ตอนที่ 14 ขนมจีบ
จากวันสงกรานต์ที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ครบสองอาทิตย์พอดี เมื่อวันพักผ่อนได้หมดลงทุกคนก็เริ่มเอาจริงเอาจังในหน้าที่ของตนเอง เพราะเหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วันร้านอาหารจะต้องเปิดตัวแล้ว ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีคุณเรียกทุกคนมาประชุมเพื่อแสดงความคิดเห็นร่วมกันเกี่ยวกับแผนการตลาดกับรูปแบบของร้านอาหารที่เขาวางเอาไว้ อย่างแรกก็คือเรื่องชื่อร้าน ทุกคนช่วยกันคิดจนมาลงตัวกันว่าให้ร้านอาหารแห่งนี้ชื่อว่าร้านอาหาร ‘มีคุณอนันต์’
ประเด็นที่สอง...มีคุณให้นับตังค์เป็นคนจัดการเกี่ยวกับรายการอาหาร นับตังค์เสนอว่าสำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีการจองและจ่ายเงินล่วงหน้านั้น นับตังค์จะจัดเป็นอาหารชุดพิเศษให้ได้เลือก ชุดอาหารแต่ละวันในหนึ่งอาทิตย์จะไม่ซ้ำกันเลย แต่ลูกค้าสามารถเลือกได้หนึ่งในสามชุดที่นับตังค์จัดเอาไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่นที่นับตังค์คิดสูตรเอง รวมไปถึงของหวานที่นับตังค์ยกหน้าที่ให้ใบเมี่ยงเป็นคนจัดการ โดยนับตังค์จะให้โจทย์เอาไว้ว่าของหวานในวันนั้นจะต้องไปกันได้ด้วยดีกับชุดอาหารคาวของนับตังค์ เครื่องดื่มที่พายพัดมีหน้าที่จัดการก็เช่นกัน
ที่นับตังค์เสนอแบบนี้เพราะอยากให้อาหารที่ทำแต่ละวันได้วัตถุดิบที่สดใหม่หมดวันต่อวัน ถ้าอยากทานเป็นอาหารตามสั่งหรืออยากทานเหมือนร้านทั่วไป นักท่องเที่ยวก็สามารถเลือกไปทานทางฝั่งของพ่อเลี้ยงพยนต์ได้ นับตังค์อยากให้ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มขึ้นมาอีก รายการอาหารจะเน้นวัตถุดิบในพื้นที่ราคาจะได้ไม่แพงจนเกินไปแต่ได้กินของดีมีคุณภาพ มีคุณและทุกคนสนับสนุนความคิดของนับตังค์เลยได้ข้อสรุปในเรื่องของอาหารเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อคุณขจีรับทราบเรื่องแนวคิดเกี่ยวกับอาหารที่นับตังค์เสนอกับมีคุณ เธอจึงได้ยื่นข้อเสนอมาว่าอยากให้ทางร้านมีคุณอนันต์จัดอาหารเย็นให้แขกจากรีสอร์ตของเธอด้วย ทางคุณขจีจะขายเป็นแพ็คเกจให้กับลูกค้าที่ต้องการห้องพักพร้อมอาหารเย็น ซึ่งเมื่อมีคุณเอารายการอาหารชุดพิเศษที่นับตังค์คิดไปให้คุณขจีลงในเว็บไซต์ของรีสอร์ต ลูกค้าทั้งชาวต่างชาติทั้งคนไทยก็จองล่วงหน้ากันเข้ามาจนเต็มทุกวัน ตอนนี้เรียกได้ว่าในส่วนของอาหารเย็นนั้นถูกจองเต็มยาวไปสี่เดือนแล้ว ผลตอบรับนี้ทำให้มีคุณพึงพอใจเป็นอย่างมาก
มีคุณจึงสรุปได้ว่าทางร้านจะเปิดเป็นช่วงเวลาแค่สองช่วง ช่วงแรกเป็นอาหารกลางวัน จะเริ่มเปิดตั้งแต่สิบเอ็ดนาฬิกาถึงบ่ายสองโมง จะเน้นไปที่อาหารจานเดียว ถึงจะเป็นแค่อาหารจานเดียว แต่เมนูที่นับตังค์คิดขึ้นมาและลองทำให้ทุกคนได้กินนั้นมีคุณยอมรับว่ามันดูดีและรสชาติอร่อยเทียบเท่าอาหารจากเชฟในโรงแรม ทุกคนที่ได้ชิมก็เอ่ยปากเป็นเสียงเดียวกันว่าฝีมือของนับตังค์สุดยอดมากจริงๆ ส่วนอาหารค่ำจะเริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสี่ทุ่มครึ่งและมีไว้สำหรับผู้ที่จองล่วงหน้าเพียงเท่านั้น ที่มีคุณไม่ได้เปิดร้านในช่วงเช้าเพราะว่าอยากให้เชฟและพนักงานทุกคนได้มีเวลาพักพอเพียงและมีเวลาที่จะจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อกลางวันและอาหารค่ำได้อย่างเต็มที่
