!!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: !!!!!!!!! DADDY BE LOVER รักนะครับคุณพ่อลูกสอง [ตอนพิเศษ 4] (25-4-61) !!!!!!!!!!  (อ่าน 420673 ครั้ง)

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7
ที่หนึ่งแผลงฤทธิ์เลยลูก  :z6:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
โอ้ยยย  อยากโบกหน้ายัยฟ้าจริงๆ

ออฟไลน์ Pisoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวมากอ่ะ
สงสารเอส  :hao5:

ออฟไลน์ Natchapat.chanachon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ยยย~~ นังทอฟ้าาา~ เลวจริมๆ :z3:

ออฟไลน์ jillongame

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 65
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไรำบรรยาย ว่าแต่น่ะมาต่อไวๆเถอะอยากอ่านตอนกลับมาอยู่สี่คนละ

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
เฮ้อออออออ งานยากละะ :katai1:
ที่หนึ่งต้องเลือกแล้วลูก  :ling2:

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
โอ้ยยย ชั้นเกลียดแกกกอิชะนีผีบ้านี่
ตรรกะบิดเบี้ยวอะไรเบอร์นั้นอะ คิดได้ไงว่าลูกจะรับได้
ขอให้โดนทิ้ง ขอให้โดนเท
ขอให้เสียทั้งลูก ขอให้เสียทั้งผัว
ขอให้ไม่เหลือใครเลย เพี้ยงงง
มาพรากลูก พรากพ่อ พรากคนรักกันงี้ ไปไกลๆเลยยยยย

ยังรออยุนะคะะTT

ออฟไลน์ P.PIM

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
พนันได้เลยว่าจะต่้องไม่ปลื้มที่หนึ่ง ถึงปากจะเคยบอกว่าให้พามาอยู่ด้วยก็เถอะ เพราะนั้นมันลูกของผู้ชายที่เมียตัวเองไปหาถึงสองครั้ง และที่หนึ่งจะรู้เองว่้ามันไม่มีความเท่าตอนอยู่กับพ่อตุลย์  :ling1: :ling1:

เกลียดฟ้าสุดไรสุด อยากได้ลูกก็มาแย่งไปเลยแล้วเอาเรื่องผิดเพศมาอ้าง น่าตบชะมัด  :beat: :beat: :beat:

ออฟไลน์ นางสาวกานาเลส

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 236
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
เกลียดทอฟ้าาา อะไรของนางไม่มีเหตุผลเลย สงสารพี่ตุลย์ สงสารเอส ฮือออออออ  :sad4:

ออฟไลน์ 4life

  • R.I.P KT 5-5-13
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 995
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
อีฟ้า อีเ-ี้ย ไม่มีคำไหนจะด่า
คนเลวที่รู้ตัวว่าเลว
ยังดีกว่าคนเลวที่คิดว่าตัวเองดี
 :beat:
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 44



              ปันค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาในห้องที่มืดสนิท หันมองเพื่อนที่นอนพลิกไปพลิกมา พอเห็นทีท่าว่าจะไม่นิ่งง่าย ๆ จึงเอื้อมมือเขย่าให้คนที่นอนอยู่ข้าง ๆ ลืมตาตื่น


              “เอส มึงนอนไม่หลับหรอวะ? เอาแต่ขยับตัวยุกยิกตลอดเลย”

              “ขอโทษที” เอสพูดขอโทษเสียงเบาพลางลุกขึ้นนั่ง “คืนนี้กูคงนอนไม่หลับอีกแล้วแหละ กูจะลงไปอยู่ข้างล่างแล้วกัน”

              “มึงโอเคไหมเนี่ย? เห็นนอนไม่หลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ แล้วนี่จะลงไปทำไรวะ?” ปันเลิกคิ้วถามขณะเบี่ยงตัวหลบ ให้คนที่นอนอยู่ด้านในออกไปได้

              “ก็นอนตอนกลางวันมากไปเท่านั้นแหละ” เอสหัวเราะเสียงแห้ง “กูจะลงไปอ่านหนังสือสอบนะ อุตสาห์ไปเอาชีทซีร็อกตั้งแต่บ่าย ๆ เมื่อวานพอกินยาไปก็น็อคไม่ได้อ่านสักที”

              “กูว่าจะถามมึงอยู่แล้วหนังสือเรียนมึงอยู่ไหนอะ? ข้าวของมึงด้วยว่าจะถามเมื่อวานละ แต่กูลืม”

              “...กูลืมไว้ที่ห้องพักว่ะ”

              “เออ เมื่อวานอุตสาห์ไปเอาชีทซีร็อกจากเพื่อนแทนที่จะไปเอาหนังสือเรียนที่มึงลืมไว้เนาะคนเรา”

              “เออหน่า ๆ”


              เอสก้าวลงจากเตียง เขาอุ้มถุงที่อัดแน่นไปด้วยชีทซีร็อกที่ไปเอามาจากธันเพื่อนที่มหา’ลัย ตั้งใจจะลงไปอ่านอยู่ด้านล่างตามที่พูด แต่ทว่าปันกลับคว้าแขนเขาเอาไว้เสียก่อนที่จะเดินไปถึงประตูห้อง


              “กูว่าอย่าเลย มึงนอนเยอะ ๆ ดีกว่า หายสนิทก่อนแล้วค่อยอ่านหนังสือ กูกลัวแม่งจะเป็นเรื้อรังอะ”

              “มึงกังวลมากไปปะปัน มึงก็รู้ว่ากูแข็งแรงแค่ไหน เป็นหวัดแค่นิดหน่อยจะทำให้กูตายตอนอ่านหนังสือก็ให้มันรู้ไป”

              “...” เขาก็คิดอยู่แล้วว่าคงไม่ฟังหรอก สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยให้ได้ทำตามใจ ก็แค่ลองห้ามดูเผลอฟลุ๊คจะเชื่อฟังก็แค่นั้น “ก็ได้ แต่ถ้าดูแล้วไข้จะขึ้นมึงเลิกอ่านแล้วขึ้นมานอนเลยนะ เข้าใจไหม? เป็นสองวันแล้วเนี่ยกูไม่เห็นไข้มึงลดสักนิด”

              “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะพ่อ”

              “พ่อ พ่อง”


              เอสหัวเราะ หันกลับไปกวนประสาทเพื่อนด้วยการดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้แล้วตบท้องกล่อมนอนไปอีกสองที ก่อนจะวิ่งปรู๊ดออกจากห้องพร้อมถุงชีท หนีเท้าของปันที่กำลังพุ่งเกือบถีบตูดของเขาเอง


              เด็กหนุ่มก้าวเดินลงบันไดอย่างช้า ๆ ท่าทางขี้เล่นหายไปราวกับมันเป็นเพียงหน้ากาก


              “แต่ถ้าดูแล้วไข้จะขึ้นมึงเลิกอ่านแล้วขึ้นมานอนเลยนะ เข้าใจไหม?”


              ถ้าไข้ขึ้นแล้วให้กลับมานอนงั้นหรอ...คงทำไม่ได้หรอก ถ้าต้องนอนจริง ๆ ก็คงต้องพึ่งโซฟาหรือไม่ก็พื้นละมั้ง ไม่รู้ทำไมทั้ง ๆ ที่ตอนกลางวันก็นอนได้หลับสบายดีบนเตียงแท้ ๆ แต่พอตอนกลางคืนกลับไม่เคยหลับลง เหมือนกับว่าร่างกายชินไปแล้วกับการนอนอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคนที่ชอบเนียนมากอดไว้ด้วยเหตุผลงี่เง่าว่า ‘ติดหมอนข้าง’ นั่นไปซะแล้ว...


              น่าสมเพชชะมัด คิดจะออกมา ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเสียอะไรแท้ ๆ แต่ก็ยังโหยหาไม่เลิกสักที...














