รักเกิดในแผนกขนส่ง.....ตอน อคติ
บ่ายโมงกว่าแล้ว
และพี่บุ้งก็เพิ่งผลักประตูออฟฟิศเปิดเข้ามา
มีนเงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และก้มลงมาสนใจกับการคีย์บิลต่อ
“น้อง กินข้าวยัง”
กินแล้ว
“ผมกินแล้ว”
ตอบกลับเรียบ ๆ และมีนก็ยังก้มหน้าก้มตาคีย์บิลต่อไป ทำเหมือนไม่สนใจคนที่กำลังยืนมองถุงข้าวที่วางไว้บนโต๊ะและเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“แล้วทำไมมีข้าวสองถุง”
ก็มีสองถุงสิ
ผมไม่ได้กินข้าวที่พี่ซื้อให้ มันก็ต้องเหลือสองถุง
“ผมไปกินกับเพื่อนที่โรงอาหารมา”
กินกับเพื่อนที่โรงอาหาร........
“แล้วปูจ๋าในถุงอ่ะ ทำไมไม่กิน”
ก็ผมไม่อยากกิน
“ผมไม่ค่อยหิว”
ถามอย่างตอบไปอีกอย่าง ตอบว่าไม่หิวแต่ว่าไปกินข้าวกับเพื่อนที่โรงอาหาร หมายความว่ายังไงวะ
บุ้งกำลังมองหน้าเด็กฝึกงานที่มีท่าทีนิ่งเฉย แต่ดูออกไม่ยาก ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่างแน่ ๆ
“เป็นอะไร”
ผมไม่ได้เป็นอะไร
พี่แหละเป็นอะไร
“ไม่ได้เป็น ผมคีย์บิลน้ำมันให้พี่อยู่”
แบบนี้มันเป็นชัด ๆ
“ไหนวางมือมาคุยกันก่อนซิน้อง”
เมืองมีนหยุดมือที่กำลังพิมพ์ หยุดและใบหน้าที่เคยนิ่งเฉยก็เริ่มตึงขึ้น
ไม่ใช่คนไม่สู้คน
ใครทำอะไรไว้ ก็ควรได้รับอย่างนั้น จะให้ยอมคนทุกอย่างไปหมดทุกเรื่องมีนก็ทำไม่ได้
ยอมเฉพาะเรื่องที่สมควรยอม เรื่องไม่สมควรยอม มีนไม่เห็นเหตุผลอะไรที่จะต้องยอม
“เป็นอะไร ไหนพูดมาซิ”
พี่จะให้ผมพูดอะไร ในเมื่อผมไม่มีอะไรจะพูด คนที่ควรจะพูดมันเป็นพี่ไม่ใช่เหรอ
“ไม่มี”
ไม่มีได้ยังไงวะ ก็เห็นอยู่ว่ามี
“พูด”
ผมไม่พูด พี่จะทำไมผม
พี่เป็นแค่หัวหน้างาน ผมไม่ได้กลัวพี่เลยซักนิด ถ้ามันฝึกไม่ผ่านผมก็แค่ออก ผมก็ไม่ได้อยากจะมาฝึกงานเท่าไหร่หรอก
ถ้าแม่ไม่ขอร้องให้สึกออกมา แล้วมาฝึกงาน มาเรียนให้จบ
ผมก็ไม่ได้อยากออกมา
“....................”
เมืองมีนยังนั่งเงียบ แต่ใบหน้าที่ขึ้นสีเรื่อ ก็แสดงให้รู้ชัดว่ากำลังโกรธไม่ต่างกัน
“เป็นอะไร พูดดี ๆ อย่าให้พี่ด่า”
พี่ก็ด่าผมอยู่บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ ถ้าพี่จะด่าอีกผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว
“.............”
ไม่ตอบ ไม่พูด และยังคงขบริมฝีปากแน่น และนั่งนิ่ง
และในเวลานี้กลายเป็นบุ้งที่รู้สึกปวดหัวจี๊ด ๆ ขึ้นสมอง
เรื่องส่วนตัวก็จะบ้าแล้ว
ไหนจะเรื่องงาน เรื่องนั้นเรื่องนี้ แล้วยังเรื่องไอ้น้องฝึกงานที่ไม่รู้ว่าอยู่ดีๆ เกิดเป็นอะไรบ้าอะไรขึ้นมาอีก
“น้องเมืองมีน......คุยกันแบบคนโตแล้ว น้องมีอะไรไม่พอใจพี่ น้องพูดมาเลยครับ มีอะไรเราจะได้หาทางช่วยกันแก้ไข พี่ยังอยากให้น้องทำงานอยู่กับพี่ไปอีกนาน ๆ”
อยากให้ทำงานอยู่กับพี่ไปอีกนานๆ เหรอครับ
แล้วที่พี่เอาผมไปพนันกับลูกน้องพี่ พี่นึกว่าผมไม่รู้หรือไง
“อยากให้ผมทำงานกับพี่นาน ๆ แล้วพี่เอาผมไปพนันทำไม”
พนัน
พนันห่าอะไรวะ
พนันเรื่องอะไร
ยังไง
บุ้งขมวดคิ้วมุ่น สิ่งที่มีนพูด บุ้งไม่เข้าใจเลยสักนิด
พนันบ้าอะไรวะ พนันบ้อบอคอแตกอะไร พนันเรื่องอะไร
ไอ้น้องนี่มันเอาอะไรมาพูด
“พนันเรื่องอะไรน้อง พี่จะเอาอะไรไปพนัน หรือน้องคิดว่าพี่พนันเรื่องน้องเนี่ยนะ น้องเป็นอะไรมากป่าว คิดไปเองหรือเปล่าน้อง น้องมีอะไรให้พี่ต้องพนัน”
เออใช่
คนมันจะไม่ยอมรับ มันก็ไม่ยอมรับอยู่วันยังค่ำแหละ
ยิ่งพี่บุ้งเป็นหัวหน้างานด้วยนะ.
ไอ้เรื่องที่จะมายอมรับว่าพนันเรื่องเด็กฝึกงานอยู่หรืออยู่ไม่ถึงสามวัน เป็นใครจะยอมรับว่าพนันจริง เดี๋ยวก็เสียชื่อหัวหน้างานหมด
“ผมจะอยู่ให้ได้เกินสามวัน”
ก็ดีแล้วไงน้อง
“แล้วน้องมีปัญหาอะไรถึงจะอยู่ไม่เกินสามวัน”
ยิ่งสงสัยหนักขึ้นไปอีก มองหน้าของเด็กฝึกงานแล้วบุ้งก็ยิ่งสงสัยว่าตกลงไอ้น้องคนนี้มันเป็นอะไรกันแน่
“พี่นั่นแหละจะมีปัญหา ถ้าผมอยู่ไม่ถึงสามวันพี่ก็อดได้เงินที่พี่พนันไว้กับลูกน้องพี่ไง”
ห๊ะ
พนันไว้กับลูกน้องพี่
พนันกับลูกน้องพี่เนี่ยนะ
บ้าเปล่าวะ
กูจะทำอย่างนั้นไปเพื่อ……..
คนคีย์บิลแผนกขนส่งยิ่งหายาก ๆ อยู่ กูจะทำอย่างนั้นไปทำเพื่ออะไรวะ บ้าแล้วววววววววว
“ไอ้เชียรใช่มั้ย”
เริ่มเข้าใจอะไรขึ้นมาลาง ๆ
งานนี้ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้เลยว่าใครเป็นตัวต้นเรื่อง
“ไม่เกี่ยวกับพี่วิเชียร”
ชัดแหละงานนี้ บอกว่าไม่เกี่ยว แต่กูรู้เลยว่าเกี่ยวแน่ ๆ
เกี่ยวแบบชัด ๆ
บุ้งผลักประตูออกไปแล้ว และตะโกนจากหน้าประตูออฟฟิศแผนกขนส่งไปถึงลานรับสินค้าเสียงดังลั่น
“ไอ้เชียรรรรรรรรรรรรร ไอ้วิเชียร มึงมานี่เลย ไอ้เหี้ยยยยย มึงมาเคลียร์กับกูเดี๋ยวนี้”
มีนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
แต่ที่แน่ ๆ มีนรู้ว่าพี่บุ้งกำลังโกรธจัด
โกรธมาก
โกรธสุด ๆ และตะโกนเรียกพี่วิเชียรที่อยู่ที่ลานจอดรถให้มาหาในเวลานั้นทันที
“ไอ้เชียรรรรรรรรรมึงมาหากูเดี๋ยวนี้”
ถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงตะโกนซ้ำอีกครั้ง และในเวลาไม่นานพี่วิเชียรก็วิ่งมา
วิ่งมาหา
และพี่บุ้งก็ยืนท้าวเอวมองพี่วิเชียรด้วยสีหน้าโกรธจัด
“มึงใช่มั้ย มึงกับลูกน้องมึงพนันกันใช่มั้ย”
พนันเหรอ
ผมเปล่าครับพี่ ผมเปล่า
“ไม่มีพี่บุ้ง ไม่ได้พนันเลย ที่น้องเกาหลีมันจะอยู่ถึงหรือไม่ถึงสามวัน พวกผมไม่ได้พนันกันเลย”
ชัดเจน
“ตกลงมึงอยากพักงานใช่มั้ย”
เปล่าพี่
ผมไม่ได้อยากพัก
ผมเปล่าพนันเลยพี่
ผมเปล่า
“มึงรู้มั้ย น้องมันเข้าใจว่ากูไปพนันกับพวกมึงด้วย น้องมันหาว่ากูไม่อยากให้มันทำงานด้วย มึงจะให้กูทำยังไง มึงพูดมาวิเชียร มึงพูดมา มึงคิดว่าคนคีย์บิลแผนกนี้หาง่ายนักหรือไง ถึงได้พนันเหี้ยๆ กันแบบนี้ ถ้าพวกมึงอยากให้น้องมันไปนัก พวกมึงมาคีย์บิลกันเองเลยมั้ย ไอ้พวกเหี้ย มีคนช่วยงานดี ๆ ไม่ชอบ เสือกหาเรื่องให้เขาออก กูซวยตลอดก็เพราะพวกมึงนี่แหละ เคยสำนึกกันบ้างมั้ยวะ ไอ้เหี้ยเชียร”
เสียงพี่บุ้งตะคอกด่าพี่วิเชียรดังลั่น
และมีนก็ขมวดคิ้วมุ่นเพราะความไม่ชอบใจ
ทำไมต้องตะคอกขนาดนั้น ทำไมต้องด่าขนาดนั้น
พูดกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง
ทำไมพี่บุ้งต้องไปตะคอกพี่วิเชียรขนาดนั้นด้วย
แบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือไง
“มึงจะสำนึกมั้ยวิเชียร มึงจะหัดสำนึกบ้างได้มั้ย”
สำนึกสิพี่
ผมสำนึกแล้ว
“ผมขอโทษจริง ๆ พี่ ผมขอโทษ”
พี่วิเชียรยกมือไหว้พี่บุ้งสองสามครั้ง และพี่บุ้งที่เหมือนกำลังโมโหจัด ๆ ก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาจนแทบไม่อยากจะด่าจะว่า เพราะถึงด่าไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ด่าไปก็เท่านั้น
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกพนัน ที่จะซุกหัวนอนตอนนี้มึงยังแทบจะไม่มี เมียมึงหอบลูกหนีไปกี่รอบแล้ว กูพูดกี่ครั้งแล้ววะเชียร เมื่อไหร่มึงจะสำนึก เมื่อไหร่มึงจะคิดได้ เมื่อไหร่มึงจะเลิกวะ กูพูดไปมึงเคยฟังกูมั่งป่าววะ มึงไปถามคนอื่นเหอะเชียร เป็นคนอื่นยังจะมีใครเอามึงเก็บไว้มั้ย นี่กูเห็นแก่หน้าลูกมึง ถ้าไม่เพราะว่าลูกมึงยังต้องกินนมกระป๋องอยู่ มึงคิดว่ากูจะเก็บมึงไว้มั้ย มึงทำตัวแบบนี้มากี่รอบแล้ววิเชียร”
บุ้งไม่รู้จะทำยังไง
ไม่รู้จะจัดการยังไงกับลูกน้องที่อาการเกินเยียวยา
ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และส่ายหน้าด้วยความกลุ้ม
“พี่บุ้ง....ผมขอโทษพี่”
พี่วิเชียรยกมือไหว้ คราวนี้ไม่ใช่แค่ไหว้ แต่ไหว้พร้อมน้ำตา
มีนเห็น
เห็นชัดเพราะออกมายืนดูด้วย
“มึงอย่าให้กูต้องทำอะไรไม่ดีเลยเชียร กูก็รับตัวเองแบบนั้นไม่ค่อยได้หรอก”
ผมรู้พี่
ผมรู้
“ผมขอโทษพี่บุ้ง ผมขอโทษ ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ผมขอโทษจริง ๆ พี่ ผมขอโทษ”
พี่วิเชียรยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา และยกมือไหว้พี่บุ้งซ้ำ ๆ กันอีกหลายครั้ง
“ครั้งสุดท้ายนะเชียร ไม่มีครั้งอื่นแล้วนะ”
ครั้งสุดท้ายจริงๆ พี่ ครั้งสุดท้าย
ผมสัญญาต่อไปนี้ผมจะไม่พนันอะไรแบบนี้อีกแล้ว
“มึงไปขอโทษน้องมันก่อนไป เกิดมันไม่ยอมอยู่ขึ้นมา เราจะลำบากต้องมานั่งคีย์บิลกันเองหมด”
เอ่ยบอก และพี่วิเชียรก็เดินมาหยุดยืนตรงหน้ามีน
ยืนและยกมือไหว้ จนมีนรีบรับไหว้แทบไม่ทัน
“น้องพี่ขอโทษ พี่บุ้งเขาไม่ได้พนันอะไรกับพี่นะน้อง พี่บุ้งเขาไม่เกี่ยว น้องอย่าเพิ่งไปเลยนะ”
พี่วิเชียร….
ผม........ผมก็ไม่ได้....จะ.....อะไรขนาดนั้นหรอกพี่
ผมไม่ได้........
“อย่าไปโกรธพี่บุ้งเขานะ พี่พนันกันเองแหละ เขาไม่เกี่ยว”
พี่วิเชียรยังพูดอะไรบางอย่างซ้ำ ๆ ด้วยใบหน้าเซื่องซึม และมีนก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี นอกจากพูดว่าไม่เป็นไร
“ไม่เป็นไรพี่ ไม่เกี่ยวกับพี่หรอก ผมเข้าใจของผมผิดไปเองคนเดียว ผมรู้แล้วว่าพี่บุ้งไม่เกี่ยว ผมขอโทษพี่เหมือนกันที่ดึงพี่มาเกี่ยวด้วย”
เมืองมีนกำลังรู้สึกผิด
รู้สึกผิดที่ทำอะไรไปโดยไม่หัดคิด
ไม่คิดและไม่ถามถึงที่มาที่ไปของปัญหา คิดเองเออเองคนเดียวเสร็จสรรพ จนทำให้มีคนต้องถูกเข้าใจผิด
และถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พี่บุ้งคงถูกเข้าใจผิดไปอีกยาว
“ไปทำงานมึงก่อนเหอะ รถเข้าแล้ว เดี๋ยวกูขอกินข้าวแป๊บนึงก่อน เดี๋ยวกูตามไป”
สั่งลูกน้องให้ไปทำงานได้แล้ว และบุ้งก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
กลุ้มใจ
มีแต่เรื่องให้กลุ้มใจ เรื่องเล็ก ๆ ที่น่ากลุ้มใจ
และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะแก้ปัญหาได้หมดทุกเรื่อง
มองหน้าของเด็กฝึกงานที่ยืนนิ่ง ทำหน้าจ๋อย แล้วก็นึกสงสารขึ้นมา
“น้องไม่ต้องคิดอะไรนะ ไปทำงานเหอะ พี่เจอแบบนี้บ่อย ชินแล้ว”
ชินแล้วเหรอ
ชินแล้วที่ว่า หมายความว่า..........โดนเข้าใจผิดแบบนี้บ่อย ๆ จนชินแล้ว..........ใช่หรือเปล่า
โดนเข้าใจผิดแบบนี้บ่อย ๆ ใช่มั้ยพี่
“ผมขอโทษพี่”
ยกมือไหว้หัวหน้างาน และมีนก็เดินคอตกไปนั่งบนเก้าอี้ มองไปที่บิลปึกใหญ่ และก็เริ่มหยิบบิลแต่ละใบมาเปิด ลงมือคีย์งาน และแอบลอบมองคนที่แกะถุงข้าวออกและนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบ ๆ
ปูจ๋า เป็นยังไงมีนก็ยังไม่รู้
แต่ที่รู้พี่บุ้งนั่งกินข้าวคนเดียวเงียบ ๆ อยู่บนโซฟาหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์
กินคนเดียวเงียบ ๆ เงียบจนมีนรู้สึกว่าอากาศหายใจภายในห้องเริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ อีกครั้ง
ลดน้อยลงไป
ลดลงไป
ลดลงจนหายใจแทบไม่ออก
อึดอัด
รู้สึกอึดอัดใจในความเงียบงันแบบนั้น
จนกระทั่งพี่บุ้งกินข้าวเสร็จ และถือจานข้าวที่กินแล้วเอาไว้ในมือและหันกลับมาพูดอะไรบางอย่าง ให้มีน ได้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันแย่และไม่ควรทำ
มีนรู้แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองคิดกับคนตรงหน้ามันเต็มไปด้วยอคติ
อคติที่ไม่ดี
“ปูจ๋าอร่อยนะ แต่กินหมดสองห่อพี่ก็กินไม่ไหว พี่อิ่มแล้ว ถ้ายังไงน้องก็หิ้วเอากลับไปกินที่บ้านด้วยก็ได้ หรือไม่ก็เก็บไว้กินตอนบ่าย ........ถ้าน้องหิวก็แกะข้าวกินอีกรอบก็ได้นะ พี่ไม่ว่าอะไร”
TBC.