ขณะนี้มีคุณได้เปิดรับผู้ช่วยในครัวเพิ่มอีกหนึ่งคนและเด็กเสิร์ฟอีกห้าคน ผู้ช่วยในครัวอีกหนึ่งคนที่รับมาเคยทำงานที่นี่สมัยที่คุณปู่ของมีคุณยังบริหารอยู่ เธอมีชื่อว่าสายรุ้ง อายุสี่สิบกว่า รูปร่างเล็กและดูคล่องตัวมาก เธอเป็นคนเชียงราย ผิวขาวและไม่ค่อยพูดมาก ขมิ้นมาช่วยยืนยันว่าสายรุ้งนิสัยดีและขยัน ด้วยความที่เป็นคนเหนือเหมือนใบเมี่ยง ทั้งสองคนจึงสนิทกันรวดเร็ว ส่วนเด็กเสิร์ฟอีกห้าคนเป็นคนในพื้นที่ เป็นผู้ชายสามคนและผู้หญิงอีกสองคน
สำหรับสวัสดิการของพนักงาน มีคุณจัดอาหารให้สามมื้อสำหรับพนักงานทุกคน ทุกคนจะเริ่มทานอาหารเช้าร่วมกันและหลังจากมื้อเช้าเสร็จสิ้นต้องมารวมตัวเพื่อพูดคุย นับตังค์จะบอกเกี่ยวกับรายละเอียดของอาหารชุดพิเศษของวันนั้นๆ ทุกคนจะต้องได้ชิมและรับรู้ว่ารสชาติของอาหารเป็นอย่างไร มีส่วนประกอบอะไร เพื่อจะได้ให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ถูกต้องชัดเจนฉะฉาน จากนั้นทุกคนจะต้องมารวมตัวอีกครั้งหลังจากที่ร้านปิดเพื่อพูดคุยถึงปัญหาของแต่ละคนในแต่ละวัน ใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง มีคุณจะประเมินการทำงานและบอกข้อติชมจากลูกค้าให้ทุกคนฟังด้วย นอกจากนี้มีคุณยังมีสวัสดิการเรื่องค่ารักษาพยาบาลให้กับทุกคนด้วยเหมือนกัน
ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมามีคุณยุ่งอยู่กับการทำการตลาดให้กับร้าน อบรมพนักงานเสิร์ฟให้พร้อมสำหรับปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ รวมไปถึงยังต้องคอยดูแลการตกแต่งร้านให้สะอาด แม้ร้านของมีคุณไม่ได้ใหญ่โตเหมือนภัตตาคาร แต่ด้วยความที่เขาเป็นนักวิจารณ์อาหารที่มีอุดมการณ์ในอาชีพสูง มาตรฐานของมีคุณจึงค่อนข้างสูงตามไปด้วย เขาเคยเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียจากร้านอาหารที่เขาไปทานและเคยไปวิจารณ์เอาไว้ มาถึงร้านอาหารที่เป็นของเขาเอง เขาอยากให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์ให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ส่วนนับตังค์ก็ยุ่งอยู่กับการทำอาหารทุกอย่างตามรายการอาหารที่คิดขึ้นมา เมื่อลองจัดเซ็ทกับขนมหวานและเครื่องดื่มของใบเมี่ยงและพายพัดแล้ว อาหารทั้งหวานคาวจะต้องเข้ากันได้ดี มีคุณจะเป็นคนสุดท้ายที่ตัดสินว่ามีอะไรตรงไหนต้องแก้ไขปรับเปลี่ยนหรือไม่ รวมไปถึงจัดการถ่ายรูปอาหารทุกอย่างเพื่อเอาไปลงในเมนูและสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งมีคุณและนับตังค์จะมีเวลาส่วนตัวก็แค่ก่อนนอนเท่านั้น นับตังค์ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อไปซื้อของสดด้วยตัวเอง ไหนจะต้องเตรียมอาหารให้ทุกคนได้ลองชิม เสร็จงานแล้วกว่านอนก็ต้องกล่อมให้ด้วงหลับก่อน บางวันก็หลับก่อนด้วงจนมีคุณต้องเป็นคนเล่านิทานให้ด้วงฟังเอง มีคุณรู้ว่านับตังค์เหนื่อยแต่ก็เห็นว่านับตังค์มีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่รักเช่นกัน
ในช่วงนี้ใบเมี่ยงและพายพัดจะเป็นคนช่วยดูแลด้วงให้ในช่วงกลางวัน แต่บางทีก็อดสงสารด้วงไม่ได้เมื่อมีท่าที่เศร้าซึมเวลาที่ไม่ได้อยู่กับนับตังค์ สุดท้ายนับตังค์ก็ต้องยอมให้ด้วงเข้าไปอยู่ในครัวด้วย แต่ให้นั่งที่เก้าอี้ของเด็กที่มีคุณซื้อเอาไว้ให้และตั้งอยู่ตรงมุมห้องครัว ด้วงก็ไม่งอแงยอมนั่งเล่นของเล่นอยู่บนเก้าอี้ บางทีก็หลับคาเก้าอี้เป็นที่น่าเอ็นดูและน่าสงสารปนกันไปเมื่อได้เห็น
มีอยู่อย่างหนึ่งในช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาที่สร้างความประหลาดใจให้กับนับตังค์และทุกคนนั่นก็คือ ‘ขนมจีบ’ ทุกๆ เช้าจะมีคนนำขนมจีบมาส่งให้นับตังค์ แม้คนที่มาส่งจะไม่ยอมบอกว่ามาจากไหน แต่นับตังค์เดาได้ว่าใครเป็นคนส่งมา วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ขมิ้นหิ้วขนมจีบเข้ามาในร้านตั้งแต่เช้าตรู่
“วันนี้พี่ไม่กินแล้วนิ เบื่อแล้ว” ขมิ้นยื่นถุงขนมจีบให้นับตังค์ ถึงขนมจีบจะรสชาติดี แต่พอต้องกินทุกวันขมิ้นก็รู้สึกเบื่อ
“หนูจากิน หนูกินนะ” ด้วงร้องขอพร้อมกับยื่นมือมาตรงหน้า
“ดีมาก พูดชัดขึ้นบ้างแล้ว” นับตังค์เดินไปลูบผมของด้วงแล้วหอมแก้มยุ้ยของด้วงฟอดใหญ่
ใบเมี่ยงเป็นคนช่วยฝึกด้วงให้พูดชัดขึ้น ช่วงเวลาแค่สองอาทิตย์ด้วงพูดกอไก่ได้ชัดขึ้นบ้างก็ถือว่าดีแล้ว อีกอย่างหนึ่งคือใบเมี่ยงไม่ยอมให้ด้วงกินนมจากขวดแล้ว ทีแรกด้วงก็งอแงเพราะชินมาจากตอนที่ดาวเรืองเลี้ยง ใบเมี่ยงบอกว่ามันเป็นภาวะถดถอย แต่ทุกคนช่วยกันแข็งใจไม่สงสาร พยายามหลอกล่อให้ดื่มจากแก้ว สุดท้ายด้วงก็ยอมดื่มนมจากแก้วแทนการดูดขวด ส่วนแพมเพิร์สใบเมี่ยงยอมให้ด้วงใส่แค่ช่วงเวลานอนเพราะคำขอร้องของมีคุณ มีคุณสงสารนับตังค์ หากต้องฝึกด้วงให้เลิกใส่แพมเพิร์สช่วงเวลากลางคืน นับตังค์อาจจะมีเวลานอนน้อยกว่าเดิม เพราะต้องคอยระแวงว่าด้วงจะฉี่รดที่นอน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะด้วงไม่ยอมนอนกับใครเลยนอกจากนับตังค์ ซึ่งมีคุณกำลังคิดว่าคงต้องหาพี่เลี้ยงมาช่วยเลี้ยงดูด้วง เพราะตอนที่ร้านอาหารเปิดทุกคนจะไม่มีเวลาอย่างตอนนี้แน่
“พี่บ่าวบอกคนที่มาส่งขนมจีบไปรึยังว่าไม่ต้องมาส่งให้แล้ว” นับตังค์ถามขมิ้น
“พี่บอกจนเมื่อยปากแล้วนิตังนิ” ขมิ้นบ่น
“ต้องไปบอกคนสั่งไม่ใช่คนส่ง ให้พี่ไปบอกให้ไหม” มีคุณถามเสียงเข้ม
“ไม่ต้องเลย พี่จะเปิดร้านอาหารอยู่แล้ว มีศัตรูมันไม่ดีหรอก ก็แค่ขนมจีบ อยากส่งก็ปล่อยให้เขาส่งมา” นับตังค์รีบห้าม
“ตังก็บอกเขาไปสิว่ามีแฟนแล้ว” ใบเมี่ยงเสนอแนะ
“โอ้ย อิตาพญามันคิดว่าตังมีเมียมีลูกแล้วเหอะเมี่ยง คงกะว่าทำคะแนนไปทุกวันรอตังเลิกกับเมีย” นับตังค์พูดแต่หันไปยักคิ้วให้มีคุณ เน้นคำว่าเมียจนมีคุณยกยิ้ม
“เน้นจัง อยากได้ตำแหน่งนี้เร็วๆ รึไง” มีคุณกระซิบถามนับตังค์เบาๆ เขาไม่ได้อายใครแต่กลัวด้วงจะได้ยิน
“เรื่องหื่นไว้ใจมีคุณ ไวเชียว ว่าแต่กิ๊กเก่าพี่หายไปเลย ไม่โทรมาแล้วเหรอ ปกติต้องโทรมาทุกวัน ไม่รับก็ยังโทรมายิกๆ” นับตังค์ถามถึงคีตะ นับตังค์ไม่ได้หึงหวง เพียงแต่ยอมใจในความขี้ตื้อของคีตะ ถึงแม้การพูดคุยจะมาในรูปแบบของเพื่อน แต่การโทรมาหามีคุณทุกวัน เขาไม่รับก็ยังขยันโทรมา นับตังค์เลยอยากรู้ว่าคีตะไม่รู้เลยเหรอว่าแฟนเก่าของตัวเองเป็นคนขี้รำคาญแค่ไหน
“เขาก็แค่โทรมาปรึกษาเรื่องงาน เขาเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน” มีคุณเองก็ยอมรับว่าเขารำคาญคีตะ แต่อีกใจก็นึกเห็นใจ เขาคบกับคีตะมาหลายปี มันก็ยังมีความเป็นเพื่อนให้กันอยู่บ้าง แม้คีตะจะโทรมาบ่อย แต่การที่คีตะยอมกลับกรุงเทพไปโดยไม่มาตามเฝ้าเขาถือว่าดีมากแล้วสำหรับคนเอาแต่ใจอย่างคีตะ
“ไม่แปลก” นับตังค์ยักไหล่ ไม่รู้สึกแปลกใจที่คีตะไม่ค่อยมีเพื่อน
“มานี มีนา มาพอดีเลย มาลองชิมคอกเทลสูตรใหม่นี่ให้พี่หน่อย” พายพัดเห็นฝาแฝดมานีกับมีนาเดินเข้ามาก็รีบเรียก
มานีกับมีนาเป็นฝาแฝดที่มาสมัครเป็นสาวเสิร์ฟ ทั้งคู่จบแค่ชั้นมัธยมปลาย ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเพราะฐานะทางบ้านยากจน แต่ทั้งสองคนพูดภาษาอังกฤษได้คล่องเพราะเคยไปช่วยแม่ทำงานบ้านให้กับชาวต่างชาติตั้งแต่ยังเด็กๆ มีคุณรับทั้งสองคนเอาไว้เพราะเห็นว่าพูดภาษาอังกฤษได้ หน้าตาก็ดูยิ้มแย้มและคล่องตัว ช่วงที่ร้านยังไม่ได้เปิด พายพัดพอมีเวลาก็ช่วยสอนภาษาเกาหลีให้กับทั้งคู่ด้วย มีคุณจึงให้ทั้งสองคนมาที่ร้านทุกวันในช่วงนี้ นอกจากมาช่วยหยิบจับงานในร้านก็ยังได้เรียนภาษาเกาหลีกับพายพัดไปด้วย พายพัดบอกกับมีคุณว่าทั้งคู่หัวไวและเรียนรู้ได้เร็ว เห็นว่าใบเมี่ยงจะสอนภาษาจีนให้ด้วยเผื่อต้องต้อนรับลูกค้าคนจีน
“เมื่อวานให้หนูกินน้ำสีม่วงๆ อร่อยมากเลยค่ะโอปป้า” มานีเอ่ยชม
ทั้งมานีและมีนาต่างก็ชื่นชมพายพัดราวกับว่าตัวเองเป็นแฟนคลับและพายพัดเป็นศิลปินเกาหลี ทั้งคู่ถึงกับยืนตะลึงตอนที่ได้เห็นพายพัดในครั้งแรก นอกจากมีรสนิยมที่ชอบดารานักร้องเกาหลีแล้ว มีนากับมานียังเป็นสาววายเต็มตัว เมื่อรู้ว่าพายพัดเป็นแฟนกับใบเมี่ยง ทั้งคู่ถึงกับกรี๊ดดีใจจนขมิ้นเกาหัวจนผมแทบหลุดเพราะเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงคลั่งไคล้ผู้ชายที่มีแฟนเป็นผู้ชายก็วันนี้เอง
“เอาขนมจีบไปกินด้วยสิมีนา มานี” มีคุณส่งกล่องขนมจีบให้สองสาว
“ของหนู หนูจากิน” ด้วงร้องท้วงเมื่อเห็นมีคุณจะเอากล่องขนมจีบไป
“เดี๋ยวให้มัมทำให้กิน อันนี้ไม่ดี ไม่ต้องกิน” มีคุณบอกกับด้วง ไม่อยากให้กล่องขนมจีบนี้อยู่ขวางหูขวางตา
“ไม่รู้ใครส่งมานะคะ แต่มีนาว่าเชฟตังทำต้องอร่อยกว่ามากแน่ๆ” มีนาอยากกินขนมจีบฝีมือของเชฟตังบ้างจึงรีบบอก
“คนส่งมาต้องชอบเชฟแน่เลยค่ะ ให้ขนมจีบก็เหมือนมาจีบ” มานีแสดงความเห็น
“หึหึหึ” จู่ๆ มีคุณก็หัวเราะในลำคอจนสองสาวฝาแฝดมองหน้ากันอย่างงงๆ
“ขำอะไร” นับตังค์ถาม สีหน้าของมีคุณดูเจ้าเล่ห์จนไม่น่าไว้ใจ
“ตัง...ทำขนมจีบให้ด้วงกินด้วยนะ พี่ไปทำงานต่อก่อนนะ” มีคุณอารมณ์ดีขึ้นมาเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“อะไรของเขา” นับตังค์มองตามมีคุณที่เดินผิวปากออกไปก่อนจะหันมายักไหล่ให้ใบเมี่ยงที่ยืนขำอยู่
“นี่ดีนะครับว่าเป็นพี่คุณ ถ้าลองเป็นพายนะ ขนมจีบคงไปนอนอยู่ก้นถังขยะแล้ว” ใบเมี่ยงพูดให้นับตังค์ฟัง
“อุ๋งอุ๋ง ไม่เอา ไม่นินทาแฟนนะครับ” พายพัดเดินมาจับคางของใบเมี่ยงให้ส่ายไปมา มานีกับมีนาแอบยิ้มและบิดเขินอย่างกับเป็นใบเมี่ยงเสียเอง
“สรุปว่าบอสกับเชฟก็...คิดแบบนั้นไหมมีนา” มานีกระซิบถามน้องสาวฝาแฝด
“แบบนั้นเลยมานี เฮ้อ...ดูทุกอย่างเป็นสีชมพู มีความสุขจังเนอะ” มีนาตอบก่อนจะหันไปหัวเราะกับพี่สาว
“โลกของสาววาย จินตนาการสำคัญกว่าความรู้จริงๆ นิ” ขมิ้นเห็นแล้วก็ส่ายหน้าก่อนจะขำตามสองสาวที่ดูจะมีความสุขมาก ด้วยความร่าเริงของแฝดสาวก็ทำให้ห้องครัวดูสว่างไสวไปเลยสำหรับขมิ้น
“พรุ่งนี้หยุดพักหนึ่งวัน ตังว่าจะเข้าเมืองหน่อย จะไปซื้อเสื้อผ้ากับดูชักโครกของเด็กให้ด้วง พายกับเมี่ยงจะไปไหม” นับตังค์ถาม
“เราสองคนว่าจะไปเที่ยวที่น้ำตก ยังไม่เคยไปเลย” พายพัดตอบแทนใบเมี่ยง
“ว้าว ต้องลองขึ้นไปชั้นบนสุดดูนะคะโอปป้า ไม่ค่อยมีคนขึ้นไป สวีทได้” มีนารีบแนะนำ
“แหงล่ะ สูงจะตาย ใครจะขึ้นไป” นับตังค์ทำหน้าขยาดเมื่อนึกถึงสะพานเชือกอันนั้น
“เชฟเคยขึ้นไปเหรอคะ ไปกับบอสรึเปล่า นั่นแน่” มานีรีบเข้าไปถามนับตังค์
“หึ ก็ไปกับบอสนั่นแหละ แต่ไม่ต้องคิดเลยนะว่าจะมีอะไรให้แซว มีแต่ความน่าสะพรึง” นับตังค์รีบบอกก่อนจะหน้าแดงเล็กน้อยเมื่อนึกว่าตัวเองแอบหวั่นไหวตอนที่โดนมีคุณจูงมือ แต่พอนึกถึงตอนที่มีคุณกระโดดให้พานเชือกสั่นก็ชักจะแค้นใจที่โดนแกล้ง แล้วพอมานึกถึงตอนที่ตัวเองแกล้งขี่รถเร็วๆ จนมีคุณหน้าซีดบ้างก็อดขำไม่ได้อีก
“เชฟเมาคอกเทลของโอปป้ารึเปล่า เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวหน้าบึ้ง เดี๋ยวก็หัวเราะ” มานีกระซิบถามพายพัด
“เมารักมากกว่า” พายพัดตอบแล้วยิ้มให้มานี เล่นเอามานีตะลึงยิ้มค้างอยู่นานสองนาน จนมีนาต้องเข้ามาสะกิดให้ไปช่วยกันจัดชุดผ้าปูโต๊ะที่ร้านซักรีดเพิ่งเอามาส่ง มานีถึงต้องยอมออกจากครัวไปด้วยความเสียดาย
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะด้วง” นับตังค์บอกกับด้วง
“ไปเที่ยว หนูจาไปดูโยมา ชื้อตุ๊ตาด้วย” ด้วงรีบพูดแถมยังทำท่าประกอบเป็นโลมาว่ายน้ำ
“ขอเยอะแยะ มีเงินรึเปล่า” นับตังค์นึกขำด้วง
“มี” ด้วงพยักหน้ารัว
“ไหนล่ะ” นับตังค์แบมือ
“เยืองเอาไปหมดเยย” ด้วงตอบก่อนจะทำปากยื่น
“ชื่อนี้อีกแล้วเหรอ” นับตังค์หน้าบึ้งทันทีที่ได้ยินชื่อดาวเรือง
“มัม กินได้ไหม” ด้วงชี้ไปที่กล่องขนมจีบที่ยังวางอยู่ สรุปว่ามีคุณลืมหยิบเอาออกไปด้วย ด้วงทำตาโตเอียงคอถาม เป็นท่าประจำเวลาอ้อนอยากได้อะไร
“เดี๋ยวพี่ทำให้ใหม่แล้วกัน แด๊ดเขาไม่ชอบ อย่าขัดใจแด๊ด แด๊ดแก่แล้ว ขี้งอน” นับตังค์หายหงุดหงิดเรื่องดาวเรืองเมื่อเห็นท่าทางน่าเอ็นดูของด้วง
“แด๊ดขี้ เหม็นยาเบิดแด๊ด” ด้วงได้ยินคำว่าขี้งอนก็เข้าใจว่ามีคุณอึ เลยทำหน้ายู่ยี่แล้วเอามืออุดจมูก
“น่ารักจังหนูด้วง อุ๋งอุ๋งน้อย” พายพัดอดไม่ได้ต้องเดินเข้ามาหอมแก้มด้วง
“อุ๋งอุ๋ง อุ๋ง อุ๋ง” ด้วงพูดแล้วทำตาโตๆ ทำปากจู๋ เป็นท่าเลียนแบบแมวน้ำที่พายพัดสอนให้ด้วงทำเวลาพูดคำว่าอุ๋งอุ๋ง
ใบเมี่ยงเห็นพายพัดเล่นกับด้วงก็อดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ แต่ในใจลึกๆ ก็นึกไปถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ตัวเองตัดสินใจขายบ้านที่น่านแล้วย้ายมาอยู่ที่เกาะใบไม้ครามนี้ ได้แต่หวังว่าตัวเองจะได้ใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและมีความสุขแบบที่กำลังเป็นอยู่ในตอนนี้ตลอดไป
…
มีคุณออกจากครัวมาก็กลับไปที่ห้องทำงาน เขาจ้างช่างมาต่อเติมห้องทำงานเพิ่มเพราะว่านอกจากดูแลบริหารแล้ว มีคุณยังมีโปรเจคหนึ่งที่คิดทำเอาไว้โดยที่ยังไม่ได้บอกใคร ส่วนอาชีพวิจารณ์อาหารเขาคงต้องพักชั่วคราว เพราะการที่เขามีร้านอาหารเป็นของตัวเองในตอนนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาไปชิมอาหารตามคำเชิญที่ถูกส่งมาและเขาก็ไม่อยากวิจารณ์อาหารที่ร้านของตัวเองด้วยเช่นกัน ถึงฝีมือของนับตังค์จะอร่อยจนอยากจะเขียนชมแค่ไหนแต่มันจะทำให้คนอื่นโจมตีได้ เขาต้องการให้ชื่อเสียงของนับตังค์เป็นที่บอกปากต่อปากจากลูกค้ามากกว่า ซึ่งเขาเชื่อว่าด้วยฝีมือของนับตังค์ ไม่นานจะเป็นรู้จักในวงการอาหารได้อย่างรวดเร็วแน่ๆ
“ฮัลโหล ว่ายังไงไอ้เขต” มีคุณกดรับโทรศัพท์จากสุดเขต
“แกสบายดีนะ หายไปเลย” สุดเขตไม่ได้คุยกับมีคุณพักใหญ่ก็นึกห่วง แต่นี่ก็ยังไม่ใช่ประเด็นที่เขาโทรมาหามีคุณในวันนี้
“สบายดี ยุ่งนิดหน่อย ร้านใกล้จะเปิดแล้ว”
“แกจะขึ้นมากรุงเทพบ้างไหม”
“คงยัง ทำไม มีอะไรรึเปล่า”
“ไอ้คุณ วันก่อนเฟื้องมาหาฉัน เขาจะให้ฉันช่วยตามหาน้องตังว่ะ” สุดเขตพูดพลางถอนหายใจ
“แกได้บอกอะไรไปรึเปล่า”
“เปล่า แต่ฉันสงสารเขา เขาร้องไห้เป็นห่วงน้อง เอาไงดีวะไอ้คุณ เขาบอกว่าโทรหาน้องตังแล้วแต่น้องตังปิดเบอร์ไปแล้ว”
“อืม เบอร์เดิมมันไม่ค่อยมีสัญญาณเลยเปลี่ยนใหม่ ฉันก็นึกว่าเขาจะโทรไปบอกเบอร์กับครอบครัวเขานะ” มีคุณเป็นคนบอกให้นับตังค์เปลี่ยนเบอร์เอง แต่เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แค่เห็นนับตังค์บ่นว่าโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณเลย
“น้องตังโทรไปหาละมุด แต่ละมุดมันก็ช่วยเฉไฉไม่ให้น้องตังได้คุยกับเฟื้องตามที่แกเคยขอเอาไว้ แล้วแกจะเอายังไง” สุดเขตถามด้วยความกังวลใจ
“เฮ้ย ฉันขอแค่ก่อนเซ็นสัญญาโว้ย แกยังไม่ได้บอกละมุดเหรอวะไอ้เขตว่าไม่ต้องทำแบบนั้นแล้ว”
“เออ ฉันกลัวน้องตังเปลี่ยนใจกลับบ้านแล้วแกจะซวยเอาได้เลยยังไม่ได้ไปบอก” สุดเขตคิดว่านับตังค์ไม่เคยไปไกลจากบ้านเลย ถ้าทางบ้านมาง้อคงจะกลับไปง่ายๆ เขาเลยยังไม่ได้ไปบอกละมุดว่าไม่ต้องคอยเลี่ยงเวลาที่นับตังค์โทรถามเรื่องที่บ้านแล้ว
“ตอนนี้ฉันคบกับน้องตังแล้วว่ะเขต ฉันจะพาน้องตังกลับบ้านเอง คงจะไปพูดกับพ่อเขาตรงๆ และขอให้น้องตังมาอยู่ด้วย” มีคุณตัดสินใจว่าจะพานับตังค์กลับขึ้นกรุงเทพก่อนที่ร้านจะเปิด
“อะไรนะ แกกับน้องตังได้กันแล้วเหรอ ไอ้คุณเอ้ย ไหนแกว่าน้องไม่ใช่สเป็คแกไงวะ แกจริงจังกับน้องเขารึเปล่า” สุดเขตโวยวายทันทีที่ได้รับรู้
“เบาๆ ดิไอ้เขต ยังไม่ได้กันแต่คบกันแล้ว ฉันจริงจังกับตัง ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก ฉันถึงอยากไปคุยกับที่บ้านน้องเขาตรงๆ”
“ถ้าแกจริงจังกับน้องตังจริงๆ แกอย่าเพิ่งพาน้องกลับมา ที่บ้านน้องตังรับไม่ได้หรอก เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ ดีไม่ดีพาลจะทำทุกอย่างพังไปหมด เอาแบบนี้ ฉันจะค่อยๆ หาวิธีพูดกับเฟื้อง คิดว่าเฟื้องน่าจะเข้าใจถ้าน้องชายจะคบกับผู้ชาย แล้วฉันจะโทรบอกแกอีกทีว่าจะเอายังไง เฮ้อ ไอ้คุณ แกจะพาลทำให้ฉันเข้าบ้านตระกูลมณีรัตน์ไม่ได้ก็คราวนี้” สุดเขตบ่นอย่างเพลียใจ
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้มาคบกับตัง รู้อีกทีก็รักไปแล้ว ยังไงแกรีบหาทางพูดกับคุณเฟื้องเร็วๆ นะ ฉันไม่อยากให้น้องรู้สึกแย่” มีคุณเริ่มจะหนักใจเรื่องที่ครอบครัวของนับตังค์จะรับเรื่องของตัวเองกับนับตังค์ไม่ได้ ความสุขที่เกิดขึ้นมันทำให้เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป รู้ว่าเป็นความเห็นแก่ตัวที่คิดจะเก็บนับตังค์เอาไว้กับตัวเอง แต่หากไม่มีนับตังค์ในตอนนี้มีคุณก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร ปมที่เขาเคยโดนทอดทิ้ง ทั้งจากพ่อและคนรักเก่าอย่างคีตะ มันทำให้มีคุณกลัวที่จะต้องเสียนับตังค์ไปอีก
“เออ ฉันจะพยายามหาทางออกให้เร็วที่สุด แต่แกต้องดีกับน้องตังให้มากๆ นะไอ้คุณ” สุดเขตยังแอบคิดไปว่าการที่มีคุณเป็นกังวลในเรื่องนี้เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับมรดกหากน้องตังอยู่ไม่ครบหนึ่งปีตามข้อกำหนดของคุณปู่จึงเน้นย้ำให้ทำดีกับน้องตัง
“แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยทิ้งใครก่อน” มีคุณถอนหายใจ
“ก็เพราะรู้ไง ฉันถึงกังวลว่าความใกล้ชิดมันจะทำให้แกหวั่นไหว ที่ฉันคอยหยั่งเชิงถามแกบ่อยๆ เพราะฉันรู้ว่าบ้านของน้องตังเขาเป็นยังไง ขนาดฉันมีพร้อมทุกอย่าง พ่อของเฟื้องยังไม่ค่อยจะยอมเปิดใจให้ฉันเลย ดีว่าแม่ฉันเป็นเพื่อนกับแม่ของเขา ฉันถึงได้เข้านอกออกในได้บ้าง ฉันก็นึกว่าในใจแกยังมีแต่คิว ไม่คิดว่าแกจะตกหลุมรักน้องตังง่ายๆ น้องเขาไม่ใช่แบบที่แกชอบเลยนี่หว่าไอ้คุณ แกแค่หวั่นไหวหรือหลงไปรึเปล่าหรือแกกลัวว่าจะไม่ได้มรดกว่ะ”
“แกหยุดคิดแบบนั้นเลยไอ้เขต เพราะเขาไม่ใช่แบบที่ฉันชอบไง ฉันถึงมั่นใจว่าฉันรักตัง รักแบบที่เขาเป็นเขา ไม่ใช่แบบที่เขามีลักษณะที่ฉันชอบ แกคงไม่เข้าใจ” มีคุณถอนหายใจอีกครั้ง
“ท่าทางจะอาการหนักกว่าตอนคบคิวอีกนะ เออๆ ฉันเชื่อแล้วว่าแกรักน้องเขาจริงๆ หมดลายเสือเลยเว้ยเพื่อนกู”
“เสืออะไร ฉันเป็นหมีต่างหาก” มีคุณนึกถึงตอนที่นับตังค์เรียกเขาว่าหมียักษ์ก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ท่าทางจะหนักจริงๆ เออ ฉันต้องวางสายแล้ว จะพาแม่ไปกินข้าวที่ร้านของย่าน้องตัง แล้วมีข่าวคืบหน้าอะไรฉันจะโทรมาอีกทีนะ”
“ขอบใจมากนะเขต” มีคุณวางสายจากสุดเขต ในใจเริ่มมีแต่ความกังวลใจและความรู้สึกผิด เขาจะหาทางออกนี้ได้ยังไงดี
...
นับตังค์เห็นว่าช่วงบ่ายนี้ว่างไม่มีอะไรให้ทำแล้วจึงคิดว่าจะทำขนมจีบตามคำขอของมีคุณ รายการอาหารใหม่ๆ ที่ทดลองทำก็ได้ทำจนครบและมีคุณก็ให้ผ่านทุกรายการแล้ว ทีเหลือจากนี้ก็แค่สอนให้พี่สายรุ้งปรุงน้ำซุปและเตรียมเครื่องต่างๆ ที่นับตังค์จะต้องทำในแต่ละวันให้ได้ตามมาตรฐานของนับตังค์แค่นั้นเอง
นับตังค์ตั้งใจจะทำขนมจีบแป้งสดเป็นแป้งแบบขนมจีบไทย นับตังค์จึงจัดการผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งมันเพื่อที่จะทำแผ่นแป้งเกี้ยวเองเพราะที่ร้านมีทั้งวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการทำครบทุกอย่าง แผ่นแป้งที่ใช้ห่อขนมจีบถ้าทำสดใหม่มันจะนุ่มนวลอร่อยกว่า ขั้นตอนการทำก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เมื่อผสมแป้งทั้งสองเสร็จแล้วเติมน้ำสะอาดเล็กน้อยให้ส่วนผสมเข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟแล้วกวนจนแป้งสุกจับกันเป็นก้อนและสีใสขึ้น จากนั้นก็พักแป้งเอาไว้โดยใช้ผ้าขาวบางคลุมกันไม่ให้ถูกลมรอให้ความร้อนคลายตัวจะได้จนนวดได้
ระหว่างนี้นับตังค์ก็นำเนื้อกุ้งสับหยาบและหมูสับติดมันมาผสมกับสามสหายที่โขลกละเอียดแล้ว เพิ่มด้วยต้นหอมซอย ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลาดี น้ำมันงา นับตังค์ใช้น้ำแข็งบดละเอียดผสมเข้าไปในขั้นตอนที่นวดไส้ด้วยเล็กน้อย นวดจนไส้เหนียวนุ่มได้ที่ก็กลับมาจัดการแป้งที่คลายร้อนแล้ว นับตังค์เอาหัวกะทิมาแตะที่ปลายนิ้วแล้วนวดแป้งอีกครั้งหนึ่งก่อนจะแบ่งออกเป็นส่วนๆ แล้วคลึงจนเนื้อแป้งเนียนเข้ากันดี จากนั้นนับตังค์ก็นำแผ่นแป้งไปรีดจนได้ความบางที่ต้องการแล้วจึงใช้พิมพ์ตัดแผ่นแป้งเป็นรูปวงกลม
“อยากกินแล้วเหรอด้วง” นับตังค์เห็นด้วงมองมาแบบตาไม่กระพริบเลยเดินมาหา
นับตังค์นึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน หลายครั้งที่ด้วงร้องตามนับตังค์มาอยู่ในครัว แม้นับตังค์ใช้เวลาอยู่ในครัวนานๆ แต่ด้วงไม่เคยงอแงแบบที่เด็กในวัยนี้ควรจะเป็น ด้วงจะคอยจ้องดูด้วยความสนใจ อย่างมากสุดถ้านับตังค์ไม่ได้หันมาชวนคุยแล้วจดจ่ออยู่กับอาหารที่ทำ ด้วงก็หลับคาเก้าอี้เด็กที่มีคุณซื้อมาให้ ดีว่าเก้าอี้ตัวนี้มีลักษณะคล้ายรถเข็นเด็ก ด้วงจึงนอนหลับสบายอยู่ในครัวเป็นประจำ แต่ถึงยังไงนับตังค์ก็ไม่อยากให้ด้วงมานอนในครัวอยู่ดีจึงอยากหาพี่เลี้ยงดีๆ สักคนมาดูแลด้วงตอนที่ร้านเปิด
“จินได้ไหม” ด้วงชูมือจะให้นับตังค์อุ้ม
“กินได้ไหม พูดใหม่ก่อน”
“กินได้ไหม” ด้วงพูดตามช้าๆ
“เก่งมาก แต่ยังกินไม่ได้ อยากทำขนมด้วยกันไหม” นับตังค์ถาม ด้วงพยักหน้าก่อนจะยิ้มกว้าง
นับตังค์อุ้มด้วงขึ้นแล้วพาไปล้างมือก่อนจะพามานั่งที่เคาน์เตอร์ใหญ่ ด้วงดูจะตื่นเต้นเมื่อนับตังค์ส่งช้อนคันเล็กๆ ให้ เด็กแค่สองขวบกว่าเมื่อเห็นของแปลกใหม่ที่ไม่ใช่ของที่เล่นประจำเลยทำตาโตเป็นไข่ห่าน
“เอาช้อนตักแบบนี้ ทำตามนี้นะไม่อย่างนั้นจะไม่ให้ทำ ของกินมีค่าจะทำเป็นเล่นไม่ได้นะ อะ...ดูอีกทีนะ ตักแบบนี้” นับตังค์สอนด้วง แม้ด้วงจะยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรทั้งหมด แต่นับตังค์คิดว่าสอนตั้งแต่ยังเล็กนี่แหละดีที่สุด เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้
“หนูจาทำ” ด้วงเอาช้อนในมือตักไส้ขนมจีบตามที่นับตังค์ทำให้ดู แต่ก็ตักได้แค่ปลายช้อน นับตังค์จึงจับซ้อนมือด้วงแล้วตักไส้ขนมจีบขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็วางไส้ลงบนแผ่นแป้ง
“เก่งมาก เดี๋ยวพี่จะบอกว่าด้วงเป็นคนทำให้แด๊ดกินนะ อยากให้แด๊ดรักไหม” นับตังค์ถามด้วง
“ยักแด๊ด พี่ยักแด๊ดไหม” ด้วงพยักหน้ายกใหญ่ก่อนจะถามนับตังค์บ้าง
“รักดิ” นับตังค์พูดเบาๆ แล้วก็หัวเราะคิกคัก ด้วงเห็นก็หัวเราะตามจนตาหยีเป็นรูปสระอิ
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V