              ปันที่ยังนอนเท้าแขนอยู่บนเตียง คิดอยู่ว่าจะลงไปดูอาการของเพื่อนดีหรือไม่ เพราะเขาเคยได้ยินว่า ถ้าคนที่ไม่ค่อยป่วยแล้วมาป่วย ก็มักจะป่วยหนักหรือไม่ก็เป็นเรื้อรังหายช้า เพื่อนตัวดีของเขาไม่ว่าจะทำงานหนักแค่ไหน อดหลับอดนอนยังไง หรือแม้แต่เพื่อนทั้งกลุ่มเอาหวัดไปหามัน มันก็ไม่เคยติด ไม่เคยป่วยเลย แต่ตากฝนแค่นี้กลับไม่สบายเสียอย่างนั้น ต่อให้ปากบอกว่าไม่สบายนิดหน่อยก็เถอะ แต่ขนาดบังคับให้กินยาทั้งเช้า เที่ยง เย็น เมื่อวานแล้วก็วันนี้ก็ไม่เห็นไข้จะลดเลยสักนิดเดียว


              แต่ก็อย่างที่เอสพูด ‘แค่อ่านหนังสือจะตายให้มันรู้ไป’ มันไม่มีอะไรหรอก โต ๆ กันแล้วดูแลตัวเองกันได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องมากังวลแบบนี้เลยสัก


              “อ๊ากกกก! ให้ตายเถอะ”


              ปันกรีดร้อง สุดท้ายก็รู้สึกกระวนกระวายจนอดไม่ไหวลุกพรวดจากเตียงลงไปหาเพื่อนที่อ่านหนังสืออยู่ชั้นล่างเช็คดูให้ตัวเองแน่ใจว่ามันยังไม่ตายคาชีทเรียนไปเสียก่อน!


              ขณะที่ปันกำลังเดินลงบันได้จนเกือบถึงข้างล่างอยู่นั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฟึดฟัดเหมือนคนหายใจไม่ค่อยออกลอยมาเบา ๆ พอชะโงกหน้าไปดูก็เห็นเพื่อนตัวดีกำลังอุดจมูกข้างนึงแล้วพ่นลมออกอีกข้างหนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย


              “มึงทำอะไรอยู่วะเอส?”


              ปันส่งเสียงทัก เขาชะงักเท้าที่กำลังเดินเข้าไปหาเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนที่หันมาดูย่ำแย่จนน่าตกใจ ทั้งตาทั้งจมูกแดงกล่ำแล้วยังมีคราบน้ำตาเปรอะหน้าเต็มไปหมด!


              “มึงลงมา...”

              “มึงร้องไห้หรอ!?” ปันคว้าทิชชู่ที่อยู่บนชั้นเหนือทีวีถลาเข้าไปหาเพื่อนจนอีกฝ่ายต้องผงะด้วยความตกใจ “มึงโง่หรือโง่เนี่ย ไม่รู้หรอไงว่าคนไม่สบายไม่ควรร้องไห้ พอดีทั้งน้ำตาทั้งขี้มูกอุดตันหลอดลมตายห่า ไม่ต้องหายใจหายคอ! แล้วสั่งฟืด ๆ เมื่อกี้คิดว่ามึงจะหายใจออกหรอ กำเดาจะไหลน่ะสิไม่ว่า! ถ้ามึงเอาขี้มูกหรือน้ำตาออกมาไม่หมด มึงก็แดกมันกลับเข้าไปเลย!”

              “ก่อนที่มึงจะมาห่วงอาการบ้าบออะไรของกู มึงควรจะถามกูก่อนปะ! ว่ากูร้องทำไม”

              “เสียงอุบาทฉิบหาย” ปันทำหน้าแหย “อะแล้วมึงร้องไห้ทำไม?”

              “..”

              “เนี่ย พอกูถามมึงก็ไม่ตอบ กูรู้คนอย่างมึงถ้าไม่อยากเล่าก็คือไม่อยากเล่า แล้วจะให้กูถามทำไม แม่กูบอกว่าให้ดูแลมึงอย่าให้ตายคาบ้านเฉย ๆ แล้วทำไมกูต้องมาเสือกเรื่องอื่นที่มึงก็ไม่อยากให้กูเสือกด้วย หรือมึงเป็นพวกปากบอกไม่มีอะไร แต่ในใจรอให้คนมาถาม มาสนใจงี้หรอ?”

              “กูแค่บอกว่าปกติถ้าเห็นอะไรแบบนี้มันก็ต้องถามก่อนว่าร้องไห้ทำไม ไม่ได้บอกมึงให้มาถามกูสักคำว่ากูเป็นห่าอะไร”

              “เออ กูก็ไม่ได้ด่ามึงนี่ กูแค่จะสื่อว่า กูไม่ยุ่งเรื่องที่มึงไม่อยากให้ยุ่งหรอก”

              “...”

              “แต่ถ้ามึงอยากให้ใครรับฟังมึง...กูก็อยู่ตรงนี้เสมอ”


              เอสนิ่งค้างไปด้วยความตกใจไปกับคำพูดและสีหน้าที่จริงจังที่ไม่ได้พบเห็นบ่อย ๆ นั่น ก่อนที่เขาจะหัวเราะออกมาเสียงดังจนต้องฟุบหน้าลงกับโต๊ะ


              “มึงบอกว่าไม่ได้ด่ากูหรอ กูอยากอัดคลิปตอนที่มึงพูดแล้วให้มึงดูจัง อีกนิดกูนึกว่ามึงจะเข้ามาต่อยกูแล้วเนี่ย”

              “เปล่าสักหน่อย กูพูดเสียงอย่างนี้เป็นปกติ หน้านี้ก็เป็นตั้งแต่เกิด”


              เอสเท้าคางมองคนที่กำลังพูดแก้ตัว เพื่อนสนิทตั้งแต่ ม.ปลายที่มักจะพูดเหมือนไม่สนใจและทำหน้าติดจะรำคาญ แต่กลับเป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ เวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็ยื่นมือมาเสมอ ครั้งนี้ก็ด้วย เพียงแค่เปิดประตูต้อนรับแล้วก็ไม่ถามอะไรสักคำ


              ปัน มักจะทำเพียงแค่ทำให้เขารู้สึกสบายใจที่สุด โดยไม่รื้อฟื้น ไม่ค้นหา ไม่รีดคั้นใด ๆ ทั้งสิ้น


              “กูกับเขาเลิกกัน ทั้ง ๆ ที่ก็ยังรักกันอยู่ว่ะ”

              ปันเลิกคิ้วเดินอ้อมไปอีกด้านของโต๊ะก่อนจะนั่งลงประจันหน้ากัน “ถ้างั้นจะเลิกทำไม?”

              “มันไม่ถูกต้อง”

              “ไม่ถูกต้องอะไร? ไปเป็นกิ๊กใครหรือไง หรือมึงเอาใครเป็นกิ๊กหรอ?”


              เอสมองหน้าเพื่อนสนิทด้วยความลังเล อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่มีเสียงอะไรหลุดรอดออกมา ก่อนที่สุดท้ายเขาจะถอนหายใจ แล้วเปิดปากบอกออกไป


              “ผู้ชาย...คนที่กูคบอยู่ เป็นผู้ชาย”

              “...มึงเป็นเกย์หรอวะ?”

              “กูก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือเปล่า เพราะผู้ชายที่กูชอบ ก็ยังมีแค่เขาคนเดียว แล้วกูก็ยังไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเป็นอาหารตาด้วย”


              ปันยกมือขึ้นเบรก กุมขมับอย่างใช้ความคิด


              “กูก็แอบเคยคิดนะว่ามึงเป็นหรือเปล่าก่อนหน้านี้ที่มึงมาถามกูว่าเกลียดเกย์ไหมนั่นไง แต่กูก็ไม่คิดว่ามึงจะ...คบผู้ชายจริง ๆ...เออ ไอ้ก่อนหน้านี้ที่มึงมาขอคำปรึกษากูอะไรนั่น ก็...กับผู้ชายคนนี้หรอ?”

              “อืม...มึงรังเกียจปะวะ?”

              “เฮ้ย ไม่ ๆ กูก็แค่ตกใจเฉย ๆ เอสมึงต้องย้อนกลับไปดูตัวมึงเมื่อก่อน คือมึงชอบผู้หญิงมากจนกูไม่คิดว่ามึงจะมาทางสายนี้ได้ แต่กูก็เข้าใจนะบางเรื่องมันก็ห้ามไม่ได้ว่ะ แล้วกูก็เคยบอกแล้วไงว่ากูไม่ซีเรียสเรื่องเพศ นอกจากจะเป็นกระเทยแล้วมากรี๊ดกร๊าดใส่กู อันนี้เป็นข้อยกเว้นของกู...ช่างมันเถอะ แล้วยังไง มึงเกิดคิดขึ้นได้ว่าชายรักชายมันไม่ถูกต้อง ก็เลยบอกเลิกเขาหรอ?”

              “คนที่กูคบเขามีลูกติด แล้วลูกเขาถูกเอาไป...เพราะเขาคบกับกู”


              ปันตกใจแต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามยอมรับมันอย่างรวดเร็วไม่คิดจะติดความอะไรเพราะเขามีความรู้สึกว่านี้ไม่ใช่ปัญหาวัยรุ่น มันเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่เขาคิด!


              “เอส มึงต้องเล่ามาให้ละเอียดแล้วละ”

              “อือ”


              เสียงนั่นดังขึ้นก่อนเรื่องทั้งหมดจะถูกเล่าออกไป


              …


              เป็นเวลาเกือบชั่วโมงที่เอสใช้ในการเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับเพื่อนสนิทฟัง เล่าทุกอย่างตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน เล่าทุกสาเหตุ เล่าทุกเหตุผลที่ทำให้เขามอบหัวใจให้ผู้ชายคนหนึ่งได้อย่างไม่ลังเล เล่าวินาทีที่เริ่มต้น จนถึงวินาทีที่สิ้นสุด ทุกคำพูดทุกสีหน้าที่จำได้ดีไม่มีลบเลือน ภาพของที่หนึ่งถูกเอาตัวไปพร้อมกับตราบาปยิ่งใหญ่ประทับลงกลางหน้าผาก ประจานว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาคนนี้


              ...เพราะเข้ามาในชีวิตของครอบครัวนี้ เอาความวิปริตเข้ามาในบ้านอย่างที่ทอฟ้าได้พูดเอาไว้


              “เพียงถ้ากูไม่ชอบเขา ไม่คบกับเขาแล้วคิดอะไรให้มันมาก ๆ มองอะไรให้มันกว้าง เรื่องนี้มันก็คงไม่เกิด ที่หนึ่งก็คงไม่ถูกเอาตัวไป”


              เสียงนั้นสั่นเครือ ใบหน้าของเอสถูกซ่อนไว้ใต้ฝ่ามือ สองวันที่เขาได้นั่งคิดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากความเสียใจที่จุกอก ความรู้สึกหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นมือความรู้สึกของการอยากจะขอโทษ


              ขอโทษกับเรื่องที่มันเกิดขึ้น...


              ขอโทษที่ทำให้ครอบครัวต้องพัง…


              ปันถอนหายใจ “เพราะงั้นมึงก็เลยบอกเลิกเขา เพื่อไม่ให้ถูกหาว่าเป็นเกย์แล้วก็จะได้ลูกคืน?”

              “ให้พี่ทอฟ้ารู้ว่าที่พี่ตุลย์คบกับกูมันแค่หลงผิดชั่วครั้งชั่วคราว เป็นแค่อารมณ์อยากรู้อยากลอง กูเองที่ไปล่อลวงเขามา จะได้คืนลูกให้พี่ตุลย์เหมือนเดิม”

              “มึงคิดอย่างนี้จริงดิ? นี่ปะที่เขาเรียกว่าไม่ว่าเรียนสูงเรียนต่ำแค่ไหน เรื่องความรักของตัวเองก็โง่เหมือนกันหมด” ปัน เท้าแขนกับโต๊ะจ้องมองเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยสายตาที่จริงจัง “มึงคิดจริง ๆ ดิ ว่าทำแบบนี้แล้วผู้หญิงที่ชื่อทอฟ้าอะไรนั่นจะยกลูกคืนให้แฟนมึง”

              “...”

              “ถ้าเป็นกู กูไม่คืนให้หรอก มึงเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าก่อนหน้านี้เขาทะเลาะกันเพราะว่าผู้หญิงคนนั้นอยากได้ลูกไปเลี้ยงเอง แล้วนี่เขาก็มีโอกาสแล้ว มึงคิดว่าเขาจะปล่อยลูกกลับมาเพียงเพราะว่าพ่อของลูกเขาเลิกกับมึงหรอ?”

              “...”

              “มึงอย่าลืมว่าผู้หญิงคนนั้นอ้างว่า ที่เขาจะเอาลูกไปเพราะว่าพ่อเด็กมันเป็นเกย์ เกย์อะคือสิ่งที่เป็นตลอดไป ไม่ได้หมายถึงสถานการณ์ ๆ ที่แบบ พอเลิกกับมึงเขาจะหายเป็น ต่อให้เขาเลิกกับมึงไปเป็นสิบปี ผู้หญิงคนนั้นก็เอาคำว่า ‘เกย์’ มาอ้างได้ แค่เนี่ย มึงคิดไม่ได้หรอเอส?”

              “แล้วมึงจะให้กูทำยังไง...เรื่องแค่นี้ทำไมกูจะคิดไม่ได้ กูรู้ดีอยู่แล้วว่าการเลิกกับพี่ตุลย์ไม่ได้ทำให้เขาจะได้ลูกคืนร้อยเปอร์เซ็น แต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้มากกว่า ถ้าเขายังคบกับกู! กูอยู่กับเขา กูก็ช่วยอะไรไม่ได้ นอกจากยิ่งทำให้เขาถูกตราหน้า ไม่มีสิทธิที่จะได้ลูกคืน แล้วยังอาจจะเร่งให้เขาโดนเอาลูกอีกคนไปอีก แล้วอย่างงี้มึงจะให้กูทำยังไง!”


              ปันอึกอักพอเห็นน้ำตาของเพื่อนไหลลงมาแต่ก็ถูกปัดออกลวก ๆ ด้วยท่าทางหงุดหงิดกับความอ่อนแอที่แสดงออกมาไม่หยุดสักที


              ...เขาก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงเหมือนกัน ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องราวที่คนทั่วไปจะพบเจอ เขาก็คงทำได้เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนี้ เวลาที่เพื่อนต้องการก็เท่านั้น


              “กูไม่อยากเลิกกับเขา...กูน่ะรักเขามากจริง ๆ นะปัน ฮึก...”

              “...กูก็อยากจะสงสารมึงนะเอส แต่กูว่าคนที่น่าสงสารมากกว่าคือคนที่ชื่อตุลย์ว่ะ เขาเสียลูก แล้วเขาก็ยังเสียมึง ถ้าวันนี้เขาไม่ได้ลูกกลับมา มึงคิดว่าตอนนี้เขามีใครที่ปลอบโยนเขาอยู่ว่ะ มึงยังดีที่มึงยังมีกู แล้วเขาละ ไม่ใช่ว่าเขามีแค่มึงหรอ

              “...”

              “เฮ้อ...ไปนอนเถอะ ดึกมากแล้ว มานั่งเครียด นั่งเสียใจจนถึงเช้าก็ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมา”


              ปันลุกขึ้นยืน ยืดแขนยืดขาเตรียมตัวจะขึ้นไปนอนข้างบน เขาสะกิดไหล่เรียกเพื่อนให้ขึ้นไปด้วยกัน แต่เอสกลับไม่ยอมขยับตาม เอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่ประสานวางอยู่หน้าตัก


              “เอส?”

              “ปัน...กูลืมของทุกอย่างไว้ที่ห้องเขาว่ะ กูว่าจะไปกลับไปเอา”

              “หา? อะไร? ค่อยไปเอาพรุ่งนี้ก็ได้”

              “ไม่ได้ กูต้องไป วันนี้” เอสเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนสนิท “และกูต้องไปเดี๋ยวนี้”


              ปันเองก็สบตากลับไป เขามองความลังเลที่ฉายสลับกับความเด็ดขาดก่อยจะยกยิ้มอ่อนอกอ่อนใจให้กับเพื่อนรัก


              “กูให้ยืมค่าแท็กซี่แล้วกัน”












              ทันทีที่รถจอดสนิท เอสก็ยื่นเงินที่เตรียมเอาไว้พอดีจำนวนให้กับคนขับ ก่อนจะถลาลงไปด้วยความเร่งรีบ เด็กหนุ่มไม่เสียเวลาแม้จะเงยหน้ามองตัวตึก เขาเดินจ้ำอ้าวยาว ๆ ไปจนถึงหน้าประตูคอนโด ชะเง้อมองเข้าไปข้างในหาใครสักคนที่จะช่วยให้เขาเข้าไปได้


              หลังจากที่สอดส่ายตาอยู่เพียงชั่วครู่ ก็มีแม่บ้านที่คุ้นหน้าคุ้นตาเดินลงมาจากชั้นสอง เธอมองเห็นเอสแล้วทำสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็ยอมเดินไปเปิดประตูคอนโดฯ ให้ตามที่อีกฝ่ายได้ทำมือเป็นสัญลักษณ์


              “ทำไมถึง...”

              “ขอบคุณมากครับ ไม่มีอะไรหรอกครับ พอดีผมลืมบัตรไว้ที่ห้อง”


              เอสพูดขอบคุณอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ชวนคุยเหมือนทุกที เขาพุ่งตัวเข้าไปในลิฟต์ กดชั้นที่ห้องนั้นอยู่แล้วกดปิดประตูลิฟต์อย่างรวดเร็ว!











              หลังจากที่ประตูลิฟต์เปิดออก เอสก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งไปตามทางที่เขาคุ้นเคย หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ หายใจเหนื่อยหอบเพราะความร้อนใจ จนในที่สุดเขาก็หยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ‘B8002’


               ...ห้องที่เขาอยากอยู่ไปทั้งชีวิต


              ขณะที่เอสกำลังเคาะเรียกคนที่อยู่ด้านใน เขากลับนึกขึ้นได้ว่านี่มันตีสองเข้าไปแล้ว เคาะไปเจ้ของพักก็คงไม่ได้ยินเสียง หรือถ้าได้ยินมันก็เป็นการปลุกให้ตื่นขึ้นมาซึ่งเขาไม่อยากทำตัวมีปัญหาแบบนั้น


              “ให้ตายเถอะ” เอสสบถพร้อมกับซบหน้าผากลงกับประตูไม้อัดสีขาว


              ...แต่ว่า เขาอยากเจอ อยากเจอมากจริง ๆ


              และสุดท้ายก็มันก็ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเคาะประตู เพียงแค่ขอให้ได้เรียก ขอให้ได้รู้สึกว่ามาหาแล้ว ต่อให้คนในห้องจะไม่ได้ยินก็ไม่เป็นไร เขารอได้


              รอจนถึงเช้าเขาก็จะรอ...


              ก๊อก ก๊อก...


              เอสลดระดับมือลงหลังจากได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เขานั่งหลังชนกับประตูไม้ กอดเข่าตัวเองไว้แล้วเอนศีรษะพิงกับประตู


              “เขาเสียลูก แล้วเขาก็ยังเสียมึง ถ้าวันนี้เขาไม่ได้ลูกกลับมา มึงคิดว่าตอนนี้เขามีใครที่ปลอบโยนเขาอยู่ว่ะ”

“เอส...”


              เจ้าของชื่อเงยหน้าตามเสียงเรียกด้วยความตกตะลึง เขาลุกพรวดออกจากหน้าประตูเผชิญหน้ากับคนที่ตกใจไม่ต่างกัน!


              ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะแค่มาเอาของคืน แค่เพื่อจะมาถามว่า ที่หนึ่งกลับมาแล้วใช่หรือเปล่า แต่พอเจอหน้า ทุกอย่างมันเลือนหายไปหมด เหลือแค่คำว่า ‘คิดถึง’ คิดถึง คิดถึง คิดถึงจนไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะคิดถึงใครได้มากขนาดนี้เพียงเพราะไม่เจอหน้าเพียงแค่ 2 วัน


              คิดถึง...คิดถึงมาก ๆ เลย


              “ผม...มาเอาของที่ลืมไว้ที่นี่น่ะ”

              “อ๋อ...เขามาก่อนสิ”


              เจ้าของห้องเบี่ยงตัวหลบให้ผู้ที่มาเยือนได้เดินเข้ามา เอสผงะกับความมืดเล็กน้อยก่อนจะกวาดตามองรอบ ๆ เขาเห็นเพียงหน้าจอทีวีที่เหมือนกับเปิดทิ้งค้างเอาไว้ กับ...


              “ทำไมพี่มานอนที่โซฟา ไม่ไปนอนในห้องดี ๆ” เอสถามคนที่เดินตามอยู่ข้างหลัง หลังจากที่เห็นพวกหมอน ผ้าห่มกอง ๆ อยู่บนโซฟาเหมือนคนที่นอนไปแล้วแล้วลุกขึ้นมา

              “นอนในห้องไม่หลับน่ะ” ตุลย์ตอบ เดินไปดึงผ้าห่มที่เกือบตกพื้นขึ้นไปบนโซฟาดี ๆ “เพราะว่าไม่ชินละมั้ง”

              “...” เอสชะงัก เขาก็เหมือนกัน เขาอยากจะตะโกนบอกออกไปว่าเขาก็ไม่ต่างกัน...แต่เขาทำได้เพียงปล่อยให้มันก้องอยู่ในใจเช่นเดียวกับคำว่า ‘คิดถึง’ ”งะ งั้นหรอ”

              “ถ้าจะจัดของ เอามาไว้ข้างนอกก็ได้ ตอนต้นนอนไปแล้ว เดี๋ยวจะตื่นเอา”

              “อือ โอเค”   

              “ให้ฉันช่วยไหม? จะได้ไม่ต้องขนหลายรอบ”

              “ไม่เป็นไรหรอกของผมน้อยจะตายไป” เอสเดินเข้าไปในห้องนอน ตรงไปยังกองข้าวของของตัวเองที่เขากวาด ๆ เอาไว้เข้ามุม คว้ากระเป๋าเสื้อผ้ากับหนังสือเรียนพร้อมกันเพื่อลดจำนวนรอบ แต่มันก็ทุลักทุเลจนตุลย์ที่ยืนดูอยู่ ต้องเดินเข้ามาช่วยถือพวกหนังสือให้ “เฮ้ย ไม่เป็นไร”

              “ไม่เป็นไรอะไร ของจะตกอยู่แล้ว ตั้งใจจะให้ลูกฉันตื่นหรอไง?”

              “ก็...เปล่า”


              เอสตอบเสียงเบายอมรับความช่วยเหลือนั้นในที่สุด ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันขนของมากองรวมกันไว้หน้าทีวี ทั้งสองใช้เวลาอยู่ไม่นานนักของทั้งหมดก็ถูกย้ายออกมา แต่เอสกลับกันตุลย์ออกตอนที่เขาจะมาช่วยจัดของ


              บรรยากาศรอบอึดอัดเมื่อเอสบอกให้ตุลย์นั่งลงโซฟาแล้วตัวเองไปจัดของอยู่เงียบ ๆ คนเดียว แน่นอนว่าสำหรับเอสเป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ชอบและไม่คุ้นชินที่สุด อยากจะคุยเล่นให้บรรยากาศดีขึ้นเหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่กลับทำอะไรไม่ถูกเหมือนทุกที  สุดท้ายเขาก็เลยเลือกที่จะพูดถึงสิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุด


              ...สิ่งที่ทำให้เขามาที่นี่


              “ที่หนึ่งน่ะ...นอนอยู่ในห้องใช่ไหม?”

              ตุลย์เงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะตอบออกมา “ที่หนึ่งยังอยู่กับฟ้าน่ะ”


              ราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจ เขาเองก็เคยคิดอย่างที่ปันคิด ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางพาที่หนึ่งมาคืนเพียงเพราะว่าเขากับตุลย์เลิกกัน ไม่ใช่ว่าเพราะคิดไม่ได้ แต่มัน ‘ทำได้แค่นั้น’ มันทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านั้น ถึงได้เชื่อมั่นว่าถ้าเขาสองคนเลิกกัน ที่หนึ่งจะกลับมา ผู้หญิงคนนั้นจะคืนที่หนึ่งให้ แล้วอะไร ๆ ก็จะเป็นเหมือนเดิม


              แต่สุดท้าย...มันก็เป็นความเชื่อมั่นที่เลื่อนลอย มันช่วยอะไรไม่ได้เลย! ไม่ไป ก็ยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ แต่ไป ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น!


              “ผมขอโทษนะ ผมขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกอย่างมันก็เพราะผมเอง เพราะผมเข้ามาในชีวิตพี่...พอชอบพี่ ก็มัวแต่อยากให้รักสมหวัง มองแต่ตัวเอง ไม่ได้สนใจผิดถูก...ไม่แม้แต่จะคิดว่ามันจะสมควรหรือเปล่า ผมขอโทษนะพี่ตุลย์ ผมขอโทษ...”

              “อย่าร้องไห้”


              ตุลย์ลงมาจากโซฟาเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ เป็นน้ำตาที่ไม่ได้มาคู่กับเสียงสะอื้นแต่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกโทษตัวเอง จนแทบจะทนมองมันไม่ได้


              “ผมทำเรื่องนี้ให้มันเกิดขึ้น แก้ไขอะไรก็ไม่ได้ แค่อยู่ข้าง ๆ พี่ผมก็ยังทำไม่ได้ ทำไมผมถึงเอาแต่สร้างปัญหา ช่วยอะไรพี่ไม่ได้สักอย่าง!”

              “มันไม่ใช่อย่างนั้นเอส”

              “อะไรที่ไม่ใช่!? พี่ยังทำตัวใจเย็นอยู่ได้ แต่ผมรู้ยิ่งกว่ารู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคนที่เสียใจที่สุดก็คือพี่ แล้วใครทำให้มันเกิดขึ้น ก็ผม แล้วตอนนี้ตอนที่พี่เสียใจที่สุด ผมไปอยู่ไหน ผมก็ไม่ได้อยู่ข้างพี่! ผมทิ้งพี่ไว้ แล้วก็เอาแต่คิดว่าถ้าผมไปซะ เรื่องมันจะได้จบ ๆ! ผมเอาแต่..”

               “พอได้แล้วเอส!”

              “...”

              “หยุดโทษว่าเป็นความผิดตัวเองสักที ถ้านายคิดว่าตัวเองทำผิด แล้วฉันละไม่ได้ทำผิดหรอไง? ฉันเป็นพ่อเขาแท้ ๆ แต่ก็ยังเลือกจะกอดนายไว้ ฉันไม่แย่กว่าหรอ? แต่โทษตัวเองไปมันไม่ช่วยอะไรได้ ต่อให้โทษให้ตาย มันก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ใช่ฉันเสียใจที่ที่หนึ่งใม่มีทางได้กลับมา แต่คนที่เอาเขาไปก็คือแม่ของเขาเอง ถ้าลูกของตัวเองยังดูแลไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป ชีวิตที่หนึ่งอาจจะดีกว่าตอนที่อยู่กับฉันก็ได้…”

              “...”

              “แต่ถ้านายยังรู้สึกผิดมากขนาดนั้น ถ้ายังหยุดโทษตัวเองไม่ได้ก็แก้ตัวซะตอนนี้”


              ตุลย์จ้องมองเข้าไปในแววตาที่เคลือบไปด้วยน้ำใส มองให้ลึกลงไปถึงข้างในไม่ให้มีที่ซ่อนก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากจูบคนตรงหน้า


              “...”

              “ฉันยังอยู่ไม่ได้เอส เพราะงั้นแค่คืนนี้อย่าเพิ่งทิ้งฉันนะ ตอนเช้าจะหายไปก็ได้ แต่คืนนี้จับมือฉันไว้ที”





TBC

ขอโทษที่มาช้า (ไม่) เล็กน้อย แต่ในที่สุด ก็เปิดจองหนังสือได้สักที จุดพลุ!! วาดเอง จัดเอง ทำเองไปเลยทุกขั้นตอนนน เสร็จสมบูรณ์แบบ จนแทบจะระเหยลงไปกับพื้น T v T


ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ แฟนเพจ ด้านล่างนะจ๊ะ นะจ๊ะ
CLICK
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-06-2016 12:57:54 โดย thenista »

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ lemonpreaw

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1

ออฟไลน์ Natsuki-ChaN

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
เอสอย่าทิ้งพี่ตุลย์ไปเลยนะ น่าสงสารทั้งสองคนจัง
ส่วนยัยทอฟ้าน่ะ จับโยนลงแม่น้ำน่าจะดีกว่า

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
กอดพี่ตุลย์ กอดเอส



และกระชากปันปัน  มาจุ๊บปากรัวๆๆ



ชอบปันปัน เพื่อนที่ดูจะพึ่งไม่ได้



แต่ไม่เคยทิ้งเพื่อน กอดดดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ imfckwn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
ปันปันทำดีมาก เอส จับมือนั้นไว้ไปตลอดเลยเถอะ อย่าปล่อยเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ยัยฟ้านี่เมื่อไหร่จะเอาลูกมาคืน !!!!
สงสารพี่ตุลกับเอสจัง

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Arancia

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 463
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-2
แง้ สงสารทั้งคู่เลย ยัยฟ้า เอาที่หนึ่งคืนมานะ
คนเค้าจะรักกันก็ขวางซะ ไปอยู่กับสามีเธอไป๊ !!!

อินจัด เอาใจช่วยและรออ่านจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ gasia

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 738
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-5
น่าสงสารทั้งคู่เลย น้ำตาไหล
กอดกันไงว้ก่อนได้มั้ย ฮือ
ถ้าปันไม่เตือนสติเอสก็คงยังไม่กล้บมา
ฟาดยัยฟ้าแรงๆสักที โอ๊ยยย

ออฟไลน์ decem

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew2: ร้องไห้ตาม สงสารจริงๆ เรื่องลูกๆเรื่องเด็กๆอิยี่เปราะบางค่ะ พี่ตุลย์เข้มแข็งเน้อ..

ออฟไลน์ brookzaa

  • Chill out
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-6

ออฟไลน์ ▶August5th◀

  • it was fate
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +184/-2
สงสารทั้งสองคน แต่ตอนนี้คงมัวแต่โทษตัวเองไม่ได้แล้วล่ะนะ เพราะมันไม่ช่วยอะไร
แต่ลองคิดดูก่อนหน้าที่เอสจะมาห้อง พี่ตุลย์คงแย่แน่ๆ อย่างที่ปันว่า พี่ตุลย์ไม่มีใคร รู้สึกสงสารมาก

เอสคืนนี้ก็อยู่เป็นเพื่อนพี่ตุลย์ไปก่อนนะ

ออฟไลน์ thenista

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 91
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
    • NISTA
ตอนที่ 45




             “ที่หนึ่งครับ ไปนอนกันเถอะ แม่เริ่มง่วงแล้วละ”


             ทอฟ้าหาววอดขณะนั่งดูการ์ตูนเป็นเพื่อนลูกชายที่ยังตาสว่างและไม่มีทีท่าว่าจะง่วงสักที


             “ถ้าแม่ง่วงแล้วไปนอนก่อนก็ได้ เดี๋ยวที่หนึ่งตามไป”

             “ไม่เอาอะ แม่อยากนอนพร้อมที่หนึ่ง” ทอฟ้าพูดพร้อมกับโถมตัวใส่ลูกชายพลางพูดอ้อน “ไปนอนกันเถอะ แม่ง่วงแล้วก็เพลียมากเลยนะ”

             “ถ้างั้นไปนอนก็ได้ จริง ๆ ที่หนึ่งยังไม่ง่วงเลยแต่ที่หนึ่งจะไปนอนกับแม่นะ” เด็กน้อยยิ้ม

             “ดีมากลูกรัก!” ทอฟ้ากอดแน่นก่อนจะดึงแขนทีหนึ่งให้ลุกขึ้นตามมา เตรียมจะพาเข้านอนที่ห้องนอนแขกด้วยกัน

             “ฟ้ามานี่หน่อยสิ”


             สองแม่ลูกหันตามเสียงที่เรียกอยู่บริเวณทางเชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนใหญ่ ทันทีที่หนึ่งเผลอไปสบตากับผู้ชายที่ถูกแนะนำว่าเป็น ‘สามี’ ของแม่ ร่างกายของเด็กน้อยก็หยุดกึกเผลอเบียดตัวเข้าหาคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อัตโนมัติ


             “พี่วีมีอะไรหรอ?”


             ทอฟ้าปล่อยมือที่จับมือลูกชายไว้ เดินไปหาผู้เป็นสามีตามที่ถูกเรียก พลางยื่นมือช่วยปลดเสื้อสูทถอดเนคไทอย่างเคย ๆ


             “เข้าไปนอนที่ห้องซะ”


             มือที่กำลังช่วยรูดเนคไทออกชะงัก เมื่อคนตรงหน้ากระซิบคำสั่งข้างหู เธอเผลอขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดเอาแต่ใจนั้นก่อนจะถามเสียงขุ่น


             “หมายถึงอะไร? เข้าไปนอนในห้องเราหรอ?”

             “ใช่ ฟ้าคิดว่าคืนนี้ตัวเองจะได้ไปนอนกับลูกแล้วทิ้งให้พี่นอนคนเดียวสามคืนเลยหรือไง! นี่ก็ยอมจนเกินทนแล้ว” วีกดเสียงต่ำแต่แฝงไปด้วยความคุกคามและควบคุม

             “แต่ฟ้าทิ้งให้ลูกนอนคนเดียวไม่ได้”

             “เด็กนั่นโตแล้วนะ! สิบขวบแล้ว ไม่ใช่เด็กสามสี่ขวบ...แล้วอีกอย่างพี่ก็ยังไม่ได้เคลียร์เลยนะ ทั้งเรื่องที่ออกจากบ้านไปดึก ๆ เอาลูกของฟ้ามาที่นี่ แล้วยังไปหาเมื่อตอนกลางวันก็ไม่เจออีก ทั้ง ๆ ที่บอกตอนเช้าแล้วว่าจะไปหา!”


             เสียงท้ายประโยคดังจนทอฟ้าเผลอหันไปหาลูกที่ตัวเองทิ้งไว้ให้รอด้วยความตกใจ เธอรู้ว่าถ้าไม่อธิบายที่นี่และตอนนี้ มีหวังได้เกิดเรื่องขึ้นแน่ จึงตัดสินใจบอกที่หนึ่งให้รออยู่ที่เดิม ก่อนจะดึงแขนของสามีเข้าไปในห้องนอนใหญ่แล้วล็อคประตู


             “ที่หนึ่งก็ยืนอยู่ไม่ไกล พี่จะพูดอะไรก็คิดถึงใจลูกฟ้าบ้างสิ!”


             ทันทีที่เหลือกันเพียงสองคน ทอฟ้าก็เริ่มต้นขึ้นด้วยคำตำหนิ แต่ดูเหมือนว่าวีจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเพียงแค่รูดเนคไทออกจากคอแล้วโถมตัวลงนั่งบนเตียงนุ่ม


             “เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ ตั้งแต่คืนวันพุธที่เอาเด็กนั่นเข้าบ้านจนถึงวันศุกร์ก็ไม่มีโอกาสได้พูดเรื่องนี้สักที ตอนกลางวันว่าจะเข้าไปคุยด้วยก็ไม่อยู่ เพราะงั้นตอนนี้รีบอธิบายมาฟ้า ไปคอนโดฯ มันทำไม”


             เสียงที่ถามเย็นยะเยือกจนน่ากลัว เธอรู้ยิ่งกว่ารู้ วีใจกว้างและเชื่อใจเธอมากพอที่จะไม่หึงหวงเรื่อยเปื่อย แต่กับตุลย์เท่านั้นที่ไม่ว่ายังไงวีก็ไม่เคยยอม ไม่ว่าตั้งแต่ตอนมัธยมหรือแม้แต่ตอนนี้…!


             “เรียกเด็กนั่นได้ไง ลูกฟ้าก็มีชื่อนะ เขาชื่อที่หนึ่ง” เธอพูดเสียงอ่อน แม้จะหงุดหงิดที่อีกฝ่ายเรียกลูกเธออย่างนั้น แต่กับคนตรงหน้าแล้วเธอไม่เคยกล้าหือ เป็นช้างเท้าหลังด้วยความเต็มใจและไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน ”แล้ววันนั้นฟ้าก็ไม่ได้ไปหาพี่ตุลย์สักหน่อย”

             “แล้วไปที่คอนโดมันทำไม?”

             “...ก็แค่ไปอาของที่ลืมไว้”

             “ลืมอะไร? แล้วลืมไว้ตอนไหน? แล้วทำไมต้องไปตอนดึก? อย่าคิดปิดพี่เชียวนะ ฟ้าก็รู้ว่าตัวเองโกหกไม่เก่งยังไงพี่ก็ต้องจับได้” ทอฟ้ากลืนน้ำลาย 

             “ก็พี่เป็นคนบอกฟ้าเองว่าถ้าฟ้าอยากจะเจอลูก ทางเดียวก็คือให้พาลูกมาอยู่ด้วยที่นี่ ฟ้าก็เลย...ไปหาพี่ตุลย์บอกให้เขายกลูกให้ฟ้าเลี้ยงเอง สักคนหนึ่งก็ได้ แต่ว่าพี่ตุลย์ไม่ยอมให้เลยสักคน ก็เลยมีปากเสียงกันนิดหน่อย ฟ้าโมโหมากก็เลยเขวี้ยงของใส่เขา แล้วตอนนั้น...”

             “แล้วตอนนั้น?”

             “...ฟ้าก็เลยคิดว่าน่าจะทำสร้อยข้อมือที่พี่ให้หาย ฟ้ากลัวพี่จับได้ว่าฟ้าทำหาย ไม่อยากจะให้พี่โกรธเลยไปที่นั่นเพื่อเอาสร้อยข้อมือ...แค่นั้นเอง จริง ๆ นะ!”

             “สร้อยข้อมือ?

             “สร้อยข้อมือชิ้นแรกที่พี่ให้ ที่พี่ชอบให้ฟ้าใส่มันติดตัวไว้ไง ฟ้าเคยทำหายครั้งนึงแล้วพี่โกรธจะเป็นะจะตาย คราวนี้ฟ้าก็เลยกลัวว่าพี่จะโกรธอีก ก็เลย...”

             “...แล้วไอ้ตุลย์มันแถมเด็กนั่น มาพร้อมสร้อยข้อมือหรอไง?”

             “เปล่า...มันเกิดเรื่องขึ้นนิดหน่อยฟ้าก็เลยพาตัวที่หนึ่งมาด้วย...มาอยู่กับเรา พี่วีที่ฟ้ากำลังจะพูดคือเขาจะไม่ได้มาอยู่กับเราแค่ชั่วคราวนะ ฟ้าจะพาเขามาอยู่กับเรา...ตลอดไป”













             ที่หนึ่งกระสับกระส่ายด้วยความกังวล เพราะผู้ชายคนนั้นน่ากลัวสำหรับเขามาก ทุ้งครั้งที่เจอหน้าร่างกายก็จะเกร็งอย่างไร้สาเหตุ ทำให้เด็กน้อยไม่กล้าเข้าใกล้หรือแม้แต่จะยุ่งเกี่ยวกัน...แต่ถึงจะกังวลมากมายขนาดนั้น ที่หนึ่งกลับไม่กล้าเดินออกจากจุดที่ถูกสั่งไว้ให้รอ


             บางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาจเพราะเขาเพียงแค่ไม่ชินกับคนแปลกหน้าเท่านั้นก็ได้ เพราะนอกจากครอบครัวแล้วที่หนึ่งก็แทบจะไม่รู้จักผู้ใหญ่คนไหนเลยด้วยซ้ำไป


             “ทำไม แม่ไม่ออกมาสักที”


             เด็กน้อยชะเง้อมองประตูห้องนอนอีกครั้ง เตะฝุ่นแก้เก้อพร้อมกับเหลือบตามองประตูห้องนอนเป็นระยะ ๆ


             “ที่หนึ่ง รอนานไหม?”


             ทอฟ้ายิ้มปนี่ถลาเข้ามาหาลูกชายขณะเปิดประตูออกจากห้องพร้อมกับวีที่พาดผ้าขนหนูเตรียมตัวจะไปอาบน้ำ


             “ที่หนึ่งนึกว่าแม่หลับไปแล้ว”

             “แม่จะหลับได้ไงครับ ที่หนึ่งยืนรอแม่อยู่แล้วหน้าห้องแบบนี้ ถ้าแม่เผลอหลับไปคงใจร้ายน่าดูเลย” ทอฟ้าลูบหัวลูกชายของตัวเองอย่างเบาก่อนจะจูงมือที่หนึ่งเข้าห้องนอนแขก ที่เป็นที่นอนของที่หนึ่งอีกครั้งในคืนนี้


             หลังจากที่ทอฟ้าขึ้นไปนอนคุยกับที่หนึ่งจนเด็กน้อยเริ่มมีอาการง่วงนอน ทอฟ้าก็ค่อยลงมาจากเตียงห่มผ้าให้ลูกชาย ตบสะโพกของเขาเบา ๆ เป็นการกล่อม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ที่หนึ่งหลับตาลงนอนแต่อย่างใด ในทางกลับกันเขากลับมองไม่ละสายตาด้วยความสงสัยว่าทำไมทอฟ้าถึงไม่นอนกับตน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่บอกนักหนาว่าง่วงนอนเต็มที


             “แม่ไม่ง่วงแล้วหรอ?”

             “หืม? ง่วงสิครับ”

             “แล้วทำไมแม่ไม่นอนละ เนี่ยที่หนึ่งก็แบ่งที่ไว้ให้แล้ว”


             ทอฟ้ามีสีหน้าลำบากใจที่ลูกชายตบที่ว่างข้าง ๆ เรียกเธอให้ขึ้นไปนอนด้วยกันอีกครั้ง


             “ที่หนึ่งครับ คืนนี้แม่คงไม่นอนกับที่หนึ่งนะลูก”

             “ทำไมอะ?” ที่หนึ่งถามเสียงรนพร้อมพรุดตัวลุกขึ้นนั่ง

             “คืนนี้แม่จะไปนอนกับน้าวีที่อีกห้องนึงนะครับ”

             “ไม่เอานะ” เด็กน้อยส่งเสียงงอแง คว้าแขนแม่เอาไว้อย่างออดอ้อน “ที่หนึ่งอยากนอนกับแม่นี่หน่า”

             “แม่ก็อยากนอนกับที่หนึ่งนะ แต่ว่า...ที่หนึ่งเข้าใจแม่ใช่ไหมลูก น้าวีเขาก็เป็นสามีแม่ เขาเองก็อยากจะนอนพร้อมกับแม่เหมือนกัน ชีวิตคู่น่ะ ถ้าทิ้งให้ใครสักคนอยู่คนเดียวแล้วมันจะไปต่อได้ยังไง แม่ทิ้งเขาให้นอนคนเดียวมาสองวันแล้ว คืนนี้ก็ให้แม่ไปนอนกับเขานะครับ”

             “ไม่เอา” ที่หนึ่งดื้อเพ่ง


             แม้ที่หนึ่งจะโตมากพอที่จะเข้าใจเรื่องราวดี แต่เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กที่ต้องการเพียง ‘แม่’ และ ‘พ่อ’ แท้ ๆ เท่านั้น ไม่ต้องการใครอื่น ไม่ต้องการให้ใครแทนใคร ต้องการให้แม่อยู่ในอ้อมแขนของพ่อ ถ้าไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ห้ามมีใครได้มากอดแม่เลย!


             “ที่หนึ่งไม่ดื้อสิครับบ พรุ่งนี้แม่จะมานอนกับที่หนึ่งโอเคไหม? แม่มีคนสำคัญของแม่สองคนแม่ก็ต้องดูแลทั้งคู่นะ หรือว่า...ที่หนึ่งจะไปนอนห้องนู่นด้วยกันกับแม่แล้วก็น้าวีดีครับ?”

             “...ไม่เอาแบบนั้นด้วย” เสียงปฏิเสธดังขึ้นเบา ๆ


             ที่หนึ่งผละออกจากแม่อย่างจำยอม เขาเป็นเด็กที่มักจะเก็บอะไรไว้กับตัวแล้วทำให้คนอื่นสบายใจ มากกว่าที่จะปล่อยทุกอย่างออกไปแล้วทำตามใจตัวเอง...ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ในเมื่อเขารวบรวมความกล้าบอกในสิ่งที่ต้องการแล้ว แล้วมันไม่ได้ ก็ต้องเป็นไปแบบเดิม ๆ คือ ‘ทำเป็นว่า’ เข้าใจ แล้วก็ยอมรับมัน


             “แม่ไปนอนกับน้าวีก็ได้ ตอนอยู่กับพ่อ ที่หนึ่งก็มีห้องนอนเป็นของตัวเองอยู่แล้วแค่นี้น่ะสบายมาก”

             “ลูกนอนคนเดียวได้ใช่ไหมครับ?”

             “อืม” ที่หนึ่งปล่อยแขนผู้เป็นแม่ก่อนจะยกยิ้มขึ้นอย่างประดิษฐ์ประดอย “แต่พรุ่งนี้แม่สัญญาแล้วนะว่าจะนอนกับที่หนึ่ง ห้ามเบี้ยวนะ”

             “ได้เลยครับ! ไม่เบี้ยวแน่นอน งั้นนอนได้แล้วลูกนะ ให้แม่อยู่กับลูกจนหลับไหม?”

             “ไม่เป็นไรอะ”

             “โอเคงั้น ฝันดีนะครับ” เธอจูบหน้าผากของลูกชาก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ขณะที่กำลังปิดไฟก็หันมายิ้มให้ที่หนึ่งอีกครั้ง แล้วประตก็ถูกปิดลง

             “...ฝันดีนะแม่”












             ผมนอนลืมตาอยู่บนเตียงมองพี่ตุลย์ที่กำลังยกถ้วยข้าวต้มเข้ามา


             “ลุกไหวไหม?”

             “ไม่ไหว”


             ผมตอบไปตามความเป็นจริงครับไร้ซึ่งความสำออยใด ๆ เพราะตอนนี้ร่างกายผมหนักไปหมดทั้งตัว จนทำเป็นเก่งไม่ไหว


             “เดี๋ยวฉันช่วย” พี่ตุลย์เข้ามาช่วยประคองผมให้ลุกขึ้นนั่ง

             “ขอโทษนะที่ทำให้พี่ลำบาก”

             “ไม่หรอก กินข้าวก่อนแล้วกัน จะได้กินยาพักผ่อน”

             “อืม” ผมรับถ้วยข้าวต้มมาจากพี่ตุลย์ก่อนที่เขาจะวางน้ำกับยาไว้ตรงหัวเตียงเตรียมให้ผม


             เมื่อคืนผมไข้ขึ้นครับ จนพี่ตุลย์ที่แตะตัวผมยังสะดุ้งลุกขึ้นมาเช็ดตัว ดูแลให้ทั้งคืนจนสุดท้ายก็ไม่ได้นอน แล้วอาการผมก็เพิ่งทุเลาลงเมื่อตอนตีห้านี่เอง ผมก็เพิ่งรู้วันนี้เนี่ยแหละว่าร่างกายผมซื่อตรงกับใจมาก ก่อนหน้านี้ตากแดดตากลมตากฝน หวัดฤดูร้อน หวัดฤดูหนาวอะไรผมก็ไม่เคยเป็นกับเขาหรอก ต่อให้ทำงานหนักจนไม่ได้นอน ใช้หัวสมองจนแทบควันขึ้นผมก็ยังสบายดี ไม่สะดุ้งสะเทือนแม้เพื่อนทั้งฝูงจะพาหวัดมาติดผมแค่ไหนก็ตาม


             แต่พอใจผมอ่อนแอ...ผมเครียดแล้วก็คิดมาก ผมร้องไห้หนักแล้วก็ซึมเซา ตากฝนนิดหน่อยผมก็เป็นหวัดทันที ผมเป็นตั้งแต่คืนวันพุธที่ไปหาไอ้ปัน จนตอนนี้นี้เช้าวันเสาร์ อาการก็ยังทรง ๆ จะแย่หรือจะนิ่งก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผมล้วน ๆ ทั้ง ๆ ที่กินยาตลอดไม่เคยดื้อ ผมก็ไม่หายเสียที


             “ขอโทษจริง ๆ ที่ไม่เอะใจเลยว่าไม่สบาย...แล้วยังไม่ยับยั้งชั่งใจอีก”

             ผมชะงักกึกรู้สึกหน้าร้อนวูบพอเผลอนึกถึง ‘เรื่องที่พี่ตุลย์ไม่ยับยั้งชั่งใจ’


             ...เมื่อคืนเป็นเวลาที่เราต่างก็เสียใจไร้ที่ยึดเหนี่ยว เราผลัดกันฉุดสลับกันรั้ง เหมือนเหลือเราสองคนบนโลก เพื่อให้ลืมความทุกข์แล้วก็หลับไปพร้อมกับความเจ็บปวด...มันดูน่าละอาย แต่ผมมองว่ามันคือการปลอบประโลมไม่ใช่สนองตัณหา


             ผมไม่คิดจะรู้สึกผิดกับเรื่องเมื่อคืน...แม้แต่นิดเดียว


             “วันนี้นายอยู่ที่ห้องนอนเนี่ยแหละ ฉันกับตอนต้นจะอยู่ข้างนอกจะได้ไม่ติดหวัด”

             “แล้วพี่ไม่ไปทำงานหรอ? บริษัทพี่ไม่หยุดวันเสาร์ไม่ใช่ไง?”

             “ก่อนหน้านี้ฉันโทรไปลางานแล้ว”

             “อ๋อ...อืมถ้างั้นผมขอยืมห้องแป๊บนึง ถ้าดีขึ้น ผมก็คงจะไม่อยู่รบกวนแล้วละ”

             “ไม่ต้องรีบกลับหรอก อย่างน้อยก็อยู่ที่นี่...จนกว่าจะหายไข้ก็ยังดี”

             “...” ผมเผลอกำผ้าห่มแน่นด้วยความลังเล...ก่อนจะส่งเสียง ‘อืม’ เป็นการตกลงกับคำขอนั้น ยืดเวลาสนองความรู้สึกของตัวเอง ที่ผมมาหาเขาตอนนี้เพราะผมยังมีข้ออ้างว่าต้องการมาดูเขา...ดูว่าเขาอยู่ได้แม้จะไม่ได้ที่หนึ่งกลับมา แล้วก็เพื่อมาเอาของกลับ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ผมก้าวเท้าออกไปจากห้องนี้แล้วละก็...ข้ออ้างอะไรนั่นผมก็ไม่มีอีกต่อไปแล้ว

             “ถ้างั้น ฉันอยู่หน้าทีวีนะ จะเอาอะไรก็ตะโกนเรียกเอาก็ได้ถ้าลุกไม่ไหว”

             “โอเค”


             ผมหยักหน้ารับพอพี่ตุลย์เห็นผมว่าง่ายก็ค่อยเดินออกจากห้องปล่อยให้ผมได้กินข้าวกินยาพักผ่อนไปตามเรื่องตามราว แต่ข้าวต้มนี่ผมไม่ไหวจริง ๆ ครับ กินเยอะก็ชักอยากอ้วกมันเหลวเกินไปจนรู้สึกไม่ค่อยดี ถ้ากินข้าวสวยปกติคงจะดีกว่า ว่าแล้วผมก็ยอมแพ้กับข้าวต้มวางมันลงข้างเตียงแล้วคว้ายา กรอกปากว่าจะนอนเลยเพราะรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่มสักที


             พรึ่บ


             ผมซุกหน้าลงกับหมอนสูดกลิ่นที่คุ้นเคยเข้าเต็มปอดอย่างโหยหา คว้าทั้งหมอนข้างผ้าห่มมาพันตัวให้กลิ่นนัวเนียอยู่รอบ ๆ ก่อนจะหลับตาลง แล้วผลอยหลับไปอย่างง่ายดาย










             “ที่หนึ่งครับบ มีที่ไหนที่ที่หนึ่งอยากไปไหมครับผม?”


             ทอฟ้าหอบโน๊ตบุ๊คที่ยังเปิดค้างไว้มาหาลูกชาย ซึ่งกำลังนั่งดูการ์ตูนรายการโปรดอยู่หน้าทีวี พอเห็นว่าที่หนึ่งไม่ได้สนใจ ก็สะกิดลูกชายให้มามองที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คที่เธอกำลังนำเสนอยกใหญ่


             “อะไรหรอ?”


             เด็กน้อยเงยหน้าถามงง ๆ หลังจากละสายตาจากทีวีมองหน้าจอที่เปิดหน้าสถานที่เที่ยวต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กน้อยก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเอามาให้เขาดูทำไม


             “อ้าว เมื่อวานที่เราไปกินเอ็มเคด้วยไงจำไม่ได้หรอ ที่หนึ่งบอกว่าอยากกินด้วยกันหลาย ๆ คน แล้วแม่บอกว่าวันอาทิตย์น้าวีเขาว่างเดี๋ยวเราจะไปเที่ยวด้วยกันไงครับ”

             “อ๋อ ที่หนึ่งจำได้ ๆ” ที่หนึ่งร้องแต่กลับไม่ได้มีความตื่นเต้นอะไรขึ้นมา


             แน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อเขาไม่ได้หมายความว่าอยากไปกับผู้ชายคนนั้น ไม่ได้หมายถึงอยากไปกับคนจำนวนมาก ๆ เขาน่ะแค่อยากให้แม่ได้ไปด้วยกันกับพ่อ พี่เอส ตอนต้น ทุก ๆ คนที่บ้าน มันสนุกมากและเขาอยากให้แม่ได้สนุกแบบนั้น


             พ่อเขาน่ะดูแลดีเอาใจใส่ ส่วนพี่เอสของเขาก็มีมีเรื่องเล่าตลก ๆ เยอะแยะไปหมด แล้วก็ชอบทำอะไรขำ ๆ ตอนต้นก็ไม่งอแง เป็นเด็กที่น่ารักมาก แค่กินข้าวข้างทางแถวคอนโดฯ ยังสนุกได้ด้วยซ้ำ


             นั่นต่างหากสิ่งที่เขาหมายถึง นั่นต่างหากที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อวานที่ไปกินเอ็มเคด้วยกันตอนนั้นถึงได้เล่าให้ฟัง


             “แล้วที่หนึ่งจะไปที่ไหนดีละลูก? ที่เที่ยวใกล้ ๆ แถวนี้มีเยอะเลย ร้านอาหารก็เยอะแยะเลยนะ ที่หนึ่งเลือกได้เลยนะครับ เต็มที! น้าวี แม่แล้วก็ที่หนึ่งจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันทั้งวันเลย แล้วที่หนึ่งก็จะได้สนิทกับน้าวีด้วยนะ น้าวีเขาดูแลดีมากเลยนะลูก ที่หนึ่งต้องชอบเขาแน่ ดีไม่ดี ที่หนึ่งอาจจะมาขอนอนด้วยกันกับแม่แล้วก็น้าวีเลยด้วยซ้ำนะ”


             ...ไม่เอา


             “ไม่ต้องไปไหนก็ได้ อยู่บ้านก็ได้”

             “ไม่ได้นะ!” ทอฟ้าร้องขึ้นมาเสียงหลง “ได้ไปใช้เวลาอยู่กับน้าวีทั้งทีนะลูก เขาน่ะงานยุ่งมากจนไม่ค่อยมีเวลาว่างแบบนี้เลยนะ!”

             “กะ ก็ไม่ใช่ว่าอยู่บ้านดีกว่าหรอ พ่อบอกว่าการอยู่บ้านคือการพักผ่อนที่ดีที่สุดนะ”

             “ไม่ได้ครับที่หนึ่ง อุตสาห์เป็นโอกาสดีที่พวกเราสามคนได้ไปไหนด้วยกันแท้ ๆ จะนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บ้านได้ไงละ เอาแต่อยู่บ้านเป็นคนแก่แบบนี้ที่หนึ่งไม่เบื่อหรอไงครับ? แม่ยังเบื่อเลยนะ”

             “ที่หนึ่งไม่เบื่อนะ ที่หนึ่งชอบอยู่ที่บ้านดูทีวีมากกว่า”

             “เอาไว้วันอื่นแล้วกันนะที่หนึ่ง น้าวีอุตสาห์ว่างทั้งทียังไงพรุ่งนี้ก็ต้องไปเที่ยวด้วยกัน ช่วงนี้แม่เองก็ไม่ค่อยได้อยู่กับเขาเลย เวลาว่าง ๆ เราต้องตักตวงให้เต็มที่!”

             “...”

             “อะ! ว่าแต่ตอนแม่หยิบ ๆ เสื้อผ้าใส่กระเป๋ามามีชุดไปเที่ยวบ้างไหมหว่า เดี๋ยวแม่ไปดูก่อนดีกว่า ถ้าไม่มีจะได้บอกน้าวีซื้อเข้ามาด้วยเลย”


             หลังจากพูดจบทอฟ้าก็วางโน๊ตบุ๊คไว้บนโซฟา แล้วตัวเองก็เดินลิ่ว ๆ เข้าไปในห้องนอนที่เป็นห้องของลูกชายชั่วคราว เดินตรงไปยังกระเป๋าที่เธอพาออกมาพร้อมกัน ที่หนึ่งไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ในห้องนั้น แต่เขาคิดว่าคงจะกำลังหาชุดเที่ยวอย่างที่พูดนั่นแหละ เพราะหลังจากที่หายไปอยู่ในห้องนั้นได้สักพัก แม่ของเขาก็ออกมาโทรศัพท์หา ‘น้าวี’ ให้ซื้อเสื้อผ้าเข้ามา


             เด็กน้อยวางคางกับพนักโซฟามองแม่ที่กำลังเดินวนไปวนมาไม่หยุด อยู่หน้าห้องจนดูวุ่นวายก่อนที่เขาจะหันกลับมาดูการ์ตูนต่อตามเดิมราวกับไม่ได้รู้สึกอะไร


             ทั้ง ๆ ที่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะมีคำถามขึ้น...ที่แม่ของเขาดูตื่นขนาดนี้เป็นเพราะจะได้ไปเที่ยวกับใคร...





TBC

หรือเพราะมันจะเป็นอย่างที่เคยได้ยินกันมา ว่าสุดท้ายสิ่งที่ผู้หญิงต้องการที่สุดในชีวิต คือคนที่จะคอยดูแลไปตลอดชีวิต เท่านั้น?



#DaddyBeLover #ไอ้เอส



NOTE
ติดตามข่าวสาร please click. Believe me /กระซิบ
www.facebook.com/nistawriter/

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
 :z3:

ที่หนึ่งจะเข้ากับน้าวีได้หรือเปล่านะ?? ผ่านไปซัก 4-5 ปี อาจจะลืมพ่อไปบ้างก็ได้

T T เด็กๆนี่ชวนดราม่าจริงจัง

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่าตบมากคุณแม่ หึ้ยยยยยยย

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
ฝากตบยัยฟ้า100ครั้ง

ดูท่าสามียัยฟ้าคงไม่ชอบที่หนึ่งแน่ๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด