ถูกเลยว่าตอนนี้กำลังรู้สึกยังไง รู้แค่ว่าตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงจนอดที่จะเอามือไปทาบทับมันไว้ไม่ให้เป็นไปมากกว่านี้ เพราะถ้ามากกว่านี้มีหวังมันทะลุออกมานอกอกแน่ๆ


     ไม่รู้ว่าเพราะตกใจหรือรู้สึกดี เพราะเหมือนมีเส้นบางๆกั้นอยู่ยังไงไม่รู้เลย…

     เป็นไงล่ะครับ จุ๊บเมื่อกี้ทำผมตื่นยิ่งกว่ากินกาแฟซะอีก…


     โอยยยยยย นอนไม่หลับเลยครับหัวหน้า!!!!


 

     TBC...


     Rewrite 16/7/2560
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 14:10:04 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่สิบสี่ : เพราะว่ามันคือชีวิต




     “เฮ้ยยย ได้ข่าวว่าเพิ่งได้งานทำเหรอวะ?”  นมและขนมปังที่เพิ่งกินเข้าไปนั้นแทบจะสำลักออกมาเมื่อไอ้โก้และไอ้เจมส์มันเดินเข้ามาพร้อมกับตบเข้าที่หลังผมดังปุๆ 

     ไอ้สัด! ถ้าขนมปังติดคอกูขึ้นมาเดี๋ยวจะด่าให้

     “ใครคาบข่าวไปบอกมึงสองคนเนี่ย?” 
     แหม..รู้ข่าวไวจังนะพวกมึง

     “นี่เลย!”  ว่าแล้วมันสองคนที่เพิ่งนั่งลงตรงเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้างๆผมก็พร้อมใจกันชี้เป้าไปที่ไอ้ฟาร์มซึ่งกำลังนั่งหน้านิ่งๆอยู่ตรงข้ามกับผม เดี๋ยวนี้ไม่รู้มันเป็นอะไรนะครับ มานั่งกับพวกผมบ่อยมาก สงสัยเพื่อนคณะมันไม่ยอมคุยด้วยมั้งฮ่าๆ

     “กูเพิ่งเล่าให้มึงฟังเมื่อคืนแล้วมึงไปเล่าให้มันสองคนฟังตอนไหนวะ!?”  ใช่ครับเมื่อคืนนี้ไอ้ฟาร์มมันมานอนด้วยน่ะ ก็เลยเพิ่งมีเวลาเล่าให้ฟัง สองสามวันมานี้ก็ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเพราะมัวแต่ทำงานกลับบ้านแล้วมีแรงลุกไปอาบน้ำนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่า
ว่าแต่จับหนังสือขึ้นมาอ่านเลย โทรศัพท์ยิ่งแล้วใหญ่ แบตนี่ไม่เคยลดเลยเนื่องจากไม่ค่อยได้เล่น หน้าไทม์ไลน์เฟซบุ๊คนี่ก็แทบไม่ได้อัพเดทสักสเตตัส 

     “โทรศัพท์มี ก็ต้องโทรสิวะ มึงจะให้พวกกูใช้นกพิราบในการสื่อสารหรือไง!!”  บร๊ะ…กูถามแค่นี้ทำไมมึงต้องเกรี้ยวกราดด้วยครับไอ้ฟายยยยย

     “เออๆช่างมันเถอะ แล้วว่าแต่มึงทำงานอะไรที่ไหนยังไงวะ?”  ผมที่กำลังจะอ้าปากเถียงไอ้ฟาร์มนั้นก็ถูกไอ้เจมส์มันก็ขัดขึ้นมาเลี่ยงไปประเด็นอื่นแทน 

     “กูทำร้านอาหารเวียดนามน่ะ แถวXXX เป็นเด็กเสิร์ฟ”  ว่าแล้วก็จัดการขมปังที่อยู่ในมือต่อหลังจากที่เมื่อครู่มันเกือบจะสำลักเพราะโดนพวกเพื่อนเวรมันตบเข้าที่กลางหลัง

     “แล้วงานเป็นไงวะ เหนื่อยไหม!?”   ไอ้โก้มันถาม และก็มีไอ้ฟาร์ม ไอ้เจมส์ที่คอยนั่งฟังด้วยสีหน้าที่โคตรอยากรู้อยากเห็น
     คือแบบ…ก็แค่ทำงานไหมวะ?  หรือเป็นเพราะว่าผมทำงานมันเลยเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับทุกคน 

     มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆเลยครับหัวหน้า…

     “สุดตีนกูพูดเลย!  นี่ๆมึงดู กูไปทำงานวันแรกนะแม่งก็เกิดเรื่องเลยสัด!” ว่าแล้วก็อดที่จะโชว์มือข้างที่เป็นแผลให้พวกมันดูไม่ได้ อย่าว่าแต่พวกมันเลยที่อยากรู้เรื่องของผมประหนึ่งว่าไม่เคยพบไม่เคยเจอ เพราะผมเองก็อยากที่จะเล่าให้พวกมันฟังไม่แพ้
กัน

     “กูว่าแล้ว น้ำหน้าอย่างมึงคงทำอะไรแบบที่คนธรรมดาเขาทำกันไม่ได้แน่ๆ อย่างน้อยๆนี่ก็ต้องมีอะไรที่ทำให้แม่งเกิดเรื่อง”   
     แหม…ไอ้ฟาร์มมึงมันดูถูกกูมากกกก
 
     เพราะมึงดูไม่ผิดเลยไง กร๊ากกกกกก!!
     ก็อย่างที่มันพูดนั่นแหละครับ น้ำหน้าอย่างผมนี่เป็นอะไรแบบที่คนธรรมดาเขาเป็นกันไม่ได้หรอก เวลาที่จะทำอะไรก็จำต้องมีเหตุเสมอ

     “แล้วนี่มึงจะทำงานถึงตอนไหนวะ?”  โก้

     “ก็เลิกเรียนถึงเที่ยงคืน”

     “ไม่ใช่ๆกูหมายถึงว่ามึงจะทำไปนานแค่ไหน?”  โก้
      อ่อ…สงสัยเมื่อกี้กูเข้าใจความหมายผิดสินะ

     “ก็ไม่รู้ว่ะ อาจจะทำไปเรื่อยๆ ปิดเทอมก็จะทำ” 

     “อ้าวแล้วงี้มึงจะไปทะเลด้วยกันได้ไหมวะเนี่ย!?”  และไอ้เจมส์มันก็ถามขึ้นมาแทบทันควัน สงสัยกลัวว่าผมจะไปไม่ได้แหงๆ

     “ไปได้ดิวะ เดี๋ยวก็ขอลาหยุดเขาไง!”

     “เอองั้นก็แล้วไป…”   

     “เฮ้ยมึงได้เวลาเรียนแล้วรีบแดกเร็วๆ”   ไอ้โก้มันยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะ เร่งรัดผมให้รีบกินเร็วๆ  เพราะวันนี้มีส่งรายงานน่ะสิครับ 

     บอกเลยว่ารายงานแทบจะไม่มีเวลาทำ ดีที่ไอ้เพื่อนสองตัวบาทอย่างไอ้เจมส์ไอ้โก้มันช่วยไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมไม่ทำเลยนะครับ

     “ไปเลยก็ได้ กูเดินด้วยแล้วก็แดกไปด้วยได้”   ว่าแล้วก็จัดการเก็บสัมภาระของตัวเองทั้งหมดลงกระเป๋าไม่ว่าจะหนังสือที่กองอยู่ ส่วนขยะที่อยู่บนโต๊ะนั้นก็ว่าจะให้ไอ้ฟาร์มมันเอาไปทิ้งให้ 

     “ฟาร์มๆ กูไปก่อนนะเว้ย วันนี้มีส่งรายงานว่ะ” 

     “เออๆ ไว้เจอกัน” 

     แล้วพวกผมก็รีบกึ่งวิ่งกึ่งเดินขึ้นตึกไป ขนมปังที่จัดการยัดเข้าปากคำสุดท้ายนั้นก็เล่นทำให้ผมแทบสำลัก เลยได้แต่กลืนน้ำลายเหนียวๆของตัวเองแทนน้ำไปก่อน

     





     “พี่โบสวัสดีครับ  พี่ฟ้าสวัสดีครับ”  หลังจากเลิกเรียนผมก็ตรงดิ่งมาที่ร้านอาหารเลย โดยมีไอ้ฟาร์มที่เป็นสารถีคอยขับรถมาส่ง พอเดินเข้ามาในร้านแล้วก็กล่าวสวัสดีทักทายทุกคนตามมารยาท จากนั้นก็เดินไปหลังร้านเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บไว้ แล้วก็เอาผ้ากันเปื้อนสีดำที่สกรีนชื่อร้านอยู่ขึ้นมาผูกเอว

     “ทำไมวันนี้มาเร็วจัง?”  น้องนนท์เด็กผู้ชายคนนั้นที่ผมเจอตอนมาสมัครงานเดินออกมาจากห้องน้ำพอเห็นหน้าผมเท่านั้นก็เข้ามาทักทายผมทันที

     “เพื่อนมาส่งน่ะ เลยเร็ว ไม่ต้องไปรอรถให้เสียเวลา แล้วนี่เป็นไงลูกค้าเยอะไหม?”   ผมถามไป แล้วก็ทำงานที่อยู่ตรงหน้า นั่นก็คือการเอาแก้วที่เพิ่งล้างเสร็จมาเช็ดแล้วก็เรียงไว้ให้เป็นระเบียบตรงชั้นวางแก้ว

     “อ่อ..พอได้อยู่ แล้วนี่กินอะไรมายังครับ”   น้องมันถามแล้วก็ช่วยผมเช็ดแก้ว

     “กินมาแล้ว…เฮ้ยเดี๋ยวพี่ทำเองนายไปนั่งเถอะ”  งานก็เพิ่งมาทำไม่ต้องมาช่วยพี่ก็ได้ครับน้อง ไม่อยากเห็นแก่ตัวทั้งที่ในใจนั้นอยากจะไปนอนตีพุงตากแอร์เล่นอยู่ในร้านก็ตาม

     “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมช่วย จะได้เสร็จเร็วๆ”  แล้วน้องมันก็ยังหน้ามึนที่จะช่วยผมต่อไป แต่ก็นะ…น้องอยากเสนอพี่เองก็จะสนองให้ เชิญเลยครับถ้าอยากช่วยพี่  พี่ชอบบบบบ…


หลังจากเช็ดแก้วเสร็จแล้วผมจัดการเอาช้อนเล็กช้อนน้อยที่อยู่ในตะกร้าใหญ่ๆ ซึ่งเพิ่งจะล้างเสร็จมาเช็ดเก็บไว้และเรียงเข้าที่ให้เรียบร้อย  วันนี้เป็นวันที่ห้าที่ผมทำงานมาแล้วครับ อยากจะบอกว่าสุดตีนมากกกกกก!


คิดมาตลอดว่างานเด็กเสิร์ฟมันง่ายๆ ที่ไหนได้ไอ้ฉิบหายครับแม่ง! โคตรเหนื่อย อยากจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลาแต่ก็ต้องเก็บมันไว้ แล้วตั้งแต่ที่ทำงานมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่ผมจะไม่โดนพี่โบเรียกไปดุ ก็นั่นแหละครับยังคงทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ผิดพลาดตลอดรับออเดอร์ก็ผิด ทำข้าวของในร้านเสียหายประจำ


เฮ้ออออ แต่ก็ไม่กล้าที่จะบ่นให้ใครฟังหรอก มันน่าอายเกินไป…ต่อหน้าเพื่อนหรือไอ้เสือผมก็ทำไม่มีอะไรไปงั้นแหละ ทั้งที่แม่งนอยด์เรื่องงานสัดๆ นอยด์ที่โดนด่านี่ไง… เบื่อตัวเองมากด้วยที่ยังทำอะไรได้ไม่ดีเท่าที่ควร ต้องพยายามมากขนาดไหนวะ เกิดมายังไม่เคยพยายามอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย   การใช้ชีวิตที่แท้จริงมันเป็นแบบนี้นี่เองสินะ…ยากสัดๆ


     “ปิงๆมารับออเดอร์ลูกค้าหน่อย!”   พี่ฟ้าเปิดประตูแล้วโผล่หน้าเข้ามาบอกผมที่กำลังยืนเช็ดช้อนอยู่ตรงโต๊ะไม้ที่หลังครัว

     “ครับ”  ตอบรับและวางงานทุกอย่างตรงหน้าลงเพื่อที่จะได้ออกไปรับลูกค้า 

     “สั่งอาหารเลยไหมครับ?”  พอเดินออกมาแล้วผมก็หยิบกระดาษรับออเดอร์ติดมือมา จากนั้นก็ถามลูกค้าโต๊ะที่กำลังนั่งเลือกอาหารอยู่ ส่วนพี่ฟ้าและพนักงานคนอื่นๆนั้นก็กำลังรับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามากันให้วุ่น เดินสวนกันอย่างกับกำลังสวนสนามแปลขบวน
กันอย่างนั้นแหละ

     “เอาแหนมเนืองหนึ่งชุดค่ะ” 

     “เล็กหรือใหญ่ครับ?”

     “ใหญ่ค่ะ แล้วก็เปาะเปี๊ยะทอดชุดเล็ก กุ้งพันอ้อย หมูย่างใบชะพลู…แค่นี้แหละค่ะ” 

     “เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ?” 

     “น้ำเปล่าค่ะ”

     “รับน้ำแข็งไหมครับ?”

     “ไม่ค่ะ”

     “รอสักครู่นะครับ”
     พอรับออเดอร์เสร็จแล้วก็เดินมาลอกเมนูอาหารเพื่อที่จะได้เอาไปติดในครัว

     “ครัวหนึ่งแหนมเนืองเล็กหนึ่งครับ ครัวสองเปาะเปี๊ยะทอดเล็ก กุ้งพันอ้อยหมูย่างใบชะพลู”  ผมเดินเข้ามาในครัวพร้อมกับไล่อ่านเมนูอาหารให้เชฟทั้งสามที่กำลังยืนวุ่นวายกันอยู่ตรงครัวใครครัวมัน

     ยังไม่ทันที่ผมจะเดินออกไปพวกพนักงานเสิร์ฟคนอื่นก็เอาใบออเดอร์มาเสียบพร้อมกับไล่อ่านเมนูเหมือนที่ผมทำเมื่อครู่

    “นนท์โต๊ะหนึ่งศูนย์สองมีน้ำอะไรบ้าง”   พอผมเสิร์ฟน้ำโต๊ะอื่นเสร็จก็เลยต้องมาช่วยคนอื่นที่กำลังวุ่นๆกันอยู่

    “โค้กลิตร น้ำแข็งหนึ่งถัง น้ำมะพร้าวอัญชัน ชามะนาวหนึ่งแก้วครับ งั้นเดี๋ยวผมขึ้นไปเสิร์ฟอาหารที่ชั้นสองก่อนนะครับ”   

     แหม…ไล่เมนูน้ำมายาวขนาดนี้สมองปลาทองแบบกูจะจำได้ไหมถามใจดู…
   
     เดี๋ยวนะ มันมีน้ำอะไรบ้างหว่า…

     ปิ๊งป่อง!!
     นั่นไง…ยังไม่ทันได้เทน้ำลงแก้วเสียงกดเรียกไปรับอาหารก็ดังขึ้น เลยต้องผละออกมาจากบาร์น้ำแล้วเดินเข้าครัวไป


     “ก๋วยจั๊บหมูสองโต๊ะไหนครับ?”   ผมตะโกนถามเชฟครัวสองที่กำลังวุ่นอยู่กับการทำออเดอร์  แต่สิ่งที่เชพตอบกลับมานั้น…

     “เดินมาดูเองไม่เป็นหรือไง? กำลังทำออเดอร์อยู่หันหลังไปดูไม่ได้!”   
     โอยยยยไอ้สัด!! ถ้าไม่ติดว่าอายุรุ่นราวคราวพ่อกูนะ กูด่าแม่งละ! คิดว่าตัวเองยุ่งคนเดียวหรือไงกูก็ยุ่งเหมือนกันแหละครับ!!
 
     แต่สุดท้ายก็นั่นแหละ ยังไงก็ต้องเดินไปดูโต๊ะเอง อย่างว่าแหละเขาทำงานที่มานานแล้วอาวุโสสุด ไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะมีปากมีเสียงด้วยหรอก แต่ลุงครับ…ระวังไว้นะ วันไหนกูหมดความอดทนเดี๋ยวเอาไข่เน่าไปปาใส่บ้านแม่งเลย!!

     อารมณ์เสีย

     หงุดหงิดโว้ยยยย!

     “น้องคะ เช็คบิลด้วยค่ะ”  พอเดินเอาอาหารออกมาเสิร์ฟยังไม่ถึงสองนาที ลูกค้าโต๊ะข้างๆก็เรียกเช็คบิลทันที

     “ลูกค้ามีบัตรสมาชิกไหมครับ?” 

     “ไม่มีค่ะ” 

     “พี่โบครับ หนึ่งศูนย์สี่เช็คบิลครับ”   และผมก็เดินมาตรงเคาท์เตอร์เพื่อที่จะเช็คบิลลูกค้าโต๊ะเมื่อครู่ 

     “น้องคะ ขอน้ำจิ้มแหนมเนืองกับผักยี่หร่าหน่อยค่ะ”  แต่ยังไม่ทันที่จะได้เช็คบิลลูกค้าโต๊ะอื่นก็เรียกเอาของเพิ่ม 

     ไอ้ห่าแล้วนี่แม่งเด็กเสิร์ฟมันหายไปไหนกันหมดดดด โอ้ยยยยยย น้ำก็ยังไม่ได้เสิร์ฟลูกค้าก็จะเอานู่นนี่นั่น

     เจ๊ดดดดดแหมงงงงงงง!

     ไม่ต้องห่วงว่าจะด่าออกเสียง กูแค่ด่าในใจครับหัวหน้า จากนั้นก็ตอบเขากลับไปว่า “ได้ครับ รอสักครู่นะครับ!”  และฉีกยิ้มอย่างผูกมิตรพร้อมบริการไปให้เขา


     “ปิง! ยังไม่ได้เสิร์ฟน้ำให้ลูกค้าโต๊ะหนึ่งศูนย์หนึ่งเหรอ?”   นั่นไง…เดินออกมาจากการไปเพิ่มผักเพิ่มน้ำจิ้มให้ลูกค้ายังไม่ทันไร พี่โบเจ้าของร้านแม่งก็ถามขึ้นมาทันที 

     คือแบบ…จะให้กูแยกร่างไปเสิร์ฟเหรอครับสังคม… คนนู้นก็จะเอาอันนี้ คนนั้นก็จะเอาอันนู้น  แม่งเอ้ยยยยยย!!

     “ยังครับ!!”   และก็เหมือนเดิม พยายามตอบกลับไปทั้งที่หน้าแม่งโคตรจะตอแหลว่ากำลังยิ้ม ส่วนในใจก็นี้โคตรเกรี้ยวกราด โคตรเหนื่อย  ไม่ใช่อะไรหรอก ไอ้พวกพนักงานเสิร์ฟที่เหลือแม่งก็ไปออกันอยู่ชั้นสองไง พอดีมีลูกค้าชั้นสองอยู่เลยพากันไปหลบอยู่แถวนั้น ส่วนกูก็ทำงานชั้นล่างไปคนเดียวสิครับ สาระเลวววววว 

      แล้วพี่โบเจ้าของร้านกูนี่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเล๊ยยย คอยแต่จะด่ากูอย่างเดียว เดี๋ยวกูตบเรียกสติหน่อยดีไหม!!

     พูดเล่น ผมไม่นิยมตีผู้หญิง

     “ไปเสิร์ฟน้ำก่อนไปเดี๋ยวพี่เช็คบิลเอง” พี่เธอเลยตอบกลับมา   
นั่นแหละครับกูอยากได้ยินพี่พูดแบบนั้นนานแล้ว ฮ่วยยยย!!

     “โทษนะครับ ผมยังไม่ได้ปากหม้อญวนที่สั่งไปเลยนะครับ”  ในขณะที่ผมกำลังเสิร์ฟน้ำให้ลูกค้าอยู่ ไอ้ลูกค้าโต๊ะที่เช็คบิลนั้นก็บอกมาว่าได้อาหารไม่ครบ 


     นั่นไง…
     กูว่าแล้ว…พี่โบต้องหันมามองหน้ากูแน่เลยว่ะ

     นั่นไง…เป็นไปตามคาด ฮืออออ ตอนนี้ขนลุกขนพองไปหมดแล้ว

     “โทษทีนะคะ ไม่ทราบว่าลูกค้ายังจะรับอยู่ไหมคะ?”

     “อ่อ…ไม่แล้วครับ” 

     “ค่ะ..ขอโทษทีนะคะ”  พี่เธอตอบกลับและส่งยิ้มขอโทษไปให้ลูกค้า ที่จริงในใจแม่งต้องเกรี้ยวกราดมากแน่ และผมว่าวันนี้
     ผมโดนอีกแหงๆเลย ก็ลูกค้าโต๊ะนั้นผมเป็นคนรับเอง 


     ฮือออออออ 

     หัวใจกูห่อเหี่ยวอีกแล้ว…

     “ปิงอย่าเพิ่งไปมานี่ก่อน” และเสียงที่ไม่อยากได้ยินที่สุดก็ดังขึ้นในขณะที่กำลังเดินออกมาจากร้าน ก็เลยต้องหอบสารร่างมานั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของพี่โบ ทั้งที่คนอื่นนั้นออกจากร้านไปกันหมดแล้ว ขณะนี้ก็เลยมีแค่ผมกับเจ้าของร้าน 


     “ครับ”  ตอนนี้ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากนั่งทำหน้าสำนึกผิด และตอบรับเขาด้วยเสียงเหนื่อยๆ

     “รู้ใช่ไหมว่าพี่เรียกมาเพราะอะไร?” เจ้านายพูดเสียงเข้ม สองมือยกกอดอกและมองมาที่ผมแบบไม่วางตา

     ที่จริงผมไม่อยากรู้เลยครับ

     “ครับ”  ถึงจะไม่อยากรู้แต่ก็พยักหน้าตอบรับเขากลับไป

     “ซึ่งนั่นมันก็เรื่องเดิมๆที่พี่เคยบอกปิงไปหลายครั้งหลายหนแล้วนะ”
     หลายครั้งอะไร แค่สามครั้งเอง ชิลๆ

     “ครับ”

     “ปิงเพิ่งมาทำงานพี่เข้าใจนะ ยังทำอะไรไม่เป็นพี่ก็เข้าใจ  สองสามวันแรกพี่อนุโลมให้ แต่นี่มันห้าวันแล้วนะ ทำไมยังไม่ดีขึ้นอีก”

     “…” 
     แดกจุดเลยสิครับสังคม…

     “พี่ก็สงสารเรานะไม่อยากจะพูดอะไรให้มาก แต่ในฐานะที่พี่เป็นเจ้าของร้านก็ขอดุสักหน่อยแล้วกัน พี่บอกเลยนะถ้าอีกหนึ่งอาทิตย์ปิงยังไม่พัฒนาขึ้นพี่ก็คงต้องให้ปิงออกแล้วแหละ… พี่ไม่ได้อยากใจร้ายนะ แต่ในฐานะที่พี่เป็นคนจ้างพี่ก็อยากได้ลูกจ้างที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้  คนไม่เป็นพี่สอนให้ แต่ถ้าพี่สอนแล้วก็ต้องช่วยจำด้วยไม่ใช่ปล่อยให้เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา”

     “ครับ”  ผมว่าเสียงของผมมันแทบเบาหวิวเลยล่ะ

     “เข้าใจพี่ใช่ไหม?”

     “ครับเข้าใจครับ ผมขอโทษนะครับ ผมจะปรับปรุงตัวเองให้ดีกว่านี้ครับ” 
     เออ…ทำไมมันรู้สึกไม่ดีแบบนี้วะ โดนเจ้านายดุมันเป็นแบบนี้นี่เอง นี่ขนาดงานแค่นี้นะ แล้วถ้าหลังจากเรียนจบแล้วผมไปทำงานที่บริษัทแล้วโดนเจ้านายด่าจะทำยังไงกันล่ะทีนี้ หัวใจยิ่งกระตุกง่ายอยู่ด้วย


     “ก็ดีแล้ว พี่หวังว่าพี่จะไม่ได้ไล่ปิงออกนะ เพราะพี่ก็ไม่ได้อยากเป็นคนใจร้ายขนาดนั้น”

     “ครับ ผมขอโทษนะครับ”  ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นไหว้พี่โบ

     “ไม่เป็นไร กลับบ้านเถอะ พี่มีเรื่องจะคุยแค่นี้แหละ” 

     “ครับ…สวัสดีครับ” 
     จากนั้นผมก็เดินออกมาหน้าร้านพร้อมกับน้ำตาที่ปริ่มๆอยู่ตรงหน่วยตาและมันก็กำลังจะไหลออกมา
 
     เป็นบ้าอะไรวะ…จะร้องทำไม
     ผิดก็ต้องยอมรับดิวะ



     ปริ๊น!!
 
     แต่แล้วมันก็หายกลับเข้าไปเหมือนเดิม เพราะเสียงแตรรถที่ดังขึ้นจากที่ไหนสักที่ เลยอดไม่ได้ที่จะมองหาว่าเป็นใคร…และคนคนนั้นก็คือไอ้เสือ มันกำลังนั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ของมัน  โบกมือส่งให้ผมมาจากทางถนนฝั่งตรงข้ามเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่ามันอยู่ตรงนั้น วันนี้มันมาคนเดียวไม่มีน้องกวางมาด้วยเหมือนอย่างทุกๆวัน ผมเลยรีบข้ามถนนเข้าไปหามันที่กำลังนั่งรอยู่บนรถ


     “ทำอะไรอยู่ตั้งนานสองนาน?”  ทันทีที่ผมกระโดดขึ้นรถก็ถามผมขึ้นมาทันที พร้อมกับซูโม่เอ็กซ์ที่ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป จากนั้นความเร็วกอยู่ที่ประมานหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง

     “มีธุระนิดหน่อยน่ะ”  ตอบมันกลับไปด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ  ก็โดนดุมานะครับ จะไม่เซ็งได้ยังไง แม้ว่ามันจะเป็นเพราะตัวผมเองก็เถอะ แต่มันก็อดที่จะนอยด์ไม่ได้ไง เกิดมายังไม่เคยโดนอะไรแบบนี้เลย…

     เห้อ…..

     “…”

     “…”
     ผมกับไอ้เสือเงียบไปสักครู่หนึ่ง เหมือนกับว่ามันก้เอาแต่ตั้งใจขับรถส่วนผมก็เอาแต่คิดเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา ที่จริง…มันไม่ใช่การดุด่าอะไรที่แรงมากนักหรอก แต่ผมแค่… แค่รับไม่ได้เพราะไม่เคยโดนแบบนี้


     “เป็นไงเหนื่อยไหมมึง?”  หลังจากที่เงียบได้สักพักคนที่กำลังตั้งใจขับรถก็เอ่ยถามแทรกขึ้นท่ามกลางเสียงลมที่กำลังตีกลับใส่หน้าเราทั้งสอง

     ทันทีที่ได้ยินประโยคคำถามเมื่อครู่นี้พลันน้ำตาที่ผมพยายามกักเก็บไว้มันก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เพราะอดกลั้นไว้ไม่ได้อีกต่อไป   

     “น เหนื่อย… ฮึก น เหนื่อยมากเลย”   ผมตอบกลับไปเสียงสั่นๆอย่างห้ามไม่อยู่   
     แล้วทำไมผมต้องร้องไห้แค่เพราะเขาถามผมว่า ‘เหนื่อยไหม’ ด้วย 

     ถ้าคนอื่นถามผมอาจจะมีอาการปกติ แต่กับไอ้เสือ…ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้ามันผมต้องดูเป็นคนอ่อนไหวง่ายอะไรแบบนี้ด้วย

     “เป็นอะไร…” 
 
     “ป เปล่า ฮึก…” 

     “เปล่าแล้วร้องไห้ทำไม…”

     “ม ไม่ ฮึก ได้ร้อง”   ใครเชื่อก็ควายแล้วครับ

     “ไม่ร้องก็ไม่ร้องสบายใจแล้วค่อยพูดออกมา” 


     และจากนั้นบทสนทนาของเราสองคนก็จบลงไป ผมปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้งสายลมที่กำลังพัดอยู่ๆรอบๆตัวยิ่งทำให้ผมจมอยู่ในความคิดของตัวเองมากกว่าเดิมเสียอีก คำพูดของพี่โบต่างๆนาๆก็กำลังลอยวนเวียนอยู่ในหัวไม่ไหน
 
     เกลียดตัวเองฉิบหายเลย…ทำไมไม่ถึงเอาไหนแบบนี้วะ!


     “หิวข้าวไหม?”  ทันทีที่เดินเข้ามาในบ้าน ผมก็ทิ้งก้นนั่งลงตรงโซฟาพร้อมกับปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้า แต่ที่จริงแล้วผมแค่ต้องการที่จะซ่อนรอยแดงๆจากดวงตาไว้ต่างหาก

     หน้าแตกกันพอดีถ้ามันเห็นเข้า แค่มันได้ยินเสียงสะอื้นกูนี่ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหนแล้วครับสังคม…

     “ปิง…”

     “อะไร…”

     “หิวข้าวไหม?”

     “ไม่หิว เหนื่อย…แล้วน้องกวางไปไหนอ่ะ?”

     “อยู่กับน้าเล็กน่ะ  ติดน้าเล็กงอมแงมเลย ไม่ยอมมากับกู”

     “อ่อ…”

     “ไม่หิวแน่นะ?” ถามย้ำอีกครั้ง

     “อือ…ไม่หิว”
     อย่าถามกูมากไอ้ห่า เสียงกูยังไม่หายสั่นเลย…


     ฮ้าววววววววว…  หาวไปจนถึงดาวอังคารอีกแล้วครับสังคม เฮ้ออออนอนละเดี๋ยวดึกๆลุกขึ้นมาอาบน้ำ
 

     แต่…



     มีต่อนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2017 14:27:25 โดย กิงก่องโก๊ะ »

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เสือ สอนปิง ให้สู้ชีวิต ที่ไม่ดีก็ให้แก้ไข
ให้คำแนะนำให้กำลังใจในการทำงานดีมาก

คราวนี้ เสือ คงไม่แอบจุ๊บแค่หน้าผากเท่านั้นนะ
แต่เรียกน้องกวางแล้วดึงปิงไปกอดนี่ มันยังไง  :katai1:
ก็ขนาดตัวมันต่างกันลิลลับเลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รู้ตัวตลอดแต่ยอมให้กอดให้จุ๊บ อิอิ คิดๆๆๆ
เสร็จพี่เสืออีกรอบในไม่ช้านี้ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
เอาใจช่วยปิงนะ แถมเห็นใจเสือด้วย นอกจากเลี้ยงน้องกวางแล้ว ยังต้องมาเลี้ยงลูกปิงอีก 5555555

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ต่อจากตอนที่สิบสี่ค่ะ


สิบนาทีผ่านไป

     หลับตาลงไปประมาณสิบนาทีได้กลิ่นหอมฉุยมันก็ลอยเข้ามาแตะจมูกจนต้องลืมตาขึ้นมาดู  แหม…มานั่งแดกล่อตาล่อใจกูแบบนี้น้ำย่อยกูก็เดินสิครับ 


     จ๊อก…

     อุ้ยยยย!! เสียงฟ้าร้องอีกแล้ว

     เอ๊…สังสัยฝนจะตกนะครับ

     “หิวก็ลุกขึ้นมากิน!”  เมื่อเห็นว่าผมแอบเหลือบตาไปมอง คนตัวสูงที่อาหารมาวางไว้ตรงโต๊ะตัวเล็กตรงหน้าก็พูดขึ้นมาอย่างรู้ทัน


     “เดี๋ยวมึงกินไม่อิ่ม เอาเถอะตามสบาย”

     จ๊อก…
     อิท้องมึงอย่ามาทำกูขายหน้าแบบนี้สิวะ อุตส่าห์คีพลุค!


     “จะมากินก็มากิน!”   เอ่ยเสียงเข้มขึ้น
     แม่ง…เสียงดุของมึงนั้นทำกูหัวใจกระตุกเลยครับ  อะไรวะ! ทำไมวันนี้มันมีแต่คนดุกูเนี่ย
     นี่เลยต้องคลานลงจากโซฟาประหนึ่งว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นงู จากนั้นก็ย้ายตัวเองไปนั่งที่ฝั่งตงข้ามกับไอ้เสือ ตอนนี้เรากำลังนั่งกันอยู่ตรงโต๊ะหน้าโซฟาน่ะครับ ไม่ใช่โต๊ะกินข้าว

     “ลุกไปเอาตะเกียบมา!” 

     “เอาให้หน่อยดิ…ลุกไม่ไหว…”   เลยงัดไม้แข็งออกมาใช้ซะเลย น้ำเสียงแม่งอ้อนสุดฤทธิ์ หมายถึงอ้อนตีนนะครับ

     “มึงนี่!”   ถึงแม่งจะบ่นแต่ก็ลุกขึ้นไปเอาให้ผมครับ จากนั้นมันก็ยื่นมาให้ผม เลยไม่รอช้าที่จะจัดการมาม่าอยู่ในถ้วยเข้าปากด้วยความรวดเร็ว 

     เห็นไหม…บอกแล้วว่าไม่หิว 
     ไม่หิวน้อยแต่หิวมากไอ้สัด!!!

     และมาม่าถ้วยใหญ่ก็ถูกผมซัดเรียบไปจนเกือบค่อนถ้วย จนกินเกือบหมดแล้วเลยลืมไปว่าคนตรงหน้านั้นมันทำมากินเองนี่หว่า ก็เลยเงยหน้าขึ้นมองมันนิด แต่ด้วยความที่เจ้าตัวมองอยู่ก่อนแล้วผมก็แทบจะเอาหน้ามุดลงพื้นแทบไม่ทัน เพราะแอบเห็นมุมปากของไอ้เสือยกยิ้มน้อยๆ

     “อะไรของมึง?”   ก็เลยถามมันขึ้นมาทั้งที่เส้นมาม่ายังอยู่ในปาก ไม่ค่อยตะกละเลยกูเนี่ย!

     “กูแค่มองคนไม่หิว” 

     “แล้วไม่กินหรือไง ต้มมากินแล้วทำไมไม่กิน?”   นั่นสิเดี๋ยวแม่งก็มาบ่นกูอีกครับว่าแย่งกินอย่างนู้นอย่างนี้

     “ไม่อ่ะ ก็ตั้งใจทำมาให้มึง”   

     เชี่ยอะไรของมึงเนี่ย…
     พูดแล้วยิ้มออกมาแบบนี้หมายความว่ายังไง?   

     “ไม่กินละ อิ่มละ” 


     ซูดดดด!
     เสียงซูดมาม่าผมครั้งสุดท้ายดังขึ้นก่อนจะเลื่อนถ้วยไปตรงหน้ามัน

     “ก็ไม่แปลกที่จะอิ่ม…เกลี้ยงถ้วยซะขนาดนี้”  มันว่าแล้วก็เหลือบตาเข้ามามองในถ้วยที่ผมเพิ่งเลื่อนไปให้ตรงหน้า

     อ้าว…ฉิบหาย นี่ก็คิดว่ามันยังเหลือไง ที่ไหนได้หมดแล้ว ซอรี่..

     “มึงนี่เหมือนเด็กจริงๆเล๊ย” 

     “เหมือน…”

     ยังไม่ทันที่จะพูดจบมือหนาของคนตรงหน้ามันก็หยิบเอาทิชชู่มาเช็ดคราบน้ำมาม่าที่เปื้อนอยู่รอบริมฝีปากให้ผม

     

     ตึกตัก…
     พลันจังหวะการเต้นของหัวใจก็เร็วมากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย

     มึงทำกูใจเต้นแรงอีกแล้วนะไอ้สัด!

     “ทำตัวเหมือนเด็กจนกูคิดว่ามึงเป็นลูกอีกคนแล้ว!”   
     แล้วหัวใจที่กำลังเต้นแรงและทุ่งลาเวนเดอร์ที่กำลังเบ่งบานอยู่ภายในท้องนั้นก็หายวับไปกับตา 

     ไอ้ฟายยยย รับกูเลี้ยงเป็นลูกอีกคนเลยไหมล่ะ!?

     ชิชะ!!

     “ไอ้ห่า!!”  พอมันเลื่อนมือออกไปเท่านั้นแหละ ด้วยความที่เป็นคนปากเร็วเลยด่ามันไปทันควัน 

     “ฮ่าๆๆ พูดไม่เพราะเลยนะลูกปิง!!”   แล้วแม่งก็ระเบิดหัวเราะใส่กูยกใหญ่เลยครับหัวหน้า ด้วยความหมั่นไส้เลยคว้าหมอนบนโซฟามันปาใส่มันซะเลย

     “กวนตีน!!” 

     “ฮ่าๆๆๆ!!”  ยังอีก มันยังไม่หยุดหัวเราะผมอีก นี่มันน่าขำตรงไหนวะไอ้หมาบ้านี่!!

     “อะๆ ไม่ล้อละ…ฮ่า”  มันพูดแล้วก็พยายามกลั้นขำไว้ เออนี่ตั้งแต่อยู่กันมาก็เพิ่งเห็นมันหัวเราะหนักๆก็วันนี้นี่แหละ แม่งอัศจรรย์ใจกูจริงๆ 

     “เออ!! หัวเราะให้สบายใจไปเลยมึง!!” 

     “กูอ่ะ สบายใจแล้ว…แล้วมึงล่ะสบายใจหรือยัง?” 



     จึก…

     ยอกย้อนกูอีก เดี๋ยวปั๊ดตบให้กะโหลกแตกเลย แล้วตอนนี้หน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อครู่ของมันนั้นก็หายไป กลับมาเป็นหน้าตาที่เรียบนิ่งเช่นเคย แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ดูไร้อารมณ์อย่างเช่นทุกครั้ง
เพราะผมสัมผัสได้ถึงดวงตาคู่นั้นที่มองมา  รู้สึกว่ามันทั้งอ่อนโยน…และกำลังบอกว่าเป็นห่วงอยู่…


     “ก ก็ไม่ค่อยเท่าไร”  เพราะดวงตาคู่นั้นของมันแท้ๆ เหมือนเป็นเครื่องง้างปากให้กูพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้

     “มึงเป็นอะไร เหนื่อยเหรอ?” 

     “ก็ประมาณนั้น” มันคงจะรู้ว่าผมไม่รู้ที่จะเริ่มต้นพูดยังไง

     “งานก็งี้แหละ กว่าจะได้เงินเขาแต่ละบาท…”

     “…”

     “…”

     “ที่จริงวันนี้กูโดนเจ้านายตักเตือนมา…” และผมก็เริ่มต้นเล่าในที่สุด

     “…”

     “เขาบ่นเรื่องที่กูไม่พัฒนาตัวเองสักที..  ก็ตั้งแต่ที่ทำงานมานั่นแหละ เขาก็พูดตลอด”

     “…”

     “เขาบอกว่าถ้าอีกหนึ่งอาทิตย์กูยังไม่ดีขึ้นเขาจะให้กูออก”

     “…”

     “ที่จริงกูก็เข้าใจเขาแหละ…กูก็พอจะรู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไง…ก กูแค่…ไม่รู้ว่ะ กูอาจจะรับไม่ได้ก็แค่นั้น กูเหนื่อยๆท้อๆยังไงก็ไม่รู้” 

     “ในเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นยังไงแล้วทำไมไม่แก้ไขล่ะ? มานั่งท้อแบบนี้สุดท้ายแล้วถ้ามึงไม่ยอมแก้ไขมันก็มีค่าเท่าเดิม?”

     “…”
     พอพูดมาแบบนี้ผมเลยไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี จริงๆมันไม่ใช่แค่นิสัยหรอกครับ มันคงเป็นสันดานเลย

     “นิสัยมันแก้ยากกูเข้าใจ แต่ถ้าไม่ลองสู้กับใจตัวเองสักครั้งดูมึงจะรู้ได้ยังไงว่ามันจะเปลี่ยนไปได้หรือเปล่า…”   

     “…”

     “มึงก็ลองค่อยๆหัดทำไป แต่ในขณะที่ทำก็ตั้งใจด้วย งานจะได้ออกมาดีๆ นึกถึงใจเขาใจเรา เราอยากได้เงินเราก็ต้องเอาผลงานดีๆเข้าแลก ไม่มีนายจ้างคนไหนหรอกที่อยากเสียเงินไปเปล่าๆ ในเมื่อเขาจ่ายมันไปแล้วเขาก็ต้องอยากได้อะไรที่ดีๆตอบกลับมา ก็ลองคิดดูว่าถ้ามึงเป็นเจ้านายคนมึงจะอยากได้ลูกน้องแบบไหน?”

     “…”

     “นี่แหละ…ชีวิตก็แบบนี้แหละ ลองผิดลองถูกกันไป ทุกข์บ้างสุขบ้างเพราะแม่งมันคือชีวิต”

     “…”

     “อยากให้มึงลองสู้ดูสักครั้งนะ ถือว่าเป็นประสบการณ์เวลาที่เริ่มทำอะไรใหม่ๆ ถ้ามึงตั้งใจซะอย่าง มันก็ไม่มีอะไรเกินความสามารถมึงหรอก…” 

     “อือ…ขอบใจ” ผมตอบและพยักหน้ารับฟังคำสอนของมัน “มึงนี่ก็คอยให้กำลังใจกูตลอดเวลาเลยนะ อยู่ข้างๆกูตลอดเลย” 
ไม่ว่าจะมีเรื่องร้ายดีเข้ามาในชีวิตผมยังไง ผมเองก็รู้สึกว่าไอ้เสือก็จะคอยอยู่ข้างผมตลอดเลย 

     พอผมได้พูดแล้วมันก็สบายใจขึ้นมาหน่อย

     อยากขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันแบบนี้… 

     




      หลายวันต่อมา

     เสียงเพลงจากวงดนตรีสดที่กำลังเล่นอยู่บนเวทีดังคลอไปทั่วทั้งร้านเหล้า นั่นแหละครับ…ตอนนี้ผมกำลังอยู่ในร้านเหล้าแห่งหนึ่ง วันนี้วันเสาร์ผู้คนเลยเยอะมากเป็นพิเศษ หลังจากที่ผมเลิกงานแล้วไอ้เสือมันก็มารับผมทันที จากนั้นก็ลากผมมาด้วยที่ร้านเหล้าร้านหนึ่งตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้วเกือบตีหนึ่ง ไอ้พี่เสือที่กำลังนั่งอยู่ในโต๊ะนั้นโดนเพื่อนมอมเหล้าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงพี่มันก็ลิ้นพันกันเรียบร้อยแล้ว…

     “พวกเมิง…กูกลาบก่อนนา แม่งมึนหัว…”   ผมเองก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ตอนที่มันกำลังพูดออกมาด้วยสภาพที่โคตรย่ำแย่…ไม่เคยเห็นมันเมาหนักขนาดนี้มาก่อนเลยครับ ขำว่ะ กร๊ากกกกกก!!

      “มึงจะรีบไปไหนว๊า!! นานๆทีจะมีเวลาออกมากินเหล้ากับเพื่อนกับฝูง!”  คนที่พูดลิ้นพันกันไม่ต่างกันกับไอ้เสือนี่ก็เพื่อนมันเองแหละครับ กะจะมอมพี่เสือแต่ตัวเองก็ดันเมาด้วยซะงั้น

     “น้องมานมาด้วย พรุ่งนี้น้องมานสอบเลยต้องรีบกลาบ”   และนี่ก็คือเหตุผลที่แท้จริงที่ไอ้เสือพาผมมาด้วย เนื่องจากจะเอามาเป็นไม้กันหมา เพราะวันนี้เป็นวันเกิดเพื่อนมันแล้วมันต้องมาเลยคิดว่าต้องโดนมอมเหล้าแน่ๆ ก็เลยให้ผมมาด้วยเพื่อมาเป็นข้อ
อ้างที่จะขอตัวกลับบ้าน  แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่รอดครับ เมาจนคอพับคอหักคอห้อยแล้วเนี่ย

     “เออๆ เมิงจาปายหนายก็ปายเลยปะ!  น้องคร้าบบพี่ฝากเพิ่ลพี่โด้ยยนะคร้าบบบ มานมาวววแล้วชอบเลื้อนนนนนราวางงมันปายยเลื้อนส่ายยโคนนอื่นนนน”     


     กว่าพี่เค้าจะพูดจบประโยคผมนี่แทบกลั้นหายใจตามให้ได้ อะไรมันจะเมาขนาดนั้น นี่มาผมก็ไม่ได้ดื่มนะครับ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยว๊อนท์มันเหนื่อยแล้วอยากนอนอย่างเดียวเลย  ตอนแรกมันก็บอกแค่มานั่งแป้บเดียว  มันก็แป้บเดียวจริงๆนั้นแหละครับ แต่เล่นโดนเพื่อนชงเหล้าเข้มๆให้หลายแก้วติดแล้วเชียร์ให้ยกเอาๆ ไม่เมาก็คงไม่แปลก 


วันนี้ไม่ได้เอามอเตอร์ไซค์มา  เพราะถ้าเอามาผมคงขับกลับไม่ไหวแน่ ลำพังขับจักรยานยังไงไม่ให้ล้มแม่งก็โคตรยากเลย แล้วไอ้คนที่ขับรถทุกประเภทไม่ค่อยแข็งมันจะไปรอดอะไรแถมยังต้องแบกร่างควายๆของไอ้เสือมันขึ้นรถมาอีก  เพราะฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดของผมนั้นก็คือการนั่งแท็กซี่กลับ


และขณะนี้เราก็กำลังนั่งอยู่บนแท็กซี่ไอ้คนโดนมอมเหล้าแม่งก็เมาจนไม่ได้สติเลยครับหัวหน้า  ศีรษะที่กำลังพิงอยู่บนไหล่ของผมนั่นเลื่อนลงมาเรื่อยๆจนสุดท้ายก็มาอยู่บนตักผม แหม…เมาเป็นหมาหมดสภาพเลยมึง ก็นั่นแหละครับ ถึงจะหน้าหล่อยังไงแต่พอตอนเมานี่ก็ดูแทบไม่ได้กันเกือบทุกราย   ถ้าสาวๆที่แอบชอบมันมาเห็นมันสภาพนี้แล้วคงฮาน่าดู ว่าแล้วก็ขอถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์มันหน่อยแล้วกัน จะเอาไว้ล้อมันยันลูกบวชเลย 

     แต่น้องกวางบวชไม่ได้นี่หว่า ก็นั่นแหลจะเอาไว้ล้อมันจนกว่าน้องกวางจะแต่งงานเข้าเรือนหอไปเลยก็แล้วกันหุหุ

     อะๆ ลืมไปเลย ขออัพเดทเรื่องราวชีวิตตอนนี้หน่อยก็แล้วกันนะครับ หลังจากวันนั้นวันที่แม่งโคตรจะนอยด์กับชีวิต ทุกอย่างมันก็โอเคขึ้นแล้ว ก็อย่างที่ไอ้เสือมันเคยบอกผมเลยว่าแม่งต้องลองสู้กับใจตัวเองดู เลยลองพยายามทำดู แต่กว่าจะผ่านมันมาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมนั้นจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้ในพริบตาหรอกนะ มันก็แค่ดีขึ้นมาหน่อย ไม่ได้ย่ำแย่เหมือนอย่างช่วงแรก จนพี่โบเจ้าของร้านนี่ถึงกับเอ่ยปากขึ้นมาว่าผมทำงานดีขึ้น ไม่เหมือนกับตอนแรกๆ

ก็ดีใจแหละครับ…ถือว่าการสู้กับตัวเองในครั้งแรกเป็นเรื่องที่ดี  ทุกวันนี้ก็เลยคิดซะว่ามันเป็นประสบการณ์ในการทำงานเพื่อที่จะได้เอาจำไว้และเอาไปใช้ในอนาคต  เพราะผมคิดว่า อนาคตผมต้องเจออะไรที่มันยากกว่านี้แน่ๆ


     แต่ตอนนี้เนี่ยสิ่งที่หนักกว่าอนาคตก็คือไอ้คนที่โดนมอมเหล้านี่แหละครับหัวหน้า!!

     เหยดแม่มมมม!! ตัวหนักฉิบหายเลย!!

     เพราะในขณะนี้ผมกำลังลากมันลงมาจากระแท็กซี่หลังจากที่มาจอดตรงหน้าบ้านผมไม่ถึงห้านาที

     อึ๊บบ!!

     พยุงมันแต่ทีละทีแม่งต้องมีรีแอคชั่นตลอดเวย์เลย

     ก็คนมันหนักนี่หว่า…

     พลั่กก!! และกว่าจะลากมันเข้ามาในห้องได้ก็เล่นเอาเกือบตาย พอถึงตรงปลายเตียงเท่านั้นแหละ จัดการปล่อยมันลงบนที่นอนเต็มที่ จากนั้นก็เดินไปเปิดแอร์ให้ ด้วยความที่เมื่อครู่ตอนลากมันเข้าในห้องนี่เล่นเอาเหงื่อซกไปทั้งตัว หอบแฮ่กหิวน้ำจนต้องเดินออกมาหาน้ำกินอยู่นี่ไง


     “ไปไหนมากันดึกๆดื่นๆ” 
     พรวดดด!!

     “แค่กๆ”   
     น้ำที่เพิ่งยกกรอกเข้าปากนั้นกลับพุ่งพรวดออกมาจนละอองน้ำเต็มเข้าหน้าของไอ้พี่หมาก…

     แหม…อยู่ๆก็เล่นโผล่มาไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง ไอ้ผมก็คิดว่าแต่ผีเลยพ่นน้ำมนต์ใส่มันซะเลย
     เปล่าครับ…ที่จริงผมสำลัก

     “ใจเย็นๆ”  พี่มันพูดแล้วก็ลูบหลังให้ผมขึ้นลง

     “มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงตกใจหมดเลย!”

     “ฮ่าๆ โทษทีไม่คิดว่ามึงจะตกใจนี่หว่า…แล้วนี่ไปไหนกันมา?”

     “พาไอ้เสือมันไปงานวันเกิดเพื่อนมาน่ะพี่ แล้วเสือกโดนมอมไง เมาเหมือนหมาเลย!”

     “อ่อ…แล้วเดี๋ยวนี้มึงไปไหนวะ กลับบ้านดึ๊กกกดึก บางวันกูกลับมาแต่หัวค่ำก็ยังไม่เห็นหน้ามึงเลย”

     “ไปทำงานมา”

     “แล้วทำที่ไหน?”

     “ทีร้านอาหารเวียดนาม ตรงXXX”   “เดี๋ยวค่อยคุยกันนะพี่ ตอนนี้แม่งโคตรง่วงเลย แต่เดี๋ยวจะเข้าไปดูไอ้คออ่อนมันซักหน่อย”

     “เออๆ ไปซะ นอนละฝันดี”   


     หลังจากจบบทสนทนาเราสองคนก็ต่างแยกเข้าห้องใครห้องมัน แต่ยังหรอกผมยังไม่ได้เข้าห้องตัวเอง แต่ต้องเข้ามาดูไอ้เสือมันก่อน  ว่าจะเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มันหน่อย จะได้นอนสบายๆ


     แต่ว่า…


     ตอนนี้คงไม่ต้องเปลี่ยนให้แล้วแหละครับ…ก็ดูสิเล่นนอนถอดเสื้อตากแอร์เองเลย แล้วนี่มันถอดเสื้อไปตอนไหนวะ กางเกงด้วยตอนนี้ทั้งตัวมันก็เหลือแค่บ็อกเซอร์ติดตัวแล้วก็รองเท้าผ้าใบที่ยังไม่ได้ถอด ผมเลยเดินเข้าไปถอดถุงเท้าและรองเท้าออกไปให้คนเมาที่นอนหมดสภาพ เสร็จแล้วก็ไปหารื้อเสื้อผ้าจากตู้เพื่อที่จะได้เอาออกมาใส่ให้ร่างควายๆที่กำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง

แต่กว่าจะใส่ให้มันได้ก็เล่นเอาเหงื่อแทบไหลออกมาท่ามกลางอากาศเย็นๆจากแอร์อีกระรอก หลังจากที่ใส่เสื้อให้มันเสร็จแล้วไม่ถึงหนึ่งนาทีผมที่กำลังคลานลงจากเตียงอยู่ๆก็ถูกคว้าตัวเข้าไป…


     หมับ!!
     ดึงตัวกูเข้าไปกอดเฉยเลยครับหัวหน้า… อีกแล้วนะมึง พักนี้รู้สึกว่าจะกอดกูเยอะไปแล้วนะมึง!! 


     “ปล่อยโว้ยยยยยย!!”  ผมโวยวายพร้อมกับพยายามดิ้นออกมาจากอ้อมแขนของมันที่กำลังรัดตัวผมไว้แน่นประหนึ่งว่าเป็นคีมเหล็ก

     “ฮืออ…นอนนะน้องกวาง…นอน”   
     น้องกวางพ่องงงงง!!

     โอยยยย กูล่ะอยากตบเรียกสติมันจังเลยครับหัวหน้า!… น้องกวางห่าอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้

     “ปล่อยกู!!”  ตอนนี้ผมเลยดิ้นๆ และพยายามมุดออกมาจากอ้อมแขนนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไง ดิ้นจนหอบแดกอีกครั้ง เหงื่อไคลก็เริ่มไหลออกมาตามแผ่นหลังและไรผม จนผมแม่งเหนื่อยเลยหยุดทุกอย่างไว้ให้เป็นอย่างนี้ 


     ก็ได้!! มึงอยากนอนแบบนี้ใช่มไหม!!

     ได้!

     มึงนอนเลยแต่ถ้าตื่นมาพรุ่งนี้นะ! มึงเตรียมตัวรอกูสวดมึงยับได้เลยไอ้เสือ!!


     เพราะผมก็ไม่รู้ว่ามันตั้งใจหรือเมากันแน่ เนื่องจากวันนั้นยังจำได้ดี วันที่ผมหนีไอ้พวกขี้เมาสามตัวบาทมานอนห้องไอ้เสือไง คืนนั้นผมจำได้เลยว่ามันค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆผม จากนั้นก็กอดผมไว้  รู้มาตลอดนะแต่ผมก็ยังเลือกที่จะไม่ขยับตัวหนีออกมาซึ่งมันเป็นเพราะอะไรผมเองก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ามันรู้สึกดีจนอยากจะให้มันนอนกอดผมไปถึงเช้าเลย


     อ้อมกอดอุ่นๆ กลิ่นหอมๆของไอ้เสือ

     รวมๆแล้วดีมาก

     ถ้าถามว่าชอบไหม…ชอบนะ

     ชอบที่ให้มันกอด

     แล้วไอ้การที่มันทั้งแอบกอดและแอบจุ๊บผมทั้งหมดนี่มันหมายความว่ายังไงวะครับหัวหน้า… หรือว่ามันจะชอบผม…? 
แล้วการที่ผมชอบให้มันกอดแบบนี้นั่นแสดงว่าผมชอบมันเหรอ…   เห้ยยยย! ไม่ม้างงง ผมไม่ได้เป็นเกย์นะ ยังรู้สึกกับผู้หญิงอยู่เลย


     แต่ผมว่าไม่หรอก ไอ้เสือมีลูกแล้วนะมันคงไม่คิดอย่างนั้น เหตุผลที่ทำแบบนั้นอาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบแน่ๆผมว่า ก็รู้ๆกันอยู่หนิว่าผมกับมันเราเคย…ก็นั่นแหละ เคย…
 
     เคยที่คุณก็รู้ว่าเคยอะไร!!

     ผมกับมันอาจจะรู้สึกไม่ต่างกันก็ได้

     เพราะเราเคยเป็นวันไนท์สแตนด์ของกันและกัน

     ชั่ววูบที่มันอยากกอดผม เละชั่ววูบที่ผมอยากอยู่ในอ้อมกอดนั้น

     ก็ขอให้มันเป็นแค่ชั่ววูบนะ ไม่ใช่ชั่ววูบที่ยาวนานเพราะมันคงไม่ดีแน่ๆ


     TBC...


     rewrite 16/7/2560

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ผักกาดนะคะผักกาดดดดดดด


:impress2: :impress2:




นิยายเรื่องรักของเสือ ก๋อมได้กระทำการRewrite ตั้งเเต่บททนำจนถึงตอนที่สิบสี่  ถ้าหากหน้ากระทู้ที่อ่านเเล้วเเปลกๆไปบ้างต้องขออภัยเพราะมันมีหน้านึงที่อักษรเยอะเกินเเล้วอัพไม่ได้ ก๋อมก็เลยต้องเเทรกในหัวข้ออื่นซะเลย   ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนคะ

ที่ทำการRewrite ไปบ้างก็จะมีในเรื่องของสำนวน รายละเอียดเล็กๆน้อยเเละเรื่องของคำผิด 

หวังว่าคนอ่านอาจจะหาตอนอ่านได้อยู่นะคะ  (เนื่องจากว่ายังไม่มีเวลาทำสารบัญเลยค่ะ) หรือถ้าหากใครหาตอนไหนไม่พบหรือสงสัยตอนไหนก็เข้าไปถามในเพจได้เลยนะคะ หรือจะเป็นทวิตเตอร์ก็ได้ (แปะไว้เเล้วที่ด้านล่าง)

ก็...ตอนที่สิบห้ากำลังจะมาในเร็วๆนี้ค่ะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอัพวันนี้เเน่นอน

ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่อ่าน หรือบางคนที่ยังรอ
สำหรับใครที่เข้ามาอ่านใหม่ก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

ใครเล่นทวิตเตอร์ก็อย่าลืมติดเเท็ก #รักของเสือ  นะคะ 

อีกเรื่องหนึ่งค่ะ
ตอนนี้ก๋อมกำลังเขียนเรื่อง Sleep with me free break fast เป็นวายเรื่องใหม่ ก็อัพมาได้สักพักเเล้ว ฝากติดตามด้วยนะคร้าบบบบบบบ

อย่าลืมเข้าไปถูกใจเพจน้าาา  เพราะว่าส่วนมากก๋อมจะไม่มาเเจ้งในเล้าสักเท่าไรค่ะ



รัก

กิงก่องโก๊ะ

ออฟไลน์ Destiny

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
 :mc4: :mc4: :mc4: กลับมาแล้วววว รู้มั้ยว่ารอพี่เสือกับน้องปิงอยู่ตลอดเลยคร่าา กลัวว่าคนเขียนจะทิ้งไปแล้วซะอีก ในที่สุดก็มาได้ซะที

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ปิงหนีพี่เสือไม่พ้นหรอก พี่เสือกอดบ่อยๆๆๆเลย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
:mc4: :mc4: :mc4: กลับมาแล้วววว รู้มั้ยว่ารอพี่เสือกับน้องปิงอยู่ตลอดเลยคร่าา กลัวว่าคนเขียนจะทิ้งไปแล้วซะอีก ในที่สุดก็มาได้ซะที

รออยู่เหมือนกัน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ กิงก่องโก๊ะ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 51
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
    • เข้ามาฝอยกันได้นาจาาาาา
ตอนที่สิบห้า : หงุดหงิดเพราะใคร?



     ปิดเทอมแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย!

     อิอิ อยากจะหัวเราะให้ยาวไปถึงดาวอังคาร

     ในที่สุดการสอบไฟนอลที่สุดแสนทรมานหฤโหดก็ได้จบลงแล้ว อยากจะบอกว่าไฟนอลนั้นฉันตายยย แอ่ก!!
ตายอย่างเขียดเลยครับหัวหน้า… ไอ้ที่อ่านๆไปนี่ก็จำแทบไม่ได้เลยอาศัยดวงล้วนๆขอให้ทุกย่างผ่านไปได้ด้วยดี สาธุ…

ตอนนี้ก็เพิ่งปิดเทอมได้สี่ห้าวันอยู่เลย วันทั้งวันก็เลยอยู่แต่กับการทำงานที่ร้านอาหารไม่ได้ไปไหน อีกย่างต้องรีบปั๊มเงินไว้ด้วย เพราะไม่กี่วันนี้ก็ต้องไปทะเลกับพวกสามตัวบาทแล้วถ้าไอ้เสือกับพี่หมากไม่ได้ไปด้วยก็ไปกันแค่สี่คนครับ เพราะไอ้พี่ทั้งสองมันยังไม่ให้คำตอบเลย

     “พี่โบครับวันศุกร์อาทิตย์นี้ผมขอลาหยุดนะครับ”  ก่อนที่จะกลับบ้านตอนเย็นผมก็ถือโอกาสเดินมาบอกพี่โบล่วงหน้า

     “หยุดกี่วันล่ะ?” พี่เธอเงยหน้าขึ้นมาจากหลังเคาท์เตอร์แล้วเอ่ยถาม 

     “เอ่อ…สามวันครับ” 

     “แป้บนึงนะ”  พาโบพูดแล้วเอาปฏิทินขึ้นมาดู “อืม…หยุดได้ แล้วจะไปไหนล่ะ?” 

     “คือผมมีธุระน่ะครับ”  ผมโกหก เพราะถ้าบอกว่าไปเที่ยวต้องโดนดุแน่ๆ

     แฮ่ๆ

     ขอโทษนะพี่ผมไม่ได้ตั้งใจโกหก

     “พี่ไม่ถามหรอกนะว่าธุระอะไร อยากหยุดก็ได้พี่ไม่ว่า” 

     “ขอบคุณคร้าบบบบบ”  ผมลากเสียงยาวและยกมือไหว้เจ้านายคนสวย จากนั้นก็เดินออกมายังนอกร้านซึ่งมีใครบางคนรออยู่
     
     ก็ใครคนนั้นนั่นแหละ…
     ตลอดระยะเวลาที่ทำงานผมก็มีไอ้เสือที่คอยมารับตลอดเวลาเลย อ้อ…น้องกวางด้วย

     “กินอะไรมาหรือยัง?”   เมื่อเดินข้ามถนนมาถึงฝั่งทางไอ้พ่อลูกอ่อนที่มารออยู่ก่อนแล้วผมก็ถามขึ้นอย่างเช่นทุกวัน ซึ่งบางครั้งก็เป็นไอ้เสือที่เป็นฝ่ายถาม

     “ยัง รอกินพร้อมมึง” 

     “แล้วทำไมไม่กินไปเลย รอทำไม”  เลิกคิ้วขึ้นถามด้วยความไม่เข้าใจอย่างแท้จริง “แล้วน้องกวางหลับขนาดนี้แล้วจะพามาทำไมวะ ตากลมเดี๋ยวก็ไม่สบาย”   อดไม่ได้เลยที่จะบ่นหน่อย ก็เกรงใจเหมือนกันนะว้อยยยยยย ที่ทำให้มันลำบากหอบลูกมารับแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้มาทุกวันนะครับ แค่บางครั้งน่ะเพราะถ้าพี่หมากอยู่ก็ฝากไว้กับพี่มันนั่นแหละ 

     “ก่อนจะพูดเนี่ยดูด้วยว่าเพิ่งกลับมาจากบ้านน้าเล็ก ไม่ได้มาจากบ้าน”  คนบนรถแย้งขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ แต่พอมองดูสภาพของมันแล้วก็ได้แต่เก็บกลืนคำพูดลงคอกลับไปเหมือนเดิม


     จริงด้วยแฮะ… ปล่อยไก่ไปเล้าใหญ่เลย

     แหะๆ…

     ไม่ใช่อะไร ก็หลายวันที่ผ่ามานี้ตอนมาทำงานไอ้เสือมันเคยหอบลูกมาจากบ้านกระเตงๆกันมารับผมทั้งที่ผมบอกแล้วว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ที่ร้านจะไปส่ง มันก็ไม่ยอมตอนนั้นผมเลยด่าซะให้หูดับเลย ว่าจะมาทำไมเพราะน้องกวางก็นอนหลับแล้วยังจะมาอยู่

     วันนั้นแหละเลยเป็นวันที่รู้สึกว่าตัวเองคือผู้ชนะมาก เพราะผมด่ามันได้ไงครับหัวหน้า!
ผมกระโดดซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์  “แล้วจะกินอะไร” และถามขึ้นพร้อมกับขยับตัวนั่งดีๆ

     “ไม่รู้ ข้าวมันไก่ไหม?”  เจ้าตัวถามและขับเคลื่อนรถออกไป

     “ก็ดี”  ผมตอบ “เดี๋ยวพาไปกินเจ้าอร่อย” 

     “อร่อยแน่นะ ถ้าไม่อร่อยมึงโดนแน่”   แหม…คาดโทษไว้ซะกูกลัวเลย
ไม่ถึงสิบห้านาทีก็มาถึงที่หมายนั่นคือร้านข้าวมันไก่เจ้าประจำที่ผมชอบมากิน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขี้โม้กับมันไว้ว่าอร่อยนักอร่อยหนา

     “ไก่ต้มหรือไก่ทอด?”  เมื่อรถจอดอยู่ตรงริมฟุตบาทเยื้องๆมาจากร้านข้าวมันไก่นิดหนึ่งแล้วผมก็กระโดดลงรถด้วยความไวว่อง ไม่ให้ว่องได้ไง หิวมากกกกกก… หิวจะแดกหัวคนได้แล้วครับเนี่ย

     “เอาผสม พิเศษด้วยนะ”   ไอ้เสือเปิดหมวกกันน็อคขึ้นพร้อมกับล้วงเงินในกระเป๋ากางเกงออกมาให้ผม

     “ไม่ต้องๆ เดี๋ยวจ่ายเอง”  ผมตอบปฏิเสธและผลักฝ่ามือหนาที่ถือเงินจำนวนหนึ่งร้อยบาทให้ออกไปจากหน้า

     “ทำไม” 

     “ไม่ทำไมหรอก แต่เดี๋ยวกูจ่ายเอง”  เมื่อคนตรงหน้าขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ และกำลังจะอ้าปากพูดต่อ ผมเลยขัดไปว่า “โอเค๊!?”  ที่พูดนี้ไม่ได้ต้องการคำตอบตกลง แต่จะบอกว่ายังไงกูก็จะจ่ายเอง จบไหม!

     “ป้าข้าวมันไก่ทอดแล้วก็ไก่ต้มรวมกันครับ พิเศษสองห่อ”  ผมเดินมาสั่งป้าที่กำลังขะมักเขม้นกับการสับไก่ตรงหน้า

     “รอแป้บนะหนูลูกค้าเยอะมาก” ป้าแกตอบและพยักพเยิดหน้าไปทางข้างหลังซึ่งมีลูกค้าที่ทั้งนั่งรออยู่ตรงโต๊ะ และคนที่กำลังยืนรอแบบผมเช่นกัน   

     “ครับป้า”  ผมตอบรับ
 
ร้านป้าแกคนเยอะจริงๆขายดีมากด้วย บอกแล้วว่าอร่อยจริงๆแต่ก็ไม่เข้าใจป้าเขานะว่าทำไมขายดีขนาดนี้แล้วไม่จ้างคนมาช่วยวะ! 

     “รอนานหน่อยนะ คนเยอะฉิบหาย”  เมื่อเดินมาถึงคนตัวสูงที่กำลังนั่งรออยู่ตรงรถมอเตอร์ไซค์พร้อมกับลูกสาวของมัน ผมก็ชี้ไปทางร้านซึงจะบอกว่าคนแม่งเยอะจริงๆ

     “เออๆ”  มันตอบแต่ก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผม เพราะกำลังสนใจเจ้าเด็กอ้วนที่อยู่ในอ้อมอกของตัวเอง

บอกไว้อย่างหนึ่งเลยว่าไอ้ห่าเสือแม่งเป็นคนที่โคตรอบอุ่น…นึกถึงหน้ามันตอนทำเรื่องเหี้ยๆไม่ออกเลย ก็ไม่ได้หมายถึงเรื่องเหี้ยขนาดที่ว่าเตะหมาด่าผู้หญิงตีคนชรานะ   

     ยังไงดี…

     แบบนึกถึงตอนที่มันเปลี่ยนอารมณ์ไม่ถูกเลย โกรธ หึง โมโห เกรี้ยวกราดอะไรแบบนี้น่ะ อาจจะเพราะว่าแม่งชอบทำหน้านิ่งๆอารมณ์เดียวตลอดเวลามั้ง แต่ถึงจะเป็นอย่างนี้มันก็ไม่ใช่พวกเย็นชานะครับ เพราะงั้นผมเลยมองว่ามันดูเป็นคนอบอุ่นล่ะมั้ง?

     “วันนี้วันห่าอะไรวะ ทำไมมันร้อนอย่างนี้”  ผมบ่นแล้วก็ไถโทรศัพท์ในมือเล่นไปพลางๆ เพราะคนตรงหน้ามันก็เอาแต่ดูลูกที่กำลังนอนหลับคาอก

     “ไม่เห็นร้อน”  มันตอบ “มึงน่ะพวกมันขี้ร้อน”  แล้วก็เอื้อมมือมาปัดผมข้างหน้าให้ ซึ่งตอนนี้มันยาวจนจะปรกตาแล้ว


     อ อ อไอ้สัด…
     ใครเขาสั่งสอนให้ทำแบบนี้ไอ้เหี้ย!!

     “เหงื่อก็ออกอย่างกับเพิ่งล้างหน้ามา”  คนตรงหน้าบ่นแล้วก็เอาผ้าอ้อมของน้องกวางที่มันพาดบ่าไว้อยู่มาเช็ดเหงื่อตามไรผมและหน้าผากให้ผม

     รู้สึกเหมือนตกอยู่ในห้วงอะไรสักอย่างที่มีเราอยู่แค่สองคน ในสายตาผมเห็นแค่ไอ้เสือคนเดียวเท่านั้น รถราที่กำลังพากันขับเคลื่อนวินาทีนั้นมันแทบหยุดลงในโลกของผม 

     ถึงไม่ได้สบตากัน แต่โลกของผมก็หยุดหมุนได้ 

     ไม่ดีๆ…แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ

     โลกหยุดหมุนเพียงเพราะใครสักคนมันก็เป็นเรื่องดี แต่สำหรับผมตอนนี้แล้วมันไม่ใช่เพราะใครคนนั้นแม่ง…เราไม่สมควรรู้สึกแบบนี้ด้วยเลย 

     ผมไม่ได้อยากให้เป็นชั่ววูบที่ยาวนาน

     เพราะฉะนั้น…

     “ด เดี๋ยวกูเช็ดเอง!” ผมเบี่ยงองศาหลบผ้าอ้อมที่มันกำลังเอามาเช็ดให้อยู่  “ชอบเห็นกูเป็นลูกอีกคนนะมึงน่ะ!” เลยแกล้งเปลี่ยนเรื่องๆกลบเกลื่อนไปตามระเบียบ 


     มันเงียบไปครู่หนึ่งและมองหน้าผม “ก็รู้ตัวนี่ฮ่าๆๆๆ”  จากนั้นแม่งก็หัวเราะออกมา   

     ทุ่งลาเวนเดอร์กูหายหมดเลย…

     ไอ้สัดดดดด!!!

     เดี๋ยวๆ นี่มันหัวเราะอีกแล้วครับหัวหน้า!!

     ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมานี่เห็นมันหัวเราะและยิ้มนับครั้งได้เลยนะ

     “หัวเราะดังเดี๋ยวน้องกวางตื่น!”  ผมชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ อย่าให้กูมีโอกาสนะมึงโดนแน่ๆ ไอ้เสียยยยยยยยยยยยยยย
หัวเราะไปเถอะมึง รู้ไหมว่าเมื่อกี้ที่ทำเนี่ยเล่นเอาหัวใจกูเกือบวาย!!




วันต่อมา…


     “ปิงเอาน้ำไปเสิร์ฟให้ลูกค้าโต๊ะข้างบนหน่อย!!”  เสียงพี่ฟ้าดังไล่มาจากทางข้างหลังครัว อันเนื่องมาจากว่าพี่แกกำลังยุ่งอยู่กับการเอาอาหารออกมาเสิร์ฟแล้วอีกอย่างวันนี้พนักงานเสิร์ฟที่ร้านลากันตั้งสองคนเลยมีแค่ผมกับพี่ฟ้าที่กำลังวุ่นวายกันอยู่มากกกกก ขอย้ำว่ามากกกกกกก

     พี่โบนี่ก็ไม่ได้ลงมาช่วยครับเพราะเธอกำลังง่วนอยู่กับการทำครัวข้างหลังร้าน

     ไอ้ฉิบหายเอ้ยยยยย  นี่มันวันโลกแตกอะไรวะเนี่ยลูกค้าเต็มทั้งชั้นบนชั้นล่างเลย

     ถึงในใจจะบ่นขนาดไหนแต่มือนี่ก็จัดการงานตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว สองเท้าก็ทั้งรีบวิ่งรีบเดินขึ้นบันได้ด้วยความไวว่องหน้าดำหน้าแดงขนาดไหนถามใจดู ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กินตอนนี้เที่ยงแล้วยิ่งไม่ได้กินเพราะช่วงนี้ลูกค้ากำลังเข้า

     ฮือออออ แม่จ๋าไอ้ปิงต้องตายแน่ๆ!!


     “ขออนุญาตเสิร์ฟน้ำครับ” ผมพูดตามมารยาทก่อนที่จะต้องเอาน้ำเสิร์ฟให้ลูกค้า จากนั้นก็หันหลังหนีกำลังจะวิ่งลงไปข้างล่างต่อ แต่ว่า…

     “น้องคะ สั่งอาหารหน่อยค่ะ”   
     ฮืออออออออ ยังไม่ได้ก้าวไปไหนเลย

     “ครับ สักครู่นะครับ”  ผมตอบกลับและเดินถือสมุดเมนูไปให้ลูกค้าเลือกดู

     “ลูกค้ากี่ที่ครับ?”  และหยิบเอาใบจดเมนูในกระเป๋ามารอ เตรียมพร้อมที่จะจดเต็มที่!

     “สองค่ะ เดี๋ยวอีกคนยังไม่มา” ตอบกลับและยิ้มให้ผมน้อยๆ  โอ้ยยยยยแม่โว้ยยยยย แม่งโคตรสวยเลยครับบบบบบ!!
ลูกค้าคนสวยพลิกหน้าเมนูไปมา “แหนมเนืองชุดเล็กหนึ่งชุดค่ะ แล้วก็…”

     เมื่อได้ยินอาหารที่สั่งมาผมก็จดลงในสมุดเล่มเล็กในมือ

     “ปิง…”

     หะ…ลูกค้าอยากกินผมเหรอครับ…แหมมมมมม เขินนะครับอย่าพูดงี้สิ

     “ค…” ความตลกที่ผมคิดในใจเมื่อครู่หายวับไปกับตา เมื่อคนที่เรียกชื่อผมเมื่อครู่ไม่ใช่ลูกค้าตรงหน้าแต่กลับเป็น…

     พี่เพลง…
     เธอพึมพำชื่อผมเบาๆจากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทางฝั่งตรงข้ามของเพื่อนตัวเอง

     “ครับ” ผมตอบรับกลับไปเสียงแผ่ว


     พลันหัวใจมันก็กระตุกวูบจนเจ็บแปลบ จากวันนั้นที่ผมเห็นพี่เพลงกับแฟนเก่าของเธอซึ่งได้กลายมาเป็นแฟนใหม่อยู่ที่โรงหนัง นั่นก็คือครั้งสุดท้าย เป็นเพราะผมเลี่ยงมาตลอดแต่ไม่คิดว่าโลกจะแคบขนาดนี้ ที่ทำให้ผมมาเจอกับพี่เพลงอีก

     “ทำงานที่นี่เหรอ?” 

     “ค ครับ” เสียงที่ตอบกลับไปนั้นไม่ค่อยหนักแน่นนัก
      เกลียดตัวเองจังวะ!

     “รู้จักกันเหรอ?”  ลูกค้าคนสวยที่น่าจะเป็นเพื่อนของพี่เพลงเธอถามขึ้น

     “…” ผมเงียบ  เพราะไม่รู้ว่าอย่างเราถือว่าเป็นคนรู้จักได้ไหม

     “ทำนองนั้น” และเป็นพี่เพลงที่ตอบแทน

     “สั่งอาหารเลยไหมครับ?”  เพราะไม่อยากที่จะอยู่ตรงนี้ให้นานนักเลยเร่งที่จะให้เขาสั่งอาหารกันมากกว่า 

     เพราะจริงๆแล้วมันไม่ค่อยโอเค

     “อืม…” และถามเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามของเจ้าตัว “เธอสั่งอะไรไปแล้วบ้าง”

     “แหนมเนือง”
     พี่เพลงเปิดหน้าเมนูไปมาสองสามครั้ง ไม่นานก็เอ่ยปากขึ้นสั่งอาหาร “งั้นเอาปากหม้อญวณ พิซซ่าเวียดนาม เปาะเปี๊ยะสดกุ้ง”   เงียบไปครู่หนึ่งเหมือนใช้ความคิด “เอาแค่นี้แหละ” 

     “ครับ… เครื่องดื่มรับเป็นอะไรดีครับ?” 

     “น้ำเปล่า”

     “รับน้ำแข็งไหมครับ?”

     “รับค่ะ”

     “ครับ รอสักครู่นะครับ”  ผมรีบจดเมนูยิกๆแล้วก็รีบเดินออกมาจากโต๊ะนั้นทันที

ไม่ไหวๆ ผมว่าผมยังรู้สึกอยู่ ผมว่าผมทำใจได้แล้วนะแต่ทำไมยังรู้สึกอยู่… รู้สึกเจ็บเวลาเห็นหน้าน่ะ มันอึดอัด มันปั่นป่วนไปหมดเลย

     ตายๆๆ ทำยังไงดีครับ

     แต่…คงไม่ได้เจอกันอีกหรอกมั้งครับ ก็พี่เพลงไม่ได้อยากยุ่งกับผมตั้งแต่แรกหนิ เธอคงไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีกหรอก…นี่มันก็แค่ความบังเอิญ



หลังเลิกงาน


     เฮ้ออออออ

     เลิกงานแล้ววววว!!

     สุดตีนมากครับวันนี้  ผมรู้สึกเหมือนจะตายให้ได้เลยครับหัวหน้า!

     ฮืออออ แทบคลานออกจากร้านถ้าวันนี้พนักงานไม่ขาดก็คงไม่เป็นอะไรหรอกแต่วันนี้มันไม่มีคนไงครับแถมลูกค้าก็เยอะแสนเยอะ สภาพตอนนี้เลยแทบจะกลายเป็นศพอยู่รอมร่อ

     เอ๊ะ!... แต่ทำไมวันนี้ไอ้เสือมันยังไม่มาอีก รู้ไหมว่าตอนนี้กูโหยหาที่นอนมากกกก ฮือออไม่ไหวแล้ว
     ว่าแล้วก็เอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาคนในความคิด คือ…มึงจะไม่มาหรือมาช้าก็โทรมาบอกหน่อยสิวะ กูจะได้หาทางกลับกูอยากนอนแล้วว้อยยยย หิวก็หิวงั้นขอทำทั้งสองอย่างพร้อมกันเลยได้ไหม

     ตู๊ด….

     เสียงสัญญาณดังขึ้น แต่… ไม่รับสายกูครับ  เหยดดดดดแม่มมมม
     สองสายก็แล้ว สามสายก็แล้วจนตอนนี้จะสิบสายแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบเที่ยงคืนครึ่งผมเองก็ยืนอยู่หน้าร้านตัวคนเดียวเปลี่ยวเหลือเกิน

ถึงจะเป็นผู้ชายก็กลัวนะครับ กลัวโดนปล้นอะไรทำนองนี้ เงินน่ะไม่มีหรอกแต่เพราะไอ้ความไม่มีนี่สิโจรมันอาจจะหมั่นไส้แล้วฆ่าปาดคอทิ้งงี้ หรืออาจจะซ้อมจนถึงขั้นปางตาย 

     ไม่ไหวๆๆ คือตอนนี้ยังไม่อยากตายนะ
     ตาก็กำลังจะปิดอยู่ทุกชั่วขณะท้องก็ร้องส่งเสียงประหนึ่งว่าฟ้าผ่า


     จ๊อก…
     ถ้ายังไม่มาอีกจะกลับเองแล้วนะ แล้วอย่ามาโวยวายกูนะไอ้เสือ!

     ไม่ใช่อะไรมันเคยบอกผมว่า ไม่ว่าจะยังไงมันจะมารับเองทุกวันแถมยังบอกอีกด้วยว่าห้ามให้ผมกลับเองหรือกลับกับใคร เออครับ ถ้างั้นแม่งมารับกูตอนเช้ากูก็ต้องรอมึงถึงเช้าเลยสิ!
แต่ไม่ไง ปกติมันไม่เป็นแบบนี้ ไอ้เสือไม่เคยมารับช้าแบบนี้อีกอย่างถึงจะมาช้ามันก็จะโทรมาบอกว่าอะไรยังไง แต่ทำไมวันนี้มันกลับ…

     ฮึ้ยยยยยย!!
     หงุดหงิดโว้ยยยย
     อย่าให้เห็นหน้านะเดี๋ยวกูแดกหัวแม่ง ยิ่งหิวๆอยู่




     ปี๊นนนนนน!!
     แต่แล้วความหัวร้อนภายในใจนั้นกลับหยุดลงเพราะเสียงแตรจากที่ไหนสักที่…คิดว่าไอ้เสือมันคงมาแล้ว


     แต่ว่า…


     ไม่ใช่
     นั่นไม่ใช่เสียงรถของมัน แต่เป็นเสียงรถของ…พี่เพลง

     เธอขับรถมาจอดยังที่ว่างตรงหน้าผม พร้อมกับเลื่อนกระจกลง “ยังไม่กลับเหรอ?   และชะโงกหน้ามาถามผมซึ่งกำลังยืนอ้ำอึ้งอยู่

     “อ อืม..ครับ”  สองมือก็บีบเข้าหากันแน่น ไม่รู้ว่าทำไมต้องบีบ อาจจะเพราะประหม่าก็ได้

     “มาด้วยกันสิ เดี๋ยวไปส่ง” พี่เพลงยิ้มตอบกลับมา 

     “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ผมมารับ” ผมเลือกที่จะใช้คำพูดที่ไม่สนิทกันสักเท่าไร ไม่ได้มีเหตุผลอะไรแอบแฝงเลยก็เพราะไม่ได้สนิทกันจริงๆน่ะสิ

     “ไม่เอาน่า มันดึกแล้วไปเถอะ”  และเธอก็ยังคะยั้นคะยอให้ผมไปด้วยให้ได้

     “ไม่เป็นไรดีกว่าครับ…” 

     “ปิง…”   



     ปี๊นนนน!!
     
     ในขณะที่พี่เพลงกำลังจะอ้าปากพูดขึ้นต่อ ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงแตรรถจากที่ไหนสักที่ และไอ้เสียงที่เกิดขึ้นมันก็เพราะคนที่ผมโทรหาเป็นสิบๆสายแล้วไม่รับ ในที่สุดก็โผล่มาจนได้ มาได้ทันเวลาเป๊ะ!

     ดีมาก…มาได้ถูกเวลามากถ้าช้ากว่านี้กลับบ้านไปมึงโดนแน่ไอ้เสืออออออออ!

     “เอ่อ…พี่ผมมารับแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”  ตอบปฏิเสธคนสวยในรถหรูอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆที่มอบให้ไป

     “อืม…ไว้เจอกันใหม่”  และพี่เธอก็ยิ้มตอบกลับมา จากนั้นรถยนต์คันสวยก็เคลื่อนตัวออกไป

     ไว้เจอกันใหม่…อะไรของพี่?

     นี่ต้องการอะไรจากผมอีกวะ ผมไม่อยากเป็นเครื่องมือในการใช้วัดความรักของใครอีกแล้วนะ

     “ใครน่ะ?”   ไอ้เสือจอดรถที่ตรงหน้าผมแทนที่พี่เพลงเมื่อครู่

     “ไม่มีอะไรหรอก..แค่ถามทาง”  ผมตอบแบบปัดๆ ไม่อยากจะเล่าอะไรมากนักเพราะขี้เกียจเนื่องจากว่าตอนนี้มันง่วงนอนแล้วก็หิวมากกว่า

     “อ่อ…”

     “แล้วทำไมวันนี้มารับช้าจังวะ โทรไปก็ไม่รับ!” ผมกระโดดขึ้นซูโม่เอ็กซ์ด้วยความรวดเร็วและเสียงบ่นที่ดังขึ้นพร้อมๆกัน

     “รถยางรั่ว โทรศัพท์ลืมไว้ที่บ้านน้าเล็ก”  มันตอบแล้วก็เคลื่อนรถออกไปทันที 

     “แล้วน้องกวางไปไหน นอนบ้านน้าเล็กเหรอ?”  ก็ลืมไปว่าไม่เห็นมันหอบน้องกวางมาด้วย พอนึกได้ก็เลยถาม

     “อือ…แล้วกินอะไรหรือยัง?”
     ไอ้เหี้ยยยยยย! ถามมาได้ว่ากินอะไรยัง

     “ยัง! กูจะแดกควายได้เป็นตัวแล้วเนี่ย!”

     “เอออ เดี๋ยวพาไปกิน”  ว่าแล้วซูโม่เอ็กซ์ก็ถูกขับเคลื่อนไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิมจนผมอดไม่ได้ที่จะคว้าชายเสื้อที่หลุดออกมาจากกางเกงนักศึกษามันมาเกาะไว้

     “ขับช้าๆก็ได้”  ผมตะโกนใส่หูคนขับรถเพราะกลัวว่ามันจะไม่ได้ยิน

     “ก็เห็นมึงบอกจะกินควายได้ทั้งตัวแล้วไง กูกลัวว่าถ้านานกว่านี้แล้วมึงจะกินหัวกู”

     “เอออ! เพิ่งรู้หรือไง กูจะกินหัวมึงตั้งแต่สายแรกที่โทรไปแล้วไม่รับละสัด!” 




มีต่อข้างล่างนะคะ


     


 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด